The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

นวัตกรรมMind Mapping นางสาววราภรณ์ ศรีโท 6494110026

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by waraporn16637, 2022-10-12 09:22:59

นวัตกรรมMind Mapping นางสาววราภรณ์ ศรีโท 6494110026

นวัตกรรมMind Mapping นางสาววราภรณ์ ศรีโท 6494110026

คำชี้แจง 8.การสอนแบบสร้างสรรคเ์ ป็นพ้ืนฐาน (Creativity Based Learning: CBL)
9.การจดั การเรียนการสอนแบบ 3P (PPP Teaching Model)
เอกสารนวตั กรรมการจดั การเรียนรู้ฉบบั น้ีเป็นส่วนหน่ึงจากนวตั กรรม 10.นวตั กรรมแผนภาพความคิดอิสระ Mind Mapping
ท่ีจดั ทาข้ึนเพื่อเป็ นคู่มือสาหรับบุคลากรทางการศึกษาในเรื่อง นวตั กรรมการ 11.รูปแบบการสอนแบบPOB
จัดการเรียนรู้ โดยนักศึกษามหาวิทยาลัยภาคตะวนั ออกเฉียงเหนื อ คณะ 12.การจัดการเรี ยนรู้แบบแบ่งผลสัมฤทธ์ิ ( Student Team Achievement
ศึกษาศาสตร์ จากรูปแบบนวตั กรรมจานวน 14 รูปแบบ 14 รายการดงั น้ี Division: STAD)
1.รูปแบบการจดั กระบวนการเรียนรู้ แบบโฟร์แมทซิสเตม็ (4MAT System) 13.กระบวนการเรียนการสอนของรูปแบบ (CIRC: Cooperative Integrated
2.รูปแบบการเรียนรู้ดว้ ยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้แบบ 5E Reading and Composition)
3.รูปแบบการจดั การเรียนรู้ตามแนวคอนสตรัคติวสิ ต์ (Constructivist) 14.การจดั การเรียนการสอนแบบ TGT (Teams – Games -Tournaments)
4.กระบวนการจดั การเรียนรู้โดยใชก้ ระบวนการแกป้ ัญหาของโพลยา
5.การจดั การเรียนรู้แบบการแกป้ ัญหาเป็นฐาน (Problem Based Learning)
6.นวตั กรรมการสอนแบบโมเดลซิปปา (CAPPA Model)
7.การจดั การเรียนรู้แบบวฏั จกั รสืบเสาะหาความรู้ 7E

ซ่ึงนวตั กรรมดังกล่าวได้ผ่านการทดลองใช้ในรูปแบบเชิงวิจัยกับ คำนำ
นกั เรียน และเพื่อให้ผสู้ อนมาใช้เป็นแนวทางในการทาความเขา้ ใจเรื่องการนา นำ
นวตั กรรมทางการศึกษามาใช้ในการพฒั นาการเรียนการสอนตามหลักสูตร
แกนกลางการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน พุทธศกั ราช2544

ผูจ้ ดั ทาจึงไดเ้ รียบเรียงขอ้ มูลท่ีเป็ นรูปแบบนวตั กรรมพร้อมตวั อย่าง
แผนการจดั การเรียนรู้โดยใชน้ วตั กรรมเพ่ือให้ผูเ้ รียนสนใจไดร้ ับความรู้ความ
เขา้ ใจมากยงิ่ ข้ึน เอกสารเล่มจะช่วยทบทวนความเขา้ ใจให้ชดั เจนมากยงิ่ ข้ึน จน
สามารถนาไปใช้ในการพฒั นาการจดั การเรียนรู้ของตนเองได้ ประโยชน์ท่ีได้
จากเอกสารฉบับน้ีย่อมก่อให้เกิดผลโดยตรงต่อผูเ้ รียนและผูส้ อนในการจดั
กิจกรรมการเรียนรู้ ผูจ้ ัดทาใคร่ขอขอบคุณแหล่งวิทยาการที่เป็ นข้อมูลให้
ผจู้ ดั ทานามาอา้ งอิงเพ่ือใชเ้ ป็นประโยชน์ในการทาเอกสารคร้ังน้ี

สำรบญั

นวตั กรรมกำรจดั กำรเรียนรู้
โดยใช้แผนภำพควำมคดิ

การจัดการเรี ยนรู้แบบแผนผังความคิดอิสระ Mind Map เป็ นผลงานของ
นกั จิตวิทยาชาวองั กฤษช่ือ โทน่ี บูซาน (อา้ งถึงธญั ญา และขวญั ฤดี ผลอนนั ต)์
ได้อธิบายไว้ในหนังสือเล่มใหม่ของ How to Mind Map ว่า Mind Map เป็ น
วิธีการท่ีงา่ ยที่สุดในการนาขอ้ มลู เขา้ ไปในสมองและเรียกขอ้ มลู เหล่าน้นั ออกมา
ใช้ได้อย่างมีประสิ ทธิ ภาพ ในรู ปแ บบ ข องก า รจดบันทึกท่ี ส ร้างส รรค์แ ล ะ
สามารถแสดงใหเ้ ห็นความคิดไดง้ ่ายและชดั เจนอยา่ งเป็นระบบ
บูซาน(Byzantine. 1997: 59) ไดใ้ ห้ความหมายของแผนท่ีความคิดไวว้ ่าแผนท่ี
ความคิดเป็นแผนผงั หรือแผนภาพท่ีแสดงออกของความคิดรอบทิศทางซ่ึงเป็ น
ลักษณะการทางานที่ตามธรรมชาติของสมองมนุษย์และเป็ นเทคนิคการ
แสดงออกดว้ ยภาพท่ีมีพลงั นาไปสู่กุญแจสากลที่จะใชไ้ ขประตูสู่ศกั ยภาพของ

สมองแผนที่ความคิดนาไปประยุกตใ์ ชไ้ ดก้ บั ทกุ แง่มุมของชีวิตซ่ึงจะทาให้ การ
เรียนรู้ไดร้ ับการพฒั นาและเกิดความคิดที่ชัดเจนข้ึนจะนาไปสู่การพฒั นาการ
กระทาต่างๆของมนุษยน์ อกจากน้ีบูซานยงั ไดก้ ล่าวถึงคุณลกั ษณะสาคญั ของ
แผนผงั ความคิดไว4้ ประการดงั น้ี

1.หวั ขอ้ ท่ีสนใจจะถูกสร้างข้ึนตรงกลางของแผนภาพ

2.ใจความหลักของเร่ืองจะอยู่รอบหัวข้อซ่ึงตรงกลาง ออกไปทุกทิศทางซ่ึง
เปรียบเสมือนก่ิงกา้ นของตน้ ไมท้ ่ีแตกแขนงออกมา

3.กิ่งกา้ นที่แตกแขนงออกมาประกอบดว้ ยภาพหรือความสาคญั ที่เขียนบนเส้นที่
โยงกนั ส่วนของคาอ่ืนๆท่ีมีความสาคญั รองลงมาจะถูกเขียนบนก่ิงกา้ นที่แตก
ออกไปตามลาดบั ต่อๆไป

4.ก่ิงกา้ นจะถูกเชื่อมโยงกนั ในลกั ษณะที่แตกต่างกนั ตามลาดบั และความสาคญั
ของประเด็นต่างๆ



ควำมสำคญั Mind Mapping ( แผนผงั ควำมคดิ )

1. เตรียมกระดาษเปลา่ ท่ีไมม่ ีเสน้ บรรทดั และวางกระดาษภาพแนวนอน 5. แตกความคิดลงไปที่เป็นส่วนประกอบของแตล่ ะก่ิงในขอ้ 4 โดยเขียนคาหรือ
วลีเส้นท่ีแตกออกไปซ่ึงสามารถแตกความคิดออกไดไ้ ปเร่ือยๆตามความคิดท่ีจะ
2. วาดภาพสีหรือเขียนคาหรือขอ้ ความท่ีสื่อหรือแสดงถึงเร่ืองท่ีจะทาแผนผงั ไหลออกมา
ความคิดกลางหน้ากระดาษโดยใช้สีอย่างน้อย 3 สีและตอ้ งไม่ตีกรอบด้วย
รูปทรงเลขาคณิต 6. การเขียนคาควรเขียนด้วยคาที่เป็ นคาสาคัญหรือคาหลักหรือเป็ นวลีท่ีมี
ความหมาย
3.คิดหัวเรื่องสาคญั ท่ีเป็ นส่วนประกอบของเรื่องท่ีทาแผนผงั ความคิดโดยให้
เขยี นเป็นคาท่ีมีลกั ษณะเป็นหน่วยหรือเป็นคาส้ันๆท่ีมีความหมายบนเสน้ ซ่ึงแต่ 7. คา วลี สัญลกั ษณ์หรือรูปภาพใดท่ีตอ้ งการเนน้ อาจใช้วิธีการทาให้เด่น เช่น
ละเสน้ ตอ้ งแตกออกจากศนู ยก์ ลางไมค่ วรเกิน 8 กิ่ง การลอ้ มกรอบ หรือใส่กลอ่ งเป็นตน้

4. แตกความคิดของหัวเร่ืองสาคญั แต่ละหัวขอ้ เร่ืองในขอ้ 3 ออกเป็นกิ่งหลายๆ 8. ตกแต่งแผนผงั ความคิดอิสระใหม้ ีสีสันสวยงามสดใสน่าสนใจ
ก่ิงโดยเขียนคาหรือวลีบนเส้นที่แตกออกไปลกั ษณะของกิ่งควรเอนไม่เกิน 60
องศา



บูซาน (Buzan. 1997: 59) ได้เสนอแนะประโยชน์ลักษณะเด่นของแผนผงั 2.ประโยชน์ต่อสมาธิ เพราะความมีสีสัน สนุกสนาน ภาพ ความร่ืนตาในการ
ความคิดตลอดจนการนาไปใช้ในชีวิตประจาวนั ลว้ นแต่เป็ นประโยชน์ซ่ึงเรา เขียนแผนผงั ความคิดอิสระจะช่วยตรึงความสนใจ จึงช่วยสร้างสมาธิและมี
สามารถนาไปประยุกตใ์ ชก้ บั เหตกุ ารณ์และปัญหาท่ีเราตอ้ งเผชิญไดอ้ ยา่ งดีสรุป แรงจูงใจในการทางาน
ไดด้ งั น้ี
3.ประโยชน์ต่อความคิดสร้างสรรค์ การระดมสมอง การจดั รูป การใชเ้ หตุผล
1.ประโยชน์ของแผนผงั ความคิดต่อการเรียน/ การศึกษา การเตรียมสอบว่า แผนผงั ความคดิ ช่วยใหก้ ระตนุ้ การฝึกคดิ ไดเ้ ป็นอยา่ งดี
แทนท่ีจะดูเป็นสมุดงานหลายๆหนา้ ในแต่ละวิชาท่ีเรียนเราใช้แผนผงั ความคิด
แผ่นเดียวก็ สามารถนามารวมเป็น Master Mind Map ซ่ึงจะทาให้การสอบง่าย 4.ประโยชน์ต่อการจดจา และการฟ้ื นความจา เพราะแผนผงั ความคิดเตม็ ไปดว้ ย
มากข้ึนไปอีกแผนผงั ความคิดจาง่ายทาให้ไดค้ ะแนนดีและทาให้เรียนไดอ้ ย่าง สีสันและคาท่ีมีคณุ ภาพ ทาใหส้ ามารถจาและเรียกความจาไดเ้ ป็นอยา่ งดี
สนุกสนานอีกดว้ ย
5.ประโยชน์ต่อการวางแผนในการทางาน จดั ลาดบั ความสาคญั ก่อนและหลงั
เพราะสามารถเขียนสิ่งท่ีเราทาท้งั หลายลงในกระดาษแผน่ เดียว

ข้นั ตอนการจดั การเรียนรู้ตามรูปแบบการสอนโดยใชแ้ ผนภาพความคิด (Mind ข้ันท่ี ๓ ข้ันแลกเปลี่ยนการเรียนรู้ กิจกรรมกลุ่มระดมการคิดวิเคราะห์
Mapping) แลกเปลี่ยนการเรียนรู้สรุป สาระสาคัญของเรื่องโดยจัดทาเป็ นแผนภาพ
ข้นั ที่ ๑ ข้นั เตรียมความพร้อม ความคิดกลมุ่

๑.๑ กิจกรรมจดั กลุ่ม ข้นั ท่ี ๔ ข้นั นาเสนอผลงาน
๑.๒ แนะนากติกา/อุปกรณ์/สื่อ
ข้นั ท่ี ๒ ข้นั กาหนดประเด็น/หวั ขอ้ /เงื่อนไข/สถานการณ์ ข้ันที่ ๕ ข้นั ช้ีแนะ ครูและนักเรียนช้ีแนะอภิปรายแสดงขอ้ คิดเห็นร่วมกนั
โดยใช้ เกม/กิจกรรม/ใบงาน/ส่ือตา่ งๆ และเพม่ิ เติมประเด็นความรู้

ข้ันท่ี ๖ ข้นั จดั ทาแผนภาพความคิดอิสระ (Mind Mapping) โดยสังเคราะห์
องค์ความรู้ท่ีได้จากการ สรุปการคิดวิเคราะห์สาระสาคัญของเรื่องเป็ นของ
ตนเอง

ข้นั ท่1ี ข้นั เตรียมควำมพร้อม วธิ ีกำรจัดกำรเรียนรู้แบบแผนท่ี
ข้นั ที่2 ข้นั กำหนดประเดน็ /หวั ข้อ/เงื่อนไข ควำมคดิ อสิ ระ (Mind Mapping)
ข้นั ที่3 ข้ันแลกเปลยี่ นเรียนรู้
ข้นั ท่ี4 ข้นั นำเสนอผลงำน หลกั กำรและเหตุผล
ข้นั ท่ี5 ข้นั ชี้แนะ การเรียนรู้ท่ีผูเ้ รียนเป็ นศูนย์กลางจะต้องเรียนด้วยความเขา้ ใจผูเ้ รียนต้องมี
ข้นั ที6่ ข้นั ทำแผนภำพควำมคิดอสิ ระ ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิดอย่างสร้างสรรค์
การคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการคิดเป็ นระบบ ในการรับและส่งสารมี
วฒั นธรรมในการใชภ้ าษาถ่ายทอดความคิด ความรู้ ความเขา้ ใจ ความรู้สึกและ
ทศั นะของตนเอง เพื่อแลกเปลี่ยนขอ้ มูลข่าวสารและประสบการณ์อนั จะเป็ น
ประโยชน์ต่อการพฒั นาตนเองและสังคม การเรียนรู้มีความสาคญั และตอ้ งมี
การปรับเปล่ียนโดยเฉพาะวิธีคิด ดังน้ันแนวคิดและการปฏิบัติตลอดจน
เคร่ืองมือและสื่อที่ใชใ้ นการเรียนรู้แก้ปัญหา ตอ้ งมีการปรับเปลี่ยนให้ทนั กบั

สถานการณ์ใหม่ๆอยู่เสมอจากเดิมที่เราเคยใชว้ ิธีการสอนแบบเขียนจดบนั ทึก หลกั กำรจัดกจิ กรรม
แบบเป็นบรรทดั ใชป้ ากกาหรือดินสอสีเดียวมาเขียนบนั ทึกมาปรับเปล่ียนใหม่
เป็นการใชด้ ว้ ยคาท่ีเป็นกุญแจ ภาพ สัญลกั ษณ์หรือแผ่เป็นรัศมีรอบๆศูนยก์ ลาง 1.กิจกรรมน้ีจดั สัปดาห์ละ 2วนั ในชว่ั โมงวิชากลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา
และใช้สีสันซ่ึงต่อมาพบว่าวิธีน้ีเมื่อนาไปใช้กับกิจกรรมอ่ืนทาให้สามารถ ศาสนาและวฒั นธรรม
จดั ลาดบั การใชช้ ีวิตส่วนตวั และชีวิตงานไดง้ ่ายข้ึนเช่นใชก้ ารวางแผนวิเคราะห์
ตดั สินใจและแกป้ ัญหาช่วยความจาที่เรียกว่า แผนภาพความคิดอิสระ Mind 2. กิจกรรมข้นั นาให้สิ่งเร้ากระตุน้ ความคิดได้แก่ ภาพและของจริงคาถามให้
Mapping ซ่ึงวิธีการเรียนลกั ษณะน้ีจะช่วยใหผ้ เู้ รียนเรียนอยา่ งเขา้ ใจถ่องแทแ้ ละ นกั เรียนตอบเกี่ยวกบั สิ่งเร้าจูงใจใหน้ กั เรียนคิดและติดตามโดยใชค้ าถามในการ
วิธีการจดั การเรียนรู้ท้งั น้ีหากการสอนสามารถเลือกใช้วิธีการจดั การเรียนรู้ได้ สนทนาให้นักเรียนร่วมเขียนแผนท่ีความคิดจากภาพสิ่งเร้าโดยผูส้ อนใช้ภาพ
อยา่ งเหมาะสม กบั ผเู้ รียนยอ่ มทาใหผ้ เู้ รียนเกิดการเรียนรู้อยา่ งมีประสิทธิภาพ ตวั อยา่ งเก่ียวกบั แผนท่ีความคิดในเร่ืองท่ีเก่ียวขอ้ ง

จดุ มุ่งหมำย 3. นักเรียนร่วมกนั อภิปรายลกั ษณะของแผนท่ีความคิดอิสระเกี่ยวกบั เรื่องจาก
ส่ิงเร้าโดยสรุปทาความเขา้ ใจเรื่องลกั ษณะแผนที่ความคิดอิสระ
1. เพื่อให้นักเรียนได้พฒั นาทกั ษะการคิดโดยผ่านการจดั กิจกรรมในรูปแบบ
ผา่ นสื่อและแผนท่ีความคิดอิสระ 4. กิจกรรมข้นั สอนให้สิ่งเร้ากระตุน้ ความคิดไดแ้ ก่ภาพโดยการระดมความคิด
และแบ่งกลุม่ ศึกษาจากใบความรู้การเขยี นแผนท่ีความคิดครูอธิบายวิธีการเขียน
2. เพ่ือให้นกั เรียนเกิดการเรียนรู้จากการคน้ ควา้ หาความรู้ดว้ ยตนเองผา่ นสื่อท่ี แผนที่แบบโทนี่ บูซานพร้อมกบั ใหด้ ูตวั อยา่ งและเปิ ดโอกาสให้นกั เรียนซกั ถาม
เหมาะสม ใหน้ กั เรียนฝึ กเขียนแผนที่ความคิดอิสระผสู้ อนร่วมกบั นกั เรียนอภิปรายผลงาน
เพื่อส่งเสริมให้ผูเ้ รียนได้เรียนรู้คาและมองเห็นความสัมพนั ธ์ระหว่างคาและ
เรื่องราวที่เขียนแผนท่ีความคิดเพ่ือนาเสนอในกลุ่มใหญ่ใหร้ ่วมกนั แสดงความ

คิดเห็นทารายงานและเขียนแผนที่ความคิดอิสระ เกี่ยวกบั ความรู้ร่วมกนั และ 4. ดาเนินกิจกรรมการสอนตามแผนการจดั การเรียนรู้ขณะท่ีจดั กิจกรรมดาเนิน
เลือกตวั แทนเป็นผนู้ าเสนอ ไปครู ต้องป ระ เมิน ตล อดเว ลากิ จก รรม น้ ัน ผู้เรี ย นสา มา รถ คิดและ ส ะ ท้อน
5. กลุ่มนาเสนอผลงานเพ่ือนร่วมวิจารณ์ผลงานร่วมกันสรุปผลการเรียนรู้ครู ความคิดของตนเองไดม้ ากนอ้ ยเพยี งใด
สรุปเพ่ิมเติมในส่วนท่ียงั ไม่สมบูรณ์ครูและนักเรียนสรุปสิ่งท่ีไดร้ ับการเรียนรู้
ร่วมกนั นาผลงานจดั ป้ายนิเทศ 5. ใหผ้ เู้ รียนนาเสนอผลงานและครูและเพอ่ื นผเู้ รียนร่วมกนั วิเคราะหผ์ ลงานและ
ป้อนขอ้ มลู กลบั ใหผ้ เู้ รียนคน้ พบและเรียนรู้ดว้ ยตนเองมากที่สุด
ข้นั สรุป
เป็นการสรุปความรู้อาจเป็นการกาหนดการใชค้ าถามหรือกิจกรรม 6. จูงใจใหผ้ เู้ รียนทากิจกรรมอย่างต่อเนื่องตอ้ งใหผ้ ูเ้ รียนเห็นวา่ ครูใส่ใจในสิ่งที่
เกิดข้ึนในช้นั เรียนเสมอ
บทบำทนกั เรียน
1.ปฏิบตั ิการ การคิด การกระทาและการแสดงออกในการทากิจกรรม 7. สรุปเรื่องท่ีเรียน
2.นาเสนอผลงาน

บทบำทครู
1. ศึกษาไดท้ าแผนการจดั การเรียนรู้
2. จดั เตรียมสื่ออปุ กรณ์ประกอบการทากิจกรรม
3. เตรียมความพร้อมของผเู้ รียนดว้ ยกิจกรรมที่ครูเลือกเพ่ือนาเขา้ สู่บทเรียน

ตวั อยา่ งแผนการจดั การเรียนรู้ อา้ งองิ จาก อจั ฉรา อินทรน์ อ้ ย พ.ศ.2555 2.ผลกำรเรียนรู้ทค่ี ำดหวัง
นักเรี ยนรู้ และเข้าใจความหมายของหลักเศรษฐศาสตร์ เบ้ืองต้นและกา รใช้
กลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม สาระที่3 เศรษฐศาสตร์ ทรัพยากรอยา่ งประหยดั พร้อมท้งั นามาประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวติ ประจาวนั ได้
หน่วยการเรียนรู้ที่ 7 เศรษฐศาสตร์เบ้ืองตน้ ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 3 3.จดุ ประสงค์กำรเรียนรู้
3.1นกั เรียนสามารถอธิบายความหมายของหลกั เศรษฐศาสตร์ได้ K
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 1 หลกั เศรษฐศาสตร์เบ้ืองตน้ และเศรษฐกิจพอเพยี ง 3.2นกั เรียนรู้และเขา้ ใจเก่ียวกบั ปัจจยั การผลิตอยา่ งถูกตอ้ ง K
เวลา 3 ชว่ั โมง มาตรฐานการเรียนรู้ ส3.1. ตวั ช้ีวดั 3.1.3, 3.1.4 3.3 นกั เรียนเขยี นแสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั หลกั เศรษฐศาสตร์เบ้ืองตน้ ได้ P
............................................................................................................................. 3.4นกั เรียนสามารถเลือกใชท้ รัพยากรที่จาเป็นตอ่ การดารงชีวิต P
1.สำระสำคัญ 3.5 นกั เรียนเขา้ ร่วมกิจกรรมการทางานเป็นกลุม่ A
การนาเอาทรัพยากรท่ีมีอยู่อยา่ งจากดั มาใชใ้ ห้เกิดประโยชน์มากท่ีสุดพร้อมท้งั 4.สำระกำรเรียนรู้
นาหลกั เศรษฐกิจพอเพียงมาประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวิตประจาวนั ประชาชนรับรู้ถึงการ -ทรัพยากร หมายถึงปัจจัยการผลิต ซ่ึงได้แก่ ที่ดิน แรงงาน ทุน และ
ใชท้ รัพยากรอย่างประหยดั ซ่ึงเป็นรากฐานสาคญั ท่ีทาให้ประเทศชาติพฒั นาข้นึ ผปู้ ระกอบการ
ตามลาดบั -การศึกษาการกระทาของคนเกี่ยวกบั การเลือกใชท้ รัพยากรเพ่ือการผลิตสินคา้

5.กระบวนกำรเรียนรู้ ข้นั ท3ี่ ข้ันแลกเปลยี่ นเรียนรู้

ข้ันนำเข้ำสู่บทเรียน ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มแลกเปล่ียนการเรียนรู้ ระดมการคิดวิเคราะห์สรุป
สาระสาคญั ของเรื่องที่อ่านใหเ้ ป็นประเด็นโดยใชห้ ลกั เกณฑ์ หลกั การและภาษา
ครูทบทวนความรู้เดิมเกี่ยวกบั เศรษฐศาสตร์ และมีเหตุผลประกอบใหไ้ ดป้ ระเด็นมากท่ีสุดแลว้ จดั เป็นแผนภาพความคิดกลมุ่

ข้ันกำรจัดกำรเรียนรู้ (ใช้วิธีกำรจัดกำรเรียนรู้โดยใช้แผนภำพควำมคิดอิสระ ข้นั ที่4 ข้นั นำเสนอผลงำน
Mind mapping) มี 6 ข้ันดงั นี้
ใหแ้ ต่ละกลุม่ ออกมานาเสนอหนา้ ช้นั เรียน (เม่ือกลุ่มใดนาเสนอขอ้ สรุปใหก้ ลมุ่
ข้นั ท1่ี ข้นั เตรียมควำมพร้อม ที่เหลือฟังและแสดงความคิดเห็น หรือหากมีขอ้ สงสัยสามารถยกมือถามได)้

ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3-4 คน แลว้ ให้นักเรียนนั่งเป็ นกลุ่ม ต้งั ช่ือกลุ่ม ข้นั ท่ี5 ข้นั ชี้แนะ
แลว้ เลือกประธานกลุ่มและเลขานุการกล่มุ
ครู และนักเรี ยนร่ วมกันอภิป รายแสดง ความคิ ดเห็นร่ ว มกันและค รู อธิ บ า ย
ข้นั ที2่ ข้นั กำหนดประเดน็ /หัวข้อ/เง่ือนไข เพิ่มเติมประเด็นความรู้ เพ่ือแลกเปลี่ยนเรียนรู้ท้งั ช้นั เรียน นกั เรียนและครูร่วม
แสดงความคิดเห็น วพิ ากษ์ วิจารณ์อยา่ งมีเหตุผลจากประเดน็ ที่ใหน้ กั เรียนศึกษา
ครูแจกกระดาษให้นักเรียนแต่ละกลุ่ม เพ่ือเขียนแผนภาพความคิด โดยสรุป เรียนรู้ และร่วมกนั เพ่มิ ประเดน็ ยอ่ ยๆในแต่ละประเดน็ ใหไ้ ดม้ ากที่สุด
เน้ื อหาตามใบความรู้ แล้วให้สมาชิ กภายในกลุ่มร่ วมกันทาความเข้าใ จ กับ
สถานการณ์ ระดมสมองแล้วเขียนสรุปเป็ นแผนภาพความคิดอิสระ Mind
Mapping

ข้นั ที่6 ข้นั ทำแผนภำพควำมคดิ อสิ ระ 1.2 การตรวจผลงาน
นกั เรียนสรุปความคิดรวบยอด/สาระสาคญั ที่ไดแ้ ลว้ เขยี นเป็นแผนภาพความคิด 1.2.1 ใบงาน
ของตนเอง โดยให้สังเคราะห์ความรู้ท่ีได้ จากการสรุปการคิดวิเคราะห์ 1.2.2 กิจกรรมในหนงั สือเรียนสาระสงั คมศึกษา ศาสนา และ
สาระสาคญั ของเร่ือง
6.ส่ือและแหล่งกำรเรียนรู้ วฒั นธรรม
1.บตั รภาพ 2. เกณฑก์ ารประเมิน
2.บตั รคา 2.1 ใบงาน ผา่ นเกณฑอ์ ยา่ งนอ้ ยร้อยละ 80
3.แผน่ ชาร์จ 2.2 การตรวจผลงาน ผา่ นเกณฑอ์ ยา่ งนอ้ ยร้อยละ 80
7.กำรประเมินผล 3. เคร่ืองมือประเมินผล
3.1 สงั เกต
1. วธิ ีการวดั ผลและประเมินผล 3.2 ใบงาน
1.1 การสังเกต 3.3 กิจกรรมทา้ ยบท
1.1.1 การวิเคราะห์
1.1.2 การตอบคาถาม
1.1.3 การทากิจกรรม

ตวั ช้ีวดั วิธีการ เคร่ืองมือ แหล่งขอ้ มูล เกณฑ์ 9. บนั ทกึ หลงั กำรสอน
ความ
ต้งั ใจใน การสงั เกต แบบบนั ทึก นกั เรียน 1 = พอใช้ 1. ผลที่เกิดกบั ผเู้ รียน
การร่วม .............................................................................................................................
กิจกรรม การตอบ การสงั เกต 2 = ดีมาก .............................................................................................................................
ความรู้ .............................................................................................................................
ความ คาถามใน
เขา้ ใจ 2. ปัญหา/อุปสรรค
เน้ือหา หอ้ ง
.............................................................................................................................
ให้ ใบกิจกรรม นกั เรียน 1 = พอใช้ .............................................................................................................................
.............................................................................................................................
นกั เรียน ใบงาน (ทาใบกิจกรรม/ใบ
3. ขอ้ เสนอแนะแนวทางแกไ้ ข
ทาใบ งาน ผิด1-2)
.............................................................................................................................
กิจกรรม 2 = ดี .............................................................................................................................
.............................................................................................................................
ใบงาน (ทาใบกิจกรรม/ใบ
(ลงช่ือ)..................................................
งาน ผดิ 3-4ขอ้ ) (..........................................)

3 = ดีมาก .........../........................../.............

(ทาใบกิจกรรม/ใบ

งานถกู หมดทกุ ขอ้ )

คำชีแ้ จง ใหน้ กั เรียนอ่านขอ้ ความและทาในใบงานที่1 แนวทางในการให้ผูบ้ ริโภครู้จกั แสวงหารายไดร้ ู้จกั ใช้เงินอย่างคุม้ ค่ารู้จกั วิธี
ออมและวิธีลงทนุ ทาใหเ้ กิดประโยชนส์ ูงสุด
เศรษฐศาสตร์เป็ นวิชาท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั ทุกคนในสังคมเนื่องจากคนใน
สั ง ค ม มี ค ว า ม ต้อ ง ก า ร ใ น ลัก ษ ณ ะ ต่ า ง ๆ อัน ไ ม่ จ า กัด ท า ใ ห้ ม นุ ษ ย์ มี ค ว า ม 2. ในฐำนะผ้เู ป็ นเจ้ำของปัจจยั กำรผลติ คือ เจา้ ของทรัพยากร เจา้ ของทนุ เจา้ ของ
จาเป็นตอ้ งผลิตสินคา้ และบริการข้ึนมาเพ่ือตอบสนองความตอ้ งการอนั ไม่จากดั แรงงานและผปู้ ระกอบการสามารถใชค้ วามรู้ทางเศรษฐศาสตร์เพอ่ื ใหป้ ัจจยั การ
น้ันโดยเหตุผลท่ีทรัพยากรที่นามาผลิตสินคา้ และบริการน้ันมีอย่างจากัด ไม่ ผลิตที่ตนมีอยู่น้ัน ให้ผลตอบแทนแก่ตนเองมากที่สุดช่วยผูป้ ระกอบการ
สามารถผลิตสินค้าและบริการน้ันมีอย่างจากัด ไม่สามารถผลิตสินคา้ และ ตดั สินใจใชป้ ัจจยั การผลิตท่ีมีตน้ ทุนต่าท่ีสุดเพอื่ ใหไ้ ดก้ าไรมากที่สุด
บริการข้ึนมาตอบสนองความตอ้ งการของทุกคนไดว้ ิธีการทางเศรษฐศาสตร์จึง
เป็ นวิธีท่ีช่วยให้การผลิตสินคา้ และบริการได้อย่างมีประสิทธิภาพก่อให้เกิด 3. ในฐำนะพลเมืองของชำติ วิชาเศรษฐศาสตร์ช่วยให้มีการตดั สินใจเกี่ยวกบั
ประโยชน์สูงสุดแก่คนในสังคมและช่วยทาให้เศรษฐกิจพอเพียงน้ันการศึกษา กิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่างมีหลกั เกณฑ์เขา้ ใจปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดข้ึนกบั
วิชาเศรษฐศาสตร์จึงเป็นประโยชนใ์ หแ้ ก่ผศู้ ึกษาก็คอื บา้ นเมืองเขา้ ใจบทบาทและการดาเนินนโยบายทางเศรษฐกิจของรัฐบาลการ
ผลิตและการบริโภคเป็นกิจกรรมทางเศรษฐกิจของมนุษยท์ กุ คนในสังคมปัจจยั
1. ในฐำนะผู้บริโภค โดยปกติผูบ้ ริโภคมีความตอ้ งการจะได้รับความพอใจ ที่ทาใหเ้ กิดการผลิตคอื ที่ดินแรงงานทุนและผปู้ ระกอบการส่วนปริมาณการผลิต
สูงสุดจากการบริโภคสินคา้ และบริการ ความรู้ทางเศรษฐศาสตร์จะช่วยเป็ น จะมากนอ้ ยเพียงใดน้นั ข้ึนอยกู่ บั กลไกการตลาดกลา่ วคือสินคา้ น้นั มีราคาสูง คน
ก็ตอ้ งการผลิตมากแต่ถา้ มีราคาต่าคนก็จะผลิตนอ้ ยหรือไม่ผลิตเลยกลไกราคาท่ี
เป็ นเครื่องมือท่ีใช้ในการกาหนดปริมาณและการผลิตน้ันกค็ ืออุปสงค์และ
อุปทานการบริโภคคือการใชป้ ระโยชน์จากสินคา้ และบริการที่ผลิตข้ึนมาเพ่ือ
ตอบสนองความตอ้ งการปัจจยั ก่อให้เกิดการบริโภคคือรายไดค้ วามรู้สึกว่ามี
ประโยชนแ์ ละความรู้สึกดา้ นจิตใจการกาหนดปริมาณการผลิตและการบริโภค

แผนกำรจดั กำรเรียนรู้ทพี่ ฒั นำโดยใช้นวตั กรรม Mind Mapping

โรงเรียน สำธิต ช้ันประ ม ึก ำปี ที่ 3

กล่มุ สำระกำรเรียนรู้ สังคม ึก ำ ำสนำและวฒั นธรรม รหสั วชิ ำ ส13101 รำยวชิ ำ สังคม ึก ำ ภำคเรียนท่ี 1/65

หน่วยกำรเรียนรู้ท่ี 2 ช่ือ พลเมืองดขี องชำติ จำนวน 15 ชั่วโมง

แผนกำรเรียนรู้ท่ี 1 เรื่อง วนั อำสำ หบูชำ เวลำ 1 ช่ัวโมง

กลมุ่ ท่ี................ ผ้สู อน 6494110026 วรำภร ์ รีโท วนั ท่ี 21 เดือน กนั ยำยน พ. . 2565

อำจำรย์ทป่ี รึก ำ/อำจำรย์พเ่ี ลยี้ ง ผ .สมหวงั นลิ พนั ธ์

ชื่อ.....................................................................ช้นั ..................เลขที่................... 1.สำระ1ม.สำตำรรฐะำมนำกตำรรเฐรียำนนรกู้/ตำรัวเชรี้วียดั นรู้/ตวั ชี้วัด
ชื่อ......................................................... ...........ช้นั ..................เลขที่................... สำระทสี่ 2ำหระนท้ำที่ 2พ่ี หลเนมือ้ำงทวพี่ ฒั ลนเมธืรอรงมวแฒั ละนกธำรดรำมเนแินลชะีวกติ ำในรดสังำคเนมินชีวิตในสังคม
ช่ือ......................................................................ช้นั .................เลขที่................... มำตรฐมำนำตสร2ฐ.1ำนปรสะเ2พ.ณ1ีแปลระะวเฒัพนณธีแรรลมะใวนฒั ครนอธบรครรมัวแในละคทรอ้ องบถิ่นคเรชัว่นแปลระะทเพอ้ ณงีกถอ่ินงเขชา้ ่นว (ทอ้ งถิ่น)
ใหน้ กั เรียนเขียน สรุปใบงานท่ี1 โดยวเิ คราะห์ สังเคราะห์ขอ้ มลู ร่วมกนั แสดง ตวั ชี้วดั ประเพณีกองขา้ ว (ทอ้ งถ่ิน)
ความคดิ เห็นแลว้ ทาเป็นแผนที่ความคดิ Mind Mapping
ตัวชีว้ ัด

ป.3/3 อธิบายความสาคญั ของวนั หยดุ ราชการท่ีสาคญั

2.สำระสำคญั /ควำมคิดรวบยอด

พทุ ธศาสนิกชนทกุ คนควรศึกษาประวตั ิ ความสาคญั และปฏิบตั ิตน
อยา่ งถกู ตอ้ งในศาสนพธิ ีของวนั สาคญั ทางพระพทุ ธศาสนา วนั อาสาฬหบูชา

3.จุดประสงค์กำรเรียนรู้เชิงพฤติกรรม 2.นกั เรียนตอบคาถามเก่ียวกบั ภาพตา่ งๆดงั น้ี
3.1 อธิบายความสาคญั ของวนั อาสาฬบชู าได้ (K)
3.2 ปฏิบตั ิตนไดใ้ นวนั อาสาฬหบูชา (P) - ภาพดงั กลา่ วเป็นกิจกรรมในวนั สาคญั วนั ใด
3.3 บอกประโยชน์ท่ีไดจ้ ากการเขา้ ร่วมกิจกรรมของวนั อาสาฬบูชา (A)
3.4ใชเ้ ทคโนโลยใี นการสืบคน้ ขอ้ มลู ตามที่กาหนดใหไ้ ด้ (P) - นักเรียนเคยเขา้ ร่วมกิจกรรมใดบา้ ง และมีความรู้สึกอย่างไรในการเขา้ ร่วม
3.5มีความรับผิดชอบและอนุรักษว์ ฒั นธรรมไทย (A) กิจกรรม

4.สำระกำรเรียนรู้ 3.ครูอธิบายเชื่อมโยงให้นกั เรียนเขา้ ใจว่า ภาพข่าว/ข่าว ดงั กล่าวเป็ นส่วนหน่ึง
1.ประวตั ิความสาคญั ของวนั อาสาฬหบูชา ของกิจกรรมในวนั อาสาฬหบชู าและการปฏิบตั ิตนในวนั อาสาฬหบูชา
2.ระเบียบพิธี การเห็นความสาคญั และการปฏิบตั ิตนในวนั
ข้นั การจดั การเรียนรู้ (ใช้วิธีการจดั การเรียนรู้โดยใช้แผนภาพความคิดอิสระ
อาสาฬหบูชาได้ Mind mapping) มี 6 ข้นั ดงั น้ี
5.กระบวนกำรจัดกำรเรียนรู้
ข้นั นำเข้ำสู่บทเรียน ข้นั ที1่ ข้นั เตรียมควำมพร้อม
1.ครูใหน้ กั เรียนดูภาพข่าว/ข่าว กิจกรรมต่างๆในวนั อาสาฬหบชู า
ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3คน แลว้ ให้นักเรียนน่งั เป็ นกลุ่ม ต้งั ชื่อ
กลุ่ม แลว้ เลือกประธานกลมุ่ และเลขานุการกลมุ่

ข้นั ท่2ี ข้นั กำหนดประเด็น/หัวข้อ/เง่ือนไข

ใหน้ กั เรียนแต่ละกลุ่มรับใบงานท่ี 1 แลว้ ปฏิบตั ิกิจกรรมตามใบงาน
ตามลาดบั แตล่ ะกลุ่มรับใบความรู้และทากิจกรรมตามใบงานท่ี1

ข้นั ท่3ี ข้ันแลกเปลย่ี นเรียนรู้ ให้นักเรียนสรุปความคิดรวบยอด/สาระสาคัญท่ีได้แล้วเขียนเป็ น
แผนภาพความคิดของตนเอง โดยใหส้ งั เคราะห์ความรู้ท่ีได้ จากการสรุปการคิด
ใหน้ กั เรียนแต่ละกลุ่มแลกเปล่ียนการเรียนรู้ ระดมการคดิ วเิ คราะห์สรุป วิเคราะห์สาระสาคญั ของเรื่อง และครูอธิบายเพ่ิมเติมเกี่ยวกับวนั สาคัญของ
สาระสาคญั ให้เป็นประเด็นโดยใชห้ ลกั เกณฑ์ หลกั การและภาษาและมีเหตุผล ราชการต่างๆที่นกั เรียนยกมา เพอ่ื ใหน้ กั เรียนไดค้ วามรู้เพม่ิ มากยงิ่ ข้ึน
ประกอบใหไ้ ดป้ ระเดน็ มากที่สุดแลว้ จดั เป็นแผนภาพความคิดกลุม่
6.ส่ือ/อุปกร ์และแหล่งกำรเรียนรู้
ข้นั ท่ี4 ข้นั นำเสนอผลงำน
6.1ส่ือ/อุปกร ์
ให้แต่ละกลุ่มออกมานาเสนอหนา้ ช้นั เรียน เพื่อให้ไดค้ วามรู้มากที่สุด 1.ใบความรู้ เรื่องวนั อาสาฬหบชู า
เมื่อนักเรียนอธิบายวนั อาสาฬหบูชาเสร็จแลว้ ครูกล่าวชมเชยและให้กาลงั ใจ 2.ใบงานที่1
นกั เรียน จากน้นั สรุปความรู้ใหน้ กั เรียนฟัง 3.ขา่ ว/ภาพขา่ ว

ข้นั ท่5ี ข้นั ชี้แนะ 6.2แหล่งกำรเรียนรู้
บริเวณโรงเรียน/หอ้ งสมดุ
ครู และนักเรี ยนร่ วมกันอภิปรายแสดงความคิดเห็นร่ วมกันและครู
อธิบายเพ่ิมเติมประเด็นความรู้ เพ่ือแลกเปลี่ยนเรียนรู้ท้งั ช้นั เรียน นกั เรียนและ
ครูร่วมแสดงความคิดเห็น วิพากษ์ วิจารณ์อย่างมีเหตุผลจากประเด็นที่ให้
นกั เรียนศึกษาเรียนรู้ และร่วมกนั เพิ่มประเด็นยอ่ ยๆในแต่ละประเด็นใหไ้ ดม้ าก
ที่สุด

ข้นั ท่6ี ข้นั ทำแผนภำพควำมคดิ อสิ ระ

7.กำรวดั และกำรประเมินผล

สิ่งที่ตอ้ งวดั วิธีวดั เคร่ืองมือ เกณฑก์ าร 8. ประเมินหลงั การสอน

ประเมิน 1. ประเมินนกั เรียน---------------------------------------------------------------------

ดา้ นความรู้ -ตรวจใบ -ใบงานที่ 1 - ไดค้ ะแนน -----------------------------------------------------------------------------------------------------------
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
อธิบายความสาคญั ของวนั งานท่ี 1 -แผนภาพ ต้งั แต่ร้อยละ -----------------------------------------------------------------------------------------------------------
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
อาสาฬบชู าได้ (K) -ตรวจ ความคิด 60 ข้ึนไปถือ -----------------------------------------------------------------------------------------------------------
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
แผนภาพ (งานเด่ียว) วา่ ผา่ นเกณฑ์ -----------------------------------------------------------------------------------------------------------

ความคดิ 2. ประเมินครู------------------------------------------------------------------------------

ดา้ นทกั ษะและการปฏิบตั ิ -ประเมิน -แบบ - ระดบั -----------------------------------------------------------------------------------------------------------
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
1.ปฏิบตั ิตนไดใ้ นวนั การ ประเมิน คุณภาพ2 -----------------------------------------------------------------------------------------------------------
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
อาสาฬหบูชา (P) นาเสนอ การ ผา่ นเกณฑ์ -----------------------------------------------------------------------------------------------------------
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
2.ใชเ้ ทคโนโลยใี นการสืบคน้ ผลงาน นาเสนอ -----------------------------------------------------------------------------------------------------------

ขอ้ มลู ตามที่กาหนดใหไ้ ด้ (P) ผลงาน

ดา้ นเจตคติและคณุ ลกั ษณะอนั -สังเกต -แบบ -ระดบั

พึงประสงค์ พฤติกรรม สงั เกต คณุ ภาพ 2

1.บอกประโยชน์ที่ไดจ้ ากการ การ พฤติกรรม ผา่ นเกณฑ์

เขา้ ร่วมกิจกรรมของวนั อาสาฬ ทางาน การทางาน

บชู า (A) กลมุ่ กลุ่ม

2.มีความรับผดิ ชอบและอนุรักษ์

วฒั นธรรมไทย (A)

9. บันทกึ หลงั กำรสอน หน่วยท2ี่ เรื่อง พลเมืองดีของชำติ

1. ผลท่ีเกิดกบั ผเู้ รียน สำระกำรเรียนรู้ สังคม ึก ำ ำสนำและวฒั นธรรม ช้ันประ ม ึก ำปี ท่3ี
.............................................................................................................................
............................................................................................................................. ใบงำนท่1ี
.............................................................................................................................
คำชีแ้ จง ใหน้ กั เรียนแต่ละกลมุ่ ทากิจกรรมตามข้นั ตอนต่อไปน้ี
2. ปัญหา/อปุ สรรค
1.คาส่ัง บทอ่านเร่ือง “วนั อาสาฬบูชา”ที่แจกใหแ้ ลว้ ให้ นกั เรียนทกุ คนในแต่ละ
............................................................................................................................. กลมุ่ ร่วมกนั อภิปรายแสดงความคดิ เห็น คดิ วิเคราะห์แยกแยะ ประเด็น
............................................................................................................................. สาระสาคญั ของเรื่องท่ีอา่ นใหไ้ ดม้ ากท่ีสุดและเขียนเหตุผลประกอบของแตล่ ะ
............................................................................................................................. ประเด็นลงในกระดาษชาร์ดท่ีแจกให้

3. ขอ้ เสนอแนะแนวทางแกไ้ ข 2.แตล่ ะกลุ่มนาเสนอผลงานตามข้นั ตอนดงั น้ี
2.1อธิบายข้นั ตอนของกระบวนการทางานกลุ่ม
............................................................................................................................. 2.2สรุปประเด็นสาระสาคญั ของเรื่องจากขอ้ 1
.............................................................................................................................
............................................................................................................................. 3. สมาชิกแต่ละคนในกลุ่มเขยี นสรุปประเด็นสาระสาคญั ของเรื่องท่ีไดจ้ ากขอ้ 1
โดยเขียนเป็ นแผนภาพความคิดของตนเอง
(ลงช่ือ)..................................................
(...................................)

.........../........................../.............

ใบความรู้ แสดงคร้ังแรกจึงไดช้ ่ือว่า ธัมมจกั กัปปวตั ตนสูตร แปลว่า พระสูตรแห่งการ
หมนุ วงลอ้ ธรรม หรือพระสูตรแห่งการแผข่ ยายธรรมจกั ร กล่าวคือดินแดนแห่ง
เรื่อง วนั อาสาฬหบูชา ธรรม

วันอำสำ หบูชำคือวันท่ีพระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมเท นำหรือ เม่ือ 2500 กว่าปี มาแลว้ น้นั ชมพูทวีปในสมยั โบราณ กาลงั ย่างเขา้ สู่ยุคใหม่แห่ง
หลักธรรมท่ีทรงตรัสรู้ เป็ นคร้ังแรกแก่เบญจวัคคีย์ท้ัง 5 ือเป็ นวันสำคัญท่ี ความเจริญกา้ วหนา้ รุ่งเรืองเฟื่ องฟูทุกดา้ นและมีคนหลายประเภทท้งั ชนผมู้ งั่ คง่ั
กำหนดให้กบั วันหยุดของรัฐเพยี งแต่ในประเท ไทยเท่ำน้ัน ส่วนในต่ำงประเท ร่ารวย นกั บวชท่ีพฒั นาความเชื่อและ ขอ้ ปฏิบตั ิทางศาสนา เพื่อให้ผูร้ ่ารวยได้
ที่นับ ือพุทธ ำสนำนิกำยเ รวำทอื่น ๆ ยังไม่ได้ให้ควำมสำคัญกับวัน ประกอบพิธกรรมแก่ตนเต็มท่ี ผูเ้ บื่อหน่ายชีวิตท่ีวนเวียน ในอานาจและโภค
อำสำ หบูชำเทียบเท่ำกบั วันวิสำขบูชำ สมบตั ิท่ีออกบวช หรือบางพวกก็แสวงหาคาตอบที่เป็นทางรอกพน้ ดว้ ยการคิด
ปรัชญาต่าง ๆ เกี่ยวกบั เรื่องท่ีเหลือวสิ ัยและไม่อาจพิสูจนไ์ ดบ้ า้ ง พระพุทธเจา้ จึง
ประวตั ิวนั อำสำ หบูชำ ทรงอุบตั ิในสภาพเช่นน้ี และดาเนินชีพเช่นน้ีดว้ ยแต่เม่ือทรงพบว่าส่ิงท่ีเกิดข้ึน
ในตอนน้นั ขาดแก่นสาน ไม่เป็นประโยชน์อย่างแทจ้ ริง แก่ตนเองและผูอ้ ่ืน จึง
วนั อาสาฬหบูชา ข้ึน 15 ค่า เดือน 8 เป็ นวนั ที่สาคญั ในประวตั ิศาสตร์ ทรงคิดหาวิธีแกไ้ ขดว้ ยการทดลองต่าง ๆ โดยละทิ้งราชสมบตั ิ และอิสริยศแลว้
แห่งพระพุทธศาสนา คือวันที่พระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมเทศนาหรือ ออกผนวช บาเพญ็ ตนนานถึง 6 ปี ก็ไม่อาจพบทางแกไ้ ด้ ต่อมาจึงไดท้ างคน้ พบ
หลกั ธรรมที่ทรงตรัสรู้ เป็ นคร้ังแรกแก่เบญจวคั คียท์ ้งั 5 ณ มฤคทายวนั ตาบล มชั ฌิมาปฏิปทา หรือทางสายกลาง เมื่อทรงปฏิบตั ิตามมรรคาน้ีก็ไดค้ น้ พบสัจ
อิสิปตนะ เมืองพาราณสี ในชมพูทวีปสมยั โบราณซ่ึงปัจจุบนั ต้งั อยู่ในประเทศ ธรรมท่ีนาคุณค่า แทจ้ ริงมาสู่ชีวิต อนั เรียกว่า อริยสัจ 4 ประการ ในวนั เพ็ญ
อินเดีย ดว้ ยพระพุทธองคท์ รงเปรียบดงั ผทู้ รงเป็นธรรมราชา ก็ทรงบนั ลือธรรม เดือน 6 ก่อนพุทธศก 44 ปี ที่เรียกวา่ การตรัสรู้เป็นพระพุทธเจา้
เภรียงั ล้อแห่งธรรมให้หมุนรุดหน้า เร่ิมต้นแผ่ขยายอาณาจกั รแห่งธรรม นา
ความร่มเยน็ และความสงบสุขมาให้แก่หมู่ประชา ดงั น้ัน ธรรมเทศนาที่ทรง จากน้ันทรงงานประกาศศาสนาโดยทรงดาริหาทางท่ีไดผ้ ลดีและรวดเร็ว คือ
เร่ิมสอนแก่ผูม้ ีพ้ืนฐานภูมิปัญญาดีที่รู้แจง้ คาสอนไดอ้ ย่างรวดเร็วและสามารถ

นาไปช้ีแจงอธิบาย ใหผ้ ูอ้ ่ืนเขา้ มาไดอ้ ยา่ งกวา้ งขวาง จึงมุ่งไปพบนกั บวช 5 รูป อริยอฏั ฐงั คกิ มคั ค์ หรือ มรรคมีองค์ 8 ไดแ้ ก่
หรือเบญจวคั คยี ์ และไดแ้ สดงธรรม เทศนาเป็นคร้ังแรกในวนั เพญ็ เดือน 8
สมั มาทิฏฐิ เห็นชอบ คอื รู้เขา้ ใจถกู ตอ้ ง เห็นตามท่ีเป็นจริง
การแสดงแสดงปฐมเทศนาคร้ังแรกของพระพุทธเจ้าทรงแสดงหลกั ธรรม
สาคญั 2 ประการคอื สัมมาสังกปั ปะ ดาริชอบ คือ คดิ สุจริตต้งั ใจทาส่ิงท่ีดีงาม
สัมมาวาจา เจรจาชอบ คือ กล่าวคาสุจริต
มัชฌิมาปฏิปทาหรือทางสายกลาง เป็ นขอ้ ปฏิบตั ิท่ีเป็ นกลาง ๆ ถูกตอ้ งและ
เหมาะสมที่จะให้บรรลุถึงจุดหมายได้ มิใช่การดาเนินชีวิตที่เอียงสุด 2 อย่าง สมั มากมั มนั ตะ กระทาชอบ คือ ทาการที่สุจริต
หรืออยา่ งหน่ึงอยา่ งใด คือ
สมั มาอาชีวะ อาชีพชอบ คอื ประกอบสัมมาชีพหรืออาชีพท่ีสุจริต
1.การหมกหมุ่นในความสุขทางกาย มัวเมาในรูป รส กลิ่น เสียง รวมความ
เรียกวา่ เป็นการหลงเพลิดเพลินหมกหมนุ่ ในกามสุข หรือ กามสุขลั ลิกานุโยค สมั มาวายามะ พยายามชอบ คอื เพียรละชว่ั บาเพญ็ ดี
สมั มาสติ ระลึกชอบ คือ ทาการดว้ ยจิตสานึกเสมอ ไม่เผลอพลาด
2.การสร้างความลาบากแก่ตนดาเนินชีวิตอย่างเลื่อนลอย เช่น บาเพญ็ ตบะการ
ทรมานตน คอยพ่ึงอานาจสิ่งศกั ด์ิสิทธ์ิ เป็ นตน้ การดาเนินชีวิตแบบท่ีก่อความ สัมมาสมาธิ ต้งั จิตมนั่ ชอบ คอื คุมจิตใหแ้ น่วแน่มน่ั คงไม่ฟุ้งซ่าน
ทุกข์ให้ตนเหนื่อยแรงกาย แรงสมอง แรงความคิด รวมเรียกว่า อตั ตกิลมถานุ อริยสัจ 4 แปลวา่ ความจริงอนั ประเสริฐของอริยะ ซ่ึงคือ บุคคลที่ห่างไกลจาก
โยค กิเลส ไดแ้ ก่

ดงั น้นั เพ่ือละเวน้ ห่างจากการปฏิบตั ิทางสุดเหล่าน้ี ตอ้ งใชท้ างสายกลาง ซ่ึงเป็น 1.ทุกข์ ไดแ้ ก่ ปัญหาท้งั หลายที่เกิดข้ึนกบั มนุษย์ บุคคลตอ้ งกาหนดรู้ให้เท่าทนั
การดาเนินชีวิตด้วยปัญญา โดยมีหลักปฏิบัติเป็ นองค์ประกอบ 8 ประการ ตามความเป็นจริงวา่ มนั คืออะไร ตอ้ งยอมรับรู้กลา้ สู้หนา้ ปัญหา กลา้ เผชิญความ
เรียกวา่ อริยอฏั ฐงั คกิ มคั ค์ หรือ มรรคมีองค์ 8 ไดแ้ ก่ จริง ตอ้ งเขา้ ใจในสภาวะโลกว่าทุกสิ่งไม่เท่ียง มีการเปล่ียนแปลงไปเป็ นอยา่ ง
อ่ืน ไม่ยดึ ติด

2.สมุทยั ไดแ้ ก่ เหตุเกิดแห่งทุกข์ หรือสาเหตุของปัญหา ตวั การสาคญั ของทุกข์ 5. เป็นวนั ท่ีพระพทุ ธเจา้ ทรงไดป้ ฐมสาวกคอื การที่ท่านโกณฑญั ญะน้นั
คือ ตณั หาหรือเสน้ เชือกแห่งความอยากซ่ึงสัมพนั ธ์กบั ปัจจยั อื่น ๆ ไดบ้ รรลธุ รรม และบวชเป็นพระภิกษุ จึงเป็นสาวกรูปแรกของ
พระพทุ ธเจา้
3.นิโรธ ไดแ้ ก่ ความดบั ทกุ ข์ เริ่มดว้ ยชีวิตท่ีอิสระ อยอู่ ยา่ งรู้เทา่ ทนั โลกและชีวิต
ดาเนินชีวติ ดว้ ยการใชป้ ัญญา ข้อพงึ ปฏิบตั ิสำหรับชำวพุทธ

4.มรรค ไดแ้ ก่ กระบวนวิธีแหง้ การแกป้ ัญหา อนั ไดแ้ ก่ มรรคมีองค์ 8 ประการ ตักบำตร กิจกรรมสาหรับพุทธศาสนิกชนในช่วงเชา้ คือการตกั บาตรใหญ่ อาจ
ดงั กล่าวขา้ งตน้ จดั ข้ึนที่วดั และตามพ้นื ที่ราชการ โดยมีพระสงคจ์ านวนมากเขา้ ร่วมพิธี

ความสาคญั ของวนั อาสาฬหบูชา สรุปไดด้ งั น้ี ทำบญุ พทุ ธศาสนิกชนนิยมทาบุญในวนั อาสาฬหบชู าตลอดท้งั วนั โดยสามารถ
ทาไดใ้ นรูปแบบต่างๆ การถวายสังฆทาน การปล่อยนกปล่อยปลา รวมไปถึง
1. เป็นวนั ท่ีพระพุทธเจา้ ทรงแสดงปฐมเทศนา การถือศีล 5 หรือศีล 8 และการฟังเทศนท์ ่ีวดั ในช่วงตอนเยน็

2. เป็นวนั ท่ีพระพทุ ธเจา้ เร่ิมประกาศพระศาสนา เวยี นเทียน การเวียนเทียนน้นั จะเรียกวา่ การเวยี นเทียนเขา้ พรรษา จดั ข้นึ ในตอน
หวั ค่า เพือ่ แสดงความเคารพตอ่ องคพ์ ระสัมมาสัมพุทธเจา้
3. เป็นวนั ที่เกิดอริยสงฆค์ ร้ังแรกคือการที่ท่านโกณฑญั ญะรู้แจง้ เห็นธรรม
เป็นพระโสดาบนั จดั เป็นอริยบคุ คลท่านแรกในอริยสงฆ์ งดเหล้ำเข้ำพรร ำ การรณรงคง์ ดเหลา้ เขา้ พรรษาน้ัน เป็ นขอ้ ปฏิบตั ิท่ีถือเป็ น
ค่านิยมในประเทศไทย เพราะการงดดื่มสุราในช่วงเวลา 3 เดือนของการ
4. เป็นวนั ที่เกิดพระภิกษรุ ูปแรกในพระพทุ ธศาสนา คอื การที่ท่านโกณ เขา้ พรรษาน้ี ถือเป็นการปฏิบตั ิเพ่ือบูชาศาสนา รวมไปถึงการใชเ้ ป็นขอ้ อา้ งทาง
ฑญั ญะขอบรรพชาและ ไดบ้ วชเป็นพระภิกษุ หลงั จากฟังปฐมเทศนา สงั คมเพอ่ื หลีกหนีจาก
และบรรลธุ รรมแลว้

ตวั อยา่ งขา่ ว/ภาพขา่ ว แบบประเมินกำรนำเสนอผลงำน

จงั หวดั ขอนแก่น ร่วมพธิ ีทาบญุ ตกั บาตร เวยี นเทียน เนื่องในวนั อาสาฬบชู า คำชี้แจง : ให้ ผสู้ อน ประเมินการนาเสนอผลงานของนกั เรียนตามรายการท่ี
กาหนด แลว้ ขีด / ลงในช่องท่ีตรงกบั ระดบั คะแนน
วนั พุธท่ี 13 กรกฎาคม 2565 เวลา 07.00 น. จงั หวดั ขอนแก่น โดย สานักงาน
พระพุทธศาสนาจังหวัดขอนแก่น ร่วมกับคณะสงฆ์จังหวดั ขอนแก่น จัด ลำดับ รำยกำรประเมิน 32 1
กิจกรรมทาบุญตกั บาตร เจริญพระพุทธมนต์ แสดงพระธรรมเทศนา และเวียน ท่ี
เทียน เน่ืองในเทศกาลวนั อาสาฬหบูชาและวนั เขา้ พรรษา ประจาปี 2565 โดยมี 1 นาเสนอเน้ือหาในผลงานไดถ้ ูกตอ้ ง
พระครูมชั ฌิมธรรมโสภณ เจา้ อาวาสวดั กลาง, เจา้ คณะตาบลในเมือง เขต 2 เป็น 2 การลาดบั ข้นั ตอนของเน้ือหา
ประธานฝ่ ายสงฆ์ นายพนั เทพ เสาโกศล รองผูว้ ่าราชการจงั หวดั ขอนแก่น เป็น 3 การนาเสนอมีความน่าสนใจ
ประธานฝ่ ายฆราวาส ณ วดั กลาง ตาบลในเมือง อาเภอเมืองขอนแก่น จงั หวดั 4 การมีส่วนร่วมของสมาชิกกลมุ่
ขอนแก่น โดยปฏิบตั ิตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุขอยา่ งเคร่งครัด 5 การตรงตอ่ เวลา
รวม
แหลง่ ท่ีมา: https://kkn.onab.go.th
ลงชื่อ.................................................ผปู้ ระเมิน
................./.................../...............

เก ฑ์กำรให้คะแนน

ผลงานหรือพฤติกรรมสมบรู ณ์ชดั เจน ให้ 3 คะแนน แบบสงั เกตพฤติกรรม การทางานกลมุ่

ผลงานหรือพฤติกรรมมีขอ้ บกพร่องบางส่วน ให้ 2 คะแนน

ผลงานหรือพฤติกรรมมีขอ้ บกพร่องเป็นส่วนใหญ่ ให้ 1 คะแนน คำชีแ้ จง : ให้ ผสู้ อน ประเมินการนาเสนอผลงานของนกั เรียนตามรายการท่ี
กาหนด แลว้ ขีด / ลงในช่องที่ตรงกบั ระดบั คะแนน
เก ฑ์กำรตดิ สินคุ ภำพ

ช่วงคะแนน ระดบั คุ ภำพ ลำดบั รำยกำรประเมิน 32 1
12-15 ดี ที่
8-11 1 การแบง่ หนา้ ที่กนั อยา่ งเหมาะสม
ต่ากวา่ 8 พอใช้ 2 ความร่วมมือการทางาน
ปรับปรุง 3 การแสดงความคิดเห็น
4 การรับฟังความคิดเห็น
5 ความมีน้าใจช่วยเหลือกนั
รวม

ลงช่ือ.................................................ผปู้ ระเมิน
................./.................../...............

เก ฑ์กำรให้คะแนน ให้ 3 คะแนน ชื่อผสู้ อน.................................................................................ช้นั ......................
ให้ 2 คะแนน
ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมสม่าเสมอ ให้ 1 คะแนน กล่มุ สาระการเรียนรู้............................................................................................

ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยคร้ัง ระดับคุ ภำพ เร่ือง.........................................................
ดี
ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบางคร้ัง วนั ที่............เดือน..................................พ.ศ. ..........................เวลา.....................
พอใช้
เก ฑ์กำรติดสินคุ ภำพ ปรับปรุง คำชีแ้ จง ใหผ้ นู้ ิเทศสังเกตพฤติกรรมการสอนของครูและโปรดทาเครื่องหมาย/
ลงในช่องพฤติกรรมการสอนตามรายการ การสังเกตพฤติกรรมการสอน
ช่วงคะแนน ดงั ตอ่ ไปน้ี
12-15
8-11
ต่ากวา่ 8

รำยกำร ปฏิบตั ิ ไม่ ข้อเสนอแนะ 6.ครูเปิ ดโอกาสใหน้ กั เรียนได้
แสดงความคดิ เห็นและยอดรับ
ปฏบิ ัติ เพมิ่ เติม เก่ียวกบั ผลงานและ
ความสามารถของตนและผอู้ ื่น
1.ครูจดั กิจกรรมการเรียนการ 7.ครูจดั กิจกรรมการเรียนรู้ที่มี
การเช่ือมโยงความรู้เดิมกบั
สอนใหผ้ เู้ รียนไดค้ ดิ อยา่ ง ความรู้ใหมข่ องผเู้ รียน
8.ครูมีการใชส้ ื่อการเรียนรู้
หลากหลาย อยา่ งหลากหลาย
9.ครูใหก้ ารเสริมแรงนกั เรียน
2.ครูเสนอ/จดั แหลง่ ความรู้ อยา่ งเหมาะสม
10.ครูจดั กิจกรรมการเรียนรู้ให้
เพอ่ื ใหผ้ เู้ รียนไดฝ้ ึกการคน้ ควา้ เอ้ือตอ่ การฝึกความรับผดิ ชอบ
ของนกั เรียน
รวบรวมขอ้ มลู
ลงช่ือ.....................................................................
3.ครูจดั กิจกรรมและ
(......................................................................)
สถานการณ์ใหผ้ เู้ รียน
ผปู้ ระเมิน
แลกเปล่ียนความคิดและ

ประสบการณ์

4.ครูเปิ ดโอกาสใหน้ กั เรียนได้

นาเสนอผลงานของตวั เองใน

รูปแบบต่างๆ

5.ครูจดั กิจกรรมใหน้ กั เรียนได้

ลงมือปฏิบตั ิ

แบบประเมนิ แผนกำรจดั กำรเรียนรู้ โดย 3.สาระการเรียนรู้ถกู ตอ้ ง
ใช้นวตั กรรม Mind Mapping ครบถว้ นชดั เจนตามหลกั
วิชาการ
(สำหรับครู) 4.กระบวนการเรียนรู้
4.1 สอดคลอ้ งกบั จุดปรง
รำยกำร มำที่สุด มำก พอใช้ ปรับปรุง สงคก์ ารเรียนรู้
3 21 4.2 จดั กิจกรรมเตรียมความ
4 พร้อมและทบทวนความรู้
เดิม
1.สาระสาคญั แสดงความคิด 4.3 จดั กิจกรรมหรือกาหนด
สถานการณ์ที่เป็ นประเดน็
รวบยอดของสาระการ ปัญหาใหน้ กั เรียนคิด
4.4 จดั กิจกรรมใหน้ กั เรียน
เรียนรู้ท่ีสอดคลอ้ งกบั ไดน้ าเสนอผลงาน
4.5 จดั กิจกรรมช้ีแนะความรู้
จุดประสงคก์ ารเรียน เพ่ิมเติมอภิปรายแสดง
ขอ้ คดิ เห็น
2.จุดประสงคก์ ารเรียนรู้คล

อบคลมุ พฤติกรรมการ

เรียนรู้หลายดา้ น (พทุ ธิพสิ ยั /

ทกั ษะพสิ ยั /จิตพิสยั และระบุ

พฤติกรรมที่สามารถวดั ได้

4.6 จดั กิจกรรมทาแผนผงั 1.ข้นั ตอนการทางาน
ความคดิ มายแมพ สรุป
สาระสาคญั และองคค์ วามรู้ .............................................................................................................................
5.สื่อ อปุ กรณ์และแหล่งการ .............................................................................................................................
เรียนรู้ท่ีเหมาะสมตาม .............................................................................................................................
ความสามารถของผเู้ รียน .............................................................................................................................
6.มีการวดั และประเมินผลที่ ...........................................................................................................................
หลากหลายสอดคลอ้ งกบั 2.ความรู้ท่ีไดร้ ับ
พฤติกรรมที่กาหนดใน
จุดประสงคก์ บั ธรรมชาติ .............................................................................................................................
ของสาระการเรียนรู้ .............................................................................................................................
หมำยเหตุ ระดบั ผลการประเมินข้ึนอยกู่ บั ดุลพินิจของผสู้ อนในการกาหนดช่วง .............................................................................................................................
.............................................................................................................................
คะแนน
3.ทกั ษะที่ไดร้ ับ

.............................................................................................................................
.............................................................................................................................

............................................................................................................................. สานกั งานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ. (2540). สรุปแผนพฒั นา
............................................................................................................................. การศึกษาแห่งชาติ ฉบบั ท่ี 8 (พ.ศ.2540-2544). กรุงเทพฯ: โรงพิมพค์ ุรุสภา
4.คุณลกั ษณะที่ดี/ค่านิยม/คุณธรรม/จริยธรรม ลาดพร้าว.

............................................................................................................................. วาสนา เมืองหนองจอก. (2550). การพฒั นาแผนการจดั การเรียนรู้ กลุ่มสาระ
............................................................................................................................. การเรียนรู้สงั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม ช้นั ประถมศึกษาปี ที่3 โดยวธิ ีของ
............................................................................................................................. สสวท. และสรุปแผนผงั ความคิด (Mind Mapping). การศึกษาคน้ ควา้ อิสระ กศ.
............................................................................................................................. ม. มหาสารคาม: มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม.บรรณานุกรม

5.สื่อแหลง่ การเรียนรู้ โทนี บซู าน. How to Mind Map. สานกั พมิ พข์ วญั ขา้ ว.กรุงเทพฯ : มปป.

............................................................................................................................. ธญั ญา และขวญั ฤดี ผลอนนั ต์ หจก. บซู านซนั เดย์ (ประเทศไทย)
.............................................................................................................................
............................................................................................................................. ชัยอนันต์ สมุทวณิช. การคิดแบบสร้างสรรค์และทาแผนที่ทางความคิด
............................................................................................................................. Creative thinking and mind mapping. กรุงเทพมหานคร. วชิราวุธวิทยาลัย.
2542.
6.ผลงาน

.............................................................................................................................
.............................................................................................................................
.............................................................................................................................


Click to View FlipBook Version