การใส่สายระบายทรวงอก INTERCOSTAL CHEST DRAIN : ICD
การใส่สายระบายทรวงอก INTERCOSTAL CHEST DRAIN : ICD 1. เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพยาบาลผู้ป่วยที่ใส่สายระบายทรวงอก 2. เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลผู้ป่วยที่ใส่สายระบายทรวงอก 3. เพื่อเพิ่มความรู้เจ้าหน้า น้ ที่ในการดูแลผู้ป่วยที่ใส่สายระบายทรวงอก วัตถุประสงค์(Objective) คำ จำ กัดความ (Definition) แนวทางการดูแลผู้ป่วยก่อนและหลังการทำ หัตถการ ใส่สายระบายทรวงอก การใส่สายระบายทรวงอก(chest tube insertion, tube thoracostomy หรือintercostal drainage; ICD)คือการใส่สาย เข้าไปยังเยื่อหุ้มปอด (pleural cavity) เพื่อระบายลม น้ำ หนอง หรือ เลือด เป็นการรักษาพยาธิสภาพของช่องเยื่อหุ้มปอด การระบายทรวงอกต้องเป็นระบบปิด(Close drainage) หมายถึง สารเหลวหรือลมออกจากช่องเยื่อหุ้มปอดได้แต่อากาศจากภายนอก เข้าไปในเยื่อหุ้มปอดไม่ได้ โดยใช้น้ำ ทำ หน้า น้ ที่กั้นไม่ให้อากาศจาก ภายนอกเข้าสู่เยื่อหุ้มปอด
การใส่สายระบายทรวงอก INTERCOSTAL CHEST DRAIN : ICD การเตรียมอุปกรณ์ทำ ณ์ ทำหัตถการ 1.ชุด Chest drain 2.ขวด ICD แบบขวดแก้ว พร้อมชุดหัวต่อ ต่อแบบ 1 ขวด ใช้หัวต่อ ICD 1 หัว ต่อแบบ 2 ขวด ใช้หัวต่อ ICD 2 หัว ต่อแบบ 3 ขวด ใช้หัวต่อ ICD 3 หัว 3.สาย Thoracic drainage catheter NO.... 4. 2% Chlorhexidine 5.Sterile water 1000 ml 6.Fixomull 7.Needle No 18 , 24 8.Syring 10 ml 9.สำ ลี Alcohol 10.ยาชา 1 % xylocain หรือ 2% xylocaine 11. ถุงมือ Sterile No... 12. Blad No 11 13. Aterial clamp 14. อุปกรณ์ PPE ประกอบด้วย หมวกคลุมผม แว่นตา Disposable surgical gown 1 1 1 1 1 1 1,1 1 1 1 1 1 2 1 ชุด ชุด เส้น ขวด ขวด กล่อง อัน อัน แผง ขวด คู่ อัน ตัว ชุด อุปกรณ์ จำ นวน หน่วย
การใส่สายระบายทรวงอก INTERCOSTAL CHEST DRAIN : ICD 1. ช่วยระบายเลือด สารเหลวหรืออากาศ ออกจากช่องเยื่อหุ้มปอด และ ช่องเมดิแอสตินัม 2. ช่วยให้ปอดขยายตัวได้เต็มที่ ทําให้การทํางานของหัวใจและ ปอด กลับสู่ปกติภายหลังการผ่าตัดทรวงอกหรือการบาดเจ็บ 3. เพื่อให้ความดันในช่องเยื่อหุ้มปอดคงที่ 4. เพื่อป้องกันไม่ให้เมดิแอสตินัมเคลื่อนตัวไปหรือถูกกด ซึ่งทํา ให้เกิดอันตรายได้ วัตถุประสงค์การใส่สายระบายทรวงอก
การใส่สายระบายทรวงอก INTERCOSTAL CHEST DRAIN : ICD การใส่สายระบายทรวงอกบริเวณช่องซี่โครงช่องที่ 4 หรือ 5 ระหว่าง anterior axillary line กับmid-axillary line เนื่องจากเป็นบริเวณ ที่ผนังทรวงอกบาง ช่องระหว่างกระดูกซี่โครงกว้าง และอยู่ห่างจาก อวัยวะที่สำ คัญ ได้แก่ เส้นเลือด เส้นประสาทบริเวณรักแร้ หัวใจ กระบังลม และ อวัยวะในช่องท้อง กายวิภาคที่เกี่ยวข้อง
การใส่สายระบายทรวงอก INTERCOSTAL CHEST DRAIN : ICD 1.Pneumothorax มีลมในช่องเยื่อหุ้มปอด 2.Hemothorax มีเลือดในช่องเยื่อหุ้มปอด 3.Pneumohemothorax มีลมและเลือดในช่องเยื่อหุ้มปอด 4. Empyema thoracis มีหนองในช่องเยื่อหุ้มปอด 5.Chylothorax มีน้ำ เหลืองในช่องเยื่อหุ้มปอด 6.Pleural effusion มีน้ำ ในช่องเยื่อหุ้มปอด 7.หลังผ่าตัดหัวใจและทรวงอก เพื่อระบายน้ำ และเลือด จากรอบแผลผ่าตัด ข้อบ่งชี้ในการใส่ (Indication) 1.แบบ 1 ขวด 2.แบบ 2 ขวด 3.แบบ 3 ขวด 4.แบบ 4 ขวด ชนิดการต่อสายระบายทรวงอกระบบปิด
ชนิดการต่อสายระบายทรวงอก ระบบ 1 ขวด (one bottle system)
ใช้สำ หรับระบายอากาศและสารเหลว โดยมีขวดเก็บสารเหลว เฉพาะและขวด Under water seal ปลายหลอดแก้วยาวจุ่มใต้น้ำ ในขวดประมาณ2-3 ซม.ดังรูป ชนิดการต่อสายระบายทรวงอก ระบบ 2 ขวด(two bottle system)
ชนิดการต่อสายระบายทรวงอก ระบบ 3 ขวด (three bottle system)
ประกอบด้วย ระบบ 3 ขวด เพิ่มขวด under water seal อีก 1 ขวด โดยต่อจาก ขวดเก็บสารเหลว(collection) ของระบบ 3 ขวด เพื่อให้มีการระบายอากาศได้ถ้า เครื่องดูดสูญญากาศไม่ทำ งาน หรือมีอากาศออกมามาก ขวด under water seal ใช้ ป้องกันไม่ให้อากาศไหลย้อนกลับเข้าตัวผู้ป่วย โดยจัดให้ปลายท่อ จุ่มใต้ระดับน้ำ ประมาณ 2 เซนติเมตร ชนิดการต่อสายระบายทรวงอก ระบบ 4 ขวด (four bottle system)
การพยาบาล ก่อนใส่สายระบายทรวงอก 1.แจ้งผู้ป่วยและญาติทราบถึงความจำ เป็นที่ต้องใส่สายระบาย ทรวงอก อธิบายข้อดีการใส่สายระบายทรวงอก 2.ให้ข้อมูลขั้นตอนการใส่,ข้อควรปฏิบัติต่างๆ ขณะใส่ท่อระบาย 3.ผู้ป่วยและญาติเซ็นใบยินยอมทำ หัตถการ หลังได้รับคำ อธิบาย จากแพทย์จนเข้าใจดี 4.จัดเตรียมสายระบายทรวงอก (thoracic catheter) และระบบ chest drain ที่แพทย์ต้องการ และจัดเตรียมอุปกรณ์ที่ใช้ทำ หัตถการ ดังนี้
การพยาบาล ขณะใส่สายระบายทรวงอก 1. ประเมินความรู้สึกตัว สัญญาณชีพ ผิดปกติรายงานแพทย์ทันที 2. ระบุตัวผู้ป่วยโดยการ สอบถามชื่อ-สกุล /วัน เดือน-ปี-เกิด กรณีผู้ป่วยไม่ สามารถสื่อสารได้ ให้บ่งชี้ ชื่อ-สกุล ที่ป้ายข้อมือ หรือจากญาติ 3. ยืนยันตำ แหน่งข้างที่จะใส่สายระบายทรวงอกกับแพทย์ โดยปฏิบัติตาม Time out ป้องกันการผ่าตัดผิดคน ผิดข้าง ผิดหัตถการ
4. กั้นม่านหรือจัดสถานที่ให้มิดชิดไม่เปิดเผยร่างกายเกินความจำ เป็น 5. จัดท่าผู้ป่วยนอนหงายหนุนทรวงอกข้างที่จะใส่ขึ้นเล็กน้อ น้ ย ยกแขน ข้างที่จะใส่เหนือศีรษะ หากผู้ป่วยไม่สามารถนอนหงายได้ให้ใส่ในท่านั่ง เอนไปด้านหน้า น้ แขนสองข้างพาดบนโต๊ะที่ปรับระดับได้ หรืออาจใส่ สายระบายในท่านอนตะแคงหันข้างที่จะใส่สายระบายขึ้น การพยาบาล ขณะใส่สายระบายทรวงอก
6.1. แพทย์สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันร่างกาย เช่น หมวกหน้า น้ กาก สวมชุดกราวน์ และถุงมือโดยเทคนิคปลอดเชื้อ 6.2. เปิดอุปกรณ์ชุดเจาะปอดโดยเปิดชุดเจาะปอดชั้นนอกออก และให้แพทย์เปิดผ้าห่อด้านในด้วยถุงมือSterile 6.3. เทน้ำ ยา 2% chlorhexidine ใส่ถ้วยในชุดเจาะปอด สำ หรับ แพทย์ ทำ ความสะอาดผิวหนังผู้ป่วยบริเวณที่ใส่สายระบายทรวงอก 6.4. เปิดซองอุปกรณ์ thoracic catheter, Syring 10 ml , Needle No. 18,24 และ Blade no.11 ลงใน set chest drain ระวังไม่ให้มือสัมผัสของภายในซอง 6.5. ส่งยาชาเฉพาะที่ 1%หรือ2% lidocaine without adrenaline ให้แพทย์ดูดยาชา โดยยกขวดยาชาให้อยู่ในระดับสายตาของแพทย์ และถือให้มั่นคง 6.6.แพทย์ทำ ความสะอาดผิวหนังบริเวณที่จะใส่สายด้วยสำ ลีชุบ 2% Chlorhexidine 6. ช่วยแพทย์ทำ หัตถการขณะใส่สายระบายทรวงอก ดังนี้ การพยาบาล ขณะใส่สายระบายทรวงอก
6.7. แนะนำ ผู้ป่วยไม่ขยับ เคลื่อนไหว ไอ ขณะแพทย์แทงเข็ม และ ใส่ท่อระบาย 6.8. เตรียมขวดและหัวต่อ chest drain ตามคำ สั่งการรักษา ดังนี้ 1.เปิดผ้าห่อขวด ICD 2.เปิดซองหัวต่อ ICD แบบ 1 ขวด โดยให้ปลายสายยางเหลือง อยู่ในซอง sterile จับบริเวณจุกยางต่อในขวด ICD 3. เติม sterile water ในขวดปริมาตร 300 ml (ให้แท่งแก้วจุ่มน้ำ 2 เซนติเมตร) และกดจุกยางให้แน่น 4. ใช้ Fixomull พันให้รอบบริเวณข้อต่อ และ บริเวณจุกยางรอบ คอขวด ICD ระบบ 1 ขวด การพยาบาล ขณะใส่สายระบายทรวงอก
1.ขวดที่หนึ่งเป็นขวดรองรับของเหลวไม่ต้องเติมน้ำ (แท่งแก้วสั้น 2แท่ง) 2.ส่วนขวดที่ 2 เป็นขวด under water seal(แท่งแก้วยาว 1 แท่ง,สั้น 1 แท่ง) 3.จับจุกที่มีแท่งแก้วสั้น 2 แท่ง ต่อกับขวดรองรับของเหลวจากผู้ป่วย 4.ส่วนจุกที่มีแท่งแก้วยาวเติม sterile water ปริมาตร 300 ml (ให้แท่งแก้วจุ่มน้ำ 2 เซนติเมตร) ระบบ 2 ขวด ใช้ขวด ICD จำ นวน 2 ขวดโดย เปิดซองหัวต่อICD แบบ 2 หัว โดยให้ปลายสายยางเหลืองอยู่ในซอง sterile กดจุกยางให้แน่นทั้ง 2 ขวดใช้ Fixomull พันให้รอบบริเวณข้อต่อ และบริเวณ จุกยางรอบคอขวด ICD 2 ขวด การพยาบาล ขณะใส่สายระบายทรวงอก
2. เปิดซองSterile หัวต่อICD แบบ 2 หัว ต่อกับขวดที่ 1 และ 2 เหมือนระบบ 2 ขวด 3. เปิดซอง Sterile หัวต่อ ICD ซึ่งมีแท่งแก้ว 3 แท่ง ต่อกับ กระบอก suction control โดยนำ สายยางเหลืองต่อกับแท่งแก้วสั้น ของขวดที่ 3 4. พัน Fixomull ให้รอบบริเวณข้อต่อและบริเวณจุกยางรอบคอ ขวด ICD ทั้ง3 ขวด 1 ขวดที่ 1 และ ขวดที่2 เตรียมเหมือนระบบ 2 ขวด ส่วนขวดที่ 3 เป็นขวด suction control เติม sterile water ปริมาตร 700 ml (แท่งแก้วจะจุ่มน้ำ 10 เซนติเมตร) ระบบ 3 ขวด 1.ใช้ขวด ICD จำ นวน 3 ขวด โดย การพยาบาล ขณะใส่สายระบายทรวงอก 2 3
5.9. เมื่อแพทย์ใส่สาย thoracic catheter ได้ตำ แหน่งที่เหมาะสม แพทย์ clamp สาย thoracic catheter พยาบาลยื่นปลายสาย ยางเหลืองที่อยู่ในซอง โดยจับเหนือปลายสายประมาณ 4 นิ้ว เพื่อคงพื้นที่ปราศจากเชื้อ ส่งให้แพทย์ ต่อกับ thoracic catheter 5.10. เมื่อแพทย์คลาย clamp สาย thoracic catheter สังเกต ลักษณะ ปริมาณของของเหลว หรือฟองอากาศ ผิดปกติรายงาน แพทย์ 5.11. เมื่อแพทย์เย็บผิวหนังกับสาย thoracic catheter ให้ยืนยัน ตำ แหน่งความลึกของสายกับแพทย์ก่อนปิดแผล การพยาบาล ขณะใส่สายระบายทรวงอก
5.12. ดูแลปิดแผลโดยใช้ก๊อซ 2 แผ่น พับครึ่งรองบริเวณใต้สาย thoracic catheter เพื่อป้องกันสายกดทับผิวหนังโดยตรงและใช้ ก๊อซปิดแผลด้านบน ปิดทับด้วยFixomull และ ที่สาย thoracic catheter (กรณีแพทย์มีคำ สั่งการรักษาใช้วาสลีนก๊อซ ให้พันวาสลีนก๊อซรอบ สาย thoracic catheter บริเวณที่สัมผัสกับผิวหนังผู้ป่วย ปิดด้วย ก๊อซและปิดทับด้วย Fixomull) 5.13. ทำ การ mark site ตำ แหน่งสาย ICD เพื่อเฝ้าระวังป้องกัน สายเลื่อนหลุด การพยาบาล ขณะใส่สายระบายทรวงอก
การพยาบาล หลังใส่สายระบายทรวงอก 1.ประเมินการหายใจ วัดสัญญาณชีพ และ O2 saturation < 90 % มีอาการกระสับกระส่าย หายใจ เหนื่อยแน่นหน้า น้ อก รางานแพทย์ทันที 2.ดูแลส่ง Chest x-ray เพื่อดูตำ แหน่งของท่อระบาย อยู่ในตำ แหน่งที่เหมาสม 3. Record : Content , Color, Volume ปริมาณลักษณะสี ของเหลวในขวดระบายอย่างน้อ น้ ย ทุก15-30 นาที และ ทุก1ชั่วโมง จนอาการคงที่ หลังจากนั้นสามารถบันทึกทุก 4 -8 ชั่วโมง 4. Observe : Active bleeding บันทึกลักษณะสีของเหลวในขวด ระบาย ทุก 1 ชม ( 500 ml ใน ชมแรก และ > 200 ml /hr 2-3 hr ต่อมา Notify แพทย์) (ถ้าเลือดแดงสด แสดงว่าออกจาก Artery สาเหตุบ่อยสุด จาก tear intercostal artery รองลงมา internal thoracic artery เลือดแดงสดแปลว่าหยุดยาก จำ เป็นต้องผ่าตัดเข้าไป ห้ามเลือด ถ้าเลือดดำ บ่งว่ามาจาก Vein ส่วนมากจากปอดมัก หยุดได้เอง
6. Pain control : Pain > 5 ให้ยาบรรเทาปวด 7. จัดท่านอนศีรษะสูง 30-45 องศา 8. Fluctuation : สังเกตการขึ้นลงของระดับน้ำ ในแท่งแก้วยาว ที่จุ่มน้ำ โดยขณะที่ผู้ป่วป่ยหายใจเข้าระดับน้ำ ในแท่งแก้วสูงขึ้น และขณะหายใจออกระดับน้ำ ในแท่งแก้วลดต่ำ ลง 5. ตรวจดูระบบการทำ งานให้เป็นระบบปิด ปลายหลอดแก้ว ยาวจุ่มอยู่ใต้น้ำ เสมอ บริเวณรอยต่อระหว่างหลอดแก้วกับ สายยาง และจุกปิดขวด พันด้วย Fixomull แน่นสนิท ไม่มี รอยรั่ว การพยาบาล หลังใส่สายระบายทรวงอก 9. Observe : Subcutaneous emphysema ภาวะที่มีลมแทรกอยู่ใต้ผิวหนัง
10. จัดสายระบายไม่ให้หักพับงอ หรือยาวจนห้อยโค้งเป็นรูปตัว ยู (U) เพราะจะทำ ให้ของเหลวหรืออากาศที่ระบายคั่งค้างในสาย และต้องวางขวดรองรับอยู่ในระดับต่ำ กว่าทรวงอก 2-3 ฟุต 11. ไม่ clamp drain ขณะ transfer เพราะจะทำ ให้มีความดัน ในช่องปอดสูงขึ้น การหนีบสายระบายจะทำ ในช่วงเวลาสั้นฯ (ไม่เกิน 2 นาที) การพยาบาล หลังใส่สายระบายทรวงอก 12.ระวังขวดแตก เอียง ล้ม ถ้าขวดแตกต้องรีบบีบสายยางทันที 13.เปลี่ยนขวดรองรับเมื่อมีระดับของเหลวประมาณ 2/3 ของ ขวด เพื่อให้การระบายลมหรือของเหลวมีประสิทธิภาพ
การพยาบาล หลังใส่สายระบายทรวงอก 14. บีบรูดสายยางบ่อยๆ (Milking) เพื่อช่วยให้สารเหลวต่างฯ เช่น exudate,หนอง หรือ Blood clot ที่ค้างอยู่ในท่อไหลออก ได้สะดวกซึ่งจะทำ ให้ปอดขยายตัวได้ดี วิธีการ : ใช้มือข้างที่ไม่ถนัดจับสายยางให้อยู่กับที่ ใช้มืออีกข้าง หนึ่งรูดสายยาง อาจใช้ แป้งหรือวาสลีน เช็ดบริเวณสายยาง จะ ทำ ให้บีบ รูดง่ายขึ้น ไม่ควรบีบรูดเกิน 4 นิ้ว ซึ่งอาจทำ ให้เยื่อหุ้ม ปอดบริเวณใกล้เคียงได้รับอันตราย 15. กรณีใช้ระบบ 2 ขวด ต่อ suction ให้สังเกตฟองอากาศปุด ในขวด water seal หากพบฟองอากาศ ให้ประเมินหาสาเหตุ ของลมรั่ว ว่ามาจากตัวผู้ป่วยเอง หรือ ระบบมีรอยรั่ว โดยหัก สายระบายทรวงอกบริเวณใกล้ตัวผู้ป่วย หากฟองอากาศหายไป หมายถึง มีลมที่รั่วมาจากผู้ป่วย หากยังมีฟองอากาศ หมายถึงว่า ระบบการต่อขวดระบายมีรอยรั่ว ให้ตรวจสอบบริเวณข้อต่อ ต่างๆ กดจุก chest drain ให้แน่น
16. กรณีใช้แรงดันจากเครื่องดูดสูญญากาศ (suction) การทำ งาน ของเครื่องดูดสูญญากาศเป็นการเพิ่มความดันลบ ช่วยในการดูดลม และสารเหลวออกจากช่องเยื่อหุ้มปอดได้ดียิ่งขึ้น ความดันเป็นลบที่ ใช้อยู่ ระหว่าง 10-20 cmH2O หากสูงกว่านี้อาจทำ ให้เกิดการ บาด เจ็บต่อเนื้อเยื่อปอด และเยื่อหุ้มปอดได้ การพยาบาล หลังใส่สายระบายทรวงอก 17.ประเมินภาวะกาลักน้ำ ในกรณีระบบ 2 ขวด หากพบว่าปริมาณ น้ำ ในขวดwater seal ไหลย้อนไปในขวดรองรับของเหลวให้เติม น้ำ ในขวด water seal ให้ปลายแท่งแก้วจุ่มน้ำ 2 เซนติเมตร เพื่อป้องกันอากาศไหลเข้าช่องเยื่อหุ้มปอด
18. Deep breathing excercise : บริหาร การหายใจ โดยหายใจเข้าอย่างเต็มทีช้าๆ และหายใจออกยาวๆ ทุก 1-2 ชั่วโมง จะช่วยให้ปอดขยายตัว และช่วยในการ ระบายลม เลือด หรือของเหลวในช่อง เยื่อหุ้ม ปอดได้ดีขึ้น 19. การบริหารการหายใจโดยใช้เครื่องดูดบริหารปอด (Tri-flow incentive spirometer) และ การไออย่างมี ประสิทธิภาพ เป็นวิธีการขับเสมหะออกจากปอดได้ดีที่สุด การพยาบาล หลังใส่สายระบายทรวงอก
20. ให้ข้อมูลผู้ป่วยภายหลังใส่สายระบายทรวงอกแล้วมีอาการ เหนื่อย แน่นหน้า น้ อก หรือเจ็บเวลาหายใจเพิ่มมากขึ้น ควรรีบ แจ้งแพทย์ทันที เพื่อตรวจประเมินหาความผิดปกติที่อาจเกิด ขึ้นได้ 21. เมื่อท่อระบายทรวงอกหลุดจากแผล แนะนำ ให้ผู้ป่วยนอน ทับหรือใช้ผ้าสะอาดปิดแผลทันที /พยาบาลปิดแผลด้วย Vaseline Gauze ทันที โดยให้ผู้ป่วยหายใจออกหรือไอแรง ๆ 2-3 ครั้ง เพื่อให้อากาศที่ท่อระบายออกมามากที่สุด การพยาบาล หลังใส่สายระบายทรวงอก
1) ภาวะเลือดออกมาก (bleeding) คือสาเหตุเกิดจาก intercostal artery injury หรือ lung injury โดยปกติเลือดออกจากสาเหตุนี้ หยุดได้โดยไม่ต้องทำ อะไร ถ้าปอดขยายเต็มช่องอกปริมาณ ของเหลวออกมาเป็นเลือด >200 มิลลิลิตร/ชั่วโมง รายงานแพทย์ ทันที 2) การเซาะของลมใต้ผิวหนัง(subcutaneous emphysema) ว่ามี หรือไม่ ถ้ามีให้ขีดขอบเขตและรายงานแพทย์พร้อมบันทึกใน แบบบันทึกการพยาบาลและประเมินซ้ำ อย่างน้อ น้ ยทุก 4 ชั่วโมง ภาวะแทรกซ้อน หลังใส่สายระบายทรวงอก
3) สายระบายเลื่อนหรือไม่อยู่ในตำ แหน่งเดิม สายระบายเลื่อนจากตำ แหน่งเดิมแต่รูระบายยังไม่โผล่ออก นอกผิวหนังให้ปิดแผลและรายงานแพทย์ทันที สายระบายเลื่อนหลุดหรือรูระบายโผล่ออกนอกผิวหนังให้ปิด แผลด้วยวาสลีนก๊อซ รายงานแพทย์ทันที สายระบายอยู่ตำ แหน่งเดิมแต่ขวดร้าวหรือแตกให้clamp สาย ICD และเปลี่ยนขวดทันที 4) การติดเชื้อจากการใส่ท่อระบายทรวงอก 5) ปอดไม่ขยายตัว หรือ ขยายตัวได้น้อ น้ ย (Atelectasis) ภาวะแทรกซ้อน หลังใส่สายระบายทรวงอก
1. หมดข้อบ่งชี้ในการใส่ เช่น ไม่มีภาวะ pneumo-hemothorax , ปอดขยายตัวเต็มที่ ปริมาณของเหลวที่ไม่ใช่หนองออก < 50 ml/วัน 2. สายระบายอุดตันไม่มีการกระเพื่อมขึ้นลงของน้ำ ในแท่งแก้ว (fluctuation) 3. ตำ แหน่งของสายระบายไม่เหมาะสม 4. ผลเอกซเรย์ทรวงอกพบปอดขยายตัวดี ไม่มีเลือด หรือFluid ค้างอยู่ 5. ในภาวะ pneumothorax แพทย์จะประเมินจากการให้ผู้ป่วยไอแรง ๆ และสังเกตฟองอากาศปุดขณะไอ หรืออาจ clamp สายระบายไว้ 24 ชั่วโมง และสังเกตอาการ เช่น หายใจไม่สะดวกแน่นอึดอัดในช่องอก มีการเปลี่ยนแปลงของสัญญาณชีพในทางที่แย่ลง เป็นต้น กรณี แพทย์ประเมินแล้วผู้ป่วยยังคงมีข้อบ่งชี้ในการคาสายระบายทรวงอก ให้คงการพยาบาลหลังใส่สายระบายต่อจนผู้ป่วยหมดข้อบ่งชี้ แพทย์จะพิจารณาถอดสายระบายทรวงอก ตามข้อบ่งชี้ดังนี้
1.อธิบายให้ผู้ป่วยรับทราบก่อนถอดท่อระบายทรวงอก เพื่อคลาย ความกังวลและให้ความร่วมมือ 2. เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อมใช้ดังนี้ 1.set dressing 2.2% chlorhexidine 3.Blade no. 11 4.Gauze sterile 5.cotton sterile 6.Fixomull 7.ถุงขยะ 8.ถุงมือ sterile 9.Vaseline gauze (กรณีแพทย์มีคำ สั่งการรักษา) การพยาบาล เมื่อถอดสายระบายทรวงอก เมื่อแพทย์ประเมินแล้วมีคำ สั่งการรักษาถอดสายระบายทรวงอกได้ ปฏิบัติดังนี้
3. จัดท่าผู้ป่วยนอนหงายราบหรือศีรษะสูง 30-45 องศาชิดขอบเตียง ด้านที่มีท่อระบาย แจ้งผู้ป่วยว่าแพทยจ์ะถอดสายระบายทรวงอก 4. ปิดม่านให้มิดชิด 5. ให้คำ แนะนำ ผู้ป่วยโดยให้หายใจเข้าเต็มที่และกลั้นหายใจตาม จังหวะที่ได้รับสัญญาณจากแพทย์ แพทย์จะดึงท่อระบายทรวงอกออก หายใจออก เมื่อได้รับสัญญาณจากแพทย์ให้หายใจออกได้ เพื่อ ป้องกันอากาศจากชั้นบรรยากาศถูกดูดกลับ เข้าไปในช่องเยื่อหุ้มปอด 6. กรณีต่อsuction ให้ปิด suction ก่อนถอดสายระบายทรวงอก 7. กรณีผู้ป่วยใช้เครื่องช่วยหายใจขณะแพทย์ดึงสายระบายออกให้ บีบ Ambu bag ค้างไว้จนแพทย์ผูกไหมที่ปากแผลหรือปิดด้วย วาสลีนก๊อซเรียบร้อย 8. เมื่อแพทย์ดึงสายระบายออก จะปิดแผลดัวยวาสลินก๊อซ (กรณีแพทย์มีคำ สั่งใช้)ตามด้วก๊อซ และปิดด้วย Fixomull ทับ การพยาบาล เมื่อถอดสายระบายทรวงอก
9. ส่งตรวจ chest x-ray portable เพื่อประเมินภาวะแทรกซ้อน หลังถอดสายระบายเช่น pneumothorax 10.ประเมินและบันทึกสัญญาณชีพทุก 15 นาทีx 4 ครั้ง ทุก30 นาที x 2 ครั้ง และทุก 1 ชั่วโมงจน Stable 11. ประเมินการหายใจ เช่น มีอาการแน่นอึดอัดหายใจไม่สะดวก มีลมชั้นใต้ผิวหนัง (Subcutaneous emphysema) หรือภาวะ O2 saturation ต่ำ ลง ปลายมือปลายเท้าเย็น ซีด เขียว ความดันโลหิตต่ำ ต้องรีบแจ้งแพทย์ทันที 12. บริหารการหายใจและไออย่างมีประสิทธิภาพต่อไป เพื่อช่วยให้ ปอดขยายตัวเต็มที่ 13. บริหารข้อไหล่ข้างทีเคยใส่ท่อระบายเพื่อป้องกันข้อไหล่ติดยึด 14. แนะนำ ผู้ป่วยเกี่ยวกับอาการผิดปกติ เช่น แน่นอึดอัดหายใจลำ บาก รู้สึกหายใจไม่อิ่ม ให้แจ้งพยาบาลทันที และแนะนำ การดูแลแผล เพื่อป้องกันแผลอักเสบติดเชื้อ เช่น ห้ามแกะเกาแผล ห้ามแผล โดนน้ำ เป็นต้น การพยาบาล เมื่อถอดสายระบายทรวงอก
15. ภายหลังเอาท่อระบายออกประมาณ 48 ชั่วโมงจะมี fibrin มาเกาะบริเวณแผล ซึ่งจะป้องกันไม่ให้อากาศเข้าไปได้เพื่อป้องกัน อากาศเข้าไปในเยื่อหุ้มปอด 16. หากต้องการเปลี่ยนวาสลินก๊อสต้องทำ การเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว โดยขณะเปลี่ยนวาสลินก๊อส ให้ผู้ป่วยหายใจออกเต็มที่แล้วกลั้นไว้ 17. บันทึกวันเวลาที่ถอดสายระบายออกจากช่องเยื่อหุ้มปอด ลักษณะของแผลอาการแสดงที่ผิดปกติ 18. ไม่เปิดทำ แผลก่อน 72 ชั่วโมงยกเว้นแผลซึม ระวังไม่ให้แผล ถูกน้ำ จนกว่าแพทย์เปิดแผลหรือตัดไหม 19. ตัดไหมหลังถอดสายระบายครบ 10 วันหรือตามแผนการรักษา ของแพทย์ การพยาบาล เมื่อถอดสายระบายทรวงอก