A memoir
A Love Story
เรื่องของความรัก
ศิริมาศ เบนซ์ อมาตยกุล 20
Sirimas Benz Amatayakul 22
สารบัญ P. 1-4
ที่มา ของ A Love Story P. 5-24
ตอนที่ 1 ความรัก P.25-37
ตอนที่ 2 ความสงสัย
A Love Story
เป็นเรื่องของความรักที่ฉันได้รับมาจากพระเจ้า
กว่าจะเขียนเรื่องนี้ออกมาได้ ฉันใช้เวลาเกือบปี คิดๆเขียนๆ
ลบๆ อยู่หลายครั้ง
แค่พู ดคำว่า "พระเจ้า" ขึ้นมา ฉันรู้ว่ามีหลายคนที่จะหยุดอ่าน
ด้วยเหตุผลต่างๆกันไป
เลยต้องบอกตรงนี้ก่อนว่า เรื่องที่ฉันกำลังจะเล่า
ไม่ใช่เป็นเรื่องของศาสนา
เรื่องที่ฉันจะเล่าเป็นเรื่องของความรัก
ที่ฉันได้รับมาจากพระเจ้า แบบไม่ทันตั้งตัว
ตั้งแต่ยังเป็นเด็กอนุบาลมาจนถึงตอนนี้
1
ทำไมมาเล่าเรื่องความรัก
เมื่ อเดือนที่แล้วฉันมีนัดกับเพื่ อนคนหนึ่งที่เป็นการเจอกัน
ครั้งแรก เราผลัดกันเล่าเรื่องของตัวเองให้กันฟัง เราคุยกันทั้ง
เรื่องครอบครัว เรื่องสุขภาพกาย สุขภาพใจ แล้วเพื่ อนของฉันก็
ถามฉันว่าฉันมารู้จักพระเจ้าได้ยังไง ฉันก็เลยเล่าให้ฟัง
เพื่ อนใหม่ของฉันตั้งใจมาก ฟังจนจบ แล้วก็มองหน้าฉัน
และบอกฉันว่า
นี่ยูกำลังเล่าเรื่องความรักนะเนี่ย ไม่ใช่แค่เรื่องของพระเจ้า
เธอบอกว่าเธอเห็นการตามหากันไปมาระหว่างพระเจ้ากับฉันเป็น
เหมือนนิยายรัก เพียงแต่ว่าเรื่องของฉันเป็นเรื่องจริง
เธอบอกว่า
ยูน่าจะเล่าเรื่องความรักที่ยูได้รับนี้ให้คนอื่ นได้ฟังบ้างนะ
เพราะตอนนี้โลกกำลังต้องการมันมากจริงๆ
2
ฉันเลือกที่จะเล่าเรื่องความรักของพระเจ้าตอนนี้เพราะฉันรู้ว่า
ตอนนี้มีคนรอบตัวของฉันมากมายที่กำลังเจอกับความทุกข์และ
ยังหาทางออกไม่ได้
ฉันก็เหมือนทุกคน ที่ยังเจอความยากของชีวิตอยู่ทุกวัน
แต่หลายปีที่ผ่านมา ความรัก ของพระเจ้า เปลี่ยนฉัน
ช่วยให้ฉันเป็นคนกลัวน้อยลง เห็นแก่ตัวน้อยลง
ยึดติดกับความสำเร็จและ ego ของตัวเองน้อยลง
(ไม่ได้เปลี่ยนทันที แต่ค่อยๆเปลี่ยน)
ฉั น ยัง เ จ อ เ รื่ อ ง ย า ก ๆ ทุก วัน แ ต่ ฉั น รู้สึก ป ล อ ด ภั ย แ ล ะ ฉั น เ ชื่ อ ว่า ฉั น
พึ่ ง พ ร ะ เ จ้ า ไ ด้ จ ริง ๆ
ฉันเลยคิดว่าน่าจะเขียนแบ่งให้คนอื่ นอ่าน
ถึงจะเสี่ยงโดนวิจารณ์
แต่ถ้าเรื่องของฉันได้เปลี่ยนชีวิตคน ถึงจะแค่คนเดียว
ก็น่าจะคุ้มกับการเสี่ยง
3
ถ้าใครที่อยากอ่านเรื่องนี้
แต่มีคำถามเรื่องพระเจ้าเยอะหรือไม่ชอบพระเจ้า
ลองอ่านข้ามไปตอนที่ 2 เลยก็ได้
เพราะในตอนที่ 2 ฉันเล่าเรื่องความสงสัยของตัวเอง
ฉันเป็นคนขี้สงสัยมาก ระดับ 10/10
ฉั น เ ป็ น ค น ไ ม่เ ชื่ อ อ ะ ไ ร ง่ า ย ๆ
ฉันเคยต่อต้านพระเจ้า เคยหนีพระเจ้ามาหลายครั้ง
ฉันคิดว่าทุกคำถามที่คนส่วนใหญ่มีเกี่ยวกับพระเจ้า
ฉันเคยผ่านมาเกือบหมดแล้ว
4
ตอนที่ 1
ความรัก
พระเจ้า เป็นคำที่ถ้าพู ดแล้วเสี่ยงต่อการโดนเรียกว่างมงายหรือ
เพ้อเจ้อ
พระเจ้า เป็นคำที่ไม่คุ้นเคยในครอบครัวของฉัน
แต่
พระเจ้า เรียกฉันตั้งแต่ฉันเป็นเด็กอนุบาล
พระเจ้า ใจเย็นกับฉันมาก
พระเจ้า รักฉันมากและไม่เคยทอดทิ้งฉัน
พระเจ้า มีวิธีทำให้ฉันเชื่ออย่างหมดใจว่าพระเจ้ามีจริง
5
ครั้งแรกที่รู้จักความรักของพระเจ้า
อนุบาล 2 ที่รร วัฒนา ครูสอนให้ฉันร้องเพลง ลึกกกกและกว้างงง
ลึกกกและกว้าง ความรักของพระเยซูลึกและกว้าง
ฉันรู้จักพระเจ้าผ่านเสียงเพลงเป็นอย่างแรก ถึงจะไม่ได้เข้าใจใน
เนื้ อเพลงมากเท่าไหร่ แต่ฉันก็รู้มาตั้งแต่เด็กว่าความรู้สึกในการ
ร้องเพลงพระเจ้ามันไม่เหมือนกับการร้องเพลงอื่ นๆ
คริสต์มาสที่โรงเรียนวัฒนาเป็นสิ่งที่พิเศษมากๆ ถึงตอนเด็กๆ
ฉันจะไม่เข้าใจความหมายของคริสต์มาสแบบลึกซึ้ง
แต่ฉันก็รู้ว่าคริสต์มาสเป็นบรรยากาศของความรัก
คริสต์มาสเป็นการฉลองอะไรบางอย่างที่ดีและพิเศษกว่า
การฉลองอื่ นๆ
ถ้ามองย้อนกลับไป ช่วงวัยเด็กของฉันเป็นช่วงเพาะเมล็ดพันธุ์
ของพระเจ้า
เมล็ดพันธุ์ของฉันเป็นแบบโตช้า
เลยใช้เวลาหลายสิบปีกว่าจะโต
6
ฉันเกิดในครอบครัวไทย-จีน ที่เป็นครอบครัวพุ ทธ
พ่ อ แ ม่ แ ล ะ ค ร อ บ ค รัว ข อ ง ฉั น ป ลู ก ฝั ง ศี ล ธ ร ร ม ที่ ดี ใ ห้ฉั น ตั้ง แ ต่ เ ด็ ก
ฉั น เ รีย น รู้ตั้ง แ ต่ เ ล็ ก ว่า ฉั น ต้ อ ง ซื่ อ สัต ย์
ไม่เอาเปรียบและไม่ทำความเดือดร้อนให้ใคร
เราไปวัดกันตามเทศกาล ฉันสวดมนต์เป็น และนั่งสมาธิได้
แต่นอกจากไปวัด ตักบาตร ทำบุญ สวดมนต์แล้ว
ฉันก็ไม่ได้เข้าใจอะไรเกี่ยวกับศาสนาพุ ทธไปมากกว่านั้น
ชีวิตของฉันตั้งแต่วัยรุ่นจนเข้ามหาวิทยาลัย
เรียนจบ ทำงาน แต่งงาน ก็เป็นชีวิตที่ธรรมดา
ไม่ได้สุขมาก ไม่ได้ทุกข์มาก
น่าจะเรียกได้ว่าไม่มีศาสนา ไม่มีพระเจ้า ไม่มีที่พึ่งที่แท้จริง
มีแต่เรียนกับทำงาน
7
ฉันใช้เวลาส่วนใหญ่ในช่วงนั้นไปกับการตามหาความสำเร็จ
และเสพติดความเก่งกับความสำเร็จของตัวเอง
ฉันภูมิใจที่ตัวเองสอบได้ที่ 1 เรียนจบเกียรตินิยมอันดับ 1 เหรียญ
ทอง
ได้งานที่บริษัทระดับโลกที่ใครๆก็อยากเข้า
ตอนนั้นฉันเข้าใจว่าเป้าหมายของชีวิตคือ ความสำเร็จ
8
วันที่ต้อนรับพระเยซู
ตอนนั้นฉันยังเป็นคนที่ยึดติดกับความสำเร็จ
ฉั น เ รีย น จ บ ป ริญ ญ า โ ท จ า ก ม ห า วิท ย า ลั ย ที่ มีชื่ อ เ สีย ง ใ น อ เ ม ริก า
ฉันมีงานที่ดีทำ
ฉันได้พบกับสามีของฉัน เราแต่งงานกัน
และกำลังจะมีลูก
ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนและเป็นไปด้วยดี
แ ต่ ฉั น เ ริ่ม นึ ก ถึ ง พ ร ะ เ จ้ า ม า ก ขึ้ น
เพราะฉันรู้สึกว่าฉันกำลังจะสร้างครอบครัวแล้ว
ฉั น อ ย า ก มี ที่ พึ่ ง ที่ จ ะ ช่ว ย ฉั น ไ ด้ จ ริง ๆ เ ว ล า ที่ ชีวิ ต
กำลังจะก้าวไปอีกขั้น
9
แ ล้ ว ฉั น ก็ นึ ก ขึ้ น ไ ด้ ว่ า ฉั น ไ ด้ ห นั ง สื อ ม า เ ล่ ม ห นึ่ ง
(ได้มาจากไหน จำไม่ได้จริงๆ)
ชื่อว่า “พลังแห่งชีวิต” เป็นหนังสือเกี่ยวกับประสบการณ์ของ
คริสเตียนกับพระเจ้า
วันนั้นฉันอยากรู้ว่า พลังแห่งชีวิตคืออะไร แล้วที่ผ่านมา
ฉันมี พลังแห่งชีวิต มั๊ย
ฉันเริ่มอ่านหนังสือเล็กๆเล่มนั้น
ฉันรู้สึกได้ว่า พระเจ้าที่เค้าพู ดถึงในหนังสือ
คือพระเจ้าที่ฉันรู้จักมาตั้งแต่เด็กๆ
ฉันอ่านหนังสือเล่มนั้นจนจบ ใช้เวลาไม่นาน
ท้ายเล่มของหนังสือเค้าเขียนไว้ว่า
ถ้าคุณพร้อมจะต้อนรับพระเยซูเป็นพระผู้ช่วยในชีวิต
ก็ให้อธิษฐานต้อนรับพระองค์
10
ตอนนั้นฉันรู้สึกว่าพร้อมแล้ว อยากรู้จักพระเจ้ามากขึ้น
ก็เลยอธิษฐานตามที่หนังสือเขียนไว้
ไม่ได้คิดอะไรมากเลย อธิษฐานไปแบบ innocent จริงๆ
พออธิษฐานเสร็จก็ยังงงๆ ไม่แน่ใจว่าทำถูกมั๊ย
แล้วก็ไม่ได้เล่าให้ใครฟังเลย
คิดว่าที่อธิษฐานไปพระเจ้าอาจจะไม่ได้ยิน มั้ง
พออธิษฐานรับพระเจ้าเข้ามาแล้ว ฉันก็ยังเดินทาง
อีกหลายปี กว่าจะได้มารู้จักพระเจ้าจริงๆ
11
รู้จักพระเจ้า
คำถามที่คนถามฉันบ่อยๆคือ รู้ได้ยังไงว่าพระเจ้ามีจริง
เรื่องที่จะเล่าเป็นประสบการณ์ส่วนตัวที่ฉันได้เจอกับ
ความรักของพระเจ้าหลังจากที่อธิษฐานรับพระเจ้าแล้ว
ที่ทำให้ฉันไม่เคยสงสัยอีกเลยว่าพระเจ้ามีจริงมั๊ย
1.
ความรักของพระเจ้า ในห้องคลอด
ตอนนั้นฉันรับพระเจ้าเข้ามาในชีวิตแล้ว
แต่ไม่ค่อยได้คุยกับพระเจ้า
และไม่รู้ตัวเลยว่าพระเจ้ารักฉันและคอยช่วยเหลืออยู่ตลอด
วันนั้น วันที่ 22 เมษายน 2556 ครบกำหนดคลอดลูกคนที่สอง
ฉันตั้งใจคลอดธรรมชาติ สุขภาพของฉันและลูกแข็งแรงดี
ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน แต่ถึงแม้มดลูกของฉันจะบีบตัว
ดูเหมือนพร้อมจะคลอด ลูกชายของฉันก็ยังไม่เคลื่ อนลงมา
พวกเรารกันเกือบ 10 ชั่วโมง ตั้งแต่เช้ามืดจนเย็น ก็ดูเหมือนว่า
ลูกจะยังไม่พร้อม
12
รอกันนาน จนฉันเหนื่ อยมาก เพราะไม่ได้กินข้าวตั้งแต่เช้า
รอจนหมอทำคลอดบอกว่า
ขอรออีกแค่ชั่วโมงเดียว
ถ้าลูกยังไม่ลงมา คงจะต้องผ่าตัด
เพื่ อความปลอดภัยของลูก
ตอนนั้นฉันคิดอย่างเดียวว่าไม่อยากผ่าคลอด ทำยังไงก็ได้
ขอให้ลูกปลอดภัย แต่ไม่อยากผ่าคลอด
ที่พึ่งเดียวที่คิดได้ในตอนนั้น (นอกจากสามี ที่จับมืออยู่)
คือพระเจ้า
13
ฉันอธิษฐานในใจ
แบบจนมุมมากๆ ฉันบอกพระเจ้าว่า
“God, please help me get through this.
Please help my son come out, and I will follow you.
I will be a true Christian.” ( มีการติดสินบนพระเจ้า ซึ่งไม่ควร
ทำ แต่ตอนนั้นฉันคิดอะไรไม่ออกจริงๆ)
ฉันอธิษฐานไปแบบหลับหูหลับตา ไม่ได้มีความเชื่อเท่าไหร่ว่า
พระเจ้าจะช่วยฉันไหม แต่พออธิษฐานเสร็จไม่นาน น่าจะ
ไม่เกินครึ่งชั่วโมง ลูกก็ขยับลงมา จนทำให้ฉันคลอดลูก
ได้เองจริงๆแบบไม่ต้องผ่าตัด
แน่นอน สำหรับคนที่ไม่เชื่อก็คงคิดว่า นี่เป็นแค่เรื่องบังเอิญ แต่
ใจของฉันรู้ดีว่านี่คือการช่วยเหลือของพระเจ้า
14
2.
ความรักของพระเจ้าในวันที่แย่ๆ
ตอนนั้นลูกชาย 2 คนเริ่มโตแล้ว เราย้ายกันมาอยู่ชิคาโก
วันหนึ่งฉันต้องไปติดต่อทำเอกสารเรื่อง Green Card
คนทั่วไปน่าจะพอรู้กันว่าขั้นตอนของการทำ Green Card
ค่อนข้างยุ่งยาก ต้องใช้เอกสารเยอะ
แต่ถ้าเตรียมเอกสารครบ
ส่วนใหญ่ก็จะผ่านไปได้แบบไม่ซับซ้อนอะไร
แต่สำหรับ case ของฉันตอนนั้น มีปัญหาเล็กๆน้อยๆเกือบ
ทุกขั้นตอน มีทั้งเอกสารหาย มีการ delay ของ case เพราะว่า
มีคนสมัครเยอะ อะไรต่างๆนาๆมากมาย
มีวันนึง green card ชั่วคราวที่ฉันมีอยู่ตอนนั้นกำลังจะหมดอายุ
ฉันต้องทำนัดเข้าไปที่ USCIS เพื่ อไปต่ออายุ ตอนนั้นฉันเบื่ อและ
เหนื่ อยกับการจัดการเอกสาร ฉันไม่ชอบการรอ
ฉันไม่ชอบติดต่อราชการ
ทุ ก อ ย่ า ง ที่ เ กิ ด ขึ้ น ต อ น นั้น ถ้ า ม า ย้ อ น ดู แ ล้ ว
มันเป็นเรื่องไม่เป็นเรื่องเลย
15
วันนั้นฉันนั่งรถไฟไปที่ USCIS Office รอคิวนานมากๆกว่าจะได้
เจอเจ้าหน้าที่ แล้วก็ตามคาด เจ้าหน้าที่บอกว่า สำหรับ case นี้
ทำอะไรไม่ได้ สิ่งเดียวที่ฉันทำได้คือ รอ รออย่างเดียว
จนกว่าเค้าจะหาเอกสารของฉันเจอ
เค้าบอกให้ฉันกลับบ้าน
ฉันก็นั่งรถไฟกลับบ้าน
พอกลับมาถึงบ้าน ไม่มีใครอยู่บ้านเลย
ฉันเข้าโหมดดราม่าทันที
เพราะตอนนั้นรู้สึกหงุ ดหงิดมาก
ฉันเอาซองเอกสารโยนไปที่ชั้นวางของ แล้วก็บ่นกับตัวเองว่า
เบื่ อมากกก นี่คืออะไร ทำไมฉันต้องมาเจออะไรยุ่งยากขนาดนี้
ทำไมๆๆๆ ทำไมมันผิดพลาดทุกขั้นตอน ทั้งๆที่ฉันไม่ได้ทำผิด
อะไรเลย ฉันบ่นว่า ไม่เอาแล้วนะ ไม่อยากทำต่อแล้ว
บ่นๆๆ ระบายอารมณ์ เสร็จแล้วก็เดินออกจากตรงนั้น
16
ตอนที่กำลังเดินและบ่นไปแบบหงุ ดหงิด
ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาในใจ ว่า
“I am with you always.”
คือได้ยินในใจนะ ไม่ใช่ได้ยินด้วยหู
สั้นๆง่ายๆ ไม่มีการอธิบายอะไรต่อ
แต่พอฉันได้ยินก็นำ้ตาไหลเลย
เพราะรู้ว่าเสียงนี้ไม่ได้มาจากตัวเองแน่ๆ
ฉันรู้เองด้วยใจ แบบไม่สงสัยเลย ว่า พระเจ้ากำลังพู ดกับฉัน
ประสบการณ์นี้เป็นประสบการณ์ที่พิเศษและ
personal ที่สุดที่ฉันเคยมีกับพระเจ้าเพราะพระเจ้าแสดง
ให้เห็นว่าถึงแม้ว่าฉันจะหงุ ดหงิดกับรื่องเล็กๆที่ไร้สาระ
แต่สำหรับพระเจ้าแล้วมันไม่ใช่เรื่องไร้สาระเลย
พระเจ้าเฝ้าดูแลฉันอยู่จริงๆและพร้อมจะเข้ามาช่วยเหลือ
ตลอดเวลา
หลังจากครั้งนั้นฉันก็ยังไม่เคยได้ยินพระเจ้าพู ดกับฉันตรงๆแบบ
นั้นอีกเลย
17
3.
ความรักของพระเจ้า ตอนที่ฉันหลงทางไปไกล
มีช่ว ง นึ ง ห ลั ง จ า ก ที่ เ ชื่ อ พ ร ะ เ จ้า แ ล้ ว ที่ ฉั น เ ก เ ร
แ ล ะ เ ลิ ก เ ชื่ อ พ ร ะ เ จ้า ไ ป ห ล า ย ปี
ตอนนั้นฉันอยู่อเมริกามาหลายปีแล้ว
ฉันเปลี่ยนอาชีพมาเป็นศิลปินวาดรูป
ฉันมี ego สูง
ฉันมั่นใจในความเป็นศิลปินของฉัน
ฉันไม่ชอบทำตามที่ใครบอก
ฉันรู้สึกว่าการเป็นคริสเตียนมันล้าสมัยไปแล้ว
ฉั น คุ ย กั บ ค น ม า ก ขึ้ น แ ล ะ เ รีย น รู้ว่ า
ค น ส มัย นี้ เ ค้ า ไ ม่ต้ อ ง เ ชื่ อ พ ร ะ เ จ้า กั น แ ล้ ว
ฉั น เ รีย น รู้ว่า ยัง มีค ว า ม เ ชื่ อ ท า ง เ ลื อ ก อี ก ตั้ง ห ล า ย แ บ บ ที่ ฉั น
เลือกได้ ฉันศึกษา อ่าน ค้นคว้าความเชื่อทางเลือกหลายแบบ
ทั้ง Atheist, Agnostic, Humanist, Spiritualist
18
ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ Trump เป็นประธานาธิบดีแล้วมีคริสเตียนใน
อเมริกาส่วนนึงที่ชอบความรุนแรง พู ดจาหยาบคาย
เหยียดสีผิวและทำอะไรที่ไม่ดีหลายๆอย่าง
และยังเรียกตัวเองว่าเป็นคริสเตียน
ช่วงนั้นฉันไม่ไปโบสถ์ ไม่คุยกับพระเจ้าเลย เพราะคิดว่า
ถ้าคริสเตียนเป็นแบบนี้ ฉันไม่เป็นคริสเตียนดีกว่า
ฉันหาเหตุผลมากมายมาจับผิดพระคัมภีร์ จับผิดทุกอย่าง
เกี่ยวกับพระเจ้า ลืมทุกอย่างที่พระเจ้าเคยทำให้
แ ล ะ เ ริ่ม แ ส ว ง ห า ที่ พึ่ ง ใ ห ม่ ที่ ไ ม่ ใ ช่พ ร ะ เ จ้ า
ฉันได้ทดลองหลายอย่าง
ฉันฝึกโยคะแบบอินเดีย จนเกือบจะไปเป็นครูสอนโยคะ
ฉันอ่านและศึกษาพระคัมภีร์ของศาสนาฮินดู
ฉันเริ่มสนใจศาสนาพุ ทธอย่างจริงจังเป็นครั้งแรก
ทั้งอ่านทั้งฝึก สมาธิ วิปัสสนา หลายๆครู หลายๆแบบ
ฉันอ่านหนังสือเกี่ยวกับ Spirituality เป็นร้อยๆเล่ม
ที่ทำแบบนั้น เพราะฉันรู้ว่า การเติบโตทางจิตวิญญาณเป็นทาง
เดียวที่ฉันต้องเดิน
19
สิ่งที่ได้พบตอนนั้นคือ
การทำโยคะ นั่งสมาธิ วิปัสสนา หรือการฝึก
Spiritual Awareness ก็พอจะช่วยให้ฉันเจอความสุขข้างในได้
แต่ฉันก็สบสนกับคำสอนและทางเลือกที่มีเยอะไปหมด
ไม่รู้จะเชื่อคำสอนแบบไหน และครูคนไหน
และที่สำคัญที่สุดคือ ฉันคิดถึงความสัมพันธ์
คิดถึงความรักของพระเจ้า
เพราะทางอื่ นๆที่ได้ไปลอง
ฉันไม่เคยได้เจอความรักแบบที่ได้เจอในพระเจ้าเลย
พอสับสน คิดไม่ออก ฉันก็อธิษฐาน
ถึงจะดื้ อ ไม่เอาพระเจ้า แต่ฉันก็ยังเชื่อในคำอธิษฐาน
ฉันอธิษฐานขอพระเจ้าว่า
"ขอให้พระองค์ช่วยส่งครูที่ดีให้กับลูกด้วย ขอให้พระองค์
จัดเตรียม community ที่ดีให้กับลูกด้วย
ลูกอยากมีเพื่ อนที่จะเติบโตทางจิตวิญญาณไปด้วยกัน
แต่ลูกนึกไม่ออก นีกไม่ออกเลยจริงๆว่าจะไปหาพวกเค้าที่ไหน"
20
ตอนที่อธิษฐาน ภาพที่ฉันคิดไว้ในใจคือ ฉันอยากเจอครูสอน
โยคะ หรือ spiritual teacher ที่ดีและที่น่าเชื่อถือได้
ฉันอยากย้ายบ้านไปอยู่ใกล้ๆสังคมจิตวิญญาณที่ดี
ฉั น อ ธิษ ฐ า น ไ ป แ บ บ ไ ม่ค่ อ ย เ ชื่ อ ว่า จ ะ ไ ด้ คำ ต อ บ
เสร็จแล้วก็ลืมไปเลยว่าอธิษฐานขอสิ่งนี้ไว้
ผ่านไปเกือบปี พระเจ้าก็ส่งของขวัญมาให้ ในแบบที่สมองมนุษย์
เล็กๆของฉันคิดไม่ถึง
พระเจ้าส่งครูทางจิตวิญญาณมาให้
แต่ไม่ใช่ spiritual teacher หรือครูโยคะแบบที่ฉันจินตนาการไว้
ในหัว
วันหนึ่งในเดือนมีนาคม 2022 ที่ไทยมีข่าวใหญ่เรื่องการเสียชีวิต
ของคุณแตงโม ที่ฉันไม่ได้รู้จัก และปกติไม่ได้สนใจข่าว แต่ฉัน
อ่านข่าวแล้วเห็นว่า คริสตจักรไทยจะจัดงานไว้อาลัยให้คุณ
แตงโม มีนักเทศน์ชื่อ อาจารย์ธงชัย ประดับชนานุรัตน์
21
พออ่านชื่อนี้แล้วสะดุด ไม่ได้สะดุดที่ชื่อแต่สะดุดที่นามสกุล
เพราะจำได้ว่าตอนเรียนวัฒนา
มีรุ่นน้องหรือเพื่ อนที่มีนามสกุลนี้
ฉันเลยลองเข้าไปฟังอาจารย์ธงชัยดู
อยากรู้ว่าจะเทศน์ยังไง
เป็นครั้งแรกที่ได้ฟังเทศน์เป็นภาษาไทย
พอฟังวันแรก ฉันก็รู้เลยว่า พระเจ้าเรียกฉันกลับบ้านแล้ว
ฉันฟังงานพิธีนั้นครบทั้ง 3 วัน แล้วก็ตามไปฟังเทศน์
ย้อนหลังของโบสถ์ที่อาจารย์สอน
เพราะโควิดทำให้ดูคำสอนย้อนหลังได้
ฉันก็ดูๆๆฟังๆๆๆทุกวัน เป็นเดือน
ฉันเริ่มเข้าใจมากขึ้นแบบไม่เคยเข้าใจมาก่อน ว่าพระเจ้าเป็นใคร
พระเยซูเป็นใคร และการเป็นคริสเตียนคืออะไร
22
วั น ห นึ่ ง ฉั น โ ท ร จ า ก อ เ ม ริก า ไ ป ข อ คุ ย กั บ อ า จ า ร ย์
อาจารย์ใจดีมากๆ
ตอบทุกคำถามและชวนให้เปิดกลุ่ม online
เพื่ อช่วยคนที่กำลังอยากหาพระเจ้า เหมือนกัน
ถึงตอนนั้นก็เข้าใจแล้ว ว่า
พระเจ้าตอบคำอธิษฐานที่ฉันขอไว้หลายเดือนก่อน
ฉันอธิษฐานว่าอยากได้ครูทางจิตวิญญาณ
อยากได้เพื่ อน อยากได้ community
ฉันก็ได้มา
ได้มาแบบเกินความคาดหมาย
เกินความคิดและจินตนาการจริงๆ
23
สรุปว่า
พระเจ้าที่ฉันรู้จัก ไม่ใช่ศาสนา
พระเจ้า คือ ความรัก ความสัมพันธ์แบบที่ฉัน
ไม่เคยเจอที่ไหนหรือกับใครมาก่อนในชีวิต
พระเจ้า ใส่ใจ รู้จักฉันจริงๆและ
ตามหาฉันทุกครั้งที่ฉันหลงทาง
พระเจ้า เป็นพระเจ้าที่เกินความเข้าใจของฉัน
ยังมีคำถามอีกเยอะที่ฉันยังตอบไม่ได้
แต่คำถามที่ไม่สงสัยแล้วคือ
พระเจ้ามีจริงไหมและพระเจ้ารักฉันไหม
24
ตอนที่ 2
ความสงสัย
พอเล่ามาถึงตอนนี้อาจจะมีคำถามว่า
มาเชื่อพระเจ้าแล้ว ได้ความรักของพระเจ้าแล้ว
ชีวิตจะดีขึ้น และกลายเป็นชีวิตที่มีความสุขตลอดไปเลยมั๊ย
ฉั น ต อ บ ไ ด้ เ ล ย ว่ า ชีวิ ต ดี ขึ้ น
บ า ง อ ย่ า ง ใ น ชีวิ ต ก็ ดี ขึ้ น ทั น ที
บ า ง อ ย่ า ง ก็ ค่ อ ย ๆ ดี ขึ้ น แ บ บ ช้า ๆ
แต่ชีวิตก็ไม่ได้ perfect ชีวิตก็ยังต้องเจอเรื่องท้าทายอยู่
เรื่องท้าทายเรื่องใหญ่ของฉัน คือ ความสงสัย
25
สงสัยว่าพระเจ้าดีขนาดนี้จริงเหรอ
สำหรับคริสเตียน เรามีความเชื่อว่าพอเรารับเชื่อพระเจ้า ยอมรับ
ให้พระเจ้าเป็นผู้ไถ่บาปของเราแล้ว ก็ถือว่าชีวิตเรา
Happy Ending แน่นอน
คือพระเจ้าสัญญากับเราไว้ว่าคนที่ยอมรับพระเยซูคริสต์
ก็จะได้ไปอยู่ในสวรค์กับพระเจ้าเมื่ อถึงเวลา
ใ น ค ว า ม เ ชื่ อ เ ดิ ม ข อ ง ฉั น
ฉั น เ ค ย เ ข้ า ใ จ ว่ า ฉั น จ ะ ต้ อ ง ใ ช้ค ว า ม พ ย า ย า ม ฝึ ก ป ฎิ บั ติ ไ ป เ รื่ อ ย ๆ
จนกว่าจะละบาปละกิเลสได้ เรื่องสวรรค์แทบจะไม่ต้องพู ดถึง
เ พ ร า ะ ยั ง ต้ อ ง ฝึ ก อี ก เ ย อ ะ
26
พอฉันได้มารู้จักพระเจ้าจริงๆและได้เข้าใจว่าพระเจ้าสัญญาไว้ว่า
ชีวิตของฉันจะไปจบสวยที่สวรรค์
ฉันยอมรับว่ามันยากที่จะเชื่อ ฉันรู้สึกว่ามัน
too good to be true พอสมควร
ช่วงแรกๆยอมรับว่าฉันไม่เข้าใจ และไม่ค่อยจะเชื่อว่า
แค่รับพระเยซูเข้ามา
ก็แปลว่าบาปกรรมทั้งหมดของฉันถูกเคลียร์หมดแล้ว
ได้ไปสวรรค์แล้ว
ฮะ มันง่ายอย่างงั้นเลยเหรอ
คนที่ไม่เชื่ออะไรง่ายๆอย่างฉัน ยังงงงันกับสิ่งนี้
27
มันง่ายอย่างงั้นเลยเหรอ
หลังจากอธิษฐาน อ่านพระคัมภีร์ และคุยกับครูของฉัน
ฉันก็เข้าใจว่า การมาเชื่อพระเจ้าเป็นการ
fast forward ชีวิตไปให้เราดูตอนจบเพื่ อบอกเราว่า
โอเค สบายใจได้แล้วนะ ชีวิตนี้จบดีแน่ๆ ได้ไปสวรค์แล้ว
แต่สำหรับชีวิตที่เหลืออยู่ การรับพระเจ้าเข้ามาในชีวิต
เป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น
ค น ที่ เ ชื่ อ พ ร ะ เ จ้า แ ล้ ว ก็ ยัง ต้ อ ง เ จ อ ค ว า ม ย า ก ข อ ง ชีวิต
เหมือนคนอื่ นๆ
ค น ที่ เ ชื่ อ พ ร ะ เ จ้า แ ล้ ว
ยังต้องยอมให้พระเจ้าค่อยๆเปลี่ยนแปลงใจ
เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของเรา
ในช่วงที่เหลืออยู่บนโลกนี้ ซึ่งมันไม่ง่าย
แต่คนที่เชื่อ มีตัวช่วยที่ดีที่สุดอยู่ด้วยตลอดเวลา
28
ความสงสัยอื่ นๆ
คำถามต่อไปนี้ เป็นคำถามที่ฉันได้มาจากคนใกล้ชิด
ฉันคิดว่าความสงสัยเป็นสิ่งที่ดีและฉันไม่เคยคิดดูถูกคนที่
ตั้ง คำ ถ า ม เ รื่ อ ง ค ว า ม เ ชื่ อ ข อ ง ฉั น
ฉันคิดว่าความสงสัยเป็นโอกาสที่ทำให้ฉัน
ไ ด้ เ ข้ า ใ ก ล้ พ ร ะ เ จ้ า ม า ก ขึ้ น
แ ล ะ ฉั น เ ชื่ อ ว่า ค ว า ม รัก ข อ ง พ ร ะ เ จ้า มีเ พีย ง พ อ สำ ห รับ
ทุกความสงสัย
29
ถาม ทำไมคนเราต้องมีพระเจ้า แค่เป็นคนดีไม่พอเหรอ?
ตอบ ตอบจากประสบการณ์ของตัวเองที่พยายามเป็นเด็กดีและ
เป็นคนดีมาตลอด การเป็นคนดีเป็นสิ่งที่ดีแน่ๆ
ฉันเชื่อว่าคนทุกคนที่เกิดมา มีพื้ นฐานเป็นคนดีกันทั้งนั้น
แต่สิ่งที่ฉันพบและต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะเข้าใจและยอมรับคือ
คนเรามีข้อจำกัด ถึงฉันจะอยากเป็นคนดีมากแค่ไหน
ที่สุดแล้วฉันก็ยังแพ้กับนิสัยที่ไม่ดีของตัวเอง
ฉันคิดว่าการฝึกตัวเองให้เป็นคนดี เป็นสิ่งที่ดีมากๆ และเกิดขึ้น
ได้ในระดับหนึ่ง แต่พอฉันได้มาเจอพระเจ้า พอฉันยอมรับให้
พระเจ้าช่วยเปลี่ยนฉัน ฉันได้เจอการปลดล็อคที่ทำให้ฉันเป็นคน
ดีขึ้นไปอีกขั้นนึง แบบที่ทำเองไม่ได้
30
อี ก เ ห ตุ ผ ล ห นึ่ ง ที่ ฉั น รู้ว่ า ฉั น ต้ อ ง มี พ ร ะ เ จ้ า คื อ
ฉั น รู้ตั ว ว่ า ฉั น ต้ อ ง ก า ร ที่ พึ่ ง เ ว ล า ที่ ฉั น ต้ อ ง เ จ อ กั บ อ ะ ไ ร ที่ ย า ก ๆ
ที่เกินมือตัวเองจะรับได้
ฉันคิดว่าทุกคนต้องถามตัวเองและตอบตัวเองว่า
ถ้าเค้าต้องเจอสถานการณ์ที่ยาก
ยากแบบที่ตอนนี้ยังจินตนาการไม่ออก เช่น ป่วยหรือบาดเจ็บ
ล้มละลาย โดนเพื่ อนโกง หรือเครื่องบินกำลังจะตก
เค้าจะพึ่งตัวเอง พึ่งความดีของตัวเองได้มั๊ย
ฉันคิดว่าเราต้องเคารพการตัดสินใจของแต่ละคน
บางคนอาจจะคิดว่าเค้าจัดการทุกปัญหาได้
อาจจะด้วยตัวเอง ด้วยสติ หรือเครื่องมืออื่ นๆที่มี
สำหรับฉัน ฉันเลือกพระเจ้าและฉันสบายใจและมั่นใจว่า
ฉันมีตัวช่วยที่ดีและมั่นคง
31
ถาม ทุกศาสนาสอนให้คนเป็นคนดี
ทำไมต้องเลือกแต่พระเจ้า?
ตอบ ฉันเชื่อว่าถ้าดูที่แก่นแล้ว ฉันเห็นด้วยว่าทุกศาสนาต้องการ
สอนให้คนเป็นคนดี ฉันไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญศาสนาเปรียบเทียบ
ฉันจะไม่ comment ถึงศาสนาที่ฉันไม่รู้จักแบบลึกซึ้ง
ฉันไม่เคยมีความคิดดูถูกศาสนาหรือความเชื่อของคนอื่ น
แ ล ะ ฉั น คิ ด ว่า เ ร า ไ ม่ค ว ร แ ข่ง ห รือ เ ถึ ย ง กั น ว่า ค ว า ม เ ชื่ อ ข อ ง ใ ค ร
ดีกว่าของใคร
สิ่งที่ฉันทำได้คือแค่ตอบคำถามนี้จากประสบการณ์ส่วนตัวของ
ฉันเอง
จากประสบการณ์ของฉัน
พระเจ้าใจดีและมีพระคุณมากที่มาเคลียร์บาปทุกอย่างให้กับทุก
คนที่เชื่อพระองค์ และเปลี่ยนให้คนที่เชื่อพระองค์เป็นคนใหม่
ก่อนมาเจอพระเจ้า ฉันเคยมีความอยากหลุดพ้นกับชีวิตยากๆใน
โลกนี้ ฉันพยายามฝึกสมาธิ วิปัสสนา ฉันพอจะเห็นแสงสว่าง แต่
ฉันฝึกมาพักนึง ก็ยังไปไม่ถึงไหน ฉันรู้สึกว่าคงต้องฝึก
อีกนานนนน
32
แต่พอฉันมายอมรับพระเจ้า ฉันเพิ่งมาเข้าใจว่า
สิ่งที่ฉันพยายามจะ “do” เพื่ อให้หลุดพ้น พระเจ้าได้ “done”
ให้ฉันแล้ว
ต า ม ค ว า ม เ ชื่ อ ข อ ง ฉั น พ ร ะ เ จ้า เ ค ลี ย ร์บ า ป ใ ห้ฉั น ห ม ด แ ล้ ว
ตอนจบของฉันได้รับการรับรองแล้วว่าจะดี
แต่สิ่งที่ต้องทำความเข้าใจให้ชัดเจน คือ ถึงพระเจ้าจะเคลียร์
บาปให้ , guarantee ตอนจบของชีวิตให้และเปลี่ยนฉันให้เป็นคน
ดีขึ้นเมื่ อฉันมาเชื่อพระองค์ แต่ชีวิตที่เหลืออยู่ในโลกนี้ ฉันก็ยัง
ต้องผ่านความยากความท้าทายต่างๆเหมือนคนทั่วไป
พู ดง่ายๆว่า ฉันเลือกมาเชื่อพระเจ้า เพราะพระเจ้าทำสิ่งที่ยาก
ที่สุด (ไถ่บาป)ให้แล้ว และถึงแม้ชีวิตที่เหลืออยู่ของฉันก็ยังต้อง
เจอความท้าทายเหมือนคนทั่วไป แต่ฉันมีพระเจ้า ที่สัญญาว่าจะ
อยู่กับฉัน และแก้ปัญหากับฉันไปตลอด
33
ถาม ถ้าพระเจ้าดีจริง ทำไมมีคริสเตียนหลายคนที่ทำไม่ดี แบบ
ข่มขืนเด็ก โกงเงิน ฆ่าคน?
ตอบ ฉันเคยคิดแบบนี้และเลิกเชื่อพระเจ้าไปหลายปี สุดท้ายฉันก็
เข้าใจว่า คนไม่ดีมีอยู่ทุกที่ ทุกวงการ ทุกศาสนา
ฉันคิดว่าในโลกนี้มีคนที่เรียกตัวเองว่าเป็นคริสเตียนหลายคน
ที่จริงๆแล้วไม่ได้รู้จักพระเจ้าเลย และทำให้เค้าหลงไปทำอะไรไม่ดี
หลายอย่าง
ฉันคิดว่าคนที่ทำผิดรุนแรงและซำ้ๆไม่น่าจะเป็นคริสเตียนและ
ไม่น่าจะรู้จักพระเจ้าจริงๆ
34
ถาม รู้ได้ยังไงว่าพระเจ้ามีจริง
ตอบ จากประสบการณ์ตรงของตัวเองที่มีกับพระเจ้า
(กลับไปอ่านบทที่ 1)
แน่นอน มันเป็นความเชื่อ เพราะว่าฉันพิสูจน์ไม่ได้ เวลาเล่าให้คน
ฟังถึงเรื่องพระเจ้าฉันถึงย้ำเสมอว่า
เ รื่ อ ง ค ว า ม เ ชื่ อ เ ป็ น เ รื่ อ ง ที่ ทุก ค น ต้ อ ง ตั ด สิน ใ จ ด้ ว ย ตั ว เ อ ง
35
ถาม ถ้าอยากเชื่อพระเจ้าหรือมีคำถาม ต้องทำยังไง
ตอบ เขียนมาคุยกันได้ที่ [email protected]
ยินดีตอบคำถามและอธิษฐานให้แน่นอน
36
สรุปว่า
สำหรับคนที่เชื่อพระเจ้า เราเชื่อว่าตอนจบของชีวิตเราจะดีแน่ๆ
ถึ ง แ ม้ว่า ค น ที่ เ ชื่ อ พ ร ะ เ จ้า ยัง ต้ อ ง เ จ อ กั บ ค ว า ม ส ง สัย
ถึงแม้ว่าชีวิตบนโลกนี้ของเรายังจะต้องเจอความท้าทาย
เหมือนคนอื่ นๆ
แต่ เราเชื่อว่าเรามีผู้ช่วยที่ดีที่สุด ที่รักเราที่สุด และไม่เคย
ปล่อยมือเรา
ถึงแม้ว่าฉันจะยังมีความสงสัยบางอย่างที่ยังตอบไม่ได้
100% แต่ฉันเลือกที่จะเชื่อพระเจ้าแบบ 100%
37
A Love Story
อ่านเสร็จแล้วเขียนมาคุยกันได้ที่
[email protected]