ชื่อสมาชิก ม.6/6 1.นายพิชิตชัย ศรีสงคราม เลขที่ 5 2.นางสาวทิฆัมพร สุพัฒ เลขที่ 15 3.นางสาวเพ็ญพิชชา ภูแดนไกล เลขที่30 4.นางสาวสุธารินี ม้าแก้ว เลขที่ 31 5.นางสาวแคลทรียา ถากเสา เลขที่ 41 6.นางสาวศุภิสรา พรมมา เลขที่ 44 เรื่อง ต้นไม้ชิงชัน จัดทำ โดย เสนอ ครูธัญญาทิพย์ แก้วสุพรรณ รายงานนี้เ นี้ ป็นส่วนหนึ่งของวิชา สังคมศึกษา 5 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 โรงเรียนวิทยานุกูลนารี รายงาน
ไม้ชิงชังมีชื่อพื้นพื้เมืองว่า ประดู่ชิงชัน ดู่สะแตน เก็ดแดง อีเม็ง พยุง แกลบ กะซิบ หมากพลูตั๊กตั๊แตน Burma rosewood, Tamalan มีชื่อ วิทยาศาสตร์ว่า Dalbergia oliveri Gamble โดยมีชื่อพ้อง 2 ชื่อ D.bariensis Pierre และ D.dongnaiensis Pierre ชิงชันจัดอยู่ในสกุลไม้ชิงชัน (Dalbergia Linn.) ในอนุวงศ์ประดู่ (Papilionatae) ของวงศ์ไม้ประดู่ (Leguminosae) ไม้สกุลไม้ชิงชัน มีอยู่ทั้งทั้สิ้นสิ้ประมาณ 80 ชนิด ใน ประเทศไทยมีประมาณ 30 ชนิด แต่ที่หวงห้ามมีเพียง 3 ชนิด คือ พะยูง (D.cochinchinensis), ชิงชัน (D.oliveri) และกระพี้เพี้ขา (D.cultrata) มีถิ่นกำ เนิดในพม่า, ลาว และ ไทย และถูกนำ ไปปลูกในมาเลเซียและสิงคโปร์ เป็นที่รู้จักกัน ทั่วโลกว่า ไม้ ตระกูลนี้มีนี้มี เนื้อไม้และแก่นที่สวยงาม แข็งแรง ทนทาน จึงนิยมใช้ทำ เครื่อง เรือน เครื่องใช้ต่างๆ เครื่องแกะสลัก หวี มุถือและด้ามเครื่องมือ คำ นำ
สารบัญ บรรณานุกรม 6 1 2 4 5 ข้อมูลทั่วไป ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ประโยชน์และสรรพคุณ การปลูกและการรักษา หน้า ..................................... ..................... ..................... ...................... ..............................
พบในป่าเบญจพรรณ และป่าดิบแล้ง ที่ระดับ ความสูงจากระดับน้ำ ทะเล 100-700 เมตร สถานภาพเป็นไม้หวงห้ามธรรมดาประเภท ก. เป็นไม้มงคลพระราชทานประจำ จังหวัด หนองคาย ชื่อวิทยาศาสตร์: Dalbergia oliveri Prain ชื่อสามัญ: Blackwood, Rosewood ชื่ออื่น: กระซิบ ประดู่สับ (สุราษฎร์ธานี) กำ พี้ต้ พี้ ต้ น (เพชรบุรี) เก็ด เก็ดคำ เก็ดแดง (เชียงใหม่) ดู่ลาย (ลำ ปาง) ดู่สะแดน (ภาคเหนือ) ประดู่ชิงชัน พะยูงแกลบ (สระบุรี) พะยูงแดง (พิษณุโลก) พะยูงหิน (เพชรบูรณ์) ยูน (จันทบุรี) หมากพลู ตั๊ก ตั๊ แตน วงศ์: FABACEAE ข้อ ข้ มูล มู ทั่ว ทั่ ไป 1
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ใบ เป็นประเภทของไม้ผลัดใบ ใบจะประกอบเป็นแบบแผง ขนนก ซึ่งมีใบย่อยประมาณ 11-18 ใบ เรียงสลับกันไป มา ลักษณะของใบจะเป็นรูป ไข่และรูปรีแกมรูปขอบ ขนาน บริเวณปลายจะมน โค้ง บริเวณโคนใบจะกลม มน มีความกว้างประมาณ 1.5-3 เซนติเมตร และมี ความยาว 5-8 เซนติเมตร ขอบจะเรียบ ผิวสัมผัสของ ใบจะเรียบ เป็นมันวาว ด้าน บนของใบจะเป็นสีเขียวเข้ม ส่วนใต้ใบจะมีสีเขียวที่ซีด กว่า ดอก ดอกของต้นชิงชันเป็น ดอกแบบช่อ เป็นดอกที่ ช่อเชิงประกอบ จะออก ตามปลายกิ่ง ดอกมีสี ขาวอมม่วง สิ่งที่น่าสนใจ ก็คือดอกชิงชันจะออกมา พร้อมกับการผลิตใบใหม่ อยู่เสมอ มีเกสรตัวผู้ ซึ่ง แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ดอก แต่ละกลุ่มก็จะ ประกอบกัน 5 อัน ดอก ชิงชันจะมีช่วงเดือนที่ ออกดอก นั่นคือ มีนาคม ไปจนถึงพฤษภาคม 2
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ลำ ต้น เป็นไม้ประเภทไม้ยืนต้น ที่มี ขนาดกลางไปจนถึงขนาด ใหญ่ มีความสูงประมาณ 15-25 เมตร แต่สำ หรับบาง ต้นก็สามารถสูงได้มากที่สุด ถึง 30 เมตร ขึ้น ขึ้ อยู่กับการ ดูแลและสภาพแวดล้อม มีอายุอยู่หลายปี เปลือกของ ต้นชิงชันมีสีเทาปนน้ำ ตาล เล็กน้อย ผิวสัมผัสเป็นเกล็ด บางๆ บริเวณเปลือกภายใน นั้น นั้ จะเป็นสีเหลือง เนื้อไม้สี น้ำ ตาอ่อนอมเหลืองมีเส้น แทรกสีดำ เนื้อละเอียดปาน กลาง แข็งและเหนียวมาก ผล มีผลเป็นแบบฝัก ลักษณะแบน แผ่เป็นปีกยาว รูปร่างจะเป็น รูปรีหรือรูปขอบขนาน มีความ กว้างประมาณ 3-3.5 เซนติเมตร และความยาว ประมาณ 8-17 เซนติเมตร ผิวของฝักจะเรียบ เปลือกฝักที่ ห่อหุ้มเมล็ดไว้จะมีความหนา และแข็ง มีลักษณะเป็นกระ เปาะกลมหรือแกนรีเพียงเล็ก น้อยเท่านั้น นั้ จะนูนขึ้น ขึ้ มาอย่าง เห็นได้ชัด ส่วนมากในแต่ละ ฝักจะมีเมล็ดเพียงเมล็ดเดียว ซึ่งเมล็ดจะมีลักษณะคล้ายกับ รูปไต จะมีสีน้ำ ตาล ฝักโดย ส่วนใหญ่จะออกในช่วงของ เดือนพฤษภาคมไปจนถึง กันยายน 3
ประโยชน์แ น์ ละสรรพคุณ เลื่อยผ่าตกแต่งยาก เนื่องจากแข็งและเหนียว แต่เมื่นำ ไป ขัดชักเงาได้ดีมาก จึงนิยมนำ ไปใช้ในการทำ เครื่องเรืน เครื่องใช้ต่างๆได้สวยงามจากเนื้อไม้ และมีอายุการใช้ งานที่ทนทานด้วย เนื้อไม้ ใช้แปรรูปได้ ใช้เป็นส่วน ประกอบของเกวียน พาน ท้ายปืน ใช้เป็นวัสดุในการ ทำ เครื่องดนตรี อาทิเช่น ขลุ่ย ซอ จะเข้ ลูกระนาด กลองโทน รำ มะนา กรับ ขา ฆ้องวง เป็นต้น ส่วนของแก่นของ ต้นชิงชัน มีสรรพคุณ ช่วยในการ บำ รุงโลหิตในผู้ หญิงได้ดี ให้รส ฝาดร้อน สามารถนำ ไปต้ม แล้วนำ มาชะล้างหรือ สมานแผล รวมไปถึง ช่วยรักษาแผลเรื้อ รื้ รัง อีกด้วย ส่วนของเปลือกของ ต้นชิงชัน 4
การปลูก ลู และการรัก รั ษา ไม้ชนิดนี้ไนี้ ม่ควรเพาะชำ กลางแจ้ง เนื่องจากเป็นไม้ที่ ต้องการร่มเงาในช่วงแรกของการเจริญเติบโต ในช่วงแรก หลังจากการย้ายชำ ควรรดน้ำ เช้าและเย็น และมีการรดน้ำ เสริมในวันที่มีอากาศร้อนจัด หลังจากกล้าไม้ตั้ง ตั้ ตัวได้จึงลด ปริมาณการให้น้ำ ลง กล้าไม้ชิงชันจะโตถึงขนาดที่สามารถย้าย ปลูกได้ เมื่ออายุ 6 เดือน โดยจะมีความสูงประมาณ 30-40 ซม. หากพื้น พื้ ที่ที่จะนำ ไปปลูกแล้งจัด ก็ควรจะทำ การเก็บกล้า ไม้ไว้ปลูกในฤดูฝนต่อไป ไม้ชิงชันแม้ว่าจะสามารถทนต่อไฟป่าที่เกิดขึ้น ขึ้ เป็นประจำ ทุกปีได้ แต่ถ้าเป็นไฟป่าชนิดไฟเรือนยอดแล้วมักจะตาย ดัง นั้น นั้ การทำ แนวกันไฟก็ยังเป็นสิ่งจำ เป็นสำ หรับไม้ชนิดนี้ และ หากจะปล่อยสัตว์ไปเลี้ย ลี้ งในสวนป่าชิงชัน ควรปล่อยในระยะ ที่กล้าไม้มีความสูงในระดับที่ปลอดภัยแล้วประมาณ 5 ปี เนื่องจากพบว่าสัตว์อาจกินยอดอ่อนของกล้าไม้ชิงชันได้ 5
บรรณานุกรม ข้อมูลทั่วไปของต้นไม้ชิงชัน ค้นหา เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2566 จาก https://kaset.today/%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%B8% E0%B9%8C%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%89/%E0%B8%8A%E0%B8%B4%E0%B8 %87%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%99/ การปลูกและการรักษาต้นไม้ชิงชัน ค้นหาเมื่อ วันที่ 22 กรกฎาคม 2566 จาก https://site-matching.forest.go.th/plant.php?id=14 ประโยชน์และสรรพคุณของต้นชิงชัน รูปใบ รูปดอก ค้นหา เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2566 จาก ระนาดทุ้มไม้ชิงชัน ระนาดเอกไม้ชิงชัน ค้นหาเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2566 https://www.newsportolympic.com/product/%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0% B8%94%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%89%E 0%B8%8A%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%99- %E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%99%E0%B8%B2/ จาก หนังสือพรรณไม้สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จ พระนางเจ้าสิริกิติ์ เล่ม1 ค้นหาเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2566 http://www.qsbg.org/database/botanic_book%20full%20option/se arch_detail.asp?botanic_id=804 จาก Editorial Team : ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ รูปจากลำ ต้น https://data.addrun.org/plant/archives/911-dalbergia- oliveri-prain จาก ค้นหาเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2566 กาญจนา จันทร์สิงห์: https://arit.kpru.ac.th/ap2/local/ https://th.m.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%8A%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8% 8A%E0%B8%B1%E0%B8%99 6
thank you