1
ใบความรู้ เร่อื ง กาพยเ์ ห่ชมเครือ่ งคาวหวาน พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเดจ็ พระพุทธเลศิ หล้านภาลยั
หน่วยท่ี ๓ แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๓ เร่อื ง วจิ กั ษ์วรรณคดี
รายวชิ าภาษาไทย รหสั วิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ ๑
วรรณกรรม หมายถงึ งานหนังสอื , งานประพนั ธ์, บทประพันธ์ทุกชนดิ ทั้งทเ่ี ป็นร้อยแกว้ และร้อยกรอง,
เชน่ วรรณกรรมสมยั รัตนโกสินทร์ วรรณกรรมของเสฐียรโกเศศ วรรณกรรมฝร่งั เศส วรรณกรรมประเภท
ส่ือสารมวลชน.
วรรณคดี หมายถึง วรรณกรรมทไี่ ดร้ บั ยกยอ่ งว่าแตง่ ดีมคี ุณคา่ เชงิ วรรณศลิ ปถ์ ึงขนาด เช่น พระราชพิธี
สบิ สองเดือน มัทนะพาธา สามกก๊ เสภาเรื่องขุนชา้ งขนุ แผน.
ความเปน็ มา
สมเดจ็ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมสมเดจ็ พระยาดำรงราชานุภาพ ได้ประทานความเปน็ มาของกาพยเ์ ห่
ชมเคร่ืองคาวหวานไวว้ า่ รัชกาลที่ ๒ คงได้พระราชทานพระราชนิพนธ์ขนึ้ ตงั้ แต่สมยั รชั กาลที่ ๑ ทรงชมฝี
พระหตั ถส์ มเดจ็ พระศรสี รุ เิ ยนทราบรมราชินี แตค่ ร้งั ยังทรงเป็นสมเด็จพระเจา้ หลานเธอ เจ้าฟ้าหญิงบญุ รอด
ด้วยทรงมคี วามสามารถเป็นเลิศในการปรงุ เคร่ืองเสวย ส่วนจุดประสงคใ์ นการพระราชนิพนธก์ ็เพ่ือใช้เป็นบทเห่
เรือเสดจ็ ประพาสส่วนพระองค์
ประวตั ผิ ้แู ต่ง
พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลิศหลา้ นภาลัยเป็นพระมหากษัตรยิ พ์ ระองค์ท่ี ๒ ในพระบรมราชวงศจ์ กั รี
มพี ระนามเดมิ ว่า ฉิม ทรงพระราชสมภพเมื่อวันที่ ๒๔ กุมภาพนั ธ์ พ.ศ. ๒๓๑๐ ทีต่ ำบลอัมพวา อำเภออมั พวา
เมอื งสมุทรสงคราม เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเดจ็ พระพุทธยอดฟ้าจฬุ าโลกมหาราชและสมเดจ็ พระ
อมรินทราบรมราชินี เสดจ็ เถลิงถวัลยราชสมบตั ิใน พ.ศ. ๒๓๕๒ ทรงดำรงสริ ิราชสมบัติอยู่ ๑๖ ปี และเสด็จ
สวรรคต พ.ศ. ๒๓๖๗
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลศิ หล้านภาลยั เปน็ พระมหากษัตรยิ ์ทท่ี รงพระปรชี าสามารถหลายด้าน
เปน็ ทั้งนกั รบ นักปกครอง นกั บริหาร ศิลปิน กวี ช่าง ได้ทรงทำนบุ ำรงุ บ้านเมอื งท้ังด้านการปกครอง
และการศาสนา ทรงรักษาสัมพันธไมตรีกับบรรดาประเทศเพ่ือนบา้ น ดว้ ยการแต่งราชทูตไปเจริญพระราชไมตรี
กบั จนี และผูกมติ รกับประเทศตะวันตกทั้งองั กฤษและโปรตเุ กสในด้านศาสนาโปรดให้จัดพระสมณทูต
ไปประเทศลงั กา โปรดให้สังคายนาบทสวดมนต์ รวบรวมนักปราชญร์ าชบัณฑิตให้แต่งมหาชาติคำหลวง
ซ่ึงสูญหายไป ๖ กัณฑ์ คือ หมิ พานต์ ทานกัณฑ์ จลุ พน มทั รี สกั บรรพ และฉกษตั รยิ ์ ให้ครบบรบิ ูรณท์ ้งั ๑๓
กัณฑ์ ไดท้ รงสรา้ งและปฏสิ ังขรณ์วัดหลายแหง่ โดยเฉพาะวัดอรุณราชวรารามถือวา่ เป็นวัดประจำรัชกาล
โปรดให้สร้างพระอุโอสถและพระวิหารขึน้ ใหม่ นอกจากนยี้ ังทรงฟื้นฟูประเพณีวสิ าขบูชา ให้เปน็ พธิ ีหลวง
ในด้านศลิ ปวัฒนธรรมน้ัน พระบาทสมเด็จพระพุทธเลศิ หลา้ นภาลยั ทรงทำนุบำรุงศลิ ปะทุกประเภทให้
เจรญิ รงุ่ เรือง ท้ังวรรณคดี นาฏศิลป์ และศิลปกรรม เช่น จิตรกรรม ประติมากรรม สถาปตั ยกรรม พระองคท์ รง
เปน็ กวที มี่ ีพระราชนิพนธ์หลายเรอ่ื งหลายแนว ทรงพระราชนิพนธ์บทละครในเรอ่ื งอเิ หนา รามเกยี รต์ิ บทละคร
นอกเร่ืองสงั ข์ทอง ไชยเชษฐ์ ไกรทอง มณีพชิ ัย และคาวี กาพย์เหเ่ รือ บทพากย์รามเกยี รติต์ อนตา่ ง ๆ มี
นางลอย เอราวัณ เปน็ ต้น บทพระราชนพิ นธบ์ ทละครรำนัน้ ทรงพิถีพถิ ันใหบ้ ทละครสอดคลอ้ งกบั ท่ารำ
นาฏศิลป์ในรัชสมัยนี้จงึ ได้ชอ่ื วา่ เจรญิ สงู สดุ เปน็ แบบอยา่ งของสมัยต่อมา ทรงพระราชนพิ นธบ์ ทเพลงท่ีไพเราะ
2
คือเพลงพระสบุ นิ หรอื เพลงบุหลันลอยเลอ่ื น นอกจากนี้ยงั มีฝพี ระหตั ถใ์ นงานชา่ งแกะสลักดงั ปรากฏทีบ่ าน
ประตูแกะสลักวัดสทุ ัศน์เทพวราราม
ในอภลิ กั ขติ สมัยครบ ๒๐๐ ปี แห่งพระบรมราชสมภพ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๑ องคก์ ารเพ่ือการศกึ ษา
วทิ ยาศาสตร์และวฒั นธรรมแห่งสหประชาชาติหรือยูเนสโก (องค์การยูเนสโก) ไดย้ กย่องพระบาทสมเดจ็
พระพทุ ธเลิศหล้านภาลัยใหท้ รงเป็นบคุ คลสำคัญของโลก และเนื่องดว้ ยพระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หล้า
นภาลัยทรงเปน็ ศิลปินหลายแขนง ทางราชการจึงประกาศให้วนั พระบรมสมภพ คอื ๒๔ กุมภาพันธข์ องทุกปี
เป็นวัน “ศิลปินแห่งชาต”ิ
วัตถุประสงค์ในการแตง่
๑. เพอ่ื ทรงชมฝีพระหตั ถส์ มเดจ็ พระศรีสุรเิ ยนทราบรมราชินี
๒. เพ่ือใช้เป็นบทเห่เรือเสดจ็ ประพาสส่วนพระองค์
ลกั ษณะคำประพนั ธ์
กาพยเ์ หช่ มเครอื่ งคาวหวานน้ีแตง่ ตามแบบกาพย์เห่หรอื กาพย์เหเ่ รือ คือแต่งเปน็ โคลงผสมกาพย์ โดย
มโี คลงส่สี ุภาพ ๑ บท เปน็ บทนำหรอื ขึน้ ตน้ แลว้ แตง่ เป็นกาพยย์ านี ๑๑ ไมจ่ ำกดั จำนวน ขยายความต่อจาก
โคลงบทน้ัน โดยมากเนื้อความในกาพยย์ านีบทแรกจะเลียนความโคลงส่สี ภุ าพตอนตน้
บทประพนั ธ์ในลกั ษณะน้ี หากพรรณนาความรู้เกีย่ วกบั เรอื หรอื การเดนิ ทางทางเรือ เรียกว่ากาพยเ์ ห่
เรือ แตถ่ ้าพรรณนาเร่ืองอื่น ๆ จะเป็นเร่อื งใดก็ได้ เช่น ชมนก ชมหนงั สือ หรือชมเครอื่ งคาวหวาน ดังท่อี ่านน้ี
เรียกว่า กาพย์เห่
เนื้อเร่ือง
กาพยเ์ หช่ มเครอ่ื งคาวหวาน กล่าวถึงลกั ษณะเดน่ ของอาหารไทยโบราณชนิดต่าง ๆ ซึ่งสะท้อนถึงความ
ประณตี ในวฒั นธรรมด้านอาหารของคนไทย โดยพระราชนิพนธ์เชื่อมโยงอาหารกบั นางผู้เป็นทรี่ ักอย่าง
กลมกลืนแยบคาย ผู้อ่านจึงได้ความร้ดู า้ นเรือ่ งอาหารพร้อมกับความเพลิดเพลนิ จากบทประพนั ธ์
โคลง นพคณุ พ่เี อย
๏ แกงไก่มัสมัน่ เน้ือ เฉียบร้อน
พศิ วาส หวังนา
หอมยห่ี รา่ รสฉนุ อกใหห้ วนแสวง ฯ
ชายใดบริโภคภญุ ช์
แรงอยากยอหัตถ์ข้อน หอมยีห่ รา่ รสร้อนแรง
แรงอยากให้ใฝฝ่ นั หา
กาพย์ วางจานจัดหลายเหลือตรา
ญ่ปี ุ่นลำ้ ย้ำยวนใจ
๏ มสั มั่นแกงแก้วตา
ชายใดไดก้ ลืนแกง
๏ ยำใหญใ่ สส่ ารพดั
รสดดี ว้ ยนำ้ ปลา
๏ ตับเหลก็ ลวกหล่อนต้ม เจอื น้ำส้มโรยพริกไทย
3
โอชาจะหาไหน ไมม่ เี ทยี บเปรยี บมือนาง
๏ หมูแนมแหลมเลศิ รส พรอ้ มพริกสดใบทองหลาง
ห่างห่อหวนปว่ นใจโหย
พิศห่อเห็นรางชาง วางถึงลน้ิ ดิน้ แดโดย
๏ กอ้ ยกุ้งปรุงประทนิ่ ฤๅจะเปรยี บเทยี บทนั ขวญั
เป็นมนั ยอ่ งล่องลอยมนั
รสทพิ ย์หยบิ มาโปรย ของสวรรค์เสวยรมย์
๏ เทโพพ้ืนเน้ือท้อง ทำน้ำยาอย่างแกงขม
ชมไม่วายคลา้ ยคลา้ ยเหน็
น่าซดรสครามครนั รสพเิ ศษใส่ลูกเอน็
๏ ความรกั ยักเปลยี่ นทา่ เชน่ เชงิ มติ รประดิษฐท์ ำ
แกงคว่ั สม้ ใส่ระกำ
กลอ่อมกลอ่ มเกลี้ยงกลม ชำ้ ทรวงเศร้าเจ้าตรากตรอม
๏ ข้าวหงุ ปรุงอยา่ งเทศ ฟงุ้ ปรากฏรสหนื่ หอม
สนทิ เนื้อเจอื เสาวคนธ์
ใครหุงปรุงไม่เปน็ นอนเตยี งทองทำเมืองบน
๏ เหลือร้หู มูป่าต้ม ยลอยากนทิ รคดิ แนบนอน
รุ่มรมุ่ เร้าคือไฟฟอน
รอยแจ้งแห่งความขำ รอ้ นรมุ รุ่มกล้มุ กลางทรวง
๏ ช้าชา้ พลา่ เน้ือสด โอชารสกวา่ ทัง้ ปวง
เหมอื นเรยี มรา้ งห่างห้องหวน
คดิ ความยามถนอม ดจุ วาจากระบดิ กระบวน
๏ ล่าเตียงคดิ เตยี งน้อง ให้พ่เี คร่าเจา้ ดวงใจ
เปน็ โฉมนอ้ งฤๅโฉมไหน
ลดหลนั่ ชั้นชอบกล ใครค่ รวญรักผักหวานนาง ฯ
๏ เห็นหร่มุ รุมทรวงเศร้า
เจ็บไกลในอาวรณ์
๏ รังนกน่งึ นา่ ซด
นกพรากจากรังรวง
๏ ไตปลาเสแสร้งว่า
ใบโศกบอกโศกครวญ
๏ ผกั โฉมชือ่ เพราะพรอ้ ง
ผกั หวานซ่านทรวงใน
สาระสำคญั ของเรือ่ ง
กาพย์เห่ชมเครอื่ งคาวหวานพระราชนพิ นธ์ในรชั กาลท่ี ๒ เปน็ วรรณคดีทมี่ เี นื้อหาเก่ยี วกับประเพณีมี
เนื้อความพรรณนาอาหารคาวหวาน และผลไมต้ า่ ง ๆ
๑. เครอื่ งคาวทีป่ รากฏในคำประพันธ์ คือ มัสมัน่ ยำใหญ่ ตับเหลก็ ลวก หมแู นม ก้อยกุ้ง แกงเทโพ
น้ำยา แกงอ่อม ขา้ วหุงปรุงอย่างเทศ แกงคง่ั ส้มใส่ระกำ พล่าเนอื้ ลา่ เตียง หรมุ่ รงั นก ไตปลา แสร้งว่า
๒. กาพยเ์ ห่ชมเครื่องคาวหวานมีลักษณะเปน็ นิราศ กล่าวคือมีการคร่ำครวญถงึ นางอันเป็นท่รี กั
๓. กาพยเ์ ห่ชมเครื่องคาวหวาน เปน็ บทประพนั ธท์ ่นี ักวรรณคดีนิยมกันวา่ เป็นวรรณคดีบริสุทธ์ิ
คือเพ่งเล็งความงดงามไพเราะย่ิงกวา่ อยา่ งอ่ืน
4
คุณคา่ ของเรอ่ื ง
คณุ ค่าของวรรณคดีเรื่องน้ี อยู่ท่คี วามไพเราะ และความคมคายของบทเปรยี บเทียบในการพรรณนา
ท่ที ำใหผ้ ูอ้ ่านเกิดจนิ ตภาพ รูปลักษณ์ กลิน่ สี ของอาหารได้อยา่ งชดั เจน อาหารท่ีปรากฏในเรอ่ื งกาพยเ์ หช่ ม
เครื่องคาวหวานสามารถเลา่ เร่อื งราวได้มากมาย ท้ังวฒั นธรรม ประเพณี วิถีชีวิต และสภาพบา้ นเมืองทำให้
ภูมใิ จในเอกลักษณ์ของอาหารไทยที่มคี วามงดงามวิจิตร ละเอียดอ่อน และพถิ ีพิถันในทุกข้ันตอนการทำ เปน็
แบบอย่างทดี่ ที ผ่ี ้หู ญงิ ไทยในปัจจบุ ันควรยึดถอื และตระหนักถึงความสำคัญของเสน่ห์ปลายจวัก
คำศพั ท์
คำศัพท์ ความหมาย
กล เหมอื น
กลอ่ มเกล้ียงกลม รสกลมกล่อม
ก้อย อาหารชนิดหนึง่ คล้ายพล่า จำจากเนื้อ ปลา หรอื กงุ้ ที่ยังดิบ
แกงขม เครื่องผักตม้ เชน่ มะระ ผกั บุ้ง เปน็ ต้น หน่ั เปน็ ชน้ิ ๆ สำหรบั รับประทาน
กับขนมจนี น้ำยา
แกงค่ัวสม้ แกงท่ีปรุงน้ำพริกคล้ายแกงส้มแตใ่ สก่ ะทิ มี ๒ แบบ คือแบบรสเคม็ เช่น แกงคั่ว
ใบยอ แกงอ่อมมะระปลาดุก เป็นตน้ และแบบสองรสมรี สเปรี้ยวและหวาน
ข้อน เชน่ แกงคั่วแซบ แกงหมูเทโพ หรอื แกงปลาเทโพเปน็ ต้น
ความขำ ยกมือทบุ แรง ๆ
เครา่ ความลับ ในที่นี้หมายถงึ ความลบั ระหวา่ งกวีกบั นาง
ช้าช้า คอย
เชน่ เชงิ มติ รประดิษฐ์ คือคำว่า ชะชา้ เปน็ คำอุทานแสดงความดีใจ แปลกใจ
ทำ เหมอื นกบั ที่นางตั้งใจทำ
แด
ตับเหล็ก แด
คำท่ีใช้มา้ มของหมู เป็นอวัยวะในท้องหมูท่อี ยู่ใตช้ ายโครงซ้าย มหี นา้ ทที่ ำลาย
ไตปลา เมด็ เลอื ดแดงที่เสีย
เนอ้ื ทเี่ ปน็ กอ้ นอยูใ่ นกระเพาะปลาบางชนดิ เชน่ ปลาทู เปน็ ต้น ใชห้ มกั เกลือแลว้
เทโพ ปรงุ อาหารแบบเครื่องจิม้
น้ำปลาญี่ปนุ่ ช่ือปลาน้ำจดื ชนดิ หนง่ึ ไมม่ ีเกล็ด
นิทร (อา่ นว่า นดิ ) ในทนี่ ห้ี มายถึง เคร่ืองปรุงประเภทนำ้ ปลาหรอื ซอสปรุงรสคล้ายซีอิ้ว
พรอ้ ง นอน
พลา่ พดู ถึง
อาหารยำใช้เนอ้ื สัตว์สด ๆ ปรุงรสดว้ ยน้ำมะนาว พรกิ และใส่ตะไคร้หน่ั ฝอย
เพราะ ใบสะระแหน่ เป็นตน้
ไพเราะ
5
คำศพั ท์ ความหมาย
ประทนิ่ เครอ่ื งหอม
ไฟฟอน กองไฟท่ดี ับแลว้ แต่ยงั มคี วามร้อนระออุ ยู่
ภุญช์ รบั ประทาน
มัสมัน่ แกงชนิดหนง่ึ ปรงุ ด้วยเครื่องเทศ เช่น ลกู ผักชี ย่ีหร่า ลกู กระวาน ใบกระวาน
อบเชย กานพลู เปน็ ต้น
มือนาง ฝมี ือนาง
เมอื งบน เมืองฟ้า เมืองสวรรค์ หรือบางแหง่ เรยี กวา่ เมืองเหนือ
ยำใหญ่ อาหารยำแบบไทย ประกอบด้วยเนื้อกุง้ หมู ไข่ และแตงกวา เปน็ ตน้
ยห่ี ร่า เครือ่ งเทศชนิดหน่ึงกลิน่ หอมฉนุ เมด็ รีเลก็
รังนก รังนกนางแอ่นทำดว้ ยน้ำลายนกที่ขยอกออกมาจากลำคำ ใช้น่ึงแลว้ ทำอาหารคาว
ได้
รางชาง สวยงาม เด่น
ลดล่นั ช้ันชอบกล มลี วดลายเป็นขัน้ ๆ อย่างสวยงาม
ลา่ เตยี ง (ในหนังสือพระราชวจิ ารณ์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอย่หู ัว ว่าด้วย
เรอ่ื งจดหมายทรงจำของกรมหลวงนรินทรเทวี เรยี ก หน้าเตยี ง) อาหารวา่ ทำดว้ ย
ลูกเอน็ ไข่โรยเปน็ ฝอยบนกระทะ แล้วหมุ้ ไส้ทีท่ ำด้วยกุ้งสบั ปรงุ รส พับห่อเปน็ ชิ้นส่เี หลย่ี ม
แสรง้ วา่ พอคำ บางแห่งเรยี กว่า หร่มุ
หรอื ลกู เฮ็ล คือลูกกระวาน
เสาวคนธ์ ในความว่า “ไตปลาเสแสรง้ วา่ หมายถงึ อาหารชนดิ หนง่ึ เป็นเครอ่ื งจ้มิ ทีต่ งั้ ใจทำ
หมแู นม แทนไตปลาโดยใช้เนื้อปลาย่างแทนไส้ปลาปัจจบุ นั ทำด้วยกุ้งกม็ ี
หรุ่ม กลน่ิ หอม
หนื่ หอม อาหารวา่ ง ทำด้วยเน้ือหมูและขา้ วคว่ั โม่
เหลือตรา อาหารว่างคลา้ ยลา่ เตียง แตไ่ สท้ ำดว้ ยหมสู ับและหอ่ ใหญก่ ว่าลา่ เตยี ง
ออ่ ม หอมมากจนเรา้ อารมณ์
เอวบาง เหลอื ทจ่ี ะพรรณนาหรือคะเนนบั
โอชา แกงชนดิ หนง่ึ คลา้ ยแกงคว่ั แต่ใส่มะระ มักแกงกบั ปลาดกุ
ในท่ีนหี้ มายถึงผู้หญงิ
มรี สดี อร่อย