The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

-คำแนะนำการดูแลตนเองสำหรับญาติและผู้ป่วยโรคอารมณ์สองขั้ว
-โดยหอผู้ป่วยจิตเวช โรงพยาบาลศรีนครินทร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by kasaja, 2022-05-29 04:56:30

คำแนะนำการดูแลตนเองภาวะอารมณ์สองขั้ว

-คำแนะนำการดูแลตนเองสำหรับญาติและผู้ป่วยโรคอารมณ์สองขั้ว
-โดยหอผู้ป่วยจิตเวช โรงพยาบาลศรีนครินทร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น

คู่มอื คำแนะนำกำรดแู ลตนเอง
สำหรบั ญำตแิ ละผู้ป่วย

โรคอำรมณส์ องขว้ั

โดย
หอผปู้ ว่ ยจติ เวช
โรงพยำบำลศรีนครินทร์
คณะแพทยศำสตร์ มหำวทิ ยำลยั ขอนแกน่

โรคอำรมณ์สองขั้วคืออะไร
ลกั ษณะสำคญั ของโรคอำรมณส์ องขั้ว คือโรคที่มคี วำมผิดปกตทิ ำงอำรมณ์

โดยผูป้ ่วยอำรมณท์ ่ีเปลีย่ นแปลงไปมำ 3ระยะคือ อำรมณ์ดมี ำกกวำ่ ปกติ (manic
episode) อำรมณด์ (ี Hypomania episode) และระยะซมึ เศร้ำ(major depressive
episode) โดยอำกำรในแต่ละชว่ งอำจเป็นอยู่นำนเปน็ สัปดำหห์ รือหลำยๆเดือน
กระทบกับกำรงำน ควำมสมั พันธแ์ ละกำรดแู ลตนเองอยำ่ งมำกทำใหไ้ ม่สำมำรถ
ดำเนนิ ชีวติ ประจำวันไดอ้ ย่ำงเป็นปกติ

Bipolar disorder แบ่งกลมุ่ กวา้ ง ๆ ออกได้เปน็ 2 กล่มุ คอื

• Bipolar I disorder คือ มีอำกำรเมเนยี สลับกบั ช่วงซึมเศร้ำ หรืออำจมีอำกำร
เมเนยี เพียงอย่ำงเดยี วกไ็ ด้

• Bipolar II disorder คือ มีอำกำรซมึ เศรำ้ สลบั กบั ชว่ งไฮโปเมเนยี (hypomania)

อบุ ัตกิ ำรณ์ของโรค

พบวำ่ ควำมชุกชวั่ ชีวติ ของของโรคอำรมณส์ องข้ัวนโี้ ดยรวมทีส่ ำรวจใน
ประชำกรทว่ั ไป พบไดส้ ูงถึงรอ้ ยละ 1.5 -5 ซ่ึงอัตรำกำรเกิดโรคครง้ั แรกพบบอ่ ย
ท่สี ุดทช่ี ว่ งอำยุ 15-19 ปี และรองลงมำ คอื อำยุ 20-24 ปี โดยกว่ำคร่ึงหนงึ่ ของ
ผู้ปว่ ยจะมีอำกำรคร้ังแรกก่อนอำยุ 20 ปี นอกจำกนี้ bipolar disorder ถือเปน็ โรค
ทีม่ กี ำรดำเนินโรคในระยะยำวเรือ้ รัง และเปน็ โรคทม่ี โี อกำสกลับเป็นซ้ำได้สูง
ประมำณ 70-90%

อำกำรระยะเมเนยี มักเกดิ ขนึ้ เรว็ และเป็นมำกข้ึนเรือ่ ยๆ จนภำยใน 2-3
สัปดำหอ์ ำกำรจะเต็มที่อำรมณ์รนุ แรง ก้ำวรำ้ วจนญำติจะรับไม่ไหวตอ้ งพำมำ
โรงพยำบำล อำกำรในครัง้ แรกๆ จะเกดิ หลังมีเรอื่ งกดดัน แต่หำกเปน็ หลำยๆ คร้งั
ก็มกั เป็นข้ึนมำเองโดยท่ีไมม่ ปี ัญหำอะไรมำกระตุน้ เลย

ข้อสงั เกตประกำรหนึง่ คอื คนทีอ่ ยใู่ นระยะเมเนียจะไม่คิดวำ่ ตัวเองผิดปกติ
มองวำ่ ชว่ งน้ีตัวเองอำรมณ์ดีหรือใครๆ ก็ขยนั กันได้ ในขณะท่หี ำกเป็นระยะ
ซมึ เศรำ้ คนทเ่ี ป็นจะพอบอกไดว้ ำ่ ตนเองเปล่ยี นไปจำกเดิม

ในระยะซมึ เศร้ำหำกคนใกล้ชดิ สนใจมักสังเกตไม่ยำกเพรำะเขำจะซึมลงดูอม
ทกุ ข์ แต่อำกำรแบบเมเนยี จะบอกยำกโดยเฉพำะในระยะแรกๆ ทอี่ ำกำรยงั ไมม่ ำก
เพรำะดูเหมือนเขำจะเป็นแค่คนขยนั อำรมณ์ดเี ท่ำนั้นเอง แต่ถำ้ สังเกตจริงๆ ก็จะ
เห็นว่ำลักษณะแบบน้ีไม่ใชต่ วั ตนของเขำ เขำจะดู เวอร์ กว่ำปกติ

สำเหตขุ องโรคอำรมณส์ องขัว้
1.ปจั จัยทำงชวี ภำพ
• พันธกุ รรม ญำติสำยตรงมคี วำมเสยี่ งมำกกว่ำคนทว่ั ไปพบอัตรำกำรเกิดโรคใน

แฝดใบเดยี วกนั ร้อยละ 57 ไขค่ นละใบร้อยละ 14 เดท็ ีเ่ กิดจำกพอ่ แม่ท่ีป่วยมี
โอกำสเป็นมำกกว่ำพอ่ แมป่ กติ 4 เทำ่ คนทีป่ ่วยลกู มโี อกำสเป็น 15-30% ควำม
เสีย่ งทำงกรรมพนั ธ์เป็นสำเหตสุ ำคัญของกำรเกดิ โรคนี้ แต่กไ็ มไ่ ดห้ มำยควำมวำ่
ลกู ของคนทป่ี ว่ ยจะต้องเป็นเสมอไป
• ควำมผิดปกตขิ องสำรสอื่ ประสำทในสมอง
• ระดบั ฮอร์โมนในสมองผดิ ปกติ

2.สำเหตทุ ำงจิตสงั คม เช่น เหตุกำรณใ์ นชีวิต ควำมสูญเสีย กำรปรบั ตัวไมไ่ ด้
บคุ ลิกภำพแบบก้ำกงึ่ ยำ้ คิดยำ้ ทำและฮีสทเี รยี อำจเส่ยี งเกิดซึมเศร้ำมำกกว่ำ
ในบุคลกิ ภำพแบบมพี ลัง วิตกกังวลและเปิดเผย มกั เส่ยี งเปน็ โรคอำรมณ์สองข้วั
กำรใชก้ ลไกทำงจิตแบบหันควำมรสู้ ึกเกลยี ดเขำ้ หำตนเอง ทำให้เกลียดตนเองและ
เศรำ้ งำ่ ย ด้ำนจติ พลวัตรมองว่ำกำรเกิดอำกำรแมเนีย เป็นกลไกป้องกนั ตนเองเมือ่
เกดิ ภำวะเศรำ้

อำกำรของโรคอำรมณ์สองขั้ว

1.ระยะแมเนยี
กำรตดั สนิ ใจบกพร่อง วำ้ วนุ่ ใจ ขำดงำน ขำดเรยี น ประสิทธภิ ำพกำรทำงำนหรือ
กำรเรียนลดลง พละกำลังมำก บำงครัง้ ก้ำวร้ำว มีพฤตกิ รรมเสยี่ ง ม่นั ใจในตนเอง
คิดวำ่ ตนเองสำคญั มุณค่ำในตนเองสงู มอี ำรมณเ์ บิกบำนใจมำกกว่ำปกติ พูดมำก
พูดเร็ว เนอื้ หำไมต่ ่อเนอื่ ง ควำมคดิ แล่น ควำมคดิ แปลกๆ

2.ระยะซึมเศร้ำ
รสู้ กึ เศรำ้ ใจ สิ้นหวงั นอนไม่หลบั หรือมีควำมผดิ ปกติในกำรนอน วติ กกงั วล มี
อำกำรทำงกำย รู้สึกผิด กำรรับประทำนอำหำรเปลี่ยนแปลง อำจรบั ประทำน
อำหำรมำกหรือน้อยเกินไป น้ำหนกั ลดหรอื เพ่ิมผิดปกติ อ่อนเพลีย เหนอ่ื ยล้ำสุด
ขดี กระสบั กระส่ำย ไม่เพลิดเพลนิ กับกิจกกรมหรือควำมสนใจทเ่ี คยมีควำมสุข
สมำธคิ วำมสนใจต่ำและควำมจำเสยี ควำมสนใจส่ิงแวดล้อมลดลง ขำดงำน ขำด
เรียน ประสทิ ธิภำพกำรทำงำนลดลง ในเดก็ และวยั ร่นุ มคี วำมเสีย่ งต่ออำรมณ์
เกรี้ยวกรำด กำ้ วร้ำว อำรมณเ์ ปลย่ี นแปลงรวดเร็ว บำ้ บ่นิ

กำรรกั ษำโรคอำรมณส์ องขั้ว
1.กำรรบั รักษำในโรงพยำบำล ในผปู้ ว่ ยที่ก้ำวรำ้ ว ควบคมุ ตนเองไม่ได้ มี
พฤติกรรมท่ีรบกวนคนอื่น ญำติควบคมุ พฤตกิ รรมไม่ได้

2.กำรรกั ษำดว้ ยยำ ช่วยลดควำมรุนแรงของอำกำร ยำท่ไี ดร้ บั เช่นยำทีท่ ำให้
อำรมณ์คงที่หลังได้รบั ยำอำกำรมกั จะสงบได้ภำยใน 3 ถึง 4เดือน ยำทใี่ ชไ้ ด้แก่
ยำกล่มุ กนั ชกั และให้ยำกล่มุ อื่นควบคมุ อำกำรเพ่ือรอยำกลุ่มหลกั ออกฤทธ์ิ เช่นยำ
รกั ษำโรคจิต ยำคลำยกังวล

3.กำรรักษำทำงจิตสังคม กำรให้ขอ้ มลู สขุ ภำพจิตศกึ ษำ กำรดแู ลตนเองแก่ผปู้ ่วย
และญำติ ให้ควำมรู้เร่ืองโรค อำกำร และแนวทำงปอ้ งกนั เบอ้ื งตน้ กำรลด
ควำมเครียด นอนหลบั พักผอ่ นให้เพียงพอ กำรงดสำรเสพติด กำรใหค้ วำมหวังและ
กำลังใจ กำรสอนทกั ษะควำมสมั พนั ธในครอบครวั ทกั ษะส่ือสำร ทักษะกำรใช้ชีวติ
เป็นต้น /กำรบำบดั ปรบั เปลีย่ นควำมคดิ และพฤตกิ รรม เพ่ือเปลยี่ นแปลงควำมคดิ
ทีข่ ำดเหตุผล ช่วยป้องกนั ไม่ให้อำกำรกำเริบได้/กำรบำบัดสัมพนั ธภำพระหว่ำง
บคุ คล เป็นกิจกกรรมกลุ่ม ที่ช่วยให้ตระหนกั ถงึ กจิ กรรมในชวี ิตประจำวัน หรือ
ปัญหำควำมสมั พันธ์ ชว่ ยคลำยเครียดได้

4.กำรรักษำดว้ ยไฟฟำ้ เพ่ือให้เกิดควำมสมดลุ ของระบบนำส่ือประสำท รักษำใน
กรณีอำกำรรนุ แรงจำเป็นตอ้ งควบคมุ อำกำรโดยเร็ว หรือมขี ้อห้ำมในกำรใช้ยำ ไม่
ตอบสนองตอ่ กำรรักษำอน่ื เปน็ ตน้

เพ่ือปอ้ งกนั อำกำรระยะยำว และปอ้ งกนั กำรกำเริบของโรค ผ้ปู ว่ ยตอ้ งได้รับ
ยำตอ่ เนอ่ื ง ควรเข้ำในโรคและยอมรับกำรเจ็บปว่ ย ดูแลตนเองอยำ่ งเหมำะสม ไม่
ขำดกำรตดิ ตำมรกั ษำ

กำรดูแลตนเองของผูป้ ่วยโรคอำรมณ์สองข้ัว

1.กำรรบั ประทำนยำตอ่ เน่อื ง
2.ดูแลสง่ิ แวดล้อมที่บำ้ นให้ปลอดภยั
3.ดูแลสขุ ภำพร่ำงกำย รับประทำนอำหำรใหค้ รบ 5 หมู่ นอนหลบั พกั ผอ่ นให้
เพียงพอ เดนิ ออกกำลังกำยเทำ่ ท่ที ำได้ ไมเ่ หนอ่ื ยเกินไป ด่ืมนำ้ อยำ่ งเพียงพอ อยำ่ ง
น้อยวันละ 2,500 มิลลลิ ติ ร
4.จัดกำรกับภำวะเครยี ดอย่ำงเหมำะสม พูดคยุ ระบำยกบั ญำติ สอ่ื สำรทำงบวกใน
ครอบครัว
5.สังเกตอำกำรแสดงของโรคกำเริบเชน่ นอนไมห่ ลับหรือนอนนอ้ ยลง มอี ำกำรหู
แว่ว หวำดระแวง อำรมณค์ ึกคกั เปน็ ตน้
6.ปฏบิ ตั ติ ำมแผนกำรรักษำของแพทยเ์ รอื่ งกำรรับประทำนยำ กำรมำตรวจตำมนัด
หรือมำนอนโรงพยำบำลทันทที ี่มีอำกำรผดิ ปกตแิ สดงของโรคกำเรบิ
7.งดกำรใชส้ ำรเสพตดิ ของมึนเมำทุกชนดิ
8.ขณะใช้ยำอำจทำให้มีอำกำรง่วงควรระวงั กำรขบั รถและกำรทำงำนเกี่ยวกบั
เครอื่ งจกั รกล
9.อยำ่ หยดุ ใช้ยำโดยไมป่ รกึ ษำแพทย์ อยำ่ ปรบั เพม่ิ ยำหรอื ลดยำเอง หำกลืม
รับประทำนยำเมอื่ นกึ ไดใ้ หร้ บั ประทำนยำทันที ยกเว้นเปน็ เวลำท่ีใกล้จะถงึ ม้อื
ถดั ไป ใหง้ ดม้อื ทล่ี มื และเริม่ ตน้ มื้อถดั ไป หำ้ มรับประทำนยำเพมิ่ เป็นสองเทำ่
10.ไมแ่ นะนำหรือแบง่ ยำที่รกั ษำให้ผ้อู ่ืนรับประทำนดว้ ย

คำแนะนำและข้อปฏิบตั ิสำหรบั ผู้ปว่ ยทีไ่ ด้ยำ “ลเิ ทยี ม”

เปน็ ยำทชี่ ่วยใหอ้ ำกำรคงท่ี ใชร้ กั ษำภำวะอำรมณร์ นุ แรงหรือคลุ้มคลั่งในโรค
อำรมณสองขั้ว ร้อยละ 95 ของยำ ถกู จำกัดออกทำงไต ระดับยำในเลอื ดจะคงท่ี
หลังให้ยำ 5-7 วันแล้ว ต้องมีกำรเฝำ้ ระวงั กำรใช้ยำดังน้ี
1.ไม่ควรกินยำเพ่ิมเมอ่ื มอี ำกำรมำกเพรำะระดบั ยำจะสูงเกินจนเกิดอันตรำย ต้อง
ใชเ้ วลำอยำ่ งนอ้ ย 1 สปั ดำห์ เพอ่ื ใหย้ ำออกฤทธิอ์ ย่ำงเหมำะสม
2.ยำนีม้ ีอำกำรข้ำงเคียง เชน่ คลน่ื ไส้ อำเจยี น กระหำยน้ำ ทอ้ งเดิน ปสั สำวะมำก
มือสนั่ ซึ่งไม่ใชอ่ ำกำรทอ่ี ันตรำย พบอำกำรเหล่ำนไี้ ด้ในระยะเวลำ 1-2 สปั ดำห์
แรกของกำรใช้ยำ หลงั จำกน้ีอำกำรจะค่อยๆลดลง
3.ให้รับประทำนยำตอ่ เนอ่ื งตำมแพทย์ส่งั
4.รบั ประทำนอำหำรตำมปกติ รบั ประทำนอำหำรที่มเี กลือใหพ้ อเหมำะไม่มีก
เกนิ ไป หลกี เลีย่ งอำหำร รสเค็มจดั หรอื หมกั ดอง
5.ด่มื น้ำใหเ้ พียงพอ อย่ำให้เกดิ อำกำรขำดน้ำ
6.ไมค่ วรกินยำขับปัสสำวะหรอื ยำแก้ข้ออกั เสบเอง โดยไม่ปรกึ ษำแพทย์
7.หำกมีอำกำรท้องร่วง ให้ด่ืมน้ำเกลอื แรท่ นั ที
8.หำกมอี ำกำรทอ้ งร่วงมำก เดินเซ พดู ไมช่ ดั ง่วงซมึ สบั สน เพ้อ ให้หยุดยำ รีบมำ
พบแพทย์
9.จะมีกำรตดิ ตำมระดับยำในเลือดโดย กำรเจำะเลือดตรวจระดับยำลิเทียม แพทย์
จะใหเ้ จำะหลังกำรกนิ ยำลิเทยี มมื้อสุดทำ้ ยประมำณ 12 ช่ัวโมง

คำแนะนำและข้อปฏิบตั ิเม่ือไดย้ ำเดพำกิน

(Depakin,Valproic acid,Sodium valproate)

1.ถำ้ มีกำรตั้งครรภ์ เป็นโรคตับ ไต หรอื โรคเลอื ด ให้ปรกึ ษำแพทยก์ อ่ นใช้ยำ
2.ขณะใชย้ ำอำจทำใหม้ ีอำกำรงว่ งควรระวงั กำรขบั รถและกำรทำงำนเกยี่ วกบั
เครือ่ งจักรกล
3.กลนื ยำทง้ั เม็ด หำ้ มบด เค้ยี ว หรือทำให้แตก ควรรบั ประทำนพรอ้ มอำหำร เพื่อ
ลดกำรระคำยเคืองกระเพำะอำหำร กำรใช้ยำชนดิ นำ้ ใหเ้ ทยำในปริมำณที่กำหนด
ในถว้ ยหรอื ช้อนตวงอำจผสมกับอำหำร หรอื ของเหลวเลก็ น้อยก่อนรับประทำน
4.หลีกเลีย่ ง เครื่องดื่มที่มีสว่ นผสมของแอลกอฮอล์ ยำตำ้ นกำรแขง็ ตัวของเลือด
หรอื ยำอน่ื ท่ีทำนแล้วทำใหง้ ่วงซมึ เชน่ ยำนอนหลบั ยำแก้หวัด หรอื ยำสงบ
ประสำท
5.ผลข้ำงเคียงของยำ คือ คลน่ื ไส้ อำเจียน เบือ่ อำหำร แน่น่ท้อง ท้องเสยี อำกำร
จะค่อยๆดีขนึ้ เม่ือได้ยำไปแล้ว 2 สัปดำห์
6.ยำมผี ลทำให้น้ำหนักข้ึนได้ดงั นัน้ ควรดแู ลเรอ่ื งนำ้ หนักตัวโดยกำรควบคมุ กำร
รับประทำนอำหำรและออกกำลังกำยสมำ่ เสมอ
7.อำกำรข้ำงเคียงที่รุนแรง ต้องรีบมำพบแพทย์ อ่อนเพลียมำกหรือวงิ เวียน ศรี ษะ
มึนงง สบั สน อำเจียนมำกแตไ่ ม่มีอะไรออกมำ มเี ลือดออกผิดปกติหรือมีจำ้ เลือด
ตำมรำ่ งกำย เบ่ืออำกำร ตำเหลืองตวั เหลือง อจุ จะระสีซีด ปวดท้อง คลื่นไส้
อำเจยี น มผี ่ืนคนั หรือผ่นื ลมพษิ

ยำทม่ี ักใชร้ ่วมกบั กำรรักษำโรคอำรมณ์สองขัว้

- ยำต้ำนอำกำรทำงจติ เช่น ฮำโลเพอริดอล รสิ เพอริโดน

อำกำรข้ำงเคียงทพ่ี บได้ และแนวทำงแกไ้ ขมดี ังน้ี

อำกำรข้ำงเคียง กำรแก้ไข

ปำกแห้ง ดื่มนำ้ ใหม้ ำก ๆ

ทอ้ งผกู รับประทำนอำหำรทม่ี เี ส้นใยสูง ผัก ผลไม้

ดื่มน้ำมำก ๆ

ปสั สำวะขัด/ไมส่ ะดวก อำกำรน้ีอำจดีขน้ึ เมื่อเวลำผ่ำนไป

สำยตำพร่ำมวั เมื่อตำปรับสภำพแลว้ อำกำรเปน็ ปกติใน 2

เดอื น

เวยี นศีรษะ ลุกขึน้ จำกเตียงหรือเกำ้ อี้ อยำ่ งชำ้ ๆ ปกติ

อำกำรจะหำยไปหลัง 2-3 สัปดำห์

งว่ งซมึ ห้ำมขับขีร่ ถหรอื ทำงำนเกี่ยวกับเครอ่ื งจกั รกล

คลน่ื ไส้ อำเจียน งดรับประทำนยำตอนท้องว่ำง

ปวดศีรษะ นอนพัก ถ้ำเป็นมำกรับประทำนยำแก้ปวด

อำกำรท่คี วรพบแพทย์ทนั ที ได้แก่ มไี ข้สูง กลนื ลำบำก ตวั แขง็ เกรง็ คอบดิ กำร
เคล่อื นไหวผิดปกติ ตำเหลอื บขึ้นบน

บทบำทของญำติผปู้ ่วยโรคอำรมณ์สองข้วั

1.ควรเขำ้ ใจเรอื่ งธรรมชำติของโรคอำรมณ์
2.ยอมรับและเข้ำใจผปู้ ว่ ย ดว้ ยลักษณะของโรคอำจทำให้มีพฤตกิ รรมไม่เหมำะสม
ก่อให้เกดิ ผลกระทบทีเ่ สียหำย อนั ตรำย อับอำย รู้สึกผดิ ให้เขำ้ ใจ เฝ้ำดูแลและ
คอยใหก้ ำลงั ใจ ไมต่ ำหนิ
3.ให้ผู้ปว่ ยมบี ทบำทในกำรทำงำนบำ้ นตำมปกติและใหผ้ ปู้ ่วยมีงำนอดิเรก
4.ระวังกำรทำนิติกรรมตำ่ งๆ
6.ระวังกำ้ วร้ำว เก็บอำวุธตำ่ งๆ ดูแลกำรรบั ประทำนยำ
7.มำตำมแพทย์นดั ทกุ ครั้ง รับประทำนยำตำมแพทย์ส่งั อย่ำงตอ่ เนอ่ื ง ให้
รบั ประทำนยำตอ่ หน้ำ ตรวจสอบยำทเี่ หลือ หำกพบยำท่ีเหลอื อำจเกดิ จำกผ้ปู ่วย
ไม่รบั ประทำนยำ ควรรบี พำมำพบแพทยท์ ันที ปอ้ งกันกำรกำเริบ
8.ผปู้ ว่ ยบำงรำยปฏิเสธกำรเจบ็ ป่วย ญำติควรเข้ำใจ ไมค่ ำดคน้ั แตใ่ ห้ดูแลไปตำม
แผนกำรรักษำของแพทย์
9.สังเกตอำกำรข้ำงเคียงของยำ ถำ้ พบอำกำรรนุ แรงมำกให้หยดุ ยำและรบี มำพบ
แพทย์

10.พดู คยุ สอ่ื สำรทำงบวกในครอบครวั รบั ฟังเข้ำใจผปู้ ว่ ย เป็นที่ปรกึ ษำ ให้กำลังใจ
11.มอบหมำยงำนใหผ้ ปู้ ว่ ยทำตำมศกั ยภำพ และชมเชย
12.กำรเสริมสรำ้ งสุขภำพกำยให้แขง็ แรง รับประทำนอำหำรที่มีประโยชน์ มีคุณคำ่
ทำงโภชนำกำร กำรออกกำลงั กำย กำรนอนหลับพกั ผ่อนใหเ้ พียงพอ
13.เปลีย่ นบรรยำกำศช่ัวครำว พักผ่อนหย่อนใจบำ้ ง
14.จัดเวลำอย่ำงมีประสทิ ธิภำพ
15.ไม่เปรียบเทียบกบั คนอื่น คดิ อยเู่ สมอวำ่ ทุกคนมคี วำมแตกต่ำงกันไป
16.หำกเครียดมำก เหนอื่ ยลำ้ หำคนดูแลแทนและพบแพทยห์ ำกเป็นมำกข้ึน

เอกสำรอ้ำงองิ

กมลเนตร วรรณเสวก. (2558). กลมุ่ โรคอำรมณ์สองขว้ั และกลุ่มโรคซมึ เศรำ้ (Bipolar and
Related Disorders and Depressive Disorder) : จติ เวช ศริ ิรำช DSM-5. กรุงเทพฯ
: ประยูรสำส์นไทยกำรพมิ พ์.

ภำวนิ ี ธนบดีธรรมจำรี และบญุ เยี่ยม คำชยั . (2556). ผลของโปรแกรมสุขภำพจติ ศกึ ษำแบบ
กลุม่ ตอ่ คุณภำพชีวิตของผ้ปู ่วยโรคอำรมณ์แปรปรวนสองข้วั ในแผนกผู้ป่วยใน. วำรสำร
กำรพยำบำลจิตเวชและสขุ ภำพจติ , 27 (1), 62-78

มำลี เกตแก้ว,วีณำ คนั ฉอ้ ง และถนอมศรี อินทนนท์. (2550) กำรรบั รอู้ ำกำรเตอื น และกำร
จัดกำรกับอำกำรเตอื นของผปู้ ว่ ยไบโพล่ำร์: กรณีศกึ ษำโรงพยำบำล จิตเวชสงขลำรำช
นครนิ ทร.์ วำรสำรพยำบำลศำสตร์ จุฬำลงกรณ์มหำวทิ ยำลัย, 19(3), 149-160.

สุชำติ พหลภำคย์. (2542). ควำมผิดปกติทำงอำรมณ์ Mood disorder. ขอนแกน่ :
ศิริภณั ฑ์ ออฟเซท็ .

James H. M., Mats P. L., Sven C., Pak C. Sham., Anthony S. D., Abraham R., Robin M.
M., and Christina M. H.(2010). “Excellent school performance at age 16
and risk of adult bipolar disorder: national cohort study”. The British
Journal of Psychiatry, 196(2), 109-115.

Wood S.W. (2000). “The economic burden of bipolar disorder”. The Journal of
Clinical Psychiatry, 61(13), 38-41.


Click to View FlipBook Version