The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

การแสดงนาฏศิลป์ที่ใช้อุปกรณ์ประกอบการแสดง2

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ชนิดา เป็งคณะ, 2020-02-25 10:42:36

การแสดงนาฏศิลป์ที่ใช้อุปกรณ์ประกอบการแสดง2

การแสดงนาฏศิลป์ที่ใช้อุปกรณ์ประกอบการแสดง2

การแสดงนาฏศิลป์
ท่ีใชอ้ ุปกรณ์ประกอบการแสดง

ระบำฉิ่ง

เป็ นการแสดงในรูปแบบสร้างสรรคอ์ ีกชุดหน่ึง โดยนาเครื่องประกอบจงั หวะของวงดนตรี
ไทยมาประดิษฐ์เป็ นการแสดงในรูปแบบระบาเบ็ดเตล็ด ท่ีมาของระบาชุดน้ีคือ พลตรี พระเจา้ ว
รวงศเ์ ธอ พระองคเ์ จา้ ภาณุพนั ธ์ยคุ ล เคยทอดพระเนตรการแสดงของชาวธิเบต ใชฉ้ ่ิงประกอบท่ารา
จึงทรงขอใหน้ ายมนตรี ตราโมท ผเู้ ช่ียวชาญดา้ นดุริยางคไ์ ทย กรมศิลปากร และศิลปิ นแห่งชาติ แต่ง
ทานองเพลง นางลมุล ยมะคุปต์ ผเู้ ชี่ยวชาญการสอนนาฏศิลป์ วิทยาลยั นาฏศิลป์ กรมศิลปากร และ
นางเฉลย ศุขะวณิช ผูเ้ ช่ียวชาญการสอนนาฏศิลป์ วิทยาลยั นาฏศิลป กรมศิลปากร และศิลปิ น
แห่งชาติ ประดิษฐ์ลีลาท่าราระบาฉ่ิง เพื่อแสดงในงาน “นาฏลีลาน้อมเกล้า” เนื่องในวโรกาส
พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยูห่ ัวเสด็จเถลิงถวลั ยราชสมบตั ิปี ท่ี ๓๖ ณ โรงละครแห่งชาติ เมื่อวนั ท่ี ๙
ธนั วาคม พ.ศ.๒๕๒๔ แสดงโดย นกั เรียนวทิ ยาลยั นาฏศิลป จานวน ๘ คน การแสดงคร้ังแรกน้นั ใช้
ฉิ่งธิเบตของพลตรี พระเจา้ วรวงศเ์ ธอพระองคเ์ จา้ ภาณุพนั ธ์ยคุ ล ประกอบการแสดง

ระบำกรับ

ระบากรับเป็ นชุดการแสดงท่ีประยุกต์ข้ึน โดยนากรับพวงซ่ึงเป็ นเครื่องดนตรีประกอบ
จงั หวะของวงดนตรีไทย ที่มาของระบาชุดน้ีคือวทิ ยาลยั นาฏศิลป์ ไดส้ ร้างสรรคร์ ะบากรับเพ่ือแสดง
คร้ังแรกในงานเล้ียงตอ้ นรับคณะผูร้ ่วม โครงการเรือเยาวชนเอเชียอาคเนย์ ณ ทาเนียบรัฐบาล เม่ือ
เดือนตุลาคม พ.ศ. 2524

- ผแู้ ต่งทานองเพลง คือ ครูมนตรี ตราโมท ผเู้ ช่ียวชาญดา้ นดุริยางคไ์ ทยกรมศิลปากร ศิลปิ น
แห่งชาติ

- ผปู้ ระดิษฐล์ ีลาท่ารา คือ ครูลมุล ยมะคุปต์ ผเู้ ชี่ยวชาญการสอนนาฏศิลป์ กรมศิลปากร และ
ครูเฉลย ศุขะวณิช ผเู้ ชี่ยวชาญการสอนนาฏศิลป์ กรมศิลปากร และศิลปิ นแห่งชาติ

ต่อมานาออกแสดงในงานดนตรีไทย มธั ยมศึกษาคร้ังที่ 8 ณ สังคีตศาลา เมื่อเดือนธันวาคม
พ.ศ. 2525 และงานเปิ ดสานกั งานใหญ่ของธนาคารกรุงเทพ ถนนสีลม นอกจากน้ียงั นาออกแสดง
ในงานร่ืนเริงของหน่วยงานราชการและเอกชนบ่อยคร้ัง

การแต่งกายระบากรับ
- ผแู้ สดงเป็นหญิงลว้ น
- นุ่งผา้ โจงกระเบนผา้ พมิ พล์ าย ห่มผา้ แพรจีบสไบเฉียง
- สวมเคร่ืองประดบั
- ผมทรงดอกกระทุ่ม ทดั แป้งพวง

ดนตรีท่ีใชป้ ระกอบการแสดง
ดนตรีที่ใช้ประกอบการแสดง เป็ นวงป่ี พาทยไ์ มน้ วมเคร่ืองห้า หรือเคร่ืองคู่ หรือเคร่ืองใหญ่

ท่วงทานองและจงั หวะเป็นเพลงอตั ราสองช้นั และช้นั เดียว ไม่มีบทร้อง

อปุ กรณ์ประกอบการแสดง

กรับพวง

ท่าราระบากรับ
สาหรับลีลาท่าราน้นั ผแู้ สดงตีกรับพวงในจงั หวะอตั ราสองช้นั และช้นั เดียว ประกอบลีลาท่ารา

บางท่าตีกรับบนฝ่ ามือ บางท่าตีบนหนา้ ขา และบางท่าตีบนหวั ไหล่ ประกอบกบั วิ่งซอยเทา้ บา้ งขยบั
เทา้ บา้ ง ยา่ เทา้ หรือตบเทา้ บา้ ง เป็นตน้

ระบำกฤดำภินิหำร

ประวตั ทิ ่มี ำ

ระบากฤดาภินิหาร เป็นระบาที่กรมศิลปากรสร้างสรรรคข์ ้ึนใหม่ ในราว พ.ศ.๒๔๘๖ ใชว้ ง
ดุริยางคส์ ากลบรรเลง โดยมีพระเจนดุริยางคเ์ ป็นผเู้ รียบเรียงเสียงประสาน ดว้ ยตอ้ งการใหม้ ีรูปแบบ
การแสดงท่ีแตกต่างไปจากระบามาตรฐานท่ีไดเ้ คยแสดงมาและตอ้ งการใหท้ นั สมยั เหมาสมกบั
สถานการณ์ในยคุ น้นั

รูปแบบ และลกั ษณะกำรแสดง

ระบากฤดาภินิหาร มีลกั ษณะท่าราเป็นระบาหมู่คู่พระ-นาง เสมือนหนึงวา่ เหล่าเทวดา นางฟ้า
มาร่วมอวยพรยนิ ดีในเกียรติยศ ช่ือเสียงของประเทศไทย ท่าราเป็นการตีบทตามคาร้องในเพลง
ครวญหา (ซ่ึงท้งั ลกั ษณะของท่าที่มีความหมายตรงกบั คาร้องและท่าท่ีความหมายสอดคลอ้ งกบั คา
ร้อง) และท่าราในเพลงจีนรัว ผแู้ สดงถือพานสาหรับโปรยดอกไม้ สามารถแสดงไดส้ องรูปแบบ คือ
ราตามบทร้องสี่คากลอน แลว้ ตดั ไปโปรยดอก ไมใ้ นเพลงจีนรัว ซ่ึงใชเ้ วลาในการแสดง ๕ นาที
และอีกบทหน่ึง ราเตม็ บทร้องหกคากลอน โปรยดอกไมต้ ามบทร้อง และในเพลงจีนรัวซ่ึงใชเ้ วลาใน
การแสดง ๖ นาที

ดนตรี และเพลงทใี่ ช้ประกอบกำรแสดง

ใชว้ งปี่ พาทยไ์ มน้ วม เพลงท่ีใชบ้ รรเลงประกอบการแสดง เพลงรัวดึกดาบรรพ์ และครวญหา และ
เพลงจีนรัว

เคร่ืองแต่งกำย

ผแู้ สดงแต่งกายยนื เคร่ือง พระสวมเส้ือแขนส้นั ศิราภรณ์ชฎายอดชยั นางศิราภารณ์มงกฏุ กษตั รีย์
อปุ กรณ์ประกอบการแสดง คือพานสาหรับใส่ดอกไม้

โอกำสทใ่ี ช้แสดง

เดิมใชป้ ระกอบการแสดงในตอนทา้ ยละครอิงประวตั ิศาสตร์ เรื่องเกียรติศกั ด์ิไทย ต่อมานิยมจดั
แสดงเป็นชุดเอกเทศ สามารถแสดงในงานมงคลรื่นเริงทว่ั ไป

ตำรีกปี ัส

ประวตั ริ ะบำตำรีกปี ัส

ระบาตารีกีปัส เป็ นการแสดงนาฏศิลป์ พ้ืนเมืองของชาวไทยมุสลิมทางภาคใตข้ องประเทศ
ไทย คาเรียกระบาชุดน้ีเป็ นภาษามลายูทอ้ งถิ่น พจนานุกรมฉบนั ไทย – มลายู อธิบายไวว้ ่า “ตารี”
หรือ ตาเรียน หมายถึง การฟ้อนรา ส่วนคาว่า “กีปัส” หรือ ฆีปัส ออกเสียงตามประชาชนทอ้ งถ่ิน
ปัตตานี หมายถึง พดั รวมความแลว้ ตารีกีปัส หมายถึง การฟ้อนราที่ใชพ้ ดั ประกอบการแสดง การ
แสดงชุดน้ีไดร้ ับการฟ้ื นฟูโดยคณะครูโรงเรียนยะหริ่ง อาเภอยะหริ่ง จงั หวดั ปัตตานี ควบคุมการ
ฝึ กซอ้ มโดย อาจารยส์ ุนทร ปิ ยะวสันต์ ซ่ึงไดม้ ีโอกาสเดินทางไปประเทศมาเลเซีย เมื่อปี พ.ศ. 2518
กไ็ ดช้ มการแสดงของรัฐต่าง ๆ หลายชุด เมื่อเดินทางกลบั มาประเทศไทย กไ็ ดเ้ ล่าถึงการแสดงดนตรี
และนาฏศิลป์ ของมาเลเซียที่ไดไ้ ปชมให้ผูเ้ ฒ่าผูแ้ ก่ฟัง และไดท้ ราบว่าเมืองยะหร่ิงเดิมก็เคยมีการ
แสดงที่คลา้ ยคลึงกนั กบั ของมาเลเซียหลายชุด ดงั น้นั จึงไดค้ ิดฟ้ื นฟูการแสดงพ้ืนเมืองชุดต่าง ๆ ข้ึน
โดยเฉพาะชุดตารีกีปัส ไดน้ าออกแสดงคร้ังแรกเน่ืองในงานเล้ียงเกษียณอายขุ า้ ราชการครูโรงเรียน
ยะหริ่ง ต่อมาไดม้ ีการถ่ายทอดการแสดงชุดตารีกีปัสไปสู่ประชาชนคร้ังแรก โดยเปิ ดสอนให้กบั
คณะลูกเสือของจงั หวดั ปัตตานี เพื่อนาไปแสดงในงานชุมนุมลูกเสือแห่งชาติ ณ จงั หวดั ชลบุรี เมื่อปี
พ.ศ. 2522 และไดท้ าชื่อเสียงใหก้ บั จงั หวดั ปัตตานี เมื่อไดร้ ับการคดั เลือกเป็นระบาชุดเปิ ดสนามงาน
กีฬาเขตแห่งประเทศไทย คร้ังที่ 14 ของจงั หวดั ปัตตานี เม่ือปี พ.ศ. 2524 นบั วา่ การแสดงชุดตารีกีปัส
ไดเ้ ผยแพร่ไปทวั่ ประเทศไทยและยงั เป็นที่รู้จกั ของคนทวั่ ไปอยา่ งกวา้ งขวาง

เคร่ืองแต่งกำย
การแต่งกายแบบผหู้ ญิงลว้ น
1. เส้ือในนาง ไม่มีแขนสีดา
2. ผา้ นุ่ง เป็นโสร่งบาติก หรือผา้ ซอแกะ (Song Ket) สอดดิ้นเงิน – ทอง ประปรายแบบมาเลเซีย ตดั
เยบ็ แบบหนา้ นาง หรือเลียนแบบจบั จีบหางไหล
3. ผา้ สไบ สาหรับคลุมไหล่ จบั จีบเป็นโบวด์ า้ นหนา้
4. เขม็ ขดั
5. สร้องคอ
6. ต่างหู
7. ดอกซมั เป็ง

ดนตรีและเพลงที่ใช้ประกอบกำรแสดง
ใชว้ งดนตรีพ้ืนเมืองภาคใตต้ อนล่าง ซ่ึงประกอบไปดว้ ย ไวโอลิน รามะนา ฆอ้ ง แมนโดลิน ขลุ่ย
และมาลากสั

เพลงทใ่ี ช้ประกอบกำรแสดง
เป็นทานองเพลงที่ไดร้ ับอิทธิพลมาจากประเทศมาเลเซีย คืออินงั ตงั ลุง เป็นเพลงผสมผสานระหวา่ ง
มลายกู บั จีน

ระบำพดั รัตนโกสินทร์

การแสดงชุดระบาพดั รัตนโกสินทร์ชุดน้ี พฒั นารูปแบบการแสดงระบาพดั ให้แตกต่างไป
จากของเดิม เพ่ือใหเ้ ขา้ กบั กาลสมยั ตามแนวความคิดของครูนิตยา จามรมานโดยใหผ้ แู้ สดงนุ่งผา้ ซิ่น
จีบหนา้ นาง ห่มสไบสะบกั สองบ่า สวมเครื่องประดบั ในมือถือพดั จกั สานดว้ ยไม่ไผ่ ประพนั ธ์คา
ร้องโดย
ครูปราณี สาราญวงศ์ ผุป้ ระดิษฐ์ท่ารา ครูเฉลย ศุขะวณิชและครูจาเรียง พุทธประดบั ทานองเพลง
เพลงแรกใชท้ านองจีน เพอ่ื บ่งบอกที่มาของ
ระบาชุดน้ี เพลงที่สองและสาม เป็นทานองเพลงไทย ซ่ึงแสดงถึงกาลสมยั ปัจจุบนั

รำกง่ิ ไม้เงนิ ทอง

ประวตั ิท่ีมา
ระบาก่ิงไมเ้ งินทอง เป็ นการแสดงชุนหน่ึงในบทพระราชนิพนธ์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า
เจา้ อยหู่ ัว ที่ทรงพระราชนิพนธ์บทละคร ตลอดจนบทเบิกโรงต่างๆ ไวม้ ากมาย ปรากฏในหนงั สือ
ตานานละครอิเหนา พระนิพนธ์ของสมเดจ็ กรมพระยามดารงราชานุภาพความวา่ “บทละครหลวงใน
ราชกาลที่ ๔ พระบาทสมเด็จพระจอมเกลา้ เจ้าอยู่หัว ทรงพระราชนิพนธ์เร่ืองรามเกียรต์ิ ตอน
พระรามเดินดงข้ึนใหม่ .... และบทราตน้ ไมท้ องเงิน เบิกโรงอีกหลายบท...............”นอกจากน้ี พระ
ยาอนุมานราชธน ไดอ้ ธิบายถึงการราก่ิงไมเ้ งินทองไวใ้ นหนังสืออธิบายนาฏศิลป์ ไทย ของกรม
ศิลปากรวา่ “ราดอกไมเ้ งินทอง เป็นระบาเบิกโรงอยา่ งหน่ึง เขา้ ใจวา่ พระบาทสมเด็จพระจอมเกลา้
เจา้ อยหู่ วั โปรดเกลา้ ฯ ใหป้ ระดิษฐด์ ดั แปลงมาจากการรา “บรรเลง” ซ่ึงเป็นการราเบิกโรงของละคร
ไทยแต่โบราณ เป็ นแต่ราดอกไมเ้ งินทอง โปรดให้ผูร้ าแต่งเป็ นเทพบุตรท้งั คู่ และมือท้งั สองถือ
ดอกไมเ้ งินทองขา้ งละมือแทนถือกาหางนกยงู แลว้ ทรงพระราชนิพนธ์บทร้องข้ึนประกอบการฟ้อน
รา โดยมีพระราชประสงคไ์ ปในทางใหเ้ ป็นสวสั ดิมงคล ดงั ปรากฏในบทพระราชนิพนธ์”

รูปแบบ และลกั ษณะการแสดง
ราก่ิงไมเ้ งินทอง เป็ นการแสดงเบิกโรงของละครใน ท่ีมีรูปแบบ และลกั ษณะการแสดง

ตลอดจนกระบวนท่าราที่มีเอกภาพชุดหน่ึง นบั ไดว้ า่ เป็นพระอจั ฉริยภาพของลน้ เกลา้ ฯ รัชกาลท่ี 4
ที่ทรงพระราชนิพนธ์บาทขบั ร้อง ประกอบกบั รูปแบบ และลกั ษณะการแสดง และความสามารถ
ของบรมครูทางดา้ นนาฏศิลป์ ไทยที่ร่วมกนั ประดิษฐ์ รังสรรค์ กระบวนท่าราข้ึน เพื่อสืบสาน และ
สืบทอดศิลปะที่แสดงเอกลกั ษณ์ ความเป็นอารยธรรมของไทย มาจนทุกวนั น้ี

ดนตรี และเพลงท่ีใชป้ ระกอบการแสดง
ใชว้ งปี่ พาทยไ์ มน้ วม เพลงที่ใชบ้ รรเลงประกอบการแสดง เพลงโคมเวยี น เพลงเชิดฉ่ิง และเพลง

เชิดจีนตวั สาม

เครื่องแต่งกาย
ผูแ้ สดงแต่งกายยืนเคร่ืองพระแขนยาว ชฎายอดชยั อุปกรณ์ประกอบการแสดง คือ ดอกไมเ้ งิน

ดอกไมท้ อง

ฟ้อนดำบ

การฟ้อนดาบมีท่ีมาจากศิลปะการต่อสู้ของชายชาวลา้ นนาแต่โบราณ โดยผเู้ รียนจะตอ้ งเรียน
ฟ้อนเชิงมือเปล่าให้คล่องแคล่วเสียก่อนจึงจะเรียน ฟ้อนดาบ หรือฟ้อนประกอบอาวุธอื่นๆ ต่อไป
แม่ลายฟ้อนของฟ้อนดาบจะคล้ายกับแม่ลายฟ้อนของฟ้อนเชิง แม่ลายฟ้อนของแต่ละครูก็จะ
แตกต่างกนั ไป แต่พ่อครูคา กาไวย์ และอาจารยธ์ ีรยุทธ ยวงศรี ไดร้ ่วมกนั สืบคน้ และเรียบเรียงแม่
ลายฟ้อนไวใ้ ห้สอดคลอ้ งกนั เพ่ือง่ายต่อการ จดจาโดยอาศยั แนวจากการพรรณนาช่ือแม่ลายในการ
ร่ายราอาวุธจากมหาชาติฉบับสร้อยสังกรกัณฑ์มหาราช เพื่อสอนนักศึกษาวิทยาลัยนาฏศิลป์
เชียงใหม่ ดงั น้ี ช่วง ท่ี ๑ ไหวค้ รูและขอขมาอภยั เร่ิมจากวางดาบ ไขวก้ นั เอาสันดาบเขา้ หากนั ดาบ
ท้งั สองเล่มน้นั ห่างกนั พอประมาณ จากน้นั หากผฟู้ ้อนเป็นผชู้ ายใหเ้ ดินตีวงรอบดาบ ๑ รอบ แลว้ เร่ิม
ตบบะผาบหรือฟ้อนสาวไหมอยา่ งใดอยา่ งหน่ึง จบแลว้ จึงนงั่ ลงไหวห้ ากผฟู้ ้อนเป็นผหู้ ญิงใหน้ งั่ ไหว้
๓ คร้ัง จากน้นั จบั ดาบ ไขวด้ าบจรดหนา้ ผาก แลว้ เงยหนา้ ข้ึนกม้ หนา้ ลง แลว้ ชกั ดาบลงไวข้ า้ งหลงั
ท้งั สองขา้ งแลว้ ซุยข้ึนเป็ นท่าบวกดาบโดยเริ่มจากดา้ นหนา้ ตรงก่อนแลว้ หนั ไปทางขวาแลว้ บิด ไป
ทางซา้ ย

ระบำร่อนแร่

เร่ิมดว้ ยการใชเ้ สียมขดุ ดิน หิน กรวด ทราย ตลอดจนส่ิงต่าง ๆ ที่ปนมากบั แร่ข้ึนมาท้งั หมด
จากน้นั จึงใชม้ ือส่าย หรือร่อน เอาส่ิงที่ไม่ตอ้ งการออกไป คงเหลือแต่แร่ การร่อนแร่ส่วนใหญ่จะ
เป็ นผูห้ ญิงมากกว่าผูช้ าย จะตอ้ งลงไปยืนอยใู่ นน้า นุ่งผา้ ถุงส้ัน ๆ เหนือเข่าเล็กนอ้ ย ท่ีเอวจะทาชาย
พก เม่ือได้แร่แลว้ จะนามาใส่ที่ชายพก ระบาร่อนแร่เป็ นการแสดงประกอบท่าทางข้นั ตอนการ
ประกอบอาชีพของชนชาวภาคใตท้ ี่ออกจากบา้ นไปหาแร่ ร่อนแร่ และ ตากแร่ แลว้ พากนั กลบั บา้ น
ผแู้ สดง จะเป็นผหู้ ญิงลว้ น

กำรแต่งกำย
ชุดยาหยา ซ่ึงเป็นเครื่องแต่งกายเฉพาะของหญิงชาวพ้ืนเมืองภาคใต้
อปุ กรณ์ทใ่ี ช้ในกำรประกอบกำรแสดง
เลียง ทาจากไม้ ลกั ษณะคลา้ ยกระทะแต่ไม่มีหู
เคร่ืองดนตรีประกอบกำรแสดง
ไดแ้ ก่ ตะโพน รามะนา ระนาดเอก ฉิ่ง กลองตุก๊
บทเพลงทใี่ ช้ประกอบกำรแสดง ไดแ้ ก่ ตะลุงชาตรี

ระบำชำวนำ

สาหรับการแสดงภาคกลางที่ฉันเลือกคือ "ระบาชาวนา" ซ่ึงผูแ้ ต่งทานองเพลงน้ีคือ นาย
มนตรี ตราโมท ผูเ้ ช่ียวชาญดนตรีไทยและศิลปิ นแห่งชาติ ส่วนท่าราน้นั ท่านผูห้ ญิงแผว้ สนิทวงศ์
เสนี ผเู้ ชี่ยวชาญนาฏศิลป์ ไทยและศิลปิ นแห่งชาติ เป็ นผูค้ ิดและออกแบบท่ารา เมื่อไดช้ มการแสดง
ระบาชาวนา แลว้ จะมีสุนทรียภาพทางนาฏศิลป์ ที่เกิดข้ึนดงั น้ี

ตัวละคร เครื่องแต่งกำย
ตวั ละครน้นั จะเป็ นชาวบา้ นท้งั หญิงและชาย จะเป็ นแต่งชุดม่อฮ่อม ซ่ึงเป็ นชุดท่ีเรียบง่าย ท่ี

เห็นแลว้ จะจะทาให้รู้ไดเ้ ลยว่าการแสดงชุดน้ีตอ้ งเก่ียวกบั การทานา ขบั ร้อง บทร้อง บทเจรจา บท
พากย์ การแสดงระบาชาวนา เป็ นการแสดงท่ีไม่มีการขบั ร้อง ไม่มีเน้ือเพลง มีเพียงดนตรี ประกอบ
จงั หวะซ่ึง เป็นดนตรีที่มีความสนุกสนาน เพลิดเพลิน ฉาก อุปกรณ์ท่ีใชจ้ ะเป็นอุปกรณ์ที่เกี่ยวกบั การ
ทานาต้งั แต่เริ่มตน้ จนถึงการเกี่ยวขา้ ว ฉะน้นั อุปกรณ์ท่ีใชจ้ ึง ไดแ้ ก่ เมลด็ ขา้ ว เคียวเกี่ยวขา้ ว รวงขา้ ง
กระดง้ เป็นตน้

ดนตรีท่ใี ช้ประกอบ
ใชเ้ ครื่องดนตรีพ้ืนบา้ น เช่น กลองยาว กลองโทน ฉิ่ง ฉาบ กรับ และโหม่ง ดนตรีจะมีจงั หวะ

ที่สนุกสนาน เพื่อใหเ้ กิดความเพลิดเพลิน และใหห้ ายเหนื่อยจากการทานา

ท่ำทำงสื่อควำมหมำย
ท่าราจะเป็นท่าที่สะทอ้ นถึงชีวติ ความเป็นอยขู่ องชาวนา เป็นข้นั ตอนการทานาต้งั แต่เริ่ม

หวา่ นขา้ ว ไถนา เกี่ยวขา้ ว ฝัดขา้ ว เป็นตน้

ฟ้อนที

ประวตั ิฟ้อนที
คาวา่ “ที” หมายถึง “ร่ม” เป็นคาภาษา “ไต” ใชเ้ รียกในจงั หวดั แม่ฮ่องสอน “ที” ทางภาคเหนือมี
ลกั ษณะและรูปทรงแตกต่างกนั ไปแต่ละจงั หวดั “ที” ที่ชาวแม่ฮ่องสอนนิยมใชม้ ีรูปทรงสวยนามาใช้
เป็นอปุ กรณ์ประกอบการราไดฟ้ ้อนทีเป็นผลงานประดิษฐส์ ร้างสรรคข์ องวิทยาลยั นาฏศิลป์
เชียงใหม่ จดั แสดงในงานนิทรรศการและการแสดงศิลปวฒั นธรรมของสถานศึกษาในสงั กดั กอง
ศิลปศึกษา กรมศิลปากร เพ่อื เทิดพระเกียรติเดจ็ พระนางเจา้ สิริกิต์ิ พระบรมราชินีนาถ ในวโรกาส
ทรงเจริญพระชนมายคุ รบ ๖๐ พรรษา ณ โรงละครแห่งชาติ เม่ือเดือนสิงหาคม พ.ศ.๒๕๓๕ การ
แสดงชุดน้ีนาร่มมาใชป้ ระกอบลีลานาฏศิลป์ โดยมีท่าฟ้อนเหนือของเชียงใหม่ผสมกบั ท่าราไตของ
แม่ฮ่องสอน มีการแปแถว และลีลาการใชร้ ่มในลกั ษณะต่าง ๆ ที่งดงาม เช่น การถือร่ม การกางร่ม
การหุบร่ม เป็นตน้

ดนตรีทใี่ ช้ประกอบกำรแสดง
ใชด้ นตรีพ้ืนเมืองภาคเหนือประสมวง ไดแ้ ก่ สะลอ้ กลาง สะลอ้ เลก็ ซ่ึงใหญ่ ซึงกลาง ซึงเลก็ ขลุ่ย
กรับคู่ กลองพ้ืนเมือง

กำรแต่งกำย
มุ่งเนน้ ความสวยงามของเครื่องแต่งกายตามประเพณีนิยมภาคเหนือแบ่งเป็น ๒ แบบ คือ แบบหญิง
ไทล้ือ และแบบหญิงลา้ นนาแบบไทล้ือ นุ่งซ่ินลายขวาง เส้ือปั๊ด เกลา้ ผมสูงประดบั ดอกไมเ้ งิน ผา้
เคียนศีรษะประดบั กาไลขอ้ มือ ต่างหูแบบลา้ นนา นุ่งซ่ินตีนจก ผา้ คาดเอว เส้ือเขา้ รูปแขนยาว เกลา้
ผมมวยต้งั กระบงั ผมหนา้ สูง ประดบั ดอกไมเ้ งินเครื่องประดบั มีเขม็ ขดั กาไลขอ้ มือ สร้อยคอ ต่างหู
การแสดงชุดน้ีใชเ้ วลาประมาณ ๑๐นาที


Click to View FlipBook Version