1
ก
คำนำ
รายงานฉบับนี้เปน็ ส่วนหน่งึ ของวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๓๑๐๑
ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ ๓/๒ โ ดยมีจดุ ประสงค์เพ่ือศึกษาความรู้ท่ไี ดจ้ ากเรอื่ ง
คำภาษาตา่ งประเทศท่ีใชใ้ นภาษาไทย ซึง่ รายงานน้มี ีเน้ือหาเกี่ยวกับความรจู้ าก
หนงั สอื เรียน และแหล่งความรู้ทางเวบ็ ไซตต์ า่ งๆ
ผูจ้ ดั ทำคาดหวังเป็นอยา่ งยิ่งว่าการจัดทำรายงานฉบับน้จี ะข้อมลู ท่ีเป็นประโยชน์
ตอ่ ผู้สนใจศึกษา คำภาษาต่างประเทศทีใ่ ช้ในภาษาไทยให้
ลงชอ่ื
เด็กชายศุกลวัฒน์ รัตนานกุ ูล พร้อมคณะ
สารบญั ข
เรื่อง หนา้
คำนำ ก
สารบัญ ข
สาเหตุการยืมคำภาษาตา่ งประเทศมาใชใ้ นภาษาไทย ๑–๒
ภาษาองั กฤษ ๓–๕
ภาษาจีน ๖-๗
ภาษาญ่ีปนุ่ ๘
ภาษาบาล-ี สนั สกฤต ๙ - ๑๐
ภาษาเขมร ๑๑ - ๑๒
ภาษาชวา-มลายู ๑๓
บรรณานุกรม ๑๔
ภาคผนวก ๑๕ - ๑๖
๑
๑. สาเหตกุ ารยืมคำภาษาตา่ งประเทศมาใชใ้ นภาษาไทย
๑.๑ ความสมั พนั ธก์ ันทางเชื้อชาติและถ่ินทอี่ ยู่อาศัยตามสภาพภมู ศิ าสตร์
ประเทศไทยมอี าณาเขตตดิ ตอ่ หรอื ใกล้เคยี งกนั กบั มิตรประเทศกบั ประเทศต่าง ๆ หลายประเทศได้แก่
พม่า ลาว มาเลเซยี เขมร มอญ ญวนจงึ ทำให้คนไทยที่อยอู่ าศัยบรเิ วณชายแดนมคี วามเกย่ี วพนั กับชนชาติ
ต่าง ๆ โดยปริยาย มกี ารเดนิ ทางขา้ มแดนไปมาหาสซู่ งึ่ กนั และกนั มกี ารแตง่ งานกนั เปน็ ญาตกิ ัน จึงเปน็ สาเหตุ
สำคญั ใหภ้ าษาของประเทศเหล่านัน้ เข้ามาปะปนอยใู่ นภาษาไทย
๑.๒ ความสมั พนั ธก์ ันทางดา้ นประวัตศิ าสตร์
ชนชาติไทยเปน็ ชนชาติที่มปี ระวตั ิศาสตรอ์ ันยาวนาน มีการอพยพโยกย้ายของคนไทยเขา้ มาอยใู่ นถน่ิ
ซึ่งชนชาตอิ ่ืนเคยอาศัยอยกู่ ่อน หรือมีการทำศึกสงครามกบั ชนชาตอิ ืน่ มีการกวาดตอ้ นชนชาตอิ ่นื เข้ามาเป็น
เชลยศึก หรือชนชาตอิ ื่นอพยพเขา้ มาอยู่ ในแผน่ ดินไทยดว้ ยเหตผุ ล ตา่ ง ๆ และอาจจะกลายเปน็ คนไทยใน
ที่สุด ผลทตี่ ามมากค็ ือคนเหลา่ น้ัน ไดน้ ำถ้อยคำภาษาเดิม ของตนเองมาใชป้ ะปนกบั ภาษาไทย
๑.๓ ความสมั พนั ธก์ นั ทางดา้ นการคา้
จากหลกั ฐานทางดา้ นประวตั ศิ าสตร์ ชนชาติไทยมีการตดิ ต่อคา้ ขาย แลกเปล่ียนสนิ คา้ กบั ชนชาตติ ่าง
ๆ มาเป็นเวลาอันยาวนาน เชน่ ชาวจนี ชาวโปรตเุ กส ฝรง่ั เศส อังกฤษ ฮอลนั ดา ตลอดถงึ ญี่ปุ่น ยิ่งปจั จบุ นั การ
คา้ ขายระหวา่ งประเทศมคี วามสำคัญมากขน้ึ มกี ารใชภ้ าษา-ตา่ งประเทศในวงการธรุ กิจการค้ามากขนึ้ คำ
ภาษาต่างประเทศมโี อกาสเขา้ มาปะปนอยใู่ นภาษาไทยไดต้ ลอดเวลาไม่มวี นั สนิ้ สุด
๑.๔ ความสมั พนั ธท์ างดา้ นศาสนา
คนไทยมเี สรีภาพในการยอมรบั นับถอื ศาสนามาเป็นเวลาชา้ นาน เม่ือยอมรับนบั ถอื ศาสนาใดก็ยอ่ ม
ไดร้ ับถ้อยคำภาษาทใี่ ชใ้ นคำสอน หรือคำเรียกชอ่ื ต่าง ๆ ในทางศาสนาของศาสนานนั้ ๆ มาปะปนอยูใ่ น
ภาษาไทยดว้ ย เชน่ ศาสนาพราหมณใ์ ชภ้ าษาสนั สกฤต ศาสนาพทุ ธใช้ภาษาบาลี ศาสนาอิสลามใช้ภาษา
อาหรับ และศาสนาครสิ ต์ใชภ้ าษาอังกฤษ ดงั น้นั ภาษาตา่ ง ๆ ท่ใี ช้ ในทางศาสนากจ็ ะเข้ามาปะปนในภาษาไทย
ดว้ ย
๑.๕ ความสมั พนั ธท์ างดา้ นวฒั นธรรมและประเพณี
เมื่อชนชาติตา่ ง ๆ เข้ามาสัมพนั ธต์ ิดตอ่ กบั ชนชาติไทย หรอื เขา้ มาต้ังหลกั แหลง่ อย่ใู นประเทศไทย ย่อม
นำเอาวัฒนธรรมและประเพณที ่เี คยยึดถอื ปฏิบตั อิ ยู่ในสังคมเดิมของตนมาประพฤติปฏบิ ัตใิ นสงั คมไทย นาน ๆ
เขา้ ถ้อยคำภาษาที่เกีย่ วข้องกบั วฒั นธรรมและประเพณีเหลา่ น้ัน กก็ ลายมาเปน็ ถ้อยคำภาษาที่เกี่ยวข้องกับ
ชีวติ ประจำวันของคนไทยมากขึน้ จนถึงปัจจบุ ันการหยบิ ยมื คำจากภาษาอืน่ มาใชใ้ นการสอ่ื สารยงั ไมม่ วี ันสิน้ สดุ
ตราบใดทีเ่ รายงั ติดต่อ สมั พนั ธ์ กับชาวตา่ งชาติ การหยบิ ยมื ภาษาตา่ งประเทศมาใช้ในการสอ่ื สารจะตอ้ งคงมี
ตลอดไป ภาษาไทยหยิบยมื ภาษาบาลี ภาษาสนั สกฤต ภาษาเขมร เข้ามาใช้ในการติดตอ่ สอื่ สาร ทง้ั ในสว่ นของ
รูปคำและวิธีการสร้างคำใหม่จำนวนมากมาย
๒
๑.๖ ความกา้ วหนา้ ทางวทิ ยาการและเทคโนโลยี
ความกา้ วหน้าทางวทิ ยาการและเทคโนโลยขี องประเทศท่ีเจริญแลว้ ทำให้เกดิ เครือ่ งมอื เคร่อื งใช้
สำหรับอำนวยความสะดวกแก่บุคคลในสังคมตา่ ง ๆ คนไทยก็ไดร้ บั อิทธิพลจากความกา้ วหน้าทางวิทยาการ
และเทคโนโลยขี องประเทศเหลา่ นม้ี าเช่นเดียวกัน มีการสงั่ ซ้ือเครอ่ื งมอื เครื่องใชใ้ หม่ ๆ เขา้ มาในประเทศไทย
จำนวนมากมาย ชอ่ื ของเครื่องมือเครอื่ งใชแ้ ละถอ้ ยคำ ท่เี กี่ยวขอ้ งกับเครอ่ื งมอื เครอ่ื งใชเ้ หล่าน้ันไดเ้ ข้ามาปะปน
อยู่ในภาษาไทยมากขนึ้ เช่น คอมพิวเตอร์ ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ เอนเตอร์ แผ่นดสิ ก์ ไอคอน เมาส์ เปน็ ตน้
๑.๗ การศึกษาวชิ าการตา่ ง ๆ
การศึกษาของไทยมคี วามเจรญิ ก้าวหน้ามากยิง่ ขึ้น แตค่ วามรูใ้ นสาขาวชิ าการต่าง ๆ สว่ นใหญ่รบั มา
จากตา่ งประเทศ โดยเฉพาะการศกึ ษาในระดับอดุ มศกึ ษา ท้ังวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั และสถาบนั ตา่ ง ๆ มกี าร
ใช้ตำราภาษาตา่ งประเทศ ประกอบการเรยี นและศกึ ษาคน้ ควา้ นอกจากน้ี คนไทยยังนยิ มเดินทางไปศกึ ษา
วชิ าการตา่ ง ๆ ในต่างประเทศ เมือ่ กลับมาประเทศกไ็ ด้รบั เอาคำบางคำ ของภาษาตา่ งประเทศเหลา่ น้ันมาใช้
ปะปนกับภาษาไทยด้วย
๑.๘ การศึกษาภาษาตา่ งประเทศโดยตรง
ในประเทศมกี ารเรยี นการสอนภาษาตา่ งประเทศ เพอ่ื ประโยชน์ในการศกึ ษาวชิ าภาษาไทยในระดบั สงู
เพราะเรารบั รูปคำและวธิ ีการสรา้ งคำจากภาษาเหลา่ นั้นมามากไดแ้ ก่ การศึกษาภาษาบาลี ภาษาสันสกฤต
และภาษาเขมร และการศึกษาเพอื่ ประโยชน์ในการสอ่ื สารโดยตรง เช่น การศกึ ษาภาษาองั กฤษ ภาษาฝรง่ั เศส
ภาษาเยอรมนั ภาษาจนี ภาษาญปี่ ุ่น เปน็ ตน้
๑.๙ ความสมั พนั ธ์สว่ นตวั กบั คนตา่ งชาติ
มคี นไทยจำนวนมากมายทคี่ บหาสมาคมกบั คนตา่ งชาตแิ ละมีคนไทยจำนวนไม่นอ้ ย ทส่ี มรสกบั คน
ต่างชาติ ทำใหม้ กี ารถ่ายทอดแลกเปลีย่ นกนั ในทางภาษา ใช้ทงั้ ภาษาไทย และภาษาตา่ งประเทศ ใน
ครอบครัวของตนเอง จึงทำให้ภาษาตา่ งประเทศเขา้ มา ปะปนอยใู่ นภาษาไทยเพิม่ มากข้ึน
๑.๑๐ ความสัมพันธท์ างการทตู
การเจรญิ สมั พนั ธไ์ มตรกี ับประเทศต่าง ๆ ทำใหม้ ีการใช้ภาษาต่าง ๆ สอื่ สารสัมพันธก์ นั ทำให้เกิดการ
แพร่กระจายของภาษาต่าง ๆ เขา้ มาในประเทศไทย
สรุปไดว้ ่า
การยมื ภาษา คือ การรบั เอาภาษาผู้ให้ มาใชใ้ นภาษาผรู้ บั ทำใหภ้ าษานน้ั มคี ำศัพทเ์ พม่ิ มากข้ึนการ
ยืมน้นั ผ้ยู มื อาจใช้วธิ ยี มื ใหเ้ หมาะแก่การใชใ้ นภาษาของตนมหี ลายวธิ ี ได้แก่ การยมื เสยี ง การยืมคำการยมื
ความหมาย การยืมประโยค การยมื สำนวน และบางคร้ังยงั รับเอาไวยากรณ์ภาษาคำยืมนั้นมาด้วยซึง่ การรบั
ภาษาอ่นื เข้ามาปะปนในภาษาไทยนน้ั มีสาเหตหุ ลายประการ ไดแ้ ก่ สาเหตุทางประวตั ิศาสตร์สาเหตุ
ดา้ นการเมือง การสงคราม สาเหตดุ ้านประเพณวี ัฒนธรรม สาเหตุด้านการคา้ ขาย สาเหตุด้านการทตู สาเหตุ
ดา้ นการศึกษา และสาเหตดุ ้านความเจรญิ ด้านเทคโนโลยตี า่ ง ๆการรบั ภาษาตา่ งประเทศเข้ามาปะปนเช่นน้มี ี
การรับมายาวนาน แสดงถึงพฒั นาการทางด้านภาษาวา่ มกี ารเปลี่ยนแปลงตามยคุ สมยั
๓
๒. ภาษาองั กฤษ
๒.๑ ประวัตขิ องการยมื คำจากภาษาองั กฤษ
แม้ว่าความสมั พนั ธไ์ ทยกับองั กฤษจะเรม่ิ ต้ังแต่สมยั อยธุ ยาแต่ในครั้งนนั้ กย็ ังไม่ไดเ้ กดิ การยมื คำ
ภาษาอังกฤษแตอ่ ยา่ งใด กระทั่งในสมยั รัตนโกสินทร์ตอนตน้ โดยเฉพาะในสมยั รัชกาลท่ี 4 เป็นตน้ มา ไทยเรม่ิ มี
วธิ กี ารยืมภาษาองั กฤษจากการบัญญัตศิ พั ท์ทางวชิ าการดงั นน้ั ผู้เขยี นจงึ ขอเสนอประวตั ิโดยยอ่ ของการยืมคำ
ภาษาองั กฤษเรม่ิ ตงั้ แตส่ มัยรชั กาลที่ 4 จนถงึ ปัจจบุ นั
๒.๒ หลกั การสังเกตคำภาษาองั กฤษในภาษาไทย
คำยมื ภาษาอังกฤษท่ีนำมาใชใ้ นภาษาไทย มีลักษณะและหลักการสงั เกต ดงั นี้
- คำยมื ภาษาองั กฤษสว่ นใหญเ่ ปน็ คำหลายพยางค์ เช่น ชอ็ กโกแลต แคปซูล โฟกัส
เทรนเนอ่ ร์ คอมพวิ เตอร์ ไวโอลิน เทคโนโลยี อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ เปน็ ต้น
- คำยืมภาษาอังกฤษส่วนใหญเ่ ป็นคำทบั ศพั ท์ เช่น
คำท่ีไทยใช้ คำอังกฤษ
กลูโคส glucose
ออกซิเจน oxygen
เค้ก cake
คกุ กี้ cookie
ครีม cream
ชีส้ cheese
สลดั salad
โซดา soda
เบียร์ beer
ฟตุ บอล football
โซฟา sofa
ไมโครโฟน microphone
วดิ โี อ video
กตี า้ ร์ guitar
๔
- คำยืมภาษาองั กฤษส่วนใหญเ่ ปน็ คำทม่ี ีตวั สะกดหลายตวั และมีเครือ่ งหมาย ทณั ฑฆาตกำกับ
อย่บู นตวั สะกดตวั แรก หรอื ตัวสะกดตวั สดุ ท้าย เช่น ฟลิ ม์ การด์ ปาล์ม มารค์ ชอล์ก ฟารม์
คอร์ส ฟอร์ม เบยี ร์ ออกไซด์ ไวน์ ฟวิ ส์ กีตาร์
- คำยมื ภาษาองั กฤษสว่ นใหญเ่ ป็นคำท่ีใช้ในกรณที ่ไี มเ่ ปน็ ทางการ เช่น
คำทีไ่ ทยใช้ คำอังกฤษ
แอร์ air-conditionner
แอร์ air-hostess
แบด็ badminton
แบ๊ต battery
คอมพ์ computer
มอไซค์ motercycle
- คำยืมภาษาองั กฤษส่วนใหญเ่ ปน็ คำทม่ี ีเสยี งพยญั ชนะควบกลำ้ บล บร ดร ฟล ฟร ทร เชน่
บล็อก เบรก บรอ็ กโคลี บรอนซ์ ดรัมเมเย่อร์ ดร็อป แอด็ เดรส๊ แฟลต ฟลุก ฟรี เฟรม แฟรนชายส์
ทรัมเป็ต เทรน อิเลก็ ทรอนิกส์
- คำยืมภาษาอังกฤษสว่ นใหญเ่ ป็นคำทส่ี ะกดดว้ ยพยญั ชนะ ฟ ล ส ศ ต เช่น กราฟ กอลฟ์ บอล
อเี มล โบนัส โฟกัส แกส๊ ชอ็ กโกแลต รสี อรต์ แครอต โดนัต
๒.๓ ตัวอยา่ งคำภาษาองั กฤษทใี่ ช้ในภาษาไทย
คำภาษาองั กฤษทไ่ี ทยนำมาใช้ในวงการต่าง ๆ เช่น
- คำศพั ทใ์ นวงการการชา่ ง เชน่ คลตั ซ์ คาร์บูเรเตอร์ โซลา ดีเซล ไดนาโมแทรกเตอร์ นอ็ ต ป๊ัม
ปารเ์ กต์ แปบ๊ มอเตอร์ สปริง สวิตซ์ คอนกรีตฯลฯ
- คำศพั ทใ์ นวงการกีฬา เชน่ กอลฟ์ เทนนสิ ฟุตบอล มาราธอน ยิมนาสติก วอลเลย์บอล สกี สเกต็
สนกุ เกอร์ เสริ ฟ์ สเตเดยี ม สปอร์ต เกม ฯลฯ
- คำศพั ทใ์ นวงการแพทย์ เชน่ กอซ เกาต์ คลนิ ิก โคม่า เซรุม่ วัคซนี ไวรัส ปรสิต
- คำศพั ทใ์ นวงการวิทยาศาสตร์ เช่น กลูโคส กา๊ ซ แก๊ส คลอรนี แคลเซียม แคลอร่ี เซลล์ โซดา
ตะก่ัว ไนลอน โปรตีน โฟกัส ฟิล์ม ยปิ ซัม โมเลกลุ เลเซอร์ ออกซิเจน อเิ ล็กทรอนิกส์ แอลกอฮอล์
ฟิสกิ ส์ ฯลฯ
- คำศพั ทใ์ นวงการศึกษา เชน่ ชอล์ก เทอม ฟังก์ชัน สถิติ ฯลฯ
- คำศพั ท์ในวงการเศรษฐกิจ เชน่ เครดติ เคาน์เตอร์ แค็ตตาลอ็ ก เช็ค แชร์ สต็อค สโตร์ อีเมล
สเตชัน เฮลิคอปเตอร์ แอร์โฮสเตส ฯลฯ
๕
- คำศพั ทเ์ กี่ยวกับอาหาร ผลไม้ และเคร่อื งดมื่ เช่น กาแฟ เคก้ แซนดว์ ิช ทนู า่ สตรอเบอร่ี
ไอศกรีม ไวน์ วสิ กี้ ซอส ซปุ ฯลฯ
- คำศพั ท์เกย่ี วกับเครอ่ื งใช้ตา่ ง ๆ เชน่ คลิป คัตเตอ้ ร์ โซฟา เน็กไท เช้ติ โน้ตบุ๊ก
- คำศพั ทอ์ ่ืน ๆ เชน่ กัปตัน แก๊ป ควิ โจก๊ เซ็น ซิป เต็นท์ ปาร์ต้ี โปสเตอร์ เฟอร์นเิ จอร์ แฟลต
แฟชัน่ แฟนซี มะกะโรนี เมนู ริบบ้ิน สตกิ๊ เกอร์ สไตล์ แอร์ ฮนั นีมูน กุ๊ก กอปปี้ แฮปป้ี ฯลฯ
๖
๓. ภาษาจนี
๓.๑ ประวตั ิของการยืมคำจากภาษาจนี
ไทยกบั จีนมกี ารติดต่อสัมพนั ธ์ทางการทูตมาต้งั แตอ่ ดตี ผลของการทช่ี าวจนี อพยพมาต้ังรกรากถนิ่ ฐาน
ทำมาหากินในเมอื งไทย มกี ารประกอบอาชีพตา่ ง ๆ ทำใหม้ ีการผสมผสานกันทางวัฒนธรรมและประเพณี
ต่าง ๆ การยมื คำจนี บางคำเข้ามาใช้ในภาษาไทยส่วนใหญเ่ ป็นสำเนียงภาษาแต้จิ๋ว และมกั เป็นคำเรยี กชอ่ื
สิง่ ของเครอ่ื งใช้ อาหาร พชื ผัก ผลไม้ รวมท้ังคำที่เกี่ยวกบั วัฒนธรรมจีน เรานิยมใชค้ ำจีนเปน็ ภาษาพูด แต่ไม่
นยิ มใชเ้ ป็นภาษาเขียน
๓.๒ หลกั การสังเกตคำภาษาจีน
คำยมื ภาษาจนี ส่วนมากเป็นคำโดดและนำ้ เสียงฟงั ดแู ลว้ จะมีเอกลักษณเ์ ฉพาะ ใชเ้ สียงวรรณยุกต์ตรี
และจัตวา ซ่งึ มหี ลักสังเกตดังน้ี
- นำมาเป็นชอื่ อาหารการกิน เช่น ก๋วยเตยี๋ ว เตา้ ทงึ แป๊ะซะ เฉากว๊ ย จับฉา่ ย เป็นต้น
- เปน็ คำท่ีเกี่ยวกบั สิ่งของเครอื่ งใช้ทีเ่ รารบั มาจากชาวจีน เชน่ ตะหลวิ ตึก เกา้ อี้ เกง๋
ฮวงซยุ้ เป็นตน้
- เปน็ คำท่ีเกยี่ วกับการคา้ และการจัดระบบทางการคา้ เชน่ เจ๋ง หนุ้ หา้ ง เป็นต้น
- เป็นคำทใ่ี ช้วรรณยกุ ต์ตรี จัตวา เปน็ สว่ นมาก เชน่ กวยจ๊ับ กุย๊ เก๊ เก๊ก ก๋ง ตนุ๋ เปน็ ตน้
๓.๓ ลกั ษณะคำยมื ภาษาจนี ในภาษาไทย
๓.๓.๑ มกั เปน็ คำทมี่ เี สยี งวรรณยกุ ตต์ รีหรอื จตั วา ซง่ึ มพี ยัญชนะตน้ เปน็ อกั ษรกลาง เชน่ โตะ๊ เจ๊
บว๊ ย ก๋ง ต๋ี ก๋วยเตย๋ี ว เปน็ ตน้ จานวนเสียงวรรณยุกตข์ องภาษาจนี แตจ้ ว๋ิ มีมากกวา่ เสียงวรรณยกุ ต์ของ
ภาษาไทย คอื มีถึง 8 หน่วยเสยี ง เมื่อเราไดย้ ินคาที่มีเสยี งวรรณยกุ ต์อยูใ่ นระดับสงู ๆ ซง่ึ คนไทยอาจจะ
ออกเสียงยาก แต่เม่ือรูว้ ่าเปน็ คาจีนก็อาจจะใชแ้ นวเทยี บ (analogy) จึงเปล่ียนเสยี งคาเหลา่ นน้ั ใหเ้ ป็น
เสียงตรหี รอื จัตวาได้ เชน่ เจ้ > เจ๊, บู้ > บ,ู๊ อัว้ > อว๊ั , กก > ก๊ก, แปะ > แปะ๊ , ตัว > ตว๋ั เป็นต้น
๓.๓.๒ คำยืมภาษาจีนสว่ นมากเป็นคำทมี่ พี ยัญชนะต้นเปน็ อักษรกลาง ได้แก่ ก จ ด ต บ ป อ
มากกวา่ พยญั ชนะตน้ อืน่ ๆ ซึ่งพบเพยี งประปราย เม่ือคำยมื เปน็ เสียงตรีและจัตวา มพี ยญั ชนะต้น
เปน็ อกั ษรกลางกจ็ ำเป็นต้องเพมิ่ รปู วรรณยกุ ตต์ รี หรอื จัตวา ลงในค าน้นั ๆ ด้วย เชน่
คำท่ไี ทยใช้ คำจนี
กก ก๊ก
เกง็ เก๋ง
กวยจ๊บั
ก๋วยจบั
๗
เจง้ เจ๊ง
ตยุ้ ตยุ๊
ตวั ต๋วั
โปว้ โป๊
ป๊ ยุ ป๋ ยุ
อวั้ อ๊วั
๓.๓.๓ คำท่ีมีสระประสมเสียงสนั้ /เอียะ/ และ /อวั ะ/ ปรากฏใชอ้ ยใู่ นภาษาไทยเฉพาะคำเลยี นเสยี ง
เชน่ เพยี ะ เผยี ะ ผัวะ หรอื คาขยาย เช่น (เหมือน)เดยี๊ ะ, (ขาว)จวั๊ ะ นอกจากนสี้ ว่ นใหญ่จะเปน็ คำยมื
จากภาษาจีน เชน่ เกย๊ี ะ เจีย๊ ะ เลียะ เปาะเปยี๊ ะ ยวั ะ ก๊วน มว่ ย ฯลฯ คำไทยทั้งหลายท่ไี ม่ใชค่ ำเลยี น
เสียงหรอื คำขยายจะไม่เป็นคำทีม่ ีสระประสมเสยี งสนั้ /เอยี ะ/ และ /อวั ะ/
๘
๔. ภาษาญปี่ ุน่
๔.๑ ประวัติของการยืมคำจากภาษาญ่ีปนุ่
ญป่ี ุ่นเป็นประเทศที่มีอารยธรรมท่ีเปน็ เอกลักษณแ์ ละมีความเจรญิ ก้าวหนา้ ในหลายดา้ น ท้ังดา้ น
เทคโนโลยนี วัตกรรมตา่ ง ๆ ดา้ นเศรษฐกิจ เปน็ ตน้ ไทยเรามกี าร ติดตอ่ กับญ่ปี ่นุ และไดร้ บั วัฒนธรรม รวมถงึ
ภาษาของญ่ปี นุ่ เขา้ มาจากการคา้ ขาย แลกเปลี่ยนสนิ คา้ เปน็ ส่วนใหญ่ อีกทั้งคนไทยเริม่ นยิ มศึกษา เลา่ เรียน
ภาษาญป่ี ่นุ เป็น ความร้เู พิม่ ขึ้น ทำให้ภาษาญ่ปี ่นุ เขา้ มาปะปนกบั ไทยเราอย่างกลมกลนื
๔.๒ ลกั ษณะของคำท่ียมื มาจากภาษาญี่ปนุ่
๔.๒.๑ การเรยี งคำเข้าประโยคในภาษาญปี่ ุ่นจะแตกตา่ งกับภาษาไทย เพราะภาษาญป่ี ุ่นใช้
ประธาน + กรรม + กริยา
๔.๒.๒ ภาษาญป่ี นุ่ ไม่มวี รรณยุกต์ เชน่ กโิ มโน ซาบะ วาซาบิ
๔.๒.๓ คำยมื ภาษาญปี่ นุ่ ทน่ี ำมาใชใ้ นภาษาไทยมักใชค้ ำทบั ศพั ท์ เชน่ ยโู ด ซากรุ ะ ซชู ิ
ตวั อย่างคำภาษาญปี่ ุ่นทน่ี าเข้ามาใช้ในภาษาไทย
คำที่เก่ยี วกบั ตวั อยา่ งคำภาษาญี่ปนุ่ ทีน่ ำเขา้ มาใช้ในภาษาไทย
อาหาร ยากิโซบะ สุกยี าก้ี ซูชิ ซาบะ วาซาบิ
กีฬา ยโู ด ซูโม่ คาราเต้ เทควนั โด เค็นโด้
ปิน่ โต กโิ มโน กำมะลอ
เครื่องใช้และ
การแต่งกาย โตเกยี ว นางาซากิ ฮิโรชมิ า ฟจู ิยาม่า
คาวาซากิ ยามาฮ่า ซซู ูกิ ฮอนดา้ ฮติ าชิ โตชบิ ้า ซันโย
สถานที่
ชอ่ื สนิ คา้ ฮานามิ โปเต้ คิคูย่า
ซาโยนาระ ซากุระ นินจา เกอิชา คามคิ าเซ่ โชกุน ซามูไร
คำท่ัว ๆ ไป
บชู ิโด
๙
๕. ภาษาบาล-ี สันสกฤต
๕.๑ ประวตั ขิ องการยืมคำจากภาษาบาล-ี สนั สกฤต
ภาษาบาลสี ันสกฤตถอื ได้ว่าเปน็ ภาษาทีม่ ีอิทธิพลตอ่ ภาษาไทยมากที่สุด และมคี วามสัมพันธ์
กับไทยมาเป็นเวลาช้านาน คนไทยใช้คำยืมภาษาบาลี สนั สกฤตทงั้ ภาษาพดู ในชวี ิตประจำวันการตง้ั ช่อื
การศกึ ษา และการแตง่ คำประพันธ์ ซึ่งสาเหตุสำคัญทที่ าใหค้ ายมื บาลี สันสกฤตเขา้ มาปะปนในภาษาไทยคอื
ศาสนา ประเพณวี ฒั นธรรม กลา่ วคอื คนไทยสว่ นมากนับถือพระพทุ ธศาสนาหลกั คำสอนทางพทุ ธศาสนาได้
จารกึ ไวด้ ว้ ยภาษาบาลี สันสกฤตใช้เผยแผค่ ำสอนของพระพุทธเจา้ ด้วยอทิ ธพิ ลดังกลา่ วทำใหภ้ าษาไทยเกิดการ
เปล่ียนแปลงหลายประการ เชน่ มีคำหลายพยางค์มีตวั สะกดไมต่ รงตามมาตรา นอกจากน้ีไทยเรายงั ใชภ้ าษา
บาลี สนั สกฤตมาบญั ญตั ิศัพท์อกี ดว้ ย
๕.๒ หลักการสังเกตคำภาษาบาลี-สนั กฤต
ภาษาบาลี ภาษาสันสกฤต
๑. สระมี ๘ ตัว
คือ อะ อา อิ อี อุ อู เอ โอ ๑. สระมี ๑๔ ตวั เพมิ่ จากบาลี ๖ ตวั
๒. พยญั ชนะมี ๓๓ ตัว คอื ฤ ฤๅ ฦ ฦๅ ไอ เอา
๒. พยัญชนะมี ๓๕ ตวั เพิ่มจากบาลี ๒ ตัว
๓. มตี ัวสะกดตวั ตามทแ่ี น่นอน คือ ศ ษ
เช่น กัญญา จกั ขุ ปจุ ฉา ๓. มตี วั สะกดตัวตามไม่แน่นอน
เชน่ กันยา จกั ษุ ปฤจฉา
๔. นิยมใช้พยญั ชนะ ตัว ฬ ๔. นยิ มใชพ้ ยญั ชนะ ตัว ฑ
เชน่ กีฬา จุฬา ครุฬ เช่น กรีฑา จฑุ า ครุฑ
๕. นิยมใชค้ ำว่า “ร”ิ ๕. นยิ มใชต้ ัว “รร”
เชน่ ภรยิ า จริยา เช่น ภรรยา จรรยา
อจั ฉริยะ อศั จรรย์
๖. นยิ มใช้ ณ นาหน้าวรรค ฏะ และ ห ๖. นยิ มใชค้ ำวา่ “เคราะห์”
เช่น มณฑล กณั หา เชน่ วเิ คราะห์ สังเคราะห์ อนเุ คราะห์
๑๐
๕.๓ ลักษณะของคำทย่ี มื มาจากภาษาบาลี-สันสกฤต
๕.๓.๑ การใช้อกั ษรบางตวั ท่ีไม่นยิ มใชเ้ ขียนคำภาษาไทย
อกั ษรบางตวั ทพ่ี บมากในคำยมื ภาษาบาลแี ละสันสกฤต แตพ่ บนอ้ ยหรือบางตวั ไม่พบในคำภาษาไทย
เลย ไดแ้ ก่ ฆ ฌ ฎ ฏ ฐ ฑ ฒ ณ ภ ศ ษ ฬ ฤ ฤๅ
๕.๓.๒ การใช้ตัวการนั ตท์ ้ายคำ
คำยืมภาษาบาลีและสันสกฤตในภาษาไทยจะมีจุดเด่นทีส่ งั เกตได้ชดั ประการหน่งึ คือ มักใช้
ตัวการันต์ในตำแหน่งสุดท้ายของคำ การใช้ตวั การันตน์ ้ีสัมพันธ์กับการปรับเสียงของคำภาษาบาลแี ละ
สนั สกฤตใหเ้ ข้ากบั ระบบเสยี งภาษาไทย ด้วยเป็นวิธลี ดจำนวนพยางคข์ องคำภาษาบาลแี ละสนั สกฤตลง
เพ่ือให้ออกเสยี งภาษาไทยไดส้ ะดวก
๕.๓.๓ ตดั รปู พยัญชนะท่ีซอ้ นกนั ออกไป
คำยืมภาษาบาลที ีม่ ีรูปพยญั ชนะซ้อนกนั อยู่ ถ้ามีรูปสระตามมา หรือเปน็ ตวั ที่ไม่ออกเสียงซึ่ง
มรี ปู เคร่ืองหมายทัณฑฆาตกำกับอยู่ หรอื มพี ยญั ชนะอกี ตวั หนง่ึ เปน็ ตวั สะกด จะคงรปู พยญั ชนะซ้อนไว้
แตถ่ ้าไมม่ รี ูปสระตามมา ไม่มีเครอ่ื งหมายทณั ฑฆาตกำกบั หรือไม่มีตัวสะกดตามมาจะตดั รูปพยญั ชนะ
ที่ซอ้ นออกไปตวั หนึ่ง
๕.๓.๔ พยญั ชนะวรรค พยัญชนะบาลี ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ วรรคกะ ก ข ค ฆ ง วรรคจะ จ ฉ ช ฌ ญ
๑๒๓๔๕
วรรค ก ก ข ค ฆ ง
วรรค จ จ ฉ ช ฌ ญ
วรรค ฏ ฏ ฐ ฑ ฒ ณ
วรรค ต ต ถ ท ธ น
วรรค ป ป ผ พ ภ ม
เศษวรรค ย ร ล ว ส ห ฬ (องั )
๑๑
๖. ภาษาเขมร
๖.๑ ประวัติของการยืมคำจากภาษาเขมร
ภาษาเขมรเปน็ ภาษาประจำชำติของชำวเขมรในประเทศกมั พชู า และยงั เป็นภาษาพดู ของคน
ไทยเชือ้ สายเขมรทอี่ ำศยั อยใู่ นจงั หวดั ชำยแดนติดต่อกบั เขมรทง้ั ภาคตะวนั ออกและภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื
ของประเทศไทย เชน่ จังหวัดสุรนิ ทร์ บรุ รี มั ย์ ศรสี ะเกษ เปน็ ต้น คำยืมภาษาเขมรจงึ เป็นอกี ภาษาหนง่ึ ทมี่ ี
ความสำคัญตอ่ ภาษาไทย ซง่ึ รองลงมำจำกภาษาบาลีและสนั สกฤตดว้ ยเหตทุ ่ีวาในอดีตไทยและขอมมี
ความสมั พนั ธ์กันใกลช้ ิดทำงประวตั ิศาสตร์ สภาพภูมิศาสตร์ขนบธรรมเนียมประเพณี ศาสนา การคา้ ขาย
เป็นตน้
๖.๒ หลกั การสงั เกตคำภาษาเขมร
- เปน็ คำ ๒ พยางค์ พยางค์ต้นจะเปน็ บัง บณั บญั บัน บำ บรร เชน่ บรรทดั บรรจบ
บำเพญ็ บำรุง บนั ทกึ บนั เทิง เป็นตน้
- คำทม่ี ีเสียงควบกลำ้ และอกั ษรนำ เชน่ โตนด จมกู ไถง (ดวงอาทติ ย)์ เขนย ขนาด ไพร (ป่า)
ฉนำ (ปี) เขลา ตลบ ขจี ไผท กระบอื
- คำภาษาเขมรมกั ใชต้ ัว จ ร ล ญ เป็นตัวสะกด เชน่ เผด็จ เสดจ็ อาจ อำนาจ สำรวจ ขจร
เดิน จร ถวลิ ตำบล เมลิ (ดู) เจรญิ เชิญ ชาญ
- คำ ๒ พยางคท์ ีข่ ้ึนต้นด้วยคำว่า บรร บัง บนั กำ คำ ชำ ดำ ตำ ทำ สำ มกั เปน็ ภาษาเขมร
เช่น กำเนิด คำนับ ชำรุด บรรทม บรรจุ บังเอญิ บงั คม บังอาจ ดำริ ตำรวจ ทำเนียบ
บนั ทึก กำจัด ทำนลู (บอก) สำเรจ็ สำราญ สำคญั เปน็ ตน้
- คำเขมรที่ใช้เปน็ ราชาศัพทใ์ นภาษาไทยมีมาก เชน่ สรง เสวย โปรด บรรทม เสด็จ ฯลฯ
- คำเขมรทีเ่ ป็นคำโดด มใี ช้ในภาษาไทยจนคดิ วา่ เป็นคำไทย เช่น แข(ดวงจันทร)์ มาน(ม)ี
อวย(ให้) บาย(ขา้ ว) เลกิ (ยก)
- คำเขมรมกั ไม่ใชร้ ปู วรรณยกุ ตย์ กเวน้ บางคำ เช่น เสน่ง(เขาสตั ว์) เขมา่
- คำท่ีมี ข และ ผ นำไมป่ ระวสิ รรชนยี ์ มกั มาจากภาษาเขมร เชน่ ขจี ขจดั เผอญิ ผสมผสาน
ฯลฯ
๖.๓ ลกั ษณะของคำทย่ี ืมมาจากภาษาเขมร
๖.๓.๑ มกั เปน็ คำทีม่ กั สะกดด้วย จ ญ ร ล เชน่ เสด็จ เผด็จ อาจ อำนาจ บำเพญ็ สราญ กำจร
จราจร ตำบล บันดาล
๖.๓.๒ มกั เปน็ คำควบกล้ำ เชน่ ไกร ขลัง ปรุง ปรบั ปรำ ปรอง
๖.๓.๓ มักขึน้ ต้นดว้ ยคำทใ่ี ช้ บงั บนั บรร บำ นำหนา้ เชน่ บังคบั บังคม บังเกิด บังอาจ บนั ได
บนั ดาล บันลอื บำเพญ็ บำบัด บำเหน็จ
๑๒
๖.๓.๔ มักขึน้ ต้นดว้ ยคำว่า กำ ดำ ตำ จำ ชำ สำ บำ รำ เชน่
กำ = กำเดา กำแพง กำลัง กำไร กำจัด กำจร กำธร กำพรา้ กำสรวล กำเนดิ
ดำ = ดำเนนิ ดำริ ดำรู ดำรง (ดำรี ดำไร แปลวา่ ชา้ ง)
ตำ = ตำนาน ตำรวจ ตำบล ตำรา ตำลึง ตำหนกั ตำหนิ
จำ = จำนำ จำนอง จำหน่าย จำแนก ชำ = ชำนิ ชำนาญ ชำรว่ ย ชำระ ชำแหละ ชำรดุ
สำ = สำราญ สำรวย สำเริง สำเนา สำเภา
บำ = บำเรอ บำราบ บำนาญ บำเหน็จ บำรุง บำเพญ็
รำ = รำคาญ รำไร
๖.๓.๕ นยิ มเปน็ คำที่นยิ มใชอ้ กั ษรนำ เชน่ สนุก สนาน สมคั ร สมาน เสดจ็ สมอ ถนน เฉลยี ว 6. คำ
เขมรสว่ นมากใชเ้ ปน็ คำราชาศัพท์ เชน่ เสวย ผนวช บรรทม เสดจ็ โปรด ขนง เขนย สรวล
๖.๓.๖ เป็นคำแผลง เชน่ ครบ > คำรบ, ขดาน > กระดาน, จา่ ย > จำหน่วย, แจก > จำแนก,
ชาญ > ชำนาญ, เดนิ > ดำเนนิ , เรียบ > ระเบียบ, รำ > ระบำ, ตริ > ดำริ, ตรวจ > ตำรวจ
๑๓
๗. ภาษาชวา-มลายู
๗.๑ ประวัติของการยืมคำจากภาษาชวา-มลายู
ภาษาชวาหรอื ภาษาอนิ โดนีเซีย เป็นตระกลู เดยี วกบั ภาษามลายู ภาษาชวาทปี่ ะปนอยใู่ นภาษาไทย
ไดร้ ับอทิ ธิพลมาจากวรรณคดเี รือ่ ง ดาหลังและอเิ หนา
ภาษามลายหู รอื ภาษามาเลเซีย เขา้ มาปะปนในภาษาไทยเพราะมีเขตแดนตดิ ต่อกนั จึงตดิ ตอ่ สัมพันธ์
กันทั้งทางด้านการค้าขาย ศาสนา วัฒนธรรม
๗.๒ หลกั การสังเกตคำภาษาชวา-มลายู
สว่ นใหญเ่ ปน็ คา ๒ พยางค์หรอื มากกวา่ สว่ นใหญ่มีความหมายเกีย่ วกบั พชื สตั ว์ สงิ่ ของ สถานที่ และ
ศิลปวฒั นธรรม เชน่
พืช ไดแ้ ก่ กระดงั งา ทเุ รียน นอ้ ยหนา่ มงั คุด จาปาดะ สาคู เปน็ ต้น
สัตว์ ได้แก่ กะปะ กะพง กุเราหรือกุเลา โลมา อุรังอตุ งั เปน็ ต้น
ส่งิ ของ ไดแ้ ก่ กรชิ กายาน กุแหละ ปาเตะ๊ สลกั เป็นตน้
สถานท่ี ไดแ้ ก่ กุดังหรือโกดัง มสั ยดิ เบตง ภเู กต็ เปน็ ต้น
ศิลปวฒั นธรรม ได้แก่ ตุนาหงนั บหุ งาราไป บดู ู รองเงง็ องั กะลงุ บหุ รง บุหลนั อิเหนา
เปน็ ตน้
๗.๓ ลกั ษณะของคำทีย่ มื มาจากภาษาชวา-มลายู
๗.๓.๑ คำยืมภาษาชวา-มลายสู ่วนใหญ่เปน็ คำ ๒ พยางค์ คำพยางเดยี วมนี อ้ ยมาก เชน่ ทุเรยี น
น้อยหนา่ มงั คุด สาคู โลมา
๗.๓.๒ ภาษาชวา-มลายูไมม่ เี สียงควบกลำ้ เช่น กะปะ (งู) กเุ รา,กเุ ลา (ปลา) ตะเบะ๊ อังกะลุง
๗.๓.๓ ภาษาชวา-มลายู ไมใ่ ช้เสยี งวรรณยุกต์ แมร้ ะดบั เสยี งของคำเปลี่ยนไปแตค่ วามหมายของ
คำยงั คงเดิม เชน่ กระดังงา กุดงั สลกั กระจดู
๑๔
บรรณานุกรม
กำชยั ทองหล่อ. หลักภาษาไทย. กรุงเทพฯ : อมรการพิมพ,์ ๒๕๕๒.
จงชัย เจนหัตถการกจิ . หลกั ภาษาไทย. กรงุ เทพฯ : ธนาเพรส, ๒๕๔๘.
จนั จริ า จิตตะวริ ิยพงษ์. อทิ ธิพลภาษาตา่ งประเทศในภาษาไทย. กรงุ เทพฯ : พัฒนาศกึ ษา,
๒๕๔๖.
จติ ต์นิภา ศรีไสย์ และประนอม วบิ ลู ย์พันธ.ุ์ หนงั สอื เรยี นรายวชิ าพ้ืนฐานภาษาไทย หลกั ภาษา
และการใชภ้ าษาไทย ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ ๓. กรงุ เทพฯ : สถาบนั พัฒนาคณุ ภาพวิชาการ
(พว.), ๒๕๕๕
ฐะปะนีย์ นาครทรรพ. การสอนภาษาไทยขัน้ พน้ื ฐานระดบั มัธยมศกึ ษา. พิมพค์ รั้งท่ี ๒.
กรงุ เทพฯ: บริษัทเมธที ปิ ส์ จำกดั , ๒๕๔๗.
ดวงพร หลิมรัตน.์ หนังสอื เรยี นรายวิชาพนื้ ฐาน ภาษาไทยชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๓.
กรงุ เทพฯ : แม็ค, ๒๕๕๕.
คำภาษาต่างประเทศในภาษาไทย. ออนไลน์. แหล่งท่มี า :
http://www.baanjomyut.com/library_2/extension-1/loanwords/10.html
สบื คน้ เมอื่ วันท่ี ๙ เมษายน ๒๕๕๖.
คำภาษาไทยที่ยมื มาจากภาษาตา่ งประเทศ. ออนไลน์. แหล่งทม่ี า :
http://ruangrat.wordpress.com สืบคน้ เมอ่ื วนั ที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๕๖.
๑๕
ภาคผนวก
๑๖
รูปภาพการทำกจิ กรรมร่วมกนั ในกล่มุ
๑๗