สาระสำคญั
มีความรู้ ความเข้าใจ ทักษะและเจตคติท่ีดีเก่ียวกับการดูแลส่งเสริมสุขภาพอนามัยและความปลอดภัย
ในการดำเนินชีวิต ได้แก่การคุมกำเนิดแบบต่าง ๆ และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ การดูแลความสะอาดของ
อวัยวะต่างๆ ท่ีเก่ียวกับระบบสืบพันธ์ุ ความหมายของ HIV และเอดส์ และช่องทางการรับและแพร่เชื้อ HIV
ผลการเรยี นร้ทู ีค่ าดหวงั
1. บอกผลดผี ลเสียของการคุมกำเนิดแบบต่างๆ
2. ระบุอาการเบ้อื งต้นของโรคตดิ ต่อทางเพศสมั พันธ์
3. ระบุความเส่ยี งท่เี กิดจากการมีเพศสัมพันธ์ที่ไมป่ ลอดภัย
ขอบข่ายเน้ือหา
1. การคุมกำเนดิ แบบตา่ งๆและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
2. การดแู ลความสะอาดของอวยั วะต่างๆ ท่เี กยี่ วกับระบบสืบพันธุ์
3. ความหมายของเชอื้ HIV และเอดส์
กจิ กรรมการเรียนรู้
1. ศกึ ษาเอกสารประกอบการเรยี นรู้
2. ปฏบิ ตั กิ ิจกรรมตามทไ่ี ด้รบั มอบหมาย
3. ทำกจิ กรรมตามใบงาน
ส่ือประกอบการเรียนรู้
1. เอกสารประกอบการเรยี นรู้
2. ใบงานทา้ ยบท
3. การสบื ค้นทาง Internet
ประเมินผล
1. แบบทดสอบก่อนเรียน
2. ประเมนิ ผลจากกิจกรรมตามใบงาน
3. แบบทดสอบหลงั เรียน
ตอนที่ 1 การคมุ กำเนดิ แบบตา่ งๆและโรคติดตอ่ ทางเพศสมั พนั ธ์
1.1 การคุมกำเนิดแบบต่างๆ
การคุมกำเนิดเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดการต้ังครรภ์ในขณะท่ียังไม่พร้อมการคุมกำเนิดทำได้ท้ังผู้ชาย
และผู้หญิงจะเลือกใช้วิธีการคุมกำเนิดแบบใดขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละคนเพราะแต่ละวิธีมีท้ังข้อดีและ
ข้อเสียแตกตา่ งกันวธิ ีการคมุ กำเนดิ แบบตา่ ง ๆ มดี ังน้ี
การใชถ้ งุ ยางอนามยั (condoms)
เป็ น วิ ธี คุ ม ก ำ เนิ ด ท่ี ส า ม า ร ถ ป้ อ ง กั น ก า ร ติ ด เชื้ อ โ ร ค ท า ง
เพศสัมพันธ์ได้ทุกชนิดรวมทั้งการติดเชื้อเอดส์การศึกษาวิจัยทาง
การแพทย์สรุปไว้ว่าการใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกต้องถือเป็นปัจจัยท่ี
สำคัญที่สุดในการป้องกันการตั้งครรภ์และการติดเช้ือของโรคติดต่อทาง
เพศสมั พนั ธ์การใช้ถุงยางอนามัยต้องระมัดระวงั ไมใ่ หเ้ กิดถงุ ยางแตกหรือ
ถุงยางหลุด
ขอ้ เสียของการใช้ถุงยางอนามัย
1. อาจจะแพ้ยางหรือสารหลอ่ ลนื่ ทเี่ ป็นวัสดุทผ่ี ลิตถงุ ยาง
2. หากใสห่ รอื ถอดไมถ่ กู วิธีก็อาจเส่ียงต่อการตั้งครรภ์ไดเ้ พราะมกี ารร่วั ไหลเกดิ ขึ้น
การทำหมันชาย
เป็นการคุมกำเนิดประเภทถาวรได้ผลดีในเพศชายโดยวิธีการตัดและผูกท่อทางเดินของเช้ืออสุจิที่มา
จากลูกอัณฑะท้ังสองข้างการทำหมันชายจะง่ายปลอดภัยเจ็บเล็กน้อยและมีภาวะแทรกซ้อนน้อย การทำหมัน
ชายไม่จำเป็นต้องวางยาสลบระหว่างทำการผ่าตัดใช้เพียงยาชาเฉพาะท่ีและหลังจากเสร็จสิ้นการผ่าตัดสามารถ
กลับบ้านหรือกลับออกไปปฏิบัติงานได้ตามปกติไม่จำเป็นต้องรับไว้รักษาในโรงพยาบาล เมื่อทำหมันแล้วก็ยังมี
สมรรถภาพทางเพศเหมอื นเดมิ ทุกอย่างแต่ขอ้ เสียของวธิ นี ีค้ อื ไม่สามารถแก้ไขได้หากต้องการมบี ตุ รในภายหลงั
การทำหมันหญงิ
เป็นวิธีการคุมกำเนิดท่มี ีประสิทธิภาพสงู ปลอดภยั และประหยัดการทำหมนั หญงิ เปน็ การทำให้หลอด
มดลกู อุดตนั ทง้ั สองขา้ งเพื่อป้องกันการปฏิสนธขิ องไข่กับตัวอสจุ สิ ่วนมากการทำหมนั หญิงมกั จะทำหลงั คลอด
เรยี กวา่ “การทำหมันเปยี ก” ซึง่ จะทำระยะคลอดบุตรใหม่ๆประมาณชว่ั โมงหลงั คลอดซึ่งจะงา่ ยและสะดวกกวา่
การทำหมนั หญิงในช่วงเวลาทีไ่ ม่ต้งั ครรภห์ รอื ทเี่ รยี กกนั วา่ “การทำหมนั แห้ง” การทำหมันหญิงหลงั คลอดจะ
ทำไดง้ า่ ยเนือ่ งจากมดลูกอยู่ที่ระดับสะดือทำใหส้ ะดวกในการหาทอ่ นําไข่และการทำหมันหลงั คลอดก็ไม่ทำให้
ระยะเวลาในการอยูโ่ รงพยาบาลยาวนานข้ึนและไม่มผี ลต่อน้ำนมมารดาส่วนการทำหมันแห้งจะมีกระบวนการ
ผ่าตดั ที่ยุง่ ยากลําบากกว่าทำหมนั หลังคลอดเนื่องจากมดลูกมีขนาดเล็กกวา่ มดลกู หลงั คลอดการหาท่อนาํ ไข่จะ
ยากกวา่ การผา่ ตัดทำหมนั หลังคลอด
ข้อเสยี ของการทำหมนั หญิง
1. มีอาการคลน่ื ไส้อาเจยี น
2. มเี ลอื ดออกผดิ ช่วงเวลาหรอื ระหว่างมีรอบเดือน
3. นำ้ หนกั เปลี่ยนแปลงไป
4. ไมส่ ามารถแก้ไขได้หากต้องการมบี ตุ รในภายหลงั
ยาเม็ดคุมกำเนิด (Combined Oral Contraceptive Pill)
เป็นวิธีการคุมกำเนิดช่ัวคราวแต่ได้ผลมากท่ีสุดยานี้มีผลทำใหไ้ ข่ไม่ตกเป็นยาเม็ดใช้กินมีลกั ษณะเป็นแผงๆ
ละ21เม็ดใช้วันละ1เม็ดโดยเริ่มกินยาเม็ดแรกในวันที่5หลังมีประจำเดือนจากนั้นกินต่อเนื่องจนหมดวิธีนี้ไม่เหมาะ
กับคนขี้ลืมเพราะถ้ากินยาไม่สม่ำเสมอจะไม่ได้ผลยาน้ีอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงเช่นมีอาการคลื่นไส้อาเจียนมี
เลือดออกผิดช่วงเวลาและน้ำหนักเปล่ียนแปลงอาการเหล่าน้ีมักเป็นในช่วงยา3แผงแรกจากน้ันร่างกายก็สามารถ
ปรับตัวได้
ยาคมุ กำเนดิ (Combined Oral Contraceptive Pill) ยาคุมฉกุ เฉิน (Postcoital contraceptives)
ยาฉดี คมุ กำเนดิ (Injectable contraceptive)
ยาฉีดคุมกำเนิดเป็นฮอร์โมนสังเคราะห์ที่นำมาใช้ในการคุมกำเนิดอีกวิธี
หนึ่งมีการศึกษาค้นคว้าและทดลองใช้มาเป็นเวลานานพบว่ามีประสิทธิภาพในการ
คุมกำเนิดดีมากโดยเฉพาะสตรีหลังคลอดท่ีเล้ียงบุตรด้วยนมมารดาเพราะไม่ทำให้
น้ำนมน้อยลงยาฉีดคุมกำเนิดคือการฉีดยาเข้าที่กล้ามเน้ือสะโพกการที่จะฉีดชนิด
ไหนต้องปรึกษาแพทย์เพ่อื ขอคำแนะนาํ ผลดีของยาฉีดคุมกำเนิด
1. เปน็ วิธีคุมกำเนิดชัว่ คราวท่ีมีประสทิ ธภิ าพป้องกนั การต้งั ครรภ์สูงปลอดภัย
2. ฉดี ยาคมุ 1เขม็ สามารถคุมกำเนิดไดน้ านถึง 3 เดือน
3. ช่วยปอ้ งกนั การต้งั ครรภ์นอกมดลกู
4. ลดอาการอักเสบขององุ้ เชงิ กรานมะเรง็ เยื่อบุโพรงมดลูกและมะเรง็ รังไข่
ยาฝังคมุ กำเนิด (contraceptive implant)
เป็นยาคุมกำเนิดช่ัวคราวที่มีตัวยาเช่นเดียวกับยาฉีดคุมกำเนิดโดยการใช้ฮอร์โมนprogesterone
สังเคราะห์นำมาใช้ในลักษณะเป็นผงบรรจุในหลอดไซลาสติคฝังไว้ใต้ผิวหนังบริเวณต้นแขนด้านในเป็นการใช้ยา
เพียงครั้งเดียวแต่ออกฤทธิ์ได้นานและสม่ำเสมอสะดวกเพราะคุมกำเนิดได้ถงึ 5 ปเี หมาะสำหรับผหู้ ญิงที่มบี ุตรแล้ว1
คนต้องการคมุ กำเนิดอีก 5 ปีวิธีน้ีเหมาะที่สุดแต่มีข้อเสียคอื อาจมีผลข้างเคียงเช่นปวดศีรษะคลื่นไส้อาเจียนเป็นสิว
น้ำหนกั ขึ้นและผมรว่ งรวมท้ังอาจมผี ลกระทบกบั รอบเดือนปกตดิ ว้ ย
การฝังยาคมุ กำเนิด
การใสห่ ว่ งอนามัย
ห่วงอนามยั เป็นเครื่องมือแพทยท์ ่ใี ส่ในโพรงมดลูกเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์เป็นอุปกรณ์ทีใ่ ชค้ ุมกำเนิดกนั
อย่างแพร่หลายเน่อื งจากมปี ระสิทธิภาพสูงราคาถกู และสามารถใชต้ ดิ ต่อกนั เปน็ เวลานานไมม่ ีผลต่อการหลง่ั น้ำนม
และไมม่ ผี ลต่อการเจริญพนั ธุ์ภายหลงั เลิกใชห้ ่วงอนามัยเป็นเวชภณั ฑ์ทำดว้ ยพลาสตกิ มีลกั ษณะโค้งงอขนาด
พอเหมาะใชใ้ สท่ างปากมดลกู เข้าไปในโพรงมดลูกมีอายกุ ารใชง้ านประมาณ 6-15 ปขี นึ้ กับชนดิ ของห่วงอนามัยแต่
ผลขา้ งเคียงของการใสห่ ่วงอนามยั คืออาจมรี อบเดือนมากขึ้นและเป็นตะคริวในชว่ งรอบเดอื นเมื่อใสห่ ว่ งดังกลา่ วแต่
อาการนีจ้ ะหายไปในระยะ 2-3 เดอื นหลังการใส่และจะเพ่ิมปริมาณรอบเดอื นที่เคยมีใหม้ ากขนึ้ และยังเส่ยี งต่อการ
ติดเชอ้ื ได้ง่ายกวา่ วธิ ีอน่ื ๆ
การนบั วัน
เป็นวิธีการคุมกำเนดิ แบบนับวนั ไข่ตกโดยมรี ะยะปลอดภัยทส่ี ามารถมเี พศสมั พันธ์ได้คือชว่ งเวลากอ่ นมี
ประจำเดือน 7 วนั และหลงั มปี ระจำเดอื น7วันแต่การนับวันอาจผิดพลาดไดใ้ นกรณปี ระจำเดือนคลาดเคล่ือน
ตัวอย่าง ถ้าเรามีประจำเดอื นระหวา่ งวันที่ 7-11 ระยะปลอดภัยในช่วงหน้าเจ็ดคือระหว่างวันที่ 1-7 ส่วน
ช่วงหลงั เจด็ คอื ระหว่างวันที่ 7-13 (ไมใ่ ชว่ ันท่ี11-17)
สว่ นขอ้ เสีย คอื มผี ลลม้ เหลวคอ่ นขา้ งสูงเพราะสว่ นใหญส่ ตรีมักมีรอบเดอื นไมส่ ม่ำเสมอดังนั้นการท่ีจะ
เลอื กใช้วิธีใดในการคมุ กำเนดิ กต็ ามให้ปรึกษาแพทย์ตามโรงพยาบาลศนู ย์บริการสาธารณสุขใกลบ้ ้าน
1.2 โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธเ์ ร่มิ จะพบมากข้ึนในวัยร่นุ ซ่งึ จะมีเพศสัมพันธ์ก่อนการแต่งงานโดยทขี่ าด
ความรู้ความเขา้ ใจเก่ยี วกบั การป้องกันตวั เองท้ังการตงั้ ครรภแ์ ละโรคตดิ ต่อการท่ีเรามีความรู้เกี่ยวกบั การติดต่อ
อาการของโรคการรักษาจะเป็นขน้ั แรกของการป้องกันโรคข้อเทจ็ จริงเก่ยี วกบั โรคตดิ ต่อทางเพศสมั พนั ธท์ ี่ควร
ทราบมีดังน้ี
1. โรคติดต่อทางเพศสัมพนั ธ์สามารถเป็นไดท้ ุกเพศทุกวัยแต่พบมากในวยั รนุ่
2. อตั ราการตดิ เช้ือของโรคติดตอ่ ทางเพศสัมพันธ์พบมากข้นึ เนื่องจากวัยรนุ่ มีคา่ นิยมทีจ่ ะมีความสมั พันธ์
กอ่ นแตง่ งานหรอื นยิ มมเี พศสมั พนั ธต์ ้งั แต่อายุน้อยและที่สำคญั มกี ารหยา่ ร้างสูงมสี ามีหรือภรรยาหลาย
คนทำให้โรคติดต่อทางเพศสัมพนั ธเ์ พิม่ มากขนึ้
3. โรคตดิ ตอ่ ทางเพศสมั พันธม์ กั เกิดขึน้ โดยไม่รู้ตวั ไมม่ ีอาการแพทย์จงึ แนะนาํ ให้มีการตรวจรา่ งกายเปน็
ประจำ
4. โรคตดิ ตอ่ ทางเพศสมั พนั ธ์ก่อให้เกดิ ปัญหาต่างๆดังน้ี
1) โรคอาจจะลุกลามไปยงั มดลกู หรอื ทอ่ รงั ไขท่ ำใหเ้ กิดการอักเสบในช่องท้องซงึ่ อาจจะก่อใหเ้ กิด
การเป็นหมันหรอื ตัง้ ครรภ์นอกมดลูก
2) โรคติดต่อทางเพศสมั พันธ์อาจจะทำให้เกดิ โรคมะเร็งปากมดลกู
3) โรคตดิ ตอ่ ทางเพศสมั พันธ์สามารถตดิ ต่อไปยังทารกในครรภ์
อาการของผู้ป่วยโรคติดต่อทางเพศสัมพนั ธ์
1. ปัสสาวะขัด
2. มีผื่นแผลหรอื ตุ่มนำ้ ทีอ่ วยั วะเพศหรอื ทวารหนกั
3. มีหนองหรอื น้ำหลั่งจากชอ่ งคลอดหรือท่อปสั สาวะ
4. มอี าการคนั หรือปวดบริเวณทวาร
5. มีอาการแดงและปวดบริเวณอวยั วะเพศ
6. ปวดทอ้ งหรือปวดชอ่ งเชิงกราน
7. ปวดเวลามีเพศสัมพนั ธ์
8. ตกขาวบอ่ ย
ประเภทของโรคติดตอ่ ทางเพศสัมพันธ์
พ่อแม่ผปู้ กครองควรมีความรคู้ วามเข้าใจเก่ียวกับโรคตดิ ต่อทางเพศสัมพนั ธ์และอาการแรกเร่มิ ของโรคเพ่ือ
เปน็ ประโยชน์ในการสงั เกตอาการซึ่งอาจเกดิ ขน้ึ และรักษาได้ทันกอ่ นท่ีโรคจะลุกลามเพ่ิมขน้ึ
โรคติดตอ่ ทางเพศสมั พันธ์มีหลายโรคด้วยกนั ซง่ึ มีรายละเอียดทค่ี วรศึกษาดังตอ่ ไปนี้
1. โรคท่ีเกดิ จากการตดิ เชื้อ human papillomaviruses (HPV)
HPV เป็นเช้ือไวรัสชนิดหน่ึงที่ทำให้เกิดหูดหรือตุ่มเล็กๆข้ึนตามร่างกาย (ไม่ใช่มะเร็ง) ไวรัส HPV มี
มากกว่า100ชนิดไวรัส HPV สามารถโตได้ในทุกส่วนของร่างกายและอาจเกิดขึ้นท่ีบริเวณปากผิวหนัง อวัยวะเพศ
และทวารหนกั เนอื่ งจากเช้อื นี้ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ จึงทำให้โรคนี้เป็นกนั มากในวยั เจริญพันธ์ุโรคที่พบจากการติด
เชื้อน้ีไดแ้ ก่ หดู ทอ่ี วัยวะเพศ และโรคอนื่ ๆ ได้แก่ แผลทีอ่ วัยวะเพศทัง้ ชายและหญิง
2. เริมทอี่ วัยวะเพศ
เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ท่ีเกิดจากเช้ือไวรัสทำให้เกิดการติดเชื้อได้หลายระบบทั่วร่างกายเช่น ตาเยื่อบุ ช่อง
ปาก ริมฝีปาก ผิวหนัง ระบบประสาท และสมองรวมทั้งบริเวณอวยั วะเพศ โดยเช้ือไวรัสจะเข้าสู่ร่างกายได้โดยการ
สมั ผัสทางเยือ่ บุ หรือทางผิวหนังทถี่ ลอกหรอื เปน็ แผลบริเวณท่พี บอาการตดิ เชอื้ เริมมากที่สุดคอื ริมฝปี าก รองลงมา
คือ บริเวณอวัยวะเพศคนส่วนใหญ่ประมาณ 80-90 % จะเคยได้รับเช้ือไวรัสเริมเข้าสู่ร่างกายแล้วแต่ไม่ได้แสดง
อาการของโรคเม่ือเกิดอาการติดเช้ือคร้ังแรกแล้วมักจะเกิดซ้ำอีกอาการของโรค : เม่ือเชื้อไวรัสเข้าสู่ร่างกาย
ประมาณ 6-8 วันจะทำให้ผิวบริเวณน้ันเกิดตุ่มน้ำพองใส เป็นกลุ่ม ๆ กลุ่มละ 2-10 เม็ด จะมีอาการปวดแสบปวด
ร้อนบรเิ วณขา ก้น หรืออวัยวะเพศ ซงึ่ เป็นช่วงท่ีสามารถตดิ ตอ่ ไปสู่ผอู้ ่ืนไดแ้ ผลจะหายได้เองใน 2-3 สัปดาห์แต่เช้ือ
ยังมีอย่ใู นรา่ งกาย
3. หนองในแท้
เกิดจากเช้ือแบคทีเรียเช้ือโรคเข้าสู่ร่างกายทางเย่ือบุท่อปัสสาวะในผู้ชายทางปากมดลูกและท่อปัสสาวะ
ของผู้หญิง และสร้างสารพิษรวมทั้งสร้างเอนไซม์ทำให้ความสามารถในการก่อโรคเพ่ิมมากขึ้นโรคหนองในติดต่อ
ทางเพศสัมพันธ์ไม่ว่าจะทางปากช่องคลอดหรือทางทวารการร่วมเพศทางปากจะทำให้เช้ือสามารถติดต่อจากปาก
ไปอวัยวะเพศหรือจากอวัยวะเพศไปยังปากหากช่องคลอดหรืออวัยวะดังกล่าวปนเปื้อนหนองท่ีมีเช้ือก็สามารถติด
เชือ้ นไ้ี ดโ้ ดยท่ีไม่จำเป็นต้องมีการร่วมเพศ
อาการของโรค
- ผู้ชายจะมีอาการปัสสาวะแสบและมีหนองไหลถ้าเป็นมากอาจจะมีอาการแทรกซ้อนได้มักจะ
เกิดอาการหลังจากได้รับเชื้อไปแล้ว 2-5 วัน อาการเร่ิมแรกจะรู้สึกระคายเคืองท่อปัสสาวะหลังจากน้ันจะ
มอี าการปวดแสบ เวลาปสั สาวะแล้วจึงตามด้วยมีหนองสเี หลอื งไหลออกจากท่อปัสสาวะอัณฑะบวมหรือมี
การอกั เสบ
- ผู้หญิงตกขาวมกี ลนิ่ เหม็นเป็นหนองหรอื มูกปนหนองปัสสาวะแสบขัดปวดท้องน้อยอาจมีอาการ
อักเสบท่ีท่อปัสสาวะปากมดลูกช่องทวารหนักถ้าเป็นมากจะมีอาการแทรกซ้อน เช่น เป็นฝีของต่อมบาร์
โทลินเช้ือโรคอาจลุกลามเข้าสู่โพรงมดลูกปีกมดลูก ทำให้อุ้งเชิงกรานอักเสบจนเป็นสาเหตุหนึ่งของการ
ตัง้ ครรภ์นอกมดลูกหรืออาจเป็นหมันได้ผู้หญิงท่ีได้รับเชือ้ น้ีจะมีอาการช้ากว่าผู้ชายโดยเฉลีย่ จะเกิดอาการ
หลังได้รับเช้อื แลว้ 1-3 สปั ดาห์
การป้องกนั : ควรหลีกเล่ียงการเที่ยวหรือสำส่อนทางเพศและถ้าจะหลบั นอนกับคนท่ีสงสัยว่าเป็นหนองใน
ควรใช้ถุงยางอนามัยซึ่งจะช่วยป้องกันได้เกือบ 100% การด่ืมน้ำก่อนร่วมเพศและถ่ายปัสสาวะทันทีหลังร่วมเพศ
หรือการฟอกลา้ งสบทู่ ันทีหลังรว่ มเพศอาจช่วยลดการติดเช้ือลงไดบ้ ้างแต่ไม่ไดผ้ ลทุกราย
4. ซฟิ ลิ ิส
เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ท่ีพบได้ไม่บ่อยการติดเชื้อเริ่มแรกจะเป็นก้อนแข็งที่อวัยวะเพศไม่เจ็บถ้าไม่
รักษาจะกลายเป็นระยะท่ีสองท่ีเรียกว่า เข้าข้อหรือออกดอก หากท้ิงไว้นานจะติดเช้ือที่ระบบประสาทและหัวใจ
เป็นโรคติดต่อท่ีสามารถทําให้เกิดโรคกับระบบต่างๆของร่างกายได้หลายระบบ เช่น ระบบหัวใจและหลอดเลือด
ระบบประสาท เป็นต้น นอกจากน้ีแม่ที่เป็นโรคซิฟิลิสจะถ่ายทอดโรคสู่ทารกในครรภ์ได้เรียกว่า ซิฟิลิสแต่กำเนิด
เชอ้ื ซฟิ ลิ ิสถกู ฆา่ ได้ง่ายด้วยความแหง้ ความร้อน และยาฆ่าเชอ้ื ทั่วๆไป
อาการโรค : หลังจากติดเชื้อ 1 -8 สัปดาห์จะมีตุ่มเล็กๆเท่าหัวเข็มหมุดที่อวัยวะเพศหรือท่ีอ่ืนๆตาม
ร่างกาย เช่น ริมฝีปาก ล้ิน ต่อมทอนซิล หัวนม นิ้ว มักมีแผลเดียวแผลสะอาดหลังเป็นแผล 1 สัปดาห์ จะเป็น
ฝีมะม่วงต่อมาตุ่มเล็กๆน้ีจะแตกกลายเป็นแผลกว้างขอบแผลเรียบและแข็งเรียกว่า แผลริมแข็งมักมีแผลเดียวรูป
กลมหรือวงไข่อาจมี 2 แผลชนติดกันระยะน้ีจะไม่มีอาการเจ็บหรือคันบริเวณก้นแผลแข็งคล้ายกระดุมต่อมท่ีขา
หนบี โตมีลักษณะแข็งแม้ไม่ได้รกั ษาแผลจะหายได้เองแต่เชือ้ ซิฟิลสิ ยงั คงอยใู่ นรา่ งกาย
การป้องกัน : ปัจจุบันน้ีโรคซิฟิลิสจะเกิดจากการติดเช้ือร่วมกับการเป็นโรคเอดส์การป้องกันไม่ให้เกิดโรค
ซฟิ ิลสิ คอื ไม่เทย่ี วหญิงบรกิ ารไม่สำสอ่ นทางเพศ
5. แผลรมิ อ่อน
เกิดจากเช้ือแบคทีเรียโรคน้ีติดต่อได้ง่ายแต่ก็สามารถรักษาให้หายขาดโรคน้ีจะทำให้เกิดแผลท่ีอวัยวะเพศ
และตอ่ มนำ้ เหลืองทีข่ าหนีบโต บางครัง้ มหี นองไหลออกมา หากไม่รกั ษาจะเปน็ สาเหตใุ ห้เกิดการตดิ เชื้อ HIVไดง้ ่าย
อาการของโรค : หลังได้รับเช้ือ 2-7 วัน จะมีแผลเล็ก ๆ ท่ีปลายอวัยวะเพศลักษณะคล้ายแผลเปื่อยขอบ
ไม่แขง็ และไมเ่ รยี บเรยี กว่าแผลรมิ ออ่ นเวลาแตะถูกมักมเี ลอื ดซบิ ๆ และรูส้ กึ เจบ็ ต่อมาจะพบตอ่ มน้ำเหลอื งทข่ี าหนีบ
บวมโตติดกันเป็นพืดและเจ็บ ลักษณะเป็นสีแดงคล่ำและนุ่ม อาจแตกเป็นหนองได้ ส่วนมากโตเพียงข้างเดียวบาง
คนอาจมไี ขห้ นาวสนั่ เบื่ออาหารร่วมด้วยถ้าไม่ได้รับการรักษาท่ีถกู ต้องแผลจะลกุ ลามบางคนอาจเปน็ มากจนอวัยวะ
เพศแหว่งหายได้
การปอ้ งกนั
1. อยา่ สำสอ่ นทางเพศ
2. ใช้ถงุ ยางอนามยั ท่ที ำจากยางธรรมชาติ (ปอ้ งกันได้เฉพาะอวยั วะเพศเท่านนั้ ผิวหนังสว่ นอ่ืนไม่สามารถ
ป้องกนั )
3. หากมแี ผลใหง้ ดการมเี พศสัมพันธ์
1.3 การป้องกนั โรคติดตอ่ ทางเพศสมั พันธ์
การป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ดีท่ีสุดคือการไม่มีเพศสัมพันธ์หากยังมีเพศสัมพันธ์ต้องค ำนึงถึง
ความปลอดภัยเปน็ อันดบั แรกดังน้ี
1. ใหม้ ีสามหี รอื ภรรยาคนเดยี วไมเ่ ปลยี่ นคนู่ อน
2. ใสถ่ งุ ยางอนามัยใหถ้ กู ต้องโดยเฉพาะการมีเพศสัมพนั ธ์กับคนท่ไี มท่ ราบว่าจะทำให้มีการตดิ เชอ้ื หรือไม่
3. ไม่ควรมเี พศสัมพันธเ์ มอ่ื อายุนอ้ ยเพราะจากสถติ ิหากมีเพศสมั พันธ์อายนุ อ้ ยจะมโี อกาสตดิ โรคสงู
4. ตรวจสุขภาพประจำปโี ดยเฉพาะผ้ทู ต่ี ้องการแตง่ งานใหม่
5. เรียนรูอ้ าการของโรคติดตอ่ ทางเพศสมั พันธ์
6. ไมค่ วรมีเพศสมั พันธข์ ณะมีประจำเดือนเพราะจะทำให้เกดิ โรคตดิ ต่อได้ง่าย
7. ไมค่ วรมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักหากจําเป็นให้สวมถุงยางอนามัย
8. ไม่ควรสวนลา้ งชอ่ งคลอดเพราะจะทำใหเ้ กดิ การติดเช้ือได้ง่าย
1.4 การปฏิบัติตวั เมอ่ื เปน็ โรคตดิ ตอ่ ทางเพศสมั พันธ์
1. ให้รกั ษาอย่างรวดเรว็ เพ่อื ปอ้ งกันการแพรเ่ ชือ้
2. แจ้งใหค้ นู่ อนทราบว่าเปน็ โรคเพือ่ ป้องกนั มใิ หแ้ พรส่ ูค่ นอน่ื และควรรบี รกั ษา
3. รกั ษาตามแพทยส์ ั่ง
4. งดการมเี พศสัมพันธ์
ตอนที่ 2 การดแู ลความสะอาดของอวัยวะตา่ งๆ ทเ่ี ก่ียวขอ้ งกบั ระบบสืบพันธุ์
การดูแลสขุ อนามัยของอวยั วะสืบพนั ธเ์ุ ปน็ สิ่งสำคญั และจาํ เปน็ ที่จะต้องเรยี นรู้เพอ่ื คณุ ภาพชวี ติ ที่ดี
ปราศจากโรคภยั ไข้เจบ็ วธิ ดี แู ลรกั ษาความสะอาดอวัยวะสืบพนั ธท์ุ ้งั เพศหญงิ และเพศชาย มดี งั น้ี
1. อวยั วะเพศหญิง
อวัยวะเพศหญิงมีความสลับซับซ้อนมากกว่าอวัยวะเพศชายมีสิ่งที่สกปรกต่างๆจากเหงื่อน้ ำมัน
ธรรมชาติปัสสาวะและตกขาวตลอดจนฝุ่นละอองต่างๆการรักษาความสะอาดจึงควรดูแ ลเป็นพิเศษและท ำ
ความสะอาดเฉพาะภายนอกเทา่ นัน้
• ทำความสะอาดทุกวันเช้า-เยน็ ด้วยน้ำและสบู่ ซับให้แห้งด้วยผ้าหรือกระดาษอ่อนเบาๆ การถูแรงๆอาจ
ทำให้เกิดแผลได้ และควรนําผ้าตากในที่ได้รับแสงแดดเพราะการตากในห้องน้ำหรือในที่ร่มจะทำให้เกิด
ความอับช้ืนและเปน็ เชื้อราได้ง่าย
• หลังการขับถา่ ยใหท้ ำความสะอาดโดยเชด็ จากข้างหนา้ ไปขา้ งหลัง
• ไม่ควรใช้กางเกงในที่รัดแน่นหรืออับเหง่ือและไม่ควรใช้กางเกงในรว่ มกับผู้อื่นกางเกงในควรเป็นผ้าฝ้าย
ที่ มี เน้ื อ ผ้ า บ า ง เบ า อ า ก า ศ ถ่ า ย เท ส ะ ด ว ก เพื่ อ ล ด ค ว า ม อั บ ช้ื น ข อ ง อ วั ย ว ะ เพ ศ แ ล ะ ค ว ร ต า ก ใน ที่ ไ ด้ รั บ
แสงแดดเพราะจะชว่ ยฆ่าเชอ้ื
• สำหรับผู้หญิงที่แต่งงานแล้วก่อนและหลังการมีเพศสัมพันธ์ควรทำความสะอาดอวัยวะเพศเพ่ือขจัดสิ่ง
สกปรกน้ำอสจุ ยิ าฆ่าอสุจหิ รือสารหลอ่ ลืน่ ตา่ งๆออกให้หมด
• ไม่ควรทำความสะอาดด้วยวิธีล้างช่องคลอดเพราะเป็นการทำลายเชื้อแบคทีเรียที่ไม่เป็นอันตรายต่อ
ร่างกายทำให้เชื้อแบคทีเรียหรือเช้ือราชนิดท่ีเป็นอันตรายเกิดข้ึนแทนและบางคร้ังอาจมีอาการแพ้ยาท่ี
ใช้การรักษาความสะอาดขณะมีประจำเดอื นตอ้ งเอาใสใ่ จเปน็ พิเศษดังนี้
• การอาบน้ำควรเป็นน้ำทอี่ ุณหภูมิปกตไิ ม่เย็นจัดและไม่ร้อนจนเกินไป
• ไม่ควรลงอาบน้ำในแม่น้ำลำคลองหรือไปว่ายน้ำในสระเพราะเชื้อโรคจากแหล่งน้ำสาธารณะเหล่าน้ัน
อาจเขา้ สู่ชอ่ งคลอดและเกิดการติดเช้อื ได้ง่าย
• อวยั วะเพศควรล้างดว้ ยสบแู่ ละไมล่ ้างเข้าไปในชอ่ งคลอด
• ทกุ ครั้งทเ่ี ปลี่ยนผ้าอนามยั ต้องทำความสะอาดอวัยวะเพศและซับให้แห้ง
• เมื่อผ้าอนามัยเปียกชุ่มควรเปล่ียนใหม่ไม่ควรปล่อยไว้เพราะจะท ำให้ผิวหนังเกิดผ่ืนคันได้ง่าย
นอกจากนี้ต้องรู้จักสังเกตความผิดปกติ เช่น การตกขาวมาก ตกขาวมีกลิ่นหรือสีผิดปกติอาการคัน เจ็บ
แสบ ซ่ึงบอกว่ามีการอักเสบเกิดขึ้นเป็นแผลปัสสาวะบ่อย ปวด แสบ ตกเลือดขณะหรือหลังการมีเพศสัมพันธ์หรือ
เจ็บปวดขณะมีเพศสมั พันธถ์ ้าเกดิ อาการเหลา่ น้ีตอ้ งรบี ไปปรึกษาแพทย์
2. อวัยวะเพศชาย
การดูแลสุขอนามัยของอวัยวะเพศชายก็มีความสำคัญมากเท่าเทียมกับการดูแลสุขอนามัยของร่างกาย
โดยทัว่ ๆไปเพราะความสะอาดของอวัยวะส่วนนี้ยอ่ มเป็นการป้องกันปัญหาต่างๆท่ีจะเกดิ ขึ้นกับตนเองและคนที่รัก
การดแู ลและรกั ษาความสะอาดควรปฏบิ ัตดิ ังนี้
• ควรทำความสะอาดอวยั วะเพศทุกวันวันละ 2 ครง้ั เช้า-เย็นดว้ ยน้ำและสบ่แู ล้วเช็ดใหแ้ หง้
• ไม่ควรน่งุ กางเกงในที่รดั แนน่ เกินไปหรือเปยี กชน้ื
• ควรเลือกกางเกงในท่ตี ดั เย็บดว้ ยเนือ้ ผ้าทร่ี ะบายอากาศไดด้ ี
• ต้องเปลี่ยนกางเกงในทุกวันโดยเฉพาะกางเกงในที่เปียกน้ำปัสสาวะไม่ควรนํากลับมาใส่ซ้ำหากยัง
ไมท่ ำความสะอาด
• ไมใ่ ชก้ างเกงในกางเกงผา้ เช็ดตัวผา้ ขาวม้าปะปนกับคนอน่ื เพราะอาจทำให้มโี อกาสตดิ โรคได้
• การมีเพศสัมพันธ์แต่ละครั้งเสี่ยงต่อการติดเช้ือจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เพราะการใช้ถุงยาง
อนามัยบางคร้ังก็ไม่สามารถป้องกันโรคได้ร้อยเปอร์เซ็นต์จึงควรท ำสะอาดทุกครั้งหลังการมี
เพศสมั พันธ์
การทำความสะอาดภายหลงั การมีเพศสมั พนั ธ์
• ทำเชน่ เดียวกับการทำความสะอาดประจำวัน
• ในกรณีที่ใช้เจลหล่อลื่นช่วยในการมีเพศสัมพันธ์หลังจากเสร็จกิจแล้ว ควรจะชะล้างเจลหล่อล่ืน
ออกให้หมดด้วยน้ำสะอาดโดยปกติควรจะใช้เจลหล่อลื่นสูตรน้ำ เพราะทำความสะอาดและล้าง
ออกไดง้ ่ายด้วยน้ำ
• การทำความสะอาดอวัยวะเพศก่อนมีเพศสัมพันธ์จะทำให้สะอาดปลอดภัยมากขึ้น ถ้าหากพบ
อาการผิดปกติ เช่น มีหนองไหลออกจากท่อปัสสาวะ ผ่ืน แผล เนื้องอก คันบริเวณอวัยวะเพศ
เจ็บปวดขณะมีเพศสัมพันธ์ ปัสสาวะบ่อย แสบ ขัด ห้ามซื้อยารับประทานเองเพราะอาจได้รับยา
ไม่ครอบคลุมและไม่เพียงพอท่ีจะทำให้โรคหายขาด และเป็นเหตุให้มีอาการเรื้อรงั หรือดื้อยาหาก
เป็นโรคบริเวณอวัยวะเพศตอ้ งงดการมเี พศสัมพนั ธ์อยา่ งเด็ดขาดจนกวา่ จะรักษาหายขาด
ตอนท่ี 3 ความหมายของโรคเอดส์ และช่องทางการรบั และแพร่เช้อื HIV
โรคเอดส์
โรคเอดส์หรือโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องเกิดจากการติดเชื้อไวรัส “ฮิวแมนอิมมิวโนเดฟีเซียนซีไวรัส” หรือ
เรียกย่อๆว่าเชื้อเอชไอวีเช้ือน้ีจะเข้าไปทำลายเซลล์เม็ดเลือดขาวท่ีมีหน้าท่ีสร้างภูมิคุ้มกันโรคทำให้ผู้ป่วยท่ีติด
เช้ือมีภูมิคุ้มกันต่ำลงจนร่างกายไม่สามารถต้านทานเช้ือโรคได้โรคต่างๆ จึงเข้ามาซ้ำเติมได้ง่ายเช่นวัณโรคในปอด
หรือต่อมน้ำเหลืองเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเช้ือราโรคผิวหนังบางชนิดหรือเป็นมะเร็งบางชนิดได้ง่ายกว่าคนปกติ
ฯลฯ และทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตในที่สุดประเทศไทยพบเชื้อเอชไอวี 2 สายพันธ์ุ คือ สายพันธ์ุเอ-อี (A/E) หรืออี (E)
พบมากกวา่ 95% แพรร่ ะบาดระหว่างคนท่ีมีเพศสมั พันธ์ระหวา่ งชาย-หญิงกับสายพนั ธบ์ุ ี (B) ที่แพร่ระบาดใน
กล่มุ รักรว่ มเพศและมพี ฤติกรรมการใช้ยาเสพติดชนดิ ฉดี เข้าเส้นโรคเอดสต์ ิดต่อได้ 3 ทาง คือ
1. การร่วมเพศกับผู้ติดเชื้อเอดส์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัยท้ังชายกับชายหญิงกับหญิงหรือชายกับหญิงจะ
เป็นช่องทางธรรมชาติหรือไม่ธรรมชาติก็ตามข้อมูลจากกองระบาดวิทยาระบุว่า 83 % ของผู้ติดเช้ือเอดส์รับเช้ือ
มาจากการมีเพศสัมพันธ์
2. การรับเช้อื ทางเลอื ดพบได้ 2 กรณีคอื
2.1 ใช้เขม็ ฉดี ยาหรอื กระบอกฉีดยาร่วมกบั ผู้ตดิ เชอ้ื เอดสม์ ักพบในกลุ่มผู้ใช้สารเสพตดิ ชนิดฉีดเขา้ เส้น
2.2 รับเลือดมาจากการผ่าตดั หรือเพือ่ รักษาโรคเลอื ดบางชนดิ แต่ปจั จบุ ันเลอื ดท่ไี ด้รบั การบรจิ าคจะ
ถกู นาํ ไปตรวจหาเชื้อเอดสก์ ่อนจึงมคี วามปลอดภยั เกือบ 100%
3. ติดตอ่ ผ่านทางแม่สลู่ ูก เกดิ จากแม่ท่ีมีเชอ้ื เอดส์และถ่ายทอดให้ทารกปจั จุบันมวี ิธปี อ้ งกันการแพร่เชื้อ
เอดสจ์ ากแม่สู่ลูก โดยการกนิ ยาต้านไวรัสในช่วงต้ังครรภ์จะสามารถลดโอกาสเส่ียงต่อการติดเชือ้ เอดสเ์ หลือเพียง
8% แต่ยงั คงมีความเสย่ี งอยูด่ ังนั้นวธิ ที ีด่ ีทส่ี ดุ คือการตรวจเลือดก่อนแต่งงาน นอกจากนโ้ี รคเอดสย์ ังสามารถ
ติดต่อผา่ นทางอืน่ ได้ แต่โอกาสมีน้อยมาก เชน่ การใชข้ องมีคมร่วมกับผู้ตดิ เชื้อเอดส์โดยไมท่ ำความสะอาด การ
เจาะหู โดยการใช้เข็มเจาะหรู ่วมกับผตู้ ิดเชอ้ื เอดส์ การสกั ผิวหนงั หรือสกั คิ้ว เปน็ ตน้ วิธีดังกล่าวเป็นการตดิ ต่อโดย
การสมั ผสั กับเลือดหรือน้ำเหลืองโดยตรงแตโ่ อกาสติดโรคเอดสด์ ว้ ยวธิ นี ้ีต้องมแี ผลเปดิ และปริมาณเลือดหรือ
น้ำเหลอื งที่เขา้ ไปในรา่ งกายต้องมีจำนวนมาก
อาการของโรคเอดส์
1. ระยะไม่ปรากฏอาการหรือระยะติดเช้ือโดยไม่มีอาการระยะน้ีผู้ติดเชื้อจะไม่แสดงอาการผิดปกติใดๆ
ออกมาจึงเหมือนคนปกติ แต่อาจจะเจ็บป่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ จากระยะแรกเข้าสู่ระยะต่อไป โดยเฉล่ียใช้เวลา
ประมาณ 7-8 ปี แต่บางคนไม่มีอาการนานถึง 10 ปี จึงทำให้ผู้ติดเชื้อสามารถแพร่เช้ือต่อไปให้กับบุคคลอ่ืนได้
เน่ืองจากสว่ นใหญไ่ ม่ทราบวา่ ตนเองติดเชือ้
2. ระยะมีอาการสัมพันธ์กับเอดส์ หรือระยะเร่ิมปรากฏอาการระยะนี้จะตรวจพบเลือดบวกและมีอาการ
ผิดปกติเกิดขึ้น เช่น ต่อมน้ำเหลืองโตหลายแห่งติดต่อกันนานกว่า3เดือน มีเชื้อราในปากบริเวณกระพุ้งแก้มและ
เพดานปาก เป็นงูสวัด หรือแผลเริมชนิดลุกลาม และมีอาการเรื้อรังนานเกิน1เดือน โดยไม่ทราบสาเหตุ เช่น มีไข้
ท้องเสีย ผิวหนงั อกั เสบ นำ้ หนกั ลด เป็นตน้ ระยะน้ีอาจเป็นอยูน่ านเปน็ ปกี ่อนจะกลายเป็นเอดส์ระยะเต็มขั้นต่อไป
3. ระยะเอดส์เต็มขั้นหรอื ระยะโรคเอดส์ ระยะนภ้ี ูมิคุ้มกนั ของร่างกายถูกทำลายลงไปมากทำใหเ้ ปน็ โรค
ตา่ งๆไดง้ ่ายซึ่งมหี ลายชนิดแล้วแตว่ า่ จะตดิ เช้อื ชนิดใดและเกิดท่ีส่วนใดของร่างกายหากเป็นวณั โรคทีป่ อดจะมี
อาการไข้เรอ้ื รังไอเปน็ เลือดถ้าเป็นเยื่อหุ้มสมองอกั เสบจากเช้ือจะมีอาการปวดศรี ษะอยา่ งรนุ แรงคอแข็งคลื่นไส้
อาเจียนส่วนใหญ่เมื่อผู้เป็นเอดส์เข้าสู่ระยะสุดท้ายนี้แล้วโดยท่ัวไปจะมีชีวิตอยู่ได้เพียง 1-2 ปีหากสงสัยว่ารับเชื้อ
เอดส์มาไม่ควรไปตรวจเลือดทันทีเพราะเลือดจะยังไม่แสดงผลเป็นบวกควรตรวจภายหลังจากสัมผัสเช้ือแล้ว
4 สปั ดาห์ข้นึ ไปจึงจะได้ผลท่แี ม่นยํา
2.1 ปจั จยั ทที่ ำให้ติดเชื้อเอดส์
1. ปรมิ าณเช้อื เอดส์ท่ีไดร้ ับหากได้รับเชือ้ เอดสม์ ากโอกาสตดิ โรคเอดสก์ จ็ ะสูงขึ้นไปด้วยโดยเชือ้ เอดสจ์ ะ
พบมากท่ีสดุ ในเลือดรองลงมาคือน้ำอสจุ ิและน้ำในช่องคลอด
2. หากมบี าดแผลจะทำใหเ้ ชือ้ เอดส์เขา้ สูบ่ าดแผลและตดิ โรคเอดส์ได้ง่ายขนึ้
3. จำนวนครง้ั ของการสมั ผัสหากสัมผัสเชื้อโรคบ่อยกม็ โี อกาสจะตดิ เชือ้ มากขึ้น
4. การตดิ เชอื้ อน่ื ๆเชน่ แผลริมอ่อน แผลเรมิ ทำให้มีเม็ดเลอื ดขาวอยทู่ ่แี ผลจำนวนมากจึงรับเชอ้ื เอดส์ได้
ง่ายและเปน็ หนทางใหเ้ ช้ือเอดส์เข้าสู่แผลได้เรว็ ขน้ึ
5. สุขภาพของผรู้ ับเช้ือหากสขุ ภาพร่างกายไมแ่ ขง็ แรงในขณะน้ันกย็ ่อมมโี อกาสรบั เชอ้ื ได้งา่ ยขนึ้
2.2 การรักษา
ปัจจุบันวงการแพทย์ได้พยายามศึกษาวิจัย เพื่อจะหาตัวยามารักษาโรคเอดส์ แต่ยังไม่ประสบผลส ำเร็จ
การรักษาในปัจจุบันจึงได้แต่รักษาตามอาการของโรคท่ีเกิดขึ้นเท่านั้น และรับประทานยาต้านเอดส์มีฤทธ์ิในการ
ยบั ยั้งการแบ่งตวั ของเช้อื ไวรสั เทา่ นัน้ แต่ไมส่ ามารถทำให้หายขาดได้
2.3 พฤติกรรมเสี่ยงตอ่ การเกิดโรคตดิ ต่อทางเพศสัมพนั ธ์
1) การสำส่อนทางเพศ บุคคลที่มีพฤติกรรมสำส่อนทางเพศหรือเปลี่ยนคู่นอนไปเรื่อย ๆ จึงอาจได้รับเชื้อ
จากคนู่ อนคนใดคนหนึง่ มาโดยไม่รู้ตวั
2) การขายบริการทางเพศ ในสังคมปัจจุบันการขายบริการทางเพศได้เริ่มเข้ามาสู่นักเรียน นิสิตนักศึกษา
แลว้ นบั ว่าเป็นการเส่ียงต่อการแพรร่ ะบาดของโรคติดตอ่ ทางเพศสัมพันธม์ าก
3) การมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่ไม่แน่ใจว่าจะเป็นเช้ือหรือผู้ป่วยโดยที่ไม่ได้ป้องกันด้วยการใช้ถุงยางอนามัย
เมือ่ มีเพศสัมพนั ธ์
4) การด่ืมสุรา จะให้ขาดสติยั้งคิด เม่ือมีอารมณ์ทางเพศข้ึนมา ประกอบกับเกิดความมึนเมาจากฤทธิ์ของ
แอลกอฮอล์ อาจจะไปเทีย่ วหญงิ บรกิ าร และตดิ เชือ้ เอดส์ได้ในท่ีสดุ
5) การไปเทีย่ วสถานที่มีบรรยากาศท่สี นุกสนาน เส่ยี งตอ่ การมีเพศสัมพนั ธ์ ได้แก่ บาร์ ผบั เปน็ ตน้
6) การใช้ยาเสพติด เช่น ยาบ้า ยาอี ยาเลิฟ เป็นต้น เม่ือเสพแล้วจะทำให้เกิดความเคลิบเคล้ิม อันจะ
นาํ ไปส่กู ารมีเพศสมั พนั ธ์ได้ ซงึ่ บุคคลทใี่ ชย้ าเสพตดิ เหลา่ น้ีมักมเี พศสัมพันธก์ ับบคุ คลหลายคน
7) การไปเทยี่ วผหู้ ญงิ ขายบรกิ ารหรอื โสเภณี การมเี พศสมั พนั ธก์ ับผูห้ ญงิ ขายบรกิ ารโดยไม่ใชถ้ งุ ยางอนามัย
มโี อกาสเส่ยี งตอ่ การตดิ โรคตดิ ต่อทางเพศสมั พนั ธ์หรือโรคเอดสส์ ูง เป็นตน้
2.4 ปญั หาและผลกระทบจากโรคติดต่อทางเพศสมั พันธ์
1) ต่อตนเอง
1.1) ทางกายเกิดการอกั เสบ การเจ็บปวด การเป็นหนอง ปัสสาวะขัด ปัสสาวะไมอ่ อก ปวดขอ้ เป็นต้น
1.2) ทางจิตใจก่อใหเ้ กิดความอบั อาย ไม่สบายใจเส่ือมเสียช่ือเสยี ง สร้างความเดอื ดรอ้ นใหแ้ ก่บคุ คลใน
ครอบครัว เปน็ ต้น
2) ตอ่ ครอบครวั
2.1) ทำให้ครอบครวั ต้องอบั อาย ถา้ มีคนอืน่ รู้
2.2) ทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษา
2.3) อาจทำใหค้ สู่ ามี/ภรรยาติดโรคกนั ได้
2.4) อาจเกดิ การทะเลาะวิวาทระหวา่ งสาม/ี ภรรยา
3) ตอ่ สงั คม
3.1) ถา้ เป็นผู้ทีม่ พี ฤตกิ รรมสำสอ่ นทางเพศ อาจแพร่เช้ือไปยังบคุ คลอ่นื ได้
3.2) อาจทำให้เสยี งานในส่วนรวม เพราะผ้ปู ่วยต้องเสยี เวลาในการเข้ารับการรกั ษา
4) ตอ่ ประเทศชาติ
4.1) รัฐต้องเสียงบประมาณเกี่ยวกบั ค่าใช้จ่ายในการรกั ษาพยาบาล ถึงแม้ว่าผู้ปว่ ยจะเสียเงนิ ค่ารกั ษา แต่
บางส่วนรัฐตอ้ งเปน็ ผู้จ่าย
4.2) มีพลเมืองซงึ่ เปน็ กําลงั ของชาตทิ ี่ป่วยท้ังด้านรา่ งกายและจิตใจ จึงไม่สามารถที่จะช่วยพฒั นาประเทศ ได้
2.5 ปญั หาและผลกระทบจากโรคเอดส์
1) ต่อตนเอง
1.1) ทำใหร้ ะบบภูมิคุ้มกันบกพรอ่ งจงึ เกดิ การตดิ เชื้อจากโรคอ่นื ๆ ไดง้ า่ ยกว่าคนที่มีระบบภูมคิ ุ้มกนั ปกติ
1.2) ทำใหม้ กี ารเจบ็ ปว่ ย ทรมานกับการเป็นโรคตดิ เช้ือชนดิ น้ันๆ
1.3) ทำใหส้ ุขภาพจิตเส่ือม สิ้นหวังในชีวติ เพราะรู้ตัวว่าตอ้ งเสียชวี ิต
1.4) เกิดความอับอาย ความวิตกกงั วล กลัวคนอื่นจะไม่ยอมรับ
1.5) เสียชวี ิต การท่ผี ูป้ ่วยเอดสจ์ ะเสียชวี ิตเร็วหรือชา้ ขึน้ อยูก่ บั การรกั ษาตวั ท่ดี ี ใชย้ าตา้ นเอดส์ท่มี ีคณุ ภาพ
บาํ รุงรา่ งกายดี พยายามทำจิตใจร่าเริงแจ่มใส
2) ต่อครอบครัว
2.1) ครอบครวั จะต้องสญู เสียสมาชกิ ในครอบครวั ไปเพราะผู้ป่วยเอดสจ์ ะต้องเสียชวี ิต
2.2) ครอบครวั จะขาดผู้นําครอบครัว (ถ้าฝา่ ยชายเสยี ชวี ติ )
2.3) ครอบครวั จะขาดรายได้ (ถ้าผ้เู สียชีวิตทำงานหาเล้ียงครอบครวั )
2.4) ครอบครวั ต้องไดร้ บั ความอับอาย เสื่อมเสียช่ือเสยี งของวงศต์ ระกูล
3) ตอ่ สังคม
3.1) สังคมต้องขาดกาํ ลงั คนไปก่อนวัยอนั ควร ถา้ เป็นบคุ คลสำคญั หรือมีหน้าทกี่ ารงานที่สำคัญก็จะส่งผล
กระทบกบั งานท่ที ำอยู่
3.2) ถา้ มีผูป้ ว่ ยจำนวนมากๆ ทำใหส้ ังคมขาดความมัน่ คง
3.3) เด็กทบี่ ดิ ามารดาเสยี ชวี ิตเพราะโรคเอดส์จะสญู เสียโอกาสต่างๆและเปน็ ภาระแกผ่ ูอ้ ่นื
4) ต่อประเทศชาติ
4.1) ประเทศชาตติ ้องสูญเสยี แรงงานไปเปน็ จำนวนมาก
4.2) ผู้ปว่ ยเอดสม์ กั ขาดกาํ ลงั ใจในการทำงานเบือ่ หน่ายชวี ิต ท้อแท้ อาจทำงานไดไ้ มเ่ ต็มทเ่ี หมือนปกติ
4.3) รฐั ต้องสูญเสยี งบประมาณในการรักษาสูง เพราะปัจจุบนั มีผูต้ ิดเชอื้ เอดส์ และผู้ป่วยเอดสร์ วมกัน
ประมาณ 1 ลา้ นคน ผูท้ ี่เปน้ ภาระก็คอื ผู้ป่วยเอดส์
2.6 การป้องกันและหลีกเล่ียงโรคเอดส์
1. ไม่ใช้เข็มฉีดยารว่ มกับผ้อู ื่นในทุกกรณี
2. ไมใ่ ช้ใบมดี โกนร่วมกบั ผู้อน่ื ในการโกนหนวด โกนขน หรือโกนผม
3. หลีกเลีย่ งการรับถ่ายเลือดท่ไี ม่ผา่ นการตรวจกอ่ นรับบรจิ าคหรอื ไม่แนใ่ จวา่ จะปลอดภยั จากโรคเอดส์
หรือไม่
4. ผู้หญงิ ท่ีเป็นผปู้ ่วยโรคเอดส์หรอื ผตู้ ดิ เชื้อเอดส์ ไมค่ วรมีบุตรควรป้องกนั ดว้ ยการคมุ กำเนิด
5. หลกี เล่ยี งการฝงั เข็ม สักผิวหนัง เจาะหู เจาะล้นิ เจาะจมูก เจาะคิว้ ดว้ ยเขม็ ทใ่ี ช้แลว้
6. หลกี เล่ยี งการสมั ผัสเลอื ดจากผู้อื่นโดยตรง ถา้ มบี าดแผลตอ้ งระมัดระวงั เป็นพเิ ศษ อยา่ ให้เลือดสัมผสั ได้
ยกเวน้ เลือดคนทเ่ี ราแนใ่ จจริงๆ ว่าปลอดภัย
7. กอ่ นจะแต่งงานกัน ควรไปตรวจเลือดเพ่อื ยืนยนั ว่าเลือดไมม่ เี ชอื้ เอดส์ หรอื ถ้ามีจะไดป้ อ้ งกนั ด้วยการใช้
ถงุ ยางอนามยั