0
โดย ครูแบงค์
1
ฐานที่ 3 ฐานสร้างฝายชะลอนา้ และคลองใสไ้ ก่ โดย ครแู บงค์
หลกั สูตร วิทยากรจติ อาสาพฒั นาชุมชนตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
วธิ กี ารเรยี นรู้ ใช้วิธกี ารบรรยาย 10 นาที แล้วใหท้ กุ คนซกั ถามพดู กนั
ในกลุ่มสี ฝึกปฏิบัตจิ ริง ได้ถือจอบ ถอื เสียม มาช่วยกนั
ขุดคลองไส้ไก่เพอ่ื สร้างชมุ่ ชืนใหก้ ับพนื ท/ี่ ต้นไม้
ฝายชะลอนา้ หรอื ฝายชะลอความชมุ่ ชนื
ซึง่ หมายถงึ สิ่งก่อสรา้ งทีข่ วางทางกนั ล้าน้าขนาดเล็กในบรเิ วณตน้ นา้ หรือพืนที่ทมี่ ีความลาดชันสงู เพือ่ ให้
นา้ ทีไ่ หลมาแรงสามารถท่จี ะชะลอการไหลช้าลง และเก็บกกั ตะกอนเพื่อไมใ่ ห้ลงไปสบู่ รเิ วณลุม่ น้าตอนลา่ ง
ประเภทของฝายชะลอนา้ หรอื ฝายชะลอความชมุ่ ชืน แบ่งได้ 2 ประเภท
1. ฝายต้นน้าล้าธารหรอื ฝายชะลอความช่มุ ชืน เปน็ ฝายทีก่ กั เก็บน้าใหไ้ หลช้าลงและสามารถซึมลงใตผ้ วิ
ดนิ เพื่อสร้างความชมุ่ ชืนให้แก่พืนบริเวณนนั
2. ฝายดักตะกอนดนิ ทราย เปน็ ฝายทดี่ ักตะกอนดินและทรายไมใ่ หไ้ หลลงสูแ่ หล่งน้าเบอื งลา่ ง
รปู แบบของฝาย สามารถแบง่ ออกได้ 3 แบบ
1. แบบทอ้ งถิ่นเบอื งตน้ หรอื ท่เี รียกกันท่ัวไปว่า “ฝายแม้ว” เป็นการกอ่ สร้างดว้ ยวัสดุท่ีมีอยู่ตามธรรมชาติ
เชน่ กงิ่ ไม้ ท่อนไม้ ขนาบดว้ ยกอ้ นหินขนาดต่างๆ ในลา้ หว้ ย หรือร่องนา้ โดยจะสามารถดกั ตะกอน ชะลอการ
ไหลของน้าและเพม่ิ ความชุ่มชืนใหแ้ กบ่ รเิ วณพนื ทรี่ อบๆ ฝายได้
2
2. แบบเรียงด้วยหินคอ่ นข้างถาวร เป็นการก่อสร้างด้วยการเรยี งหินเปน็ ผนงั กนั น้าจะก่อสร้างบริเวณ
ตอนกลางและตอนลา่ งของล้าห้วยหรือร่องน้า จะสามารถดกั ตะกอนและเกบ็ กกั น้าในชว่ งฤดูแลง้ ไดบ้ างส่วน
3. แบบคอนกรีตเสรมิ เหลก็ เปน็ การก่อสร้างแบบถาวร ส่วนมากจะดา้ เนินการในบริเวณตอนปลายของ
ลา้ ห้วยหรอื รอ่ งนา้ ทา้ ใหส้ ามารถดักตะกอนและเก็บกักนา้ ในฤดแู ล้งได้ดี ค่ากอ่ สรา้ งขนึ อยกู่ บั ขนาดของลา้ ห้วย ซงึ่
ควรมคี วามกว้างไมเ่ กิน ๕ เมตร
ประโยชนข์ องฝายชะลอนา้
1. ชว่ ยเก็บกกั นา้
2. ชว่ ยลดความรุนแรงของการเกิดไฟป่า
3. ช่วยลดการพังทลายของหนา้ ดินและลดความรุนแรงของกระแสนา้ ในลา้ หว้ ย
4. ชว่ ยกกั เกบ็ ตะกอนและวัสดตุ า่ งๆทไ่ี หลลงมากบั น้าในล้าหว้ ย
5. ช่วยเพ่ิมความหลากหลายทางชีวภาพ
6. เปน็ ทีอ่ ยู่อาศัยของสัตวน์ ้าและใชเ้ ปน็ แหลง่ น้าเพ่อื การอุปโภคบรโิ ภค
วธิ ีการทา้ ฝายชะลอน้า
1. แนวทางการกอ่ สรา้ งฝายตน้ นา้ ลา้ ธาร/ฝายชะลอนา้
1 การเลอื กสถานทกี่ อ่ สร้าง
ในการเลือกจดุ ท่กี อ่ สร้างฝายตน้ น้าลา้ ธารปัจจัยส้าคัญทคี่ วรค้านึงถึงคอื ประโยชนท์ ี่จะไดร้ บั จากฝาย ไมว่ ่าจะเปน็
ด้านการอนุรกั ษต์ ้นน้า ด้านนเิ วศวทิ ยาป่าไม้ ดา้ นเกษตรกรรม ตลอดจนดา้ นชมุ ชน นอกจากนีการกา้ หนดพืนที่ท่ีจะกอ่ สร้าง
ยงั ตอ้ งขนึ อยูก่ บั สภาพพืนทคี่ วามจา้ เป็น และความเหมาะสมอ่ืน ๆ ประกอบอีกดว้ ย
2 การเลอื กวสั ดสุ า้ หรบั ก่อสรา้ ง
รูปแบบของฝายตน้ น้าลา้ ธาร สามารถแบ่งแยกออกตามวสั ดุทีใ่ ชใ้ นการกอ่ สรา้ งเป็น 2 แบบด้วยกนั คือวสั ดุ
ทีห่ าไดจ้ ากธรรมชาติ เช่น เศษไม้ ปลายไม้ และเศษวชั พชื หินขนาดตา่ งๆที่หาได้ในพนื ที่ และวสั ดุทจ่ี ะต้องจดั ซือ เชน่
ปูนซีเมนต์ เหลก็ เสน้ กรวด ทราย การเลือกวัสดุแตล่ ะชนดิ ขนึ อยูก่ บั ชนดิ ขนาดและวัตถุประสงค์ รวมทังสภาพพืนท่ี
ปรมิ าณน้า และปัจจยั ตา่ งๆ ในแต่ละจดุ
3
3 การกา้ หนดขนาดของฝาย
ขนาดของฝายไม่มกี ารก้าหนดขนาดตายตัว ขนึ อยกู่ บั ปัจจัยตา่ ง ๆ ดังต่อไปนี
3.1 พืนที่รบั น้าของแตล่ ะล้าหว้ ย
3.2 ความลาดชนั ของพืนท่ี
3.3 สภาพของดนิ /การชะล้างพงั ทลายของดิน
3.4 ปรมิ าณน้าฝน
3.5 ความกว้าง-ลึกของล้าห้วย
3.6 วัตถปุ ระสงคข์ องการกอ่ สร้าง
4. วธิ กี ารกอ่ สรา้ ง
การกอ่ สร้างฝายแต่ละฝายขนึ อย่กู บั ชนิดและวัสดทุ ่ใี ช้ ถา้ เป็นฝายผสมผสาน เช่น ฝายเศษไม้ และฝาย
กระสอบทราย เป็นเพยี งการน้าวสั ดุดังกลา่ วมาวางกองรวมกันเพื่อขวางรอ่ งห้วย โดยใช้หลกั เสาไม้ หรือเสาคอนกรตี ปักยึดให้
ลึกพอสมควรก็เพยี งพอ เนือ่ งจากฝายดงั กลา่ วสว่ นใหญ่จะอยใู่ นระดบั ต้น ๆ ของล้าห้วย ซง่ึ มปี ริมาณน้าและความรนุ แรงของ
การไหลไมม่ าก จึงไม่จ้าเปน็ ต้องการความแข็งแรงนัก ประกอบกบั ฝายดงั กลา่ วมวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พียงเพื่อกรองตะกอนไว้เพียง
บางสว่ นเท่านัน ไม่มีการเกบ็ กักนา้ จึงสามารถสร้างไดท้ ว่ั ๆ ไปไม่มีขอ้ ก้าหนดมากนกั
ส่วนฝายกึ่งถาวร และฝายถาวร เชน่ ฝายหนิ เรียงและฝายคอนกรีตเสริมเหล็กนนั ในการกอ่ สร้างควรเนน้
เร่ืองความแขง็ แรงเปน็ หลกั ควรมกี ารวางฐานรากทแ่ี ขง็ แรงใหเ้ พียงพอ โดยการเจาะลกึ ลงไปในพืนทร่ี อ่ งห้วยให้ถึงดนิ แขง็ หรือ
ชันหนิ ประมาณ 1 เมตร และมสี นั ฝายลกึ เขา้ ไปในผนังรอ่ งห้วยทังสองด้านอย่างนอ้ ยข้างละ 1.00 - 1.50 เมตร ทังนี
ขนึ อยกู่ ับสภาพของดินในแตล่ ะห้วยด้วย หรอื อาจใช้วธิ ีการอยา่ งอ่นื เพ่ือเสรมิ ความแข็งแรงของตัวฝายใหม้ ากขึนกไ็ ด้ อนึ่งในการ
กอ่ สร้างฝายแตล่ ะชนดิ ถา้ เป็นฝายกง่ึ ถาวรหรอื ฝายถาวรที่มีการเก็บกกั น้า ควรค้านึงถงึ ทางระบายนา้ หรอื ทางน้าลน้ ให้
เพยี งพอกนั กับปรมิ าณนา้ ทไี่ หลผา่ น ไมเ่ ช่นนนั อาจจะกระทบกระเทือนกบั โครงสร้างของฝายนนั ๆ ได้
การจดั การน้าบนพนื ทส่ี งู ตามศาสตรพ์ ระราชา(ฝายชะลอนา้ )
วัตถปุ ระสงค์
1. อธบิ ายเร่อื งฝายชะลอน้าแต่ละรปู แบบ
2. อธิบายการสร้างฝายแต่ละรูปแบบ
3. อธิบายประโยชนข์ องฝายชะลอนา้
กจิ กรรม
1. ศกึ ษารปู แบบฝายชะลอนา้ ฟังบรรยายพร้อมเอกสาร
4
2. ศึกษาวธิ ีการสรา้ งฝายแต่ละรปู แบบ ฟังบรรยายพร้อมเอกสาร 3. ลงมอื ปฏิบัติการสร้างฝายชวั่ คราว
สอ่ื การสอน
1. เอกสารความรู้ 2. ปา้ ยขอ้ มูล อปุ กรณ์ 3. ไมไ้ ผ่ 4. มดี
5. กอ้ นหิน 6. ค้อน 7. เชอื ก
การประเมนิ ผล
1. สามารถอธบิ ายเรื่องฝายชะลอนา้ แต่ละรปู แบบได้
2. สามารถอธบิ ายการสร้างฝายแตล่ ะรูปแบบได้ 3. สามารถอธบิ ายประโยชน์ของฝายชะลอนา้
คลองไสไ้ ก่
- คลองไส้ไก่ คอื การขุดร่องนา้ ในทด่ี นิ เป็นหน่งึ ในรูปแบบหลมุ ขนมครกเพอ่ื กกั เกบ็ น้าและกระจายความช่มุ ชนื ไป
ทัว่ บรเิ วณพนื ทเี่ พาะปลูก
- คลองไสไ้ ก่ คอื การขุดรอ่ งนา้ ในท่ีดิน เป็นหนง่ึ ในรปู แบบหลุมขนมครกเพอ่ื กักเก็บน้าและกระจายความช่มุ ชนื ไป
ทว่ั บริเวณพนื ทเี่ พาะปลกู เปรยี บเสมอื นล้าธารท่ีมีความคดเคียว มีการไหลตกกระทบ น้าทีไ่ หลผา่ นจะซึมลงสู่พนื ดินทา้ ให้
เกิดความชุม่ ชนื
วธิ ขี ดุ คลองไสไ้ ก่
ให้ขดุ เป็นร่องโดยมีความกว้างและความลึก 50 เซนตเิ มตรโดยนา้ ดินท่ีไดจ้ ากการขดุ มาถมในฝง่ั ตรงข้ามของแหล่งนา้
ท่ไี หลมาท้าคนั ดินใหก้ ว้าง 1 เมตรแลว้ ปลูกแฝกเพื่อลดการพงั ทลายของคนั ดนิ ปลูกไม้ผลและผักสวนครัวไว้เป็นแหลง่ อาหาร
นอกจากนีให้ขุดหลมุ เลก็ ๆ (หลมุ ขนมครก) เพื่อให้น้าที่ไหลมาตกในหลมุ เป็นการชะลอนา้ ท่ไี หลผ่านไมใ่ หไ้ หลแรง
เกินไป รวมถงึ การท้าฝายเลก็ ๆ เปน็ ระยะ ๆ เพ่อื ชะลอน้า ทา้ ใหน้ า้ ซึมลงใตด้ นิ ได้มากทสี่ ุด และยังเป็นการล็อกตะกอน
ดนิ ที่เกิดจากการทบั ถมกนั ของใบไมแ้ ละอินทรียวัตถตุ ่าง ๆ ซึง่ อดุ มดว้ ยธาตอุ าหารทีจ่ า้ เป็นแก่พืช
5
การขดุ คลองไสไ้ กม่ ี 3 แบบ คอื
1. คลองไส้ไกบ่ นพืนทล่ี าดเอยี งทเ่ี ปน็ ภเู ขา
จะขดุ คลองไส้ไก่เพือ่ รบั น้าจากบรเิ วณพืนที่ลาดชนั ใหล้ งมาสู่คลองไส้ไก่ เพื่อให้น้าไหลเออ่ื ย ๆ ซึมลงดนิ ให้มากท่สี ดุ แลว้ ไหล
ผา่ นไปยังพนื ที่ต้่าสุด
2. คลองไสไ้ กบ่ นพืนทเี่ นนิ
จะขุดคลองไสไ้ กเ่ พื่อเปลยี่ นทางนา้ ให้ไหลมายังพนื ทเ่ี พาะปลูก เพ่อื ให้เกิดความชุ่มชืน่ ของพืนท่ี
3. คลองไส้ไกบ่ นพืนทรี่ าบลมุ่
จะขุดคลองใหค้ ดโค้งให้นา้ ไหลเออ่ื ยแล้วคอ่ ย ๆ ไหลแบบเคล่ือนตวั ตลอดเวลา นอกจากกระจายความชุ่มชืนแลว้ ยังท้าให้อากาศ
เข้ามาแทรกในน้า ทา้ ใหน้ ้าไม่เนา่
ประโยชนข์ องคลองไสไ้ ก่
กกั เกบ็ นา้ ใหซ้ มึ ลงดิน
เปลย่ี นทางน้าให้กระจายสพู่ ืนที่เพาะปลกู
ล็อกตะกอนดินหรอื ธาตอุ าหาร
ป้องกนั การพงั ทลายของหน้าดิน
เครอ่ื งมอื จอบ เสยี มและใจ
สภาพแวดลอ้ ม อยูใ่ นสถานทจี่ ริง ได้ฝกึ ปฏบิ ัติจรงิ แบบ on the Jop training
เงอื่ นเวลา 45 นาที เน่ืองจากเวลาในการเรยี นรู้มีจา้ กัดหรอื เวลานอ้ ย ท้าใหว้ ทิ ยากรหรือครูจะต้องใช้วธิ กี าร
แลกเปล่ยี นเรียนรู้
6