The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

คนเลี้ยงผึ้งผึ้งเลี้ยงคน (7)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Sujipuli087, 2023-11-25 10:36:44

คนเลี้ยงผึ้งผึ้งเลี้ยงคน (7)

คนเลี้ยงผึ้งผึ้งเลี้ยงคน (7)

คคนนเเลี้ลี้ ลี้ลี้ยยงง ผึ้ง เเลี้ลี้ ลี้ลี้ยยงงคคนน


จัดทำ โดย คู่มือการเลี้ยงผึ้งในประเทศไทย เสนอ ดร. สุธานี มะลิพันธ์ นางสาวภิญลดา วงค์วิลาส 63070506610 นายสุจิปุลิ พลสารโสภณ 63070506612 นายสุทธิพงษ์ อ่วมบุญมี 63070506613 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี


เป็นแมลงผสมเกสรที่สำ คัญอย่างยิ่งต่อระบบนิเวศและการเกษตรที่มี อยู่ตามธรรมชาติ เนื่องจากพืชผลกว่า 70 เปอเซนต์บนโลกใบนี้ที่ต้องการตัวช่วยใน การผสมเกสรเพื่ออัตราของผลผลิตที่ดีขึ้น ซึ่งผึ้งก็เป็นแมลงที่สามารถช่วยในการ ผสมเกสรให้กับพืชผลทางการเกษตรได้ อีกทั้งการเลี้ยงผึ้งยังเป็นการเพิ่มรายได้ให้ กับเกษตรกรเนื่องจากได้ผลผลิตจากผึ้งก็คือน้ำ ผึ้ง เกสรผึ้ง พรอพอลิส นมผึ้ง ไขผึ้ง พิษผึ้ง ตัวอ่อนจากผึ้ง นอกจากนี้เกษตรกรยังสามารถลดการใช้สารเคมีในการปลูก พืชได้อีกด้วย การเลี้ยงผึ้งในพื้นที่ทำ การเกษตรจำ เป็นที่จะต้องศึกษาให้รอบคอบก่อนการ เลี้ยงจริง เนื่องจากมีหลายปัจจัยที่เข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น การเลือกสายพันธ์ผึ้งที่จะนำ มาเลี้ยง สิ่งแวดล้อมที่อยู่อาศัยของผึ้ง ศัตรูผึ้ง พืชอาหารที่เหมาะสม อุปกรณ์ในการ เลี้ยงผึ้ง และวิธีการเก็บผลผลิตให้มีผลเสียต่อตัวผึ้งให้น้อยที่สุด เอกสารเล่มนี้จัดทำ ขึ้นเพื่อเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับการเลี้ยงผึ้งใน ประเทศไทย สำ หรับเกษตรการที่จะเริ่มต้นหรือผู้ที่ต้องการหาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยว กับการเลี้ยงผึ้ง ผู้จัดทำ ได้รวบรวมความรู้พื้นฐานทั้งหมดเกี่ยวกับการเลี้ยงผึ้งใน ประเทศไทย หากรายงานเล่มนี้บกพร่อง ผิดพลาดประการใด ผู้จัดทำ ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย คำ นำ ผึ้ง


สารบัญ หน้า ข้อมูลและความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับผึ้งชนิดผึ้งในประเทศไทยวรรณะของผึ้งพืชอาหารของผึ้งกายภาพของผึ้งศัตรูผึ้งการเลี้ยงผึ้งหลวงการเลี้ยงผึ้งมิ้มการเลี้ยงผึ้งโพรงการเลี้ยงชันโรงอ้างอิง 123568914182431


ข้อมูลและความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับผึ้ง บทบาทของผึ้งเป็นตัวช่วยในการผสมเกสรของดอกไม้ เพราะเรณูและน้ำ ต้อยเป็นแหล่งอาหารสำ คัญของผึ้ง ทำ ให้ผึ้งมีความสัมพันธ์กับดอกไม้หลายชนิด และส่ง ผลให้เกิดการผสมเกสร คนมักใช้ผึ้งเป็นตัวช่วยในการ ผสมเกสรเพื่อเพิ่มผลผลิตในการเกษตร 1 ในประเทศไทยมีการพบผึ้งอยู่ 4 จาก 7 วงศ์ ที่ได้รับการค้นพบอย่างเป็นทางการ และได้รับการยอมรับในวารสารระดับนานาชาติมาแล้ว โดยรวมมี 235 ชนิด ตาม ฐานข้อมูลของ Discoverlife (Ascher & Pickering, 2021) นอกจากนี้แล้วยังมีผึ้ง ที่ให้ผลผลิตที่ดีในทางการเกษตรหลักๆคือ คือ ผึ้งชันโรง (stingless bee) ผึ้งหลวง (giant honey bee) ผึ้งมิ้ม (little honey bee) ผึ้งโพรง (Asian Honey bees) ผึ้งชันโรง (stingless bee) เป็นต้น ผึ้งโพรง ผึ้งหลวง ผึ้งมิ้ม ชันโรง


ผึ้งโพรง ผึ้งหลวง ผึ้งมิ้ม ชันโรง เป็นผึ้งที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในผึ้ง 4 ชนิดนี้ มี ลักษณะตัวใหญ่ ผึ้งหลวงมีความดุร้ายเเละมีพิษมาก ในเหล็กใน ไม่เหมาะเเก่การนำ มาเลี้ยงเชิง อุตสาหกรรม พบได้ในป่าทั่วไปในประเทศไทย สามารถบินหาอาหารได้ไกลหลายกิโลเมตร เป็นผึ้งที่มีขนาดเล็ก มีขนาดใกล้เคียงเเมลงวัน สามารถพบได้ง่ายในธรรมชาติ รังมีขนาดเล็กกว่าผึ้ง หลวง ไม่นิยมเลี้ยงในเชิงอุตสาหกรรม สามารถบิน หาอาการได้ใกล้มีน้ำ ผึ้งน้อย เป็นผึ้งขนาดกลางทีมีวิวัฒนาการที่สูง การอยู่ อาศัยจะทำ รังภายในพื้นที่ปิด ผึ้งชนิดนี้สามารถเลี้ยง ได้โดยสามารถทำ กล่องไม้ให้ผึ้งอยู่ เเละสามารถเก็บ น้ำ หวานได้ง่าย เป็นผึ้งขนิดหนึ่งที่ไม่มีเหล็กใน ไม่ต่อย มีขนาดตัว ที่เล็ก การอยู่อาศัยในพื้นที่ปิดเเละมืด เป็นเเมลง ประจำ ท้องถิ่น ผึ้งชันโรงมีสรรพคุณทางยามากกว่า น้ำ ผึ้งธรรมดา ชนิดผึ้งในประเทศไทย 2


โดยทั่วไปของผึ้งในรังผึ้งจะประกอบไปด้วยผึ้ง 3 วรรณะ ได้แก่ 2. ผึ้งงาน (The Worker) เป็นผึ้ง เพศเมียมีขนาดเล็กที่สุด เนื่องจากในระยะที่ เป็นตัวอ่อน ได้รับอาหารพิเศษคือ นมผึ้ง เพียง ๓ วัน หลังจากนั้นมีอายุมากขึ้น จะได้ กินแต่เกสร และน้ำ ผึ้ง ทำ ให้แตกต่างไปจาก ผึ้งนางพญามาก นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า ผึ้งงานคือ หุ่นยนต์ที่มีชีวิตตัวน้อยๆ ทำ งาน เกือบตลอดเวลาตั้งแต่เกิดจนตาย ดังนั้นผึ้ง งานจึงมีอายุสั้นเพียง ๖-๘ สัปดาห์ เท่านั้น วรรณนะของผึ้ง 3 1. ผึ้งนางพญา (The Queen) ผึ้งนางพญาสามารถแยกออกจากผึ้งตัวผู้ และผึ้งงานได้โดยง่าย เพราะมีขนาดใหญ่ และลำ ตัวยาวกว่าผึ้งตัวผู้กับผึ้งงาน ผึ้ง นางพญาจะมีเหล็กไน ซึ่งมีไว้สำ หรับต่อสู้ กับนางพญาตัวอื่นเท่านั้น การเคลื่อนไหว ของผึ้งนางพญาค่อนข้างเชื่องช้า หน้าที่สำ คัญ คือ 1. ผสมพันธุ์ 2. วางไข่ 3. ควบคุมสังคมของผึ้ง


การเจริญเติบโตแบ่งเป็น 4 ระยะ คือ 3. ผึ้งตัวผู้ (The Drone) กําเนิดมาจากไข่ที่ไม่ได้รับการผสมกับน้ำ เชื้อตัวผู้ ไม่มีเหล็กใน ไม่มีตะกร้าเก็บเกสร มีหน้าที่สําคัญ คือ ผสมพันธุ์อย่างเดียว หลังจากผ สมพันธุ์ เสร็จผึ้งตัวผู้จะตาย วัฎจักชีวิตของผึ้ง 4 1. ระยะไข่ ผึ้งนางพญาถ้าต้องการวางไข่เพศเมียจะนำ น้ำ เชื้อของผึ้งตัวผู้ออกมาผสมกับไข่ ถ้าเป็นเพศผู้ ก็ไม่ปล่อยน้ำ เชื้อ ไข่ยาวประมาณ 0.5 ซม. 2. ระยะหนอน เมื่อไข่ ได้ 3 วัน จะฟักออกมา เป็นตัวหนอนขนาดเล็ก สีขาว หลอดรวง มีการ ลอกคราบทั้งหมด 5 ครั้ง 3. ระยะดักแด้ดักแด้ในระยะแรกจะมีสีขาว เมื่อมีอายุมากขึ้นจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีน้ำ ตาล 4. ระยะตัวเต็มวัย เมื่อดักแด้โตเต็มที่ ก็จะใช้กรามกัดไข ผึ้งที่ปิดหลอดรวง ออกมาเป็นตัวเต็ม วัย


อาหารของผึ้งแบ่งได้ 3 กลุ่ม ดังนี้ 1. ดอกไม้ที่ให้น้ำ หวานเล็กน้อย : ดอกกระทกรก แพงพวยน้ำ ดอกงา ดอกแคฝรั่ง ดอกพวงแสด ดอกฉำ ฉา ดอกมะม่วง ดอกพะยอม ดอกพิกุล ดอกรักป่า ดอกถั่ว เหลือง ดอกสตอเบอรี่ ดอกยูคาลิปตัส ดอกยาง 2. ดอกไม้ที่เป็นพืชหลัก : ดอกลำ ไย ดอกลิ้นจี่ ดอกสาบเสือ ดอกมะกอกน้ำ ดอกงิ้ว ดอกนุ่น ดอกตีนตุ๊กแก ดอกส้ม ดอกไม้ป่าชนิดต่าง ๆ พืชอาหารของผึ้ง 5 3. ดอกไม้ที่ให้เกสร : ดอกฟักทอง ดอกบัว โสน ไมยราบยักษ์ ไมยราบ ข้าวโพด ข้าว กระถินยักษ์ กระถิน มะพร้าว ชมพู่ มะม่วง ทองกวาว ผักโขม ถั่วต่าง ๆ ดอกขี้เหล็กอเมริกัน ดอกอ้อย ดอกพง ดอกอ้อ


ปีก ท้อง ขาหลัง ขากลาง ขาหน้า ปาก ตารวม หนวด หนวด : เป็นอวัยวะใช้รับความรู้สึกและสัมผัสเฉพาะการดมกลิ่น ตา : ผึ้งมีตาประกอบใหญ่ 1 คู่ ช่วยให้มองเห็นฃเป็นบริเวณกว้าง สามารถมอง เห็นดอกไม้สีต่างๆ ได้ในระยะไกล ปาก : ของผึ้งเป็นแบบกัดดูด ประกอบด้วยอวัยวะเล็กๆ หลายส่วน คือ ปากบน มีกรามแข็งแรง 1 คู่ ด้านข้างเป็นฟัน ตรงกลางเป็นงวงทำ หน้าที่ดูดน้ำ หวาน ขา : มี 3 คู่ ขาหลังมีอวัยวะพิเศษ สำ หรับเก็บเกสร โดยผึ้งตัวผู้ และผึ้ง นางพญาไม่มีอวัยวะนี้ เพราะไม่ต้องออกไปหาอาหาร ปีก : มี 2 คู่ โดยคู่แรกใหญ่กว่าคู่หลังเล็กน้อย ส่วนหัว ส่วนอก กายภาพของผึ้ง 6


ประกอบด้วย 6 ปล่อง ตัวผู้มี 7 ปล่อง ที่ปลายท้องของผึ้งงาน และผึ้ง นางพญามีเหล็กใน แต่ผึ้งตัวผู้ไม่มีเหล็กใน ด้านข้างแต่ละปล้องมีรูหายใจ ปล้องละ 1 คู่) อวัยวะวางไข่ : อยู่ที่ปล้องสุดท้ายในผึ้งงาน และผึ้งนางพญา บางส่วนของ อวัยวะวางไข่จะดัดแปลงเป็นเหล็กใน มีลักษณะเป็นเข็มแหลม รูหายใจ : มีทั้งหมด 7 โดยคู่ 3 คู่แรกจะอยู่ที่ส่วนอก อีก 4 คู่ จะอยู่ที่ส่วนท้อง รูหายใจจะปิดเปิดตลอดเวลา รูหายใจจะติดต่อกับท่อลม และถุงลม ขนตามลำ ตัว : ผึ้งมีขนละเอียด มีเส้นประสาทรับความรู้สึก และรับสัมผัส เช่น ส่วนขนบริเวณหน้า ใช้รับความรู้สึก การเคลื่อนไหว และทิศทางลม ซึ่งผึ้งมัก จะบินทวนลมไปยังที่ตั้งของแหล่งอาหาร ขนที่ติดกับอกและท้องของผึ้งด้วย ส่วนท้อง 7


ศัตรูผึ้ง บริเวณลานเลี้ยงผึ้งที่ดี ควรจะเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยจากศัตรูผึ้ง ดังนั้นจึงควร สำ รวจเสียก่อนทุกครั้งในลานผึ้ง ก่อนที่จะนำ ผึ้งเข้าไปเลี้ยงผึ้งมีศัตรูธรรมชาติเช่น เดียวกับแมลงอื่นๆ 1.ไร เป็นสัตว์ขนาดเล็กที่มี ๘ ขา จะดูดเลือดผึ้งเป็นอาหาร โดยเฉพาะชอบดูดเลือด ผึ้งในระยะดักแด้มากที่สุด 2.ตัวต่อ สามารถจับผึ้งกินเป็นอาหารได้ตามบริเวณดอกไม้ และที่หน้ารังผึ้ง ถ้าผึ้ง อ่อนแอลงมากๆ ตัวต่อจะยกพวกเข้าโจมตีผึ้งให้เสียหายได้ทั้งรัง 3.มดแดง เป็นศัตรูที่สำ คัญของผึ้งทุกชนิด จะเฝ้าคอยจับผึ้งตามดอกไม้ เพื่อกินผึ้งเป็น อาหาร ทำ ให้ผึ้งหนีรังไปในที่สุด เพราะไม่สามารถสู้กับมดแดงได้ ดังนั้นก่อนตั้งรังผึ้ง ทุกครั้ง ต้องกำ จัดมดแดงให้หมด 8


ชื่อ : ผึ้งหลวง (Giant Honey bees) ชื่อทางวิทยาศาสตร์ : Apis (Megapis) dorsata Fabricius, 1793 ลักษณะลำ ตัว : มีขนาดตัวใหญ่ได้มากถึง 3 เซนติเมตร มีลำ ตัวเรียวยาว มี ร่างกายส่วนท้ายที่ยื่น ยาวชัดเจน มีปีกคู่หน้าที่ใสเเละมีสีเข้มในบางส่วน ลักษณะรวงรัง : เป็นรวงชั้นเดียว จะโค้งรีเป็นรูปครึ่งวงกลมอยู่ใต้กิ่งไม้ ขนาด เส้นผ่านศูนย์กลางมีขนาดได้ถึง 2 เมตร มีประชากรประมาณ 10,000-80,000 ตัวต่อรัง การเลี้ยงผึ้งหลวง 9


10 ลักษณะเด่นเพิ่มเติม : การเลี้ยงผึ้งหลวงจะไม่สามารถล่อเพื่อนำ เข้ามาเลี้ยงในกล่องได้ แต่สามารถเลี้ยงในที่ที่ผึ้งหลวงเลือกที่จะทำ รังตามธรรมชาติได้ แต่ในปัจจุบันมีการ เลี้ยงผึ้งหลวงในอีกหนึ่งรูปแบบที่เป็น ภูมิปัญญาของชาวสงขลา ก็คือ การตั้งกระโจม (บังกาด) เพื่อให้ ผึ้งมาอาศัยและสร้างรรังจากนั้นทำ การเก็บเกี่ยวรังผึ้งและเหลือ รังไว้ ส่วนหนึ่งเพื่อให้ผึ้งได้สร้างขึ้นมาใหม่และเก็บเกี่ยวในรอบต่อไป การอยู่อาศัย : สามารถพบได้ทั่วไปในประเทศไทย สร้างรังในที่สูง เช่น บนต้นไม้ บริเวณหน้าผา เเละในตึกสูง สามารถบินหาอาหารได้ไกลหลายกิโลเมตรเนื่องจากมี ขนาดตัวที่ใหญ่ ผึ้งหลวงไม่เหมาะสำ หรับการนำ มาเลี้ยง เนื่องจากผึ้งหลวงมีพฤติกรรม การหนีรัง เเละมีพฤติกรรมที่ค่อนข้างดุร้าย มีพิษมากในเหล็กใน เมื่อถูกรบกวน


1. การลงทุนสำ หรับการเลี้ยงผึ้งหลวง 11 1.1. ค่าอุปกรณ์สร้างบังกาด ( เพื่อเป็นที่อยู่อาศัยของผึ้งหลวง ) เช่น เสา (ขอนไม้) กิ่ง เสม็ด เป็นต้น 1.2. ค่าอุปกรณ์การเลี้ยง เช่น หมวก ถุงมือ อุปกรณ์เก็บเกี่ยว 1.3. ค่าน้ำ ตาลหรืออาหารเสริม (ถ้าจำ เป็น) ใช้ในฤดูที่ขาดแคลนผลผลิตจากพืช แต่ยังต้องการผลผลิตจากผึ้งอยู่ ถุงมือกันผึ้ง เเปรงปัดผึ้ง มีดปาดผึ้ง


12 2. อุปกรณ์ที่ต้องใช้ในการเลี้ยงผึ้ง 2.1. วัสดุจากธรรมชาติเพื่อสร้างเสาของกระโจม (บังกาด) เช่น ไม้กระท้อน ไม้ กระถิน 2.2. วัสดุธรรมชาติที่นำ มาใช้เป็นหลังคากระโจม (บังกาด) คือ กิ่งเสม็ด 2.3. มีดปาดไขผึ้ง 2.4. แปรงปัดผึ้ง (Bee brush) 2.5. ถังสลัดน้ำ ผึ้ง 2.6. หมวกตาข่ายกันผึ้งต่อย (Bee veils) 2.7. ที่กรองน้ำ ผึ้ง 2.8. ถุงมือ (Bee gloves) 2.9. ชุดเสื้อผ้าที่สวมใส่เวลาเข้าไปยังหน้ารัง (Overalls) 2.10. อุปกรณ์เสสริมอื่นๆที่ควรมี เช่น กล่องเครื่องมือ ค้น คีม ตะปู เลื่อย ลวด มีกพับ กรรไกร ยาหม่อง เป็นต้น ชุดกันผึ้ง


4. การเก็บน้ำ ผึ้ง : ควรให้ผู้เชี่ยวชาญที่มีความชำ นาญในการขึ้นไปเก็บน้ำ ผึ้ง โดยวิธี เก็บจะใช้กระป๋องพ่นควัน ไล่ผึ้งออกจากหัวน้ำ หวาน เเละจะปาดเอาเฉพาะหัวน้ำ หวานมาเท่านั้น โดยจะเหลือรังเเละตัวอ่อนเพื่อให้ผึ้งสามารถทำ รังเเละเก็บน้ำ หวาน ใหม่ต่อไปได้ 3. วิธีการเลี้ยงผึ้งหลวง 3.1. การสร้างกระโจม (บังกาด) ใช้ไม้เป็นเสา 2 ท่อน ความสูงประมาณ 1.50 เมตร วางขอนไม้เส้นผ่านศูนย์กลางตั้งแต่ 5 นิ้วขึ้นไป ใช้ไม้ที่ผึ้งนิยมทำ รัง อาทิ ไม้ กระท้อน ไม้กระถิน ทำ มุมกับพื้นราว 45 องศา ในแนวเฉียงกับทิศเหนือและทิศใต้ เล็กน้อย ปิดทับด้วยกิ่งเสม็ด เพื่อบังแสงแดดให้กับผึ้ง เลียนแบบธรรมชาติ 3.2. จากนั้นปล่อยผึ้งหลวงหากินและเติบโตตามธรรมชาติ เช่น ในจังหวัดสงขลา ผึ้งหลวงจะมีการบินเพื่อออกไปหากินเอง แหล่งอาหารหลักก็คือ ดอกเสม็ด ที่มีอยู่ใน พื้นที่นั่นเอง เมืื่อครบ 21 วันแล้ว ชาวบ้านจะทำ การเก็บเกี่ยวรังผึ้งเป็นครั้งแรก 13 รังผึ้งหลวง


ชื่อ : ผึ้งมิ้ม (Red Dwarf-Honey bees) ชื่อทางวิทยาศาสตร์ : Apis (Micrapis) florea Fabricius, 1787 ลักษณะลำ ตัว : มีขนาดตัวที่เล็ก ยาวประมาณ 1 เซนติเมตร หรือน้อยกว่า เเผ่นปิด ปล้อง ท้องส่วนบน เเผ่นที่1 เเละ 2 มีสีเเดง หรือน้ำ ตาลเเดง ลักษณะรวงรัง : รวงชั้นเดียวมีรูปร่างเกือบเป็นวงกลม บางครั้งก็เป็นรูปไข่ไก่ มีขนาด ตั้งแต่ 10 ซม. ถึง 30 ซม มีประชากร 6,000 - 30,000 ตัว/รัง ที่อยู่อาศัย : รวงผึ้งจะทำ ติดอยู่กับกิ่งไม้ ในพุ่มไม้เตี้ย ๆ เช่น ในกอไผ่ ลักษณะรวงผึ้งจะ ทำ ค่อมกิ่งไม้ ซึ่งส่วนของน้ำ ผึ้งจะอยู่ค่อมรอบกิ่งไม้ เนื่องจากเป็นผึ้งขนาด เล็กและบินหาอาหารได้ไม่ไกล จึงทำ ให้มีน้ำ ผึ้งที่น้อยและมีการอพยพทิ้ง รังบ่อย เเละไม่สามารถนำ มาเลี้ยงได้ การเลี้ยงผึ้งมิ้ม 14


การเก็บน้ำ ผึ้ง : ควรให้ผู้เชี่ยวชาญที่มีความชำ นาญในการขึ้นไปเก็บน้ำ ผึ้ง โดยใช้ กระป๋องพ่นควันในการไล่ตัวผึ้งเพื่อทำ การปาดน้ำ หวานบริเวณ ส่วนหัวของน้ำ หวาน โดยไม่เก็บน้ำ หวานทั้งหมด จะเหลือรวงรัง เเละน้ำ หวานเพื่อให้รังนั้นสามารถสร้างน้ำ หวาน ใหม่ได้เเละไม่เกิด การสูญเสียของผึ้ง ลักษณะเด่นเพิ่มเติม : การเลี้ยงผึ้งมิ้มจะไม่สามารถล่อเพื่อนำ เข้ามาเลี้ยงในกล่องได้ แต่สามารถเลี้ยงในที่ที่ผึ้งมิ้มเลือกที่จะทำ รังตามธรรมชาติได้ ผึ้งมิ้มมักจะไม่มีคนเลี้ยงเพราะเนื่องจากควบคุมไม่ได้ ซึ่ง ส่วนมากจะเลี้ยงกันคือผึ้งโพรงมีทั้งสายพันธุ์ไทยและสาย พันธุ์นอก อีกทั้งสาเหตุที่ไม่เลี้ยง ผึ้งมิ้ม อาจจะปัจจัยมาก จากไม่คุ้มค่าลงทุน เนื่องจากรังผึ้งมิ้มมีขนาดเล็ก 15


1.1. ค่าไม้ไผ่ขนาดยาว 1.2. ค่าธูป 1.3. ค่าอุปกรณ์ที่ใช้เก็บผลผลิต เช่น มีดปาดไขผึ้ง , แปรงปัดผึ้ง ,ถังสลัดน้ำ ผึ้ง ออกจากรวง ,ที่กรองน้ำ ผึ้ง 1.4. ค่าหมวกตาข่าย 1.5. ค่าถุงมือ 1.6. ค่าชุดเสื้อผ้าสำ หรับป้องกันผึ้งต่อย 16 1. การลงทุนสำ หรับการเลี้ยงผึ้งมิ้ม


2. อุปกรณ์ที่ต้องใช้ในการเก็บเกี่ยวรังผึ้งมิ้ม 2.1. ไม้ไผ่ขนาดยาว ตรงปลายมัดธูปไว้เพื่อจะจุดให้ควันธูปไล่ตัวผึ้งมิ้มออกจากรัง 2.2. มีดปาดฝารวง 2.3. มีดปาดไขผึ้ง 2.4. แปรงปัดผึ้ง (Bee brush) 2.5. ถังสลัดน้ำ ผึ้งออกจากรวง 2.6. หมวกตาข่ายกันผึ้งต่อย (Bee veils) 2.7. ที่กรองน้ำ ผึ้ง 2.8. ถุงมือ (Bee gloves) 2.9. ชุดเสื้อผ้าที่สวมใส่เวลาเข้าไปยังหน้ารัง (Overalls) 17 รังผึ้งมิ้ม


ชื่อ : ผึ้งโพรง (Asian Honey bees) ชื่อทางวิทยาศาสตร์ : Apis (Apis) cerana Fabricius, 1793 ลักษณะ : ผึ้งโพรงมีขนบนลำ ตัว มักเป็นสีดำ หรือน้ำ เงิน แต่บางชนิดก็มีลักษณะสี แดงหรือเหลืองบางส่วน มีขนาดที่เล็กถึงกลาง ตัวผึ้งโพรงมีขนาดลําตัว ยาว 12 มิลลิเมตร ส่วนอกกว้าง 3.3 มิลลิเมตร ความยาวของลิ้น 4.80 - 5.60 มิลลิเมตร ตัวเล็กกว่าผึ้งพันธุ์แต่ใหญ่กว่าผึ้งมิ้ม มีปีกสี่คู่ สีในส่วนที่มี ขนบนปีกมักเป็นสีดำ มีขาสองคู่และแขนสองคู่ ส่วนหน้าของแขนจะมีขน หนาเรียงตัวเป็นแถบ ลักษณะรวงรัง : มีจํานวนรวงหลายรวง ตั้งแต่ 5 - 15 รวง มีประชากรประมาณ 5,000 - 30,000 ตัว การเลี้ยงผึ้งโพรง 18


การอยู่อาศัย : รังจะถูกสร้างขึ้นโดยการซ้อนกันเป็นขั้นๆ ซึ่งอยู่ภายในโพรงไม้ หรือในดิน บางครั้งอาจอยู่ใต้หลังคา หรือตามฝาบ้านที่มีปากทาง เข้าออกค่อนข้างเล็ก แต่ภายในมีพื้นที่ที่เพียงพอที่จะสร้างรังได้ อย่างสะดวกผึ้งโพรงจะชอบสร้างรังในที่ที่มืดมิดและชิด การล่อผึ้งโพรง : ช่วงเวลาที่เหมาะสมคือช่วงที่เริ่มหมดฤดูฝนและพืชกำ ลัง ออกดอก รังที่เหมาะสมในการล่อผึ้งควรทำ จากไม้เก่าๆ หรือทำ ด้วยใบหรือทางมะพร้าว ก่อนที่จะนำ ไปวางรังล่อผึ้งจะต้องเตรี ยมไขผึ้งโพรงที่บริสุทธิ์ทาบริเวณฝารังก่อน ด้านหน้ามีรูให้ผึ้ง เข้าออกได้ ควรตั้งให้สูงจากพื้นดินประมาณ 50 ซม.-1 เมตร และควรดูแลทำ ความสะอาดรังไม่ให้มีมดเข้ามาทำ รังอาศัยอยู่ โดยตรวจสอบรังทุก 7-10 วัน 19


1.การลงทุนสำ หรับการเลี้ยงผึ้งโพรง 1.1. ค่าพันธ์ุผึ้ง ( ในกรณีที่ซื้อรังแรกจากฟาร์ม ) 1.2. ค่าทำ กล่องผึ้ง รวมไปผึ้งฐานรังและฝารัง เพื่อเป็นที่อยู่อาศัยให้กับผึ้ง 1.3. ค่าอุปกรณ์การเลี้ยง เช่น หมวก ถุงมือ อุปกรณ์เก็บเกี่ยว 1.4. ค่าน้ำ ตาลหรืออาหารเสริม (ถ้าจำ เป็น) ใช้ในฤดูที่ขาดแคลนผลผลิตจากพืช แต่ยังต้องการผลผลิตจากผึ้งอยู่ 20


2.อุปกรณ์ที่ต้องใช้ในการเลี้ยงผึ้งโพรง 2.1 กล่องเลี้ยงผึ้ง (Bee box) ที่นิยมทำ จากไม้ซึ่งเป็นวัสดุธรรมชาติ 2.2 คอนหรือกรอบวง (Frame) สำ หรับใส่แผ่นฐานรวงผึ้ง 2.3 แผ่นฐานรวง (Comb foundation) 2.4 กระป๋องพ่นควัน (smoker) คืออุปกรณ์สำ หรับทำ ให้เกิดควันนเพื่อไล่ตัวผึ้ง ให้ออกห่างจากรัง 2.5 เหล็กงัดรัง (hive tool) 2.6 หมวกตาข่ายกันผึ้งต่อย (Bee veils) 2.7 ขาตั้งรัง มักจะทำ จากไม้หรือโครงเหล็กที่สูงประมาณ 6 นิ้ว 2.8 กล่องขังนางพญา 2.9 กล่องดักเกสร 2.10 ถังสลัดน้ำ ผึ้ง 2.11 แปรงปัดผึ้ง (Bee brush) 2.12 มีดปาดไขผึ้ง 2.13 ที่กรองน้ำ ผึ้ง 2.14 ถุงมือ (Bee gloves) 2.15 ชุดเสื้อผ้าที่สวมใส่เวลาเข้าไปยังหน้ารัง (Overalls) 2.16 อุปกรณ์เสริมอื่นๆที่ควรมี เช่น กล่องเครื่องมือ ค้น คีม ตะปู เลื่อย ลวด มีกพับ กรรไกร ยาหม่อง เป็นต้น 21


3.1 เตรียมกล่องเลี้ยงผึ้ง คอน เครื่องพ่นควันสยบผึ้ง กล่องขังนางพญา และอุปกรณ์ ต่าง ๆ ให้พร้อม 3.2 เตรียมบริเวณที่จะจับ ให้มีความสะดวกต่อการปฏิบัติงาน โดยกำ จัดสิ่งกีดขวาง ให้หมดก่อน 3.3 พ่นควันให้ทั่วทั้งรังทั้งหมด เพื่อสยบผึ้ง 3.4 จากนั้น ใช้มือค่อย ๆ จับรวงผึ้ง และค่อยๆ ดึงรวงผึ้งใส่ภาชนะ ที่ละรวง 3.5 เมื่อจับผึ้งนางพญาได้แล้ว ก็นำ รวงผึ้งมาผนึกใส่คอนไม้ โดยทำ เป็นขั้นตอน 3.6 นำ เอาผึ้งนางพญา ที่ใส่ในกล่องขังนางพญา มาผูกติดกับคอนผึ้งคอนใดก็ได้ 3.7 หลังจากผูกนางพญาติดกับคอนแล้ว ให้นำ กล่องเลี้ยงผึ้งไปตั้งไว้ที่ตำ แหน่งเดิม ที่ รังเคยอยู่ ผึ้งจะบินเข้าสู่รัง 3.8 รุ่งขึ้น ให้นำ กล่องเลี้ยงที่ขังผึ้งทั้งหมด เคลื่อนย้ายไปตั้งยังสถานที่ที่จะเลี้ยง แล้ว รีบเปิดหน้ารัง เพื่อให้ผึ้งงานออกหากินตามปกติ และปล่อยผึ้งนางพญาให้ดำ รงชีวิต ต่อไปตามปกติ 3.วิธีการเลี้ยงผึ้ง โดยการหาผึ้งโพรงจากธรรมชาติ 22


4. วิธีการดูเเล หลังจาก จับผึ้งโพรงจากธรรมชาติมาเลี้ยงแล้ว ก็ต้องหมั่นตรวจตราสภาพภายใน สัปดาห์ละ ๑-๒ ครั้ง ดังนี้ 1 ตรวจดูการวางไข่ของผึ้งนางพญาว่าปกติดีหรือไม่ สม่ำ เสมอเพียงใด 2 ตรวจดูอาหารภายในรังว่ามีพอเพียงหรือไม่ 3 ตรวจดูว่า ปริมาณผึ้งมากน้อยเพียงใด เหมาะสมกับรังหรือไม่ ถ้าผึ้งมากก็ให้เสริม คอนเปล่าในกรณีต้องการให้ผึ้งสร้างรวงเพิ่ม และเสริมแผ่นรังเทียมกรณีต้องการน้ำ หวานตรวจดูภายในรวงรัง ถ้าหากพบหลอดนางพญา ที่ผึ้งงานสร้างขึ้นมา ให้รีบ ทำ ลายเสียโดยเร็ว เพื่อป้องกันการแยกรังของผึ้ง 5. วิธีการเก็บน้ำ ผึ้ง การเก็บน้ำ ผึ้งมีสองแบบ คือ 5.1 แบบคั้นน้ำ ผึ้งทั้งคอน จะตัดรังทั้งหมดออกมาจากคอแล้วคั้นด้วยมือกรองเอา เศษต่าง ๆ ออก ข้อเสียคือไม่สามารถนำ รังเก่าไปใช้อีกต้องใส่คอนในรังเทียมใหม่ และรอให้ผึ้งสร้างรังขึ้นใหม่ 5.2 การตัดรวงน้ำ ผึ้งจะนำ รวงที่มีน้ำ ผึ้งครึ่งหนึ่งจากทั้งหมดมาตัดเอาเฉพาะส่วนของ น้ำ ผึ้งทั้งหมดด้านบนคอน เหลืออาหารให้ผึ้ง 3-4 คอน 23


ชื่อ : ชันโรง (Stingless Bee) ชื่อวิทยาศาสตร์ : Meliponini ลักษณะ : มีขนที่ปกคลุมตัวเต็ม มักมีลักษณะสีดำ น้ำ เงิน น้ำ เขียว หรือน้ำ เหลืองต่าง ๆ ขึ้นอยู่กับชนิดของผึ้ง เฉลี่ยมีขนาดระหว่าง 2-8 มิลลิเมตร ลำ ตัวของผึ้งชันโรงมีรูป ทรงกลม โดยส่วนหลังมีลักษณะบวมขึ้น มีปีกสองคู่ รวมเป็นสี่ปีก ปีกส่วนหลังมี ลักษณะมีลายบาง มีตาทั้งสองข้างของศีรษะ แต่ไม่มีตาส่วนกลาง ลักษณะภายในรัง : ชันโรงจะมีส่วนของ ไข่อ่อน ไข่เเก่ น้ำ ผึ้ง เเละเกษร อีกทั้งรังของ ผึ้งชันโรงยังมีขนาดเล็กกว่ารังของผึ้งทั่วไป มักมีลักษณะเป็นก้อนกลม การเลี้ยงชันโรง 24


การอยู่อาศัย : รังของชันโรงมักจะอยู่ที่ รอยแตกของต้นไม้, โพรงไม้, ใต้ดิน เป็นต้น สารที่นำ มาใช้สร้างรังหลัก คือ ซีรูเมน ซึ่งเกิดจากส่วนผสมของไขผึ้งและยางไม้ ทาง เข้ารัง จะมีลักษณะเป็นช่องแคบ การล่อผึ้งชันโรง : 1. ใช้กระบอกไม้ไผ่แห้ง ด้านในไม่มีขุย ขนาดกว้างประมาณ 3-4 นิ้ว ยาว 1-2 ฟุต เจาะรูด้านหน้า ถ้าสองข้อให้เจาะทะลุตรงกลางโดยเหล็กเส้นกระทุ้งผ่าน 2. ใส่หัวเชื้อฟีโรโมนที่ทำ จากขี้ชัน ล่อชันโรงรอให้แห้ง 1 คืน 3. นำ ไปล่อตามสถานที่ต่างๆ ที่มีชันโรง 4. เมื่อชันโรงเข้าแล้ว 2-3 เดือน จึงย้ายลงกล่องเลี้ยง เพื่อง่ายต่อการเก็บน้ำ ผึ้งและ ขยายพันธุ์ 25


1. การลงทุนสำ หรับการเลี้ยงชันโรง 1.1. ค่าพันธ์ุผึ้ง ( ในกรณีที่ซื้อรังแรกจากฟาร์ม ) 1.2. ค่าทำ กล่องผึ้ง รวมไปผึ้งฐานรังและฝารัง เพื่อเป็นที่อยู่อาศัยให้กับผึ้ง 1.3. ค่าอุปกรณ์การเลี้ยง เช่น ชุด อุปกรณ์เก็บเกี่ยว 2. อุปกรณ์ที่ต้องใช้ในการเลี้ยงชันโรง 2.1 กล่องเลี้ยงผึ้งชันโรง ทำ จากไม้ซึ่งเป็นวัสดุธรรมชาติ 2.2 ขาตั้งรัง มักจะทำ จากไม้หรือโครงเหล็กที่สูงประมาณ 6 นิ้ว 2.3 หลังคาป้องกันฝน 2.4 มีดสำ หรับเก็บน้ำ ผึ้ง 2.5 ที่กรองน้ำ ผึ้ง 2.6 ชุดเสื้อผ้าที่สวมใส่เวลาเข้าไปยังหน้ารัง กล่องเลี้ยงชันโรง กล่องเลี้ยงชันโรง เสื้อผ้าร่ม 26


วิธีการเลี้ยงชันโรง 1. การเลี้ยงในกระบอกไผ่ 1.1 ใช้กระบอกไม้ไผ่แห้ง ด้านในไม่มีขุย ขนาดกว้างประมาณ 3-4 นิ้ว ยาว 1-2 ฟุต เจาะรูด้านหน้า 1.2 ใส่หัวเชื้อฟีโรโมนล่อชันโรงรอให้แห้ง 1 คืน 1.3 นำ ไปล่อตามสถานที่ต่างๆ ที่มีชันโรง 1.4 เมื่อชันโรงเข้าแล้ว 2-3 เดือน จึงย้ายลงกล่องเลี้ยง เพื่อง่ายต่อการเก็บน้ำ ผึ้งและ ขยายพันธุ์ การเลี้ยงในกระบอกไผ่ก็ดี รังไผ่ใช้ได้ครั้งเดียวก็ต้องทิ้ง 27


2. เลี้ยงในกล่องหรือลังไม้ 2.1 ต้องหาง่าย ราคาไม่แพง ใช้ประโยชน์ได้ดี สะดวกในการปฏิบัติงาน 2.2 รังต้องรักษาอุณหภูมิได้คงที่ และคงทนต่อสภาพแวดล้อมภูมิอากาศได้ดี 2.3 ต้องมีรังขนาดความกว้างตามชนิดของชันโรง 2.4 รังต้องสามารถแยกขยายได้ง่าย สะดวกในการปฏิบัติงาน 2.5 การเลี้ยงทั้งสองแบบโดยวางรังชันโรงให้กระจายครอบคลุมพื้นที่ เพื่อ ประสิทธิภาพในการหาอาหารและผสมเกสรในอัตราส่วน 4 รัง ต่อไร่ รัศมีการบิน 300 เมตร จากรัง ถ้าให้ง่ายต่อการเลี้ยงก็แนะนำ ทั้งสองแบบได้ 28


วิธีการเเยกขยายพันธ์ุ 1) การแยกขยายพันธุ์ชันโรง ช่วงที่เหมาะสมต้องเป็นช่วงที่มีอาหารสมบูรณ์ 2) ตรวจดูปริมาณ (ไข่ดักแด้ตัวเต็มวัย) ให้มีปริมาณสมดุลและจำ นวนพอสมก่อน ทำ การแยกรัง 3) การแยกไข่ดักแด้ตัวเต็มวัย (ชันโรงที่เลี้ยง) ปริมาณครึ่งหนึ่งของเดิมโดยมีหลอด นางพญาติดไปด้วย และ นำ ไปใส่ในรังใหม่ โดยรังใหม่ต้องแห้งไม่ชื้น 4) ถ้วยอาหาร (ถ้วยเกสร และถ้วยน้ำ ผึ้ง) นำ ใส่ลงในรัง โดยวางใกล้ปากทางเข้าออก ของรัง 5) นำ ไข (ขี้ชัน) มาแปะบริเวณทางเข้าเพื่อล่อตัวเต็มวัยชันโรงงานให้กลับเข้ารังเพาะ เลี้ยง 6) ปิดทางเข้ารังชันโรง (รังเดิม) ด้วยไขชันโรงหรือกระดาษแล้วจึงนำ ชันโรงที่มี นางพญา หรือรังเดิม ออกห่างจากจุดเดิมประมาณ 20 - 30 เมตร และนำ รังชันโรง ที่ทำ การแยกขยาย (รังใหม่) มาตั้งไว้ที่เดิม 7) รอจนกระทั่งพลบค่ำ จากนั้นย้ายรังเดิมกลับมาที่เดิม แล้วปิดปากทางเข้า ถ้าใช้ กระดาษหนังสือพิมพ์ ให้เปิดออก หากเป็นไขชันโรงสามารถปล่อยรอให้ชันโรงกัดเอง ได้ แล้วนำ รังใหม่ไปไว้ในที่ที่ต้องการ 8) การแยกรังเลี้ยงชันโรง ควรเตรียมวัสดุกันศัตรูชันโรง โดยเฉพาะพวกมดที่ชอบกิน น้ำ หวาน เพราะมด จะเข้าไปกินน้ำ หวานและทำ ลายหลอดดักแด้ของชันโรง 29


วิธีการเก็บน้ำ ผึ้ง ใช้มีดตัดถ้วยน้ำ ผึ้งของชันโรง แยกเอาถ้วยเกสรออกไว้ไม่ควรนำ มารวมกัน แล้วนำ ถ้วยน้ำ ผึ้งของชันโรงมาวางบนภาชนะที่มีผ้าขาวบาง หรือตะแกรงกรอง ใช้ช้อนกด น้ำ ผึ้งจากชันโรงจะไหลออกมา ผ้าขาวบาง และตะแกรงกรองจะทำ หน้าที่แยกสิ่ง เจือปนและชันออกจากน้ำ ผึ้ง 30 กลุ่มไข่อ่อน กระเปาะน้ำ หวาน


31 อ้างอิง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์. (2022, สิงหาคม 26). FLIPHTML5. Retrieved from FLIPHTML5: https://fliphtml5.com/ccmmr/bgzf/basic ภาณุวรรณ จันทวรรณกูร. (12 กรกฎาคม 2019). PubHTML5. เข้าถึงได้จาก PubHTML5: https://pubhtml5.com/zsqk/kplr/basic/ ทรงกลด บางยี่ขัน. (2020, พฤษภาคม 23). ความรู้เกี่ยวกับผึ้งชันโรง. เข้าถึงได้จาก จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. (2012). ฐานข้อมูลผึ้งในประเทศไทย. Retrieved from Cubeelab: https://cubeelab.online/data-sample-1.php? name=%E0%B8%9C%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8 %AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87 บ้านและสวน. (2023, กันยายน 27). เลี้ยง“ชันโรง” ผึ้งจิ๋วผลิตน้ำ ผึ้งและผสมเกสร เพิ่มผลผลิตทั้งไม้ผลและผัก. Retrieved from Gardeen & Farm: https://www.baanlaesuan.com/295596/garden-farm/stingless-bee Michener, C.D. (2007) The Bees of the World. 2nd Edition, John Hopkins University Press, Baltimore. https://readthecloud.co/stingless-bees/


Click to View FlipBook Version