1. สามารถบอกวิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์ได้
2. สามารถบอกบิดาแห่งคอมพิวเตอร์ได้
2. สามารถบอกอุปกรณ์หลักของคอมพิวเตอร์
ในยุคต่าง ๆ ได้
เอกสารประกอบการเรียนเล่มนี้ ประกอบด้วยเนื้อหา
เกี่ยวกับประวัติคอมพิวเตอร์ และแบบทดสอบ ใช้ประกอบเรียน
ออนไลน์ ด้วยหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-book) นักเรียนปฏิบัติ
ตนดังนี้
1. ผู้เรียนต้องเชื่อฟังครูผู้สอนและผู้ปกครองอย่าง
เคร่งครัด ครูอธิบายถึงจุดประสงค์ในการเรียนว่า เมื่อเรียนเสร็จ
แล้วนักเรียนจะเรียนรู้สิ่งใดได้บ้าง
2. ผู้เรียนเข้าสื่อการสอนส าหรับนักเรียนชั้น ป.5 วิชา
วิทยาการค านวณ เรื่อง ประวัติคอมพิวเตอร์ เป็นหนังสือ
อิเล็กทรอนิกส์ (E-book) การสอนของครูและผู้ปกครอง
3. ท าแบบทดสอบ จากนั้นตรวจค าตอบจากเฉลยและ
บันทึกคะแนน
4. ผู้เรียนมีความซื่อสัตย์ต่อตนเองไม่เปิดดูเฉลยขณะ
ท าแบบทดสอบ
่
ิ
็
ี
่
คอมพวเตอร์ทีเราใช้กันอยูทุกวันน้เปนผลมาจาก
การประดิษฐ์คิดค้นเครืองมอในการค านวณซึงม ี
่
ื
่
่
่
ื
วิวัฒนาการนานมาแล้ว เริมจากเครืองมอในการ
่
่
ค านวณเครืองแรกคือ "ลูกคิด" (Abacus) ทีสร้าง
ขึ้นในประเทศจน เมือประมาณ 2,000-3,000 ป ี
ี
่
มาแล้ว
่
ี
ิ
จนกระทังในป พ.ศ. 2376 นักคณตศาสต์ชาวอังกฤษ
ื
่
ชอ ชาร์ล แบบเบจ (Charles Babbage) ได้
่
ประดิษฐ์เครืองวิเคราะห์ (Analytical Engine)
่
สามารถค านวณค่าของตรีโกณมิติ ฟงก์ชันต่างๆ ทาง
ั
่
็
คณตศาสตร์ การท างานของเครืองน้แบ่งเปน 3 ส่วน
ิ
ี
็
คือ ส่วนเกบข้อมูล ส่วนค านวณ และส่วนควบคุม ใช้
่
ื
ระบบพลังเครืองยนต์ไอน าหมุนฟนเฟอง มีข้อมูลอยูใน
้
่
ั
ู
็
บัตรเจาะร ค านวณได้โดยอัตโนมัติ และเกบข้อมูลใน
หน่วยความจ า ก่อนจะพิมพ์ออกมาทางกระดาษ
่
่
ี
้
หลักการของแบบเบจนเองทีได้นามาพัฒนาสร้างเครือง
คอมพิวเตอร์สมัยใหม่ เราจึงยกย่องให้แบบเบจเปน บิดาแห่ง
็
่
เครืองคอมพิวเตอร์
็
หลังจากนั้นเปนต้นมา ได้มีผู้ประดิษฐ์เครืองคอมพิวเตอร์ขึนมา
่
้
็
มากมายหลายขนาด ท าให้เปนการเริ่มยุคของคอมพิวเตอร์
อย่างแท้จริง โดยสามารถจัดแบ่งคอมพิวเตอร์ออกได้เปน 5
็
ยุค
่
่
ยุคทีหนึง (First Generation Computer) พ.ศ. 2489-2501
่
ยุคทีสอง (Second Generation Computer) พ.ศ. 2502-2506
่
ยุคทีสาม (Third Generation Computer) พ.ศ. 2507-2512
ยุคทีสี (Fourth Generation Computer) พ.ศ. 2513-2532
่
่
่
ยุคทีห้า (Fifth Generation Computer) พ.ศ. 2533 จนถึง
ปจจุบัน
ั
่
็
่
่
เปนการประดิษฐ์เครืองคอมพิวเตอร์ทีมิใช่เครืองค านวณ โดยเมาช์
ลีและเอ็กเคอร์ต (Mauchly and Eckert) ได้นาแนวความคิดนั้นมา
่
ประดิษฐ์เปนเครืองคอมพิวเตอร์ทีมีประสิทธิภาพมากเครืองหนง
ึ
่
่
็
่
เรียกว่า ENIAC (Electronic Numericial Integrator and
Calculator) ซึงต่อมาได้ท าการปรับปรุงการท างานของเครือง
่
่
้
่
คอมพิวเตอร์ให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึน และได้ประดิษฐ์เครือง
UNIVAC (Universal Automatic Computer) ขึนเพือใช้ในการ
้
่
ี
ส ารวจส ามะโนประชากรประจ าป
่
่
ลักษณะเฉพาะของเครืองคอมพิวเตอร์ยุคท 1
ี
์
ใช้อุปกรณ หลอดสุญญากาศ (Vacuum
็
่
Tube) เปนส่วนประกอบหลัก ท าให้ตัวเครืองมี
้
่
ขนาดใหญ ใช้พลังงานไฟฟามาก และเกิดความ
ร้อนสูง
่
ท างานด้วยภาษาเครือง (Machine
Language) เท่านั้น
เริ่มมีการพัฒนาภาษาสัญลักษณ
์
้
(Assembly / Symbolic Language) ขึนใช้งาน
ื
้
มการน าทรานซิสเตอร์ มาใชในเคร่อง
ี
ื
็
ี
คอมพิวเตอร์จึงท าให้เคร่องมขนาดเลกลง และ
ิ
ิ
ี
สามารถเพิ่มประสทธภาพในการท างานให้มความ
รวดเรวและแมนย ามากยิ่งขึ้น นอกจากน้ ในยคน้ ี
ี
ุ
่
็
ื
ยังได้มการคิดภาษาเพื่อใชกบเคร่องคอมพิวเตอร์
ี
้
ั
่
เชน ภาษาฟอร์แทน (FORTRAN) จึงท าให้ง่าย
ื
ั
ต่อการเขียนโปรแกรมส าหรบใชกบเคร่อง
ั
้
่
ี
ลักษณะเฉพาะของเครืองคอมพิวเตอร์ยุคท 2
่
ุ
ใช้อปกรณ์ ทรานซิสเตอร์ (Transistor) ซึ่งสราง
้
็
จากสารกึ่งตัวน า (Semi-Conductor) เปน
ุ
อปกรณ์หลก แทนหลอดสญญากาศ
ั
ุ
้
่
้
่
เก็บขอมูลได้ โดยใชสวนความจ าวงแหวนแมเหล็ก
(Magnetic Core)
ั
็
ี
มความเรวในการประมวลผลในหน่งค าส่ง ประมาณ
ึ
ึ
หน่งในพันของวินาที (Millisecond : mS)
ื
ส่งงานได้สะดวกมากขึ้น เน่องจากท างานด้วยภาษา
ั
ั
ั
สญลกษณ์ (Assembly Language)
ิ
เร่มพัฒนาภาษาระดับสูง (High Level
Language) ขึ้นใชงานในยคน้ ี
้
ุ
ิ
ั
ี
คอมพิวเตอร์ในยคน้เร่มต้นภายหลงจากการใช ้
ุ
ี
ทรานซิสเตอร์ได้เพียง 5 ป เน่องจากได้มการ
ี
ื
้
ั
ประดิษฐ์คิดคนเกี่ยวกบวงจรรวม (Integrated-
ี
Circuit) หรอเรยกกันย่อๆ ว่า "ไอซี" (IC) ซึ่งไอซี
ื
น้ท าให้สวนประกอบและวงจรต่างๆ สามารถวางลง
ี
่
่
่
ได้บนแผนชิป (chip) เล็กๆ เพียงแผนเดียว
ี
่
ลักษณะเฉพาะของเครืองคอมพิวเตอร์ยุคท 3
่
ใช้อุปกรณ์ วงจรรวม (Integrated Circuit :
่
IC) หรือ ไอซี และวงจรรวมสเกลขนาดใหญ (Large
็
Scale Integration : LSI) เปนอุปกรณ์หลัก
่
ความเร็วในการประมวลผลในหนึ่งค าสัง ประมาณ
ี
หนึ่งในล้านของวินาท (Microsecond : mS)
่
่
(สูงกว่าเครืองคอมพิวเตอร์ในยุคท 1 ประมาณ 1,000
ี
เท่า)
่
ท างานได้ด้วยภาษาระดับสูงทัวไป
็
้
ุ
็
เปนยคที่น าสารกึ่งตัวน ามาสรางเปนวงจรรวม
ุ
ความจสูงมาก (Very Large Scale
่
Integrated : VLSI) ซึ่งสามารถย่อสวนไอซี
ธรรมดาหลายๆ วงจรเข้ามาในวงจรเดียวกัน และ
มีการประดิษฐ์ ไมโครโพรเซสเซอร์
(Microprocessor) ขึ้น ท าให้เคร่องมขนาด
ี
ื
็
เลก ราคาถูกลง และมความสามารถในการท างาน
ี
สูงและรวดเรวมาก
็
ี
่
่
ลักษณะเฉพาะของเครืองคอมพิวเตอร์ยุคท 4
่
ใช้อุปกรณ์ วงจรรวมสเกลขนาดใหญ (Large
Scale Integration : LSI) และ วงจรรวมสเกล
่
ขนาดใหญมาก (Very Large Scale
Integration : VLSI) เปนอุปกรณ์หลัก
็
่
มความเร็วในการประมวลผลแต่ละค าสัง ประมาณ
ี
หนึ่งในพันล้านวินาท (Nanosecond : nS) และ
ี
พัฒนาต่อมาจนมีความเร็วในการประมวลผลแต่ละค าสัง
่
ี
ประมาณหนึ่งในล้านล้านของวินาท (Picosecond :
pS)
โครงการพัฒนาอุปกรณ์ VLSI ให้ใช้งานง่าย และม ี
ความสามารถสูงขึ้น รวมทั้งโครงการวิจัยและพัฒนา
ี
่
์
ั
เกยวกับ ปญญาประดิษฐ (Artificial
Intelligence : AI) เปนหัวใจของการพัฒนาระบบ
็
คอมพิวเตอร์ในยุคน้ โดยหวังให้ระบบคอมพิวเตอร์มี
ี
ความร้ สามารถวิเคราะห์ปญหาด้วยเหตุผล
ั
ู
ี
่
่
ลักษณะเฉพาะของเครืองคอมพิวเตอร์ยุคท 5
1. ระบบหุ่นยนต์ หรือแขนกล (Robotics
or Robotarm System)
2. ระบบประมวลภาษาพูด (Natural
Language Processing System)
ู
3. การร้จ าเสียงพูด (Speech
Recognition System)
ี
่
4. ระบบผู้เชยวชาญ (Expert System)
1. คอมพิวเตอร์มวิวัฒนาการมาจากอะไร
ี
ก. เครื่องคิดเลข ข. ลูกคิด
ค. เครื่องค านวณ ง. คอมพิวเตอร์
ื
2. บิดาแห่งคอมพิวเตอร์มชอว่าอะไร
่
ี
ก. แบลส ปาสคาล ข. โฮเวิร์ด ไอเคน
ค. ชาร์ล แบบเบจ ง. เฮอร์แมน ฮอนเลอริท
่
็
3. ยุคของคอมพิวเตอร์แบ่งเปนกยุค
ี
ก. 2 ยุค ข. 3 ยุค
ค. 4 ยุค ง. 5 ยุค
็
์
่
4. คอมพิวเตอร์ยุคท 1 ใชอะไรเปนอุปกรณหลัก
้
ี
ก. หลอดสุญญากาศ ข. ทรานซิสเตอร์
ค. วงจรรวม ง. ปัญญาประดิษฐ์
์
่
ี
็
้
5.คอมพิวเตอร์ยุคท 2 ใชอะไรเปนอุปกรณหลัก
ก. หลอดสุญญากาศ ข. วงจรรวม
ค. ทรานซิสเตอร์ ง. ปัญญาประดิษฐ์
ี
์
็
้
่
6.คอมพิวเตอร์ยุคท 3 ใชอะไรเปนอุปกรณหลัก
ก. หลอดสุญญากาศ ข. ปัญญาประดิษฐ์
ค. ทรานซิสเตอร์ ง. วงจรรวม
7.คอมพิวเตอร์ยุคท 4 ใชอะไรเปนอุปกรณหลัก
้
์
ี
็
่
ก. หลอดสุญญากาศ ข. วงจรรวม
ค. ปัญญาประดิษฐ์ ง. ทรานซิสเตอร์
์
็
ี
8.คอมพิวเตอร์ยุคท 5 ใชอะไรเปนอุปกรณหลัก
้
่
ก. หลอดสุญญากาศ ข. ทรานซิสเตอร์
ค. วงจรรวม ง. ปัญญาประดิษฐ์
1. ข
2. ค
3. ง
4. ก
5. ค
6. ง
7. ข
8. ง