The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by pop_paphassorn, 2022-06-07 04:21:59

วิชา คิดเป็นกับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ทร 02029 บทที่ 1 เรื่อง ปรัชญาคิดเป็น

บทที่ 1 เรื่อง ปรัชญาคิดเป็น

Keywords: บทที่ 1 เรื่อง ปรัชญาคิดเป็น

บทที่ 1 ปรชั ญาคดิ เป็น

สาระสำคญั

ปรัชญาคิดเปน็ อยูบ่ นพน้ื ฐานของความคดิ ท่วี ่า ความตอ้ งการของแตล่ ะคนไม่เหมือนกัน แตท่ กุ คนมีจดุ รวม
ของความต้องการที่เหมือนกันคือความสุข องค์ประกอบของปรัชญาคิดเป็นประกอบไปด้วย ข้อมูลตนเอง
ข้อมูลสังคมและข้อมูลวิชาการ และกระบวนการคิดเป็น เป็นกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ที่เริ่มจากการสำรวจ
ปัญหา การหาสาเหตุของปัญหา การวิเคราะห์และหาแนวทางการแก้ปัญหา การติดสินใจ เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติ
และลักษณะของคนคิดเป็น ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบด้านความรู้พื้นฐาน ระดับการศึกษา ประสบการณ์การเลี้ยงดู
คุณธรรมจริยธรรม และก่อให้เกิดผลการปฏิบัติเพื่อความพอใจ และความสุขของตนโดยที่สังคมและชุมชน
ไม่เดือดรอ้ น

ผลการเรยี นรู้ที่คาดหวงั

1. สามารถเข้าใจความหมาย หลกั การ ของปรัชญาการคิดเปน็
2. สามารถอธิบายถึงองค์ประกอบ กระบวนการ และคุณลักษณะของการคดิ เปน็

ตอนที่ 1.1 ความหมายของปรัชญาคดิ เปน็

"คิดเป็น" ถือเป็นปรัชญาการศึกษาฟื้นฐานของการศึกษานอกระบบที่ ดร.โกวิท วรพิพัฒน์ อดีตอธิบดี
กรมการศึกษานอกโรงเรียน(หรือมีชื่อในปัจจุบันคือสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตาม
อัธยาศัย หรือ กศน.) และอดีตปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (อุ่นตา นพคุณ อ้างอิงจากชีวิ ตพ่อเล่า :
ดร.โกวิท วรพิพัฒน์. 2544 : 651 - 652) เป็นผู้นำความคิดนี้ มาประยุกต์ใช้และนำมาเป็นเป้าหมายสำคัญในการ
ให้บรกิ ารการศึกษาผู้ใหญ่ ตั้งแตป่ ี พ.ศ. 2513 เป็นต้นมา จนองค์การยเู นสโกนำเรอ่ื งนีไ้ ปเผยแพรท่ ัว่ โลก และได้รับ
การยอมรบั จึงทำให้ ดร.โกวิท วรพิพัฒน์ ได้รับฉายาจากต่างประเทศวา่ "นายคดิ เป็น- Mr. Khit Pen"

"คิดเป็น" ตามนัยทางภาษาไทย หมายถึง การคิดที่ครอบคลุมทุกอย่างในด้านดี เช่น การคิดดี คิดถูก
คิดเป็นระบบ คิดในสิ่งที่เป็นประโยชน์ คิดเหมาะสมและสามารถนำความคิดนั้นๆ ไปใช้ประโยชน์ได้ ทั้งแก่ตนเอง
ผู้อื่นสังคมและชุมชน ยกตัวอย่างสำนวน "คนๆนี้เป็นคนคิดเป็น" ก็อาจมีความหมายว่า เป็นคนช่างคิด คิดได้
คิดเป็นระบบ คิดถูกต้องนั่นเอง โดยอาจใช้ความรูท้ ักษะหรือประสบการณ์ต่างๆ มาประกอบในการคิด นอกจากน้ี
"คิดเป็น" ตามหลักปรัชญาที่ ดร. โกวิท วรพิพัฒน์ เจ้าของทฤษฎีได้ให้คำอธิบายเกี่ยวกับ"คิดเป็น" บุคคลที่คิดเป็น
จะสามารถเผชิญปัญหาในชีวิตประจำวันได้อย่างมีระบบบุคคลผู้นี้จะสามารถพินิจพิจารณาสาเหตุของปัญหาทีเ่ ขา

กำลังเผชิญอยู่ และสามารถรวบรวมข้อมูลต่างๆ ได้อย่างกว้างขวางเกี่ยวกับทางเลือก เขาจะพิจารณาข้อดีข้อเสีย
ของแต่ละเรื่อง โดยใช้ความสามารถเฉพาะตัวค่านิยมของตนเอง และสถานการณ์ที่ตนเองกำลังเผชิญอยู่
ประกอบการพิจารณา" ปรัชญา "คิดเป็น" อยู่บนพื้นฐานความคิดที่ว่าความต้องการของแต่ละบุคคลไม่เหมือนกัน
แต่ทุกคน มจี ุดรวมของความต้องการที่เหมือนกัน คือทุกคนต้องการความสขุ คนเราจะมคี วามสุขเม่ือเราและสังคม
สิ่งแวดล้อมประสมกลมกลืนกันได้ โดยการปรับปรุงตัวเราให้เข้ากับสังคมหรือสิ่งแวดล้อม หรือโดยการปรับปรุง
สังคมและสิ่งแวดล้อมใหเ้ ข้ากับตัวเรา หรือปรับปรุงทั้งตัวเราและสงั คมสิ่งแวดล้อมให้ประสมกลมกลนื กัน หรือเข้า
ไปอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมกับตน คนที่สามารถทำได้เช่นนี้เพื่อให้ตนเองมีความสุขนั้นจำเป็นต้องเป็นผู้
มีความคิดสามารถคิดแก้ปัญหารู้จักตนเองและธรรมชาติสิ่งแวดล้อม จึงจะเรียกได้ว่าผู้นั้นเป็นคนคิดเป็นดังน้ัน
เปา้ หมายสดุ ทา้ ยของการ "คิดเป็น" คอื "ความสุข" หรอื อีกนัยหนง่ึ ปรชั ญาคดิ เป็นมาจากความเช่ือพื้นฐานตามแนว
พุทธศาสนา ที่สอนให้บุคคลสามารถพันทุกข์ และพบความสุขได้ด้วยการค้นหาสาเหตุของปัญหาสาเหตุของทุกข์
ซึ่งส่งผลให้บุคคลผู้นั้นสามารถอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข การ "คิดเป็น" เป็นกระบวนการคิดเพื่อการตัดสินใจ
หรือแก้ปัญหา โดยการแสวงหาและ พิจารณย้อนไตร่ตรองถึงข้อมูล 3 ประเภท คือ ข้อมูลต้านตนเอง ข้อมูลของ
ชุมชน สังคม สภาพแวดล้อม และข้อมูลทางหลักวิชาการ แล้วนำมาสู่กระบวนการวิเคราะห์หาทางเลือกในการ
ตัดสินใจที่เหมะสม มีความพอดี ให้ประโยชน์แก่ตนเองและสังคม ต่อจากนั้น ก็ลงมือกระทำ ถ้าหากการตัดสินใจ
นั้นๆ สามารถทำให้ปัญหาหายไปกระบวนการก็ยุติลง แต่หากบุคคลยังไม่พอใจผลของการกระทำหลังจากที่ได้
ตัดสินใจแล้ว แสดงวา่ ปัญหายงั คงมีอยู่ บคุ คลกจ็ ะเริ่มกระบวนการพจิ ารณาทางเลือกใหม่อกี คร้ัง และกระบวนการ
น้ียุติลงเม่อื บคุ คลพอใจและมีความสุข

สรุปความหมายของ "คิดเปน็ " คือ
- การวเิ คราะหป์ ัญหาและแสวงหาคำตอบหรือทางเลือกเพ่ือแก้ปัญหาและดับทกุ ข์
- การคดิ อย่างรอบคอบเพื่อการแก้ปญั หา โดยอาศัยขอ้ มูลตนเอง ข้อมูลด้านสงั คมสภาพแวดลอ้ มและข้อมลู วิชาการ

ตอนท่ี 1.2. หลกั การและองค์ประกอบของปรชั ญาคิดเปน็

เร่ืองที่ 1.2.1 หลกั การของปรชั ญาคิดเปน็

ดร.โกวิท วรพพิ ัฒน์ ได้ริเริม่ โครงการ การศกึ ษาผู้ใหญ่แบบเบด็ เสร็จ (Functional Literacy) แบบไทยมุ่ง
ให้ผู้เข้ารับการศึกษานอกระบบ ระดบั ชาวบ้านได้รจู้ กั คิดแกไ้ ขปญั หา ให้สอดคล้องกับสภาพสถานะของตนและของ
กลมุ่ โดยเรยี กกระบวนการนี้วา่ "คดิ เป็น" โดยมีหลักการวา่ "เรียนแล้วสามารถนำข้อมลู ทางวิชาการ ขอ้ มูลขอ้ จำกัด
ส่วนตัวของแต่ละบุคคล และข้อมูลเกี่ยวกับสังคม มาประมวลแล้วคิดหาคำตอบให้กับปัญหาของแต่ละคนหรือ
สังคม ซึ่งจะได้คำตอบทหี่ ลากหลายและตรงกับสภาพของแต่ละบุคคลหรือสังคม ไม่ใช่วา่ หนังสอื บอกไวอ้ ย่างไรแล้ว
ตอ้ งทำตามเหมือนกนั หมด คดิ เองไมเ่ ปน็ แต่ถา้ คิดเป็นแล้วคำถามหรือปัญหาเดียวกันอาจได้คำตอบไม่เหมือนกันก็เป็นได"้
1. คดิ เปน็ เช่ือวา่ สงั คมเปล่ยี นแปลงอยตู่ ลอดเวลา ก่อให้เกิดปญั หาซึ่งปญั หานนั้ สามารถแกไ้ ขได้
2. คนเราจะแก้ไขปญั หาต่างๆ ไดอ้ ย่างเหมาะสมท่สี ุด โดยใช้ข้อมูลมาประกอบการตดั สนิ ใจอยา่ งนอ้ ย
3 ประการ คือ ข้อมลู เกี่ยวกับตนเอง ขอ้ มลู ของชมุ ชนสังคมสง่ิ แวดลอ้ ม และข้อมูลทางวชิ าการ
3. เมื่อได้ตัดสินใจแก้ไขปัญหาด้วยการไตร่ตรองรอบคอบ โดยใช้ข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง สังคม และวิชาการ
ทง้ั 3 ด้านนแ้ี ล้ว ยอ่ มกอ่ ให้เกิดความพอใจในการตัดสนิ ใจนนั้ และควรรบั ผดิ ชอบต่อการตดั สนิ ใจนัน้
4. สังคมเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา การคิดตัดสินใจอาจจะต้องเปลี่ยนแปลงปรับปรุงใหม่ ให้เหมาะสมกับสภาพ
และสถานการณท์ ่เี ปลยี่ นไป

เรอ่ื งที่ 1.2.2 องคป์ ระกอบของปรชั ญาคิดเป็น

ทองอยู่ แกว้ ไทรฮะ และจันทร์ ชุ่มเมืองปกั (อา้ งอิงจากชวี ิตพอ่ เล่า: ดร.โกวิท วรพพิ ฒั น.์ 2544 :654-655)
ได้อธิบายว่า คน "คิดเป็น" คือ คนที่มีความสุขเมื่อไดป้ รบั ปรงุ ตนเองและสังคมสิ่งแวดล้อมให้ผสมกลมกลืนกนั ด้วย
กระบวนการแก้ปัญหาหรอื การตดั สินใจแกป้ ญั หาโดยพิจารณาขอ้ มลู อยา่ งน้อย 3 ประการ คือ
1. การรู้จักตนเองอย่างถ่องแท้เที่ยงธรรม หรือ ตน (Self) โดยพิจารณาความพร้อมในด้านการเงินสุขภาพอนามัย
ความรู้ อายุ และวัย รวมท้งั ความมีเพื่อนฝูงและอน่ื ๆ
2. สังคมและสิ่งแวดล้อม (Society and Environment) หมายถึง คนอื่นนอกเหนือจากเราและครอบครัว
จะเรียกว่าบุคคลที่ 3 ก็ได้ คือ ดูว่าสังคมเขาคิดอย่างไรกับการตัดสินใจของเรา เขาเดือดร้อนไหม เขารังเกียจไหม
เขาชน่ื ชมดว้ ยไหม เขามีใจปันใหเ้ ราไหม รวมตลอดถงึ เศรษฐกจิ และสังคมน้ันๆ เหมาะกับเรื่องท่ีเราตดั สนิ ใจหรือไม่
รวมทั้งขนบธรรมเนียมประเพณี คุณธรรมและคา่ นยิ มของสังคม
3. ความรทู้ างวิชาการเปน็ ความรู้ทางวิทยาศาสตร์หรือความรวู้ ชิ าการในเร่ืองทีต่ รงกับการที่เราจะต้อง ตัดสินใจซ่ึง
ถอื เป็นหนังสือหลัก ดังน้ัน อาจกล่าวได้ว่า องคป์ ระกอบทส่ี ำคัญของปรัชญาคิดเปน็ ประกอบด้วย
1. ขอ้ มูลตนเอง ซึ่งเป็นขอ้ มูลเกี่ยวกับตนเอง ท้ังทางด้านกาย สุขภาพอนามยั ด้านจติ ใจและความ พรอ้ มตา่ งๆ

2. ข้อมูลสังคม ซึ่งเป็นข้อมูลเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมครอบครัว สังคม วัฒนธรรม ความเชื่อ ประเพณีค่านิยตลอด
จนกรอบคุณธรรมจริยธรรมต่างๆ
3. ขอ้ มูลวชิ าการ คือ ความรทู้ เี่ ก่ียวชอ้ งกับเร่อื งทตี่ อ้ งคิดตัดสนิ ใจนั้นๆ วา่ มหี รอื ไม่ เพียงพอท่จี ะนำไปใชห้ รอื ไม่การ
ใชข้ อ้ มลู อย่างรอบด้านนี้จะช่วยให้การคิดตัดสินใจเพ่ือแสวงหาความสุขของมนุษยเ์ ป็นไปอย่างรอบคอบ เรียวิธีการ
คิดตัดสินใจนี้ว่า "คิดเป็น" และเป็นความคิดที่มีพลวัดคือปรับเปลี่ยนได้เสมอเมื่อข้อมูลเปลี่ยนแปลงไปเป้าหมาย
ชีวิตกจ็ ะเปล่ยี นไป

ตอนท่ี 1.3. กระบวนการคดิ เป็น

ตามที่ได้กล่าวไว้ข้างตัน แนวความคิดเรื่องคิดเป็น มีองค์ประกอบที่สำคัญในเชิงปรัชญา 3 ส่วน แต่ทั้งน้ี
เป้าหมายสูงสุดของชีวิตมนุษย์ คือ ความสุข มนุษย์จึงแสวงหาวิธีการต่างๆ เพื่อที่จะมุ่งไปสู่ความสุขนั้น
แต่เนื่องจากมนุษย์มีความแตกต่างกันโดยพื้นฐานทั้งทางกายภาพ อารมณ์ สังคม จิตใจและสภาวะแวดล้อมทำให้
ความตอ้ งการของคนแต่ละคนมีความแตกต่างกนั การใหค้ ุณค่าและความหมายของความสุขของมนุษย์ จึงแตกต่าง
กนั การแสวงหาความสุขท่ีแตกต่างกันนน้ั มนุษย์ต้องปรับตวั ใหส้ อดคลอ้ งกับสภาพแวดล้อม ของตนเองซ่ึงโดยหลัก
ใหญๆ่ แล้ว วิธกี ารปรบั ตวั ของมนุษย์ได้แก่ การปรับตัวใหเ้ ข้ากบั สภาพแวดล้อม หรือไม่กป็ รับสภาพแวดล้อมให้เข้า
กับตนอง หรืออาจปรับทั้งตนเอง และสาพแวดล้อม เข้าหากัน จนที่สุดแล้วไม่สามารถปรับตัวได้มนุษย์ก็จำเป็น
จะต้องหลีกออกจากสภาพแวดล้อมนั้นเพื่อไปหาสภาพแวด ล้อมใหม่ เพื่อที่จะปรับตัวให้มีความสุขได้ใหม่ แต่
แท้จริงแล้วการทีม่ นุษยจ์ ะเลือกปรับตวั อยา่ งใดอยา่ งหน่ึงนั้น ขึ้นอยู่กบั การตัดสินใจของคนแต่ละคน การตัดสินใจ
นั้นจำเป็นจะต้องใช้ข้อมูลอย่างรอบด้าน ซึ่งโดยหลักการของการคิดเป็นมนุษย์ควรจะใช้ข้อมูลอย่างน้อย 3 ด้าน
นั่นเอง ทงั้ นี้ ในการกระบวนการคิด หรือการตดั สนิ ใจก่อนทจี่ ะกระทำของบุลคลๆ หนงึ่ ตามกระบวนการ"คิดเป็น"
อาจสามารถจำแนกให้เห็นขัน้ ตอนต่างๆ ที่ประกอบกันเข้าเป็นกระบวนการคดิ ได้ ดังนี้

ข้นั ที่ 1 ขัน้ สำรวจปญั หา เมอ่ื เกดิ ปญั หา ยอ่ มตอ้ งเกดิ กระบวนการคดิ แก้ปัญหา นัน่ คอื การรบั รูป้ ัญหาท่ีกำลังเผชิญ
อยู่และลติ แสวงหาทางแกป้ ัญหาน้นั ๆ
ข้นั ที่ 2 ขนั้ หาสาเหตขุ องปัญหาเปน็ การศึกษารวบรวมข้อมูลเกย่ี วกับปัญหา เพอื่ ทำความเขา้ ใจปญั หา
และสถานการณน์ ั้นๆ โดยจำแนกข้อมลู ออกเปน็ 3 ประเภทคือ
ข้อมูลตนเอง : ไดแ้ ก่ ขอ้ มูลเก่ียวกับตัวบุคคลซึ่งจะเปน็ ผู้ตดั สินใจ เป็นขอ้ มลู ท้งั ทางด้านกายภาพพื้นฐานของชีวิต
ครอบครวั อาชีพ ความพรอ้ มทัง้ ทางอารมณ์ จิตใจ เปน็ ต้น

ข้อมูลสังคม : ได้แก่ ข้อมูลเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมที่อยู่รอบๆ ตัว ปัญหาสภาพสังคมของแต่ละบุคคล ตั้งแต่
ครอบครัว ชุมชนและสังคม ทั้งในแง่เศรษฐกิจ การเมืองการปกครอง สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรมประเพณี ความเช่ือ
คา่ นิยม เป็นต้น
ข้อมลู วชิ าการ : ได้แก่ ขอ้ มูลด้านความรู้ในเชงิ วิชาการทจ่ี ะช่วยสนบั สนุนในการคดิ การดำเนนิ งาน ยงั ขาดวิชาการ
ความรู้ตา่ งๆ ท่ีเกยี่ วขอ้ งกบั ปญั หาในเรือ่ งใดบ้าง
ขั้นที่ 3 ขั้นวิเคราะห์ หาทางแก้ปัญหาเป็นการวิเคราะห์ทางเลือกในการแก้ปัญหา หรือการประเมินค่าข้อมูลทั้ง 3
ด้าน คือ ขอ้ มลู ด้านตนเอง สังคม วชิ าการ มาประกอบในการวิเคราะห์ ชว่ ยในการคิดหาทางแก้ปัญหาภายในกรอบ
แห่งคุณธรรม ประเด็นเด่นของขั้นตอนนี้คือ ระดับของการตัดสินใจที่จะแตกต่างกันไปแต่ละคนอันเป็นผล
เน่อื งมาจากขอ้ มูลในขน้ั ที่ 2 ความแตกตา่ งของการตดั สนิ ใจดงั กลา่ ว มุ่งไปเพ่ือความสุขของแตล่ ะคน
ขั้นที่ 4 ขั้นตัดสินใจ เมื่อได้ทางเลือกแล้วจึงตัดสินใจเลือกแก้ปัญหาในทางที่มีข้อมูลต่างๆ พร้อมสมบูรณ์ ที่สุด
การตัดสินใจถือเป็นขั้นตอนสำคัญของแต่ละคน ในการเลือกวิธีการหรือทางเลือกในการแก้ปัญหาขึ้นอยู่กับว่าผล
ของการตัดสินใจนัน้ พอใจหรือไม่ หากไม่พอใจก็ต้องทบทวนใหม่
ข้ันที่ 5 ข้ันตัดสนิ ใจไปสกู่ ารปฏิบัติ เมื่อตดั สนิ ใจเลอื กทางใดแลว้ ต้องยอมรบั ว่าเปน็ ทางเลือกท่ีดีท่สี ดุ ในข้อมูลเท่า
ทีมีขณะนนั้ ในกาลเทศะนน้ั เป็นการปฏบิ ตั ิตามสง่ิ ท่ี ใหค้ ิดและตดั สนิ ใจแล้ว หากพอใจยอมรบั ผลของกาตัดสินใจ
มคี วามสุขก็เรียกได้ว่า "คดิ เปน็ " แต่หากตดั สินใจแล้วได้ผลออกมายังไม่พอใจ ไม่มคี วามสุขอาจเป็นเพราะข้อมูลที่มี

ไมร่ อบด้านไม่มากพอ ตอ้ งหาขอ้ มลู ใหม่ คิดใหม่ ตดั สนิ ใจใหม่ แต่ไมถ่ อื ว่าคิดไม่เปน็

ทง้ั นี้ สามารถสรุปเป็นแผนภมู ิของกระบวนการคดิ เปน็ ไดด้ ังนี้

จากแผนภมู แิ สดงกระบวนการคิดเป็น สรุปได้วา่ ความเชอ่ื พื้นฐานของการ "คดิ เปน็ " มาจากธรรมชาติของมนุษย์ท่ี
ต้องการความสขุ มนุษยจ์ ะมีความสุขเมือ่ ตัวเองและสังคมส่ิงแวดลอ้ มประสมกลมกลนื กนั อยา่ งราบร่นื ซ่งึ แตล่ ะคน
แต่ละกลุ่มสามารถทำได้ ดงั น้ี

1. ปรบั ปรุงตนเองให้เขา้ กับสังคมและสิ่งแวดล้อม
2. ปรับปรุงสงั คมและสงิ แวดล้อมใหเ้ ข้ากับตัวเอง
3. ปรับปรงุ ทง้ั ตัวเราและสังคมส่งิ แวดลอ้ มทั้งสองด้านใหป้ ระสมกลมกลืนซง่ึ กนั และกนั
4. หลีกเลยี่ งสงั คมและส่งิ แวดลอ้ มหนง่ึ ไปส่สู ังคมและสงิ แวดลอ้ มท่เี หมาะสมกบั ตน
สรุปได้ว่า กระบวนการคิดเป็นจะเร่ิมต้นที่ปัญหา และเมื่อเกิดปัญหาขึ้นคนที่คิดเป็นจะใช้กระบวนการ
แกป้ ญั หาดว้ ยการปรบั ตัวเอง สงั คมและสงิ แวดลอ้ มให้ประสมกลมกลนื กัน โดยอาศัยข้อมลู ประกอบการคดิ 3 ด้าน
แล้วจึงตัดสนิ ใจ เม่อื ตัดสนิ ใจแลว้ ลงมอื ปฏิบัติดวู ่าผลออกมาเป็นอยา่ งไร ถ้าพอใจก็จะมีความสขุ แตถ่ ้าไม่พอใจก็หา
วธิ ีใหมใ่ นการแก้ปัญหาจนกวา่ จะพอใจ

ตอนท่ี 1.4 ลกั ษณะของคนคดิ เป็น

ลักษณะของคนคิดเป็น อาจขนึ้ อยกู่ ับองค์ประกอบหลายๆ อย่าง อาทิ ความรพู้ นื้ ฐาน ระดับการศกึ ษา
ประสบการณ์ การเลี้ยงดู คุณธรรม จริยธรรม เป็นต้น ซึ่งหลายๆ อย่างอาจได้มาจากการศึกษาเรียนรู้ค้นคว้า
และพัฒนาตนเองและการถ่ายทอดจากผู้อื่น แต่หลายๆ อย่างอาจได้ติดตวั มาเปน็ พรสวรรค์สว่ นตัว เชน่ สติปัญญา
ไหวพริบ เป็นตัน เนื่องจาก "คิดเป็น" เป็นปรัชญาที่ต้องนำไปปฏิบัติเท่านั้นจึงจะเห็นผล และผลของการปฏิบัติ
ก็คือ เพื่อความพอใจและเพื่อความสุขของตนเอง โดยที่สังคม ชุมชนต้องไม่เดือดร้อน ซึ่งระดับของความสุข
หรือความพอใจของแต่บุคคลในเรือ่ งเดียวกันก็อาจมีความแตกต่างกันไป ดังนั้นลักษณะหรือ คุณสมบัติของคนคิด
เป็น จึงอาจมคี วามแตกตา่ งๆ กัน ทั้งนี้ ดร.โกวทิ วรพพิ ฒั น์ เจา้ ของทฤษฎีไดก้ ำหนด
ลักษณะของคน "คดิ เป็น" ไว้ 8 ประการ ดงั น้ี

1. เปน็ ผทู้ ม่ี ีความเช่ือวา่ ปัญหาทีเ่ กิดชน้ื เปน็ ส่ิงธรรมดา และสามารถแกไ้ ขได้
2. เปน็ ผู้ทส่ี ามารถนำข้อมลู หลายๆ ดา้ น (ตนเอง สังคม วชิ าการ) มาประกอบการคดิ วิเคราะห์และการตัดสินใจ
3. เป็นผู้ที่ยอมรบั และเข้าใจเสมอว่า ข้อมูลมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ดังนั้น ในการตัดสินใจที่จะกระทำอะไร
ไปในแต่ละครั้ง จะตอ้ งคดิ วเิ คราะห์และพิจารณาขอ้ มูลในหลายๆ ด้านอย่างรอบคอบ
4. เป็นผ้ทู เ่ี ปิดใจทีจ่ ะรบั ขอ้ มลู ใหม่ๆ และสนใจท่จี ะวเิ คราะห์ขอ้ มลู อยูเ่ สมอ
5. เป็นผทู้ ม่ี คี วามตระหนกั อยู่เสมอว่าการกระทำของตน มีผลตอ่ ตนเองคนรอบขา้ งและสงั คม
6. เปน็ ผู้ที่ไดเ้ ตม็ ใจท่ีจะยอมรับและรบั ผดิ ชอบต่อผลของการตัดสินใจ และผลของการไดล้ งมือกระทำแล้ว
7. เปน็ ผู้ท่สี ามารถแกป้ ัญหาชีวิตประจำวันอยา่ งมรี ะบบและมเี หตมุ ีผล

8. เป็นผู้รู้จักชั่งน้ำหนักและให้คุณค่ากับทุกสรรพสิ่งรอบๆ ด้านนอกจากนี้ ดร.ทองอยู่ แก้วไทรฮะ อดีตอธิบดี
กรมการศึกษานอกโรงเรียน ได้บอกลักษณะ ของคนคิดเป็น ในการบรรยาย ณ โรงแรมอู่ทองอินน์
จังหวัดพระนครศรีอยธุ ยา วนั ที่ 24 มิถุนายน 2552 วา่ มีลักษณะดงั นี้

1. เชอ่ื ในความแตกต่างหลากหลายของคน
2. เชอื่ ในลกั ษณะการเปลย่ี นแปลงของชวี ิตและสงั คมที่มเี กิดขน้ึ ดำรงอย่แู ละดับไปเปน็ ธรรมดา
3. เชอ่ื มั่นในความพอเพียง พอประมาณ พอดี และรู้จักพง่ึ พาตนเอง
4. เชอ่ื ในหลกั ของอรยิ สจั 4
5. เช่ือวา่ ทุกข์หรือปัญหาใดๆ ย่อมมอี ยูใ่ นธรรมชาติ เป็นของธรรมดา และสามารถแกไ้ ขได้เสมอ
6. เชื่อมั่นว่าข้อมูลท้ังหลายเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา การตัดสินใจแก้ปัญหาที่ดีต้องรู้จักใช้ รู้จักวิเคราะห์
สังเคราะห์ข้อมูลที่หลากหลายเพียงพอ และครอบคลุมข้อมูลที่เกี่ยวกับตนเอง คือ รู้จักตนเองอย่างถ่องแท้ ข้อมูล
ทเ่ี กย่ี วข้องกบั วิชาการทจ่ี ะเป็นบอ่ เกิดของปัญหา และขอ้ มูลท่ีเก่ยี วกับสังคมสง่ิ แวดลอ้ มธรรมเนียมประเพณี
7. เผชญิ กับปัญหาอย่างรู้เทา่ ทนั มสี ติ ไตร่ตรองอยา่ งละเอียดรอบคอบ เมื่อตดั สินใจแลว้ มีความพอใจและเต็มใจ
รบั ผิดชอบกบั ผลการตัดสนิ ใจเชน่ นน้ั จนกวา่ จะมีข้อมูลใหม่เพม่ิ เติม หรือมีขอ้ มูลทเ่ี ปลยี่ นแปลงไป
8. เชื่อมัน่ และมนั่ ใจในการเรยี นรู้ตลอดชีวิต

สรปุ ได้ว่า ลกั ษณะของการ "คดิ เปน็ " เปน็ การคดิ แบบพอเพียง พอประมาณ ไมม่ าก ไม่น้อยเปน็ ทางสายกลาง
สามารถอธิบายไดด้ ว้ ยเหตุผล พร้อมทจี่ ะรับผลกระทบท่เี กิดโดยมีความรอบรูใ้ นวชิ าการทเ่ี กีย่ วข้อง อยา่ งรู้จริง
สามารถนำความรู้มาใชป้ ระโยชนไ์ ด้ มีคณุ ภาพใชส้ ตปิ ัญญาในการดำเนินชวี ิต ซงึ่ แนวคิดนีส้ อดคล้องกับปรชั ญา
เศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอย่หู ัวน่นั เองเปน็ การบูรณาการเอา การคดิ การกระทำ การแก้ปญั หา
ความเหมาะสมและความพอดี มารวมไวใ้ นคำวา่ "คดิ เป็น" คือ การคดิ เป็น ทำเปน็ อย่างเหมาะสมกบั ตน เกิดความ
พอดี และแกป้ ัญหาได้ดว้ ย ดงั น้นั สมรรถภาพของคนคดิ เป็น อาจมลี ักษะรวมๆ ได้ ดังนี้

1. เผชญิ ปัญหาในชีวิตประจำวันอย่างมีระบบ
2. สามารถทจ่ี ะแสวงหาและใชข้ ้อมลู หลายๆ ด้านในการคดิ แก้ไขปญั หา
3.รจู้ ักชัง่ น้ำหนกั คณุ คา่ และตัดสินใจหาทางเลอื กใหส้ อดคลอ้ งกบั ค่านิยม ความสามารถและสถานการณ์
หรือเป็นผู้ทม่ี เี หตุ มีผล เขา้ ใจสถานการณ์และกาลเทศะ
4.เป็นผ้ทู ่ีมคี วามพยายาม ความอดทน ทจี่ ะแก้ไขและเอาชนะกบั ปัญหาดว้ ยความไตรต่ รองและรอบคอบ
นอกเหนือจากนี้ ลักษณะของคนคดิ เปน็ อาจเปน็ ผู้ท่ีมคี ุณธรรมมโนธรรมและจรยิ ธรรมอ่ืนๆ อาทิ ความซอ่ื สตั ย์
สจุ ริต ละอายต่อการทำชัว่ มคี วามกตญั ญู รกั สงบ ปรองดอง เปน็ ตน้


Click to View FlipBook Version