The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รายงานวรรณคดีนางสิบสอง ณัฏฐธิดา 005

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by butter_086, 2021-03-17 04:34:15

รายงานวรรณคดีนางสิบสอง ณัฏฐธิดา 005

รายงานวรรณคดีนางสิบสอง ณัฏฐธิดา 005

วรรณคดีสำหรบั งำนนำฏยศิลป์ เรื่อง นำงสิบสอง

นำงสำวณฏั ฐธิดำ เดชบุญ
รหสั ประจำตวั นักศึกษำ6181163005

รำยงำนนี้เป็นส่วนหน่ึงของกำรศึกษำหลกั สูตรครศุ ำสตรบณั ฑิต
สำขำวิชำนำฏยศิลป์ ศึกษำ คณะมนุษยศำสตรแ์ ละสงั คมศำสตร์ มหำวิทยำลยั รำชภฏั บ้ำน

สมเดจ็ เจำ้ พระยำ
ปี กำรศึกษำ2563



คำนำ

วรรณคดสี ำหรับงานนาฏยศลิ ป์ เร่อื ง นางสบิ สอง เปน็ สว่ นหนงึ่ ของรายวชิ า วรรณกรรม
สำหรับนาฏยศิลป์ศึกษา รหัสวิชา 2151301 จัดทำขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการศึกษาเรื่องของ
วรรณคดพี ้ืนบา้ น เรอื่ งนางสิบสอง

เนื้อหาของรายงานฉบับนี้ประกอบด้วยไปด้วย ประวัติความเป็นมา ความสำคัญของเรื่องว่ามี
ความสำคัญอย่างไร ประวัติผู้แต่ง เนื้อเรื่องย่อ บทประพันธ์ และตัวละคร ของวรรณคดีพื้นบ้าน เรื่อง
นางสิบสอง

ผู้จัดทำขอขอบพระคุณ อาจารย์รณกฤต เพชรเกลี้ยง อาจารย์ประจำวิชาวรรณกรรมสำหรับ
นาฏยศิลป์ศึกษา ที่ชว่ ยให้คำแนะนำและแกไ้ ขรายงานฉบบั นีใ้ หส้ ำเร็จลุลว่ งไปไดด้ ้วยดี ผูจ้ ัดทำหวงั เป็น
อย่างยิ่งว่ารายงานฉบับน้ีจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่มีความสนใจต้องการศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับ
วรรณคดีสำหรบั งานนาฏยศลิ ป์ เร่ือง นางสิบสอง หากผิดพลาดประการใดขออภัย ไว้ ณ ทน่ี ้ี

ผูจ้ ดั ทำ
23 ธนั วาคม 2563

สำรบญั ข

เร่อื ง หน้า
คำนำ ก
สารบญั ข
ประวตั ิความเปน็ มา 1
คววามสำคัญ 5
ประวัตผิ ้แู ตง่ 5
เนอ้ื เรื่องยอ่ 6
บทประพนั ธ์ 8
ตวั ละคร 18
อ้างองิ 23
ภาคผนวก 24
ประวัตินกั ศกึ ษา 27

1

ควำมเป็นมำของวรรณคดีเร่ือง นำงสิบสอง

เรอ่ื งพระรถเมรี หรือ เรื่องนางสิบสอง เป็นนทิ านพ้นี บ้านทช่ี าวไทยรจู้ ักแพร่หลายมาตั้งแต่สมัย
อยุธยาหรือก่อนหน้านั้นแล้ว เมื่อพระเถระชาวเชียงใหม่รจนาคัมภีร์ปัญญาสชาดกได้นำเรื่องนี้ไปปรับ
เป็นชาดกด้วยเรอื่ งหน่ึง วรรณคดีสำคญั ๆ หลายเรอ่ื งทีแ่ ตง่ ในสมัยอยธุ ยาอ้างถึงเร่ืองพระรถเมรไี ว้
ทม่ี า : วชริ ญาญ

เรื่องนางสิบสอง หรือพระรถ-เมรี นอกจากจะเป็นวรรณกรรมที่คนไทยรู้จักกันมานานแล้ว ยัง
เป็นทีแ่ พรห่ ลายในประเทศ ถือว่ามีวัฒนธรรมร่วยมกนั ในพงศาวดารชาติลาว พงศาวดารล้านช้าง โดย
มีความเชื่อกันว่าได้สืบเชือ่ สายมาจากนางกังรี ซึ่งในพงศาวดารล้านช้างหน้าแรกมีข้อความปรากฏดงั น้ี
“ยงั มพี ญายกั ษ์ตนหนงึ่ ชือ่ นันทาลกุ เมอื งลงั กามา มีเมยี ช่อื พาลาแลมีลูกหญิงชอื่ นางกางรี เมื่อพญายกั ษ์
นั้นตายแล้ว นางพาลาผู้เป็นเมีย ไปได้กับพระยาอินทปัตต ลูกพระยาอินทปัตตชื่อพุทธเสนเลยเอานาง
กางรีเป็นเมีย แล้วปกครองบ้านเมืองสืบต่อพระยาอินทปัตตนั้นมา เมื่อข้าพเจ้าตายแล้ว เจ้าหลี่ผีจึง
แปลงรูปไว้รมิ ฝงั แคมนำ้ ของ ”

โดยประเทศในภูมิภาคแถบนี้ จะให้ความสำคัญต่อเพศหญิง เช่น ที่กล่าวว่าได้สืบเชื้อสายมา
จากนางกังรี ในกาพย์ขับไม้เรื่องพระรถ คำที่พระรถเรียกนางเมรีก็แสดงถึงความยกย่อง เช่น หญัวน้อง
หญวั ขา้ (หญวั หมายถงึ แม่อยูห่ ัว ดว้ ยขณะนนั้ นางเมรเี ป็นผูค้ รองนคร)

การให้ความสำคัญแก่วรรณกรรมเรื่องนี้ ในประเทศไทยนอกจากปรากฏเป็นวรรณคดีเรื่อง
ต่างๆ แล้ว ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกขึ้นครองราชสมบัติ บทที่ใช้ขับในการพระราชพิธีคือบทขึ้น
เรือนหลวง จากกาพยข์ ับไมเ้ รือ่ งพระรถ ท่ีข้นึ ตน้ ดว้ ยวรรคท่วี า่ “ข้นึ ตัง่ นง่ั เมือง” เร่ืองเดียวเทา่ นั้น
ท่มี า : หนังสอื ประชมุ เร่ืองพระรถ.กรมศิลปากร

ตำนานเรื่องพระรถเมรี” น่าจะมาจากเรื่อง “รถเสนชาดก” ซึ่งเป็นชาดกเรื่องที่ 47 ใน
หนงั สอื ปญั ญาสชาดก (ชาดก 50 เรื่อง) เม่ือไดฟ้ ังนิทานชาดกแล้วผู้ฟงั กน็ ำมาเปรยี บเทยี บกับชีวิตจริง
มิใช่แต่เพียงสำนกึ ในกฎแห่งกรรมตามคำสอนเท่านัน้ แตย่ งั จินตนาการสภาพบ้านเมืองในเร่ืองชาดกให้
เขา้ กบั สภาพจริงของบา้ นเมืองของตนด้วย จงึ เกิดเป็นนทิ านพ้ืนบ้าน หรือตำนานของชื่อสถานที่ต่างๆ

2

ในท้องถิ่นของตน ดังเช่น เรื่อง “พระรถเมรี” (บางคนเรียกว่า “นางสิบสอง” ) เป็นความเชื่อของ
ชาวบ้านในภาคกลาง บริเวณฝั่งตะวันออกของอ่าวไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ชาวอำเภอพนัสนิคม
จังหวัดชลบุรี และชาวอำเภอราชสาส์น จังหวัดฉะเชิงเทรา เชื่อว่าเป็นเรื่องจริง เนื่องจากตำนาน
ส่วนใหญ่จะถ่ายทอดด้วยวิธีมุขปาฐะ(เล่าเรื่อง)ที่ทั้งผู้เล่าและ ผู้ฟังต่างมุ่งสนองความสุขทางจิตใจของ
คน เมื่อเล่าต่อกันไปรายละเอียดของเรื่อง ชื่อตัวละคร และชื่อสถานที่ ก็อาจจะผิดเพี้ยนจาก
ต้นฉบบั เดมิ บา้ งเป็นธรรมดา นอกจากน้นั ยังเป็นเทคนคิ เฉพาะตัวของผ้เู ล่าท่จี ะสร้างความสุขแก่ผู้ฟัง
พร้อมทั้งสอดแทรกคุณธรรมไว้ด้วย ตำนานพระรถเมรีก็เช่นเดียวกัน คือมีหลายสำนวน ในที่นี้จะ
เป็นสำนวนของ อิงตะวัน แพลูกอินทร์ โรงเรียนพนมสารคาม “พนมอดุลย์วิทยา” จังหวัด
ฉะเชงิ เทรา

พระรถสิทธิ์ เป็นเจ้าครองนครที่ไม่มีพระมเหสีได้ครองเมืองไพศาลีด้วยความสงบสุขเรื่อยมา เมืองนั้นมี
เศรษฐีร่ำรวยมากคนหนึ่งชื่อ พรหมจันทร์มีภรรยาอยู่กินกันมานานแต่บุตรธิดา จึงพากันไปหาพระฤๅษี
เพื่อขอบุตรธิดา พระฤๅษีจึงใหเ้ ก็บก้อนกรวดท่ีปากบ่อนำ้ หน้าอาศรม และให้นึกถงึ พระฤๅษี ทุกครั้งเมื่อ
ภาวนา เศรษฐีเก็บกอ้ นกรวดไปสิบสองก้อน หลังจากน้นั ภรรยาไดต้ ั้งท้องมีธดิ าติดต่อกนั มาเร่ือยมาจนได้
สิบสองคน เศรษฐีก็เล้ียงลกู สาวด้วยความเอ็นดู อยู่ต่อมาเศรษฐีค้าขายขาดทุนจนไม่มีอาหารเล้ียงดูลูก
สาวทั้งสิบสองคน ในที่สุดจึงตัดสินใจที่จะนำลูกสาวทั้งหมดไปปล่อยป่า ขณะที่ปรึกษากันระหว่างผัว
เมียนางเภาลูกสาวคนสุดท้องแอบได้ยินจึงไปเก็บก้อนกรวดไว้เป็นจำนวนมาครั้งเมื่อพอพาเข้าป่าไปตดั
ฟืนนางเภาจะเดินรั้งท้ายและเอาก้อนกรวดทิ้งตามรายทางเพื่อเป็นเครื่องหมาย เมื่อไปถึงป่าพ่อใช้ให้
ลูกๆแยกย้ายกันไปตัดฟืนหาผลไมใ้ นป่ากว้าง ส่วนพ่อเหน็ ลกู จากไปในป่าหมดแล้วก็หลบหนีกลับบ้าน
ครั้นตกเย็น ลูกสาวทั้งสิบสองคน ได้กลับมายังที่นัดพบ รออยู่นาน ไม่เห็นพ่อต่างร้องไห้คร่ำคราญ
นางเภาจึงบอกพี่ๆ ว่าตนจะพากลับบ้าน นางเภาก็พาพี่ๆเดินตามก้อนกรวดที่นางไปโปรยเอาไว้ตอน
เดนิ ทางมา สว่ นพอ่ แมซ่ ึ่งอดอยากกนั มานาน ต้งั ใจจะกินข้าวกนิ ปลาให้อ่ิมหมีพลีมนั เสียที ขณะท่ีจะ
ลงมือกินข้าวลูกๆ ก็กลับมาถึงบ้าน เศรษฐีก็ได้หาวิธีไปปล่อยลูกสาวในป่ากันอีกครั้ง ครั้งสุดท้ายนาง
เภาไม่มีโอกาส ที่จะเก็บก้อนกรวดเหมือนครั้งก่อน เมื่อพ่อพาไปป่าหาฟืนหาผลไม้ก็จำยอมไปและได้
เอาขนมท่ีพ่อแม่ให้กนิ ระหว่างเดินทางโปรยตามทางเพื่อเป็นเคร่ืองหมายกลบั บา้ น แตน่ กกาเห็นขนมก็
ตามจิกกินขนมจนหมดสิ้น ครั้นพ่อหนีกลับบ้าน นางทั้งสิบสองจึงไม่สามารถจะเดินทางกลับบ้านได้
พากันร่อนเร่ พเนจรไปเรื่อยๆหาทิศทางไม่ได้ ในที่สุดหลงเข้าไปในเมืองยักษ์ โดยอาศัยอยู่กับนาง
สันทมาร(สนธมาร,สนทรา) ยักษ์แม่หม้ายมีลูกสาวบุญธรรม ชื่อนางเมรี นางสิบสองไม่ทราบว่านาง
สันทมารเป็นยักษ์จึงอาศัยอยู่ด้วย นางสันทมารต้องออกป่าไปจับสัตว์กินเป็นอาหารเสมอๆวันหน่ึง

3

นางสิบสองซุกซนไปตรวจดูสิ่งต่างๆได้พบกระดูกคนและสัตว์จำนวนมากพวกนางจึงรู้ว่านา งสันทมาร
นั้นเปน็ ยักษ์ จึงพากันหนีด้วยความกลัว นางสันทมารกลับมาทราบจากเมรีว่านางสิบสองหนีไปก็โกรธ
จึงออกติดตามหวังจะจับกินเป็นอาหาร แต่ด้วยบุญญาธิการของนางสิบสองยังมีอยู่บ้าง พวกสัตว์ ป่า
เสือ ช้าง ชว่ ยกนั กำบังนางสิบสองไมใ่ ห้นางสันทมารเหน็ ในทสี ุดนางสบิ สองก็เดินกลบั มายังเมืองไพศาลี
พระรถสิทธิ์เจ้าเมืองเสด็จมาพบเข้าทรงพอพระทัยมากจึงรับนางสิบสองคนมาเป็นพระมเหสี ส่วนนาง
สันทมารได้ติดตามมาจนถึงเมืองไพศาลี เมื่อทราบว่านางสิบสองได้เป็นพระมเหสีของพระราชสิทธิก็ยิ่ง
เคียดแค้น จึงแปลงกายเป็น หญิงงาม ทำอุบาย ร้องห่มร้องไห้ จนได้เฝา้ พระรถสิทธิ เล่าว่าตนชือ่ นาง
สมุดชาถูกบิดาบังคับให้แต่งงานกับเศรษฐี นางจึงหนีมาพระรถสิทธิ์รับนางสมุดชาไว้เป็นชายา นาง
สมุดชามีความเคียดแค้นนางสิบสองเป็นทุนเดิมอยูแ่ ล้ว จึงทำเสน่หม์ ารยาให้พระรถสทิ ธิ์หลงใหลจนลมื
มเหสีเก่าทั้งสิบสอง วันหนึ่ง นางสมุดชาทำอุบาย โดยนางแกล้งป่วยแล้วหมอหลวงเยียวยารักษาไม่
หายนอกจากจะต้องใช้ดวงตาของสาวที่เกิดจากพ่อแม่เดียวกัน 12 นาง เป็นเครื่องยาจึงจะรักษาหาย
ด้วยเวทมนต์ของนางยักษ์สันทมารนั้นจึงสั่งควักลูกตานางสิบสองมาเป็นเครื่องยา แต่นางเภาถูกควกั
ลูกตาเพียงข้างเดียวเพราะเมื่อครัง้ หนีนางยกั ษ์สันทมารนัน้ นางทั้งสิบสองคนจบั ปลากนิ ประทังความหวิ
พี่ๆ จับปลาได้ก็จะร้อยกับเชือกโดยแทงตาทะลุทั้งสองข้างส่วนนางเภานั้นร้อยปลาจากปากปลาไปทะลุ
ตาข้างเดียวฉะนั้นนางจึงถูกควักลูกตาข้างเดียว เพราะผลกรรมครั้งนั้น ขณะนั้นมเหสีท้ังสิบสองได้
ตงั้ ครรภก์ บั พระรถสิทธิท์ กุ คน นางสนั ทมารจึงให้ทหารจับไปขงั ไวใ้ นอุโมงค์มืดๆ มีอาหารกนิ บ้างอดบ้าง
ส่วนพระรถสิทธิ์ไม่ทราบว่ามเหสีทั้งสิบสองคนตั้งครรภ์เพราะตกอยู่ในอำนาจเสน่ห์มารยาของนางยักษ์
นางทั้งสิบสองคนต่างหิวโซอยู่ในอุโมงค์มืดนั้นจนคลอดบุตร เมื่อพี่สาวใหญ่คลอดบุตรออกมาต่างก็
ช่วยกันฉีกเนื้อแบ่งกันกิน นางเภารับส่วนแบ่งเก็บไว้ได้ 11 ชิ้น ครั้นตนคลอดบุตรออกมาบ้างก็นำเน้ือ
เด็กทั้ง 11 ชิ้น ส่งให้พี่ๆ ฉะนั้นลูกของนางเภาจึงรอดชีวิต นางเภาก็เลี้ยงลูกมาในอุโมงค์นั้นจนเจริญ
วัยวิ่งเล่นได้ตั้งชื่อว่า “รถเสน” พระอินทร์ทราบเรื่องนางสบิ สองถูกทรมานจึงมาช่วยโดยแปลงกายเป็น
ไก่มาหากินอยู่หน้าอุโมงค์ พระรถเสนเลี้ยงไก่พระอินทร์และนำไก่มาท้าชนพนนั กับชาวบ้านกไ็ ดช้ ัยชนะ
ทุกครั้งแลกเป็นข้าวอาหารมาเลี้ยงแม่และป้าๆ จนมีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่ว ความทราบถึงพระกรรณ
พระรถสิทธิ์ พระองค์เรียกเข้าเฝ้าทำให้ทราบว่า พระรถเสนเป็นพระโอรส นางสมุดชาทราบเรื่องคดิ
กำจัดพระรถเสนด้วยการหาอุบายให้พระรถสิทธิ์สั่งพระรถเสนเดินทางไปยังเมืองยักษ์เพื่อนำ “มะงั่วรู้
หาว มะนาวรู้โห”่ (บางสำนวนวา่ มะมว่ งไมร่ ู้หาว มะนาวไมร่ ู้โห่) มาเปน็ เครอื่ งยารักษานางอีก นาง
สมุดชาเขียนสารให้พระรถเสนถอื ไปหานางเมรีโดยเขียนสัง่ ว่า “ถึงกลางวันให้ฆ่ากลางวัน ถึงกลางคืน
ให้ฆ่ากลางคืน” พระรถเสนก็ควบม้าไปยังเมืองยักษ์ตามคำสั่งพระบิดา ม้าของพระรถเสนนี้เป็นม้า

4

กายสิทธิ์ วิ่งราวกับลมพัดและพูดได้ดว้ ย ครั้นมาถึงอาศรมพระฤๅษีก็ขอหยุดพักหลับนอน พระฤๅษีผู้มี
ญาณพิเศษทราบเหตุการณ์จึงแอบแก้ข้อความในจดหมายที่เรียกว่า “ฤๅษีแปลงสาร” เสียใหม่ว่า “ถึง
กลางวันใหแ้ ต่งกลางวนั ถงึ กลางคนื ให้ แตง่ กลางคนื ” เมื่อพระรถเสนไปถึงเมืองยักษ์พบนางเมรี ก็นำ
สารของนางสมดุ ชามอบให้เพื่อจะได้ขอมะงั่วรู้หาว มะนาวรู้โหน่ างเมรีทราบเร่ืองราวตามสารก็ทำตาม
คำสั่งแม่ทุกประการ คือ อภิเษกสมรสและยกเมืองให้พระรถเสนครอง พระรถเสนอยู่ในเมืองยักษ์ด้วย
ความสุข แต่ถึงกระนั้นพระองค์ก็ยังระลึกถึงมารดาและป้าของพระองค์ จึงคิดหาอุบายโดยการจัด
เลี้ยงสุราอาหาร นางเมรีเมามายและหลอกถามถึงห่อดวงตานางสิบสอง อีกทั้งกล่องบรรจุดวงใจของ
นางสันทมาร นางเมรีก็พดู ดว้ ยความมนึ เมา บอกเรอื่ งราวและท่ีเก็บสิ่งของสำคัญตลอดจนยาวิเศษขนาน
ต่างๆแก่พระรถเสนจนหมดส้ิน พระรถเสนจึงนำกล่องดวงใจ ห่อดวงตาและยารักษารวมทั้งยาวิเศษที่
โปรยเป็นภูเขา เป็นไฟ เป็นมหาสมุทร ติดตัว หนีออกจากเมืองไป ครั้นเมื่อนางเมรีหายจากความมึน
เมาไม่เห็นพระรถเสน นางจึงรู้ว่าพระรถเสนหนีไปแล้ว นางกับเสนายักษ์ไดอ้ อกติดตามพระรถเสนด้วย
ความรัก พระรถเสนควบม้าหนีมาแต่นางเมรีก็ตามทัน พระรถเสนโปรยยาให้เป็นมหาสมุทร นางเมรี
สิ้นแรงฤทธ์ิไม่สามารถจะข้ามมหาสมุทรได้ นางเฝ้ารำพันอ้อนวอนให้พระรถเสนกลับเมืองไปอยู่กับนาง
แต่ม้าได้ทัดทานไว้ นางเมรีเศร้าโศกคร่ำคราญจนดวงใจแตกสิ้นใจตาย พระรถเสนกล่าวขอโทษต่อ
หน้าศพนางแล้วให้เสนายักษ์นำกลับเมือง ในที่สุดพระรถเสนก็ตัดใจกลับเมืองไปช่วยมารดาและป้าๆ
เมื่อกลับมาถึงเมืองไพศาลี พระรถเสนนำดวงตามารดาและป้าๆ พร้อมกับยารักษาจนสามารถมองเห็น
ได้ทั้งสิบสองนาง พระรถเสนเข้าเฝ้าพระราชบิดาพร้อมกับทูลว่านางสมุดชาเป็นยักษิณี นางสมุดชารู้
เรื่องจึงแปลงกายเป็นยักษ์หวังจะฆ่าพระรถเสนเสีย แต่พระรถเสนต่อสู้กับนางสมุดชาเป็นสามารถและ
ทำลายกล่องดวงใจของนางสมดุ ชาจนส้นิ ใจตาย พระรถสทิ ธิ์จึงง้องอนมเหสีท้ังสิบสองนาง พร้อมทั้งขอ
โทษที่พระองค์ลงทัณฑ์นางเพราะความมัวเมาในเสน่ห์มารยาของนางยักษิณี ในที่สุดพระรถสิทธิ์ก็
ครองเมอื งกับมเหสที ัง้ สบิ สองคนอยา่ งสนั ตสิ ุข

5

ความสำคัญของวรรณคดี

ความสำคญั ของการเรียนวรรรคดี
1. ชว่ ยเพิ่มความเข้าใจและความซาบซ้ึงในคณุ คา่ ของวรรณคดี
2. ไดค้ วามรูเ้ กี่ยวกับภาษาและลักษณะอักขรวิธสี มัยตา่ ง ๆ
3. ได้ความรเู้ กย่ี วกับความสัมพันธ์กบั ต่างประเทศสมัยต่าง ๆ
4. ไดค้ วามรู้เกีย่ วกับวัฒนธรรม สภาพสังคม และเหตุการณบ์ า้ นเมอื ง ควบคกู่ นั ไปกบั วิวัฒนาการ
ของวรรณคดใี นสมัยตา่ ง ๆ

จากท่ีได้ศึกษาวรรณกรรม เรือ่ งนางสบิ สอง มีขอ้ คดิ ดงั น้ี
1. เปน็ เศรษฐีกย็ ากจน หมดตัวได้ หากไมร่ ู้จกั การใช้จ่ายท่เี ป็นประโยชน์
2. มีลูกมาก จะยากจน (แต่หากช่วยกันทำมาหากิน จะมิ่งมีเปน็ เศรษฐไี ด้)

ประวัติผู้แต่ง
เป็นวรรณคดีท่ีแต่งขนึ้ ในสมยั อยธุ ยำ ไมพ่ บผแู้ ต่ง

6

เนื้อเรื่องย่อ

คร้งั ศาสนาของพระกัสสปสมั มาสมั พทุ ธเจา้ มีเศรษฐีผูห้ นงึ่ นามว่านนท์ได้นำกลว้ ยนำ้ วา้ 12 ผล ไป
ถวายพระพุทธเจ้าแล้วอธิษฐานขอให้มีบุตรธิดาไว้สืบสกุล อยู่มาภรรยาก็ตั้งครรภ์ไห้กำเนดิ ธิดา 12 คน
โดยลำดับ ตง้ั แต่นางสบิ สองเกดิ มาเศรษฐีก็เริ่มยากจนลง กระทงั่ ไมม่ อี าหารพอเพียงท่จี ะเลย้ี ง จงึ พาธิดา
ทั้งหมดขึ้นเกวียนนำไปปล่อยเสียในป่า นางพากันเดินหลงทางไปจนถึงสวนเมืองคชปุรนครของนาง
ยักขิณีสันธมาร นางยักษ์พบเข้าก็เมตตานำไปเลี้ยงไว้ อยู่มานางสิบสองรู้ว่านางสันธมารเป็นยักขิณี จึง
หนีไปจนถงึ เมืองกตุ ารนครของพระราชารถสิทธิ์ พากันขึ้นไปอยูบ่ นต้นไทรริมสระ นางทาสีไปตักนํา้ สรง
พบเข้าจึงมาทูลท้าวรถสิทธ์ ๆ จึงรับนางทั้งสิบสองไว้เป็นมเหสี ฝ่ายนางสันธมารมีความโกรธแค้นย่ิง
ครั้นทราบขา่ วว่านางสิบสองไปเป็นมเหสขี องท้าวรถสิทธจ์ งึ ออกตดิ ตามไปจนถงึ กตุ ารนคร แปลงรา่ งเป็น
นางงามนั่งอยู่บนต้นไทรริมสระน้ำเช่นเดียวกับนางสิบสอง เมื่อท้าวรถสิทธิ์ทราบจึงให้รับนางมาตั้งเป็น
อัครมเหสี คราวหนึ่งนางสันธมารแปลงแกล้งทำเป็นป่วยแล้วทูลท้าวรถสิทธ์ว่า หากควักดวงตานางสิบ
สองเสียจึงจะหายจากโรค ท้าวรถสิทธ์ต้องเสน่ห์จึงยอม ให้นางยักษ์ควักดวงตานางสิบสองเสียทั้งสอง
ข้าง เว้นแต่นางน้องสุดท้องนั้นควักตาออกเพียงข้างเดียว แล้วฝากกองลมให้นำดวงตาทั้งหมดไปส่งให้
นางกังรีผู้เป็นธิดาเก็บรักษาไว้ที่เมืองคชปุรนคร ขณะนั้นพี่สาวทั้งสิบเอ็ดคนกำลังตั้งครรภ์ ท้าวสักก
เทวราชจงึ อาราธนาพระโพธิสตั ว์ให้มาปฏิสนธใิ นครรภ์ของน้องคนสุดท้อง ท้าวรถสิทธ์ิให้ขังนางสิบสอง
ไวใ้ นอุโมงค์

เมื่อครบกำหนดนางผู้พี่ทั้งสิบเอ็ดคนก็คลอดบุตร ด้วยความอดอยากจึงฉีกเนื้อบุตรแบ่งกันกิน
ภายหลังพระโพธิสัตว์จึงคลอดจากครรภ์มารดา นางน้องสุดท้องเฝ้าถนอมเลี้ยงดูจนเจริญวัยให้นามว่า
“รถเสน” อยู่มารถเสนกุมารก็ออกมาจากอุโมงค์ไดด้ ้วยอำนาจบารมี เที่ยวเลน่ ชนไกพ่ นันแลกอาหารมา
เลี้ยงมารดากบั ฟ้า ไก่ของพระรถเสนชนะพนนั ทกุ คราวจนความเล่ืองลือไปถึงทา้ วรถสิทธ์ิ จึงใหน้ ำตัวไป
เฝา้ เม่ือทราบว่าเป็นโอรสกม็ คี วามรักใคร่ นางสันธมารทราบเขา้ ก็คิดหาอบุ ายทีจ่ ะกำจดั พระรถเสน นาง
แสร้งทำเป็นปว่ ยหนัก ทูลท้าวรถสิทธวิ์ ่า ยาทจ่ี ะรักษาไดม้ ีอยู่ท่เี มีองคชปุรนคร ขอใหพ้ ระรถเสนไปนำมา
ให้ พระรถเสนทลู อาสาแลว้ เลอื กม้าพระทนี่ ั่งตัวหนึ่งเปน็ พาหนะสำหรับเดินทาง นางสันธมารแปลงเขียน
จดหมายฉบับหนึ่งผูกคอม้าไปเป็นความว่า ถ้าพระรถเสนไปถึงเมืองยักษ์เมื่อไรให้ฆ่าเสีย ม้าพาพระรถ
เสนเหาะไปถึงกลางทางก็พากันแวะพักที่อาศรมของพระฤๅษี พระฤๅษีมีความเมตตาจึง “แปลงสาร”
เปลี่ยนขอ้ ความในจดหมายเสียใหม่

ครั้นถึงเมืองคชปุรนครพบไพร่พลยักษ์ขวางอยู่เป็นจำนวนมาก จึงแก้จดหมายที่คอม้าทิ้งลงไป
เสนายักษ์อ่านข้อความแล้วก็จัดการต้อนรับอย่างเอิกเกริกและขัดการอภิเ ษกกับนางกังรีให้ครอบครอง

7

บ้านเมืองตามความในจดหมาย เวลาล่วงไป 7 เดือน ม้าทูลเตือนให้ พระรถเสนกลับไปหามารดา พระ
รถเสนจึงออกอุบายขอให้นางกังรีพาไปประพาสอุทยานเพื่อนำต้นบุนนากและคิรีบุนนากไปให้นางสัน
ธมาร เมื่อได้สมปรารถนาแล้วก็กลับมายังตำหนกั ลวงให้นางกังรีดื่มสุราจนลืมสติแล้วพระรถเสนกถ็ าม
ถึงที่เกบ็ ดวงตานางสิบสองและสรรพคุณยาวิเศษท้ัง 7 ห่อ นางกังรีหลงกลก็บอกให้ทัง้ หมด

ครั้นนางกังรีหลับพระรถเสนก็ฉวยห่อดวงตาและห่อยาทั้งหมดขึ้นหลังม้าหนีไปกลางดึก ตอนเช้า
นางตนื่ ขนึ้ ไมเ่ ห็นสามีก็รีบยกไพรพ่ ลออกติดตามไป พระรถเสนกโ็ ปรยยาห่อหนึง่ เปน็ มหาสมทุ รขวางหน้า
ไว้ นางกังรีรำพันขอรอ้ งให้พระรถเสนกลับมาก็ไม่เป็นผล ในที่สุดนางเสียใจจนดวงหทัยแตกออกเป็น 7
ภาค สิ้นชีวิตอยู่ริมฝั่งมหาสมุทรนั้น ฝ่ายพระรถเสนกลับมาถึงกุตารนครโดยสวัสดิภาพ นางสันธมาร
ทราบว่า ถูกพระรถเสนซ้อนกลก็เสียใจจนถึงแก่ความตาย พระรถเสนรบี นำยาไปรกั ษาดวงตาให้แม่และ
ป้าจนหายเป็นปกติ ท้าวรถสิทธิ์จึงตั้งนางสิบสองเป็นมเหสีดังเดิมและอภิเษกให้พระรถเสนครอบครอง
บา้ นเมืองตอ่ ไป

8

บทประพนั ธ์

โคลงนิราศหรภิ ุญไชย บทประพนั ธ์นี้กลา่ วถึงนางกังรกี บั พระรถเสน
กงั รีนิราศรา้ ง รถเสน

หวานหวา่ นในดิน ด่านนํ้า
เดน

นางยักษ์ผกู พนั เวร มรโมฐ วันนา

อันพพี่ ลดั นอ้ ง เร่งรา้ ยระเหระหน ฯ

กาพย์ห่อโคลงพระศรีมโหสถ บทประพันธน์ กี้ ล่าวถึงนางท้ังสบิ สองโดนใสร่ า้ ยและโดนควกั ดวงตา

เกลอื กเหมือน รถสทิ ธสิ นิทนนทา
เงอ่ื นบพติ ร

รุกรบิ สิบสองพะงา ควักตาให้ใส่ขุมขัง

เกลือกเหมือน สากล
เง่อื นทา้ วผ่าน

กกั มารดาลมัว ข่าวไข้
มนท

สิบสองจองทณั ฑ์ ธการเนตร
อน

9

แล้วสง่ ลงขุมให้ รำ่ รอ้ นฤๅเสบย ฯ

เสยี ดายปรางค์ สัตตรตั นร์ มยา
มาศรจนา

มณวี จิ ิตรดำเกิง

ที่น่งั ร้อนที่น่ังเย็น สำราญบันเทิง
สำเริง

บรรเทาภิรมย์
เปรมปรดี ิ์

เปรมปราสองสขุ ศรสี วัสดิควรนี
เกษมศรี

นรี าศรา้ งแรมไกล

ไกลทงั้ สระแกว้ นำ้ ใสสทุ ธอิ ำไพ
ใส

ไพบลู ย์ดง่ั แก้ว
แพรวพราย

พรายเพริศ หลายเลห่ ก์ ำจาย
สตั ตบงกชหลาย

กำจรตรลบ
เสาวคนธ์

10

เสาวภาคย์เคยสรง ชลเอย๋ จะรา้ งหน
สนานชล

หนใดจะกลับคนื
สถาน

สถานทีพ่ จิ ิตรหนา้ ลานเลย่ี นสุริยก์ านต์
พระลาน

สรุ ิยาจำรัส
รังสรรค์

สรรคแ์ สร้งแกล้ง ขวญั เมืองจรัล
ไวเ้ ฉลมิ ขวัญ

จะรานิราศรา้ งศรี

สที องก็หมองเปน็ ราคนิ เศร้าศรี
ราคี

สีแกว้ บแววเห็น
โฉม

*** บทประพนั นกี้ ล่าวถึง นางเมรเี ลอื กไพ่พลออกจากเมืองเพื่อติดตามพารถเสน***

มสี ินธ์สุ ายสตี ซึ้ง ชลใส

เติมแตเ่ ศขรใน ซอกซ้ัน

พุพวยหล่ังลงไหล เซ็งซ่าน

วางท่อทางดน้ ดัน้ สูท่ อ้ งวังเวยี ง ฯ

11

ขน้ึ เขาในเงอื้ มแง่ เศขร

พ่งุ ผดุ โชนเซาะ คล่าวแคลว้
ซอน

ออกมุขแห่งไกรสร สหี ราช

ลงสระอัญจลแกว้ ซ่านซ้องชลถวาย ฯ

สรงเสรจ็ เลด็ ลอด โดยทาง
ด้ัน

ทอ่ หลัง่ ไหลเวียน วิ่งนํ้า
วาง

ฉวดั เฉวียน วารีศ
ชำเนยี นฉวาง

ขึ้นออกเกสรกล้าํ กลีบแกว้ โกมล ฯ

ครวญพลางนาง ถงึ สร้อยสระศรี
เร่งจรลี

สโรชพศิ าลโสภณ

๏ โกมทุ บุษบัน เบิกสรอ้ ยเสาวคนธ์
อุบล

ขจรเลวงเวหา

12

*** บทประพนั ธ์น้ีสอดคลอ้ งกบั คำฉันท์ตอนนางเมรี เดินทางผา่ นสระนำ้ นอกเมืองว่า
“ไกลท้ังสระแก้วนา้ํ ใส” ***

พระศอแหบแห้ง

สุดสิ้นกระแสง สิ้นแรงอรไท

หิวโหยโรยรำ พกั ตรำสลดไสล

พกั ตรผ์ ิดเผอื ด สิ้นไห้รำพนั ไป

ดงั ลำกล้วยทอง

อนั เกิดในห้อง ฟำกฟ้ำสวนสวรรค์

มชี ำยผ้หู นึ่ง เขม้ ขึงแขง็ ขนั

จิตใจมกั กะสนั ฤทธ์ิแรงรำวี

ได้ดำบคมกล้ำ

แปลบปลำบ จบั แสงสรุ ยี ศ์ รี
เวหำ

กวดั แกว่งรำ เยอ้ื งยำ่ งคระวี
ฉวำง

ฟำดฟันกทั ลี ขำดเดจ็ เป็นสิน

*** บทประพนั นี้กล่าวถึง บทพรรณนาในคำฉนั ท์ตอนนางเมรถี งึ แก่มรณกรรม ***

13

ตรแิ ล้วก็ลง ในสระแก้ววิเชยี รฉายสรง
ชมเบญจบัวราย ประทุมมาศสลบั สลอนฯะ

***บทประพันธ์นก้ี ล่าวถึง เมรบี รรทมตื่นไม่พบพระรถเสน หมดความลงในหนา้ สมดุ สุดทา้ ย ตอนพระรถ
เสนไปถึงอาศรมของพระฤๅษีแลว้ ลงสรงนำ้ ในสระ ***

พระสดบั พจนำรถแสดงคณุ นำงหนึ่งสรรพสุน
ทเรศลำ้ สตรี ฯะ
***บทประพันธ์น้กี ลา่ วถงึ พระรถเสนกลบั ไปหามารดาและป้ายังอุโมงค์ท่ีถูกคุมขงั แล้วเล่าความให้นาง
สบิ สองฟังวา่ ได้รอดชีวิตกลับมาเพราะความชว่ ยเหลือของนางเมรี ***

เปลวปลอ่ งช่อง ศิลำแลมลงั เมลอื ง
ภผู ำ

แสงแก้ว จำรสั รงุ่ เจริญตำ ฯะ

ประเทืองเรือง

***บทประพันธ์นกี้ ล่าวถึงพระรถเสนจากนางเมรีทรี่ ิมฝงั่ น้ำไปพกั อยทู่ ่เี ชิงเขาใกล้อาศรมของพระฤๅษี**

ปา่ งนั้นพระนชุ วร เยาวราชนฤมล
นาฏ

พลิกฟื้น ธ ตืน่ บ่มพิ บพระภสั ดา
กระบัดกย็ ล

ทรงกรงิ่ กระมล 14
จติ รกโ็ ศก
วโิ ยคแสนสหัสสา
หัสปลกุ สรุ างคส์ ุร คณะนางบำเรอเรียง
คณา ทกุ ไพชยนต์ประเวศเวียง
ทกุ ถ่นิ ฐานละลานแด
คน้ หาทุกห้องทิศ ทกุ แหง่ ห้องบเหน็ แห
ดำกล ชลาเปลา่ กเ็ ศร้าใจ
ท่นี เรนทรเคยไคล
วังหลวงระลวงกล ทงั้ กัณฐัศว์กส็ ญู หาย
ก็เทยี ง ประมูลแจ้งคดฉี ลาย

จดุ เทียนประทีป บมพิ บพระภูธร
ชวาลาส่อง ธ หากแสร้งมาโลมสมร

ไปหาทุกทิศชลแล

โรงรถแลโรงอศั ว
คเชนทร์

บพบประสบพระ
ภูวไนย

กลบั ผงั ยงั องค์พ
นิดทูล

คน้ หาทุกถิ่นทศิ ทกุ
ภาย

เห็นแจ้งประจกั ษ์
เปน็ กลแกลง้

สมานแลว้ แลละ 15
พระนุชจร
แลมาพรากไปจากองค์
มิ่งมา้ วลาหกอนั ทีน่ ฤบาล ธ เคยทรง
ชาญ ธเรศทา้ ว ธ หนีสูญ
ยุบลสรรพ์สนมทูล
บมพิ บประสบ ทุกขเพียงพิราลยั
พระวรองค์
ก็บยลกำพดไชย
นางท้าว ธ ฟังพ ท้ังดวงเนตรบเห็นหาย
จนถ้อย มาลวงเลห่ ด์ ้วยอุบาย

กลุ้มกลดั ฤทยั ทุมน สวาดไิ วใ้ หโ้ หยหา
พูน โอก้ รรมใดสนองมา

บา่ ยพักตรทอด
ทศั นะบน

โอสถประสิทธ์ทิ พิ
ประไพ

โอ้โอพ้ ระยอดเยาว
เสน่ห์

เบอ่ื แลว้ แลละสมร
สาย

เวรใดมาจองจิต
ประจำ

หมายใจวา่ ทา้ วจะ 16
กรุณา
ดรณุ นอ้ งเป็นทางธรรม์

ทปี่ ระพาสร้อนเยน็ สำราญบนั เทิง
สำเริง

บรรเทาภริ มย์
เปรมปรีดิ์

เสียดายสระสวน เคยประพาสเกษมศรี
มาลี

ภิรมย์สำราญ
หฤทยั

เสยี ดายสระนาํ้ ชลหอมเอาใจ
เย็นใส

ดงั คนธรสรำเพย

มีบษุ บงกชกอเกย แย้มกลีบระเหย

กำจัดซ่ึงสร้อย
เสาวคนธ์

พระองคเ์ คยสรง ชลธจี ะรา้ งหน
สนานชล

กเ่ี มือ่ จะกลบั คืน
สถาน

17

เสยี ดายสนามหน้า ลาดแก้วสูริย์กาญจน์
พระพลาน

ดงั เทพบรรจง
แสรง้ สรรค์

เป็นที่ประลองค สินธพชาติอัน
ชกรรม์

ทงั้ หมูพ่ ลาอสรุ ี

พระองคเ์ คยทอด ดว้ ยนชุ เปรมปรดี ิ์
ทฤษฎี

บแหบหา่ งร้างโฉม

เยยี ใดพระไม่อยู่ ละไวใ้ หโ้ ทม
โลม

นัสเปลย่ี วเปลา่ ใจ

***บทประพนั ธน์ กี้ ล่าวถงึ ตอนนางเมรีจะจากเมือง ***

ระทวยทอดฤทัย กนั แสงสวรไม่เสอื่ มสรา่ ง
ครวญ

เหน็บหนาวท้ัง เพียงพนิ าศบนรถทรง
สารพางค์

๏ โอแ้ ม่มนทามาร ดงั จะลาญชีพปลดปลง

เหน็ ของวเิ ศษจง นเรศท้าวเธอเอาไป ฯะ

18

***บทประพนั ธ์กล่าวถึงพระรถเสนอยกู่ บั นางเมรี ม้าพระท่ีนั่งส่งเสียงเตอื นให้รีบออกเดินทาง พระรถ
เสนจำต้องจากนางไปทง้ั ยงั อาลัยรกั หมดหนา้ สมดุ ลงตรงนางเมรีครำ่ ครวญอยทู่ ี่ริมฝั่งน้าํ ตามลำพงั **
ตวั ละคร

1.นางสันธมาร (นางยักษ์ )
2.พระรถสทิ สทิ ธิ์
3.พระรถเสน
4.นางทัง้ 12
5.นางเมรี
6.ผวั เมียเศรษฐี
7.ฤๅษี
8.พระโพธิสัตว์
9.กังรี (ธดิ าของนางยักษ์)

วิเครำะหต์ วั ละคร

นางสันธมาร (นางยักษ์ )
ภูมหิ ลัง : เปน็ นางยักษ์ เมอื งคชปุรนคร อายุนบั พันปี
จิตใจ : เป็นผู้ที่มีจิตใจเมตตา ใจดีเนื่องจากมีความเมตตาที่จะพานางทั้ง 12ไปเลี้ยงดู แต่โกหกว่าตน
ว่าตยนเป็นมนุษย์ แต่โดยพื้นฐานเป็นยักษ์ จึงโมโหง่ายไม่มีความยับยั้งชั่งใจ มีความอาฆาตแค้น
พยาบาท เมือ่ ร้วู า่ โดนนางท้ัง 12หลอกลวง จงึ ตอ้ งการเอาคนื

19

กายภาพ : ตัวเปน็ ยกั ษ์ ที่ชอบแปลงกายเป็นมนุษย์

พระรถสทิ สิทธ์ิ
ภูมิหลัง : เปน็ เจา้ เมอื งกุตารนคร เป็นพอ่ ของรถเสน
จิตใจ : หูเบาเชอ่ื คนงา่ ย คล้อยตามคนง่าย แตม่ ีความใจดี
กายภาพ : พ่อของรถเสน

พระรถเสน
ภมู หิ ลัง : ลกู ชายของรถสิทธ์ิ
จติ ใจ : กล้าหาร กล้าตัดสินใจ เด็ดเดย่ี ว
กายภาพ : ชายหนุ่มผู้เกง่ กล้า

นางทัง้ 12
คนที1่
ภูมิหลงั : ลูกสาวของเศรษฐีนนท์
จิตใจ : มคี วามเป็นผู้นำ มีเหตผุ ล
กายภาพ : พี่คนโต
คนท2ี่
ภมู ิหลัง : ลกู สาวของเศรษฐีนนท์
จติ ใจ : ข้สี งสัย ชอบมคี ำถาม
กายภาพ : หญิงสาวท่ีมีพ่ีน้อง12คน

20

คนที่3
ภมู หิ ลงั :ลกู สาวของเศรษฐนี นท์
จติ ใจ : ชอบร้องไห้ เสยี ใจ ออน่ ไหวงา่ ย
กายภาพ : หญิงสาวท่ีมพี ี่น้อง12คน
คนท4่ี
ภมู ิหลัง :ลูกสาวของเศรษฐีนนท์
จิตใจ : กนิ จุ หวิ ตลอดเวลา
กายภาพ : หญิงสาวท่ีมพี ีน่ ้อง12คน
คนท5่ี
ภมู ิหลงั :ลูกสาวของเศรษฐนี นท์
จติ ใจ : สวยสำอาง คดิ ว่าตัวเองสวยที่สุด เรื่องมากทส่ี ดุ
กายภาพ : หญิงสาวท่ีมพี ่นี ้อง12คน
คนท่6ี
ภูมิหลงั :ลกู สาวของเศรษฐนี นท์
จติ ใจ : ขี้ตนื่ กลัว มีอะไรตน่ื กลัวหมด วติ กจรติ
กายภาพ : หญิงสาวที่มีพน่ี ้อง12คน
คนท7่ี
ภมู หิ ลงั :ลูกสาวของเศรษฐนี นท์
จิตใจ : พุดจาแดกดัน ประชดประชันตลอดเวลา
กายภาพ : หญิงสาวที่มีพ่นี ้อง12คน

21

คนที8่
ภูมิหลัง :ลูกสาวของเศรษฐนี นท์
จติ ใจ : คดิ วา่ ตัวเองฉลาด แตช่ อบเสนอความคดิ โง่ๆ ในดา้ นลบ
กายภาพ : หญิงสาวที่มีพี่น้อง12คน
คนท9่ี
ภูมิหลัง :ลกู สาวของเศรษฐีนนท์
จิตใจ : มองโลกในแงด่ ี ชอบพูดบทกวี
กายภาพ : หญิงสาวท่ีมีพน่ี ้อง12คน

คนท1ี่ 0
ภูมหิ ลงั :ลูกสาวของเศรษฐนี นท์
จติ ใจ : ไฮไล ดถู กู คนจน เหยยี บขีไ้ กไ่ มฝ่ ่อ
กายภาพ : หญิงสาวที่มีพ่ีน้อง12คน
คนท1่ี 1
ภมู หิ ลัง :ลูกสาวของเศรษฐีนนท์
จิตใจ : ชอบความรุนแรง
กายภาพ : หญิงสาวท่ีมพี ่นี ้อง12คน
นางเมรี
ภมู ิหลงั : ลูกสาวของเศรษฐีนนท์ เป็นธิดาเล้ียงของนางยักษ์
จิตใจ : จติ ใจดี เช่อื ฟังคนง่าย หลอกง่าย มองโลกในแง่ดี
กายภาพ : หญิงสาวสวย

22

เศรษฐีนนท์
ภมู ิหลัง : เศรษฐี ที่มคี วามโลภมาก
จิตใจ : มคี วามอยากมีอยากได้
กายภาพ : มลี ูก 12 คน

กังรี (ธิดาของนางยักษ์)
ภมู ิหลงั : ธิดาของนางยักษ์
จติ ใจ : อยากได้พระรถเสนเป็นสามี อจิ ฉารษิ ยา ความเป็นลูกยักษ์ จึงมคี วามอาฆาตพยาบาท
กายภาพ : คร่ึงยักษ์ คร่งึ คน

23

อ้ำงอิง

ศิลปากร, กรม (2500).บทละคอนเรือ่ งรถเสน.พระนคร:ศิวพร.

ศิลปะการแสดง (นาฏศิลป์) ปีพุทธศักราช2561.(2562).กรุงเทพมหานคร : ม.ป.ท.Dhanit
yupho. (1963). The khon and lakon.Bankok: The Department of Fine arts.

24

ภำคผนวก

สามารถศึกษาเพ่ิมเติมไดท้ ี่ หนังสือ นางสิบสอง- พระรถเมรีศกึ ษา ของสถาบนั ภาษาศาสตรแ์ ละ
วัฒนธรรมศึกษาราชนครินทร์ (นทิ านมรดกแหง่ อุษาคเนย์)

25

26

27

ประวตั ิยอ่ นักศึกษำ

นางสาวณัฏฐธดิ า เดชบญุ ช่ือเล่น เนย อายุ 21 ปี เกิดวนั ศุกร์ท่ี 23 กรกฎาคม พ.ศ.2563
ณ .โรงพยาบาลรัทรินทร์ จ.สมุทรปราการ ต่อมาได้ไปอาศัยอยู่ ที่ จังหวัดชลบุรี กับบิดามารดา พอขึ้น
มัธยมได้ย้ายไปอยู่ดูแลย่า ที่จังหวัดศรีสะเกษ จึงได้เข้าศึกษาที่ โรงเรียนขุนหาญวิทยาสรรค์ จนจบชั้น
มัธยมศึกษาปีท่ี 6 และต่อไดไ้ ดเ้ ขา้ ศกึ ษา สาขาวชิ านาฏยศิลปศ์ ึกษา หลกั สูตรครศุ าสตร์บัณฑติ ค.บ.5 ปี
คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎบ้านสมเด็จเจ้าพระยา มีพี่น้อง 2 คนรวม
ดิฉัน ซึ่งดิฉันเป็นพ่ีคนโต มีน้องชาย 1 คน ครอบครัว ทำอาชีพเกษตรกรเนื่องจากที่บ้านปลูกผลไม้และ
คา้ ขาย ปัจจุบันอาศัยอย่หู อพัก แจงเพลส ซอยอินทรพทักษ์ 7 แขวง ธนบุรี จังหวัดกรงุ เทพมหานคร


Click to View FlipBook Version