The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by sinitra15, 2021-12-19 09:00:43

ผลของการสัมผัสมือขณะผ่าตัด ต่อความวิตกกังวล ของผู้ป่วย ที่ได้รับการผ่าตัดต้อกระจกโดยใช้ยาชา โรงพยาบาลราชวิถี

วิจัย ความวิตกกังวลผู้ป่วยผ่าตัดต้อกระจก

45

ชนดิ ของการผ่าตัดต้อกระจก PE& IOL จำนวน 17 คน ร้อยละ 85 ECCE & IOL 3 คน รอ้ ยละ 15

สิทธิรักษาพยาบาล ประกันสุขภาพถ้วนหน้ามากที่สุด 17 คน ร้อยละ 85 รองลงมา ชำระเงินเอง
2 คน ร้อยละ 10 น้อยทีส่ ดุ สทิ ธิราชการ จำนวน 1 คน รอ้ ยละ 5
กลุ่มควบคุม เป็นเพศ หญิงจำนวน 11 คน คิดเป็นร้อยละ 55 เพศชายจำนวน 9 คน คิดเป็นร้อยละ
45 สว่ นใหญ่
ระดับการศึกษาเป็นระดับมัธยมศึกษาจำนวน 8 คน คิดเป็นร้อยละ 40 รองลงมาเป็นระดับ
ประถมศกึ ษา 7 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 35 ระดับ ไม่ไดเ้ รียน นอ้ ยท่สี ุด 1 คน รอ้ ยละ 5
สถานภาพสมรส สว่ นใหญ่ สมรสแลว้ จำนวน 18 คน ร้อยละ 90 โสด 2 คน รอ้ ยละ 10
อาชีพ ไม่ได้ทำงาน มากที่สุด จำนวน 14 คน คิดเป็นร้อยละ 70 รองลงมาเป็นอาชีพรับจ้าง 5 คน
คดิ เป็นรอ้ ยละ 25 นอ้ ยท่สี ดุ อาชีพราชการ จำนวน 1 คน รอ้ ยละ 5
ความเพยี งพอของรายได้ มากที่สดุ ไม่พอใช้มหี นสี้ ินจำนวน 11 คน ร้อยละ 55 รองลงมา เป็น
เพยี งพอ ไมม่ เี หลอื เก็บ จำนวน 6 คน คิดเป็น ร้อยละ 40 โดยเพียงพอ มเี หลอื เก็บน้อยทส่ี ุดจำนวน 3
คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 15

ประวตั ิโรคประจำตวั มีโรคประจำตวั 11 คน ร้อยละ 55 ไมม่ ีโรคประจำตัว 9 คน รอ้ ยละ 45

ประวตั กิ ารแพ้ยา ไม่มีอาการแพ้ยาจำนวน 19 คน คิดเป็น ร้อยละ 95 แพย้ า 1 คน ร้อยละ 5

ประสบการณ์การผ่าตดั มีประสบการณ์การผา่ ตัดจำนวน 10 คน ร้อยละ 50 ไมม่ ปี ระสบการณ์ การ
ผ่าตดั 10 คน รอ้ ยละ 50

จำนวนครัง้ ของการผา่ ตดั มากกว่า 1 ครงั้ 12 คน รอ้ ยละ 60 1 ครงั้ 8 คน ร้อยละ 40

ชนดิ ของการผา่ ตัดต้อกระจก PE&IOL จำนวน 18 คน ร้อยละ 90 ECCE &IOL 2 คนร้อยละ 10

สิทธิรักษาพยาบาล ประกันสุขภาพถ้วนหน้ามากที่สุด 15 คน ร้อยละ 75 รองลงมา ชำระเงินเอง
2 คน ร้อยละ 10 และสทิ ธริ าชการ จำนวน 2 คน รอ้ ยละ 10 น้อยทสี่ ดุ ประกนั สังคม 1 คน ร้อยละ 5
ตารางที่ 2 ค่าเฉลี่ย คะแนน ปัจจัยส่วนบุคคล ของกลุ่มทดลอง ด้านอายุ, ระยะเวลาการเป็นต้อ
กระจก, ระยะเวลาการผ่าตดั

อายุ เฉลย่ี 64.25 ปี มากที่สดุ 83 ปี น้อยที่สดุ 49 ปี

ระยะเวลาการเป็นต้อกระจก เฉล่ีย 1.95 ปี มากทสี่ ุด 6 ปี น้อยที่สดุ 1 ปี

ระยะเวลาการผ่าตัดเฉลยี่ 81 นาที มากทีส่ ดุ 160 นาที น้อยทีส่ ุด 40 นาที
ตารางที่ 3 ค่าเฉลยี่ คะแนน ปจั จยั สว่ นบคุ คล ของกลุ่มควบคมุ ดา้ นอายุ ,ระยะเวลาการเปน็ ต้อ
กระจก , ระยะเวลาการผา่ ตัด

อายุ เฉลย่ี 61.95 ปี มากที่สดุ 74 ปี นอ้ ยทีส่ ดุ 44 ปี

ระยะเวลาการเป็นต้อกระจก เฉลย่ี 1.9 ปี มากท่สี ดุ 4 ปี น้อยท่สี ดุ 1 ปี

ระยะเวลาการผา่ ตัดเฉลยี่ 72.75 นาที มากทส่ี ดุ 190 นาที นอ้ ยที่สดุ 35 นาที

46

ตารางท่ี 4 แสดงจำนวนและคา่ รอ้ ยละ ความวิตกกงั วล ของผปู้ ว่ ยผา่ ตัดตอ้ กระจก กลุม่ ทดลอง
และกลมุ่ ควบคุมขณะการผา่ ตดั

ความวติ กกังวลขณะผา่ ตดั จำนวน จำนวน
กลมุ่ ทดลอง ร้อยละ กลมุ่ ควบคุม ร้อยละ
ร้สู ึกผอ่ นคลาย ระหว่างการ
ผา่ ตดั ต้อกระจก (N=20) (N=20)
ใช่
ไม่ใช่ 10 50 7 35
10 50 13 65

ความรว่ มมือในการผ่าตดั 4 20 5 25
หันศีรษะหนแี พทย์ 16 80 15 75
ใช่
ไมใ่ ช่ 2 10 2 10
ขยบั ร่างกายไปมา 18 90 18 90
ใช่
ไมใ่ ช่ 4 20 2 10
กรอกตาขณะผา่ ตัด 16 80 18 90
ใช่
ไมใ่ ช่

สบายใจ และปลอดภัยเมื่อ 10 50 8 40
เข้าหอ้ งผ่าตดั 10 50 12 60
ใช่
ไมใ่ ช่

รู้สึกเจ็บปวดมากขณะผา่ ตัด 12 60 6 30
แม้ได้รบั ยาชาแล้วแตไ่ ม่กล้า 8 40 14 70
บอกแพทย์
ใช่
ไมใ่ ช่

ร้สู ึกม่ันใจในขนั้ ตอน หรือ 15 75 4 20
วิธีการผา่ ตัดครง้ั น้ี เพราะฉัน 5 25 16 80
ไดร้ บั กำลงั ใจจากพยาบาล
ใช่
ไมใ่ ช่

47

ตารางท่ี 4 (ตอ่ ) แสดงจำนวนและค่าร้อยละ ความวิตกกังวล ของผปู้ ่วยผ่าตัดตอ้ กระจก กลุ่ม
ทดลองและกลมุ่ ควบคมุ ขณะการผ่าตัด

ความวติ กกังวลขณะผา่ ตดั จำนวน จำนวน
กลมุ่ ทดลอง รอ้ ยละ กลมุ่ ควบคุม ร้อยละ
ความวิตกกังวล
การมองเหน็ (N=20) (N=20)
ใช่
ไมใ่ ช่ 9 45 9 45
กลวั เกิดภาวะแทรกซ้อนขณะ 11 65 11 55
ผา่ ตดั
ใช่ 2 10 5 25
ไม่ใช่ 18 90 15 75
การฉีดยาชา
ใช่ 5 25 4 20
ไมใ่ ช่ 15 75 16 80
รสู้ ึกกังวลแพทย์ผา่ ตดั เป็น
แพทย์ฝกึ หดั 9 45 4 20
ใช่ 11 55 16 80
ไม่ใช่
รู้สึกกลวั เม่ือเหน็ เคร่ืองมอื 4 20 2 10
แพทย์ ผา่ นไปมาบรเิ วณตา 16 80 18 90
ใช่
ไม่ใช่

ตารางที่ 4 แสดงจำนวนและค่าร้อยละ ความวิตกกงั วล ของผู้ป่วยผา่ ตัดตอ้ กระจก กลุ่มทดลองและ
กลมุ่ ควบคมุ ขณะการผา่ ตดั

กลมุ่ ทดลอง
รู้สึกเจ็บปวดมากขณะผ่าตัดแม้ได้รับยาชาแล้วแต่ไม่กล้าบอกแพทย์ จำนวน 12 คนคิดเป็นร้อยละ 60รองลงมา
ผู้ปว่ ยกงั วล แพทย์ผ่าตัด เป็นแพทย์ฝึกหัด จำนวน 9 คนคิดเปน็ ร้อยละ 45 การมองเห็นจำนวน 9 คนคิดเป็น
รอ้ ยละ 45 รสู้ กึ กลวั เมื่อเหน็ เครื่องมือแพทย์ ผา่ นไปมาบรเิ วณตา น้อยท่ีสุด จำนวน 4 คนคิดเป็นรอ้ ยละ 20
อาการทางกายท่พี บขณะผา่ ตดั หันศรี ษะหนแี พทย์ จำนวน 4 คนคดิ เปน็ ร้อยละ 20 และกรอกตา ขณะ
ผ่าตดั จำนวน 4 คนคิดเปน็ รอ้ ยละ 20 ขยบั ร่างกายจำนวน 2 คน ร้อยละ 10 สบายใจ และปลอดภัย เมอื่ เข้า
หอ้ งผา่ ตดั จำนวน 8 คน คนคดิ เป็นร้อยละ 50 และ ร้สู ึกผ่อนคลาย ระหว่างการผ่าตัดต้อกระจก จำนวน 10
คน คนคิดเป็นร้อยละ 50 รู้สึกมั่นใจในขั้นตอน หรือวิธีการผ่าตัดครั้งนี้ เพราะฉันได้รับกำลังใจจาก
พยาบาล จำนวน 15 คนคดิ เป็นรอ้ ยละ 75

48

กลมุ่ ควบคมุ

รู้สกึ เจบ็ ปวดมากขณะผ่าตัดแม้ได้รับยาชาแล้วแต่ไม่กลา้ บอกแพทย์ จำนวน 6 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 30
รองลงมา ผู้ป่วยกังวล แพทย์ผ่าตัด เป็นแพทย์ฝึกหัด จำนวน 4 คนคิดเป็นร้อยละ 20 รู้สึกกลัวเมื่อเห็น
เครื่องมอื แพทย์ ผ่านไปมาบริเวณตา นอ้ ยที่สุด จำนวน 2 คนคิดเปน็ รอ้ ยละ 10
อาการทางกายทพี่ บขณะผ่าตดั หนั ศีรษะหนแี พทย์ จำนวน 5 คนคดิ เป็นรอ้ ยละ 25 และกรอกตา ขณะ
ผา่ ตัด จำนวน 2 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 10 ขยับรา่ งกายจำนวน 2 คน รอ้ ยละ 10 สบายใจ และปลอดภยั เมอ่ื เข้า
หอ้ งผ่าตดั จำนวน 8 คน คนคดิ เป็นร้อยละ 40 และ ร้สู กึ ผ่อนคลาย ระหวา่ งการผ่าตัดต้อกระจก จำนวน 7
คน คิดเป็นร้อยละ 35 รู้สึกมั่นใจในขั้นตอน หรือวิธีการผ่าตัดครั้งน้ี เพราะฉันได้รับกำลังใจ จาก
พยาบาล จำนวน 4 คนคิดเปน็ ร้อยละ 20

ส่วนท่ี 2 ความวิตกกังวล ของกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม
ตารางที่ 5 แสดงจำนวนและค่าร้อยละ ความวิตกกังวล ของผู้ป่วยผ่าตัดต้อกระจก กลุ่มทดลองและ
กลุม่ ควบคุม หลังผ่าตดั

จำนวน จำนวน

ความวิตกกังวลหลังผ่าตัด กลุ่มทดลอง รอ้ ยละ กลมุ่ ควบคุม ร้อยละ

(N=20) (N=20)

ระดับความวิตกกงั วล

กังวลเล็กน้อย 0-25 6 30 2 10

กงั วลปานกลาง 26-50 10 50 11 55

กังวลมาก 51-75 4 20 7 35

กงั วลมากท่ีสดุ 76-100 0 0 0 0

กล่มุ ทดลอง

คะแนนความวติ กกังวล SD =16.99

เฉล่ยี = 39.45 MAX= 75

MIN =15

กลมุ่ ควบคุม

คะแนนความวิตกกังวล SD= 11.52

เฉล่ีย = 44.75 MAX= 65

MIN =20

49

ตารางที่ 5 แสดงจำนวนและคา่ รอ้ ยละ ความวิตกกงั วล ของผู้ป่วยผ่าตัดตอ้ กระจก กลุ่มทดลอง และ
กล่มุ ควบคุม หลงั ผ่าตัด

กลุ่มทดลอง มีความวิตกกังวลระดบั ปานกลางมากท่ีสดุ จำนวน 10 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 50 รองลงมา
กังวลเลก็ นอ้ ย จำนวน 6 คน คิดเป็นร้อยละ 30 มีความวิตกกงั วลระดับมากนอ้ ยทสี่ ดุ
จำนวน 4 คน คิดเป็นร้อยละ 20 คะแนนความวิตกกังวลเฉลี่ย = 39.45 คะแนน ส่วนเบี่ยงเบน
มาตรฐาน = 16.99 คะแนนความวติ กกังวล มากท่สี ดุ =75 คะแนน คะแนนความวิตกกังวล นอ้ ยที่สุด
=15 คะแนน

กลมุ่ ควบคุม มคี วามวิตกกังวลระดับ ปานกลางมากท่สี ุด จำนวน 11 คน คิดเป็นร้อยละ 55 รองลงมา
มีความวิตกกังวลระดับมาก จำนวน 7 คน คิดเป็นร้อยละ 35 มีความวิตกกังวลเล็กน้อย น้อยที่สุด
จำนวน 2 คน คิดเป็นร้อยละ 10 คะแนนความวิตกกังวลเฉลี่ย = 44.75 คะแนน ส่วนเบี่ยงเบน
มาตรฐาน = 11.52 คะแนนความวิตกกังวล มากท่สี ดุ = 65 คะแนน คะแนนความวิตกกังวล นอ้ ย
ท่สี ดุ = 20 คะแนน

ตารางที่ 6 แสดงความแตกต่างของคะแนนความวิตกกังวลหลังผ่าตัด ของกลุ่มควบคุม และกลุ่ม
ทดลอง

กลุม่ ตวั อยา่ ง จำนวน (คน) Mean SD U P-value

กลุม่ ทดลอง 20 42.5 3.53 182 0.61

กลมุ่ ควบคมุ 20 44.75 11.52

P< 0.05

จากตารางท่ี 6 ไม่มีความแตกต่างของคะแนนความวิตกกังวล หลังผ่าตัด อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ
ท่ี p > 0.05

50

สว่ นที่ 4 ความแตกตา่ งของคะแนนสัญญาณชีพ กอ่ นผา่ ตดั ขณะผา่ ตดั หลังผา่ ตัด ของกล่มุ ควบคุม
และกล่มุ ทดลอง
ตารางท่ี 7 แสดงความแตกต่างของคะแนนสญั ญาณชพี ก่อนผ่าตดั ของกลุ่มควบคุม และกลุม่ ทดลอง

คะแนนสัญญาณชพี Mean SD U P-value

Systolic blood pressure 164.5 0.362
กลมุ่ ทดลอง 160.65 18.58
กลุ่มควบคมุ 153.55 25.63
Diastolic blood pressure
กลมุ่ ทดลอง 169.0 0.43
กลุ่มควบคมุ 89.25 10.39
Pulse 89.05 16.37
กลุ่มทดลอง
กลุ่มควบคุม 185 0.73
Respiratory 75.35 13.39
กลมุ่ ทดลอง 71.2 21.35
กลุ่มควบคมุ
180 0.57
18.65 0.93
19.0 1.02

P< 0.05

ตารางที่ 8 แสดงความแตกต่างของคะแนนสัญญาณชีพ ขณะผ่าตัด ของกลุ่มควบคุม และกลุ่ม
ทดลอง

คะแนนสัญญาณชพี Mean SD U P-value

Systolic blood pressure 156.75 17.42 179 0.6
กลุ่มทดลอง 157.2 14.74 186 0.74
กลุ่มควบคมุ 189 0.8
Diastolic blood pressure 86.55 9.03 148 0.07
กลมุ่ ทดลอง 85.15 6.95
กลมุ่ ควบคุม
Pulse 71.25 12.53
กลุ่มทดลอง 75.95 14.05
กล่มุ ควบคุม
Respiratory 18.7 0.978
กลมุ่ ทดลอง 18.3 0.73
กล่มุ ควบคมุ

P < 0.05

51

ตารางท่ี 9 แสดงความแตกต่างของคะแนนสญั ญาณชพี หลังผา่ ตดั ของกลมุ่ ควบคมุ และกล่มุ ทดลอง

คะแนนสญั ญาณชพี Mean SD U P-value

Systolic blood pressure 120.5 0.035*
กลุ่มทดลอง 151.5 13.93
กลมุ่ ควบคมุ 140.9 16.05
Diastolic blood pressure
กลุ่มทดลอง 193.5 0.90
กลมุ่ ควบคุม 89.35 9.57
Pulse 87.15 7.81
กลุ่มทดลอง
กลุ่มควบคมุ 184 0.07
Respiratory 73.5 13.54
กลมุ่ ทดลอง 76.49 16.47
กลุ่มควบคุม
197.5 0.98
18.45 0.82
18.55 0.88

P < 0.05

ตารางที่ 7 สญั ญาณชีพก่อนผ่าตดั
จาก ตารางท่ี 7 ไม่มคี วามแตกตา่ งของสญั ญาณชพี ด้าน
Systolic blood pressure, Diastolic blood pressure, Pulse, Respiratory
อยา่ งมีนัยสำคญั ทางสถติ ิท่ี p >0.05

ตารางท่ี 8 สัญญาณชพี ขณะผา่ ตัด
จาก ตารางท่ี 8 ไม่มีความแตกต่างของสญั ญาณชีพ ดา้ น
Systolic blood pressure , Diastolic blood pressure, Pulse, Respiratory
อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ p >0.05

ตารางท่ี 9 สัญญาณชีพหลงั ผา่ ตัด
จาก ตารางที่ 9 ไม่มคี วามแตกตา่ งของสญั ญาณชพี ดา้ น
Diastolic blood pressure, Pulse, Respiratory
อยา่ งมนี ยั สำคญั ทางสถิตทิ ี่ p >0.05 แต่ มีความแตกตา่ งอย่างมนี ยั สำคัญทางสถติ ิ
ของสัญญาณชพี ด้าน Systolic blood pressure ที่ p<0.05

52

สว่ นที่ 2 คะแนนการสัมผสั ของกล่มุ ทดลอง
ตารางท่ี 10 แสดงจำนวนและคา่ ร้อยละ ของระดบั การสัมผัสผู้ปว่ ยผ่าตัดต้อกระจก กลุ่มทดลอง

คะแนนความคดิ เห็นตอ่ การสัมผัสมือ ขณะผา่ ตัด

ความร้สู กึ ของทา่ นขณะไดร้ ับการสมั ผสั ไมเ่ ห็นดว้ ย ไมแ่ น่ใจ เหน็ ด้วย

จำนวน ร้อยละ จำนวน รอ้ ยละ จำนวน รอ้ ยละ

1.ท่านรู้สึกผ่อนคลายเมื่อพยาบาลจับมือ 3 15 7 35 10 50
ระหวา่ งการผา่ ตัดตอ้ กระจก

2.ทา่ นรู้สกึ วา่ พยาบาลจับมอื ทำให้ลดความวิตก 3 15 7 35 10 50
กังวลขณะผา่ ตดั ตอ้ กระจก

3ท่านรู้สึกว่าการที่พยาบาลจับมือระหว่าง 2 10 9 45 9 45
ผ่าตัด ทำให้ฉันใส่ใจ และให้ความร่วมมือใน
การผา่ ตดั ตอ้ กระจก

4.ท่านรู้สึกไม่สบายใจ เมื่อพยาบาลจับมือ 2 10 8 40 10 50
ระหว่างการผา่ ตดั ตอ้ กระจก

5. ท่านรู้สึกเจ็บปวดน้อยลง หรือลดความ 11 55 3 15 6 30
เจ็บปวดได้ เมื่อมีพยาบาลจับมือระหว่างการ
ผา่ ตดั ตอ้ กระจก

6. หากต้องผ่าตัดครั้งต่อไป ท่านต้องการให้ 1 5 0 0 19 95
พยาบาลจับมือระหวา่ งการผา่ ตดั ตอ้ กระจก

7. ท่านจะแนะนำวิธีการจับมือของพยาบาล 1 5 0 0 19 95
ระหว่างการผา่ ตดั เพ่ือลดความวติ กกังวลในการ
ผา่ ตดั ต้อกระจกใหก้ บั ผอู้ ื่น

8ท่านจะแนะนำวิธีการจับมือของพยาบาล 1 5 0 0 19 95
ระหว่างการผา่ ตดั กบั ญาติหรอื คนสนิทเท่านนั้

9. ท่านรู้สึกมั่นใจในขั้นตอน หรือวิธีการผ่าตัด 1 5 14 70 5 25
คร้งั น้ี เพราะฉนั ไดร้ บั กำลังใจจากพยาบาล

X = 22.1, SD = 4.089, max = 27 min = 9

กลุ่มตัวอยา่ งมีความเห็นว่า การจับมือระหวา่ งผ่าตัดไม่ไดท้ ำให้ความเจ็บปวดน้อยลง คิดเป็น
ร้อยละ 27.5 จำนวน 11 คน ส่วนใหญ่ เห็นด้วย จะแนะนำการจับมือของพยาบาลระหว่างการผ่าตดั
เพื่อลดความวิตกกงั วลในการผา่ ตัดต้อกระจกให้กบั ผอู้ นื่ หรือญาติ รอ้ ยละ 50 จำนวน 10 คน

คะแนนเฉลี่ยความคิดเห็นขณะได้รับการสัมผัส = 22.1 คะแนน คะแนน ต่ำสุด 9 คะแนน สูงสุด
27 คะแนน

53

บทท่ี 5
สรปุ ผล อภิปรายผล ข้อเสนอแนะ

ผลของการสัมผัสมือขณะผ่าตัดต่อความวิตกกังวลของผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดต้อกระจก
โดยใช้ยาชา โรงพยาบาลราชวิถี มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาระดับความวิตกกังวลก่อนผ่าตัดในผู้ป่วย
ที่ได้รับการผ่าตัดต้อกระจกโดยใช้ยาชาในกลุ่มผู้ป่วยที่ได้รับสัมผัสมือ และศึกษาเปรียบเทียบระดับ
ความวิตกกังวลหลัง ผ่าตัดในผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดต้อกระจกโดยใช้ยาชาในกลุ่มผู้ป่วยที่ได้รับ
สมั ผัสมอื และกล่มุ ผปู้ ่วยที่ไดร้ ับการพยาบาลตามปกติ
กลมุ่ ตัวอย่างทศี่ กึ ษา คอื ผ้ปู ่วยท่ีได้รับการผ่าตัดต้อกระจกโดยใช้ยาชา โรงพยาบาลราชวิถี ซง่ึ
มารับการผ่าตัด ช่วงเวลา 12 พฤศจิกายน 2564 – 31 ธันวาคม 2564 จำนวน 40 คน แบ่งเป็นกลุ่ม
ทดลอง 20 คน กล่มุ ควบคุม 20 คน
เครือ่ งมือท่ีใชใ้ นการวิจยั

1) แบบบันทึกข้อมูลส่วนตัว ประกอบด้วย ปัจจัยทางด้านบุคคล คือ เพศ อายุ ระดับ
การศึกษา สถานภาพสมรส อาชีพ ความเพียงพอของรายได้ สิทธิการรักษาพยาบาล และปัจจัยด้าน
การเจ็บป่วย คือ ประวัติโรคประจำตัว ประวัติการแพ้ยา ประสบการณ์ผ่าตัด ชนิดของการผ่าตัดต้อ
กระจกตา ระยะเวลาในการผ่าตัดต้อกระจกตา จำนวนครั้งการผ่าตัด ของกลุ่มทดลองและกลุ่ม
ควบคุม

2) แบบวดั สญั ญาณชพี ประกอบด้วย อัตราการเตน้ ของหัวใจ อตั ราการหายใจ และความ
ดันโลหิตขณะหัวใจบีบตัวและคลายตัว (Systolic blood pressure) แรงดันเลือดในขณะที่หัวใจ
บีบตัว และแรงดันเลือดในขณะที่หัวใจคลายตัว (Diastolic blood pressure)ของกลุ่มทดลองและ
กลุม่ ควบคุม กอ่ นผา่ ตัด หลงั ผา่ ตดั

3) แบบวัดความกังวล (Visual Analogue Scale) โดยอาศัยแนวคิดของ (De Jong et
al, 2005) มาตรวัดแบบอะนาล็อกแบบภาพ A VAS ถูกใช้เพื่อวัดระดับความวิตกกังวลทางจิตใจของ
ผู้ป่วยหลัง การผ่าตัด VAS) ประกอบด้วยเสน้ แนวนอน 10 มม. โดยมีตัวบอกว่า ''ไม่มีความวิตกกงั วล
''ที่ปลายด้านซ้ายและ ''ความวิตกกังวลที่เลวร้ายที่สุด ''ที่ปลายด้านขวา ผู้รับการทดลองถูกขอให้ระบุ
ว่าตอนนั้นพวกเขารู้สึกกังวลเพียงใดโดยการทำเครื่องหมายหรือชี้ไปที่ตำแหน่งบนเส้น ความรุนแรง
ของความรสู้ กึ ได้คะแนน

4. แบบสอบถามความคิดเห็น ตอ่ การสมั ผสั ในกล่มุ ทดลอง

วธิ ีการเก็บรวบรวมข้อมูล
1. ผู้วิจัยเลือกกลุ่มตัวอย่างตามเกณฑ์ที่กำหนดในป่วยที่รับการผ่าตัดต้อกระจกตา

โดยใชย้ าชา ซึ่งใช้การสุ่มตวั อยา่ งแบบง่าย (Simple randomization) โดยแบ่งอาสาสมคั รออกเป็น 2
กลมุ่ คือ กลมุ่ ทดลอง (ได้รับการสัมผัสมือระหวา่ งผ่าตัด) และกลมุ่ ทไี่ ด้รบั การพยาบาลปกติ ผู้วิจัยเก็บ
ข้อมูลเป็นรายบุคคลจากกลุ่มทดลอง (ได้รับการสัมผัสมือระหว่างผ่าตัด) จำนวน 20 คน เก็บข้อมูล
เป็นรายบุคคลจากกลุ่มทีไ่ ดร้ ับการพยาบาลปกตจิ ำนวน 20 คน ใหค้ รบตามเกณฑ์

2. การจัดอาสาสมัครเข้าแตล่ ะกลุ่ม โดยผู้วจิ ัยกำหนดกลุ่มผู้เข้าร่วมวิจัย โดยป้องกันการ
contaminate ระหวา่ งกล่มุ จัดสลบั กันคนละวนั โดยกลุ่มควบคมุ และกลุม่ ทดลอง คนละวนั กนั เกบ็
จนกวา่ จะครบตามจำนวน 40 คน

54

การวิเคราะหข์ อ้ มูล
ข้อมูลส่วนบุคคลด้านลักษณะประชากร ประกอบด้วย อายุ, ระดับการศึกษา, สถานภาพ

สมรส, อาชีพ, ความเพียงพอของรายได้, จำนวนครั้งของการผ่าตัด, ระยะเวลาที่ท่านทราบว่าเป็นตอ้
กระจก, ประวัติโรคประจำตัว ประวัติการแพ้ยา, ประสบการณ์ผ่าตัด, ชนิดของการผ่าตัดต้อกระจก,
ระยะเวลาในการรอผา่ ตัดต้อกระจกตาครง้ั นี้ และสทิ ธิการรักษาพยาบาล
เป็นค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ความแตกต่างของสัญญาณชีพในกลุ่มทดลองและ
กลุ่มควบคุมก่อนผา่ ตัดขณะผา่ ตัด และหลังผา่ ตัด ใช้สถิติ Mann-Whitney U เนื่องจากคะแนนความ
วิตกกังวล ก่อนผ่าตัด ขณะผ่าตัด หลังผ่าตัด และคะแนนสัญญาณชีพ ก่อนผ่าตัด ขณะผ่าตัด หลัง
ผ่าตัด เป็นข้อมูลซึ่งเป็นการแจกแจงไม่ปกติ (nonparametric test) การเปรียบเทียบความแตกต่าง
ของ คะแนนความวิตกกังวล หลังผา่ ตัด ของกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม โดยใช้ สถิติ Mann-Whitney U

ผลการวเิ คราะหข์ ้อมลู
จากการศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลสามารถสรปุ ไดด้ งั นี้
1.ลกั ษณะกลมุ่ ตัวอยา่ ง

เป็นผู้ป่วยผา่ ตัดตอ้ กระจกใช้ยาชา จำนวน 20 คน แบ่งเป็นกลุ่มทดลอง 20 คน กลุ่มควบคมุ
20 คน กลุ่มทดลอง เป็นเพศ หญิงจำนวน9 คน คิดเป็นร้อยละ45 เพศชายจำนวน 11 คน คิดเป็น
ร้อยละ 55 ส่วนใหญ่ระดับการศึกษาเป็นระดับมัธยมศึกษาจำนวน 10 คน คิดเป็นร้อยละ 50
รองลงมาเป็นระดับประถมศึกษา 8 คน คิดเป็นร้อยละ 40 ระดับ ปวช/ปวส น้อยที่สุด 2 คน
รอ้ ยละ 10
สถานภาพสมรส สว่ นใหญ่ สมรสแลว้ จำนวน 18 คน รอ้ ยละ 90 โสด 2 คน ร้อยละ 10
อาชีพ ไมไ่ ด้ทำงาน มากทส่ี ุด จำนวน 13 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 65 รองลงมาเปน็ อาชีพรับจา้ ง 6 คน คดิ
เป็นรอ้ ยละ 30 น้อยท่ีสุด อาชีพเกษตรกรรม จำนวน 1 คน คิดเป็นร้อยละ 5

ความเพียงพอของรายได้ มากท่ีสดุ ไมพ่ อใช้มีหนสี้ นิ จำนวน 9 คน รอ้ ยละ 45 รองลงมาเป็นเพียงพอ
ไม่มเี หลอื เก็บ จำนวน 8 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 40 โดยเพียงพอ มีเหลอื เกบ็ น้อยท่สี ุดจำนวน 3 คน คิด
เป็นร้อยละ 15

ประวัติโรคประจำตวั มโี รคประจำตัว 12 คน รอ้ ยละ 60 ไมม่ ีโรคประจำตวั 8 คน ร้อยละ 40

ประวัตกิ ารแพ้ยา ไมม่ ีอาการแพ้ยาจำนวน 19 คน คิดเป็นร้อยละ 95 แพย้ า 1 คน ร้อยละ 5

ประสบการณก์ ารผา่ ตัด มปี ระสบการณ์การผา่ ตดั จำนวน 14 คน ร้อยละ 70 ไม่มปี ระสบการณ์ การ
ผ่าตดั 6 คน รอ้ ยละ 30

จำนวนคร้งั ของการผา่ ตัด มากกวา่ 1 ครั้ง 15 คน รอ้ ยละ 75 1 คร้ัง 5 คน ร้อยละ 25

ชนดิ ของการผ่าตัดต้อกระจก PE&IOL จำนวน 17 คน ร้อยละ 85 ECCE & IOL 3 คน ร้อยละ 15

สิทธิรักษาพยาบาล ประกันสุขภาพถ้วนหน้ามากที่สุด 17 คน ร้อยละ 85 รองลงมา ชำระเงินเอง
2 คน รอ้ ยละ 10 น้อยทส่ี ุด สทิ ธิราชการ จำนวน 1 คน รอ้ ยละ 5

กลุ่มควบคุม เป็นเพศ หญิงจำนวน 11 คน คิดเป็นร้อยละ 55 เพศชายจำนวน 9 คน คิดเป็นร้อยละ
45 ส่วนใหญ่

55

ระดบั การศึกษาเป็นระดบั มัธยมศกึ ษาจำนวน 8 คน คิดเปน็ ร้อยละ 40 รองลงมาเป็น ระดบั
ประถมศกึ ษา 7 คน คดิ เป็นร้อยละ 35 ระดบั ไมไ่ ด้เรียน นอ้ ยทสี่ ดุ 1 คน รอ้ ยละ 5

สถานภาพสมรส สว่ นใหญ่ สมรสแล้ว จำนวน 18 คน ร้อยละ 90 โสด 2 คน ร้อยละ 10

อาชีพ ไม่ได้ทำงาน มากท่สี ดุ จำนวน 14 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 70 รองลงมาเปน็ อาชีพรบั จา้ ง 5 คน คิด
เปน็ รอ้ ยละ 25 น้อยทีส่ ดุ อาชพี ราชการ จำนวน 1 คน ร้อยละ 5

ความเพียงพอของรายได้ มากที่สุด ไม่พอใช้มีหนี้สินจำนวน 11 คน ร้อยละ 55 รองลงมาเป็น
เพียงพอ ไม่มีเหลือเก็บ จำนวน 6 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 40 โดยเพียงพอ มเี หลือเกบ็ น้อยท่ีสดุ จำนวน 3
คน คดิ เปน็ ร้อยละ 15

ประวัติโรคประจำตวั มีโรคประจำตวั 11 คน รอ้ ยละ 55 ไมม่ ีโรคประจำตวั 9 คน ร้อยละ 45

ประวตั กิ ารแพ้ยา ไมม่ ีอาการแพ้ยาจำนวน 19 คน คดิ เป็นร้อยละ 95 แพ้ยา 1 คน ร้อยละ 5

ประสบการณก์ ารผา่ ตดั มีประสบการณ์การผ่าตดั จำนวน 10 คน ร้อยละ 50 ไมม่ ปี ระสบการณ์ การ
ผ่าตัด 10 คน ร้อยละ 50

จำนวนคร้งั ของการผา่ ตัด มากกวา่ 1 คร้งั 12 คน รอ้ ยละ 60 1 ครงั้ 8 คน ร้อยละ 40

ชนดิ ของการผา่ ตดั ต้อกระจก PE&IOL จำนวน 18 คน ร้อยละ 90 ECCE & IOL 2 คน ร้อยละ 10

สิทธิรักษาพยาบาล ประกันสุขภาพถ้วนหน้ามากที่สุด 15 คน ร้อยละ 75 รองลงมา ชำระเงินเอง
2 คน รอ้ ยละ 10 และสทิ ธริ าชการ จำนวน 2 คน ร้อยละ 10 นอ้ ยท่ีสุด ประกนั สังคม 1 คน ร้อยละ 5

2. ค่าเฉลย่ี ปัจจยั ส่วนบคุ คล ดา้ น อายุ ระยะเวลาทราบวา่ เปน็ ตอ้ กระจก ระยะเวลาเป็นตอ้ กระจก
คา่ เฉล่ีย คะแนน ปัจจยั ส่วนบุคคล ของกลุ่มทดลอง ดา้ นอายุ, ระยะเวลาการเปน็ ต้อกระจก,
ระยะเวลาการผา่ ตัด
อายุ เฉลย่ี 64.25 ปี มากท่สี ุด 83 ปี น้อยท่สี ุด 49 ปี
ระยะเวลาการเป็นต้อกระจก เฉล่ยี 1.95 ปี มากท่สี ดุ 6 ปี นอ้ ยทีส่ ุด 1 ปี
ระยะเวลาการผา่ ตัดเฉล่ีย 81 นาที มากท่ีสดุ 160 นาที น้อยที่สุด 40 นาที

คา่ เฉลี่ย คะแนน ปจั จัยสว่ นบุคคล ของกลุ่มควบคุม ดา้ นอายุ, ระยะเวลาการเป็นต้อกระจก,
ระยะเวลาการผ่าตัด
อายุ เฉลีย่ 61.95 ปี มากทส่ี ดุ 74 ปี น้อยทส่ี ุด 44 ปี
ระยะเวลาการเป็นต้อกระจก เฉลีย่ 1.9 ปี มากทสี่ ดุ 4 ปี น้อยทส่ี ุด 1 ปี
ระยะเวลาการผา่ ตัดเฉลี่ย 72.75 นาที มากทีส่ ุด 190 นาที นอ้ ยที่สุด 35 นาที

3. แสดงจำนวนและค่าร้อยละ และค่าเฉลี่ยคะแนนความวิตกกังวล ของผู้ป่วยผ่าตัดต้อกระจก
กลมุ่ ทดลองและกลมุ่ ควบคุม หลงั การผา่ ตดั

กลุม่ ทดลอง มีความวิตกกังวลระดับปานกลางมากที่สุด จำนวน 10 คน คิดเป็นร้อยละ 50 รองลงมา
กงั วลเลก็ นอ้ ย จำนวน 6 คน คิดเป็นร้อยละ 30 มีความวิตกกงั วลระดบั มากน้อยที่สุด

56

จำนวน 4 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 20 คะแนนความวติ กกังวลเฉล่ยี = 39.45 คะแนน สว่ นเบีย่ งเบน
มาตรฐาน = 16.99 คะแนนความวติ กกังวล มากท่ีสดุ =75 คะแนน คะแนนความวิตกกังวล น้อย
ทีส่ ุด =15 คะแนน

กลมุ่ ควบคมุ มีความวติ กกงั วลระดับปานกลางมากที่สดุ จำนวน 11 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 55 รองลงมา
มีความวิตกกังวลระดับมาก จำนวน 7 คน คิดเป็นร้อยละ 35 มีความวิตกกังวลเล็กน้อย น้อยที่สุด
จำนวน 2 คน คิดเปน็ ร้อยละ 10
คะแนนความวิตกกงั วลเฉล่ยี = 44.75 คะแนน สว่ นเบ่ียงเบนมาตรฐาน = 11.52
คะแนนความวติ กกังวล มากที่สดุ = 65 คะแนน คะแนนความวิตกกงั วล น้อยที่สดุ =20 คะแนน

4. แสดงจำนวนและค่ารอ้ ยละ ความคดิ เห็น ความวติ กกงั วล ของผู้ป่วยผ่าตดั ต้อกระจก กล่มุ
ทดลองและกลมุ่ ควบคุมขณะการผา่ ตัด

กลุม่ ทดลอง ความวิตกกังวลผา่ ตดั เปน็ ปัญหาเร่ือง การมองเห็น จำนวน 9 คน รอ้ ยละ 45
กลัวการฉีดยาชา จำนวน 5 คน ร้อยละ 25 น้อยที่สุด กลัวเกิดภาวะแทรกซ้อน 2 คน คิดเป็นร้อยละ
10 รสู้ กึ เจบ็ ปวดมากขณะผ่าตดั แม้ได้รับยาชาแล้วแต่ไม่กล้าบอกแพทย์ จำนวน 12 คนคดิ เปน็ รอ้ ยละ 60
รองลงมา ผู้ป่วยกังวล แพทย์ผ่าตัด เป็นแพทย์ฝึกหัด จำนวน 9 คนคิดเป็นร้อยละ 45 รู้สึกกลัวเมื่อเห็น
เครอ่ื งมือแพทย์ ผา่ นไปมาบรเิ วณตา นอ้ ยที่สุด จำนวน 4 คนคดิ เปน็ ร้อยละ 20

อาการทางกายทีพ่ บขณะผ่าตัด หนั ศีรษะหนแี พทย์ จำนวน 4 คนคิดเป็นรอ้ ยละ 20 และ กรอกตา ขณะ
ผ่าตัด จำนวน 4 คนคิดเป็นร้อยละ 20 ขยับร่างกายจำนวน 2 คน ร้อยละ 10 สบายใจ และปลอดภัยเมื่อเขา้
ห้องผ่าตัดจำนวน 8 คน คนคดิ เป็นร้อยละ 50 และรู้สึกผ่อนคลาย ระหว่างการผา่ ตดั ตอ้ กระจก จำนวน 10
คน คนคิดเป็นร้อยละ 50 รู้สึกมั่นใจในขั้นตอน หรือวิธีการผ่าตัดครั้งนี้ เพราะฉันได้รับกำลังใจจาก
พยาบาล จำนวน 15 คนคิดเปน็ รอ้ ยละ 75

กลมุ่ ควบคุมความวติ กกังวลผา่ ตัด เป็นปัญหาเร่ือง การมองเห็น จำนวน 9 คน รอ้ ยละ 45 กลัว เกดิ
ภาวะแทรกซ้อน 5 คน คิดเป็นร้อยละ 25 รองลงมาเป็น กลัวการฉีดยาชา จำนวน 4 คน ร้อยละ 20
รู้สึกเจ็บปวดมากขณะผ่าตัดแม้ได้รับยาชาแล้วแต่ไม่กล้าบอกแพทย์ จำนวน 6 คนคิดเป็นร้อยละ 30 รองลงมา
ผู้ป่วยกังวล แพทย์ผ่าตัด เป็นแพทย์ฝึกหัด จำนวน 4 คนคิดเป็นร้อยละ 20 รู้สึกกลัวเมื่อเห็นเครื่องมือ
แพทย์ ผา่ นไปมาบรเิ วณตา น้อยทส่ี ุด จำนวน 2 คนคดิ เปน็ ร้อยละ 10

อาการทางกายทพี่ บขณะผา่ ตดั หนั ศรี ษะหนแี พทย์ จำนวน 5 คนคิดเปน็ ร้อยละ 25 และกรอกตา ขณะ
ผา่ ตดั จำนวน 2 คนคดิ เปน็ ร้อยละ 10 ขยบั ร่างกายจำนวน 2 คน รอ้ ยละ 10 สบายใจ และปลอดภัยเมื่อเข้า
ห้องผ่าตัด จำนวน 8 คน คนคิดเป็นร้อยละ 40 และรู้สึกผ่อนคลาย ระหว่างการผ่าตัดต้อกระจก จำนวน 7
คน คนคิดเป็นร้อยละ 35 รู้สึกมั่นใจในขั้นตอน หรือวิธีการผ่าตัดครั้งนี้ เพราะฉันได้รับกำลังใจจาก
พยาบาล จำนวน 4 คนคิดเป็นร้อยละ 20

57

5. คะแนนความคิดเห็นการสัมผัส กลุ่มตัวอย่างมีความเห็นว่า การจับมือระหว่างผ่าตัดไม่ได้ทำให้
ความเจ็บปวดน้อยลง คิดเป็นร้อยละ 27.5 จำนวน 11 คน ส่วนใหญ่เห็นด้วย จะแนะนำการจับมือ
ของพยาบาลระหว่างการผ่าตัดเพื่อลดความวิตกกังวลในการผ่าตัดต้อกระจกให้กับผู้อื่น หรือญาติ
ร้อยละ 50 จำนวน 10 คน คะแนนเฉลี่ยความคิดเห็นขณะได้รับการสัมผัส = 22.1 คะแนน คะแนน
ต่ำสดุ 9 คะแนน สงู สดุ 27คะแนน
6. ไม่มีความแตกต่างของคะแนนความวิตกกังวล หลังผ่าตัด ของกลุ่มควบคุม และกลุ่มทดลอง
อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ p > 0.05

7. ไม่มีความแตกต่างของคะแนนสัญญาณชีพ ด้าน (Diastolic blood pressure, Pulse,
Respiratory) กอ่ นผา่ ตดั ขณะผ่าตดั หลังผ่าตัด ของกลุ่มควบคมุ และกลุ่มทดลอง ท่ี P > 0.05 มี
ความแตกต่างของคะแนนสัญญาณชีพด้าน Systolic blood pressure หลังผ่าตัด ของกลุ่มควบคุม
และกล่มุ ทดลอง อย่างมนี ยั สำคญั ทางสถิติ ที่ P < 0.05

อภปิ รายผล
จากผลการทดลอง ไม่มีความแตกต่างของคะแนนความวิตกกังวล หลังผ่าตัด ของกลุ่ม

ควบคุม และกลุ่มทดลอง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ p > 0.05 สอดคล้องกับงานวิจัยของ Pam
Morgan(อ้างถึงใน Anuja32) ศึกษาผู้ป่วยผ่าตัดต้อกระจก กลุ่มที่ได้รับการสัมผัสมือ เปรียบเทียบกับ
กล่มุ ไมไ่ ดร้ ับการสัมผสั มือพบวา่ 2 กลุ่มมีความวิตกกงั วล ไมแ่ ตกต่างกัน ไมส่ อดคล้องกับงานวิจัยของ
Jung-Soon Moon67 พบว่า กลุ่มทดลองมีความวิตกกังวลลดลง อย่างมีนัยสำคัญทาง
สถิติ ที่ p < 0.05 และ กลุ่มทดลองส่วนใหญ่มีความคิดเห็นสอดคล้องกับการศึกษาของ Pam
Morgan (อา้ งถงึ ใน Anuja32) วา่ การสัมผัสมอื ชว่ ยลดความวติ กกังวลมาก อธิบายไดว้ า่ กลมุ่ ทดลอง
เห็นว่าการสัมผสั มือช่วยลดความวิตกกังวล รูส้ กึ อุ่นใจ เมอื่ มพี ยาบาลอยู่ใกล้ๆ ผปู้ ่วยบางรายจะบีบมือ
พยาบาล หรือบางรายคว้ามือพยาบาลไปจับและสิ่งที่ สามารถบอกความวิตกกังวลได้คือสัญญาณชีพ
และอาการทางกาย จากการทดลองจะเห็นได้ว่า กลุ่มที่ได้รับการสัมผัส มีความแตกต่างของคะแนน
สัญญาณชีพด้าน Systolic blood pressure หลังผ่าตัด อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ท่ี P < 0.05
สอดคล้องกับการศึกษาของ Anuja32 การสัมผัสมือขณะผ่าตัดทำให้ผู้ป่วยมีสัญญาณชีพ Systolic
blood pressure ลดลงก่อนผ่าตัด SBP =160.65 mmg หลังผ่าตัด SBP=151.5 mmg และมีค่า
P=0.035 ความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติท่ี P< 0.05 ปัญหาเรื่องความวิตกกังวลการผ่าตัด
ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่อง การมองเห็น ร้อยละ 45 กลัวการฉีดยาชา22.5% และการเกิดภาวะแทรกซ้อน
17.5 % สอดคลอ้ งกับการศึกษาของ DA Ramirez, David A74 พบว่า ผูป้ ว่ ยส่วนใหญ่ ตอบวา่ ปัญหาความวิตก
กังวลการผ่าตัด คือปัญหาเรื่องการมองเห็น ผู้ป่วยส่วนใหญ่ของราชวิถี 67.5 % ผ่าตัดต้อกระจก
มาแล้วมากกว่า 1 ครงั้ ความกลวั ต่างๆ เร่มิ ลดลง เพราะผปู้ ่วยเรมิ่ คนุ้ ชินขนั้ ตอนในห้องผ่าตัด ความ
วิตกกังวลวัดจากสัญญาณชีพก่อนผ่าตัด จึงไม่แตกต่างกันทั้งสอง กลุ่ม แต่สิ่งท่ีกังวลคือการมองเห็น
แตเ่ มอ่ื ผา่ ตัดเสรจ็ แลว้ คะแนนสัญญาณชีพมีความแตกต่างอย่างมนี ยั สำคัญทางสถิติ เพราะผู้ป่วยรู้ผล
การผา่ ตัดทันที ถ้าการผ่าตัดสำเรจ็ ประกอบกบั ความเอาใจใส่ ของพยาบาลความวิตกกังวล จะลดลง

ถา้ การผา่ ตดั ไมป่ ระสบความสำเร็จและขาดการดูแลทด่ี ี ความวติ กกงั วลจะเพม่ิ ข้ึน

58

ข้อเสนอแนะในงานวิจยั
แนวปฏิบัติการพยาบาลเพื่อลดความวิตกกังวลเป็นสิ่งสำคัญ สำหรับผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัด

การสัมผัสมือขณะผ่าตัด เป็นแนวปฏิบัติที่ไม่เป็นอันตราย ราคาถูกและง่ายต่อการปฏิบัติ การสัมผัส
มือขณะผ่าตัด เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่ได้รับการฉีดยาชาเฉพาะที่ ผู้ป่วยมีสติสัมปชัญญะ รู้สึกตัวตลอด
ความร่วมมือของผู้ป่วยเป็นสิ่งสำคัญ และการจับมือสามารถนำไปสู่ความร่วมมือของผู้ป่วยที่เพิ่มข้ึน
และความสำเร็จของการผา่ ตัด

และการวิจัยครั้งตอ่ ไป อาจใช้วิธีการสัมผัสมือร่วมกับการทดลองชนิดอ่ืนร่วมด้วย มีงานวิจัย
หลายงาน ซ่งึ ทำแลว้ ไดผ้ ล เชน่ การกดจุดบรเิ วณฝา่ มือ ปฏิบตั กิ อ่ นผา่ ตัดเน้นผ้ปู ว่ ยต้องถูก งดผ่าตัด
เนอื่ งจากความดันโลหติ สูง บรเิ วณฝ่ามือมคี วามสัมพันธ์กบั อวยั วะในร่างกาย การกดจุด ถกู ตำแหน่ง
สามารถ คลายความวิตกกังวลได้ และช่วยการผ่อนคลายผู้ป่วยสามารถทำได้ด้วยตนเอง โ ดยมี
พยาบาล แนะนำ นอกจากนี้ ในภาวะปัจจุบันมีการนำหุ่นยนตร์ช่วยผ่าตัด อาจใช้ใส่โปรแกรมในหุ่น
เช่นการบีบหรือสัมผัสมือการใช้หุ่นยนตร์ มาช่วยอาจทำได้ดีกว่าน้ำหนักมีความสม่ำเสมอ ใช้เสียง
พยาบาลเป็นผู้ให้คำแนะนำ ช่วยทดแทน สถานการณ์พยาบาลขาดแคลน และภาวการณ์ระบาดของ
โรค แตส่ ามารถใหก้ ารพยาบาลผู้ป่วยไดค้ รอบคลุม ทั้งร่างกายจติ ใจ

59

รายการอา้ งอิง

1. Resnikoff S, Pascolini D, Etya'ale D, Kocur I, Pararajasegaram R, Pokharel GP, et l.
Global data on visual impairment in the year 2 0 0 2 . Bull World Health Organ.
2004;82(11):844-51.

2. Jenchitr W HPI. The National Survey of Blindness, Low Vision and Visual Impairment
in thailand 2006-2007. Thai J Publ Hlth Ophthalmol. 2007;21(1):10-94.

3. สกาวรัตน์ คุณาวิศรุต. สถานการ์ณตาบอดในประเทศไทย 2564 [Available from:
https://eent.co.th /articles/083/.

4. โรงพยาบาลราชวิถี. ข้อมูลเกี่ยวกับโรงพยาบาลราชวิถี 2563 [Available from:
https://www.rajavithi.go.th/rj/?page_id=427.

5. Page MJ, McKenzie JE, Bossuyt PM. The PRISMA 2020 statement: an updated
guideline for reporting systematic reviews. BMJ. 2021.

6. Eong KGA, Lim TH, Lee HM, Yong VSH. Subjective visual experience during
phacoemulsification and intraocular lens implantation using retrobulbar
anesthesia. J Cataract Refract Surg. 2000;26(6):842–846.

7. Rengaraj V, Radhakrishnan M, Eong K-GA, et al. Visual experience during
phacoemulsification under topical versus retrobulbar anesthesia: results of a
prospective, randomized, controlled trial. Am J Ophthalmol 2004;138(5):782–87

8. Prasad N, Kumar CM, Patil BB, Dowd TC. Subjective visual experience during
phacoemulsification cataract surgery under sub-Tenon’s block. Eye2003;17(3):407–09.

9. Wickremasinghe SS, Tranos PG, Sinclair N, Andreou PS, Harris ML, Little BC. Visual
perception during phacoemulsification cataract surgery under subtenons
anaesthesia Eye2003;17(4):501–05.

10. Vallance JH, Ahmed M, Dhillon B. Cataract surgery and consent; recall, anxiety,
and attitude toward trainee surgeons preoperatively and postoperatively. J
Cataract Refract Surg. 2004;30(7):1479–1485.

11. Nijkamp MD, Ruiter RA, Roeling M. Factors related to fear in patients undergoing
cataract surgery: a qualitative study focusing on factors associated with fear and
reassurance among patients who need to undergo cataract surgery. Patient Educ
Couns.2002;47(3):265–272.

12. Obuchowska I, Ługowska D, Mariak Z, Konopake J. Subjective opinions of patients
about step-by-step cataract surgery preparation. Clin Ophthalmol.2021;15:713–721.

13. Guerrier G, Abdoul H, Jilet L. Musical intervention reduces anxiety-related
hypertensive events during cataract surgery: a randomized controlled trial. Perioper
Care Oper Room Manag.2020; 20:100-26.

60

14. Merakou K, Varouxi G, Barbouni A. Blood pressure and heart rate alterations through music in
patients undergoing cataract surgery in Greece. Ophthalmol Eye Dis.2015;7:7–12.

15. Bringman H, Giesecke K, ThÖRne A, Bringman S. Relaxing music as pre-medication
before surgery: a randomised controlled trial. Acta Anaesthesiol Scand
.2009;53(6):759–64.

16. Bellan L, Gooi A, Rehsia S. The misericordia health centre cataract comfort
study. Can J Ophthalmol2002;37(3):155–60.

17. Muddana SK, Hess OM, Sundar S, Venkatesh R. Preoperative and perioperative
music to reduce anxiety during first-time phacoemulsification cataract surgery in
the high-volume setting: randomizedcontrolledtrial. JCataract Refract Surg.2020.

18. Wiwatwongwana D, Vichitvejpaisal P, Thaikruea L, et al. The effect of music with
and without binaural beat audio on operative anxiety in patients undergoing
cataract surgery: a randomized controlled trial. Eye.2016;30(11):1407–14.

19. Choi S, Park SG, Bellan L, Lee HH, Chung SK. Crossover clinical trial of pain relief
in cataract surgery. Int Ophthalmol.2018;38(3):1027–33.

20. Camara JG, Ruszkowski JM, Worak SR. The effect of live classical piano music on
the vital signs of patients undergoing ophthalmic surgery. Medscape J Med.
2008;10(6):149.

21. Schoenhofer SO. Rethinking primary care: connections to nursing. ANS Adv Nurs
Sci. 1995;17(4):12-21.

22. วิโรจน์ วิทยาเวโรจน์. neuro. ใน: กายวิภาคและสรีรวิทยาพื้นฐานของระบบประสาท.
มหาวทิ ยาลยั มหดิ ล.2557.

23. Waddell E. Qualitytouchingtocommunicate caring. Nurs Forum1979;18(3):288-92.

24. Pedrazza M, Berlanda SE, Trifiletti E, Minuzzo S. The Patients’s Perception of Touch
in Current Concepts in Clinical Nursing. Anderson et al. St. Louis, editor. The C.v.
Mosby.1973.

25. กรรณิการ์ สุวรรณโคตร. การพยาบาลกับพฤติกรรมของบคุ คล. เอกสารการสอนชุดวชิ ามโนมติ
และกระบวนพยาบาลสาขาวทิ ยาศาสตรส์ ุขภาพ. มหาวทิ ยาลยั สโุ ขทัยธรรมาธริ าช.2527.

26. ชูทิตย์ ปานปรีชา. แพทย์ทั่วไปแก้ความกระวนกระวายใจของผูป้ ่วยได้อย่างไร. วารสารกรมการ
แพทย์. 2551;6:261-71.

27. Wykee M. A Nursing Process Approach. W.J.Phipps BCL, editor. In Essentials op
Medical-Surgical Nursing: a Nursing Process Approach. St. Louis: The C.V.Mosby
comp; 1987.

28. กอบกุล พนั ธเ์ จรญิ วรกุล. การพยาบาลจติ สงั คมของผปู้ ว่ ยในภาวะวิกฤต.2529.

61

29. อุบล นิวัติชัย. พฤติกรรมที่เป็นปัญหาทางจิตอารมณ์และการพยาบาล. มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
2531.

30. CA D. Hands that Help‐but How? Nurs Forum.1971;10:392-400.

31. BellackJP,B.P.A. a Multidimensional ApproachMontery. Nursing Assessment.1984.

32. Anuja BS, Devi ES, Sequira L, Rao L, Pai VH. Effectiveness of Intra Operative Hand
Holding On Anxiety And Physiological Parameters Among Patients Undergoing
Cataract Surgery. Nitte University Journal of Health Science.2014;4(2):27-33.

33. De Jong AE, Bremer M, Schouten M, Tuinebreijer WE, Faber AW. Reliability and
validity of the pain observation scale for young children and the visual analogue
scale in children with burns. 2005;31(2):198-204.

34. เฉลมิ สริ ิ เทพพทิ ักษ.์ สรีรวิทยาการมองเห็นและการประเมนิ สมรรถภาพการมองเห็น. 2560.

35. การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการผ่าตัดต้อกระจกรู้เรื่องตา ท่อน้ำตา ตาปลอมกับหมออารีย์ เรื่องตา
ท่อน้ำตา ตาปลอมกับหมออารีย์ [cited 2021 17 กรกฎาคม 2021]. Available from:
http://www.draree.com/2018/08/04/การเตรยี มตัวกอ่ นเขา้ รบั การผา่ ตัดต้อกระจก.

36. Skapinakis P. Spielberger State-Trait Anxiety Inventory. Encycl Qual Life Well-
Being Re [cited 2021 11กรกฎาคม ]. Available from:
https://link.springer.com/referenceworkentry/10.1007/978-94-007-0753-5_2825.

37. บังอร เครียดชัยภูมิ, เพ็ญศรี ระเบียบ, และ บงกช เก่งเขตกิจ. ผลของดนตรีต่อระดับความวิตก
กังวลกอ่ นผ่าตัด. วารสารพยาบาล.2533(2):96-105.

38. สุนีย์ สธุ ีวรี ะขจร. เปรยี บเทยี บผลสัมผัสบำบัดกับดนตรบี ำบดั ต่อระดับความวิตกกังวลก่อนผ่าตัด
ของผ้ปู ่วยมะเร็งเต้านม: มหาวทิ ยาลยั บูรพา.2546.

39. Moon JS. The effects of handholding on anxiety in cataract surgery patients under
local anesthesia. J Adv Nurs.2021;35(3):407-15.

40. สิริวรรณ ชูจตุโร. ผลของการสร้างจนิ ตภาพต่อความปวดและความวติ กกังวลในผูป้ ว่ ยหลังผ่าตดั
เปลยี่ นขอ้ เขา่ เทียม.มหาวทิ ยาลัยมหดิ ล.2522.

41. Voucer BJ. Patients’ perceptions of stressful events associated with hospitalization.
Nurs Res. 1974;23(3):235-8.

42. Nyamathi A, Kashiwabara A. Preoperative anxiety: its effects on cognitive thinking.
AORN Journal. 1988;47.

43. Ulrich SP, Canale SW, Wendell SA. A Nursing Diagnosis Approach. Nursing Care
Planning Guides Philadelphia: W.B. Saunders comp .1986.

44. Long BC. concepts and Clinical Practice. In: W.J. Phipps, editor. Preoperative
Nursing in Medical-Surgical Nursing. St. Louis: The C.V.Mosby comp.1987:443-51.

45. MA R. A Survey of Pre-operative Fear. Anasthesia.1972; 27:396-401.

62

46. Graham LE, Conley EM. Evaluation of Anxiety and Fear in Adult Surgical Patients.
Nurs Res.1971; 20: 113-22.

47. Boore J. Pre-operative care of patients. Nursing Times.1977;24:409-11.

48. ฟาริดา อิบราฮิม. ภาวะพรากความรู้สึกมโนมติการประเมินและการพยาบาล.วารสารพยาบาล.
2532;38:46-55.

49. ทัศนา บุญทอง. พยาบาลกับการป้องกันโรคทางจิต.พยาบาลกับการป้องกันโรคทางจิตเอกสาร
การสอนชุดวชิ ากรณีเลอื กสรรการพยาบาลมารดาทารก และการพยาบาลจติ เวช.2531.

50. Dugas BW. A Comprehension Approach to Nursing. A Comprehension Approach to
Nursing Introduction to Patient Care 4ed. Philadelphia: W.B. Saunders comp.1983.

51. Salmon P KL. Preoperative anxiety and endocrine response to surgery.The
Lancet1990:1340.

52. McCleane R. Cooper The Nature of Pre-operative Anxiety. Anesthesia1990; 45:153-5.

53. Ellis JR, Nowlis EA. In: 3rd, editor. A Human needs approach 3rd. Boston: Houghton
Miffin. Comp.1985.

54. Sundeen J, Sandra J, Stuart, Rankin GW, DeSalvo E. Cohen and Ann S.Nurse-Client
Implementing the Nursing Process. St. Louis: The C.V.Mosby comp.1981.

55. Hardy J. The Importance of Touch for Patient a Nurse.The Journal of Practical
Nursing. 1975:26-7.

56. Bradley, Jean CB., Edinberg ,Mark A. Communication in the Nursing Context.
Norwalk: Appleton-Century-Crofts.1985.

57. Mason A, PJ. Touch. Nurs Times1980;76:990–1001.

58. ศริ ิพนั ธ์ สุคนธรัตน์. ผลของการสมั ผัสต่อระดบั ความวิตกกงั วลในผปู้ ่วยทร่ี ับการรักษาตัวในแผนก
อายรุ กรรม:จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลยั .2527.

59. ฉวี เบาทรวง. ผลของการใหค้ ำแนะนําในการปฏิบตั ติ วั อย่างมแี บบแผน และการสมั ผัสต่อการลด
ความวติ กกังวลและพฤติกรรมการเผชิญภาวะเครียดในระยะคลอด.มหาวทิ ยาลัยมหดิ ล.2526.

60. Heidt P. Effect of Therapeutic Touch on Anxiety Level of Hospitalized Patients.
NursRes. 1981: 30(1): 32-7.

61. Fisher SP, Bader AM, Sweitzer BJ. Preoperative evaluation Anesthesia. Philadelphia:
Churchill Livingstone.2010.

62. Tovar MK, Cassmeyer V. The beneficial effects for the surgical patient. AORN
Journal.1989; 49(5):1356-61.

63. Wilentz JS. The senses of man. New York: Thomas Y. Crowell.1971.

64. ปนัดดา โรจน์ทนงชัย. ผลของการพยาบาลตามแบบแผนการสมั ผัสต่อความวิตกกังวลของผ้ปู ่วย
ผ่าตัดที่ได้รับ การระงับความรู้สึกเฉพาะที่ โรงพยาบาลมะการักษ์ จังหวัดกาญจน บุรี:
มหาวิทยาลยั มหิดล.2543.

63

65. วารุณี กุลราช. ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับความวิตกกังวลก่อนผ่าตัดในผู้ป่วยผ่าตัดตา. วารสาร
วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุตรดิตถ์.2560;1:1-12.

66. Baydur EY, Zeliha Bİrer, Hakan. The Effect of Therapeutic Touch Performed During
Cataract Surgery on Anxiety and Patient Satisfaction. 2021.

67. Ni CH, Wei L, Wu CC, Lin CH, Chou PY, Chuang YH, Kao CC. Machine-Based Hand
Massage meliorates Preoperative Anxiety in Patients Awaiting Ambulatory Surgery.
J Nurs Res.2021

68. Oh HJ, Park JS. [Effects of hand massage and hand holding on the anxiety in
patients with local infiltration anesthesia]. Taehan Kanho Hakhoe
Chi.2004;34(6):924-33

69. Nirmal Sankal KV, Sudhir B, Abhijee B, Abhijee F, Sushil G, Rahul T, Vivek K, et al.
Study of anxiety symptoms in patients posted for cataract surgery.2020.;11

70. Oymaagaclıo K, Ates e. Identifying Factors Affecting Anxiety Levels in the Patients
Planned for Cataract Surgery: A Crossectional Study. International Journal of Caring
Sciences. 2019;12(2):639.

71. Apr Ramirez, David A . Anxiety in patients undergoing cataract surgery: a pre- and
postoperative comparison. Clinical ophthalmology (Auckland, N.Z.). 2017;11:1979-86.

72. ธนาวรรณ ศรีกุลวงศ์, ศิริพันธุ์ สาสัตย์. ผลของการให้ข้อมูลแบบรูปธรรม-ปรนัย ร่วมกับการให้
ข้อมูลผ่านสื่อสังคมออนไล์ต่อความวิตกกังวลก่อนผ่าตัดของผู้ป่วยต้อกระจกวัยผู้ใหญ่.วารสาร
พยาบาลตำรวจ. 2558;11

73. Aimarsa Lunnee , Changjeraja Wallapha. Preparatory Program on Anxiety and
Complications in Patients Underwent Cataract Surgery in Ophthalmology Clinic at
Bueng Kan Hospital. Academic Journal of Mahasarakham Provincial Public Health
Office. 2015;(1):119-27

74. Bernard R. Fundamentals of biostatistics. 5thed: Duxbury Press; 2000

64

ภาคผนวก


Click to View FlipBook Version