แผนพัฒนาตนเองของขา้ ราชการครู
(ID PLAN : INDIVIDUAL DEVELOPMENT PLAN)
แผนพฒั นาตนเองของข้าราชการครู
(ID PLAN : INDIVIDUAL DEVELOPMENT PLAN)
----------------------------------------------------------------------
ส่วนท่ี 1 ขอ้ มูลสว่ นบุคคล
ชอื่ (นาย / นาง / นางสาว)............ศศวิ มิ ล..................ชอ่ื สกลุ .............โสขมุ า.................
ตาแหนง่ .................ครู.....................วทิ ยฐานะ..................-......................
วฒุ ิการศกึ ษา........................ศกึ ษาศาสตรมหาบัณฑติ (ศษ.ม.)...............................
O ปริญญาตรี หรือเทยี บเท่า วชิ าเอก..........................................................................................
O ปริญญาโท หรือเทยี บเท่า วชิ าเอก..........................การบรหิ ารการศกึ ษา...............................
O ปริญญาเอก หรือเทียบเท่า วิชาเอก..........................................................................................
O อ่นื ๆ (โปรดระบุ)..........................................................................................
เข้ารบั ราชการวนั ท.ี่ ......27.......เดอื น....มกราคม.....พ.ศ. .....2557......ณ โรงเรยี น..........บา้ นสระบวั ก่า
............
สังกัด..................ส่านักงานเขตพื้นทกี่ ารศึกษาประถมศกึ ษาสพุ รรณบรุ ี เขต 3..........................
อายรุ าชการจนถงึ ปจั จบุ ัน.........4........ปี..........6.........เดอื น
เงนิ เดอื น อนั ดับ คศ.......1........ อัตราเงนิ เดือน......20,740.......บาท
สถานทที่ างาน
1. สถานศึกษา/ หน่วยงาน.........โรงเรียนบ้านสระบวั ก่า สงั กัด ส่านักงานเขตพ้นื ทกี่ ารศึกษาประถมศกึ ษา
สพุ รรณบุรี เขต 3.............................................................................................(ขณะท่ีทา่ แผนพฒั นาตนเอง)
2. สถานศกึ ษา/ หน่วยงาน..................................-..............................................................................................
.............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................(หากมีการโอน/ย้าย)
3. สถานศกึ ษา/ หนว่ ยงาน...................................-.............................................................................................
.............................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................... .(หากมีการโอน/ย้าย)
งานในหนา้ ทีท่ ีร่ ับผิดชอบ
1. กลมุ่ สาระทส่ี อน.......................วิทยาศาสตร์............................ชน้ั .................ม.3.....................
จ่านวน........3........คาบ / สัปดาห์
2. กลมุ่ สาระทสี่ อน.......................วทิ ยาศาสตร์............................ชัน้ .................ม.2.....................
จา่ นวน........3........คาบ / สปั ดาห์
3. กล่มุ สาระท่สี อน.......................วิทยาศาสตร์............................ชัน้ .................ม.1.....................
จา่ นวน........4........คาบ / สัปดาห์
4. กลมุ่ สาระทส่ี อน.......................วิทยาศาสตร์............................ชน้ั .................ป.6....................
จา่ นวน........2........คาบ / สัปดาห์
5. กลมุ่ สาระทส่ี อน.......................วทิ ยาศาสตร์............................ชั้น.................ป.5....................
จ่านวน........2........คาบ / สปั ดาห์
6. กลมุ่ สาระท่ีสอน.......................วทิ ยาศาสตร์............................ชนั้ .................ป.4....................
จ่านวน........3........คาบ / สัปดาห์
7. กลมุ่ สาระทส่ี อน.......................วทิ ยาศาสตร์............................ช้นั .................ป.3....................
จา่ นวน........1........คาบ / สปั ดาห์
8. กลุ่มสาระที่สอน.......................วิทยาศาสตร์............................ชั้น.................ป.2....................
จ่านวน........1........คาบ / สปั ดาห์
9. กล่มุ สาระท่สี อน.........กจิ กรรมพัฒนาผู้เรียน (ลูกเสือ).............ชั้น..................ป.4-6...................
จา่ นวน........1........คาบ / สปั ดาห์
10. กลมุ่ สาระท่สี อน.........กจิ กรรมพัฒนาผู้เรียน (ชุมนุม).............ชั้น................ป.6-ม.3................
จ่านวน........1........คาบ / สัปดาห์
11. กลมุ่ สาระที่สอน.........กิจกรรมลดเวลาเรยี นเพมิ่ เวลารู้...........ชั้น................ป..6................
จ่านวน........3........คาบ / สปั ดาห์
งานท่ีได้รับมอบหมาย
- งานปฏบิ ัตกิ ารสอน ปีการศกึ ษา 2561 (ภาคเรียนท่ี 1) ทงั้ ส้ินจา่ นวน 24 คาบ/สัปดาห์
- งานปฏิบัติหน้าที่ครทู ป่ี รกึ ษา ปีการศึกษา 2561 ครูท่ปี รกึ ษาชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 6
- งานวชิ าการ
- งานปฏบิ ตั ิหนา้ ท่ีเวรรกั ษาราชการประจา่ วนั
- งานปฏบิ ัติหน้าที่เวรรักษาราชการประจา่ สถานที่ราชการ
- งานอน่ื ๆ ตามทไ่ี ด้รบั มอบหมาย
ผลงานทีเ่ กดิ จากการปฏบิ ัติหน้าทีใ่ นตาแหนง่ ปจั จุบัน (ยอ้ นหลงั 5 ป)ี
1. ผลที่เกิดจากการจัดการเรยี นรู้
1.1 ร่วมกับคณะครูได้ด่าเนินการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ตามแนวทางหลักสูตรสถานศึกษาของ
โรงเรียน วิเคราะห์หลักสูตร จัดท่าแผนการเรียนรู้ มีการวัดและประเมินผลตามสภาพจริง มีแฟ้มสะสมงาน
ช้ินงาน แบบทดสอบต่าง ๆ โดยครอบคลุม ทั้งด้านความรู้ การปฏิบัติ กระบวนการและคุณลักษณะอันพึง
ประสงค์ ตลอดจนนา่ หลกั ค่านยิ มพ้ืนฐาน 12 ประการ มาบรู ณาการในการจดั การเรยี นการสอน เพ่อื ใหผ้ ้เู รยี น
เก่ง ดี มีสุข และมีการจดบันทึกหลังการสอนเพ่ือเป็นแนวทางแก้ไขข้อบกพร่องของนักเรียนและน่าแผนการ
จัดการเรยี นรู้ไปใช้ในการจัดประสบการณใ์ ห้กับนักเรยี น
1.2 ครูมีการวางแผนการจดั กิจกรรมการเรยี นร้อู ยา่ งเปน็ ระบบมกี ารจดั การเรียนรู้ทเ่ี น้นผู้เรยี น
เปน็ ส่าคัญ โดยใช้ส่อื ทหี่ ลากหลาย เนน้ กระบวนการคดิ
1.3 มีการวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ตามสภาพจริง โดยใชเ้ คร่ืองมอื อยา่ งหลากหลายและน่า
ผลไปใช้ในการพัฒนาผู้เรียน
1.4 ผลการทดสอบระดบั ชาติข้ันพื้นฐาน (O-Net) ในกลุม่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ระดบั ชั้น ป.6
และ ม.3 ปีการศึกษา 2560 มีผลการทดสอบสงู กวา่ ระดับชาติทัง้ สองระดับชนั้
2. ผลทเ่ี กิดจากการพฒั นาวิชาการ
2.1 มกี ารจดั หา พัฒนา ประยกุ ตใ์ ช้ส่ือนวัตกรรมในการจัดการเรียนรู้ สามารถน่าไปใช้ได้ผลดี
2.2 การใช้ความคิดเชิงระบบในการพัฒนางานอยา่ งครบวงจร และมปี ระสทิ ธภิ าพอย่างต่อเน่อื ง
2.3 การน่าความรดู้ ้านเทคโนโลยีสารสนเทศมาพัฒนาระบบการเรยี นรไู้ ด้
2.4 การส่งเสริมการคิดท่เี นน้ ผลคุณภาพที่ตวั ผเู้ รียน
2.5 การน่าวิธกี ารวิจยั และพัฒนามาแกป้ ัญหา พรอ้ มทงั้ พัฒนางานอยา่ งครบวงจร
2.6 ไดม้ ีการพฒั นาตนเองทางด้านวชิ าการ โดยการเขา้ รว่ มอบรมเชิงปฏิบัตกิ าร ประชมุ สัมมนา
ทง้ั ในโรงเรยี นและตามท่ีหน่วยงานหรือองคก์ รอืน่ ๆ จดั ขึน้ เช่น ศกึ ษาและอบรมดว้ ยระบบคอมพวิ เตอร์
TEPE Online เพอื่ เพิม่ พนู ความร้แู ละประสบการณ์ มีการค้นควา้ หาข้อมูลเพ่ือทจ่ี ะนา่ มาพฒั นาการเรียน
การสอนอยู่เสมอ
ผลท่ีเกดิ จากการพัฒนาตนเองทางดา้ นวิชาการ ส่งผลใหต้ นเองไดร้ บั การปรับวุฒกิ ารศกึ ษาใหส้ ูงข้ึน
และผา่ นประเมนิ พัฒนาอยา่ งเข้มเปน็ ต่าแหนง่ ครู โดยพัฒนาผ้เู รียนดา้ นคณุ ธรรม จริยธรรมความมีวินัยใน
ตนเอง ซึ่งมผี ลงานเป็นทปี่ ระจักษ์ ตลอดจนได้รว่ มพัฒนาบุคลากรในโรงเรียน โรงเรยี นมีการเปล่ียนแปลงไป
ในทางท่ดี ขี นึ้ โดยบุคลากรในโรงเรียน และโรงเรยี นเป็นทีย่ อมรับของบุคคลท่ัวไปและหนว่ ยงานท่เี ก่ียวขอ้ ง
โดยมีการเผยแพรผ่ ลงานทางดา้ นวิชาการ นอกจากนั้นโรงเรยี นยงั สนบั สนนุ และสง่ เสรมิ ให้บุคลากรได้
พัฒนาสอ่ื และนวัตกรรม
3. ผลท่เี กิดกับผ้เู รียน
3.1 นักเรียนมคี ณุ ธรรม จริยธรรม และมคี ุณลักษณะอนั พงึ ประสงคต์ ามสถานศึกษากา่ หนด
3.2 นักเรียนมผี ลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนผ่านเกณฑ์ก่าหนดของโรงเรียน
3.3 นักเรียนได้รับการพฒั นาทนั ต่อความกา้ วหน้าทางวชิ าการและการเปลย่ี นแปลงทาง
ดา้ นเศรษฐกจิ และสังคม
การจัดกิจกรรมการการเรียนการสอนโดยเนน้ ผู้เรยี นเป็นส่าคญั มีการให้นักเรียนไดฝ้ ึกการปฏบิ ัติจริง
เพอ่ื ใหน้ กั เรียนไดม้ ีทักษะต่าง ๆ ตลอดจนสอดแทรกคุณธรรมจริยธรรมที่ดงี าม ความมีวนิ ยั ในตนเอง สง่ ผลให้
นกั เรียนมีคุณธรรมจรยิ ธรรม มีวินัยในตนเอง มีสัมมาคารวะมีมารยาทตามวัฒนธรรมไทย รวมท้ังส่งเสริมให้
นกั เรียนเข้ารว่ มการแขง่ ขนั ทักษะวชิ าการในด้านคณิตศาสตร์ทั้งในโรงเรยี นและนอกโรงเรียน และสามารถน่า
ความรคู้ วามเข้าใจและทกั ษะทางคณิตศาสตร์ไปบรู ณาการ ประยุกต์ใชใ้ นชีวิตประจา่ วนั ได้
4. ผลท่ีเกดิ กับสถานศกึ ษา
4.1 สถานศกึ ษาได้รบั การสนบั สนุนจากผ้ปู กครอง ชุมนมุ หนว่ ยงาน องค์กรตา่ ง ๆ
4.2 มีบรรยากาศทั้งในและนอกห้องเรียนทีเ่ ออื้ ต่อการเรยี นรขู้ องครูและผูเ้ รียน
4.3 เปน็ แหล่งเรยี นร้ขู องสถานศกึ ษาหรือหน่วยงานต่าง ๆ
4.4 การนิเทศติดตามผลการปฏิบัตงิ านของครูทา่ ใหก้ ารปฏบิ ตั งิ านมคี วามสมบรู ณ์ และเปน็ ไปตาม
เวลาท่กี า่ หนด
4.5 มีระบบการทา่ งานเป็นทีมมากขึ้น
4.6 มีแนวปฏิบัตดิ า้ นเอกสาร หลักฐานทางการศึกษาท่ีถกู ต้อง
4.7 การพฒั นางานมรี ะบบถูกต้องและครบวงจร
4.8 คณุ ภาพของนักเรียนในกลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ดขี ้นึ
จากการท่ีสถานศึกษามีการวางแผนปฏิบัติราชการในการพัฒนา มีเป้าหมาย มีทิศทางในการ
ด่าเนินงานเพ่ือพัฒนาสถานศึกษา นักเรียน โดยมีการจัดกิจกรรม โครงการต่าง ๆ อย่างเป็นรูปธรรม
ซึ่งนักเรียนและครูมีส่วนร่วมในการปฏิบัติกิจกรรม ท่าให้ผลการด่าเนินงานเป็นท่ียอมรับของผู้ปกครอง
ชุมชน ทอ้ งถิน่
5. ผลที่เกิดกับชมุ ชน
5.1 ครู ผู้บรหิ าร และผู้ปกครอง มกี ารประชุมทุกภาคเรยี น
5.2 ครู และผู้บริหารร่วมกิจกรรมส่าคัญในชมุ ชนอยา่ งสมา่ เสมอ
5.3 โรงเรยี นใหบ้ รกิ ารแหลง่ เรียนรแู้ ก่ชมุ ชนในด้านต่าง ๆ รวมทง้ั สง่ เสริม สนบั สนนุ ให้
ชุมชนมคี วามเขม้ แขง็
5.4 ชุมชนให้ความร่วมมือและสนับสนนุ กจิ กรรมต่าง ๆ ของโรงเรียนดว้ ยดี
สถานศึกษามีส่วนรว่ มกับชุมชน ในกิจกรรมต่าง ๆ ตลอดปีการศึกษา โดยเฉพาะกิจกรรมท่ีเกี่ยวกับ
วัฒนธรรม ประเพณี และพิธีกรรมทางศาสนา เช่น ประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษา ประเพณีลอยกระทง
ประเพณีสงกรานต์ การทอดผ้าป่า ทอดกฐิน เป็นต้น ตลอดจนกิจกรรมท่ีเป็นประโยชน์ กิจกรรมวันสา่ คัญ
ได้แก่ กิจกรรมวันแม่ กิจกรรมส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่น จนท่าให้เกิดความร่วมมือ ความเข้าใจที่ดีต่อกัน
เกิดความรักและความภาคภูมิใจในโรงเรียนและท้องถ่ิน นอกจากนี้โรงเรียนยังได้จัดกิจกรรมการประชุม
ผู้ปกครอง ประชมุ คณะกรรมการการศึกษาข้ันพนื้ ฐานในแต่ละภาคเรยี นเพื่อช้ีแจงนโยบายของโรงเรยี นและ
เพ่ือหาแนวทางในการร่วมพัฒนาโรงเรียนทั้งพัฒนาอาคารสถานท่ีและพัฒนาทางวิชาการให้เป็นไปในทาง
ทศิ ทางเดียวกนั
รายละเอียดการพฒั นาตนเอง
อันดบั สมรรถนะ วธิ ีการ / ร
ความสาคัญ ทจี่ ะพัฒนา รูปแบบการพฒั นา
เ
1. สมรรถนะประจาสายงาน - เข้ารบั การอบรม สมั มนา ต
กา
การจดั การเรียนรู้ ทีห่ นว่ ยงานตน้ สงั กดั
1.4 ความสามารถในการใช้ หน่วยงานอ่ืน ๆ จัดขน้ึ
และพัฒนานวตั กรรม - แลกเปล่ียนเรียนรกู้ บั
เทคโนโลยีสารสนเทศ บุคลากรในโรงเรียน
เพ่ือการจดั การเรยี นรู้ - ศึกษาดูงานโรงเรียน
1) การเลือกใช้ ตน้ แบบ บุคลากรตน้ แบบ
นวัตกรรม เทคโนโลยี เพอื่ น่ามาพัฒนาตนเอง
สารสนเทศเพ่ือการจัดการ - สืบคน้ ความร้ทู าง
เรยี นรู้ อนิ เทอร์เน็ต
ระยะเวลาในการพฒั นา การขอรับการสนบั สนุน ประโยชน์ท่คี าดวา่ จะไดร้ บั
จากหนว่ ยงาน
เรม่ิ ตน้ ส้ินสดุ
โรงเรียน สามารถเลือกใช้นวัตกรรม
ตลอดปี ตลอดปี เทคโนโลยีสารสนเทศในการ
ารศกึ ษา การศกึ ษา จัดการเรียนรู้ เพ่อื ให้เกิด
ประโยชน์สงู สุดต่อผู้เรยี น
และโรงเรยี น
อันดบั สมรรถนะ วิธกี าร / ร
ความสาคัญ ทีจ่ ะพฒั นา รปู แบบการพัฒนา
เ
2. สมรรถนะหลกั - เข้ารับการอบรม สมั มนา ต
กา
3. การพัฒนาตนเอง ทห่ี นว่ ยงานตน้ สงั กัด
3.5 ความสามารถใน หน่วยงานอนื่ ๆ จดั ขน้ึ
การประมวลความรู้และน่า - แลกเปล่ยี นเรยี นรู้กับ
ความรไู้ ปใช้ บคุ ลากรในโรงเรียน
2) การผลิตนวัตกรรม - ศกึ ษาดูงานโรงเรยี น
และการน่าเทคโนโลยใี หมๆ่ ต้นแบบ บุคลากรต้นแบบ
มาใช้ในการพัฒนางาน เพอ่ื น่ามาพัฒนาตนเอง
- สืบคน้ ความรู้ทาง
อนิ เทอร์เน็ต
ระยะเวลาในการพฒั นา การขอรับการสนับสนุน ประโยชนท์ ีค่ าดว่าจะได้รับ
จากหน่วยงาน
เริม่ ต้น สน้ิ สุด
โรงเรียน ได้รับการพัฒนาในเรอ่ื งการ
ตลอดปี ตลอดปี ผลติ นวตั กรรมและการนา่
ารศึกษา การศกึ ษา เทคโนโลยีใหม่ ๆมาใชใ้ นการ
พัฒนางาน และน่าความรูท้ ี่
ไดม้ าพัฒนางาน เพอ่ื ให้เกดิ
ประโยชน์สูงสุดตอ่ ผเู้ รยี น
และโรงเรียน
อนั ดบั สมรรถนะ วธิ กี าร / ร
ความสาคญั ท่จี ะพัฒนา รปู แบบการพฒั นา
เ
3. สมรรถนะหลัก - เข้ารับการอบรม สัมมนา ต
กา
3. การพัฒนาตนเอง ท่หี น่วยงานต้นสงั กดั
3.3 ความสามารถใน หน่วยงานอื่น ๆ จัดข้นึ
การใช้ภาษาองั กฤษเพอ่ื - แลกเปล่ียนเรียนรกู้ บั
การแสวงหาความรู้ บคุ ลากรในโรงเรียน
1) การจบั ใจความ และ - สืบค้นความรู้ทาง
การสรปุ จากการอ่านและ อินเทอรเ์ น็ต
การฟงั
ลงชื่อ........................................................................
(นางสาวศศิวิมล โสขุมา)
ผู้จัดท่าแผนพัฒนาตนเอง
ระยะเวลาในการพฒั นา การขอรบั การสนับสนุน ประโยชนท์ ีค่ าดว่าจะได้รับ
จากหนว่ ยงาน
เริ่มตน้ สิน้ สดุ
โรงเรียน ไดร้ บั การพัฒนาเก่ียวกบั การ
ตลอดปี ตลอดปี
ารศึกษา การศึกษา ใชภ้ าษาอังกฤษเพอื่ การ
แสวงหาความรู้ และน่าความรู้
ทไ่ี ดม้ าพัฒนางาน เพ่ือให้เกิด
ประโยชน์สูงสดุ ตอ่ ผเู้ รยี น
และโรงเรียน
ความเห็นของผูบ้ ังคบั บัญชา
………………………………………………………...................................………………
………………………………………………………...................................………………
ลงช่อื ........................................................................
(นายวรี ะพงษ์ ถาวงษ์กลาง)
ตาแหนง่ ผู้อ่านวยการโรงเรยี นบา้ นสระบัวก่า
ประวัตกิ ารเขา้ รับการพฒั นา (ในรอบ 5 ปี ท่ีผ่านมา)
ลาดบั ที่ เร่ือง หนว่ ยงาน จานวน หมาย
ชัว่ โมง เหตุ
คา่ ยลูกเสือช่วั คราว
1 เป็นวิทยากรกจิ กรรมการอยคู่ า่ ยพกั แรม โรงเรียนบ้านหนองยาว 19 ช่ัวโมง
ลูกเสอื สามัญร่นุ ใหญ่-เนตรนารี และ
ยุวกาชาด ส่านักงานเขตพื้นท่ี
การศกึ ษาประถมศึกษา
2 ไดผ้ ่านการอบรมเชิงปฏิบตั กิ ารเรง่ รดั สพุ รรณบุรี เขต 3
คุณภาพการอ่านรเู้ รอ่ื งส่ือสารได้
(Literacy)และการสง่ เสริมพฒั นาทกั ษะ ส่านกั งานเขตพ้นื ที่
การอา่ น คิดวิเคราะห์ และเขียนส่ือความ การศกึ ษาประถมศกึ ษา
โดยใช้รูปแบบพหรุ ะดับ สพุ รรณบรุ ี เขต 3
3 การอบรมเชงิ ปฏบิ ตั ิการพฒั นาบุคลากร ส่านกั งานคณะกรรมการ
ขยายผลการใช้โปรแกรมการจดั การเรยี น การศึกษาข้ันพน้ื ฐาน
การสอนเพื่อสรา้ งแรงบันดาลใจทาง และ ศนู ยบ์ ริการวชิ าการ
วทิ ยาศาสตร์ ระดับ ม.1 – ม.3 มหาวทิ ยาลยั ศรนี ครนิ
(Inspiring Science) ปกี ารศึกษา 2557 ทรวิโรฒ
สา่ นักงานเขตพน้ื ที่
4 อบรมเชิงปฏิบตั ิการโครงการพฒั นาครู การศกึ ษาประถมศึกษา
และบุคลากรทางการศกึ ษาด้านวชิ าการ สพุ รรณบุรี เขต 3
โรงเรียนขนาดเล็ก รว่ มกบั สยามอนิ โนเวชนั่
มเี ดีย
5 การประยกุ ตใ์ ชส้ ือ่ เทคโนโลยสี อนซ่อม สา่ นกั งานเขตพน้ื ท่ี
เสริมผเู้ รียนที่มปี ัญหาการอ่านการเขยี น การศึกษาประถมศึกษา
ภาษาไทย สพุ รรณบรุ ี เขต 3
สา่ นกั งานคณะกรรมการ
6 อบรมเชิงปฏบิ ตั ิการพฒั นาการจดั การ การศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน
เรียนการสอนประวัติศาสตร์และหนา้ ท่ี กระทรวงศึกษาธกิ าร
พลเมอื ง
7 อบรมพฒั นาคุณภาพด้วยระบบ
e-Training และผ่านเกณฑก์ าร
ประเมินผลสัมฤทธกิ์ ารอบรม ตาม
โครงการยกระดับคุณภาพครุทั้งระบบ
ประจ่าปีการศึกษา 2557 UTQ-55111
วทิ ยาศาสตร์ ระดับมัธยมศกึ ษาตอนตน้
ลาดบั ที่ เรือ่ ง หน่วยงาน จานวน หมาย
ชวั่ โมง เหตุ
สา่ นักงานคณะกรรมการ
8 อบรมพัฒนาคณุ ภาพดว้ ยระบบ e- การศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน
Trainingและผ่านเกณฑ์การประเมินผล กระทรวงศึกษาธิการ
สมั ฤทธ์กิ ารอบรม ตามโครงการยกระดับ
คุณภาพครุทง้ั ระบบ ประจา่ ปกี ารศึกษา คา่ ยลูกเสอื ช่ัวคราว
2557 2557 UTQ-55110วิทยาศาสตร์ โครงการส่งนา่้ และ
บา่ รงุ รักษากระเสียว
9 เปน็ วิทยากรกจิ กรรมการอยู่ค่ายพักแรม
ลูกเสอื สามัญรุน่ ใหญ่-เนตรนารี และ สมาคมครวู ิทยาศาสตร์
ยวุ กาชาด กลมุ่ โรงเรยี นขยายโอกาสทาง สพุ รรณบรุ ี (เครือข่าย
การศึกษาอ่าเภอด่านช้าง สมาคมครวู ทิ ยาศาสตร์
แห่งประเทศไทย)
10 เทคนคิ การสอนวิทยาศาสตร์ในศตวรรษ สา่ นักงานลูกเสือแชง่ ชาติ
ท่ี 21 กระทรวงศึกษาธกิ าร
คา่ ยลูกเสอื ดรณุ วทิ ย์
11 ผกู้ า่ กบั ลกู เสือสามญั ข้นั ความรเู้ บือ้ งต้น
สว่ นท่ี 2 ความตอ้ งการในการพฒั นา
1. หลักสูตรใดท่ที า่ นต้องการพฒั นา
1) การพัฒนาสมรรถนะการจดั การเรียนรู้ STEM Education ตามแนวคิด Active Learning
สา่ หรับครูวทิ ยาศาสตรแ์ ละคณิตศาสตรร์ ะดับมธั ยมศึกษาตอนต้น
2. เพราะเหตุใดทา่ นจึงต้องการเข้ารบั การพฒั นาในหลกั สตู รน้ี
เพราะสามารถนา่ ความรู้ทไ่ี ดม้ าพฒั นาการเรยี นการสอนวิชาวิทยาศาสตร์ในระดบั ชั้น
มัธยมศึกษาตอนต้น
3. ทา่ นคาดหวงั สง่ิ ใดจากการเขา้ รับการพฒั นาในหลักสตู รนี้
ไดร้ ับความรเู้ กยี่ วกับเรือ่ งท่ีเข้ารับการอบรมพัฒนา และสามารถนา่ มาพัฒนาการเรียนการสอน
วิชาวิทยาศาสตร์ในระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาตอนต้นได้จรงิ
4. ทา่ นจะนาความรจู้ ากหลกั สูตรไปพฒั นาการสอนของทา่ นอย่างไร
1) จดั การเรียนรู้ STEM Education ตามแนวคดิ Active Learning ระดับมัธยมศกึ ษาตอนตน้