The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ภูวเนตร พลเกษตร 631081233 ความผิดต่อเจ้าพนักงาน

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by kongjittisak, 2021-10-02 10:17:09

ภูวเนตร พลเกษตร 631081233 ความผิดต่อเจ้าพนักงาน

ภูวเนตร พลเกษตร 631081233 ความผิดต่อเจ้าพนักงาน

ความผดิ ตอ่ เจา้ พนกั งาน

จดั ทาํ โดย
นายภวู เนตร พลเกษตร
รหสั ประจาํ ตวั นสิ ติ 631081233

เสนอ
อาจารยว์ ณี า สวุ รรณโณ
คณะนติ ศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั ทกั ษณิ

~1~

คาํ นาํ

หนงั สือเล่มนี้จดั ทําขึน้ เพือ่ เป็นส่วนหนึง่ ของกฎหมายอาญา2 เรื่อง
ความผิดต่อเจา้ พนักงาน เพื่อให้ไดศ้ ึกษาหาความรใู้ นเรอื่ ง ของสระ
สําคัญของความผดิ ต่อเจ้าพนักงาน หน้าทีแ่ ละความรบั ผดิ ตอ่ เจ้า
พนกั งาน เพอื่ เปน็ ประโยชน์กบั การเรียน

ผ้จู ดั ทําเหน็ ว่าหนังสอื เล่มน้จี ะเปน็ ประโยชน์กับผู้อ่าน ท่ีกําลัง
ศกึ ษาหาข้อมลู เร่ืองนี้อยู่ และหากมีข้อผดิ พลาดประการใด ผจู้ ัดทาํ ขอ
น้อมรับคําตชิ ม และขออภัยมา ณ ทนี่ ี้ดว้ ย

ผู้จัดทํา
นายภวู เนตร พลเกษตร

~2~ หน้าท่ี
1
สารบญั 3-5
5-7
คํานาํ 1 7-9
มาตรา 136 1. ดูหม่นิ เจ้าพนกั งาน 10
มาตรา137 2.แจ้งความเทจ็ ตอ่ เจ้าพนักงาน 11
มาตรา 138 3. ต่อส้ขู ดั ขวางเจา้ พนกั งาน
มาตรา 139 4. ขม่ ขืนใจเจ้าพนักงาน 11-12
มาตรา 140 เหตุเพม่ิ โทษ คอื 13
มาตรา 141 5. กระทําต่อตราซึ่งเจา้ พนกั งานประทบั ไว้ 14
มาตรา 142 6. กระทําต่อส่ิงท่ีเจ้าพนักงานยดึ ไว้ 15-17
มาตรา 143 7. เปน็ คนกลางเรยี กหรือรับสนิ บน 18-20
มาตรา 144 8.ให้สนิ บนเจ้าพนักงาน 21-22
มาตรา 145 9. แสดงตนและกระทําการเปน็ เจา้ พนักงาน
มาตรา 146 10. สวมเคร่อื งแบบหรือประดบั เคร่ืองหมาย 23
ของเจ้าพนักงาน
บรรณานุกรม

~3~

ความผิดต่อเจ้าพนักงาน

มาตรา 136

1. ดหู มน่ิ เจ้าพนกั งาน มี 2 ความผิด

ความผดิ ที่ 1

องค์ประกอบภายนอก

(1) ดูหม่ิน

(2) เจ้าพนกั งาน

(3) ซึ่งกระทําการตามหนา้ ที่

องค์ประกอบภายใน เจตนาธรรมดา

การกระทาํ ไดแ้ ก่ การดหู มิ่นเจา้ พนกั งานซึ่งกระทาํ การตามหนา้ ทหี่ รอื เพราะได้
กระทําการตามหน้าทโี่ ดยไมจ่ าํ เปน็ ตอ้ งทาํ ซ่งึ หน้าเหมอื นดหู ม่นิ ทั่วไปตามมาตรา
393 การ "ดูหมนิ่ " หมายถงึ การดถู ูกเหยยี ดหยาม ทาํ ใหอ้ บั อาย สบประมาทหรือดา่
(ดูมาตรา 393 ประกอบ)เป็นการกระทาํ ทผ่ี กู้ ระทําแสดงอาการเหยยี ดหยามลด
คุณคา่ ของผูถ้ กู ดหู มน่ิ เอง' ไมต่ อ้ งกล่าวตอ่ บคุ คลทส่ี าม ต่างกบั เรอ่ื งการหมนิ่
ประมาทซึ่งเปน็ การกลา่ วใหบ้ ุคคลท่ีสามฟงั และบคุ คลท่สี ามฟงั แลว้ มีความรู้สึกลด
คุณคา่ ของผถู้ กู หม่นิ ประมาท การดูหมน่ิ ตามมาตรา 136 อาจกระทาํ ดว้ ยกริ ยิ า
ท่าทางหรือคําพดู ก็ได้ เช่น เปลือยกาย ใหข้ องลบั ต่อว่า "ตํารวจหมา ๆ" หรือ
"พนักงานท่ีดินหมาๆชอบกนิ แต่เบยี้ "2 หรือ "ถ้ามึงจับกู กจู ะเอามึงออก"3 เป็นคําสบ
ประมาทเหยยี ดหยาม แมไ้ ม่มีคําด่า แต่ใชก้ รยิ าทา่ ทางแทนกเ็ ป็นการดูหม่นิ ได้
เชน่ ยกสน้ เท้าให้ถ้าเป็นเพียงโตเ้ ถยี ง ตชิ มตามปกติวสิ ยั ไม่เป็นการดูหม่ิน เชน่
เพอ่ื นฝูงใช้ดาํ หยาบทา้ ทายกันเปน็ ปกติ การใช้คําไม่สุภาพ เช่น ใช้ดาํ วา่ มึงกกู ับ
ตาํ รวจเป็นเพียงคําตาํ่ ช้าไมถ่ ึงดูหมิ่น' การกล่าววา่ "แน่จริงมาต่อยกันตวั ตอ่ ตวั " "ผู้
กองพดู อย่างน้เี อากฎหมายมาพูดไมม่ ศี ลี ธรรม" หรือ

"คุณเป็นนายอําเภอได้อยา่ งไรไมร่ บั ผดิ ชอบ" หรอื "มันกเ็ ข้าข้างกัน" หรอื กลา่ วหา
ตาํ รวจว่าแกลง้ จบั ขงั เปน็ การปรารภ ปรับทกุ ข์ เพอ่ื ขอใหช้ ่วยประกนั ไมม่ เี จตนาดู
หมน่ิ ' หรือ "แคร่ ้อยโทน้ันกระจอกไม่อยากคยุ ดว้ ย" "ผมไมก่ ลวั คุณหรอกใหญ่กว่า

~4~

นี้ผมกไ็ มก่ ลวั "" เหล่าน้ีไม่เปน็ การดูหม่ินตอ้ งดูหมิน่ เจ้าพนักงานขณะกระทาํ การ
ตามหน้าที่ เชน่ ขณะเจา้ พนกั งานเข้าจบั กมุ จําเลยให้ของลบั ดาํ ยกเท้าให้ หรอื
ถ่มน้ําลายรด หรือกล่าววา่ "คณุ แกลง้ จบั ผม"? ถา้ ดหู มิ่นขณะทเี่ ขากระทําการนอก
หนา้ ท่ีหรือการดูหมน่ิ ขณะทเ่ี จา้ พนกั งานผนู้ ้นั เกษยี ณหรอื ลาออกไปแลว้ กไ็ ม่เป็น
การดหู มนิ่ เจา้ พนกั งานตามมาตร1 136 และคํากลา่ วนั้นต้องกลา่ วถงึ เจา้ พนักงาน
คนหนง่ึ คนใดโดยเฉพาะเจาะจง ถา้ ไม่อาจเฉพาะเจาะจงไม่วา่ เปน็ เจา้ พนักงานคน
ใดกไ็ มผ่ ิดตามมาตรานี้ เพราะถือว่าไมม่ ีผเู้ สยี หาย" คือไมร่ ู้ว่าคา่ ใครนั่นเอง

องค์ประกอบภายใน เจตนาธรรมดา

ผกู้ ระทําตอ้ งรขู้ อ้ เท็จจริงว่าผูถ้ กู ดหู มิ่นเปน็ เจา้ พนักงานซึ่งกําลงั กระทําการตาม
หน้าทต่ี ามมาตรา 59 วรรคสาม และมาตรา 62 วรรคท้าย เพราะฐานะดงั กลา่ วเป็น
เหตุใหผ้ ู้กระทาํ ตอ้ งรบั โทษหนักขึ้นกว่าการดหู ม่นิ บุคคลธรรมดา

ความผดิ ที่ 2

องค์ประกอบภายนอก

(1) ดูหมน่ิ

(2) เจ้าพนกั งาน

องคป์ ระกอบภายใน

(1) เจตนาธรรมดา

(2) มลู เหตซุ กั จูงใจ เพราะไดก้ ระทาํ การตามหนา้ ที่

หากขณะดูหมนิ่ ผ้นู ้นั มไิ ดเ้ ปน็ เจา้ พนักงาน เชน่ ลาออกจากราชการแล้วหรือ
เกษียณอายุแลว้ ก็ดี หรอื ดหู มิ่นเพราะไดท้ าํ นอกหน้าที่" มิใช่ดหู มน่ิ เพราะกระทํา
การตามหนา้ ท่ี เชน่ ด่านายกเทศมนตรที บี่ ้านเพราะไดใ้ ช้คนงานเทศบาลไปวัด
ท่ีดนิ นอกหน้าท่ี หรือดา่ เจ้าพนักงานในเร่อื งส่วนตวั ไมผ่ ดิ มาตราน'ี้ แต่หากดา่ เขา
เร่อื งสว่ นตวั ขณะท่เี ขาปฏบิ ัติหน้าทีอ่ ยู่ กอ็ าจผิดตามความผิดที่ 1 ได้

การดหู มิ่นเพราะไดก้ ระทาํ การตามหน้าที่ ไมจ่ าํ เปน็ ตอ้ งกระทาํ ซง่ึ หน้า เช่น ทนาย
ถกู ปรับ เลยดา่ ผูพ้ ิพากษานอกศาลวา่ "ผูพ้ พิ ากษานปี้ รับกูหม่ืนหา้ ได้ กจู ะต้องเตะ
มงึ "ㆍ ตํารวจจบั จําเลยเพราะอยั การมาแจง้ ใหจ้ บั จาํ เลยไปด่าตาํ รวจท่หี น้าบ้านพกั

~5~

ของตาํ รวจวา่ "เปน็ ขขี้ ้าอยั การ"เป็นการดหู ม่นิ เจา้ พนักงานเพราะได้กระทาํ ตาม
หน้าทตี่ ามมาตรา 136 เป็นต้น ถา้ เพยี งใช้สรรพนามกู มึง ไมถ่ ือเปน็ ดูหม่ิน"

มาตรา 137

2. แจง้ ความเท็จตอ่ เจา้ พนกั งาน

องค์ประกอบภายนอก

(1) แจ้งข้อความ

(2) อันเป็นเท็จ

(3) แกเ่ จา้ พนกั งาน

(4) ซ่งึ อาจทําใหผ้ ู้อื่นหรอื ประชาชนเสยี หาย

องคป์ ระกอบภายใน เจตนาธรรมดา

การแจ้ง คือ การทาํ ให้เจา้ พนกั งานได้รบั ทราบ ไมว่ ่าจะเปน็ ดว้ ยวาจา ดว้ ยหนังสอื
อาจรวมถึงกิริยาท่าทางดว้ ย เช่น ยนื่ ใบสมัครหรือแสดงใบมอบฉันทะเท็จ" การนง่ิ
เฉย ไม่เป็นการแจง้ ขอ้ ความ ความผดิ สําเรจ็ เมือ่ เจ้าพนกั งานไดร้ บั ทราบแลว้ หาก
ข้อความไปไมถ่ ึงเจา้ พนักงานเปน็ เพยี งพยายามแจ้งความเท็จ การกระทําตาม
มาตรานเ้ี ปน็ การแจง้ ความเทจ็ แกเ่ จ้าพนกั งาน ผมู้ หี น้าทรี่ บั แจง้ ความ ถา้ หากเจ้า
พนกั งานผรู้ บั แจ้งความนั้นไม่ใชเ่ จา้ พนกั งานผ้มู หี น้าทรี่ ับแจ้ง ผ้แู จง้ ก็ไมม่ ีความผดิ
ฐานแจง้ ความเท็จตามมาตราน้ี เชน่ คนต่างด้าวแจง้ ความเทจ็ ว่ามสี ัญชาตไิ ทย"
และไมว่ ่าจะไปแจ้งเองหรอื เจา้ พนกั งานเรยี กไปสอบถาม เชน่ เรยี กใหไ้ ปเปน็
พยานในชั้นสอบสวนกเ็ ป็นการจงั ความตามมาตราน2ี้ หรอื แจง้ โดยวธิ กี รอก
ข้อความเทจ็ ในเอกสารแล้วยน่ื เอกสารนั้นพนักงานก็เปน็ ความผดิ ตามมาตราน"้ี
แต่ถ้าใหก้ ารในฐานะเปน็ ผตู้ อ้ งหา แม้เปน็ ความเทจ็ ก็ไมผ่ ิดตามมาตราน"ี้ มาตราน้ี
เป็นการแจง้ ความเทจ็ ท่ัวๆ ไป เชน่ เอาโฉนดไปใหเ้ จา้ หนีย้ ดึ ไวแ้ ล้วไปแจง้ ความวา่
หายเพอื่ ไปขอออกโฉนดใหม่ แจง้ วา่ ส.ค. 1 หายเพ่อื ขอสาํ เนาจากอาํ เภอแทจ้ รงิ
ไมห่ าย"จดทะเบียนสมรสแลว้ แจ้งวา่ ยังไมไ่ ดจ้ ดทะเบยี นสมรส" เปน็ คนญวนขอ
บตั รประชาชนโดยแจง้ ว่าเปน็ คนไทย" เป็นต้น

~6~

ข้อความอันเปน็ เท็จ คอื ข้อเท็จจริงท่ไี มต่ รงกับความเป็นจริง ดงั นนั้ ขอ้ ความจะเทจ็
ได้

กต็ ่อเมอื่ เป็นข้อเทจ็ จรงิ ในอดีตหรอื ในปจั จุบนั ข้อเท็จจริงในอนาคต เชน่ ดํามั่น
หรือคาํ รบั รองที่แจ้ง

จะนาํ ทรพั ยม์ าคืนเพื่อให้แบ่งมรดกแล้วไมน่ าํ มาคืน ไม่ใชก่ ารแจ้งความเท็จ

ชอ่ื เทจ็ จรงิ ในอนาคต ไม่แน่วา่ จะเท็จหรือจรงิ ขณะกลา่ ว แตถ่ ้าข้อความในอนาคต
น้นั ชี้ให้เหน็ ถึงจรงิ ในปจั จบุ นั เช่น แจง้ ตอ่ เจ้าพนกั งานวา่ พรุ่งนี้นาย ก. จะไปปล้น
บ้านนาย ข.ในปัจจุบนั นนี้ าย ก. มีเจตนาจะปล้นอยแู่ ลว้ ก็เป็นการแจง้ ความเท็จ
ได้"

จําเลยเคยจดทะเบียนสมรสแล้วและหยา่ แลว้ เมื่อมาขอจดทะเบยี นสมรสกบั ส. ได้
แจง้ วา่ ไม่เคยจดทะเบยี นสมรสมากอ่ น แม้เปน็ ความเทจ็ แต่ขณะแจง้ จาํ เลยไมม่ คี ู่
สมรส สามารถจดทะเบยี นสมรสกบั ส.ได้จงึ ไม่น่าจะเกิดความเสียหายแกผ่ อู้ นื่ หรอื
ประชาชน ไมม่ ีความผิดตามมาตรา 137 และ 267 ดว้ ย 2

ในทางกลับกันหากการแจ้งความเทจ็ อาจทาํ ใหเ้ สียหายแลว้ แมค้ วามเสียหายจะไม่
เกิดข้ึน เชน่ ใบขับขถี่ กู ยดึ ไป เมอื่ ตาํ รวจขอดูใบขับขกี่ แ็ จง้ ว่าหายและแสดงสําเนา
ใบแจง้ ความ เป็นการแจ้งความเทจ็ แม้ไมเ่ กดิ ผลอะไรแก่ใครกถ็ อื วา่ ตาํ รวจ
เสียหาย" ท่ดี ินมี น.ส. 3 แลว้ แต่แจ้งว่าไมม่ ขี อออก น.ส. 3 ก. ใหม่ แมต้ ่อมาจะมี
การเพิกถอน น.ส. 3 ก. น้ัน กถ็ ือวา่ อาจเกิดความเสียหายแลว้ 32แจ้งความเท็จตอ่ ผู้
กํากบั การวา่ นายตาํ รวจในบงั ดับบัญชาทําผดิ วนิ ยั 3 แจ้งความเทจ็ แต่เจา้ พนักงาน
ไม่เช่ือเพราะรู้ความจรงิ อยแู่ ลว้ ก็เปน็ ความผิดสําเรจ็ เช่น ที่ดินมี น.ส. 3 แล้ว แต่
แจ้งวา่ ยงั ไมม่ ี ขอออก น. ส. 3 ก. โดยรปู ถ่ายทางอากาศ แม้ต่อมาจะถกู สัง่ เพกิ ถอน
กเ็ กดิ ความเสยี หายแลว้ " แจ้งเทจ็ ต่อเจา้ พนักงานทด่ี นิ เพื่อขออายัดท่ีดนิ แม้กรม
ท่ีดินไมร่ ับอายดั กเ็ สยี หายแลว้ * แจง้ ผกู้ าํ กบั ว่าตํารวจใตบ้ ังคับบญั ชาทําผดิ วนิ ัยอัน
เปน็ เท็จ* แจง้ ตํารวจวา่ ผู้เชา่ บกุ รกุ เพ่ือให้ออกจากห้องเชา่ แม้ไมป่ ระสงคจ์ ะดาํ เนนิ
คดีอาญาก็เปน็ การเสยี หายได'้ แจ้งกบั พนักงานสอบสวนว่าโฉนดหายเพอื่ นําใบ
แจ้งความไปขอออกโฉนดใหม่ เป็นการแจ้งความเทจ็ ตามมาตรา 137 และแจ้งให้
เจา้ พนกั งานจดข้อความเท็จลงในเอกสารมหาชนตามมาตรา 267 อกี บทหน่งึ
นอกจากนก้ี ารแจ้งขอ้ เท็จจริงนั้นจะต้องมีลกั ษณะเป็นการยนื ยนั ขอ้ เท็จจริง หาก
เป็นเพียงการแสดงความคิดเหน็ หรือการคาดคะเนถงึ เหตกุ ารณท์ ่เี กิดขนึ้ ในอนาคต

~7~

ไมผ่ ดิ ฐานแจง้ ความเทจ็ ตามมาตราน้ี เชน่ ตาํ รวจถามวา่ เหน็ คนรา้ ยลกั ทรพั ย์
หรือไม่ ตนเองไม่เหน็ แต่ตอบวา่ เหน็ นายแดงลกั ทรพั ยเ์ ป็นการแจง้ ความเทจ็ หาก
ตาํ รวจถามวา่ คดิ ว่าคนรา้ ยคอื ใคร จงึ ตอบวา่ สงสัยเปน็ นายแดง อยา่ งนี้เปน็ การ
แสดงความคิดเห็น ไมใ่ ชแ่ จ้งความเทจ็

องค์ประกอบภายใน เจตนาธรรมดา

ผแู้ จง้ ตอ้ งมเี จตนา โดยรู้วา่ ขอ้ ความทตี่ นแจง้ เป็นความเทจ็ และผ้ทู ร่ี บั แจง้ เปน็ เจา้
พนักงาน แต่ถา้ เข้าใจขอ้ ความทแ่ี จ้งเปน็ ความจรงิ กด็ ีหรอื แจ้งความเท็จต่อผทู้ ต่ี น
เข้าใจว่าเปน็ ราษฎรไม่ใช่เจา้ พนกั งานผ้รู ับแจ้งความกด็ ี ผแู้ จ้งไมม่ ีความผดิ ตาม
มาตรานห้ี รอื การตามทตี่ นเองเขา้ ใจโดยไมร่ ูว้ ่าคลาดเคลือ่ นต่อความจรงิ " หรอื
กลา่ วโทษไปโดยสจุ รติ " ไมผ่ ิดฐานแจ้งความเทจ็

ความผดิ น้ีเป็นบทท่วั ไป

ถ้าการแจง้ ความเทจ็ นนั้ เกี่ยวกบั คดอี าญากผ็ ดิ มาตรา 172 มาตรา 173 ซ่งึ เป็นบท
ที่มีโทษหนกั ขึ้น" ถ้าฟอ้ งเทจ็ กเ็ ขา้ มาตรา 175 เบกิ ความเทจ็ มาตรา 177 แปล
ข้อความเท็จ มาตรา178 ทําหลกั ฐานเทจ็ มาตรา 179 นาํ สบื พยานเทจ็ มาตรา
180 แจ้งใหเ้ จ้าพนกั งานจดข้อความเท็จ มาตรา 267 เป็นตัน นอกจากนี้กย็ ังมี
ความผดิ ลหุโทษ กรณแี จง้ ช่ือหรือท่อี ยู่อนั เปน็ เทจ็ ตามมาตรา 367 เหลา่ นี้เป็นบท
เฉพาะ หากเข้ากรณีดงั กลา่ วแล้วก็ไมต่ อ้ งลงโทษตามมาตราน้ีอกี แม้วา่ จะมโี ทษ
เบากวา่ กต็ าม

มาตรา 138

3. ตอ่ สขู้ ดั ขวางเจ้าพนกั งาน

องคป์ ระกอบภายนอก

(1) ตอ่ สู้หรือขดั ขวาง

(2) บคุ คลดังต่อไปนี้ (ก) เจา้ พนกั งาน หรือ (ข) ผูซ้ ึ่งต้องชว่ ยเจ้าพนกั งานตาม
กฎหมายในการปฏิบตั กิ ารตามหน้าท่ี

องคป์ ระกอบภายใน เจตนาธรรมดา

~8~

การกระทํา ไดแ้ ก่ การต่อสหู้ รือขดั ขวางเจ้าพนักงานหรือผซู้ ง่ึ ตอ้ งช่วยเจ้า
พนกั งานตามกฎหมายในการปฏิบตั กิ ารตามหนา้ ท่ี...

"ต่อส"ู้ (resist) ไดแ้ ก่ การขัดขนื เช่น ใช้อาวธุ ปนื ยิง การชกเจ้าพนกั งานหรือการ
ขบั รถพงุ่ เข้าชน เป็นตน้

ส่วน "ขดั ขวาง" (obstruc) หมายถึง การทําใหเ้ กิดอุปสรรด ทาํ ใหล้ าํ บากขนึ้ ในการ
ปฏบิ ัติหน้าทขี่ องเจ้าพนกั งาน เช่น ขับรถส่ายไปมาในขณะท่ีเจา้ พนักงานตํารวจ
อยบู่ นหลังคารถ"

แต่การน่งิ เช่น น่ังหรอื นอนขวางทางและไมย่ อมไปกบั ตํารวจจนตอ้ งหามใสรถไป
ว่งิ หนขี ณะตาํ รวจเข้าจบั กมุ ไม่เปน็ การต่อสขู้ ัดขวางเจา้ พนักงาน แต่ถา้ มกี ารชนี้ ว้ิ
ทาํ นองขู่ไมให้จับหรอื ผลกั อกจงึ จะเป็นการตอ่ ส้ขู ัดขวาง ถา้ เจ้าพนกั งานมหี มาย
ขอเข้าดนั ในบ้านไมเ่ ปิดประตูใหเ้ ข้าไมเ่ ปน็ การต่อสูข้ ดั ขวาง" แตถ่ ้าเปิดประดแู ล้ว
ยนื ขวางทางหรือกลับปดิ ประตูใส่กลอน เปน็ การขัดขวางขัดขวางแล้วแตข่ ัดขวาง
ไม่สําเรจ็ ตํารวจคน้ จะยดึ อาวุธ จําเลยเข้าขดั ขวาง แตต่ ํารวจก็ของกลางไดอ้ ยดู่ ี ก็
ถือวา่ ความผดิ ฐานตอ่ สขู้ ดั ขวางสาํ เร็จแลว้ " การยิงปนื ข้นึ ฟ้องเพ่อื ขูม่ ิให้ตํารวจจบั
เปน็ การขดั ขวางตามมาตราน้ี

อย่างไรก็ตามการจบั โดยไมม่ ีหมายและกรณไี มเ่ ข้าข้อยกเว้นตามประมวล
กฎหมายวธิ ีพจิ ารณาความอาญา มาตรา 78 (1) ถึง (4) และวรรคสดุ ทา้ ยนน้ั เป็น
การจบั กุมโดยไม่มอี ํานาจแมจ้ าํ เลยต่อสขู้ ัดขวางการจบั กมุ ก็ไม่มคี วามผดิ ตาม
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138" ตํารวจเขา้ คันตวั จําเลยในท่เี ปลย่ี วโดยไมไ่ ด้
แตง่ เครือ่ งแบบหรอื แสดงหลักฐานว่าเป็นตาํ รวจกระทาํ การตามหนา้ ทแ่ี ละตา่ งฝ่าย
ไมร่ จู้ ักกนั แม้จาํ เลยจะต่อส้ซู กตอ่ ยขัดขวางไมใ่ ห้ตาํ รวจดันเอาเงนิ หรอื ทรพั ย์สนิ
ของจาํ เลยไป กไ็ มม่ ีความผดิ ฐานต่อสขู้ ดั ขวางเจา้ พนกั งาน" (อาจอา้ งสําคญั ผดิ
ตามมาตรา 62 ได)้ นายพลตาํ รวจโตเ้ ถยี งกับ ล. แลว้ จะขอจับกมุ ล. แต่ ล. ขอดู
บัตรประจาํ ตวั กไ็ มใ่ หด้ ู ล. จงึ ไม่ยอมให้จบั ไมเ่ ปน็ การตอ่ สู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน"
ถา้ ตํารวจจบั ผกู้ ระทําความผดิ ซึง่ หนา้ โดยรอ้ งบอกวา่ อย่าหนี คนรา้ ยโดดลงหลัง
บ้านแลว้ ยงิ ตาํ รวจเป็นการตอ่ สู้ขดั ขวาง" หรอื ตํารวจจบั ผรู้ ้ายขณะกําลงั จะยงิ คน
เปน็ ความผิดซึง่ หนา้ แมไ้ ม่มหี มายจบั ก็มอี ํานาจจบั ได้จงึ เป็นการตอ่ ส้ขู ดั ขวาง"
รวมถึงการขดั ขวางผทู้ ปี่ ฏบิ ตั หิ น้าทใ่ี นนาม

~9~

ของเจา้ พนกั งานดว้ ย=2 หากวิง่ หนีอยา่ งเดยี วหรอื ดน้ิ รนเพื่อให้หลุดพนั จากการ
จับกุม ยงั ไมเ่ ป็นการตอ่ สู้ขดั ขวาง

สว่ นการต่อสู้ขดั ขวางผซู้ งึ่ ตอ้ งชว่ ยเจ้าพนักงานตามกฎหมายในการปฏิบตั หิ นา้ ท่ี
ผูช้ ่วยเจา้ พนักงานตามมาตรานี้ต้องเปน็ การเขา้ ชว่ ยตามกฎหมาย เช่น ลกู บา้ นที่
กาํ นนั เรยี กให้ชว่ ยเปน็ ต้น ถา้ สมัครใจเขา้ ชว่ ยเองโดยไมไ่ ดม้ ีการเรยี กให้ชว่ ยตาม
กฎหมาย เช่น ตาํ รวจไล่จับผรู้ ้าย ก.เขา้ ช่วยไลค่ นรา้ ยไปดว้ ย คนรา้ ยจงึ ยิง ก.
บาดเจ็บ คนร้ายไมผ่ ดิ ตามมาตรานี้ แตผ่ ดิ มาตรา289 (3) ประกอบมาตรา 8053
ท้งั น้ีผ้กู ระทําตอ้ งมีเจตนา คือ รวู้ ่ากาํ ลังจะกระทาํ ต่อเจ้าพนกั งานผกู้ ระทาํ ตาม
หนา้ ท่ีหากเปน็ เจา้ พนกั งานก็ด"ี หรอื เจา้ พนกั งานไมไ่ ด้กระทําการตามหนา้ ท่กี ด็ ี
เชน่ เจา้ พนักงานโดยไม่ชอบ" กด็ ี หากเกิดการตอ่ ส้ขู ดั ขวางขึ้น ผู้กระทําไมม่ ี
ความผดิ ฐานต่อสขู้ ัดขวางเจา้ พนักงาน

เหตุเพมิ่ โทษ มี 2 ประการ คอื

1. ตามมาตรา 138 วรรคสอง ถา้ การตอ่ สขู้ ดั ขวางน้ัน ไดก้ ระทําโดยใชก้ ําลัง
ประทุษรา้ ย

หรอื ขเู่ ขญ็ ว่าจะใชก้ าํ ลงั ประทุษรา้ ย เชน่ ไมย่ อมให้ตํารวจจบั โดยดึงแขนและกดั
มือตํารวจ"7

2. ตามมาตรา 140 คอื ได้กระทาํ โดยมหี รอื ใชอ้ าวุธหรือโดยรว่ มกระทาํ ความผิด
ด้วยกันตัง้ แต่ 3 คนขน้ึ ไป มอี าวธุ เช่น มีมีดตดิ ตวั อยขู่ ณะตอ่ สกู้ ับเจ้าพนกั งาน แม้
จะไมไ่ ดใ้ ชม้ ดี นน้ั ส่วนใช้อาวธุ กเ็ ชน่ ใชไ้ มด้ ี หรือใช้สากทาํ รา้ ยเจ้าพนกั งาน เป็น
ตน้

โทษจะสูงขนึ้ ถา้ กระทาํ โดยอ้างอาํ นาจ "อ้งั ย"ี่ หรือ "ชอ่ งโจร" ไมว่ า่ อัง้ ยหี่ รอื ซอ่ ง
โจรนนั้ จะมีอยหู่ รอื ไม่

โทษจะสูงข้ึนอกี กึง่ หนงึ่ ถา้ กระทาํ โดยมีหรอื ใช้อาวธุ ปืนหรอื วตั ถรุ ะเบิด เชน่ ใช้ปนื
ยิงขึ้นฟ้าเพื่อขม่ ขตู่ ํารวจมใิ ห้ไล่จับกมุ จาํ เลย" เป็นต้น

~ 10 ~

มาตรา 139

4. ขม่ ขืนใจเจา้ พนกั งาน

องคป์ ระกอบภายนอก

(1) ขม่ ขนื ใจ

(2) เจ้าพนกั งาน

องค์ประกอบภายใน เจตนาธรรมดา

3) ให้ (ก) ปฏิบตั ิการอนั มชิ อบดว้ ยหน้าที่ หรอื (ข) ใหล้ ะเวน้ การปฏิบตั กิ ารตาม
หน้าท่ี

4 โดย (ก) ใชก้ าํ ลังประทษุ รา้ ย หรอื (ข) โดยขเู่ ขญ็ วา่ จะใชก้ ําลงั ประทุษร้าย

องค์ประกอบภายใน เจตนาธรรมดา

การกระทํา ไดแ้ ก่ การขม่ ขืนใจเจ้าพนักงานให้ปฏิบตั ิการอันมชิ อบด้วยหนา้ ทีห่ รอื
ให้ละเว้นการปฏิบัตกิ ารตามหน้าที่ โดยใชก้ าํ ลังประทุษรา้ ยหรอื ขู่เข็ญว่าจะใช้
กําลังประทุษร้าย

"การขม่ ขนื ใจ" คอื การบังคบั ใจ คอื บังคบั ใหเ้ จ้าพนกั งานกระทําหรอื ไม่กระทํา
ตามทีต่ นต้องการ อนั เปน็ ความผดิ ต่อเสรภี าพ ตามมาตรา 309 อันเปน็ บททัว่ ไป แต่
มาตรา 139 นี้เป็นบทเฉพาะ เชน่ พนักงานสอบสวนไมใ่ หป้ ระกันเพราะผดิ ระเบยี บ
จึงพดู ขู่เขญ็ วา่ จะจดั การยา้ ยเจ้าพนักงานไปที่อน่ื หรือไมก่ ็จะเอาลงหลุมฝังศพเสยี
ดังน้เี ปน็ การขู่เขญ็ วา่ จะใชก้ าํ ลงั ประทษุ รา้ ยเพ่อื ขม่ ขนื ใจให้เจา้ พนักงานให้
ประกนั อนั มชิ อบดว้ ยหน้าท่ี ผกู้ ระทํามีความผิดตามมาตราน.้ี โดยเป็นความผิด
สําเรจ็ ทนั ทที เี่ จ้าพนักงานกลวั ไมว่ า่ เจ้าพนกั งานจะไดก้ ระทาํ การตามท่ีถกู ขู่เขญ็
แล้วหรอื ไม่กต็ าม การใชก้ าํ ลงั ประทุษรา้ ยเพอ่ื ขม่ ขืนใจเจ้าพนักงานใหป้ ฏิบตั ิการ
อันมชิ อบด้วยหนา้ ที่นนั้ บางกรณีอาจเป็นกรรมเดียวกบั การต่อสขู้ ดั ขวางเจา้
พนักงานดว้ ย เช่น ใชป้ ืนขู่ไมใ่ ห้เจ้าพนักงานจบั กุมผรู้ า้ ย ก็เปน็ การขม่ ขนื ใจเจา้
พนักงานใหล้ ะเว้นการปฏิบตั ิหน้าท่ดี ว้ ยถา้ ขม่ ขู่เจ้าพนกั งานใหป้ ฏิบตั กิ ารตาม
หนา้ ที่ ไมผ่ ิดบทเฉพาะนี้ แตอ่ าจมีความผดิ ตอ่ เสรีภาพ (มาตรา 309) อันเป็นบท
ทัว่ ไป ถ้าไม่มีอํานาจไปขม่ ขเู่ ชน่ น้นั

~ 11 ~

มาตรา 140

เหตุเพมิ่ โทษ คอื

1. กระทาํ ความผิดตามมาตรา 138 วรรคสอง หรือมาตรา 139 โดยมหี รือใช้อาวธุ
หรือโดยรว่ มกระทําความผดิ ตงั้ แต่ 3 คนขน้ึ ไป เชน่ ตาํ รวจจะเขา้ จับ พวกของผู้ถกู
จบั 30-40 คน เดนิ เขา้ หาตาํ รวจ ดํารวจจงึ ไมก่ ลา้ จับเป็นเหตุเพิ่มโทษ" หรือตํารวจ
จับผกู้ ระทาํ ความผดิ จะเอาข้ึนรถจาํ เลยกับพวกอกี 2 คน โอบกอดเจ้าพนักงาน
เอาไวแ้ ละแย่งเอาตวั ผถู้ ูกจับหนไี ป' เป็นต้น หรือ

2. การกระทาํ โดยอา้ งอาํ นาจอ้งั ย่ีหรือซอ่ งโจร ไมว่ ่าจะมอี ยจู่ รงิ หรือไม่ หรอื

3. กระทําโดยมหี รอื ใชอ้ าวธุ ปืนหรอื วตั ถรุ ะเบดิ

เจตนาธรรมดา

การยงิ ปืนข้ึนฟ้าเพอ่ื ขตู่ ํารวจมิใหจ้ บั กุม" หรอื ชกั มีดตอ่ สูห้ รอื เงื้อจะฟนั เป็นการ
ขดั ขวางเจ้าพนกั งานโดยมีหรอื ใชอ้ าวธุ " จ.1 และ จ.2 ตอ่ สขู้ ดั ขวาง จ.3 มิไดต้ อ่ สู้
ขัดขวางด้วย คงผดิ ตาม

มาตรา 138 วรรค 2 เท่านัน้ ไม่ผดิ มาตรา 140 วรรค 1 เพราะไมไ่ ดร้ ว่ มกันกระทาํ 3
คนข้นึ ไปฯ

มาตรา 141

5. กระทาํ ต่อตราซงึ่ เจา้ พนักงานประทับไว้

องคป์ ระกอบภายนอก

(1) การกระทาํ อย่างใดอย่างหน่งึ ดังตอ่ ไปนี้ (ก) ถอน (ข) ทาํ ใหเ้ สียหาย (ค)
ทาํ ลาย

หรอื (ง) ทาํ ให้ไร้ประโยชน์

(2) ซึง่ ตราหรือเคร่อื งหมาย

(3) อนั เจ้าพนักงานไดป้ ระทับหรือหมายไวท้ สี่ ่ิงใด ๆ ในการปฏิบตั กิ ารตามหนา้ ท่ี

(4) เพอ่ื เปน็ หลกั ฐานในการยดึ อายดั หรอื รกั ษาสิง่ นนั้ ๆ

~ 12 ~

องค์ประกอบภายใน เจตนาธรรมดา

การกระทํา ได้แก่ การถอน ทาํ ให้เสียหาย ทาํ ลาย หรือทําให้ไรป้ ระโยชน์ ซึง่ ตรา
หรือเครือ่ งหมาย อนั เจา้ พนกั งานไดป้ ระทบั หรือหมายไว้ทส่ี งิ่ ใด ๆ ในการ
ปฏบิ ตั กิ ารตามหนา้ ท่ี เพื่อเป็นหลกั ฐานในการยึด อายดั หรือรักษาสงิ่ นั้นๆ

การ "ถอน" หมายถึง ทาํ ให้หลุดไป "ทาํ ให้เสียหาย" คอื ทาํ ใหเ้ ลอะเลือน "ทําลาย"
คอื ทําใหส้ ูญสน้ิ เสยี ไป "ทาํ ให้ไรป้ ระโยชน"์ คอื ทาํ ให้ใช้ไมไ่ ด"้

ส่วนตราประทบั น้นั คือ รปู รอยท่ีประทับจากควงตรา ไม่หมายถงึ ดวงตราน้นั เอง

สว่ นเคร่อื งหมายอนั หมายไว้ อาจเปน็ เคร่ืองหมายใดๆ ก็ได้ เชน่ กากบาท หรือ
วงกลมหรือจุด ๆ ซึ่งเปน็ การปฏบิ ัตกิ ารตามหน้าที่เพอ่ื เป็นหลักฐานในการ "ยึด"
หมายถงึ การเอาไวใ้ นครอบครองของเจา้ พนกั งาน สว่ น "อายดั " หมายถงึ การ
ห้ามจําหนา่ ยจา่ ยโอน หรอื รกั ษาส่งิ ใดๆเช่น ปิดประตูห้องดีตราอายัดทรพั ยส์ นิ ใน
หอ้ งน้ัน ทาํ เครอื่ งหมายกากบาทบนทอ่ นซุงท่ยี ึดได้แต่ไมห่ มายความถึงตามต้นไม้
เพือ่ แสดงเขตป่าสงวน" เพราะไม่ได้แสดงถงึ การยึด

~ 13 ~

มาตรา 142

6. กระทาํ ต่อสิ่งทเ่ี จา้ พนกั งานยึดไว้

องค์ประกอบภายนอก

(1) กระทาํ การอย่างหนึ่งอยา่ งใดดังต่อไปน้ี (ก) ทาํ ให้เสยี หาย (ข) ทําลาย (ค)
ซ่อนเร้น

(ง) เอาไปเสีย (จ) ทาํ ใหส้ ูญหาย หรอื (ฉ) ทําใหไ้ รป้ ระโยชน์

(2) ซ่ึงทรพั ยส์ นิ หรือเอกสาร

(3) อนั เจ้าพนักงานไดย้ ึด รักษาไว้ หรอื สง่ั ใหส้ ง่ เพอื่ เป็นพยานหลกั ฐานหรือเพื่อ

บังคับการให้เปน็ ไปตามกฎหมาย

(4) ไมว่ า่ เจา้ พนักงานจะรกั ษาทรัพยห์ รือเอกสารน้นั ไว้เอง หรอื สงั่ ใหผ้ นู้ น้ั หรอื
ผู้อืน่ สง่ หรือรกั ษาไว้

องค์ประกอบภายใน เจตนาธรรมดา

ความผดิ ฐานนผ้ี ูก้ ระทาํ อาจผิดฐานทาํ ใหเ้ สยี ทรพั ยห์ รือลกั ทรัพยด์ ้วยได้

ส่วนการ "ซ่อนเร้น" หมายถึง การปกปดิ หรือเอาทรพั ยห์ รอื เอกสารท่ตี อ้ งการไปไว้
ในทีท่ ่ีคันหาไม่พบ เชน่ สบั เปลย่ี นของกลาง เอาของอืน่ มาฝังเก็บ ฝงั ดินไว้ แยง่
เอามดี ของกลางไปทิง้ เอาสํานวนการสอบสวนไปซ่อน แม้จะไม่ไดท้ ําให้ทรพั ย์นน้ั
เสยี หายโดยตรง เช่น ลบรอยนวิ้ มอื ทปี่ นื หรอื ล้างคราบเลือดทมี่ ีด ก็เปน็ การทาํ ให้
ทรพั ย์นนั้ ไร้ประโยชนท์ จ่ี ะเปน็ พยานหลกั ฐานตอ่ ไปแลว้ "หากโยนทิง้ ชักโครก ก็
เปน็ การทําใหส้ ูญหาย

ท่สี ําคัญคอื ทรพั ยส์ ินหรอื เอกสารน้นั จะต้องเป็นส่ิงทเี่ จ้าพนักงานไดย้ ึดรกั ษาไว้
หรอื สง่ั ให้ส่งเพ่อื เป็นพยานหลกั ฐานหรอื เพ่อื บงั คบั การใหเ้ ป็นไปตามกฎหมาย เชน่
ตํารวจเอาของกลางมาจะทาํ บันทกึ ก็แยง่ เอาไปทงิ้ เปน็ ของท่ไี ดย้ ดึ แลว้ ถา้ เจา้
พนกั งานไมท่ นั เรยี กใหส้ ง่ ก็ดี ยงั ไมม่ ีการยดึ กด็ ี ยังไม่ใชท่ รพั ยต์ ามมาตรานี้ เช่น
ลักของไปแลว้ พอจะถูกจับก็รีบทําลายของนนั้ เสยี ก่อนเปน็ ตน้ ไมผ่ ิดมาตราน้ี
(เทียบมาตรา 184 ดว้ ย)

~ 14 ~

มาตรา 143

7. เป็นคนกลางเรยี กหรอื รับสินบน

องคป์ ระกอบภายนอก

(1) กระทาํ การตา่ งๆ ดงั ตอ่ ไปนี้ (ก) เรียก (ข) รบั หรอื (๑) ยอมจะรบั

(2) ทรพั ยส์ ินหรอื ประโยชน์อ่ืนใด

(3) สําหรบั ตนเองหรอื ผู้อื่น

(4) เป็นการตอบแทนในการทจี่ ะจูงใจหรือไดจ้ ูงใจ (ก) เจ้าพนกั งาน (ข) สมาชิก
สภากฎหมาย หรือโดยอทิ ธิพลของคน ให้กระทาํ การหรือไมก่ ระทาํ การในหนา้ ที่
อันเป็นคุณหรือโทษแก่บุคคลใด

องค์ประกอบภายใน เจตนาธรรมดา

ความผดิ ตามมาตรานต้ี อ้ งการเอาผดิ กบั ราษฎรทว่ั ไปทก่ี ระทาํ การดังกลา่ วไม่ได้
เอาผดิ กบั เจ้าพนกั งาน ความผิดตามมาตรานจี้ งึ ไม่ใชค่ วามผดิ ต่อตาํ แหน่งหน้าที่

ความผดิ สาํ เรจ็ เม่ือมกี ารเรยี ก รบั หรอื ยอมจะรบั ทรพั ยส์ นิ หรือประโยชนด์ ังกล่าว
ไม่ว่าเจ้าพนกั งานจะไดป้ ฏิบตั หิ รืองดเว้นการปฏิบตั ิตามหนา้ ทหี่ รอื ไม่ และแม้
ผกู้ ระทําไม่ไดร้ ูจ้ กั กับเจ้าพนักงานหรอื ไม่ไดค้ ิดไปวิง่ เต้นเลยแตห่ ลอกวา่ สามารถ
วงิ่ เต้นได้ ก็เปน็ ความผิดตามมาตราน้"ี หรอื เรยี กและรับเงินโดยอ้างวา่ จะเอาไปให้
"นาย" เพ่อื ชว่ ยให้หลดุ จากคดที ตี่ อ้ งหา" หรอื เรียกเงิน เอาไปให้ผพู้ พิ ากษาเพอื่ ให้
ยกฟอ้ ง"* และแมผ้ ้เู สยี หายจะไมห่ ลงเชื่อดาํ กลา่ วอา้ งของผูก้ ระทําและไมม่ ีเจตนา
จะมอบเงินให้แกจ่ ําเลย กเ็ ปน็ ความผิดตามมาตราน"ี้ เป็นตันการใช้ "อทิ ธพิ ล"
(influence) หมายถึงอาํ นาจทส่ี ามารถให้ผอู้ น่ื คลอ้ ยตามหรอื ทําตามหรอื บงั คับให้
ยอมซ่ึงอาจเกดิ จากฐานะหนา้ ทกี่ ารงานหรือการมพี วกมาก อิทธพิ ลเปน็ คํากลางๆ
จะผิดกฎหมายกต็ ่อเมอ่ื ใชใ้ นทางทไี่ มช่ อบ เชน่ การทาํ ให้ผูอ้ ่ืนกลวั ว่าจะถกู กล่นั
แกล้งหรือจะทําใหไ้ มไ่ ดร้ ับความเป็นธรรมถา้ ไม่ยอมทาํ ตามทผ่ี กู้ ระทาํ ความผิด
ต้องการ เชน่ แสดงตนวา่ ร้จู กั กบั ผ้มู อี ํานาจท่ีอาจให้ผลรา้ ยแกเ่ จา้ พนักงานในการ
ปฏิบตั ิหนา้ ที่ โดยอาจถกู โยกย้ายหรืองดความดคี วามชอบได้ เป็นต้น

~ 15 ~

มาตรา 144

8. ใหส้ นิ บนเจา้ พนกั งาน

องค์ประกอบภายนอก

(1) กระทําการอยา่ งหนึ่งอย่างใดดังตอ่ ไปนค้ี ือ ให้ ขอให้ หรือรบั วา่ จะให้

(2) ทรัพยส์ นิ หรอื ประโยชนอ์ ืน่ ใด

(3) เจ้าพนกั งาน สมาชิกสภานติ บิ ญั ญตั แิ หง่ รัฐ สมาชกิ สภาจังหวดั หรอื สมาชกิ
สภาเทศบาล

องค์ประกอบภายใน

(1) เจตนาธรรมดา

(2) มลู เหตุชกั จงู ใจ เพ่ือจูงใจใหก้ ระทําการ ไม่กระทาํ การ หรอื ประวงิ การกระทาํ อนั
มชิ อบดว้ ยหน้าท่ี

การกระทํา ไดแ้ ก่ การใหค้ ือ มอบให้ ขอใหค้ อื เสนอให้ หรือรับวา่ จะให้คอื จะให้
ในภายหน้า

ทรพั ย์สินหรือประโยชน์อื่นใด ไดแ้ ก่ เงนิ ทองหรอื ประโยชนอ์ ่นื ๆ เชน่ ได้สัมปทาน
ชนะการประมลู เส้ือผ้า ต๋วั ฟรี เล้ยี งอาหาร ฯลฯ

เจา้ พนกั งาน สมาชกิ สภานติ บิ ญั ญตั แิ หง่ รฐั สมาชิกสภาจงั หวดั สมาชิกสภา
เทศบาลเพอ่ื จูงใจให้กระทําการ ไมก่ ระทําการหรือประวงิ การกระทําอันมชิ อบดว้ ย
หน้าที่ ความผิดตามมาตรานี้เอาผิดกับราษฎรหรือคนท่วั ไปที่ใหส้ ินบนเจา้
พนกั งาน สว่ นตัวเจา้ พนักงานทรี่ ับสินบนไว้จะมคี วามผดิ ฐานเจ้าพนกั งานรบั สนิ บน
ตามมาตรา 149

ความผดิ สําเรจ็ เมือ่ มกี ารให้ ขอให้หรือรับว่าจะให้ทรพั ยส์ นิ หรอื ประโยชน์อ่ืนใด
เชน่ ใหต้ ๋ัวดูกฬี า ให้ใช้บรกิ ารฟรีแกเ่ จ้าพนกั งาน

เจตนาธรรมดา และมีมลู เหตชุ กั จูงใจเพอื่ จงู ใจใหก้ ระทาํ การ ไมก่ ระทําการหรือ
ประวงิ การกระทาํ อนั มชิ อบดว้ ยหน้าที่ สว่ นเจา้ พนักงานจะกระทาํ ตามทีป่ ระสงค์
หรอื ไมห่ รอื จะรบั ทรัพยส์ ินนน้ั แลว้ หรอื ไม่ ไม่เปน็ ขอ้ สาํ คัญ ถา้ ราษฎรให้สนิ บนเจา้

~ 16 ~

พนักงานเพือ่ ให้ปฏบิ ตั หิ นา้ ท่โี ดยมชิ อบเจ้าพนกั งานรับเอาก็ผิดฐานรบั สนิ บน
(มาตรา 149) ราษฎรผดิ ฐานใหส้ นิ บนตามมาตรานไ้ี มผ่ ดิ ฐานสนับสนนุ เจา้ พนักงาน
ให้รับสนิ บน" ขอให้เงินเพ่อื มใิ ห้พนักงานจับเมอ่ื กระทาํ ความผดิ เปน็ ความผดิ ตาม
มาตรน"้ี การเบิกความต่อตาลเป็นการทําหนา้ ท่อี ย่างพลเมอื งทวั่ ไป การให้และรบั
ว่าจะใหเ้ งนิ เพ่ือจูงใจใหต้ าํ รวจผ้จู บั กมุ ไปเบกิ ความตอ่ ศาลผดิ ไปจากความจรงิ ไม่
เปน็ ความผดิ ตามมาตราน2้ี เพราะไมใ่ ช่การปฏิบัติหนา้ ทอี่ ย่างไรกต็ ามถ้าใหส้ ินบน
เจ้าพนักงาน โดยไมส่ มคั รใจคอื ถกู บังคบั หรือให้เพ่ือให้นักงานปฏบิ ตั กิ ารตาม
หนา้ ท่หี รอื ที่เรยี กวา่ "หยอดน้ํามนั " (เป็นการให้เพ่อื อาํ สะดวกให้เจา้ พนกั งาน
ปฏบิ ตั กิ ารอนั ชอบดว้ ยหน้าท่)ี หรือให้เพ่ือใชเ้ ป็นพยานหลกั ฐานในการดําเนนิ คดี
เท่ากบั ไม่มเี จตนากระทําความผดิ " ผู้ใหไ้ ม่ผดิ ตามมาตราน้ี แต่เจ้าพนกั งานมี
ความผดิ ฐานรับสินบน (มาตรา 149)กํานันรายงานกลา่ วโทษจําเลยไปยงั อาํ เภอ พ้น
จากอํานาจหน้าทข่ี องกาํ นันแล้ว จาํ เลยเงนิ กํานันเพ่ือใหช้ ว่ ยประติดตอ่ กับอําเภอ
หรอื พนกั งานสอบสวนใหก้ ระทําคดเี สรจ็ ไปศาล การกระทาํ ของจําเลยไมผ่ ิดตาม
มาตรา 144 แต่อาจผิดมาตรา 143 ถา้ อิทธพิ ลในทางไม่ชอบ

คําพิพากษาศาลฎกี าที่ 4586/2531

การทจี่ ําเลยเรยี กและรับเงนิ จาก ท.กบั พวก โดยอา้ งวา่ จะเอาไปใหผ้ ูพ้ พิ ากษาศาล
อุทธรณเ์ พ่ือให้พพิ ากษายกฟ้องในคดที ี่ ท.กับพวกเป็นจําเลย ดังน้ี ผพู้ พิ ากษาศาล
อทุ ธรณ์ทจี่ ําเลยอ้างดงั กลา่ วย่อมหมายถึงผพู้ ิพากษาผู้มีอาํ นาจพจิ ารณาพพิ ากษา
คดีในศาลอทุ ธรณ์ไดต้ ามกฎหมายแมจ้ ะมิได้เปน็ เจ้าของสํานวนหรอื องคค์ ณะที่
พจิ ารณาพิพากษาคดนี ้นั ก็ตาม กถ็ ือวา่ เป็นเจ้าพนักงานทจ่ี าํ เลยจะจูงใจใหก้ ระทาํ
การในหนา้ ทีอ่ นั เปน็ คณุ หรอื เปน็ โทษแก่ ท. กับพวกแลว้ การกระทาํ ของจาํ เลยจึง
เปน็ ความผดิ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 143

คําพพิ ากษาศาลฎกี าที่ 7695/2543

การทจี่ ําเลยที่ 2 ร่วมเรยี กและรับเงินไปจาก น. เปน็ การตอบแทนโดยอ้างวา่ จะ
นําไปใช้จูงใจเจ้าพนักงานในตําแหนง่ ผ้พู พิ ากษาโดยวธิ กี ารอนั ทุจรติ ใหก้ ระทํา
การในหนา้ ที่พพิ ากษาคดโี ดยรอการลงโทษจาํ คุกให้แก่ น. ในคดอี าญาท่ี น. ถกู
ฟ้องน้ัน ครบองคป์ ระกอบตามผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 143 แล้ว แม้
จําเลยท้ังสองไม่ไดไ้ ปจงู ใจผูพ้ ิพากษาใหก้ ระทําการในหน้าทีใ่ หเ้ ป็นคณุ แก่ น. ก็
ยังครบองค์ประกอบความผดิ ตามมาตรา 143 แม้คําเบกิ ความของ น. ไม่ไดร้ ะบชุ ื่อผู้

~ 17 ~

พิพากษาซึ่งมหี นา้ ทพี่ จิ ารณาคดอี าญาที่ น. ถูกฟอ้ ง กไ็ ม่ทาํ ใหก้ ารกระทําของ
จําเลยที่ 2 ไมเ่ ป็นความผิดเพราะขาดองคป์ ระกอบความผิดไปแตอ่ ยา่ งใด

คาํ พิพากษาศาลฎกี าท่ี 511/2516

การปฏบิ ัตกิ ารของเจา้ พนกั งานคนหน่ึงคนใดจะเป็นการกระทําในหนา้ ทีห่ รอื ไม่
ย่อมเป็นไปตามกฎหมายทก่ี าํ หนดอํานาจและหนา้ ทขี่ องพนักงานเจา้ หน้าท่ี หรือ
ตามระเบยี บหรือคาํ ส่งั ของทางราชการ เจา้ พนกั งานตํารวจย่อมมหี นา้ ท่ีสบื สวน
จบั กุมผกู้ ระทําความผดิ สว่ นการฟอ้ งรอ้ งผูก้ ระทาํ ความผดิ หรอื ไมย่ อ่ มอยใู่ นอํานาจ
ของพนักงานสอบสวนและพนกั งานอยั การ และการที่เจ้าพนกั งานตาํ รวจผู้จบั กุม
จะตอ้ งไปเบกิ ความเปน็ พยานหรอื ไม่ ยอ่ มอย่ใู นดลุ พนิ ิจของพนกั งานอยั การและ
ศาล มใิ ช่ว่าเมอื่ ตํารวจคนใดไดจ้ ับผกู้ ระทาํ ความผดิ แลว้ จะต้องไปเบกิ ความเปน็
พยานต่อศาลเสมอไปจนถอื วา่ เปน็ หนา้ ที่ การท่เี จ้าพนกั งานตาํ รวจผจู้ บั กุมผกู้ ระทาํ
ความผดิ มีหนา้ ท่ีต้องเบกิ ความต่อศาลตามความสจั จรงิ ในฐานะเปน็ พยานในคดีท่ี
ผู้กระทาํ ความผดิ ถกู ฟอ้ งนัน้ เป็นหน้าทอ่ี ยา่ งเดียวกบั ประชาชนทั่วๆ ไป หาใช่เป็น
หนา้ ท่ีโดยตรงอันสืบเนอ่ื งมาจากการท่เี ปน็ เจ้าพนักงานผจู้ ับกุมผกู้ ระทาํ ความผิด
ไม่ หนา้ ที่ทีต่ ้องเบกิ ความตามความสจั จริง จงึ ไม่เป็นการกระทําการในหนา้ ทข่ี อง
เจา้ พนกั งานโดยเฉพาะ แมจ้ าํ เลยจะเรยี กและรบั เงินจากผูอ้ น่ื เพือ่ จงู ใจเจ้า
พนักงานดังกลา่ วใหเ้ บกิ ความผดิ ไปจากความจริง ก็ไม่เปน็ ความผดิ ตามประมวล
กฎหมายอาญา มาตรา 143

~ 18 ~

มาตรา 145

9. แสดงตนและกระทําการเปน็ เจ้าพนักงาน

การกระทาํ ได้แก่ การแสดงตนเป็นเจ้าพนักงาน และกระทาํ การเปน็ เจ้าพนกั งาน
โดยตนเองมไิ ด้เปน็ เจา้ พนกั งานทมี่ อี าํ นาจกระทํานั้น รวมถึงการทเ่ี จ้าพนกั งาน
ผู้ใดไดร้ ับคาํ สัง่ มิให้ปฏิบัตกิ ารตามตําแหนง่ หน้าทต่ี อ่ ไปแลว้ ยงั ฝาฝืนกระทาํ การ
ใดๆ ในตําแหน่งหนา้ ท่ีนั้นแยกไดเ้ ปน็

2 ความผดิ คือ

ความผดิ ท่ี 1

องค์ประกอบภายนอก

(1) แสดงตนเปน็ เจ้าพนกั งาน และ

(2) กระทําการเป็นเจ้าพนกั งาน

(3) โดยตนเองมไิ ดเ้ ปน็ เจ้าพนักงานที่มอี าํ นาจกระทาํ การนัน้

องคป์ ระกอบภายใน เจตนาธรรมดา

การแสดงตนเปน็ เจ้าพนักงาน เช่น แต่งเครอื่ งแบบตํารวจหรอื อา้ งวา่ เปน็ ตํารวจ
นอกเครือ่ งแบบอา้ งวา่ เปน็ เจ้าพนักงานสรรพสามิต และกระทาํ การเป็นเจ้าพนกั งาน
เช่น เขา้ ตามจบั บคุ คลหาวา่ กระทาํ ความผดิ * อ้างว่าเปน็ แพทย์ประจํากระทรวง
สาธารณสขุ ทาํ การตรวจรักษาโรค" หรือเปน็ เจา้ พนักงานมีอาํ นาจหนา้ ทีอ่ ย่างหน่งึ
แต่กระทําการนอกหนา้ ทีโ่ ดยแสดงวา่ ตนมีอาํ นาจหน้าทท่ี ําการน้นั เช่น เปน็ เจา้
พนกั งานตราไม้ไมม่ อี าํ นาจจับ แต่แสดงตราว่าจะเป็นความผดิ ตามมาตราน้ี แตง่
กายสกี ากคี ล้ายตาํ รวจเรียกรถบรรทกุ ให้หยดุ ตรวจผดิ ตามมาตรา นี้" การกระทาํ ท่ี
จะเปน็ ความผดิ ตามมาตรานีต้ ้องปรากฏว่าผกู้ ระทําไดแ้ สดงตนเปน็ เจา้ พนกั งาน
และไดก้ ระทําการเป็นเจา้ พนักงานดว้ ย ถ้าเป็นเพียงแตแ่ สดงตนเปน็ เจ้าพนักงาน
เช่น ตํารวจจะค้นรถทขี่ ับมา คนขับรถอ้างว่าตนเป็นตํารวจคันไม่ได้ เพยี งแสดงตน
เปน็ เจา้ พนักงาน แตไ่ ม่ได้กระทาํ การเปน็ เจา้ พนกั งาน ไมผ่ ดิ ตามมาตราน"้ี หรือ
อ้างวา่ เป็นตาํ รวจขอดนั บ้านแลว้ กลบั ขู่เอาทรัพย์หรอื ปลนั ทรพั ยก์ ็เช่นกนั ไมผ่ ดิ
มาตรานี้

~ 19 ~

การแสดงตนอาจเกดิ จากการแนะนาํ ของผูอ้ นื่ และถกู แนะนาํ นงิ่ เฉยไม่ปฏเิ สธวา่
ตนเองไม่ใช่เจ้าพนกั งาน กถ็ ือวา่ เป็นการแสดงตนเปน็ เจา้ พนกั งานตามมาตรานี้
แล้ว"

ความผดิ ที่ 2

องคป์ ระกอบภายนอก

(1) เปน็ เจา้ พนักงาน

(2) ไดร้ ับคําสงั่ มใิ หป้ ฏิบตั กิ ารตามตําแหนง่ หน้าที่ต่อไปแลว้

(3) ยงั ฝา่ ฝนื กระทําการใดในตําแหนง่ หน้าทน่ี ั้น

องคป์ ระกอบภายใน เจตนาธรรมดา

กรณีเชน่ เจ้าพนักงานถกู พกั ราชการหรือสง่ั ใหไ้ ปปฏบิ ตั ิหนา้ ท่อี ืน่ แล้ว แตย่ ังขืนทาํ
หนา้ ท่ีเดมิ อยู่อีก แตไ่ มห่ มายความถึงเจา้ พนกั งานขณะลาพกั หรอื หนีราชการซ่ึงยัง
ไม่พ้นหน้าทีร่ าชการ"

ในกรณนี ้ี เจา้ พนักงานผู้กระทําต้องรถู้ ึงข้อเทจ็ จรงิ ทวี่ า่ ตนไมไ่ ดม้ หี น้าที่ตามดาํ รง
แหน่งนน้ั อกี ต่อไปแลว้ เช่น ไดร้ ับคําสงั่ ให้ไปปฏบิ ัตริ าชการท่ีอื่น โดยมีคําส่ังให้
ผอู้ ืน่ มารกั ษาราชการแทนแล้วกยงั ทาํ หนา้ ท่ีอยู่ เชน่ ลงช่อื ย้อนหลัง เปน็ ความผดิ
ตามมาตรานี้ จะอา้ งรอโปรดเกลา้ ใหด้ ํารงตาํ แหน่งใหม่กอ่ นไม่ได้ เพราะมาตราน้ี
มีคาํ ว่าไมใหป้ ฏบิ ตั ิหนา้ ที่เดิมแลว้ ถา้ เพยี งแต่รับคําสงั่ (ให้เลกิ ทําหนา้ ทน่ี ้นั แล้ว)
แต่ยงั ไมท่ ันไดเ้ ปิดออกอ่าน เพราะอยากทํางานท่ีดา้ งอย่ใู ห้เสรจ็ กอ่ น ดังนี้ไม่มี
ความผดิ " ทง้ั นีค้ งต้องคูตามพฤตกิ ารณท์ ปี่ รากฎด้วย มิใชว่ ่าจงใจไมร่ บั คําสงั่ ท้ังๆ
ท่ีรู้อยแู่ ลว้

การลงช่อื อนมุ ตั ิเรอ่ื งตา่ งๆย้อนหลงั ก็เขา้ ตามมาตรานเี้ พราะลงช่อื หลงั จากตนพ้น
จากตําแหน่งไปไมม่ หี นา้ ท่ีใด ๆ แล้ว

คําพพิ ากษาศาลฎกี าท่ี 2099/2527

จําเลยไม่ได้เป็นเจ้าพนักงานตาํ รวจ แต่แต่งกายดังท่เี จา้ พนกั งานตาํ รวจนอก
เคร่ืองแบบแตง่ กันตามปกติ โดยนุ่งกางเกงสีกากี สวมเสอ้ื คอกลมขาว คาดเขม็ ขดั
หนงั ยนื ใหส้ ัญญาณรถยนตบ์ รรทุกทผี่ ่านไปมาให้หยุดรถเพอ่ื ตรวจตรงจุดที่

~ 20 ~

รถยนต์ตาํ รวจทางหลวงจอดอย่เู ปน็ ประจาํ อนั ทําใหบ้ คุ คลทั่วไปอาจเขา้ ใจไดว้ า่
จาํ เลยเปน็ เจา้ พนักงานตํารวจ ในการเรยี กตรวจรถแตล่ ะครั้งจําเลยแสดงให้เปน็ ที่
เขา้ ใจไดว้ า่ ไดร้ ับเงนิ จากพวกคนขบั รถยนต์บรรทกุ พฤตกิ ารณ์ของจาํ เลยฟังไดว้ า่
จําเลยแสดงตนและกระทําการเปน็ เจ้าพนักงานตาํ รวจทางหลวงจําเลยจงึ มี
ความผดิ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 145

คําพิพากษาศาลฎกี าท่ี 1674/2520

จําเลยซึ่งเป็นเจ้าพนักงานได้เรียกเงนิ จากโจทกร์ ว่ มสําหรบั ตนเองโดยมชิ อบเพอ่ื
ช่วยเหลอื มิใหห้ ้างท่โี จทกร์ ว่ มเป็นหนุ้ สว่ นผจู้ ัดการต้องเสยี ภาษเี พมิ่ ขนึ้ การที่
โจทกร์ ่วมนําเงนิ ของกลางไปใหจ้ าํ เลยตามแผนการของเจ้าหนา้ ทตี่ าํ รวจเพอื่ จะได้
จับกุมจําเลยน้นั จึงเปน็ การแสวงหาพยานหลกั ฐานเพื่อผกู มดั ตัวจาํ เลยผกู้ ระทาํ ผิด
โจทกร์ ว่ มหาได้สมัครใจให้เงนิ จาํ เลยไม่ จะถือว่าเป็นการรว่ มมือ ส่งเสรมิ สนบั สนนุ
หรือจงู ใจให้จาํ เลยกระทําผิดไม่ได้ โจทกร์ ่วมซึ่งเปน็ เจา้ ของแท้จรงิ และมิได้ร้เู หน็
เปน็ ใจดว้ ยในการกระทาํ ความผดิ ชอบทจ่ี ะรอ้ งขอต่อศาลให้คืนเงนิ ของกลางแก่
โจทกร์ ่วมไดต้ ามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36

คาํ พพิ ากษาศาลฎกี าท่ี 1394/2514

จาํ เลยเป็นพนกั งานตตี ราไม้ ไมใ่ ชพ่ นกั งานปา่ ไม้ผมู้ ีอาํ นาจจับกมุ ผู้กระทําผิดตาม
พระราชบัญญตั ิป่าไม้ จําเลยไดแ้ สดงตวั เป็นเจ้าพนกั งานป่าไมผ้ มู้ อี ํานาจจบั กุม
แล้วไดท้ ําการจบั กมุ ผเู้ สียหายในเรื่องไม้ทีผ่ เู้ สยี หายมไี วใ้ นครอบครองและยังเรยี ก
เงินจากผเู้ สียหายดว้ ยการกระทําของจาํ เลยยอ่ มเป็นความผดิ ตามประมวล
กฎหมายอาญา มาตรา 145

~ 21 ~

มาตรา 146

10. สวมเครื่องแบบหรอื ประดับเครอื่ งหมายของเจา้ พนักงาน
องคป์ ระกอบภายนอก
หรอื ประดบั เครอื่ งหมายของเจา้ พนักงาน สมาชกิ สภานิติบญั ญตั แิ หง่ รฐั สมาชกิ
สภาจงั หวัด
(1) ไม่มีสทิ ธกิ ระทําการอย่างหนึง่ อยา่ งใดดังต่อไปน้ี (ก) ไมม่ ีสทิ ธทิ ีจ่ ะสวม
เครือ่ งแบบ
สมาชิกสภาเทศบาล หรือ (ข) ไมม่ ีสิทธิยศ ตาํ แหนง่ เครื่องราชอสิ รยิ าภรณ์ หรอื สิ่ง
ที่หมายถงึ
เครอ่ื งราชอสิ รยิ าภรณ์
(2) กระทาํ การเชน่ น้ัน
องค์ประกอบภายใน
(1) เจตนาธรรมดา
(2) มูลเหตชุ กั จงู ใจ เพอ่ื ใหบ้ คุ คลอืน่ เชือ่ วา่ ตนมีสทิ ธิ

เคร่ืองแบบหรือเครอื่ งหมาย ตลอดจนเครอ่ื งราชอิสริยาภรณ์ย่อมมกี ฎหมายบัญญตั ิ
กําหนดขน้ึ เฉพาะ เชน่ เป็นพลตํารวจแต่ประดบั ยศสบิ ตาํ รวจโทผดิ มาตรานี้ หาก
เพยี งเอาหมวกตํารวจมาสวมไมผ่ ดิ ตามมาตราน้ีเพราะหมวกไม่ใชเ่ ครื่องแบบยศ"
การถูกปลดแตไ่ มไ่ ดถ้ กู ถอนยศถือวา่ ยงั มีสิทธใิ ชย้ ศน้นั อย"ู่ ไมผ่ ิดมาตราน้ี
ผู้กระทําต้องไดก้ ระทาํ ให้ปรากฏแก่คนอน่ื โดยมมี ลู เหตชุ กั จงู ใจเพ่ือให้เขา
หลงเชอ่ื ว่าตนมสี ทิ ธิ เชน่ แต่งชดุ เจ้าพนักงานถา่ ยรปู ติดบตั รประจาํ ตวั หรือใบ
สมัครตา่ งๆ ตดิ ใบขับข่รี ถยนตถ์ ้าแตง่ อยคู่ นเดียวหรอื แตง่ ในการแสดงละคร แต่มี
คนแอบมาถ่ายรูปเอาไปเผยแพรเ่ อง ผกู้ ระทาํ ย่อมไม่มคี วามผดิ เพราะขาดมลู เหตุ
ชักจงู ใจเพ่ือให้บคุ คลหลงเช่อื วา่ ตนมสี ิทธิ

~ 22 ~

คาํ พพิ ากษาศาลฎกี าท่ี 1093/2491

ความในมาตรา 128 แหง่ ก.ม.ลกั ษณะอาญา เปน็ เรือ่ งแต่งกายดว้ ยเครอ่ื งอาภรณ์
โดยประสงคใ์ หเ้ ขาเชอ่ื ถอื ว่าเปน็ ผมู้ ียศบรรดาศักดิ์ จําเลยสวมหมวกตาํ รวจโดย
ประสงคจ์ ะให้เขาเชื่อถอื วา่ เปน็ เจา้ พนกั งานตํารวจ ไม่เปน็ ผิดตาม ก.ม.ลกั ษณะ
อาญา มาตรา 128.

คําพพิ ากษาศาลฎกี าท่ี 2752/2519

ในการสมัครรบั เลอื กตง้ั เปน็ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จําเลยกรอกใบสมคั รด้วย
ตนเองว่าจาํ เลยมยี ศรอ้ ยโทย่นื ตอ่ ผู้วา่ ราชการจงั หวัด กบั แจง้ ตอ่ ผวู้ า่ ราชการ
จังหวดั ซ่งึ มหี น้าทส่ี อบสวนคณุ สมบตั ิใหจ้ ดขอ้ ความอันเป็นเทจ็ ลงในบนั ทกึ การ
สอบสวนวา่ จาํ เลยมยี ศร้อยโท โดยจาํ เลยรอู้ ยแู่ ลว้ ว่าเปน็ ความเท็จ ดงั น้ี การกระทาํ
ของจาํ เลยแยกไดเ้ ปน็ 2 ตอน คอื จําเลยเอาใบสมัครมายืน่ ตอ่ ผวู้ า่ ราชการจังหวัด
ตอนหนงึ่ กับเมอื่ ผู้วา่ ราชการจงั หวดั รบั ใบสมัครของจาํ เลยแลว้ ทําการสอบสวน
ปากคําจําเลยถงึ เรอ่ื งคณุ สมบตั ขิ องจาํ เลยอกี ตอนหนึ่ง การที่จําเลยเขียนใบสมคั ร
ว่ามียศร้อยโทมาย่ืนตอ่ ผวู้ ่าราชการจังหวัดน้ัน เป็นการแจ้งขอ้ ความอันเป็นเทจ็ แก่
เจา้ พนักงานแลว้ และการกระทําของจําเลยในตอนยน่ื ใบสมคั รน้เี ป็นคนละกรรม
กบั การกระทําในตอนท่ผี วู้ า่ ราชการจงั หวดั สอบสวนคุณสมบตั ิของจําเลยแลว้
จําเลยแจง้ ว่ามยี ศร้อยโท อนั เป็นความผดิ ฐานแจง้ ใหเ้ จ้าพนักงานจดขอ้ ความเท็จ
ลงในเอกสารราชการหาใช่เป็นการกระทาํ กรรมเดียวไม่

~ 23 ~

บรรณานกุ รม

ธรี ยุทธ ปักษา. (2564). คาํ อธบิ ายประมวลกฎหมายแพ่งละพาณิชย์ ซ้ือ
ขาย แลกเปลี่ยน ให้ เช่าทรพั ย์ (พิมพ์ ร้ังที่1)
กรุงเทพมหานคร : สาํ นกั พมิ พ์นิตกิ รรม.

เวบ็ ไซต์ https://deka.in.th/view-32833.html


Click to View FlipBook Version