พิธีไหว้ครูแพทย์แผนไทย สาขาการแพทย์แผนไทยประยุกต์ คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ๒0 กรกฎาคม ๒๕๖๖ ณ โถงอาคารเรียนรวม ชั้น ๑ ๘:๓0-๑๒:00 น.
กำ หนดการ โครงการไหว้ครูแพทย์แผนไทย ประจำ ปีการศึกษา 2566 วันพฤหัสบดีที่ 20 กรกฎาคม 2566 สถานที่จัดงานและถ่ายทอดสด ณ อาคารคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ถ่ายทอดสดในรูปแบบออนไลน์ให้กับนิสิตและศิษย์เก่า -------------------------------------------------------------- 08.30 – 09.00 น. ผู้เข้าร่วมพิธีในงานลงทะเบียนเข้าร่วมพิธีตามมาตรการ DMHTT อย่างเคร่งครัด 09.00 – 09.45 น. พิธีสงฆ์ 10.00 – 10.30 น. พิธีไหว้ครูแพทย์แผนไทยประยุกต์ ณ อาคารคณะสาธารณสุขศาสตร์ - กล่าวรายงานโครงการ โดยตัวแทนนิสิตสาขาการแพทย์แผนไทย ประยุกต์ - กล่าวเปิดโครงการ โดย รศ.ดร.นิทรา กิจธีระวุฒิวงษ์ คณบดีคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร 10.30 – 12.00 น. พิธีบูชาบรมครูชีวกโกมารภัจจ์และบรมครูแพทย์แผนไทย - โดยคณาจารย์ และแพทย์แผนไทยประยุกต์ - ตัวแทนนิสิตกล่าวคำ บูชาครู และมอบพานดอกไม้ - พิธีมอบเสื้อกาวน์ให้กับตัวแทนนิสิต - รศ.ดร.นิทรา กิจธีระวุฒิวงษ์ คณบดีคณะสาธารณสุขศาสตร์ กล่าวให้โอวาท 12.01 – 13.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน
คำ นำ หนังสือประกอบพิธีไหว้ครูแพทย์แผนไทย จัดทำ ขึ้นเพื่อใช้ในงานไหว้ครูแพทย์แผนไทย การไหว้ครูเป็นการแสดงถึงการเคารพและระลึกถึงพระคุณของครูบาอาจารย์ เรื่องของการเคารพครู บาอาจารย์มีความพิถีพิถันในพิธีกรรม นับตั้งแต่การเริ่มเตรียมข้าวของเครื่องสังเวยที่จะใช้ในพิธีการ ซึ่งคิดว่าพิธีการเหล่านี้น่าจะสืบทอดมาจากพิธีพราหมณ์และได้สอดรับความละเอียดอ่อน ของจิตใจ คนสยาม ซึ่งเป็นคนที่นอบน้อมและเป็นคนที่มีความกตัญญูรู้คุณ เพราะพื้นฐานจิตใจได้ถูกบ่มเพาะ ด้วยพระพุทธศาสนาที่ให้ความสำ คัญในเรื่องความกตัญญูเป็นอย่างมาก
สารบัญ เรื่อง หน้า - ประวัติท่านชีวกโกมารภัจจ์ บรมครูแห่งการแพทย์แผนไทย ๑ - ประวัติบิดาการแพทย์แผนไทย ๒ - ประวัติการแพทย์แผนไทยประยุกต์ ๓ - พิธีสงฆ์ ๔ - พิธีบูชาบรมครูชีวกโกมารภัจจ์ และบรมครูแพทย์แผนไทย ๖ - สรุปจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพของผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ๑๑ - คำ ไหว้ครู ๑๒ - เพลงสรรเสริญพระบารมี ๑๓ - เพลงมาร์ชสมาพันธ์นิสิตนักศึกษาแพทย์แผนไทยและแพทย์แผนไทยประยุกต์แห่งประเทศไทย ๑๓ - เพลงยาขอหมอวาน ๑๔
ประวัติท่านชีวกโกมารภัจจ์ บรมครูแห่งการแพทย์แผนไทย หมอชีวกโกมารภัจจ์ เป็นบุตรของนางสาลวดี นคร โสเภณีประจำ เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ ในสมัยนั้น ตำ แหน่งนี้มีเกียรติยศต่างจากในสมัยนี้ นางสาลวดีตั้งครรภ์โดยบังเอิญ เมื่อคลอดบุตรชาย ออกมา จึงสั่งให้สาวใช้นำ ไปทิ้ง แต่อภัยราชกุมาร พระราชโอรสของพระเจ้าพิมพิสารไปพบเข้า จึงนำ มาเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม ชื่อ ชีวก ตั้งขึ้นตามคำ กราบทูลตอบคำ ถามของพระองค์ที่ตรัสถามว่า เด็กยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า มหาดเล็กกราบทูลว่า ยังมีชีวิตอยู่ (ชีวโก) ส่วนคำ ว่า โกมารภัจจ์ แปลว่า กุมารที่ได้รับการเลี้ยงดูหรือ กุมารในราชสำ นัก หมายถึง บุตรบุญธรรมนั่นเอง ฉะนั้น ชีวกโกมารภัจจ์ จึงหมายถึง บุตรบุญธรรม ที่ยังมีชีวิตอยู่นั่นเอง เมื่อเติบโตขึ้นชีวกถูกพวกเด็ก ๆ ในวังล้อเลียนว่า เจ้าลูกไม่มีพ่อ ด้วยความมานะ จึงหนีพระบิดาไปเรียนศิลปวิทยาที่เมืองตักศิลา เพื่อเอาชนะคำ ดูหมิ่น วิชาที่เลือกเรียนคือวิชาแพทย์ แต่เนื่องจากไม่มีค่าเล่าเรียน จึงอาสารับใช้พระอาจารย์ เมื่อเรียนอยู่ถึง ๗ ปี จึงลาอาจารย์กลับบ้าน ระหว่างทางอาจารย์ให้ไปหาต้นไม้ที่ทำ ยาไม่ได้ ให้เก็บตัวอย่างมาให้ดู ปรากฏว่ากลับมามือเปล่า เพราะต้นไม้ทุกต้นใช้ทำ ยาได้ อาจารย์บอกว่าเขาได้เรียนจบแล้ว จึงอนุญาตให้กลับได้ หลังจากกลับ เมืองมาแล้ว ได้รักษาพระเจ้าพิมพิสารให้หายขาดจากภคันทลาพาธ (โรคริดสีดวงทวาร) ได้รับการแต่ง ตั้งให้เป็นหมอหลวง และได้รับพระราชทานสวนมะม่วง แต่ต่อมาหมอชีวกก็ได้ถวายสวนนี้ให้ พระพุทธเจ้าและพระสาวกทั้งหลาย จึงได้ถวายตัวเป็นแพทย์ประจำ พระองค์ ด้วยความที่เป็นคน บำ เพ็ญแต่สิ่งที่ดีงาม ช่วยเหลือผู้เจ็บป่วย ไม่เลือกฐานะ จึงได้รับการยกย่องจากพระพุทธเจ้าว่าเป็น เอตทัคคะ ในด้านอันเป็นที่รักของปวงชน ในวงการแพทย์แผนโบราณ ณ ปัจจุบันนี้ ถือว่าหมอ ชีวกโกมารภัจจ์เป็น บรมครูแห่งการแพทย์แผนโบราณ เป็นที่เคารพของประชาชนทั่วไป ๑
ประวัติบิดาการแพทย์แผนไทย พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจ ในการรวบรวมความรู้ ด้านการแพทย์แผนไทย และภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยมาเผยแพร่ในวงกว้าง ทำ ให้ภูมิปัญญาการ แพทย์แผนไทย มีรากฐานไม่จำ กัดอยู่ฉพาะแต่ในวังหรือชนชั้นสูง ประชาชนสามารถเข้าถึง และนำ ไป ใช้ประโยชน์ได้ ยังเป็นผู้ที่สร้างรากฐานทางเศรษฐกิจ ของประเทศไทย มองการณ์ไกลจากการสร้าง ศิลปะแบบผสมผสาน ๓ วัฒนธรรม ไทย จีน ฝรั่ง ในวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามทำ ให้เกิด การเปลี่ยนแปลงด้านการแพทย์ แผนไทย และเป็นบุคคลที่ทำ ให้การแพทย์แผนไทยมีความเจริญ รุ่งเรืองเกิดคุณูปการแก่ประชาชน ในวงกว้างจนองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรม แห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ได้ประกาศรับรองให้ ศิลาจารึกวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม เป็นมรดกความทรงจำ แห่งโลก เมื่อวันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๔ ประกอบกับหลักฐานจากแผ่นศิลา จารึกว่าด้วย การปฏิสังขรณ์ วัดพระเชตุพน ครั้งรัชกาลที่ ๓ วันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๓๗๔ มีจารึก ตำ ราการแพทย์แผนไทย มีการติดประดับไว้ตามศาลารายต่าง ๆ อาทิ แผนฝีดาษ ฝียอดเดียว แผนชัลลุกะ แผนกุมารและแม่ซื้อ แผนลำ บองราหู ตำ รายากุมาร จารึกตำ ราโอสถต่าง ๆ เป็นต้น ปัจจุบันได้มีการถวายพระราชสมัญญา "พระบิดาแห่งการแพทย์แผนไทย" แด่ พระบาทสมเด็จ พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๓) และกำ หนดให้วันที่ ๒๙ ตุลาคม ของทุกปีเป็น "วันภูมิปัญญา การแพทย์แผนไทยแห่งชาติ" ๒
ประวัติการแพทย์แผนไทยประยุกต์ ศาสตร์การแพทย์แผนไทยเป็นภูมิปัญญาของไทย ที่มีวิวัฒนาการและรับใช้สังคมไทยสืบสาน ต่อกันมายาวนานแบ่งออกเป็น ๔ สาขา คือ เวชกรรมไทย เภสัชกรรมไทย หัตถเวชกรรมไทย และผดุงครรภ์แผนไทย การแพทย์แผนไทยเริ่มเสื่อมความนิยมลง เมื่อการแพทย์แผนปัจจุบันเข้ามามี บทบาทมากขึ้น ศิริราชในยุคต้นก็มีการเรียนการสอนและการตรวจรักษาโรคการแพทย์แผนไทยจนถึง ปี พ.ศ. ๒๔๕๘ ก็ยุติการเรียนการสอนลง เนื่องจากประสบปัญหาหลายอย่าง เช่น มีการปิดหวงแหน วิชาความรู้ วิธีการอธิบายและถ่ายทอดความรู้ไม่ชัดเจน เกิดความสับสนในหมู่นักศึกษาแพทย์ เมื่อ ต้องการเรียนการแพทย์แผนปัจจุบันและแผนไทยควบคู่กัน เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีความจำ เป็นต้อง ปรับปรุงหลักสูตรเพื่อให้นักศึกษาวิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐาน วิทยาศาสตร์การแพทย์พื้นฐาน วิชาทาง คลินิก และฝึกหัดรักษาผู้ป่วยมากขึ้น ในยุคต่อมา ศาสตราจารย์นายแพทย์อวย เกตุสิงห์ ปรมาจารย์ท่านหนึ่งของศิริราชผู้มีวิสัน ทัศน์กว้างไกลและตระหนักในคุณค่าของภูมิปัญญาไทย ได้อุทิศตนทุ่มเทกำ ลังใจกำ ลังกายกำ ลังทรัพย์ และสติปัญญา ฟื้นฟูการแพทย์แผนไทยขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ท่านได้วางแนวทางการจัดการเรียนการ สอนวิชาแพทย์แผนไทยซึ่งอาจถือได้ว่าเป็นปรัชญาของหลักสูตรการแพทย์แผนไทยประยุกต์ กล่าวคือ ในหลักสูตรจะมีการเรียนการสอนวิชาวิทยาศาสตร์และศาสตร์เบื้องต้นทางการแพทย์แผนปัจจุบันร่วม ด้วยหลายวิชา เช่น กายวิภาคศาสตร์ สรีรวิทยา ชีวเคมี พยาธิวิทยาจุลชีววิทยา เภสัชวิทยา เภสัชพฤกษศาสตร์ เภสัชเวท การตรวจร่างกาย เวชศาสตร์ทั่วไปโดยสังเขป เป็นต้น โดยมีจุดประสงค์ เพื่อให้แพทย์แผนปัจจุบัน ในการเทียบโรคทางการแพทย์แผนไทยกับการแพทย์แผนปัจจุบัน ช่วยคัดกรองโรค และภาวะที่สมควรส่งต่อให้แพทย์แผนปัจจุบันดูแลรักษาด้วยการแพทย์แผน ปัจจุบัน ดังกล่าวนี้เอง คือที่มาของคำ ว่า การแพทย์แผนไทยประยุกต์ ซึ่งถือได้ว่าเป็น วิวัฒนาการก้าวสำ คัญของการแพทย์แผนไทย ๓
พิธีสงฆ์ ๑. เชิญ ประธานในพิธีจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย ๒. กล่าวคำ บูชาพระรัตนตรัย เจริญพุทธคุณ ปฏิญาณตนถือศีล 5 (ทำ น้ำ มนต์ ปะพรมน้ำ มนต์ที่เครื่องสังเวย) คำ บูชาพระรัตนตรัย (ผู้ร่วมพิธีพนมมือและกล่าวตาม) อิมินา สักกาเรนะ พุทธัง อะภิปูชะยามะ อิมินา สักกาเรนะ ธัมมัง อะภิปูชะยามะ อิมินา สักกาเรนะ สังฆัง อะภิปูชะยามะ อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวา เทมิ (กราบ) สะวากขาโต ภะคะวาตา ธัมโม ธัมมัง นะมัสสามิ (กราบ) สุปะฏิปั่นโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สังฆัง นะมามิ (กราบ) อาราธนาศีล นะโม ตัสสะ ภะคะวะ โต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (นะโม 3 จบ) มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะนัตถายะ ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ ทุติยัมปี มะยัง กันเต วิสุง วิสุง รักขะนัตถายะ ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ ตะติยัมปี มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะนัตถายะ ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ รับศีล (กล่าวตามพระท่าน) นะโม ตัสสะ ภะคะวะ โต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ ว่า ๓ จบ ปาณาติปาตา เวระมะณี สิกฺขาปทำ สมาทิยามิ อะทินนาทานา เวระมะณี สิกุขาปทำ สมาทิยามิ กาเมสุมิจฉาจารา เวระมะณี สิกุขาปทํ สมาทิยามิ มุสาวาทา เวระมะณี สิกฺขาปทำ สมาทิยามิ สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานา เวระมะณี สิกุขาปะทํ สมาทิยามิ ๔
อาราธนาพระปริตร วิปัตติ ปะฏิพาหายะ สัพพะสัมปัตติสิทธิยา สัพพะทุกขะวินาสายะ ปริตตัง พรูถะ มังคะลัง วิปัตติ ปะฏิพาหายะ สัพพะสัมปัตติสิทธิยา สัพพะภะยะวินาสายะ ปริตตัง พรูถะ มังคะลัง วิปัตติ ปะฏิพาหายะ สัพพะสัมปัตติสิทธิยา สัพพะโรคะวินาสายะ ปริตตัง พรูถะ มังคะลัง ถวายข้าวพระ และนำ ชุดไทยธรรม อิ มัง สูปะพะยัญชนะสัมปันนัง สีลีนัง โอทะนัง อุทะกัง วะรัง พุทธัสสะ ปูเชมิ. อิมานิ มะยัง ภันเต ภัตตานิ สะปะริวารานิ ภิกขุสังมัสสะ โอโณชะยามะ สาธุ โน ภันเต ภิกขุสังโฆ อิมานิ ภัตตานิ สะปะริวารานิ ปะวิคคัณหาตุ อัมหากัง ทีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะฯ ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลายขอน้อมถวายภัตตาหารกับบริวารเหล่านี้ แก่พระภิกษุสงฆ์ ขอพระภิกษุสงฆ์จงรับภัตตาหาร กับบริวารเหล่านี้ ของข้าพเจ้าทั้งหลาย เพื่อ ประโยชน์และความสุข แก่ข้าพเจ้าทั้งหลายสิ้นกาลนาน เทอญ ฯ บทกรวดน้ำ แบบสั้น อิทัง เม ญาตีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ ญาตะโย ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลจากการเจริญภาวนานี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินท่านไว้ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ ท่านจะอยู่ภพใดหรือภูมิใดก็ตาม ขอให้ท่านได้รับผลบุญนี้ แล้วโปรดอโหสิกรรม และอนุโมทนาบุญแก่ข้าพเจ้าด้วยอำ นาจบุญนี้ ด้วยเทอญ ๕
พิธีบูชาบรมครูชีวกโกมารภัจจ์ และบรมครูแพทย์แผนไทย ๓. เจตนารมณ์การไหว้ครู (ให้ตัวแทนกล่าว ไม่ต้องกล่าวตาม) การประกอบพิธีการไหว้ครูในวันนี้ เป็นการประชุมร่วมกันของแพทย์แผนไทย หมอนวดไทย แพทย์แผนไทยจากสำ นักต่าง ๆ หมอพื้นบ้าน กัลยาณมิตรฝ่ายการแพทย์แผนไทย รวมทั้งบุคคลอื่น ๆ ที่ให้ความช่วยเหลือร่วมมือในการดำ เนินงานพัฒนาการแพทย์แผนไทยและผู้ที่สนใจทุกท่าน เราจึงประกาศเจตนารมณ์ร่วมกัน ณ ที่นี้ว่า เราตั้งใจมาบูชาครู น้อมรำ ลึกถึงพระคุณของบรมครู ทั้ง ๓ ระดับ ได้แก่ ครูที่หนึ่ง คือพระพุทธเจ้า ครูที่สอง คือ บิดามารดา ครูที่สาม คือ ครูวิชาชีพ ได้แก่ ท่านโรคามฤตินทร์ ท่านชีวกโกมารภัจจ์ ท่านฤๅษี ครูแพทย์ทุกท่านที่ถ่วงลับไปแล้ว ครูที่ยังมีชีวิตอยู่ ตลอดจนครูผู้ที่กำ ลังประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ให้ในพิธีกรรมไหวัครูวันนี้ เราบูชา ท่านด้วยเครื่องสังเวยกระยาบวช คืออาหาร ผลไม้ ดอกไม้ต่าง ๆ ซึ่งมีความหมายที่เราถือว่าเป็น การทำ ให้วิชาชีพเราเจริญขึ้น พิธีไหว้ครูนี้เป็นการดำ รงไว้ทางด้านวัฒนธรรมการไหว้ครู เป็นการ สร้างสัมพันธ์ด้านปัญญาระหว่างครูและศิษย์ ศิษย์และศิษย์ ให้ทุกฝ่ายมีขวัญ กำ ลังใจ มีความรู้ คุณธรรมควบคู่กับการประกาศคำ สัตย์ปฏิญาณที่จะดำ เนินชีวิตและประกอบวิชาชีพด้านการแพทย์ โดยยึดถือสุขภาพ และสวัสดิภาพของผู้ป่วยและสาธารณชนเป็นอันดับแรกด้วยการแพทย์แผนไทย (มีกล่าววัตถุประสงค์ด้วย) ตัวแทนกล่าว (กล่าวตาม) ข้าขอประนมหัตถ์ พระไตรรัตนนาถาตรี โลกอมรมา อภิวาทนา การอนึ่งข้าอัญชลี พระฤาษีผู้ทรงญาณแปดองค์เธอมีฌาน โคยรอบรู้ในโรคา ไหว้คุณอิศวเรศ ทั้งพรหมเมศทุกชั้นฟ้า สาปสวรรค์ซึ่งหว้านยา ประทานทั่วโลกธาตรี ไหว้ครูกุมารภัจ ผู้เจนจัดใน คัมภีร์เวชศาสตร์บรรดามีให้ทานทั่วแก่นรชน ไหว้ครูผู้สั่งสอน แต่ปางก่อนเจริญผลล่วงอุนิพพาน ดลสำ เร็จกิจประสิทธิ์พร ๖
๔. ผู้ทำ พิธีจุดเทียนธูปหน้าที่บูชาพระบรมชีวกโกมารภัจจ์ กล่าวคำ บูชา (กล่าวตาม) ตั้งนะโม ๓ จบ (กล่าวพร้อมพราหมณ์) โอม นะโม ชีวะโก สิระสา อะหัง กะรุณิ โก สัพพะสัตตานัง โอสะถะ ทิพพะมันตัง ปะภาโส สุริยาจันทัง โกมาระภัจโจ ปะภาเสสิ วันทามิ บัณฑิโต สุเมธะโส อะโรคา สุมะนะโหมิ กล่าว ๓ จบ แล้วกราบ ๓ ครั้ง ขอบารมีแห่งบรมครูหมอชีวกโกมารภัจจ์ จงคุ้มครองให้ ข้าพเจ้า....... (ชื่อ-นามสกุล) ........ พ้นจากโรคร้ายภัยเวร โรคเวรโรคกรรม ขอให้มีอายุมั่นขวัญยืน มีสุขภาพกายสุขภาพจิตที่ดี ขอให้ อานิสงส์แห่งแรงอธิษฐานนี้คุ้มครองข้าพเจ้านับตั้งแต่บัดนี้ล่วงไป เมื่อหน้าเทอญ (ระหว่างนี้จุดเทียนที่เทียนชัยและที่บายศรี) ๕. ประกาศชุมนุมเทวดา สัคเค กาเม จะ รูเป ริ สิขะระตะเต จันทะลิกเข วิมาเน ทีเป รัฏเฐ จะ คาเม ตะรุวะนะคะ หะเน เคหะวัตถุ มะหิเขตเต ภุมมาจายันตุ เทวา ชะละถะละ วิสะเม ยักขะ กันธัพพะนาคา ติฏฐันตา สันติเกยัง มุนิวะระวะจะนัง สาระโว เม สุณันตุฯ ธัมมัสสะ วะนะกาโล อะยัมภะทันตา (กล่าว ๓ จบ) (กราบ ๑ ครั้ง) ลั่นฆ้อง ๓ ครั้ง แล้วเล่น เพลงตระสันนิบาต นะโม อันว่านมัสการ มือแห่งข้าพเจ้า 10 นิ้ว ขอถวายต่างธูปเทียนทอง ใบหูทั้งสองของ ข้าพเจ้า เจ้าถวายต่างดอกบัว เส้นผมและหนังหัวของข้าพเจ้า ขอถวายต่างดอกไม้ที่มีกลิ่นหอม นัยน์ตาทั้งสองของข้าพเจ้าขอถวายต่างประทีป ชวาลารุ่งเรืองฉาย ขอถวายแค่พระพุทธเจ้าทั้ง ๕ พระองค์ อันทรงนามกร ชื่อว่า พระกะกุสันโธ พระโกนาคะมะโน พระกัสสะโป พระศรีสากะยะมุนี พระศรีอริยเมตตรี ข้าพเจ้าจะทำ การในวันนี้ ขอจงสำ เร็จลงด้วยดีทุกประการ ลั่นฆ้อง ๑ ครั้ง เล่นเพลง พระเจ้าเปิดโลก ๗
๖. บทนำ ถวาย (กล่าวตาม) ตั้งนะโม ๓ จบ (กล่าวพร้อมพราหมณ์) วันทิตะวา นะมามิ พุทธัง ธังมัง สังฆัง สัพพะโลกา อาจาริยัง พะกาพรหมมา ทิพรหมมัง สิทธิกิจจัง สิทธิกัมมัง สิทธิการิยัง สิทธิตะถาคะโต สิทธิเดโช ชะโยนิจจัง สิทธิลาโภนิรันตะรัง นะมามิ ปะสิทธิ ภวันตุเต ข้าพเจ้า.......................ขอประณตศิริน้อม พร้อมด้วยกาย วาจา ใจระลึกสักการะ พระคุณ ของสมเด็จพระสัมมาพระพุทธเจ้า คุณพระธรรมเจ้า คุณพระสังฆเจ้า ปิ่นเกล้าแห่งไตรสรณคม คุณท่านท้าวผกาพรหม ท้าวทักษาประชาบดี เทวะเมธีแพทย์อัศวิน องค์เทพบดินทร์อิศวรสิทธิศักดิ์ ทวยเทพารักษ์ ทุกสถาน คุณพระอุปัชฌาอาจารย์ คุณท่านบิดามารดาและผู้มีอุปการคุณอนันต์ ครูผู้เฒ่าแต่เก่าก่อน ปัจจุบัน ครูเลขครูขันต์ ครูนวดและครูยา ครูตำ รับตำ รา ครูอักขระขอมไทย ครูเวทมนต์ดล คาถา ครูนะโม กอขอกอกา ที่ข้าพเจ้าได้เล่าเรียนศึกษามาจนจบหมด ขออัญเชิญครู บาทิยายทั้งหลายมาชุมนุมโดยญาณจิต ณ.สถานที่อันเป็นมงคลนี้ เพื่อสถิตเป็นองค์สักขีพยานใน พิธีการเคารพอาจารย์แพทย์แผนไทยตามนัยจารีตประเพณี ณ กาลบัดนี้ กราบ ๓ ครั้ง โห่ ๓ ลา ลั่นฆ้องชัย เล่นเพลงเสมอเถร - ระหว่างนี้จะมีการปอกเครื่องบัดพลีถวาย จุดธูปปักบนเครื่องสังเวยที่ตั้งไว้อย่างละ ๑ ดอก ( ผู้ทำ พิธีปัก ๑ อย่างที่เหลือให้ศิษย์ช่วยปักจนครบ ) - ศิษย์นำ พานดอกไม้มาบูชาที่โต๊ะบูชาครู (ก่อนจะกล่าวคำ ถวาย ให้จุดเทียนหน้าท่านพ่อชีวกะ เพื่อขอน้ำ มนต์มาปะพรมผู้ร่วมพิธี) ๘
๗.คำ ถวายอาราธนาพระอาจารย์เจ้า (กล่าวตาม) ข้าพเจ้า ขออาราธนาพระอาจารย์เจ้า อันมี ท่านมหาเถรตำ แยจงมาเป็นประธาน พร้อมด้วย พระอาจารย์ฤทธิยาธร พระฤาษีอมรสิทธิดาบส พระฤาษีนารอด พระฤาษีสัชนาลัยพระฤาษีตาวัว พระฤๅษีตาไฟ พระฤๅษีกัศยะปะ พระฤๅษีสิงขะ พระฤๅษีประลัยโกฎ พระอาจารย์โรคามฤคตินทร์ พระอาจารย์ชีวกโกมรภัจจ์อาจารย์ทางแพทย์ศาสตร์ทุกสาขาและ.....................................ขออาราธนา มารับเครื่องสังเวยกระยาบวช อันมีเครื่องหอม จุลจันทน์ บายศรี บัดพลี พฤกษาพลาหาร ศีรษะสุกร เป็ด ไก่ และเหล้าขาว ขนมต้มแดง ต้มขาวพร้อมทุกสิ่งมะพร้าวอ่อนน้ำ หวานยิ่งโอชารส อีกผลไม้ อันเอมโอชา ทั้งธูปเทียนชวาลาดอกไม้ นำ มาอุทิศถวายแก่ครู ขอครูอย่าเลยละเชิญมารับเครื่องบูชา สักการะ ส่วนอุทิศจำ นง สิ่งประสงค์ใดเกิน หรือขาดไปบ้าง ขออย่าสร่างซึ่งเมตตา จงกรุณาอภัยโทษ โปรดรับเครื่องบูชาสักการะเหล่านี้ ๑๒ ขอน้อมถวายอาจารย์ทุกทิศา ซึ่งประสิทธิ์เวชศาสตร์วิทยา ข้าพเจ้าจำ นงเจตนา จัดสักการบูชาเป็นประจำ ทุกปี อันเป็นคารวะเวชพิธี ตามประเพณีของแพทย์ไทย แต่โบราณกาล กราบ ๓ ครั้ง โห่ ๆ ลา ลั่นฆ้องชัย โปรยข้าวตอกดอกไม้ (เชิญประธาน) เล่นเพลงโปรยข้าวตอก ๘. คำ ขอประสาทพร (กล่าวตาม) สัพเพเตชา นุภาเวนะ ขอพระอาจารย์เจ้าจงโปรดประทาน โดยเดชะญาณ อวยพรประสิทธิผล ให้เป็นมิ่งมงคลแก่ตัวข้าพเจ้า สมคังมโนปรารถนาทั้งพลัง และสติปัญญา บรรดาวัตถุว่านยา ซึ่งท่าน ท้าวผกาพรหม ทรงสาปสิทธิประธานไว้ทุกสิ่งสรรพ เมื่อข้าพเจ้าหยิบจับจัดปรุงประกอบเป็นโอสถ ขอจงปรากฎเป็นยาศักดิ์สิทธิ์ วิเศษชัยยะ ชนะโรคภัยทั้งหลาย ขอบำ บัดโรคหายโดยเร็วพลัน ขอให้ข้าพเจ้าเป็นแพทย์สำ คัญ เลื่องชื่อ ประชาชนนับถือนิยมทั่วทุกทิศ และขอให้องค์สักขีพิธีกิจ ทรงเสริมประสิทธ์ ร่วมประสาทพร อวยชัยให้แก่ข้าพเจ้า ณ กาลบัดนี้ สัพพเทวา พะหูชะนา ปิโยเทวา มนุสสานัง ปิโยพรหมมา นะมุตตะโม ปิโยนาคะ สุปัณณานัง ปิณินทรียัง นะมามิหัง สุวัณณะมุกขัง วีระจิตตัง มหาโวโร อิตถียัง ปุริสัง ปิยังมะมะ ชัยยะกัมมัง ประสิทธิเม (กราบ ๓ ครั้ง โห่ ๓ ลา) เล่นเพลงมหาชัย ๙
ต่อจากคำ ขอประสาทพร - เจิมหนังสือ เครื่องมือทำ ยา (เชิญประธานเจิมหรือผู้ทำ พิธี) - ปะพรมน้ำ มนต์ ผู้เข้าร่วมพิธี กล่าวคำ สัตย์ปฏิญาณ (ผู้ร่วมพิธีว่าตามผู้แทน) ผู้แทนแพทย์แผนไทย กล่าวนำ คำ สัตย์ปฏิญาณของแพทย์แผนไทย ณ ที่ประชุมนี้ ข้าพเจ้า.............ชื่อตนเอง............ในฐานะแพทย์แผนไทยประยุกต์ ขอให้คำ สัตย์ ปฏิญาณด้วยความสมัครใจว่า ข้อ ๑ ข้าพเจ้า จะอุทิศตัวประกอบอาชีพการแพทย์แผนไทย โดยจะยึดถือสุขภาพ และความปลอดภัยของผู้ป่วยเป็นเป้าหมายสูงสุด ข้อ ๒ ข้าพเจ้า จะปฏิบัติตามจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพสาขาการแพทย์แผนไทยอย่างเคร่งครัด ทุกประการ ข้อ ๓ ข้าพเจ้า จะหมั่นศึกษาเพิ่มพูนความรู้ความชำ นาญใน ๑๕ วิชาการแพทย์แผนไทยอยู่เสมอ เพื่อรักษาไว้ซึ่งมาตรฐานแห่งการประกอบวิชาชีพให้ดีที่สุด ข้อ ๔ ข้าพเจ้า จะปฏิบัติตนเพื่อแผ่ขยายเกียรติคุณแห่งวิชาชีพอย่างสม่ำ เสมอ และข้าพเจ้า จะทะนุบำ รุง ความรักความสามัคคีของสมาชิกผู้ร่วมวิชาชีพ เหมือนพี่เหมือนน้อง ข้อ ๕ ข้าพเจ้า จะรักษาคำ สาบานทั้งหลายนี้ด้วยความสมัครใจตลอดเวลาที่ประกอบวิชาชีพ การแพทย์แผนไทย ผู้ทำ พิธี (ฐานะครูแพทย์แผนไทย) กล่าวสรุปจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพของผู้ประกอบวิชาชีพ การ แพทย์แผนไทย ๑๐
สรุปจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพของผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ประกาศเมื่อ ๑๘ พ.ย. ๔๕ มี ๓๒ ข้อ (ประยุกต์มี ๓๐ ข้อ) เริ่มใช้เมื่อ ๑๐ ธ.ค. ๔๕ -เคารพกฎหมายบ้านเมือง,และให้ประกอบโรคศิลปะโดยไม่คำ นึงถึงเชื้อชาติ สัญชาติ ศาสนา -หมั่นหาความรู้เพิ่มเติมเสมอ -ไม่จูงใจผู้ป่วย , ไม่รับผลตอบแทนจากการส่งต่อผู้ป่วย -ต้องปฏิบัติต่อผู้ป่วยโดยสุภาพ , ไม่หลอกลวงผู้ป่วย -ต้องคำ นึงถึงความปลอดภัยและความสิ้นเปลืองของผู้ป่วย -ไม่ติดของมึนเมาจนหย่อนความสามารถ -ไม่สนับสนุนใช้ยาตำ รับลับ , ไม่รับรองอันเป็นเท็จ -ไม่เปิดเผยความลับของคนไข้ , ไม่ปฏิเสธการช่วยเหลือ -ให้แนะนำ การใช้ยาที่ถูกต้อง ไม่ประกอบในที่สาธารณะ -ไม่โฆษณาใช้จ้างวานหรือยินยอมให้ผู้อื่นโฆษณา -พึงยกย่องให้เกียรติและเคารพในศักดิ์ศรีซึ่งกันและกัน -ไม่เอาผลงานของผู้อื่นมาเป็นของตน -ต้องไม่ให้ร้ายหรือดูหมิ่นเหยียดหยามผู้ร่วมวิชาชีพเดียวกัน -ไม่ชักจูงผู้ป่วยของผู้อื่นมาเป็นของตน -ให้เกียรติและเคารพไม่ดูหมิ่นเหยียดหยามผู้ร่วมงาน -พึงส่งเสริมและสนับสนุนผู้ร่วมงานให้มีโอกาสเพิ่มพูนความรู้ทางวิชาการที่เกี่ยวข้อง ๙. ลาเครื่องสังเวย (ไม่ต้องว่าตาม) เสสัง เภสัชชะ มังคะลุง ยาจามะ ว่า ๓ จบ เล่นเพลงเชิดกราวรำ เครื่องสังเวยกระยาบวชตลอดจนเภสัช ข้าพเจ้าขอนำ ไปใช้เพื่อความสุขความเจริญแก่ข้าพเจ้าด้วย (ให้ผู้ร่วมพิธีกล่าวรับว่า สาธุ) ๑. เอาเครื่องสังเวยใส่ใบตอง วางทานที่ทาง ๓ แพร่ง ๒. กับเทียนบูชาครูใช้ใบพลู ๕ -๗ ใบ ๑๑
คำ กล่าวไหว้ครู (กล่าวพร้อมกัน) เจ้าพระยาเสด็จพระสุเรนทราธิบดี (ม.ร.ว.เปีย มาลากุล) ข้าพเจ้า..............(ชื่อตนเอง).........ขอประณตน้อม ศิรวันทนาการ แต่ท่านอาจารย์ผู้ทรง คุณปกติการุณยภาพ ในศิษย์สานุศิษย์ทั้งปวง ว่าโดยย่อเป็นสามประการ คือ เมตตาคุณ มีจิตปรารถนาและพยายาม เพื่อชักนำ ให้ศิษย์ประพฤติดี มีสันดานมั่นอยู่ ในทางที่ชอบ และประกอบแต่ล้วนคุณประโยชน์ ประการหนึ่ง กรุณาคุณ มีจิตปรารถนาและพยายาม เพื่อขัดเกลาสันดานศิษย์ คือกำ จัดความชั่ว อันมัวหมอง และเป็นมูลเหตุแห่งทุกข์ โทษภัยทั้งปวง ให้ล่วงเสียประการหนึ่ง อนุสิฏฐิคุณ มีจิตปรารถนาและพยายาม พร่ำ แจงแสดงเวทย์ ขจัดเหตุสงสัยให้ได้ ความสว่าง ประดุจนำ ไปด้วยควงประทีป เพื่อจะปลูกฝังความรู้ ไปไว้ในสันคานแห่งศิษย์ ให้เป็นผู้ ฉลาดแหลมคมด้วยปัญญา ประการหนึ่ง ขอท่านอาจารย์รับเครื่องสักการะ อันข้าพเจ้าน้อมนำ มา และจงสำ แดงซึ่งปกติคุณูปการ แก่ข้าพเจ้า ประดุจนายช่างหม้อ ผู้พยายามกล่อมเกลา เพื่อให้หม้อมีรูปร่างอันดีฉันนั้น ข้าพเจ้า ขอแสดงแก่ท่านอาจารย์ พร้อมทั้งกายและใจว่า ข้าพเจ้าจะเป็นผู้ตั้งอยู่ในความสดับ เพื่อให้ได้รับ โอวาทด้วย ความเคารพอยู่ทุกเมื่อ ขอเดชะปูชนียาธิยฐานอันนี้ จงดลบันดาลให้ สติปัญญาของข้าพเจ้า แตกประดุจ หญ้าแพรกดอกมะเขือ และให้งอกงามเจริญขึ้นโดยเร็วพลัน นับแต่กาลวันนี้ ให้การศึกษาของข้าพเจ้า เป็นผลสำ เร็จอันดี ดุจคำ อธิษฐานฉะนี้ เทอญฯ ๑๒
เพลงสรรเสริญพระบารมี คำ ร้อง : สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ทำ นอง : พระเจนดุริยางวงค์ (ปีติ วาทยะกร) ข้าวรพุทธเจ้า เอามโนและศิระกราน นบพระภูมิบาล บุญดิเรก เอกบรมจักริน พระสยามินทร์ พระยศยิ่งยง เย็นศิระเพราะพระบริบาล ผลพระคุณ ธ รักษา ปวงประชาเป็นสุขศานต์ ขอบันดาล ธ ประสงค์ใด จงสฤษดิ์ดัง หวังวรหฤทัย ดุจถวายชัย ชโย เพลง มาร์ชสมาพันธ์นิสิตนักศึกษาแพทย์แผนไทยและแพทย์แผนไทยประยุกต์แห่งประเทศไทย ประพันธ์และขับร้องโดย มหาวิทยาลัยนเรศวร แพทย์แผนไทย แพทย์แผนไทยประยุกต์ ขจัดทุกข์บำ รุงสุข มวลประชา มุ่งมั่นตั้งใจพัฒนา ในวิชาการแพทย์แผนไทย พวกเรานับถือหมอชีวก เปรียบดั่งพระผู้ทรงสว่างไสว จุดประกายความรู้การแพทย์ไทย ให้เป็นที่ก้าวไกลในสังคม ** อุดมการณ์แห่งการรักษา เสริมคุณค่ายาไทยให้สูงส่ง ภูมิปัญญาของเราต้องดำ รง ให้อยู่คงเกียรติเกรียงไกร สัญลักษณ์ สัญลักษณ์ อันสง่า คือ หม้อยาที่เราเทิดไว้ ส่งเสริมสุขภาพอนามัย เพื่อคงไทยให้เป็นสุขทุกชีวา พวกเราตั้งใจสัญญามั่น ทุกชีวันอุทิศเพื่อการรักษา คุณธรรม ความรู้ ภูมิปัญญา ดั่งดวงตานำ พาสถาบัน (ซ้ำ **) ๑๓
เพลง ยาขอหมอวาน ผู้แต่งคำ ร้อง/ทำ นอง พญ.เพ็ญนภา ทรัพย์เจริญ คนไทยโบราณเลี้ยงลูกหลานกันมา เจ็บไข้รอดตายด้วยยาสมุนไพรปลูกไว้รอบตัว หมอดีมียาใช่จะหาเงินมาใส่ตัว จะมีหรือจนไม่กลัวท่านขรัวยาขอหมอวาน *แบกไถ้ใส่บ่าเก็บยาทั้งวันผันผ่าน ชุมเห็ด สะแก สะค้าน ลูกตาล กุ่มน้ำ เปลือกแค มองไปทางใดมีสมุนไพรให้แล ชื่นใจจริงแท้ ท่านไม่เชือนแช ดีแท้หมอยา **คนไทยภูมิใจแพทย์แผนไทยพัฒนา ฟื้นฟูยกครูขึ้นมาหมอยาทั่วพื้นดินไทย ยาขอหมอวานอุคมการณ์เอามาใส่ใจ ช่วยชีวิตคนมากมาย สมุนไพรช่วยไทยยิ่งเอย... (ซ้ำ *) ๑๔