FRANCE
ประเทศฝรั่งเศส
ประวัติ
ประเทศฝรั่งเศส
ที่มาและประวัติของชื่อ
ฝรั่งเศส (France) มาจากคำในภาษาละตินว่า Francia ซึ่งแปล
ตามตรงว่า ดินแดนของชาวแฟรงก์ (Frankland) และมีหลาย
ทฤษฎีที่สันนิษฐานถึงที่มาของคำว่า แฟรงก์ (Franks) ซึ่งหนึ่งใน
นั้นคือคำในภาษาโปรโต-เยอรมันว่า Frankon ซึ่งแปลว่า หลาว
หอก หรือทวนซึ่งเป็นอาวุธของพวกแฟรงก์ เป็นที่รู้จักกันในชื่อ
ฟรานซิสกา(Francisca)
อีกทฤษฎีหนึ่งตามหลักนิรุกติศาส
ตร์คือในภาษาเยอรมันโบราณ คำ
ว่า แฟรงก์ แปลว่าอิสระ ซึ่งตรงกันข้ามกับความเป็นทาส โดยคำดัง
กล่าวยังคงปรากฏในภาษาฝรั่งเศสปัจจุบันในรูป ฟรังก์ (Franc) ซึ่ง
เป็นสกุลเงินของประเทศฝรั่งเศสจนกระทั่งเปลี่ยนเป็นสกุลเงินยูโร
ในปี พ.ศ. 2545 ในปัจจุบันประเทศเยอรมนียังเรียกประเทศฝรั่งเศส
ว่า Frankreich ซึ่งแปลว่า อาณาจักรของชาวแฟรงก์ อีกด้วย
ลักษณะทางภูมิศาสตร์
ประเทศฝรั่งเศส
ลักษณะภูมิศาสตร์
ชาวฝรั่งเศสมีวัฒนธรรมการนอนกลางวัน จึงส่งผลให้ประเทศอาณานิคมของฝรั่งเศสชอบนอนกลางวันตามไป
ด้วย อย่างไรก็ตามในส่วนลึกของวัฒนธรรม คล้ายคลึงกับของอังกฤษและอิตาลีอยู่แล้ว ไม่สามารถแบ่งได้
ชัดเจนเด่นชัด เช่น การจับมือ ภาษา เป็นต้น เนื่องจากชนพื้นเมืองเป็น ชนผิวดำ และสีผิว จึงได้วัฒนธรรมตาม
กันมา
ชาวฝรั่งเศสมีวัฒนธรรมการนอนกลางวัน จึงส่งผลให้ประเทศอาณานิคมของฝรั่งเศสชอบนอนกลางวันตามไป
ด้วย อย่างไรก็ตามในส่วนลึกของวัฒนธรรม คล้ายคลึงกับของอังกฤษและอิตาลีอยู่แล้ว ไม่สามารถแบ่งได้
ชัดเจนเด่นชัด เช่น การจับมือ ภาษา เป็นต้น
สิ่งที่ควรทำ – ไม่ควรทำ
1.คุณสามารถกล่าวทักทายว่าบงชู (Bonjour) ซึ่งหมายถึงสวัสดีตอนเช้า
หรือบงซัว (Bonsoir) ที่หมายถึงสวัสดีตอนเย็นกล่าวลาเมื่อจะจากไปด้วยคำว่า โอ”เครอ”วัว (Au revoir) ที่
แปลว่า ลาก่อนและกล่าวขอบคุณว่า แม็กซิ (Merci) ได้
2. วิธีทักทายสำหรับคนที่รู้จักกันนั้นคือการแลกจูบแก้มซึ่งกันและกัน ไม่ว่าคู่ทักทายของคุณจะเป็นหญิงหรือ
ชาย ตามงานพิธีต่างๆ ชาวฝรั่งเศสใช้วิธีชนแก้มกันทั้งสองข้าง (la bise) ว่ากันว่าชาวปารีสนิยมแนบแก้มกันถึง
4 ครั้ง ถ้าเป็นเมืองนอกเขตปารีสทำเพียง 2 ครั้ง
3. เมื่อไปรับประทานอาหารตามภัตราคารอย่าตะโกนเรียกบริกรว่า”การ์ซ็อง (garçon)” ที่ตรงกันกับภาษา
อังกฤษว่า boy ซึ่งในภาษาฝรั่งเศสถือว่าไม่ สุภาพ ควรเรียกว่าเมอซิเออร์ และกล่าวคำว่า ซิล วู เปล ซึ่งแปลว่า
กรุณา เวลาสั่งอาหารหรือขออะไรเพิ่มเติมจึงถือว่าสุภาพและควรถอดหมวก เสื้อคลุม โอเวอร์โค๊ดหรือแจ้กเก็ต
เพื่อแสดงความเคารพต่อสถานที่ก่อนทุกครั้ง
4. สนามหญ้าในฝรั่งเศสมีไว้ให้ดูและชื่นชมความเขียวชอุ่ม ห้ามแตะต้องเด็ดขาด ยกเว้นตามสนามหญ้าที่เปิด
เป็นสาธารณะ หากคุณละเมิดกฏเข้าไปในสนามหญ้าซึ่งมีป้าย pelouse interdite แปลว่า สนามหญ้าห้ามเข้า
กำกับอยู่ ถือว่าคุณทำผิดกฏหมาย
5. เมื่อชาวฝรั่งเศสต้องการโบกมือลาเขาจะยกมือพร้อมกับขยับนิ้วขึ้นลง ๆ
6. รถแท็กซี่ในฝรั่งเศสนั่งได้ 3 คน เฉพาะที่ตรงด้านหลังคนขับเท่านั้นที่นั่งด้านขวามือข้างหน้าคู่กับคนขับ
นั้นมักไว้ให้เป็นที่นั่งของสัตว์เลี้ยง
ลักษณะภูมิศาสตร์
ประเทศฝรั่งเศสภาคพื้นทวีปยุโรปตั้งอยู่ระหว่าง 41 and 50 เหนือ
บนขอบทวีปยุโรปตะวันตกและตั้งอยู่ในภูมิอากาศเขตอบอุ่นเหนือ
ทางภาคเหนือและตะวันตกเฉียงเหนือมีสภาพภูมิอากาศเขตอบอุ่น
แต่กระนั้นภูมิประเทศและทะเลก็มีอิทธิพลต่อภูมิอากาศเหมือนกัน
ละติจูด ลองจิจูดและความสูงเหนือระดับน้ำทะเลทำให้ประเทศ
ฝรั่งเศสมีภูมิอากาศแบบคละอีกด้วย ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้มี
สภาพภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน ภาคตะวันตกส่วนมากจะมี
ปริมาณน้ำฝนสูง ฤดูหนาวไม่มากและฤดูร้อนเย็นสบาย ภายใน
ประเทศภูมิอากาศจะเปลี่ยนไปทางภาคพื้นทวีปยุโรป อากาศร้อน มี
มรสุมในฤดูร้อน ฤดูหนาวหนาวกว่าเดิมและมีฝนตกน้อย ส่วนภูมิ
อากาศเทือกเขาแอลป์และแถบบริเวณเทือกเขาอื่น ๆ ส่วนมากมัก
จะมีภูมิอากาศแถบเทือกเขา ด้วยอุณหภูมิต่ำกว่าจุดเยือกแข็งกว่า
150 วันต่อปีและปกคลุมด้วยหิมะกว่า 6 เดือน
ลักษณะภูมิศาสตร์
ภูมิประเทศของฝรั่งเศสเรียกได้ว่ามีความหลากหลาย มีลักษณะ
ภูมิประเทศแทบทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นน แม่น้ำลำธารที่ราบลุ่ม ป่าไม้
ที่ราบสูง ชายทะเล ช่องเขาและแม่น้ำที่สามารถเป็นทางเดินเข้าออกได้ทุก
ทิศ ประเทศฝรั่งเศสตั้งอยู่ในภูมิภาคยุโรปตะวันตก ซึ่งมีดินแดนที่ตั้งอยู่ใน
ทวีปอเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ ทะเลแคริบเบียน มหาสมุทรแปซิฟิกใต้
มหาสมุทรอินเดียทางตะวันตกและทางใต้ รวมทั้งในทวีปแอนตาร์กติกา
บางส่วน โดยมีพื้นที่ประมาณ 543,935 ตารางกิโลเมตร ทำให้ประเทศ
ฝรั่งเศสเป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มสหภาพยุโรป
ประเทศฝรั่งเศสมีแม่น้ำหลายสายที่สำคัญมากมาย เช่น แม่น้ำลัวร์ แม่น้ำ
แซนแม่น้ำการอน และแม่น้ำโรนซึ่งแบ่งที่ราบสูงมาซิฟซ็องทราลออกจาก
เทือกเขาแอลป์ และไหลลงทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่กามาร์ก ซึ่งเป็นจุดที่
ต่ำที่สุดในประเทศฝรั่งเศส ซึ่งยังมีกอร์ส (คอร์ซิกา) ตั้งอยู่บนชายฝั่งทะเล
เมดิเตอร์เรเนียนอีกด้วย
ลักษณะภูมิอากาศ
ประเทศฝรั่งเศส
ลักษณะภูมิอากาศ
ลักษณะภูมิอากาศ ประเทศฝรั่งเศสมีภูมิอากาศทั้งหมด4ฤดู
1. ฤดูหนาวเริ่มตั่งแต่ มกราคม – กุมภาพันธ์ เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบ
อากาศหนาวเพราะอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ประมาณ 2 – 5 องศาเซลเซียส
2. ฤดูใบไม้ผลิเริ่มตั่งแต่ มีนาคม – พฤษภาคม
ฝรั่งเศสฤดูใบไม้ผลิในปารีสเริ่มมีอากาศหนาวเย็นโดยมีอุณหภูมิสูงสุดทุกวัน
ที่ประมาณ 54 ° F (12 ° C) ในเดือนมีนาคม ภายในเดือนพฤษภาคม
อากาศจะอุ่นขึ้นถึง 68 ° F (20 ° C)
3. ฤดูร้อนเริ่มตั่งแต่ มิถุนายน – สิงหาคม
เป็นฤดูท่องเที่ยวในปารีสที่สูงขึ้นและมีอุณหภูมิสูงขึ้นด้วย คาดว่าจะมี
อุณหภูมิสูงสุดทุกวันอย่างน้อย 83 ° F (25 ° C) พร้อมกับคืนที่รวดเร็ว
ประมาณ 55 ° F (13 ° C)
4. ฤดูใบไม้ร่วงเริ่มตั่งแต่ กันยายน – ธันวาคม ฤดูใบไม้ร่วง อุณหภูมิจะเย็น
ลงเล็กน้อยในช่วงต้นเดือนตุลาคมเป็นเวลาที่เหมาะสำหรับการเดินเล่นใน
ย่านที่สวยงามเตรียมพร้อมสำหรับสายฝนที่เย็นจัดและมีลมแรงเป็นครั้ง
คราว อุณหภูมิสูงสุดรายวันอยู่ในช่วงใดก็ได้ตั้งแต่ 46 ° F (8 ° C) ถึง 62 °
F (17 ° C)
เชื้อชาติ ภาษาของชาว
ฝรั่งเศส
เชื้อชาติ ภาษา
เชื้อชาติของชาวฝรั่งเศส
ประชากรของประเทศฝรั่งเศสนั้นมีประมาณ67.15ล้านคนในปี2017 ชาวฝรั่งเศสส่วน
ใหญ่สืบเชื้อสายมาจากชาวเคลต์ผสมกับเชื้อสายโรมันและแฟรงก์ เชื้อสายฝรั่งเศสมี
ราว 5 ล้านคน ประมาณร้อยละ 8 ของประชากรทั้งหมด ประมาณหนึ่งในห้าของ
ประชากรฝรั่งเศสเป็นลูกหลานของผู้อพยพ
ภาษาของชาวฝรั่งเศส
ฝรั่งเศสกำหนดให้ภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาทางการของประเทศตั้งแต่ปี พ.ศ. 2535
รัฐบาลกำหนดให้เอกสารราชการ สัญญาต่าง ๆ การโฆษณาประชาสัมพันธ์ การ
ศึกษา จะต้องทำเป็นภาษาฝรั่งเศส หากจำเป็นต้องใช้คำภาษาต่างประเทศ ก็ให้ใส่
คำแปลเป็นภาษาฝรั่งเศสควบคู่กันไปด้วย
ศาสนาและความเชื่อ
ของชาวฝรั่งเศส
ศาสนาและความเชื่อ
ศาสนาและความเชื่อของชาวฝรั่งเศส
ฝรั่งเศสให้เสรีภาพในการนับถือศาสนา มีกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญโดยใช้หลักการแยก
ศาสนจักรกับอาณาจักรสถาบันมงตาญและสถาบันความเห็นสาธารณะฝรั่งเศสเผยว่า ชาว
ฝรั่งเศสร้อยละ 51.1 เป็นชาวคริสต์ ร้อยละ 39.6 ไม่นับถือศาสนาใดร้อยละ 5.6 เป็นชาว
มุสลิม ร้อยละ 2.5 นับถือศาสนาอื่น เช่น ศาสนาพุทธ ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู และศาสนาซิก
ส์ และอีกร้อยละ 0.4 ยังไม่ตัดสินใจฝรั่งเศสมีชุมชนชาวยิงที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปและใหญ่เป็น
อันดับสามของโลกรองจากอิสราเอลและสหรัฐอเมริกา
สาธารณรัฐฝรั่งเศสให้สิทธิเสรีภาพในเรื่องของ “ความเชื่อ” หรือ “ลัทธิ” ด้วย กล่าวคือ
เสรีภาพในความเชื่อ มีกฎหมายรองรับอยู่สองฉบับ คือ กฎหมายฉบับเดิม กฎหมายฉบับลง
วันที่ 9 décembre 1905 และกฎหมายฉบับลงวันที่ 1 juillet1901 ซึ่งเป็นกฎหมายเกี่ยว
กับเสรีภาพในการสมาคม จึงถือได้ว่าในเรื่องของ “ความเชื่อ” ซึ่งมีนิยามคือ ศาสนาที่ไม่ได้
รับการยอมรับในเรื่องของความเชื่อหรือลัทธิต่างๆนั้นรัฐจึงอนุญาตให้มีการรวมกลุ่มกันได้โดย
ถือตามกฎหมายฉบับดังกล่าว เราจึงพบว่า มีลักทธิความเชื่อ หรือ นิกายต่างๆ ปรากฎอยู่ใน
ประเทศฝรั่งเศสในรูปของ “สมาคมทางวัฒนธรรม” ซึ่งเป็นการรวมกลุ่มกันโดยไม่มีการ
แสวงหาผลกำไร โดยได้ผ่านขั้นตอนการตรวจสอบจากทางรัฐในขั้น autorisation
préalable มาแล้ว ตัวอย่างของความเชื่อต่างๆเหล่านี้ที่พบได้ทั่วไปในฝรั่งเศสก็เช่น Les
témoins de Jéhovah, la sectes Moon โดยสำหรับ Les témoins de Jéhovah หรือ
พยานพระยะโฮวานั้น เคยมีคดีที่น่าสนใจเรื่องการถ่ายเลือด ซึ่ง ดร.บรรเจิด สิงคะเนติ ได้เคย
ค้นคว้าและเขียนเป็นบทความไว้แล้ว
วิถีชีวิต
ของชาวฝรั่งเศส
วิถีชีวิต
การเรียนต่อฝรั่งเศสหมายรวมถึงการสัมผัสวิถีชีวิตแบบฝรั่งเศสซึ่งมี
เอกลักษณ์และน่าศึกษาเป็นอย่างยิ่ง คุณรู้ไหมว่าประเทศฝรั่งเศสเป็น
ประเทศที่มีนักท่องเที่ยวอยากมาเที่ยวชมมากที่สุด
ฝรั่งเศสเป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางภูมิศาสตร์อย่างมาก มี
พรมแดนทางธรรมชาติทั้งภูเขา ทะเล มีประวัติศาสตร์ยาวนาน มีวัฒนธรรม
ที่แฝงอยู่กับวิถีชีวิตของคนฝรั่งเศสอย่างแทบจะแยกไม่ได้ ในด้านคุณภาพ
ชีวิต ฝรั่งเศสมีระบบประกันสุขภาพที่มีประสิทธิภาพสูง การคมนาคมสะดวก
สบาย มีระบบการรักษาความปลอดภัยที่ได้มาตรฐาน
ขนบธรรมเนียม
ของชาวฝรั่งเศส
ขนบธรรมเนียม
1. French Greetings (the French kiss) วิธีการทักทายของชาวฝรั่งเศสก็เป็นอย่างหนึ่งที่เพื่อนๆ
อาจรู้สึกไม่ชิน นอกจากการจับมือแล้ว การจูบกันด้วยแก้มทั้งสองข้างก็เป็นทักทายเช่นกัน หาก
เป็นเพื่อนสนิทจะจูบแก้มกันสามครั้งขึ้นไป แล้วแต่ธรรมเนียมของแคว้นนั้นๆ
2. Tipping in France โดยปกติในฝรั่งเศสจะไม่นิยมให้ทิปกัน แต่สำหรับพนักงานที่ให้บริการ
ดีแล้วเราพอใจอยากจะให้ทิป ก็สามารถให้ได้ แต่ควรจะให้อย่างต่ำ 1 ยูโรครับ ถ้าต่ำกว่านี้อย่าให้
เลยดีกว่า เพราะจะดูน่าเกลียดแทนที่จะดูดี
3. French cuisine คนฝรั่งเศสกินอาหารแบบเรียงตามลำดับหรือคอร์ส จบไปทีละคอร์ส โดย
ทั่วไปจะมี 3 คอร์สคือ entré, plate principal และ cheese course หรือ dessert ถ้าเสิร์ฟ
แบบเต็มยศก็เพิ่มอีกสามเป็น 6 คอร์สโดยเริ่มจาก aperitif หรือออร์เดิร์ฟ แล้วเป็น entré ซึ่งมัก
จะเป็นซุป ตามด้วยอาหารจานหลักที่เป็นเนื้อสัตว์ ต่อด้วยสลัดแล้วตามด้วยเนยแข็งสารพัดชนิด
ปิดท้ายด้วยของหวานหรือผลไม้พร้อมกับกาแฟ ส่วนขนมปัง ไวน์ และน้ำแร่จะมีเสิร์ฟตลอดเวลาที่
กินอาหาร
4. French etiquette at mealsคนฝรั่งเศสใช้มีดและส้อมในการกินอาหารเกือบทุกอย่าง ไม่เว้น
แม้กระทั่งเฟร้นฟรายส์ โดยถือมีดด้วยมือขวา และมือซ้ายถือส้อม ไม่มีการเปลี่ยนมือไปมาเหมือน
คนอเมริกัน และที่สำคัญจะต้องวางมือไว้บนโต๊ะ ไม่วางไว้บนหน้าตัก นอกจากนี้ยังมีมารยาทบน
โต๊ะอาหารอื่นๆที่ควรต้องเรียนรู้อีกมาก
สถานที่ท่องเที่ยว
ของประเทศฝรั่งเศส
สถานที่ท่องเที่ยว
1.หอไอเฟล สัญลักษณ์อันดับหนึ่งของ
ฝรั่งเศสที่ไม่มาเหมือนมาไม่ถึง อีกทั้งยัง
สามารถซื้อตั๋วเพื่อขึ้นไปชมวิวทิวทัศน์ปารีส
ในมุมสูงได้อีกด้วย นับเป็นจุดเช็กอินที่เต็ม
ไปด้วยนักท่องเที่ยวจำนวนมากอยู่ตลอดทั้ง
วัน ซึ่งช่วงกลางคืนก็มีเสน่ห์ไม่แพ้ช่วงกลาง
วันโดยเฉพาะวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ปิดเวลา
เที่ยงคืนเลยทีเดียว
2.มหาวิหารนอเทรอดาม วิหารนิกายคอทอลิกที่
นอกจากจะมีความสำคัญทางศาสนาของฝรั่งเศส
แล้วนั้น ยังโด่งดังด้านสถาปัตยกรรมแบบกอธิก
รวมไปถึงงานรูปปั้นและภาพเขียนที่สื่อถึง
พระแม่มารีก็ล้วนมีความอ่อนช้อยประณีต อีกทั้ง
ยังสามารถเดินขึ้นบันได 387 ขั้นเพื่อไปชมวิว
ทิวทัศน์ด้านบนได้อีกด้วย
สถานที่ท่องเที่ยว
3.ประตูชัยฝรั่งเศส อีกหนึ่งแลนมาร์กและอนุสรณ์
สถานที่สำคัญของปารีส ได้รับการยอมรับให้เป็น
ประตูชัยที่ยิ่งใหญ่เป็นอันดับสองของโลก รวมทั้งยัง
มีความละเอียดอ่อนในการออกแบบสถาปัตยกรรม
สไตล์ศิลปะนีโอคลาสสิก โดยเฉพาะรูปแกะสลักลอย
ที่นับเป็นผลงานชั้นยอดจากศิลปินชั้นเยี่ยม ที่มีเล่า
เหตุการณ์การปฏิวัติและจักรวรรดิฝรั่งเศสผ่านผล
งานศิลปะรอบๆประตูรอบ 4 ทิศ
4.พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ พิพิธภัณฑ์ชื่อดังอันดับหนึ่งของ
โลกที่ทั้งมีประวัติศาสตร์ความเป็นมาอันยาวนาน
และด้วยความกว้างใหญ่มากที่สุดของโลก ด้านหน้า
โดดเด่นด้วยพีระมิดแก้วที่เป็นหนึ่งในฉากของ
ภาพยนตร์เรื่อง ดาวินชี่โค้ด รวมทั้งยังสามารถชม
ภาพเขียนชื่อดังก้องโลกอย่าง โมนาลิซา ของ เลโอ
นาร์โด ดาวินชีและงานศิลปะทรงคุณค่ามากมาย
ได้ที่นี่
จัดทำโดย
นางสาวเกวลี กันอำพล
เลขที่ 19
นางสาวฐิติมา นาคพนม
เลขที่ 21
นางสาวศตพร คงศักดิ์
เลขที่ 38