กวีโวหาร (รสวรรณคดี) ภาษาไทย มัธ มั ยมศึกษาปีที่ ปี ที่ ๓ โดย นายสิทธิศักดิ์ จิตรเขม้น โรงเรียนบ้านศรีสุข สำ นักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต ๕ กระทรวงศึกษาธิการ
มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและ วรรณกรรมไทยอย่างเห็นคุณค่าและนำ มาประยุกต์ ใช้ ในชีวิตจริง ตัวชี้วัดข้อ ม. ๓/๒ วิเคราะห์วิถี ไทยและคุณค่าจากวรรณคดีและ วรรณกรรมที่อ่าน จุดประสงค์การเรียนรู้ นักเรียนอธิบายรสวรรณคดีได้ สาระสำ คัญ กวีโวหาร หรือ รสวรรณคดี คือ รสของความไพเราะ ในการใช้ถ้อยคำ ให้เกิดความงดงามและเกิดอารมณ์แบ่ง เป็น ๔ รส การใช้ภาษาในวรรณคดีเช่นนี้จะทำ ให้ วรรณคดี มีคุณค่าด้านวรรณศิลป์ ทำ ให้ผู้อ่านเกิด จินตภาพได้ดี มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด ๑
กวีโวหาร กวีโวหาร หรือ รสวรรณคดี หมายถึง ถ้อยคำ สำ นวน ท่วงทำ นองหรือลีลาภาษาที่ใช้ในการแต่ง คำ ประพันธ์ร้อยกรองเพื่อสื่อเนื้อความตามที่กวี ต้องการ รสแห่งกาพย์กลอนไทยมี ๔ รส ดังนี้ เสาวรจนี ชมโฉม ชมความงาม นารีปราโมทย์ ฝากรัก แสดงความรัก พิโรธวาทัง โกรธ ตัดพ้อ ประชด เสียดสี สัลลาปังคพิสัย คร่ำ ครวญ รำ พึงรำ พัน ๒
เสาวรจนี เสาวรจนี คือ การแต่งบทร้อยกรองที่มีเนื้อความ และท่วงทำ นองพรรณนา ชมโฉม ชมความงาม อาจ เป็นการชมความงามของตัวละครทั้งชายและหญิง ชมความงามของบ้านเมือง กองทัพ ป่าธรรมชาติ ต้นไม้ ลำ ธาร ฯลฯ ซึ่งการชมนี้ อาจจะเป็นการชมความเก่งกล้าของ กษัตริย์ ความงามของปราสาทราชวัง หรือ ความ เจริญรุ่งเรืองของบ้านเมือง เช่น บทชมโฉมนาง มัทนา โดยท้าวชัยเสนรำ พันไว้ในวรรณคดีเรื่อง มัทนะพาธา ๓
เสาวรจนี ตัวอย่างบทเสาวรจนี เสียงเจ้าสิเพรากว่า ดุริยางคะดีดใน ฟากฟ้าสุราลัย สุรศัพทะเริงรมย์ ยามเดินบ่เขินขัด กละนัจจะน่าชม กรายกรก็เร้ารม ยะประหนึ่งระบำ สรวย ยามนั่งก็นั่งเรียบ และระเบียบบ่เขินขวย แขนอ่อนฤเปรียบด้วย ธนุก่งกระชับไว้ พิศโฉมและฟังเสียง ละก็เพียงจะขาดใจ (พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว: มัทนะพาธา) ตัวอย่างบทเพลง แก้มน้องนางนั้นแดงกว่าใคร ใจพี่จมแทบพสุธา ดวงฤทัยหรือดวงแก้วตา ดุจดวงดาราดวงดาวดวงไหน วอนให้ชายทุกคนเดินผ่าน วอนให้ใจน้องไม่มีใคร วอนให้ลมพัดพาหัวใจพี่ไปถึง เพลง แก้มน้องนางนั้นเเดงกว่าใคร - เขียนไขและวานิช ๔
นารีปราโมทย์ คือ การแต่งบทร้อยกรองให้มีเนื้อความ และท่วงทำ นอง ฝากรักและแสดงความรัก ต่อนางอันเป็นที่ ต้องใจ หรือการพรรณนาบทโอ้โลมปฏิโลมก่อนจะถึงบท สังวาสนั้นด้วย เช่น ถึงม้วยดินสิ้นฟ้ามหาสมุทร ไม่สิ้นสุดความรักสมัครสมาน แม้นเกิดในใต้ฟ้าสุธาธาร ขอพบพานพิศวาสไม่คลาดคลา แม้นเนื้อเย็นเป็นห้วงมหรรณพ พี่ขอพบศรีสวัสดิ์เป็นมัจฉา แม้นเป็นบัวตัวพี่เป็นภุมรา เชยผกาโกสุมปทุมทอง เจ้าเป็นถ้ำ อำ ไพขอให้พี่ เป็นราชสีห์สมสู่เป็นคู่สอง จะติดตามทรามสงวนนวลละออง เป็นคู่ครองพิศวาสทุกชาติไป (สุนทรภู่ : พระอภัยมณี) นารีปราโมทย์ ตัวอย่างบทนารีปราโมทย์ ๕
”ที่เธอเป็นเธออย่างนี้นะดีอยู่แล้ว ที่เป็นเธอแบบนี้นะดีอยู่แล้ว เป็นความธรรมดาที่แสนจะพิเศษ มากกว่าใครใดใดทั้งนั้น ที่เธอยิ้มอย่างนี้นะดีอยู่แล้ว ที่เธอเป็นแบบนี้นะดีอยู่แล้ว คนที่ฉันต้องการมากมายที่สุด ก็คือเธอแค่เพียงผู้เดียวเท่านั้น “ เพลงธรรมดาแสนพิเศษ (Extraordinary) - อนาโตมี่ แรบบิต นารีปราโมทย์ ตัวอย่างบทเพลง ๖
พิโรธวาทัง คือ การแต่งบทร้อยกรองให้มีเนื้อความและ ท่วงทำ นองแสดงอารมณ์ไณ์ม่พอใจ ตั้งแต่เรื่องเล็กน้อยไป จนถึงเรื่องใหญ่ ตั้งแต่ ไม่พอใจโกรธ ตัดพ้อ ประชดประชัน กระทบกระเทียบเปรียบเปรย เสียดสี และด่าว่าอย่างรุนแรง ครั้งนี้เสียรักก็ได้รู้ ถึงเสียรู้ก็ได้เชาวน์ที่เฉาฉงน เป็นชายหมิ่นชายต้องอายคน จำ จนจำ จากอาลัยลาน (เจ้าพระยาพระคลัง(หน) บทตัดพ้อที่แสดงทั้งอารมณ์รักและแค้นของ อังคาร กัลยาณ พงศ์ จากบทกวี “เสียเจ้า” จะเจ็บจำ ไปถึงปรโลก ฤๅรอยโศกรู้ร้างจางหาย จะเกิดกี่ฟ้ามาตรมตาย อย่าหมายว่าจะให้หัวใจ (อังคาร กัลยาณพงศ์) พิโรธวาทัง ตัวอย่างบทพิโรธวาทัง ๗
” เจ็บนี้ จำ ไปจนตาย เจ็บนี้ ไม่มีวันลืม เพราะเธอคนเดียว ที่ทำ ให้ใจแหลกลาญไม่มีชิ้นดี เจ็บนี้ รอวันเอาคืน เจ็บนี้ แค้นทุกนาที ให้ฉันตายก็ไม่คืนดี ไม่ต้องมีเรื่องที่ดีหลงเหลือในใจ“ เพลง เจ็บนี้จำ จนตาย (เพลงประกอบละคร สุดแค้นแสนรัก) พิโรธวาทัง ตัวอย่างบทเพลง ๘
สัลลาปังคพิไสย์/สัลลาปังคพิสัย คือ การแต่งบทร้อย กรองให้มีเนื้อความและท่วงทำ นองแสดงอารมณ์โศกเศร้า อาลัยรัก คร่ำ ครวญ หรือรำ พันถึงบุคคลอันเป็นที่รัก หรือ รำ พันถึงความทุกข์กายทุกข์ใจ สุนทรภู่คร่ำ ครวญถึงรัชกาลที่ 2 ซึ่งสวรรคตแล้วเป็นเหตุให้ สุนทรภู่ต้องตกระกำ ลำ บาก เพราะไม่เป็นที่โปรดปรานของรัชกาล ที่ 3 ต้องระเห็จเตร็ดเตร่ไปอาศัยในที่ต่างๆ ขณะล่องเรือผ่าน พระราชวัง สุนทรภู่รำ ลึกความหลังก็คร่ำ ครวญอาลัยถึงอดีตที่เคย รุ่งเรือง เคยหมอบใกล้ได้กลิ่นสุคนธ์ตลบ ละอองอบรสรื่นชื่นนาสา สิ้นแผ่นดินสิ้นรสสุคนธา วาสนาเราก็สิ้นเหมือนกลิ่นสุคนธ์ (สุนทรภู่ :จากนิราศภูเขาทอง) สัลลาปังคพิสัย ตัวอย่างบทสัลลาปังคพิสัย ๙
”ฉันเสียน้ำ ตาให้เธอมากแค่ไหน ทำ ได้เพียงแค่ทำ ใจ ความรักฉันหลุดลอยไปสุดสายตา โอ้ ใจเอ๋ยทำ ไมหัวใจไม่หลาบจำ ดึงดันจะรักเธออยู่ ทั้งที่รู้ว่าเขาไม่ใช่แต่ยังจะรักเขาหมดหัวใจ ปล่อยเขาทำ ร้ายย้ำ ๆซ้ำ ๆ เติมอยู่ โอ้ ใจเอ๋ยทำ ไมรักใครช่างง่ายดาย ใจง่ายเกินไปไหมเธอ โอ้ ใจเอ๋ย โอ้ ใจเอ๋ย ทำ ไมเจ็บไม่จำ “ เพลง ดึงดัน - Cocktail และ ตั๊ก ศิริพร วิธีกธีารจำ “เสาวรจงามดี นารีจีบหญิง พิโรธโกรธจริง แฟนทิ้งสัลลาปัง” สัลลาปังคพิสัย ตัวอย่างบทเพลง ๑๐
ใบงาน เรื่อง กวีโวหาร (รสวรรณคดี) คำ ชี้แจง ให้นักเรียนนำ คำ ตอบใส่ลงในช่องว่างให้ถูกต้องสัมพันธ์กับข้อความที่ให้มา เสาวรจนี นารีปราโมทย์ พิโรธวาทัง สัลลาปังคพิสัย ..........๑. มันร่ำ รวยด้วยภาษีจากพี่น้อง ความจนของชาติไทยจึงไม่สิ้น ขอสาปแช่งประณามหนามแผ่นดิน สัตว์ร้อยลิ้นประเภทนี้อัปรีย์เอย ..........๒. นิ้วเรียวยาวขาวนวลชวนจุมพิต มิเพี้ยนผิดเนียนขี้ผึ้งกลึงกลมสวยแลริกริกพลิกเพลินเชิญงงงวย เจียนใจป่วยไหวหวามตามตามกัน...........๓. อยากลบรอยเท้าเปื้อนพื้นเรือนหอ ลบภาพคู่เคลียคลอกันต่อหน้า ยิ่งอยากลบยิ่งกระจ่างไม่ร้างรา เห็นตำ ตาตาจึงจำไว้ตำใจ ...........๔. “รูปทรงส่งศรีไม่มีแม้น อรชรอ้อนแอ้นประหนึ่งเหลา ผมสลวยสวยขำ ดำ เงา ให้ชื่อเจ้าว่าพิมพิลาไลย” ...........๕. จะเจ็บจำ ไปถึงปรโลก ฤารอยโศกรู้ร้างจางหาย จะเกิดกี่ฟ้ามาตรมตาย อย่าหมายว่าจะให้หัวใจ ...........๖. เมื่อนั้น ซมพลาเห็นสมปรารถนา จึงเปลื้องพวงนาคพตที่ผูกมา ให้กัลยาสวมไว้ได้กันงู แล้วปลอบเปลื้องมะกล่ำ กำ ไล ที่นางสวมใส่ข้อมืออยู่ ขอไปชมพลางต่างโฉมตรู คิดถึงเจ้าจะได้ชูชื่นชมเชย ๑๑
ใบงาน เรื่อง กวีโวหาร (รสวรรณคดี) คำ ชี้แจง ให้นักเรียนนำ คำ ตอบใส่ลงในช่องว่างให้ถูกต้องสัมพันธ์กับข้อความที่ให้มา เสาวรจนี นารีปราโมทย์ พิโรธวาทัง สัลลาปังคพิสัย ..........๗. ดวงสวาท งามสิริวิลาสเฉลิมศรี อาจโผอนจิตชายชาตรี ให้สิ้นรักชีวีเพราะหวังชม แม้นมาดพลาดมือไม่เหมือนหมาย ควรวางวายดีกว่าอยู่คลาดสู่สมนี่แลน้ำ จิตที่พี่นิยม เกลียวกลมกอดประทับหลับไปเอย..........๘. ลูกก็แลดูแม่แม่ดูลูก ต่างพันผูกเพียงว่าเลือดตาไหลสะอื้นร่ำ อำ ลาด้วยอาลัย แล้วแข็งใจจากนางตามทางมา ...........๙. พงศ์กษัตริย์ทัศนานางเงือกน้อย ดูแช่มช้อยโฉมเฉลาทั้งเผ้าผมประไพพักตร์ลักษณ์ล้ำ ล้วนขำ คม ทั้งเนื้อนมนวลเปล่งออกเต่งทรวง ...........๑๐. เหลือบเห็นกวางขำ ดำ ขลับ งามสรรพสะพรั่งดังเลขา งามเขาเป็นกิ่งกาญจนา งามตานิลรัตน์รูจี คอก่งเป็นวงราววาด รูปสะอาดราวนางสำอางศรี เหลียวหน้ามาดูภูมี งามดังนารีชาเลืองอาย ยามวิ่งลิ่วล้ำ ดังลมส่ง ตัดตรงทุ่มพลันผันผาย ๑๒
เฉลยใบงาน เรื่อง กวีโวหาร (รสวรรณคดี) ๑. พิโรธวาทัง ๒. เสาวรจนี ๓. สัลลาปังคพิสัย ๔. เสาวรจนี ๕. พิโรธวาทัง ๖. นารีปราโมทย์ ๗. นารีปราโมทย์ ๘. สัลลาปังคพิสัย ๙. เสาวรจนี ๑๐. เสาวรจนี ๑๓