The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by , 2022-01-13 03:50:39

สมุดหิน

สมุดหิน

หิน

เรื่อง สารบัญ 1
หิน
หินอัคนี
หน้า
หินตะกอน 2
หินแปร 3
วัฎจักรหิน 9
สมาชิก 13
18
21

2

. หิน

หิน

-เป็นวัสดุที่เกิดในธรรมชาติที่มนุษย์รู้จักนำมาใช้ประโยชน์ตั้งแต่สมัยเริ่มแรกที่มนุษย์
ยังอาศัยอยู่ในถ้ำ และตามเชิงผาธรรมชาติ โดยกะเทาะหินให้มีเหลี่ยมคมเพื่อใช้เป็น
อาวุธ เรียกว่า หินกะเทาะ และใช้หินขัดกันให้เกิดประกายไฟ เพื่อใช้ในการก่อไฟ จึง
เรียกมนุษย์ในสมัยนั้นว่า มนุษย์ยุคหิน ต่อมาเมื่อมนุษย์รู้จักพัฒนาเทคโนโลยีสูงขึ้น
จึงได้นำหินมาใช้ประโยชน์ในการก่อสร้าง ที่อยู่อาศัย อาคารและศาสนสถานต่างๆ
ตลอดจนดัดแปลงทำเครื่องใช้ เครื่องประดับ หินแบ่งออกเป็น 3 ชนิด ได้แก่ หินอัคนี
หินตะกอน หินแปร

หินอัคนี หินตะกอน

เกิดจากหินหนืดที่ เกิดจากการผุพังของ
เรียกว่า “แมกมา” หินต่างๆ

หินแปร

เกิดจากการแปรสภาพของหินอัคนีและหินตะกอน อันเนื่อง
มาจากความร้อนและความกดดันสูงภายในโลก

วัฏจักรของหิน

กระบวนการเปลี่ยนแปลงและ
กระบวนการหมุนเวียนของหินอัคนี
หินตะกอนและหินแปร สามารถเปลี่ยน
จากหินชนิดหนึ่งไปเป็นหินอีกชนิดหนึ่ง
ได้โดยความร้อนแรงกดดัน การพุพุ่ง
การพัดพา และการทับถม

3

หินอัคนี

แมกมาและลาวา

4

หินอัคนีเกิดจากการเย็นตัวของหินหนืดที่ดันขึ้นมาสิ
ผิวโลก มีทั้งชนิดที่มีผลึกและไม่มีรูปผลึกโดยเฉพาะ

หินภูเขาไฟจะไม่มีรูปผลึก ชนิดที่มีรูปผลึกขนาด
ของผลึกจะใหญ่หรือเล็กขึ้นอยู่กับระยะเวลาในการ

เย็นตัวของหินหนืด

แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท

5

หินอัคนีพุ มี 6 ชนิด

หินไรโอไรต์

- ลักษณะ
เนื้อหินละเอียดมาก โดยทั่วไป มักจะมีสีจาง เช่น เทาขาว
ชมพูซีด อาจมีผลึกแก้ว ขนาดเล็กฝังในเนื้อหิน

- ประโยชน์
ใช้เป็นหินก่อสร้าง ทำถนน หินโรยทางรถไฟ และทำหิน
ประดับ

- แหล่งที่พบหิน
พบมากที่ จ.ลำปาง แพร่ และ น่าน

หินแอนดีไซต์

- ลักษณะ
เป็นหินที่เนื้อละเอียดถึงปานกลาง ผลึกของแร่อาจมอง
ด้วยตาเปล่าไม่เห็นเพราะแร่ตกผลึกอย่างรวดเร็วทำให้
ผลึกแร่มีขนาดเล็ก มีสีเทาเขียวถึงเทาเข้ม

- ประโยชน์
ใช้ทำหินประดับ หินก่อสร้าง ทำถนน ทำหินโรยทางรถไฟ

- แหล่งที่พบหิน
พบตามขอบที่ราบสูงโคราช เช่น จังหวัดนครราชสีมา
สระบุรี เพชรบูรณ์ ลพบุรี นครนายก แพร่

6

หินบะซอลต์

- ลักษณะ
มีเนื้อละเอียด มีสีเข้ม เช่น เทาเข้ม ถึงดำ น้ำตาลเข้ม ส่วน
มากมีรูพรุน

- ประโยชน์
ใช้เป็นหินก่อสร้าง ทกถนน และ หินโรยทางรถไฟ และ ยัง
ใช้เป็นหินประดับได้ เช่น ทับทิม ไพลิน

- แหล่งที่พบหิน
พบมากที่ จังหวัดจันทบุรี ตราด กาญจนบุรี แพร่ บุรีรัมย์
สุรินทร์ ศรีสะเกษ เชียงราย และ ลำปาง

หินพัทมิช

- ลักษณะ
เนื้อหินมีรูพรุนมากคล้ายฟองน้ำ มีน้ำหนักเบา มีเนื้อสีจาง
เนื้อหินไม่เนียนและมีลักษณะเนื้อเป็นแก้ว

- ประโยชน์
ใช้เป็นหินประดับในตู้ปลา และใส่ในบ่อปลาสวยงาม ให้
เป็นหินถูตัว ใช้ทำวัสดุขัดถู ภาชนะเพื่อให้ภาชนะเป็นเงา
วาว

- แหล่งหิน
ในประเทศไทยพบตาม ชายทะเล ซึ่งลอยมาได้จาก ที่อื่น

7

หินออบซิเดียน

- ลักษณะ
เนื้อหินเป็นแก้ว หรือ ละเอียดมาก สีดกเข้ม มีความวาว แบบ
แก้ว รอยแตกแบบก้นหอย มีความแข็งมาก และเมื่อแตกจะมี
ขอบคม

- ประโยชน์
ใช้ทำเป็นอาวุธ และ เครื่องประดับ

- แหล่งหิน
ในประเทศไทยหาพบยากมาก

หินสคอเรีย

- ลักษณะ
มีเนื้อละเอียด สีเข้ม เช่น สีเทาถึงดำ สีน้ำตาลแก่ มีรูพรุน
จำนวนมาก อาจพบมีลักษณะกลมมน หรือคล้ายหยดน้ำ

- ประโยชน์
ใช้เป็นหินประดับสวน หรือ อาจบดย่อยทำวัสดุก่อสร้าง

- แหล่งหิน
จังหวัดบุรีรัมย์ ศรีสะเกษ และ ลำปาง

8 มี 2 ชนิด

หินแทรกซอน

หินแกรนิต - ลักษณะ
มีเนื้อขนาดปานกลางถึงเนื้อหยาบ บางครั้งจะพบผลึกเดี่ยวๆบาง
ชนิดที่มีขนาดใหญ่กว่าปกติมีสีชมพูจนถึงสีเทาเข้ม

- ประโยชน์
เป็นหินที่ความทนทานสูงจึงนิยมในการก่อสร้างเช่น ทำพื้น ทำ
หลังคา ครก

- แหล่งที่พบหิน
ภาคตะวันออก จังหวัดจันทบุรี ชลบุรี ภาคเหนือ จังหวัด
เชียงราย จังหวัดตาก ภาคใต้แถบ บริเวณเขตแดนไทย – พม่า
จังหวัดสงขลา ยะลา และ จังหวัดนราธิวาส

หินเพริโดไทต์

- ลักษณะ
มีเนื้อหินหยาบมีสีเข้มดำ ปนเขียว เมื่อทุบดูจะเห็น ผิวหน้าที่
ขรุขระได้ชัดเจน

- ประโยชน์
ใช้เป็นหินประดับ เป็นหินต้นกำเนิดเพชร

- แหล่งหิน
ประเทศไทยพบได้บ้าง บริเวณจังหวัดภูเก็ต และ พังงา

9

หินตะกอน

10

หินตะกอน

หิ น ต ะ ก อ น ห ม า ย ถึ ง หิ น ที่ เ กิ ด จ า ก ก า ร ผุ
พั ง ข อ ง ช นิ ด ใ ด ก็ ไ ด้ ที่ ผิ ว โ ล ก แ ล้ ว ถู ก แ ร ง น้ำ แ ร ง ล ม
พั ด พ า ม า ทั บ ถ ม อั ด ตั ว กั น ห รื อ ต ก ต ะ ก อ น เ ช่ น
ก ร ว ด ท ร า ย เ ศ ษ หิ น ดิ น โ ค ล น ร ว ม ทั้ ง ซ า ก พื ช
ซ า ก สั ต ว์ โ ด ย มี วั ต ถุ ป ร ะ ส า น เ ชื่ อ ม ใ ห้ ติ ด กั น

ลั ก ษ ณ ะ สำ คั ญ ข อ ง หิ น ต ะ ก อ น คื อ มี ลั ก ษ ณ ะ
เ ป็ น ชั้ น เ นื่ อ ง จ า ก ต ะ ก อ น ต ก ม า ทั บ ถ ม กั น เ ป็ น
ช่ ว ง ๆ แ ล ะ ภ า ย ใ น ชั้ น หิ น อ า จ พ บ ซ า ก ตึ ก ดำ บ ร ร พ์
ฝั ง ตั ว อ ยู่ ซ า ก ดึ ก ดำ บ ร ร พ์ จ ะ ทำ ใ ห้ ท ร า บ ถึ ง อ า ยุ
ข อ ง หิ น ต ะ ก อ น ไ ด้

หิ น ต ะ ก อ น มี 6 ช นิ ด

11

หิ น ก ร ว ด ลั ก ษ ณ ะ : เ กิ ด จ า ก ต ะ ก อ น ข อ ง ก ร ว ด
ป ร ะ โ ย ช น์ : ใ ช้ ก่ อ ส ร้ า ง ทำ ถ น น
แ ห ล่ ง ที่ พ บ : พ บ ทั่ ว ไ ป ท า ง ภ า ค อี ส า น บ น ที่ ร า บ สู ง
โ ค ร า ช แ ล ะ บ า ง แ ห่ ง ท า ง ภ า ค ใ ต้

หิ น ท ร า ย ลั ก ษ ณ ะ : เ กิ ด จ า ก ต ะ ก อ น ข อ ง ท ร า ย มี
อ ะ ลู มิ เ นี ย ม อ อ ก ไ ซ ด์ เ ป็ น วั ต ถุ ป ร ะ ส า น
ป ร ะ โ ย ช น์ : ใ ช้ ทำ หิ น ลั บ มี ด
แ ห ล่ ง ที่ พ บ : พ บ ม า ก ท า ง ภ า ค อี ส า น จั ง ห วั ด
ร า ช บุ รี เ พ ช ร บุ รี ก า ญ จ น บุ รี

หิ น ดิ น ด า น ลั ก ษ ณ ะ : เ กิ ด จ า ก ต ะ ก อ น ข อ ง ดิ น เ ห นี ย ว

ป ร ะ โ ย ช น์ : ใ ช้ ปู ท า ง เ ดิ น
แ ห ล่ ง ที่ พ บ : จั ง ห วั ด ส ร ะ บุ รี ส ง ข ล า ลำ ป า ง
เ ล ย แ ล ะ น ค ร ศ รี ธ ร ร ม ร า ช

12 ลั ก ษ ณ ะ : มี สี น้ำ ต า ล แ ด ง มี รู พ รุ น มี เ ห ล็ ก
อ อ ก ไ ซ ด์ เ ป็ น วั ต ถุ ป ร ะ ส า น
ศิ ล า แ ล ง ป ร ะ โ ย ช น์ : ใ ช้ ทำ กำ แ พ ง ใ ช้ ทำ ป ร า ส า ท หิ น
แ ห ล่ ง ที่ พ บ : พ บ ม า ก ที่ จั ง ห วั ด ป ร า จี น บุ รี
สิ ง ห์ บุ รี สุ โ ข ทั ย กำ แ พ ง เ พ ช ร เ ชี ย ง ใ ห ม่ แ ล ะ
ตาก

หิ น ปู น ลั ก ษ ณ ะ : เ กิ ด จ า ก ก า ร ต ก ต ะ ก อ น ท า ง เ ค มี ห รื อ
จ า ก ก า ร ส ะ ส ม ข อ ง เ ป ลื อ ก ห อ ย เ นื้ อ ปู น
ป ร ะ โ ย ช น์ : ใ ช้ ทำ วั ส ดุ ท น ไ ฟ ม ช้ ทำ ปู น กิ น กั บ
หมาก
แ ห ล่ ง ที่ พ บ : จั ง ห วั ด ส ร ะ บุ รี ก ร ะ บี่ พั ง ง า
เ ชี ย ง ใ ห ม่ เ ป็ น ต้ น

หิ น ปู น ซ า ก พื ช ลั ก ษ ณ ะ : เ กิ ด จ า ก ก า ร ทั บ ถ ม ข อ ง ซ า ก พื ช ซ า ก
ซ า ก สั ต ว์ สั ต ว์ ห ย ด ก ร ด จ ะ เ กิ ด ฟ อ ง ฟู่

ป ร ะ โ ย ช น์ : ใ ช้ ศึ ก ษ า ข้ อ มู ล วิ วั ฒ น า ก า ร ข อ ง สิ่ ง
มี ชี วิ ต
แ ห ล่ ง ที่ พ บ : ต า ม ซ า ก พื ช ซ า ก สั ต ว์

13

หินชนิดที่ 3

หินแปร

14

หินแปร หมายถึง

หินที่แปรสภาพเนื่องจากความร้อน
แรงดัน หรือปฏิกิริยาเคมี หินแปร
บางชนิดยังคงแสดงเค้าเดิมของหิน
ต้นกำเนิด แต่บางชนิดอาจมีลักษณะ
แตกต่างไปจากเดิมมากจนต้องอาศัย
ดูรายละเอียดเนื้อในหรือวิเคราะห์
สภาพสิ่งแวดล้อมจึงจะทราบที่มา

15

Metamorphic rock

ประเภทของหินแปร มี 2 ชนิด
1) หินแปรที่มีรอยขนาน
2) หินแปรที่ไม่มีรอยขนาน

หินไนส์ (มีรอยขนาน)
ลักษณะ เนื้อหยาบแร่แยกกัน

เป็นแถบหรือเป็นชั้น
ประโยชน์ ใช้ทำครกหิน หิน

ประดับและแผ่นหินปูพื้น
แหล่งที่พบ บริเวณเทือกเขา

ฝั่งตะวันตกของไทย

หินชีสต์ (มีรอยขนาน)
ลักษณะ เนื้อหยาบเป็น

เส้นใยแตกออกยากและไม่แตกเป็น
แผ่นเรียบ

ประโยชน์ ใช้เป็นวัสดุถมและ
ทำหินประดับ

แหล่งที่พบ บริเวณเขื่อนภูมิ
พลจ.ตาก

16

หินชนวน (มีรอยขนาน)
ลักษณะ เป็นเนื้อละเอียด แยก

ออกเป็นแผ่นโดยมีผิวรอยแยกเรียบ
ประโยชน์ ใช้เป็นกระดานชนวน

มุงหลังคา ปูพื้น และ หินประดับ
แหล่งที่พบ จังหวัดกาญจนบุรี

ชลบุรีระยอง และ นครศรีธรรมราช

หินฟิลไลต์ (มีรอยขนาน) หินอ่อน (ไม่มีรอยขนาน)
ลักษณะ เนื้อหยาบเม็ดผลึกละเอียดกว่าหิน ลักษณะ มีทั้งเนื้อละเอียดและเนื้อ

ชีสต์ แต่หยาบกว่าหินชนวน หยาบ เนื้อหินแวววาว มีหลากหลายสี
ประโยชน์ ใช้เป็นวัสดุถม และทำหินประดับ ประโยชน์ ใช้ทำหินขัด หินประดับ
แหล่งที่พบ บริเวณเส้นทางสายตาก-แมส่
หินแกะสลัก และ แผ่นหินปูพื้น
อด จ.ตาก จ.ยะลา และ จ. ชลบุรร แหล่งที่พบ พบมากที่จังหวัด

สระบุรี ลพบุรี ลำปาง และ กาญจนบุรี

หินควอร์ตซ์ไซต์ (ไม่มีรอยขนาน)
ลักษณะ เนื้อหินแน่นเมื่อแตกมักจะ

มีผิวรอบรอยแตก แบบโค้งเว้า
ประโยชน์ ใช้ในอุตสาหกรรมเครื่อง

แก้ว ทำหินลับมีด และ หินประดับ
แหล่งที่พบ จังหวัด ชลบุรี สงขลา

กำแพงเพชร และ อุตรดิตถ์

17

หินอ่อน (ไม่มีรอยขนาน)
ลักษณะ มีทั้งเนื้อละเอียดและเนื้อ

หยาบ เนื้อหินแวววาว มีหลากหลายสี
ประโยชน์ ใช้ทำหินขัด หินประดับ

หินแกะสลัก และ แผ่นหินปูพื้น
แหล่งที่พบ พบมากที่จังหวัด

สระบุรี ลพบุรี ลำปาง และ กาญจนบุรี

หินควอร์ตซ์ไซต์ (ไม่มีรอยขนาน)
ลักษณะ เนื้อหินแน่นเมื่อแตกมักจะ

มีผิวรอบรอยแตก แบบโค้งเว้า
ประโยชน์ ใช้ในอุตสาหกรรมเครื่อง

แก้ว ทำหินลับมีด และ หินประดับ
แหล่งที่พบ จังหวัด ชลบุรี สงขลา

กำแพงเพชร และ อุตรดิตถ์

18

วัฎจักรหิน

19

Rock Cycle

- วัฏจักรของหิน (Rock Cycle) โดยเริ่มต้น
ตั้งแต่หินหนื ดเย็นตัวลงกลายเป็นหินอัคนี

- เมื่อหินอัคนี เกิดการผุกร่อน เนื่ องจาก
ธรรมชาติและมนุษย์ โดยมีกระแสลม
กระแสน้ำช่วยพัดพาตะกอนไปทับถมกัน
และมีวัตถุประสานกลายเป็น หินตะกอนขึ้น

- เมื่อหินอัคนี และหินตะกอนได้รับความ
ร้อนและแรงดัน ภายในโลกจะเปลี่ยนเป็น
หินแปร

- และหินแปรที่ถูกแรงอัดให้ลึกลงไปได้ ผิว
โลกจะหลอมเหลวกลับเป็นหินหนื ดได้อีก

- กระบวนการเปลี่ยนแปลงและหมุนเวียน
เช่นนี้ เรียกว่า วัฏจักรของหิน

20

21

สมาชิกกลุ่ม 1

เด็กชายกษิเดช ภูห้องไสย ม.2/6 เลขที่ 3
เด็กหญิงชนะใด กมลรัตน์ ม.2/6 เลขที่ 8
เด็กชายชิติพัทธ์ สุดชา ม.2/6 เลขที่ 9
เด็กหญิงภัทญาภรณ์ ศรีบัว ม.2/6 เลขที่ 26
เด็กชายศุภกฤต รักอ่อน ม.2/6 เลขที่ 31

DEMONSTRATION SCHOOL OF
KHON KAEN UNIVERSITY,
SECONDARY ( SUKSASART)


Click to View FlipBook Version