The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เรื่อง ขัตติยพันธกรณี

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by gegie1538, 2021-08-13 05:22:27

เรื่อง ขัตติยพันธกรณี

เรื่อง ขัตติยพันธกรณี

ขัตตยิ พันธกรณี

GG๑OOOOGGLLEE

เร่อื ง ขัตติยพนั ธกรณี

คณะผจู้ ัดทำ

๑. น.ส.กญั จนร์ ชั ต์ ศิลาสุวรรณ เลขที่ ๖

๒. น.ส.กลุ นดิ า งามมีศรี เลขที่ ๙

๓. น.ส.กลุ สิ รา คงนยิ าย เลขท่ี ๑๐

๔. น.ส.จนั ทกานต์ ปน่ิ วิเศษ เลขที่ ๑๒

๕. น.ส.ชนกิ านต์ ฉัตรรตั นมุนี เลขที่ ๑๓

๖. น.ส.ชตุ มิ า สุขสมบูรณ์ เลขท่ี ๑๕

๗. น.ส.นพรตั น์ คงเปยี เลขท่ี ๒๐

๘. น.ส.เบญจมาศ สำราญพานชิ เลขท่ี ๒๑

๙. น.ส.พรี ดา บวั บาน เลขท่ี ๒๔

๑๐. น.ส.ภทั รวดี พลายละหาร เลขที่ ๒๖

๑๑. น.ส.ภัทรวดี ดวงจนิ ดา เลขที่ ๒๗

๑๒. น.ส.ลลั นล์ ภัทร์ งามเลิศ เลขที่ ๓๐

๑๓. น.ส.วรรณชนก ปานจันทร์ เลขท่ี ๓๑

๑๔. น.ส.อิศริยา กันเกตุแก้ว เลขท่ี ๔๑

ช้นั มัธยมศึกษาปีที่ ๖/๕

นำเสนอ

คณุ ครู ชมยั พร แกว้ ปานกัน

วารสารเลม่ นี้เป็นส่วนหนงึ่ ของวชิ าภาษาไทย ท๓๓๑๐๑

ภาคเรียนท่ี ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๔

โรงเรยี นสงวนหญิง จังหวดั สุพรรณบุรี

ขัตติยพนั ธกรณี

GGOOก OOGGLLEE

คำนำ

วารสาร เรือ่ ง ขตั ติยพันธกรณี วชิ าภาษาไทย ท๓๓๑๐๑ ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ ๖ เล่มน้ี
เปน็ วารสารทคี่ ณะผ้จู ดั ทำ ดำเนินการจดั ทำขน้ึ เพื่อใช้ในการเรยี นรู้ ในระดับช้นั มธั ยมศึกษา
ปที ี่ ๖ ในรปู แบบหนังสอื อเิ ล็กทรอนิกส์ (e-book) โดยมอี าจารย์ชมยั พร แก้วปานกัน
เปน็ อาจารย์ทปี่ รึกษา

แนวทางการนำเสนอเนือ้ หาของวารสาร เรอ่ื ง ขัตตยิ พนั ธกรณี วิชาภาษาไทย
ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี ๖ มุ่งเน้นให้ผทู้ ่สี นใจได้มีความร้เู รอ่ื งความเป็นมา ประวัตผิ ู้แต่ง ลักษณะคำ
ประพันธ์ และเพื่อให้เข้าใจถึงคุณค่าด้านต่าง ๆ เช่น คุณค่าด้านอารมณ์ คุณค่าด้านคุณธรรม
คุณค่าด้านวรรณศิลป์ นอกจากนี้ยังส่งเสริมและกระตุ้นให้รู้จักกระบวนการคิดวิเคราะห์อย่าง
เป็นระบบและเป็นเหตเุ ป็นผล นำไปสู่ความรู้ความเข้าใจ ความรู้สึกนึกคิดและวิถีชีวิตของบรรพ
บุรษุ วัฒนธรรมทางภาษาและความเป็นไทย

คณะผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่า วารสารเล่มนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจ ผู้ที่กำลัง
ศึกษาอยู่ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖ และขอขอบคุณอาจารย์ชมัยพร แก้วปานกัน อาจารย์ท่ี
ปรึกษา รวมถึงผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดทำวารสารเล่มนี้ให้สำเร็จลุล่วงได้ด้วยดี หากมี
ข้อผิดพลาดประการใด
คณะผู้จดั ทำขออภยั มา ณ ท่นี ี้ด้วย

คณะผ้จู ดั ทำ



ขตั ติยพันธกรณี

สารบญั GGOขOOOGGLLEE

เรอื่ ง หนา้
คำนำ ก
สารบัญ ข
ความเป็นมา ๑
ประวัติผู้แต่ง ๒
ลักษณะคำประพันธ์ ๓
เน้อื เรอื่ งเตม็ (แบบยอ่ ) ๔
เนือ้ เรอื่ งเตม็ (เฉพาะตอนที่เรยี น) ๖
วิเคราะห์คณุ คา่

- วิเคราะห์คุณคา่ ด้านเนอ้ื หา ๑๐
- วิเคราะห์คณุ คา่ ดา้ นวรรณศลิ ป์ ๑๗
- วิเคราะห์คณุ ค่าด้านสังคม ๑๘
บรรณานกุ รม



ขตั ติยพันธกรณี

GGOO๑ OOGGLLEE

ความเป็นมา

ขัตตยิ พนั ธกรณี หมายถึง เหตุอนั เปน็ ขอ้ ผูกพนั ของกษัตริย์ (ขตั ตยิ = กษัตริย์

พันธ = ข้อผูกพันกรณี = เหตุ) เป็นบทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า
เจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๕) เพื่ออำลาเจ้านาย พระบรมวงศานวุ งศ์ในราชสำนัก และสมเด็จพระเจา้
บรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานภุ าพทรงนิพนธ์ตอบเพื่อถวายพลังพระราชหฤทัย

เรือ่ งน้ีมีทม่ี าจากเหตกุ ารณ์จรงิ ในประวตั ิศาสตร์ ชว่ งระยะหวั เล้ยี วหัวต่อท่ีเก่ียวกับความ
อยูร่ อดของประเทศไทย นั่นคอื วกิ ฤตการณ์ ร.ศ. ๑๑๒ ซึ่งตรงกบั พ.ศ. ๒๔๓๖ ไทยขัดแย้งกับ
ฝรั่งเศสเรื่องเขตแดนทางด้านเขมร โดยฝรั่งเศสเรียกร้องดินแดนด้านตะวันออกของฝั่งแม่น้ำ
โขง และบังคับให้ไทยชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงินจำนวน ๓ ล้านฟรังก์เหรียญทอง ไทยจำยอมยก
ดินแดนดังกล่าวให้แกฝ่ รั่งเศสด้วยความเสียดายและเสียใจอย่างย่ิงเหตุการณ์ครัง้ นีเ้ ป็นสาเหตุ
ให้ไทยตอ้ งสร้างสัมพันธไมตรีกบั ประเทศทางยโุ รปมากขน้ึ

จากเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสียพระราช
หฤทัยเป็นอย่างยิ่งจนทรงประชวรหนัก ไม่ยอมเสวยพระโอสถใด " ในระหว่างนั้นได้ทรงพระ
ราชนิพนธ์โคลงสี่สุภาพและอินทรวิเชียรฉันท์ระบายความทุกข์ และทรงส่งไปลาเจา้ นาย พี่น้อง
บางพระองค์ สมเดจ็ พระเจ้าบรมวงศเ์ ธอ กรมพระยาดำรงราชานภุ าพเมอ่ื ไดร้ บั พระราชทานพระ
ราชนิพนธ์แล้วจึงทรงนิพนธ์ฉันท์ทูลเกล้าฯถวายตอบไปทันที โดยมีเนื้อความแสดงความวิตก
กังวลในพระอาการประชวรของรัชกาลที่ ๕ และทรงให้กำลังพระราชหฤทัย ถวายพระพรให้หาย
จากพระอาการประชวร



ขตั ติยพันธกรณี

GGO๒OOOGGLLEE

ประวตั ผิ ้แู ต่ง

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้ เจ้าอยหู่ วั (รัชกาลท่ี ๕) ทรงเปน็ พระราชโอรสพระองค์
ใหญ่ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกลา้ เจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ และสมเดจ็ พระเทพสิรนิ ทราบรม
ราชนิ ี ประสตู ิ เม่ือวนั องั คารท่ี ๒๐ กนั ยายน พ.ศ. ๒๓๙๖ ทรงพระนามตามจารึกในพระ
สพุ รรณบฎั ว่า สมเด็จพระเจา้ ลกู ยาเธอ เจา้ ฟ้าจุฬาลงกรณ์ บดนิ ทรเทพยมหามกฎุ บรุ ษุ รตั นรา
ชรวิวงศ์ วรุตมพงศบ์ ริพตั ร ศิริวฒั นราชกมุ าร

ทรงไดร้ บั การสถาปนาเป็นเจา้ ฟา้ ต่างกรม มพี ระนามกรมวา่ กรมหมืน่ พฆิ เณศวรสุรสังกาศ
หลงั จากทรงผนวชเป็นสามเณรทรงไดร้ บั การเฉลมิ พระนามาภไิ ธยขึน้ เป็นสมเด็จพระเจา้ ลูกยา
เธอเจา้ ฟ้าจฬุ าลงกรณ์ กรมขนุ พนิ ิตประชานาถ ทรงเป็นพระราชปโิ ยรสท่สี มเด็จพระบรมชนก
นาถโปรดให้เสด็จอยู่ใกลช้ ิดตดิ พระองค์เสมอเพอ่ื ใหม้ ีโอกาสแนะนำส่ังสอนวิชาการต่าง ๆ
โดยเฉพาะอยา่ งย่งิ วิชารฏั ฐาภบิ าล ราชประเพณีและโบราณคดี นอกจากนั้นยงั ทรงศกึ ษาภาษา
มคธ ภาษาองั กฤษ การยงิ ปนื ไฟ กระบก่ี ระบอง มวยปลำ้ รวมทั้งการบงั คบั ช้างอกี ด้วย

สมเดจ็ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานภุ าพ (พระเจ้านอ้ งยาเธอ) ทรงเป็น
พระราชโอรสองค์ที่ ๕๗ ในพระบาทสมเด็จ พระจอมเกลา้ เจ้าอยู่หวั เจ้าจอมมารดาชมุ่ ธิดาพระ
อพั ภนั ตรกิ ามาตย์ (ดศิ ) ตน้ สกุล"โรจนดศิ " เป็นเจ้าจอมมารดา ประสตู ใิ นพระบรมมหาราชวงั
เมอ่ื วันท่ี ๒๑ มถิ นุ ายน พ.ศ.๒๔๐๕ พระบาท สมเด็จพระบรมชนกนาถ พระราชทานพระนาม
และพระพร ตงั้ นามมาวนั ๕ ฯ๕ ๙ คำ่ ปีจอจัตวาศก เปน็ ปีที่ ๑๒ เปน็ วันที่ ๖๐๙๖ ในรชั กาล
ปจั จบุ นั น"้ี
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานภุ าพ ได้ทรงประกอบพระกรณยี กิจดา้ นต่าง
ๆ ซงึ่ ล้วนแต่เปน็ งานใหญ่ และงานสำคัญอย่างย่งิ ของบ้านเมอื ง ทรงเปน็ กำลงั สำคัญในการ
บรหิ ารประเทศหลายด้าน และทรงเป็นที่ไวว้ างพระราชหฤทยั ในพระบาทสมเด็จพระ
จุลจอมเกล้าเจ้าอยหู่ ัว เปน็ อยา่ งสูง ผลงานดา้ นตา่ ง ๆ ของพระองค์แสดงใหเ้ หน็ ถึงพระ
อัจฉรยิ ภาพอนั สงู เปน็ ทป่ี ระจักษแ์ ก่มหาชนทุกยุคทกุ สมัย



ขตั ตยิ พนั ธกรณี

GGO๓OOOGGLLEE

ลักษณะคำประพนั ธ์

แตง่ ด้วยคำประพันธ์ประเภทโคลงส่ีสภุ าพ มี ๗ บท และ อินทรวิเชียรฉนั ท์ ๒๖ บท
• โคลงสี่สภุ าพ

= คำเอกคือพยางค์ท่มี รี ูปวรรณยกุ ตเ์ อกบงั คับ เชน่ เล่า ย่อม ทั่ว พี่ ฯ

ดด่้ = คำโทคอื พยางคท์ ี่มรี ปู วรรณยกุ ตโ์ ทบงั คบั เชน่ ข้า อา้ ง หลา้ ได้ ฯ

• อินทรวเิ ชยี รฉนั ท์

ดั = ครุ
= ลหุ



ขัตติยพนั ธกรณี

GGOO๔ OOGGLLEE

เน้อื เรอ่ื งเตม็ (แบบยอ่ )

ขัตติยพันธกรณีมาจากเหตุการณ์จริง คือเหตุการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศไทย
และประเทศฝรั่งเศสในปี รศ. ๑๑๒ (พ.ศ. ๒๔๓๖) เกี่ยวกับเขตแดนทางด้านหลวงพระบางซ่งึ
เรม่ิ จากการกระทบกระท่ังกนั ของกำลังทหารท้ังจากฝั่งไทยและฝรั่งเศส

เมื่อผู้แทนทางการทูตของท้ัง ๒ ประเทศเจรจาไม่สำเร็จ จนกระทั่งวันที่ ๑๓ กรกฎาคม
รศ. ๑๑๒ กองเรือรบของฝรั่งเศส ได้รุกล้ำเข้าถึงปากแม่น้ำเจ้าพระยา จนกระทั่งเรือปืนของ
ฝรั่งเศส ๒ ลำเข้ามาจอดและทอดสมอหน้าสถานทูตฝรั่งเศสได้ พร้อมทั้งยื่นคำขาดในการ
เรียกร้องดินแดนทัง้ หมดทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำโขงและเรียกรอ้ งคา่ ปรับ เหตุการณ์ในคร้ัง
นี้ทำให้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชนิพนธ์เรื่องขัตติยพันธกรณี
บรรยายด้วยโคลงสี่สุภาพ โดยบรรยายความกังวลใจที่ทรงพระประชวรอย่างหนักเป็นเวลานาน
ทำใหเ้ ป็นทห่ี นักใจของผู้ดแู ลรกั ษา

ความเจ็บปวดพระวรกายเนื่องจากพระอาการประชวรจึงมีพระประสงค์ที่จะเสด็จ
สวรรคต พระองค์ก็ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ เพราะทรงมีภาระหน้าที่อันใหญ่หลวง ก็คือการ
ปกป้องรักษาบ้านเมืองเอาไว้ความรู้สึกเบื่อหน่าย หมดกำลังพระทัย ทั้งจากอาการประชวรที่
ยาวนาน และการหาทางป้องกันรักษาบ้านเมืองจากฝรั่งเศสเกิดความกังวลใหญ่หลวงในพระทยั
และทรงหวัน่ วา่ จะเป็นด่งั เชน่ ทวิราช คือ สมเดจ็ พระมหินทราธริ าช และ สมเดจ็ พระเจ้าเอกทัศ
ในชว่ งทเ่ี สียกรงุ ศรีอยธุ ยาท้ัง ๒ คร้ัง พระองคไ์ มต่ ้องการจะเป็นกษตั ริยอ์ ีกพระองคห์ นึ่งที่ทำให้
เราต้องสูญเสียเอกราชไป เมื่อ ร.๕ ได้ทรงส่งบทพระราชนิพนธ์ไปอำลาเจ้านายพี่น้องบาง
พระองค์ รวมถึงสมเดจ็ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ พระเจ้าน้องยาเธอใน
ขณะนั้น ทรงได้รับ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ จึงทรงนิพนธ์บท
ประพนั ธ์ถวายตอบทันที



ขัตติยพนั ธกรณี

GGOO๕ OOGGLLEE

ในส่วนของพระนิพนธ์ของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพแต่ง
ด้วยคำประพันธ์ประเภทอินทรวิเชียรฉันท์ โดยแต่งเพื่อถวายกำลังพระทัยรัชกาลที๕่ และถวาย
ข้อคิดให้ตระหนักถึงสัจธรรม โดยสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ
เปรียบประเทศไทยเป็นเรือลำใหญ่ลำหนึ่ง อันมี รัชกาลที่๕ เป็นกัปตัน ซึ่งเป็นผู้ที่เป็นใหญ่ใน
เรอื มีอำนาจสงั่ ลกู เรือ ซึง่ หมายถึงชาวสยามโดยรัชกาลท่ี๕ ในฐานกปั ตนั มหี น้าท่ีนำพาลูกเรือให้
รอดพ้นจากพายุคลื่นลมมรสุมต่าง ๆ ส่วนสัจธรรมที่สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยา
ดำรงราชานุภาพทรงกล่าวถงึ คือเรื่องของการทำงานทุกอย่างย่อมมีปัญหาและอุปสรรคเกิดขึ้นอกี
ทั้งยังทรงอาสาที่จะถวายชีวิตรับใช้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวตรงกับสุภาษิต
โบราณที่ว่า “อาสาเจ้าจนตัวตาย” นอกจากนั้น ยังได้ถวายพระพรให้รัชกาลที่๕ ทรงฟื้นจาก
อาการประชวรโดยเร็ว



ขัตตยิ พันธกรณี

GGO๖OOOGGLLEE

เนอ้ื เร่ืองเต็ม
(เฉพาะตอนที่เรยี น)

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้ ฯ ทรงพระราชนพิ นธว์ า่ พระองค์ทรงพระประชวรมานาน
เป็นที่หนักใจแก่ผู้ดูแลรักษา จึงมีพระราชดำริที่จะเสด็จสวรรคตเพื่อปลดเปลื้องภาระของเขา
ทรงเล่าถึงพระอาการประชวรว่าเป็นฝีสามยอด และยังมีส่าไข้เป็นผื่นไปทั่ว เจ็บปวดอย่างไม่น่า
เชื่อ การประชวรครั้งนี้มิใช่แต่พระวรกายแต่ยังทรงกลัดกลุ้มพระราชหฤทัยด้วย ผู้ใดได้มาเป็น
เชน่ พระองค์จึงจะรู้ถึงความเจ็บปวดวา่ มากเพียงใด

พระองคพ์ ระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกล้าฯ ทรงเปรยี บพันธกรณที ี่มตี ่อชาติบ้านเมืองใน
ฐานะที่พระองค์เป็นพระมหากษัตริย์ เป็นตะปูดอกใหญ่ที่ตึงพระบาทของพระองค์ไว้มิให้ก้าวไป
ไหนได้ จึงขอให้ผู้ที่เมตตาถอนตะปูดอกนี้ให้ด้วย (เปรียบพันธกรณีที่มีต่อชาติบ้านเมือง เป็น
ตะปู) ชวี ติ คนเรานน้ั เปล่ยี นแปลงอยู่เสมอ มีท้ังทุกข์และสุขสลับกนั ไป ดังคำโบราณท่วี ่า ช่ัวเจ็ด
ทีดเี จ็ดหน (ขอ้ ความน้ีแสดงถงึ ความไม่แน่นอน) ในยามท่ีเป็นเด็กมีความสุขเหมือนเดรจั ฉาน
รู้สุข รู้ทุกข์กล้า รู้ขลาด ตามประสาเด็ก เด็กๆอาจพลั้งเผลอบกพร่องผิดพลาดเพราะความเป็น
เดก็ คลา้ ยกับคนที่จวนจะตายพระองคเ์ สด็จไปพบเด็กแตง่ ชุดขาวประมาณห้าถึงหกคนทำหน้าท่ี
เป็นคนเชิญเครื่องในพิธีศพ ทำให้รู้สึกเศร้าพระราชหฤทัย กล้วยเผาจนเหลืองทีแรกก็อร่อย
ใครๆกอ็ ยากกนิ แต่พอหลายวันเข้ากแ็ ขง็ กลนื ยากจะเอาสอ้ มจมิ้ กีค่ รงั กไ็ มอ่ อ่ นลงได้

บทพระราชนิพนธ์ตอนที่เป็นอินทรวิเชียรฉันท์ มีพระราชกระแสว่า พระองค์ทรงพระ
ประชวรมานานนึกเบอ่ื หน่ายทีจ่ ะบำรงุ รักษาพระวรกาย ส่วนจติ ใจก็ไมส่ บาย กลดั กล้มุ และอดั อนั้
ในพระราชหฤทัยยิ่งนักถึงแม้จะหายประชวรก็ยังลำบากพระราชหฤทัยทีอัดอันเพราะถูกบีบค้ัน
ทรงเกรงวา่ พระองคจ์ ะเหมือนกษตั รยิ ์สองพระองค์ (คือพระมหนิ ทราธริ าชและพระเจ้าเอกทศั น)์
ที่ไม่คดิ ปกป้องกรุงศรี-อยุธยา จนต้องเสียเอกราช ทำให้เปน็ ทีน่ นิ ทาไปตลอด ทรงหาทางออก
ที่จะแก้ไขปัญหาบ้านเมืองขณะนั้นมิได้ ยามพบหน้าใครก็เป็นที่อับอายจึงไม่ทรงปรารถนาที่จะ
ดำรงพระชนมชีพต่อไป



ขัตติยพนั ธกรณี

GGO๗OOOGGLLEE

พระนิพนธ์ของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ เป็นอินทรวิเชียร์ฉันท์ทั้งหมดมี
ใจความว่า ขอเดชะใตฝ้ า้ ละอองธลุ ีพระบาท ปกเกล้าปกกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้าผู้มีใจกตัญญู
ไดร้ ับพระราชทานอ่านพระราชนิพนธท์ ง้ั โคลงและฉันทข์ า้ พระพุทธเจ้าจึงคดิ ตรติ รองตาม

พระอาการประชวรของพระองค์ในครั้งนี้ ปวงชนชาวสยามและเหล่าข้าพระบาทล้วน
แลว้ แต่รสู้ กึ วติ กกังวลเกนิ กวา่ จะเปรยี บได้ในฐานะเป็นผู้ท่อี ยู่ใกล้ชิด รู้ว่าคงไม่หนักหนาอะไรถ้า
จะเอาเลอื ดเนือ้ เจือยาถวายให้พระองค์หายประชวรได้ กย็ ินดีจะทลู เกลา้ ฯถวาย ทกุ ผู้ดูหน้าตาไม่
สบายได้แต่คอยปรับทุกข์กันไม่เว้นแตล่ ะวนั ก็เปรียบเหมอื นชาวเรอื ที่ขาดกัปตัน นายทา้ ยกไ็ มร่ ู้
จะไปทิศทางไหนดี นายชา่ งกลประจำเครอื่ งจกั รเรือ ก็ไมร่ จู้ ะทำอย่างไรดี หากมวั รีรอก็จะไม่ทัน
การทุกคนที่ทำหน้าที่มีแต่ความอึดอัดความทุกข์เพิ่มขึ้นทุกวันเพราะขาดผู้นำเรืออันเป็นที่
ไวว้ างใจ หากจะเปรียบบรรดากิจการงานทั้งหลายเหมือนการเดินเรอื คงจะไม่ผิด

เปน็ เรือ่ งปกตขิ องมหาสมทุ รท่ีจะมคี ล่ืนลมพายุบา้ งเปน็ ธรรมดาถ้าเรือพอมีกำลังก็จะต้าน
ลมได้ ทำให้แล่นไปได้อย่างปลอดภัยชาวเรือย่อมจะรู้ดีกันทุกคน หากยังลอยลำอยู่ตราบใดก็
จำต้องร่วมแรงร่วมใจกันจัดการแก้ไขไปด้วยกัน ถ้าได้ก็จะรอดและได้รับคำชื่นชม แต่ถ้าเกิน
กำลังที่จะแก้ก็ต้องล่มและจมลง ก็ให้ถือว่าเป็นกรรมหากนิ่งเฉยไม่ขวนขวายที่จะแก้ไขหรือทำ
อะไรเลย ในที่สุดก็จะสูญเสียเรือทั้งลำเหมือนกับที่แก้ไขไม่ได้แตกต่างกันตรงที่ว่า ถ้ามีการ
แกไ้ ขอย่างเตม็ กำลังความสามารถแลว้ เรอื ยงั จม กจ็ ะไมม่ ใี ครสบประมาทไดถ้ ึงจะพลาดพลั้งก็ยัง
มีชื่อเสียงเล่ืองลอื ได้รับการสรรเสรญิ วา่ ไดท้ ำจนสุดความสามารถเกนิ กำลงั ที่จะต้านได้



ขัตติยพันธกรณี

GGO๘OOOGGLLEE

ทุกวันนี้มีความรู้สึกเดือดร้อนใจ นับแต่พระองค์ทรงพระประชวรมานาน เปรียบตัว
ข้าพระพุทธเจ้าเหมือนอย่างม้า ที่เป็นพาหนะผูกเครื่องพร้อม ประจำอยู่ที่หน้าพลับพลาคอย
พระองค์เสด็จขึ้นประทับ และบังคับให้ไปทางซ้ายหรือขวาตามแต่พระทัยของพระองค์ไม่ว่าจะ
ไกลหรือใกล้ก็ไม่เลือก แม้จะลำบากเพียงใดก็จะพยายามเต็มที่ตราบชีวิตจะหาไม่ถึงจะวายพระ
ชนม์ก็จะตายตาหลับ ได้ชื่อว่าเกิดมาเป็นลูกผู้ชาย แล้วได้บำเพ็ญพระกรณียกิจที่มีต่อชาติ
บ้านเมืองทรงขอให้อำนาจแห่งคำสัตย์ของข้าพระพุทธเจ้าสัมฤทธิผลดังใจหมายขออาการที่ทรง
พระประชวรของพระองค์จงบรรเทาและหายไปพระหทัยและพระวรกายจงผ่องแผว้ แคล้วคลาด
ปราศจากความหม่นหมองขอพระองค์ทำการสำเร็จตามพระราชประสงค์ ได้ปกเกลา้ ข้าฝ่าละออง
ธุลีพระบาทให้สามัคคีกันขอให้เหตุที่ทำให้ขุ่นเคืองพระราชหฤทัยจงเสื่อมสลายด้วยพระขันติ
ธรรมขอพระองคท์ รงมพี ระชนมายยุ นื นาน เพอื่ เกื้อกูลและสร้างความเจรญิ แกป้ ระเทศสยาม



ขตั ติยพันธกรณี

GGOO๙ OOGGLLEE

วเิ คราะห์คณุ ค่า

วเิ คราะหค์ ณุ คา่ ดา้ นเนอ้ื หา
รูปแบบการแต่ง : ในส่วนแรกใชโ้ คลงสส่ี ภุ าพและส่วนที่สองใช้อนิ ทรวเิ ชียรฉนั ท์ มีการ

ใชอ้ ปุ มาโวหาร อปุ ลักษณ์โวหาร รสวรรณคดี การเล่นสมั ผสั ตา่ งๆ รวมถงึ การให้คำราชาศัพท์ซ่ึง
เหมาะสมเน้อื หา
องคป์ ระกอบของเร่ือง

สาระและแนวคิดสำคัญ : พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลาเจ้าอยู่หัวทรงมีความรักและ
ห่วงใยประชาชนเป็นอย่างมากแม้จะทรงประชวรและแสดงถึงความจงรักภักดีของกรมพระยา
ดำรงราชานภุ าพและประชาชนที่มตี ่อพระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลาเจ้าอย่หู ัว

โครงเรอ่ื ง : บทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลาเจ้าอยูห่ วั
แสดงให้เห็นถึงความกังวลพระทัยที่ทรงพระประชวรเป็นเวลานาน ประกอบกับความเจ็บท้ัง
วรกายและพระทัยของพระองค์ในส่วนของกรมพระยาดํารงราชานุภาพเป็นการบรรยาย
ความรู้สึกที่เบื่อหน่าย หมดกําลังพระทัยที่จะรักษาพระอาการประชวรและอาจจะไม่สามารถ
กลับมาทรงงานได้อยางเต็มที่เท่าที่ควร กรมพระยาดํารงราชานุภาพทรงเริ่มตนด้วยการถวาย
กําลังพระทัยในฐานะที่ทรงปฏิบัติงานอย่างใกล้ชิด ทรงมีความกังวล ห่วงใยรวมถึงประชาชน
หลังจากนั้นเป็นการถวายขอคิดโดยการใช้อุปมาโวหารพระนิพนธ์จบลงด้วยการถวายพระพรให้
ทรงหายจากอาการพระประชวร พร้อมทั้งถวายคําใหก้ ำลังพระทัยให้กับ พระบาทสมเดจ็ พระจลุ
จอมเกลาเจา้ อยู่หัว



ขัตตยิ พนั ธกรณี

GG๑OO๐ OOGGLLEE

ตวั ละคร : พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจา้ อยู่หัว เป็นพระมหากษัตรยิ ์ไทย รชั กาล
ที่ ๕ แหง่ ราชวงศจ์ ักกร

กลวิธกี ารแตง่ : ขัตติยพนั ธกรณี เป็นบทพระราชนิพนธ์โคลงส่ีสุภาพและอนิ ทรวิเชยี ร
ฉันท์ สว่ นมากใช้พรรณนาโวหาร แทรกด้วยเทศนาโวหาร เด่นท่กี ารใชอ้ ุปลกั ษณ์และอุปมา
จินตภาพดา้ นภาพ บุคคลวัต นามนัย อติพจน์ เปน็ ต้น ทง้ั ยงั มีการใช้รสวรรณคดใี นการแต่ง
ฉากท้องเรอ่ื ง : เหตกุ ารณก์ รงุ รัตนโกสนิ ทร์ ในวกิ ฤตการณ์ ร.ศ. ๑๑๒ (พ.ศ.๒๔๓๖)

วเิ คราะหค์ ณุ คา่ ดา้ นวรรณศลิ ป์

บทประพันธใ์ ช้ภาษาได้ไพเราะ ดว้ ยการเล่นสัมผสั อกั ษร สัมผสั สระ ให้มจี งั หวะกระทบ

อารมณ์ ความรู้สกึ ทำใหเ้ กดิ ความไพเราะ การซ้ำคำเพือ่ เนน้ ความหมาย ใหเ้ ขา้ ใจชัดเจนมาก

ย่งิ ข้ึนดงั ตวั อยา่ งตอ่ ไปน้ี

๑.การสรรคำ

๑.๑ มกี ารใช้โวหารภาพพจน์ตา่ งๆ ในการบรรยายเเละสอ่ื ถงึ อารมณแ์ ละ

ความรู้สกึ เช่น

“ตะปดู อกใหญต่ รึ้ง บาทา อยเู่ ฮย

จึง บ อาจลลี า คล่องได้

เชญิ ผู้ทเ่ี มตตา เเกส่ ตั ว์ ปวงแฮ

ชกั ตะปูนใี้ ห้ ส่งขา้ อญั ขยม”

ไดบ้ รรยายถึงความเจบ็ ปวดนี้ ระบายความทกุ ข์โทรมนัสในพระราชหฤทยั จนไม่ทรง

ปรารถนา ท่จี ะดำรงพระชนม์ชีพอีกตอ่ ไป

๑๐

ขตั ติยพนั ธกรณี

GG๑OO๑ OOGGLLEE

๑.๒ การเลอื กใช้คำเหมาะสมแกเ่ นอ้ื เรื่องและฐานะของบุคคลในเรอ่ื ง เช่น

“ไดร้ ับพระราชทาน อ่านราชนพิ ันธด์ ู

ทั้งโคลงและฉันท์ ขา้ จึงตรดิ ำรติ าม”

“ดว้ ยเดชะบญุ ญา ภินิหาระแหง่ คำ

สัตย์ขา้ จงไดส้ ัม ฤทธิดงั มโนหมาย”

“ขอจงวราพาธ บรมนาถเรง่ เคล่อื นคลาย

พระจติ พระวรกาย จงผ่องพ้นที่หมน่ หมอง”

“ขอจงสำเร็จรา ชะประสงค์ทท่ี รงปอง

ปกข้าฝา่ ละออง พระบาทใหส้ ามคั ค”ี

ในบทประพนั ธ์นี้ไดม้ ีการเลือกสรรคำอย่างถูกตอ้ งตามฐานะของบุคคลในเร่ือง ซึ่งมีการ

ใช้คำราชาศัพท์ให้เหมาะสมกับตัวละครและตัวละครนั้นก็คือ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า

เจ้าอยูห่ ัว

๑.๓ การเลอื กใช้คำโดยคำนกึ ถงึ เสยี ง

๑. การซ้ำคำเพอ่ื เนน้ ความ เช่น

“เป็นเดก็ มคี วามสุขคลา้ ย ดรี ฉาน

รสู้ ุขรทู้ กุ ข์หาญ ขลาดดว้ ย

ละอยา่ งละอย่างพาล หย่อนเพราะ เผลอแฮ

คลา้ ยกับผจู้ วนม้วย ชพี ส้ินสตสิ ญู ”

ใช้การเล่นคำซ้ำ คอื ละอยา่ งละอย่างพาล เพอื่ เนน้ ความให้ชดั เจนมากขน้ึ

๑๑

ขตั ตยิ พนั ธกรณี

GG๑OO๒ OOGGLLEE

๒.การเล่นสมั ผสั พยญั ชนะ เชน่

“เจ็บนานนกึ หนา่ ยนติ ย์ มะนะเร่อื งบำรงุ กาย

ส่วนจติ บ มีสบาย ศิระกลุม้ อรุ าตรงึ

แม้หายกพ็ ลันยาก จะลำบากฤทัยพงึ

ตริแต่จะถกู รึง อรุ ะรดั และอตั รา”

ในบทประพนั ธน์ ม้ี กี ารเลน่ สมั ผสั พยัญชนะ “น” นนั่ คือคำวา่ นานนึกหนา่ ยนิตย์ ใหม้ ี

สัมผสั ของจองของคำประพันธ์

๒.การใชภ้ าพพจน์

๒.๑ การใชพ้ รรณนาโวหาร เช่น

“ฉันไปปะเด็กหา้ หกคน

โกนเกศน่งุ ขาวยล เคลิบเคล้มิ

ถามเขาว่าเป็นคน เชญิ เครื่อง

ไปทห่ี อศพเรม้ิ ริกเร้าเหงาใจ”

“เจ็บนานหนกั อกผู้ บริรักษ์ ปวงเอย

คดิ ใครล่ าลาญหัก ปลดเปล้ือง

ความเหนอื่ ยแห่งสจู กั พลนั สร่าง

ตูจกั สู่ภพเบอ้ื ง หน้านน้ั พลันเขษม”

เปน็ การใหร้ ายละเอียดในเรอ่ื งโดยแทรกอารมณค์ วามรสู้ กึ ลงไป เพอ่ื สรา้ งมโนภาพให้

ผอู้ ่านเกิดภาพในใจ

๑๒

ขัตติยพนั ธกรณี

GG๑OO๓ OOGGLLEE

๒.๒ การใชเ้ ทศนาโวหาร เช่น

“ชวี ิตมนษุ ยน์ ี้ เปลี่ยนแปลง จรงิ นอ

ทกุ ขแ์ ละสุขพลิกแพลง มากครง้ั

โบราณท่านจึงแสดง เป็นเยีย่ ง อย่างนา

ช่วั นบั เจ็ดทีท้ัง เจ็ดข้างฝา่ ยด”ี

ในบทประพันธ์นี้เป็นการกล่าวในเชิงสั่งสอน ชี้แนะเกี่ยวกับชีวิตคนเรานั้นเกิดการ

เปลยี่ นแปลงอยู่เสมอ เดย๋ี วทุกขส์ ุข สลบั กนั ไปอยา่ งทค่ี นโบราณได้กล่าวไว้

๒.๓ การใช้อปุ มาโวหาร โดยกล่าวเปรียบเทียบเพ่ือใหเ้ ห็นภาพชัดเจน เชน่

“ดุจเหวา่ พละนา- วะเหวว่ ้ากะปิตนั

นายท้ายฉงนงัน ทศิ ทางก็คลางแคลง”

เปน็ การเปรียบประชาชนเหมอื นเหลา่ ลกู เรือทข่ี าดผบู้ งั คบั บัญชาเรอื กจ็ ะบังคบั เรือต่อ

ไมไ่ ด้

“เปรียบตวั เหมอื นอย่างมา้ ที่เป็นพาหนยาน

ผูกเครอื่ งบงั เหยี นอาน ประจำหนา้ พลบั พลาชัย”

เปน็ การเปรียบกรมพระยาดำรงราชานุภาพเป็นม้าซงึ่ เป็นยานพาหนะ

“ถา้ จะวา่ บรรดากจิ ก็ไมผ่ ิด ณ นยิ ม

เรือแลน่ ทะแลลม จะเปรยี บต่อกพ็ อกัน”

เป็นการเปรยี บเทยี บการบรหิ ารประเทศ เหมือนกบั การแลน่ เรือไปในทะเล

๑๓

ขัตติยพนั ธกรณี

G๑G๔ OOOOGGLLEE

๒.๔ การใช้อุปลักษณ์โวหาร เช่น

“ตะปูดอกใหญต่ รึ้ง บาทา อยเู่ ฮย

จึง บ อาจลลี า คลอ่ งได้

เชิญผทู้ ีเ่ มตตา แก่สตั ว์ ปวงแฮ

ชกั ตะปนู ้ีให้ ส่งขา้ อญั ขยม”

ทรงเปรยี บพันธกรณที ีม่ ตี ่อชาติบ้านเมอื งในฐานะทีพ่ ระองค์เป็นพระมหากษัตรยิ ์

เปน็ ตะปูดอกใหญ่ ที่ตรงึ พระบาทไวม้ ใิ หก้ ้าวย่างไปได้

๒.๕ การใชอ้ ตพิ จนโ์ วหาร เชน่

“อนั พระประชวรครัง้ นีแ้ ท้ทง้ั ไผทสยาม

เหล่าข้าพระบาทความ วิตกพ้นจะอุปม

ประสาแตอ่ ยู่ใกล้ ทั้งรู้ใชว่ า่ หนักหนา

เลอื ดเนอื้ ผเิ จอื ยา ให้หายได้ชิงถวาย”

สมเด็จกรมพระยาดำราชานภุ าพได้แสดงถงึ ความวติ กกังวลของประชาชนชาไü ทย

เน่อื งมาจากพระอาการประชวรของพระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ ฯ พระองค์จงึ ทรงกลา่ ว่าถา้

เลือดเนอื้ ของพระองค์สามารถทำยาถวายใหห้ ายประชวรได้ ก็ยินดีถวาย

๒.๖ การใชน้ ามนยั เช่น

“กล้วยเผาเหลืองแกก่ ้ำ เกนิ พระ ลกั ษณน์ า

แรกกอ็ อกอร่อยจะ ใคร่กลำ้

นานวนั ยง่ิ เครอะคระ กลนื ยาก

ทนจอ่ ซอ่ มจม้ิ จ้ำ แดกสิ้นสุดใบ”

ในบทประพันธ์นีไ้ ด้เปรยี บสีผิวของพระลักษณท์ เ่ี ปน็ สีเหลืองกบั ความเหลืองของกลว้ ยใน

บรบิ ทน้ี

๑๔

ขัตติยพนั ธกรณี

GGO๑O๕ OOGGLLEE

“ด้วยเดชะบญุ ญา ภนิ หิ าระแห่งคำ

สัตยข์ า้ จงไดส้ ัม ฤทธิดงั มโนหมาย”

ในบทประพนั ธน์ ีเ้ ปรยี บใช้คำวา่ ข้า ซงึ่ หมายถงึ กรมพระยาดำรงราชานภุ าพ

๒.๗ การใช้คำถามเชงิ วาทศลิ ป์ (ปฎิปุจฉา)

“ตะปดู อกใหญต่ รึง้ บาทา อยเู่ ฮย

จงึ บ อาจลลี า คลอ่ งได้

เชญิ ผทู้ ี่เมตตา แกส่ ัตว์ ปวงแฮ

ชกั ตะปูน้ีให้ ส่งข้าอญั ขยม”

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯทรงประพันธ์โดยการตั้งคำถามแต่มิได้ต้องการ

คำตอบ ในทนี กี้ ลา่ ววา่ ใครดึงตะปูออกได้จะยนิ ดใี หเ้ อาออก

๒.๘ การใช้นาฏการ

“ถ้าจะวา่ บรรดารกิจ กไ็ มผ่ ดิ ณ นิยม

เรอื แลน่ ทะเลลม จะเปรียบต่อก็พอกัน”

คำว่า เรอื แลน่ เปน็ การใชน้ าฏการแสดงอาการเคลอ่ื นไหว ใหเ้ ห็นภาพมากข้ึน

๒.๙ การใชค้ ำไวพจน์ เชน่

“นี้ในน้ำใจข้า อุปมาบงั คมทลู

ทุกวันนี้อาดูร แตท่ พี่ ระประชวรนาน”

ในบทประพนั ธบ์ ทนี้มีการใชค้ ำไวพจน์ น่ันคือคำวา่ อาดรู ซงึ่ หมายถงึ เดือดร้อน

ทนทุกขเวทนาทัง้ กายและใจ

๑๕

ขตั ตยิ พนั ธกรณี

GG๑O๖OOOGGLLEE

๓.การใชร้ สวรรณคดี เชน่

๓.๑ การใช้สลั ลาปงั คพิสยั

“ฉันไปปะเด็กห้า หกคน

โกนเกศนงุ่ ขาวยล เคลบิ เคลิม้

ถามเขาวา่ เปน็ คน เชิญเคร่อื ง

ไปทหี่ อศพเรมิ้ รกิ เร้าเหงาใจ”

พระบามสมเดจ็ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยหู่ วั ทรงใชร้ สวรรณคดี คอื สัลลาปงั คพสิ ยั ใช้คำ

ถา่ ยทอดความรสู้ กึ เศรา้ หมองในพระทัยได้เป็นอย่างดี

๓.๒ การใชก้ รณุ ารส เชน่

“อนั พระประชวรครงั้ นแ้ี ทท้ ง้ั ไผทสยาม

เหล่าข้าพระบาทความ วิตกพน้ จะอุปม

ประสาแต่อยูใ่ กล้ ท้ังร้ใู ช่วา่ หนกั หนา

เลอื ดเนอ้ื ผเิ จอื ยา ให้หายไดช้ ิงถวาย”

เปน็ การใชค้ ำเพือ่ แสดงออกถงึ ความเมตตาสงสารทำให้ผู้อา่ นเกิดความรูส้ ึกสลดใจตาม

ไปด้วย

๓.๓ การใช้วรี รส เช่น

“เจ็บนานหนกั อกผู้ บริรกั ษ์ ปวงเอย

คดิ ใคร่ลาลาญหกั ปลดเปล้อื ง

ความเหนอื่ ยแห่งสจู กั พลันสร่าง

ตจู ักสู่ภพเบอ้ื ง หนา้ น้นั พลนั เขษม”

รสแห่งความกล้าหาญ แสดงออกถึงความกล้าหาญในศึกสงครามของรัชกาลท่ี ๕

พระองค์สละชีพเพอ่ื ท่ีจะไมเ่ ปน็ ภาระของญาติและข้าราชบริพารโดยความไม่หวาดกลัว

๑๖

ขตั ติยพันธกรณี

GG๑๗OOOOGGLLEE

๗.การใช้สำนวน สภุ าษิต เชน่

“ชีวิตมนษุ ย์นี้ เปล่ยี นแปลง จริงนอ

ทกุ ขแ์ ละสขุ พลิกแพลง มากครั้ง

โบราณท่านจงึ แสดง เป็นเยย่ี ง อย่างนา

ช่ัวนบั เจด็ ทที งั้ เจด็ ขา้ งฝ่ายด”ี

ชีวติ คนเรานั้น มีการเปลยี่ นแปลงอยู่เสมอเดี๋ยวดเี ดย๋ี วรา้ ยเหมอื นสำนวนโบราณทว่ี ่า ช่วั

เจด็ ทีดีเจด็ หน

วเิ คราะหค์ ณุ คา่ ดา้ นสงั คม

๑.การรบั วฒั นธรรมและภาษาทางแถบตะวันตก มาปรับใชใ้ นภาษาไทย เชน่ 0

“ดุจเหวา่ พละนา- วะเหวว่ า้ กะปติ นั

นายทา้ ยฉงนงัน ทิศทางกค็ ลางแคลง”

๒.ประชาชนและขา้ ราชบรพิ ารมีความจงรกั ภักดีตอ่ พระมหากษัตรยิ ์ ท้งั ชวี ิตกส็ ามารถ

มอบให้ได้ เช่น

“อนั พระประชวรครง้ั น้ีแทท้ ัง้ ไผทสยาม

เหล่าข้าพระบาทความ วติ กพ้นจะอุปมา

ประสาแตอ่ ยใู่ กล้ ทั้งรูใ้ ช่วา่ หนกั หนา

เลือดเนอ้ื ผิเจอื ยา ใหห้ ายได้ชงิ ถวาย”

๑๗

ขัตตยิ พนั ธกรณี

GG๑OO๘ OOGGLLEE

บรรณานกุ รม

นางสาวปิตินันท์ น้อมเกตุ. ขัตติยพันธกรณี. ค้นเมื่อ ๒๕,กรกฎาคม,๒๕๖๔ จาก
http://www.kroobannok.com/news_filr/p93527470115.pdf

จุฬาลงกรณ์ราชบรรณาลัย แหล่งรวมข้อมูลของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า
เจา้ อยหู่ ัว (ร.๕). จฬุ าลงกรณ์ราชบรรณาลัย.คน้ เม่ือ ๒๕,กรกฎาคม,๒๕๖๔,จาก.http://rama5.
flexiplan.co.ty/th/history/rama5_bio

พระประวัติสมเด็จพระเจา้ บรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานภุ าพ. ค้นเม่อื
๒๕,กรกฎาคม,๒๕๖๔ จากhttp://www.moi.go.th/portal/page?_pageid=235,804615,235_
633&_dad=portal&_schema=PORTAL

จุฑาลกั ษณ์ เชกิ หรัน.(๒๕๖๔).ขตั ติยพนั ธกรณี ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๖ วิชาภาษาไทย.
คน้ เม่อื ๒๕,กรกฎาคม,๒๕๖๔ จาก https://blog.startdee.com

๑๘


Click to View FlipBook Version