รายวิชา สื่อ เทคโนโลยีและนวัตกรรมสำหรับครู
ประถมศึกษา ED13307
นวัตกรรม
การจัดการเรียนรู้
นวัตกรรมแผนภาพความคิดอิสระ
Mind Mapping
อาจารย์ที่ปรึกษา
ผู้ช่วยศาสตราจารย์สมหวัง นิลพันธ์
จัดทำโดย
นางสาววราภรณ์ ศรีโท 6494110026
รายวิชาสื่อ เทคโนโลยีและนวัตกรรมสำหรับครู
ประถมศึกษา ED13307
นักศึกษาคณะศึกษาศาสตร์ สาขาการประถมศึกษา
ชั้นปีที่ 2
มหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ก
คำชี้แจง
เอกสารนวัตกรรมการจัดการเรียนรู้ฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งจาก
นวัตกรรมที่จัดทำขึ้นเพื่อเป็นคู่มือสำหรับบุคลากรทางการศึกษาใน
เรื่อง นวัตกรรมการจัดการเรียนรู้ โดยนักศึกษามหาวิทยาลัยภาค
ตะวันออกเฉียงเหนือ คณะศึกษาศาสตร์ จากรูปแบบนวัตกรรม
จำนวน 14 รูปแบบ 14 รายการดังนี้
1.รูปแบบการจัดกระบวนการเรียนรู้ แบบโฟร์แมทซิสเต็ม (4MAT
System)
2.รูปแบบการเรียนรู้ด้วยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้แบบ 5E
3.รูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวคอนสตรัคติวิสต์
(Constructivist)
4.กระบวนการจัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการแก้ปัญหาของโพล
ยา
5.การจัดการเรียนรู้แบบการแก้ปัญหาเป็นฐาน (Problem Based
Learning)
6.นวัตกรรมการสอนแบบโมเดลซิปปา (CAPPA Model)
7.การจัดการเรียนรู้แบบวัฏจักรสืบเสาะหาความรู้ 7E
8.การสอนแบบสร้างสรรค์เป็นพื้นฐาน (Creativity Based
Learning: CBL)
9.การจัดการเรียนการสอนแบบ 3P (PPP Teaching Model)
10.นวัตกรรมแผนภาพความคิดอิสระ Mind Mapping
11.รูปแบบการสอนแบบPOB
12.การจัดการเรียนรู้แบบแบ่งผลสัมฤทธิ์ (Student Team Achievement
Division: STAD)
13.กระบวนการเรียนการสอนของรูปแบบ (CIRC: Cooperative
Integrated Reading and Composition)
14.การจัดการเรียนการสอนแบบ TGT (Teams – Games -
Tournaments)
ซึ่งนวัตกรรมดังกล่าวได้ผ่านการทดลองใช้ในรูปแบบเชิงวิจัยกับ
นักเรียน และเพื่อให้ผู้สอนมาใช้เป็นแนวทางในการทำความเข้าใจเรื่อง
การนำนวัตกรรมทางการศึกษามาใช้ในการพัฒนาการเรียนการสอน
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช2544
ผู้จัดทำจึงได้เรียบเรียงข้อมูลที่เป็นรูปแบบนวัตกรรมพร้อม
ตัวอย่างแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้นวัตกรรมเพื่อให้ผู้เรียนสนใจได้รับ
ความรู้ความเข้าใจมากยิ่งขึ้น เอกสารเล่มจะช่วยทบทวนความเข้าใจให้
ชัดเจนมากยิ่งขึ้น จนสามารถนำไปใช้ในการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ของ
ตนเองได้ ประโยชน์ที่ได้จากเอกสารฉบับนี้ย่อมก่อให้เกิดผลโดยตรงต่อผู้
เรียนและผู้สอนในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ผู้จัดทำใคร่ขอขอบคุณ
แหล่งวิทยาการที่เป็นข้อมูลให้ผู้จัดทำนำมาอ้างอิงเพื่อใช้เป็นประโยชน์ใน
การทำเอกสารครั้งนี้
คำนำ ข
รูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่ใช้นวัตกรรมแผนภาพความคิด
Mind Mapping และได้จัดทำเอกสารนวัตกรรมการจัดการเรียนรู้
ฉบับนี้ขึ้น เพื่อเป็นคู่มือสำหรับนักศึกษาในเรื่องนวัตกรรมการจัดการ
เรียนรู้ ระดับประถมศึกษา ซึงเป็นนวัตกรรมที่ได้ผ่านการทดลองใช้ใน
รูปแบบของการวิจัย และเพื่อให้ใช้เป็นแนวทางในการทำความเข้าใจ
เรื่องการนำนวัตกรรมทางการศึกษามาใช้ในการพัฒนาการเรียน
การสอนตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ผู้จัดทำได้เรียบเรียงข้อมูลรูปแบบของนวัตกรรมโดยสรุป
เพื่อสามารถนำไปใช้ได้ง่ายพร้อมทั้งยกตัวอย่างแผนการจัดการ
เรียนรู้โดยใช้นวัตกรรมประกอบภายในฉบับ เพื่อให้ผู้สนใจได้รับ
ความรู้มากยิ่งขึ้น เอกสารเล่มนี้จะช่วยทบทวนความเข้าใจให้ผู้ศึกษา
เข้าใจมากยิ่งขึ้น หากมีข้อแนะนำหรือข้อผิดพลาดประการใด ผู้จัดทำ
ขอน้อมรับไว้และขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
ผู้จัดทำ
นางสาววราภรณ์ ศรีโท
สารบัญ
1.คำชี้แจง ก
2.คำนำ ข
3.นวัตกรรมการจัดการเรียนรู้โดยใช้แผนภาพความคิด 1-7
4.ขั้นตอนการจัดการเรียนรู้โดยใช้แผนภาพความคิดอิสระ 8
Mind Mapping
5.สรุปรูปแบบการจัดการเรียนรู้โดนใช้นวัตกรรมแผนภาพ 8
ความคิดอิสระ 9-18
6.ตัวอย่างแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้นวัตกรรม
Mind Mapping
7.ใบงาน 19
8.แบบบันทึกผลการเรียนรู้ 25
9.แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้นวัตกรรมMind Mapping 26
10.แบบประเมินแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้แผนภาพความ 37
คิด
Mind Mapping 43
11.แบบบันทึกการเรียนรู้ 45
12.เอกสารอ้างอิง
นวัตกรรมการ
จัดการเรียนรู้
โดยใช้แผนภาพความคิด
การจัดการเรียนรู้แบบแผนผังความคิดอิสระ Mind Map เป็นผลงาน
ของนักจิตวิทยาชาวอังกฤษชื่อ โทนี่ บูซาน (อ้างถึงธัญญา และขวัญฤดี
ผลอนันต์) ได้อธิบายไว้ในหนังสือเล่มใหม่ของ How to Mind Map ว่า Mind
Map เป็นวิธีการที่ง่ายที่สุดในการนำข้อมูลเข้าไปในสมองและเรียกข้อมูล
เหล่านั้นออกมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพในรูปแบบของการจดบันทึกที่
สร้างสรรค์และสามารถแสดงให้เห็นความคิดได้ง่ายและชัดเจน
บูซาน(Byzantine. 1997: 59) ได้ให้ความหมายของแผนที่ความคิดไว้ว่า
แผนที่ความคิดเป็นแผนผังหรือแผนภาพที่แสดงออกของความคิดรอบ
ทิศทางซึ่งเป็นลักษณะการทำงานที่ตามธรรมชาติของสมองมนุษย์และเป็น
เทคนิคการแสดงออกด้วยภาพที่มีพลังนำไปสู่กุญแจสากลที่จะใช้ไขประตูสู่
ศักยภาพของสมองแผนที่ความคิดนำไปประยุกต์ใช้ได้กับทุกแง่มุมของชีวิต
ซึ่งจะทำให้ การเรียนรู้ได้รับการพัฒนาและเกิดความคิดที่ชัดเจนขึ้นจะนำไป
สู่การพัฒนาการกระทำต่างๆของมนุษย์นอกจากนี้บูซานยังได้กล่าวถึง
คุณลักษณะสำคัญของแผนผังความคิดไว้4ประการดังนี้
1.หัวข้อที่สนใจจะถูกสร้างขึ้นตรงกลางของแผนภาพ
2.ใจความหลักของเรื่องจะอยู่รอบหัวข้อซึ่งตรงกลาง ออกไปทุกทิศทาง
3.กิ่งก้านที่แตกแขนงออกมาประกอบด้วยภาพหรือความสำคัญที่เขียนบน
เส้นที่โยงกันส่วนของคำอื่นๆที่มีความสำคัญ
4.กิ่งก้านจะถูกเชื่อมโยงกันในลักษณะที่แตกต่างกันตามลำดับและความ
สำคัญของประเด็นต่างๆ
การเรียนแบบสร้าง
แผนผังความคิด
เป็นการฝึกให้ผู้เรียนจัดกลุ่มความคิดรวบยอดของตน เพื่อให้เห็นภาพรวมความคิดเห็นความ
สัมพันธ์ของความคิดรวบยอดเป็นภาพ สามารถเก็บไว้ในหน่วยความทรงจำได้ง่าย การเขียน
แผนผังสามารถทำได้หลายลักษณะต่างๆดังต่อไปนี้
1.แผนผังตารางเปรียบเทียบ Compare table map เป็นการเขียนตารางเพื่อเปรียบเทียบสอง
สิ่งในประเด็นที่กำหนด
2.แผนผังก้างปลา Fishbone map เป็นการเขียนแผนผังโดยกำหนดประเด็นหรือเรื่องแล้ว
เสนอสาเหตุและผลต่างๆในแต่ละด้าน
3.แผนผังแสดงปฏิสัมพันธ์ระหว่างสองกลุ่ม Two-group interaction map เป็นการเขียน
เพื่อเสนอวัตถุประสงค์การกระทำและการตอบสนองของกลุ่มสองกลุ่มที่ขัดแย้งหรือแตก
ต่างกัน
4.แผนผังความคิดรวบยอด Concept map ทำได้โดยเขียนความคิดรวบยอดไว้ข้างบน
หรือตรงกลางแล้วลากเส้นให้สัมพันธ์กันกับความคิดรวบยอดอื่นๆที่สำคัญรองลงไป
หรือความคิดที่ละเอียดซับซ้อนยิ่งขึ้น ดังนี้
5.แผนผังใยแมงมุม Spider map ทำได้โดยเขียนความคิดรวบยอดที่สำคัญไว้กึ่งกลาง
แล้วเขียนคำอธิบายบอกลักษณะของความคิดรวบยอดอื่นๆไว้ด้วยดังนี้
6.แผนผังวงจร Circle map เป็นการเขียนแผนผังเพื่อเสนอขั้นตอนต่างๆที่สัมพันธ์เรียงตามลำดับ
7.แผนผังรูปวงกลมทับเหลี่ยม Overlapping circles map เป็นการเขียนเพื่อนำเสนอสิ่งที่
เหมือนกันและแตกต่างกัน
ความสำคัญ
Mind Mapping
ความสำคัญของการทำ Mind Mapping: ควรให้ความสำคัญ
ดังนี้(อำไพ เกตุสถิตย์, 2548)
1. ประเด็น /ความคิดสำคัญที่อยู่กลางภาพ ควรใช้ภาพที่สื่อ
ความหมาย และ ชัดเจนสวยงาม เพื่อเป็นการดึงดูดความสนใจ
และสามารถค้นหาได้ง่ายกว่าการใช้ตัวอักษร เมื่อเก็บรวบรวม
ไว้ด้วยกัน
2. การแตกแขนง ควรจัดลำดับความสำคัญของข้อความใน
แต่ละกิ่งที่แตกออกจาก จุดกึ่งกลาง จากมากไปหาน้อย และถ้ามี
ความสำคัญในระดับใกล้เคียงกัน จะแตกออกจากจุดเดียวกัน
3. การใช้ถ้อยคำใช้ถ้อยคำที่กระชับ ง่าย และสื่อความหมาย
ชัดเจน
4. การผสมผสานเชื่อมโยง ระหว่างข้อความในแต่ละกิ่งย่อย
และกิ่งใหญ่เพื่อให้เกิด ความคิดรวบยอดที่สอดคล้องกับภาพ
ตรงกลาง
5. เป็นเทคนิคของการบริหารสมองทั้ง 2 ซีก
การเรียนแบบสร้าง
แผนผังความคิด
1. เตรียมกระดาษเปล่าที่ไม่มีเส้นบรรทัดและวางกระดาษภาพแนวนอน
2. วาดภาพสีหรือเขียนคำหรือข้อความที่สื่อหรือแสดงถึงเรื่องที่จะทำแผนผัง
ความคิดกลางหน้ากระดาษโดยใช้สีอย่างน้อย 3 สีและต้องไม่ตีกรอบด้วยรูป
ทรงเลขาคณิต
3.คิดหัวเรื่องสำคัญที่เป็นส่วนประกอบของเรื่องที่ทำแผนผังความคิดโดยให้
เขียนเป็นคำที่มีลักษณะเป็นหน่วยหรือเป็นคำสั้นๆที่มีความหมายบนเส้น ซึ่ง
แต่ละเส้นต้องแตกออกจากศูนย์กลางไม่ควรเกิน 8 กิ่ง
4. แตกความคิดของหัวเรื่องสำคัญแต่ละหัวข้อเรื่องในข้อ3 ออกเป็นกิ่งหลายๆ
กิ่งโดยเขียนคำหรือวลีบนเส้นที่แตกออกไปลักษณะของกิ่งควรเอนไม่เกิน 60
องศา
5. แตกความคิดลงไปที่เป็นส่วนประกอบของแต่ละกิ่งในข้อ4 โดยเขียนคำหรือ
วลีเส้นที่แตกออกไปซึ่งสามารถแตกความคิดออกได้ไปเรื่อยๆตามความคิดที่จะ
ไหลออกมา
6. การเขียนคำควรเขียนด้วยคำที่เป็นคำสำคัญหรือคำหลักหรือเป็นวลีที่มี
ความหมาย
7. คำ วลี สัญลักษณ์หรือรูปภาพใดที่ต้องการเน้นอาจใช้วิธีการทำให้เด่น เช่น
การล้อมกรอบ หรือใส่กล่องเป็นต้น
8. ตกแต่งแผนผังความคิดอิสระให้มีสีสันสวยงามสดใสน่าสนใจ
ข้อเสนอแนะในการเขียน
Mind Mapping
1. การสร้างภาพศูนย์กลาง การทำให้ภาพน่าสนใจดังนี้
-ภาพควรมีสีไม่น้อยกว่า 3 สี
-ขนาดของภาพไม่ควรมีขนาดใหญ่จนเกินไปขนาดพอเหมาะประมาณตารางนิ้ว
-ภาพไม่จำเป็นต้องมีภาพเดียวอาจมีหลายๆภาพหรือมีหลายหลายสิ่งที่เกี่ยวข้อง
กับเรื่องนั้นๆ
-ถ้าเป็นภาพที่มีลักษณะเคลื่อนไหวก็จะดี
-ไม่ควรจะใส่กรอบภาพศูนย์กลางเพราะกรอบอาจจะเป็นสิ่งที่สกัดกั้นการไหลของ
ความคิด
2.การหาคำสำคัญ Key Word คำสำคัญควรมีดังนี้
-ควรเป็นคำเดี่ยวหรือวลี หรือข้อความสั้นๆ
-ควรเป็นคำที่สื่อความหมายได้ดีแสดงถึงจุดเน้นกระตุ้นความสนใจง่ายแก่การ
จดจำ
3.การหาความคิดรอง หรือการแตกกิ่งควรทำดังนี้
-เป็นคำสำคัญที่รองลงไปหรือเป็นส่วนประกอบที่เกี่ยวข้องกับคำสำคัญเป็นการลง
รายละเอียด
-ควรเขียนบนเส้นที่ต่อออกไปแต่เส้นจะเรียวลงไป
-การแตกกิ่งไม่ควรเอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง ควรแตกกิ่งเพื่อให้ภาพ Mind
Mapping สมดุลที่สุด
ประโยชน์ของการใช้
แผนภาพความคิดอิสระ
บูซาน (Buzan. 1997: 59) ได้เสนอแนะประโยชน์ลักษณะเด่นของ
แผนผังความคิดตลอดจนการนำไปใช้ในชีวิตประจำวันล้วนแต่เป็นประโยชน์ซึ่ง
เราสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับเหตุการณ์และปัญหาที่เราต้องเผชิญได้อย่างดี
สรุปได้ดังนี้
1.ประโยชน์ของแผนผังความคิดต่อการเรียน/ การศึกษา การเตรียมสอบว่า
แทนที่จะดูเป็นสมุดงานหลายๆหน้าในแต่ละวิชาที่เรียนเราใช้แผนผังความคิด
แผ่นเดียวก็ สามารถนำมารวมเป็น Master Mind Map ซึ่งจะทำให้การสอบง่าย
มากขึ้นไปอีกแผนผังความคิดจำง่ายทำให้ได้คะแนนดีและทำให้เรียนได้อย่าง
สนุกสนานอีกด้วย
2.ประโยชน์ต่อสมาธิ เพราะความมีสีสัน สนุกสนาน ภาพ ความรื่นตาในการ
เขียนแผนผังความคิดอิสระจะช่วยตรึงความสนใจ จึงช่วยสร้างสมาธิและมีแรง
จูงใจในการทำงาน
3.ประโยชน์ต่อความคิดสร้างสรรค์ การระดมสมอง การจัดรูป การใช้เหตุผล
แผนผังความคิดช่วยให้กระตุ้นการฝึกคิดได้เป็นอย่างดี
4.ประโยชน์ต่อการจดจำ และการฟื้นความจำ เพราะแผนผังความคิดเต็มไป
ด้วยสีสันและคำที่มีคุณภาพ ทำให้สามารถจำและเรียกความจำได้เป็นอย่างดี
5.ประโยชน์ต่อการวางแผนในการทำงาน จัดลำดับความสำคัญก่อนและหลัง
เพราะสามารถเขียนสิ่งที่เราทำทั้งหลายลงในกระดาษแผ่นเดียว
นวัตกรรมการจัดการเรียนรู้ขั้น
ตอนรูปแบบการสอนโดยใช้
แผนภาพความคิดอิสระ
(Mind Mapping)
ขั้นตอนการจัดการเรียนรู้ตามรูปแบบการสอนโดยใช้แผนภาพความคิด (Mind Mapping)
ขั้นที่ ๑ ขั้นเตรียมความพร้อม
๑.๑ กิจกรรมจัดกลุ่ม
๑.๒ แนะนำกติกา/อุปกรณ์/สื่อ
ขั้นที่ ๒ ขั้นกำหนดประเด็น/หัวข้อ/เงื่อนไข/สถานการณ์
โดยใช้ เกม/กิจกรรม/ใบงาน/สื่อต่างๆ
ขั้นที่ ๓ ขั้นแลกเปลี่ยนการเรียนรู้ กิจกรรมกลุ่มระดมการคิดวิเคราะห์แลกเปลี่ยนการ
เรียนรู้สรุป สาระสำคัญของเรื่องโดยจัดทำเป็นแผนภาพความคิดกลุ่ม
ขั้นที่ ๔ ขั้นนำเสนอผลงาน
ขั้นที่ ๕ ขั้นชี้แนะ ครูและนักเรียนชี้แนะอภิปรายแสดงข้อคิดเห็นร่วมกันและเพิ่มเติม
ประเด็นความรู้
ขั้นที่ ๖ ขั้นจัดทำแผนภาพความคิดอิสระ (Mind Mapping) โดยสังเคราะห์องค์ความรู้ที่
ได้จากการ สรุปการคิดวิเคราะห์สาระสำคัญของเรื่องเป็นของตนเอง
สรุป
ขั้นที่1 ขั้นเตรียมความพร้อม
ขั้นที่2 ขั้นกำหนดประเด็น/หัวข้อ/เงื่อนไข
ขั้นที่3 ขั้นแลกเปลี่ยนเรียนรู้
ขั้นที่4 ขั้นนำเสนอผลงาน
ขั้นที่5 ขั้นชี้แนะ
ขั้นที่6 ขั้นทำแผนภาพความคิดอิสระ
วิธีการจัดการเรียนรู้
แบบแผนที่ความคิดอิสระ
(Mind Mapping)
หลักการและเหตุผล
การเรียนรู้ที่ผู้เรียนเป็นศูนย์กลางจะต้องเรียนด้วยความเข้าใจผู้เรียนต้องมีความสามารถใน
การคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิดอย่างสร้างสรรค์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ
และการคิดเป็นระบบ ในการรับและส่งสารมีวัฒนธรรมในการใช้ภาษาถ่ายทอดความคิด
ความรู้ ความเข้าใจ ความรู้สึกและทัศนะของตนเอง เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและ
ประสบการณ์อันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเองและสังคม การเรียนรู้มีความสำคัญและ
ต้องมีการปรับเปลี่ยนโดยเฉพาะวิธีคิด ดังนั้นแนวคิดและการปฏิบัติตลอดจนเครื่องมือและสื่อที่
ใช้ในการเรียนรู้แก้ปัญหา ต้องมีการปรับเปลี่ยนให้ทันกับสถานการณ์ใหม่ๆอยู่เสมอจากเดิมที่
เราเคยใช้วิธีการสอนแบบเขียนจดบันทึกแบบเป็นบรรทัดใช้ปากกาหรือดินสอสีเดียวมาเขียน
บันทึกมาปรับเปลี่ยนใหม่เป็นการใช้ด้วยคำที่เป็นกุญแจ ภาพ สัญลักษณ์หรือแผ่เป็นรัศมีรอบๆ
ศูนย์กลาง และใช้สีสันซึ่งต่อมาพบว่าวิธีนี้เมื่อนำไปใช้กับกิจกรรมอื่นทำให้สามารถจัดลำดับ
การใช้ชีวิตส่วนตัวและชีวิตงานได้ง่ายขึ้นเช่นใช้การวางแผนวิเคราะห์ตัดสินใจและแก้ปัญหา
ช่วยความจำที่เรียกว่า แผนภาพความคิดอิสระ Mind Mapping ซึ่งวิธีการเรียนลักษณะนี้จะ
ช่วยให้ผู้เรียนเรียนอย่างเข้าใจถ่องแท้และวิธีการจัดการเรียนรู้ทั้งนี้หากการสอนสามารถ
เลือกใช้วิธีการจัดการเรียนรู้ได้อย่างเหมาะสม กับผู้เรียนย่อมทำให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้
อย่างมีประสิทธิภาพ
จุดมุ่งหมาย
1. เพื่อให้นักเรียนได้พัฒนาทักษะการคิดโดยผ่านการจัดกิจกรรมในรูปแบบผ่านสื่อและแผนที่
ความคิดอิสระ
2. เพื่อให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้จากการค้นคว้าหาความรู้ด้วยตนเองผ่านสื่อที่เหมาะสม
หลักการจัดกิจกรรม
1.กิจกรรมนี้จัดสัปดาห์ละ 2วันในชั่วโมงวิชากลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา ศาสนาและ
วัฒนธรรม
2. กิจกรรมขั้นนำให้สิ่งเร้ากระตุ้นความคิดได้แก่ ภาพและของจริงคำถามให้นักเรียนตอบ
เกี่ยวกับสิ่งเร้าจูงใจให้นักเรียนคิดและติดตามโดยใช้คำถามในการสนทนาให้นักเรียนร่วม
เขียนแผนที่ความคิดจากภาพสิ่งเร้าโดยผู้สอนใช้ภาพตัวอย่างเกี่ยวกับแผนที่ความคิดใน
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
3. นักเรียนร่วมกันอภิปรายลักษณะของแผนที่ความคิดอิสระเกี่ยวกับเรื่องจากสิ่งเร้าโดย
สรุปทำความเข้าใจเรื่องลักษณะแผนที่ความคิดอิสระ
4. กิจกรรมขั้นสอนให้สิ่งเร้ากระตุ้นความคิดได้แก่ภาพโดยการระดมความคิดและแบ่งกลุ่ม
ศึกษาจากใบความรู้การเขียนแผนที่ความคิดครูอธิบายวิธีการเขียนแผนที่แบบโทนี่ บูซาน
พร้อมกับให้ดูตัวอย่างและเปิดโอกาสให้นักเรียนซักถามให้นักเรียนฝึกเขียนแผนที่ความคิด
อิสระผู้สอนร่วมกับนักเรียนอภิปรายผลงานเพื่อส่งเสริมให้ผู้เรียนได้เรียนรู้คำและมองเห็น
ความสัมพันธ์ระหว่างคำและเรื่องราวที่เขียนแผนที่ความคิดเพื่อนำเสนอในกลุ่มใหญ่ให้
ร่วมกันแสดงความคิดเห็นทำรายงานและเขียนแผนที่ความคิดอิสระ เกี่ยวกับความรู้ร่วม
กันและเลือกตัวแทนเป็นผู้นำเสนอ
5. กลุ่มนำเสนอผลงานเพื่อนร่วมวิจารณ์ผลงานร่วมกันสรุปผลการเรียนรู้ครูสรุปเพิ่ม
เติมในส่วนที่ยังไม่สมบูรณ์ครูและนักเรียนสรุปสิ่งที่ได้รับการเรียนรู้ร่วมกันนำผลงานจัด
ป้ายนิเทศ
ขั้นสรุป
เป็นการสรุปความรู้อาจเป็นการกำหนดการใช้คำถามหรือกิจกรรม
บทบาทนักเรียน
1.ปฏิบัติการ การคิด การกระทำและการแสดงออกในการทำกิจกรรม
2.นำเสนอผลงาน
บทบาทครู
1. ศึกษาได้ทำแผนการจัดการเรียนรู้
2. จัดเตรียมสื่ออุปกรณ์ประกอบการทำกิจกรรม
3. เตรียมความพร้อมของผู้เรียนด้วยกิจกรรมที่ครูเลือกเพื่อนำเข้าสู่บทเรียน
4. ดำเนินกิจกรรมการสอนตามแผนการจัดการเรียนรู้ขณะที่จัดกิจกรรม
ดำเนินไปครูต้องประเมินตลอดเวลากิจกรรมนั้นผู้เรียนสามารถคิดและสะท้อน
ความคิดของตนเองได้มากน้อยเพียงใด
5. ให้ผู้เรียนนำเสนอผลงานและครูและเพื่อนผู้เรียนร่วมกันวิเคราะห์ผลงาน
และป้อนข้อมูลกลับให้ผู้เรียนค้นพบและเรียนรู้ด้วยตนเองมากที่สุด
6. จูงใจให้ผู้เรียนทำกิจกรรมอย่างต่อเนื่องต้องให้ผู้เรียนเห็นว่าครูใส่ใจในสิ่งที่
เกิดขึ้นในชั้นเรียนเสมอ
7. สรุปเรื่องที่เรียน
ตัวอย่างแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้นวัตกรรม
Mind Mapping
แหล่งที่มา อ้างอิงจากแผนการจัดการเรียนรู้ อัจฉรา อินทร์น้อย พ.ศ.2555
หน่วยการเรียนรู้ที่ 7 เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
กลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม สาระที่3 เศรษฐศาสตร์
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 หลักเศรษฐศาสตร์เบื้องต้นและเศรษฐกิจพอเพียง เวลา 3 ชั่วโมง
มาตรฐานการเรียนรู้ ส3.1. ตัวชี้วัด 3.1.3, 3.1.4
........................................................................................................................................................................
1.สาระสำคัญ
การนำเอาทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดมาใช้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุดพร้อมทั้งนำ
หลักเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันประชาชนรับรู้ถึงการใช้
ทรัพยากรอย่างประหยัดซึ่งเป็นรากฐานสำคัญที่ทำให้ประเทศชาติพัฒนาขึ้นตาม
ลำดับ
2.ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง
นักเรียนรู้และเข้าใจความหมายของหลักเศรษฐศาสตร์เบื้องต้นและการใช้
ทรัพยากรอย่างประหยัด พร้อมทั้งนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้
3.จุดประสงค์การเรียนรู้
3.1นักเรียนสามารถอธิบายความหมายของหลักเศรษฐศาสตร์ได้ K
3.2นักเรียนรู้และเข้าใจเกี่ยวกับปัจจัยการผลิตอย่างถูกต้อง K
3.3 นักเรียนเขียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับหลักเศรษฐศาสตร์เบื้องต้นได้ P
3.4นักเรียนสามารถเลือกใช้ทรัพยากรที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต P
3.5 นักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมการทำงานเป็นกลุ่ม A
4.สาระการเรียนรู้
-ทรัพยากร หมายถึงปัจจัยการผลิต ซึ่งได้แก่ ที่ดิน แรงงาน ทุน และผู้ประกอบการ
-การศึกษาการกระทำของคนเกี่ยวกับการเลือกใช้ทรัพยากรเพื่อการผลิตสินค้า
5.กระบวนการเรียนรู้
ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน
ครูทบทวนความรู้เดิมเกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์
ขั้นการจัดการเรียนรู้ (ใช้วิธีการจัดการเรียนรู้โดยใช้แผนภาพความคิดอิสระ Mind
mapping) มี 6 ขั้นดังนี้
ขั้นที่1 ขั้นเตรียมความพร้อม
ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3-4 คน แล้วให้นักเรียนนั่งเป็นกลุ่ม ตั้งชื่อกลุ่ม แล้วเลือก
ประธานกลุ่มและเลขานุการกลุ่ม
ขั้นที่2 ขั้นกำหนดประเด็น/หัวข้อ/เงื่อนไข
ครูแจกกระดาษให้นักเรียนแต่ละกลุ่ม เพื่อเขียนแผนภาพความคิด โดยสรุป เนื้อหาตาม
ใบความรู้แล้วให้สมาชิกภายในกลุ่มร่วมกันทำความเข้าใจกับสถานการณ์ ระดมสมอง
แล้วเขียนสรุปเป็นแผนภาพความคิดอิสระ Mind Mapping
ขั้นที่3 ขั้นแลกเปลี่ยนเรียนรู้
ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มแลกเปลี่ยนการเรียนรู้ ระดมการคิดวิเคราะห์สรุปสาระสำคัญของ
เรื่องที่อ่านให้เป็นประเด็นโดยใช้หลักเกณฑ์ หลักการและภาษาและมีเหตุผลประกอบให้
ได้ประเด็นมากที่สุดแล้วจัดเป็นแผนภาพความคิดกลุ่ม
ขั้นที่4 ขั้นนำเสนอผลงาน
ให้แต่ละกลุ่มออกมานำเสนอหน้าชั้นเรียน (เมื่อกลุ่มใดนำเสนอข้อสรุปให้กลุ่มที่เหลือฟัง
และแสดงความคิดเห็น หรือหากมีข้อสงสัยสามารถยกมือถามได้)
ขั้นที่5 ขั้นชี้แนะ
ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายแสดงความคิดเห็นร่วมกันและครูอธิบายเพิ่มเติม
ประเด็นความรู้ เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทั้งชั้นเรียน นักเรียนและครูร่วมแสดงความคิด
เห็น วิพากษ์ วิจารณ์อย่างมีเหตุผลจากประเด็นที่ให้นักเรียนศึกษาเรียนรู้ และร่วมกัน
เพิ่มประเด็นย่อยๆในแต่ละประเด็นให้ได้มากที่สุด
ขั้นที่6 ขั้นทำแผนภาพความคิดอิสระ
นักเรียนสรุปความคิดรวบยอด/สาระสำคัญที่ได้แล้วเขียนเป็นแผนภาพความคิด
ของตนเอง โดยให้สังเคราะห์ความรู้ที่ได้ จากการสรุปการคิดวิเคราะห์สาระสำคัญ
ของเรื่อง
6.สื่อและแหล่งการเรียนรู้
1.บัตรภาพ
2.บัตรคำ
3.แผ่นชาร์จ
7.การประเมินผล
1. วิธีการวัดผลและประเมินผล
1.1 การสังเกต
1.1.1 การวิเคราะห์
1.1.2 การตอบคำถาม
1.1.3 การทำกิจกรรม
1.2 การตรวจผลงาน
1.2.1 ใบงาน
1.2.2 กิจกรรมในหนังสือเรียนสาระสังคมศึกษา ศาสนา และ วัฒนธรรม
2. เกณฑ์การประเมิน
2.1 ใบงาน ผ่านเกณฑ์อย่างน้อยร้อยละ 80
2.2 การตรวจผลงาน ผ่านเกณฑ์อย่างน้อยร้อยละ 80
3. เครื่องมือประเมินผล
3.1 สังเกต
3.2 ใบงาน
3.3 กิจกรรมท้ายบท
8. การออกแบบวิธีการและเครื่องมือประเมินผล
ตัวชี้วัด วิธีการ เครื่อง แหล่ง เกณฑ์
มือ ข้อมูล
ความตั้งใจในการ การ แบบ 1 = พอใช้
ร่วมกิจกรรม สังเกต บันทึก นักเรีย 2 = ดีมาก
การ การ น
ตอบ สังเกต
คำถาม
ในห้อง
ความรู้ความ ให้ ใบ 1 = พอใช้
เข้าใจเนื้อหา นักเรียน กิจกรรม นักเรีย (ทำใบกิจกรรม/
ทำใบ ใบงาน น ใบงาน ผิด1-2)
กิจกรร
ม ใบ 2 = ดี
งาน (ทำใบกิจกรรม/
ใบงาน ผิด3-4ข้อ)
3 = ดีมาก
(ทำใบกิจกรรม/
ใบงานถูกหมดทุก
ข้อ)
9. บันทึกหลังการสอน
1. ผลที่เกิดกับผู้เรียน
...............................................................................................................................
...............................................................................................................................
...............................................................................................................................
2. ปัญหา/อุปสรรค
...............................................................................................................................
...............................................................................................................................
..............................................................................................................................
3. ข้อเสนอแนะแนวทางแก้ไข
...............................................................................................................................
...............................................................................................................................
...............................................................................................................................
(ลงชื่อ)..................................................
(..........................................)
.........../........................../.............
ใบความรู้
คำชี้แจง ให้นักเรียนอ่านข้อความและทำในใบงานที่1
เศรษฐศาสตร์เป็นวิชาที่เกี่ยวข้องกับทุกคนในสังคมเนื่องจากคนใน
สังคมมีความต้องการในลักษณะต่างๆอันไม่จำกัดทำให้มนุษย์มี
ความจำเป็นต้องผลิตสินค้าและบริการขึ้นมาเพื่อตอบสนองความ
ต้องการอันไม่จำกัดนั้นโดยเหตุผลที่ทรัพยากรที่นำมาผลิตสินค้า
และบริการนั้นมีอย่างจำกัด ไม่สามารถผลิตสินค้าและบริการนั้นมี
อย่างจำกัด ไม่สามารถผลิตสินค้าและบริการขึ้นมาตอบสนอง
ความต้องการของทุกคนได้วิธีการทางเศรษฐศาสตร์จึงเป็นวิธีที่
ช่วยให้การผลิตสินค้าและบริการได้อย่างมีประสิทธิภาพก่อให้เกิด
ประโยชน์สูงสุดแก่คนในสังคมและช่วยทำให้เศรษฐกิจพอเพียงนั้น
การศึกษาวิชาเศรษฐศาสตร์จึงเป็นประโยชน์ให้แก่ผู้ศึกษาก็คือ
1. ในฐานะผู้บริโภค โดยปกติผู้บริโภคมีความต้องการจะได้รับความ
พอใจสูงสุดจากการบริโภคสินค้าและบริการ ความรู้ทาง
เศรษฐศาสตร์จะช่วยเป็นแนวทางในการให้ผู้บริโภครู้จักแสวงหา
รายได้รู้จักใช้เงินอย่างคุ้มค่ารู้จักวิธีออมและวิธีลงทุนทำให้เกิด
ประโยชน์สูงสุด
2. ในฐานะผู้เป็นเจ้าของปัจจัยการผลิตคือ เจ้าของทรัพยากร เจ้าของทุน
เจ้าของแรงงานและผู้ประกอบการสามารถใช้ความรู้ทางเศรษฐศาสตร์
เพื่อให้ปัจจัยการผลิตที่ตนมีอยู่นั้น ให้ผลตอบแทนแก่ตนเองมากที่สุดช่วยผู้
ประกอบการตัดสินใจใช้ปัจจัยการผลิตที่มีต้นทุนต่ำที่สุดเพื่อให้ได้กำไรมาก
ที่สุด
3. ในฐานะพลเมืองของชาติ วิชาเศรษฐศาสตร์ช่วยให้มีการตัดสินใจเกี่ยว
กับกิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่างมีหลักเกณฑ์เข้าใจปัญหาเศรษฐกิจที่เกิด
ขึ้นกับบ้านเมืองเข้าใจบทบาทและการดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจของ
รัฐบาลการผลิตและการบริโภคเป็นกิจกรรมทางเศรษฐกิจของมนุษย์ทุก
คนในสังคมปัจจัยที่ทำให้เกิดการผลิตคือที่ดินแรงงานทุนและผู้ประกอบ
การส่วนปริมาณการผลิตจะมากน้อยเพียงใดนั้นขึ้นอยู่กับกลไกการตลาด
กล่าวคือสินค้านั้นมีราคาสูง คนก็ต้องการผลิตมากแต่ถ้ามีราคาต่ำคนก็จะ
ผลิตน้อยหรือไม่ผลิตเลยกลไกราคาที่เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการกำหนด
ปริมาณและการผลิตนั้นก็คืออุปสงค์และอุปทานการบริโภคคือการใช้
ประโยชน์จากสินค้าและบริการที่ผลิตขึ้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการ
ปัจจัยก่อให้เกิดการบริโภคคือรายได้ความรู้สึกว่ามีประโยชน์และความ
รู้สึกด้านจิตใจการกำหนดปริมาณการผลิตและการบริโภค
ใบงานที่1
กลุ่มที่................
ชื่อ.....................................................................ชั้น..................เลขที่...................
ชื่อ......................................................... ...........ชั้น..................เลขที่...................
ชื่อ......................................................................ชั้น.................เลขที่...................
คำชี้แจง ให้นักเรียนคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อมูล อ่านเอกสารใบความรู้แล้ว
ร่วมกันแยกแยะประเด็นสำคัญของเรื่องที่อ่านให้ได้มากที่สุดแล้วทำเป็นแผนที่
ความคิด Mind Mapping
1.สาระมาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด
สาระที่ 2 หน้าที่พลเมือง วัฒนธรรม และการดำเนินชีวิตในสังคม
มาตรฐาน ส 2.1 ประเพณีและวัฒนธรรมในครอบครัวและท้องถิ่นเช่น
ประเพณีกองข้าว (ท้องถิ่น)
ตัวชี้วัด
ป.3/3 อธิบายความสำคัญของวันหยุดราชการที่สำคัญ
2.สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด
พุทธศาสนิกชนทุกคนควรศึกษาประวัติ ความสำคัญ และปฏิบัติตนอย่างถูก
ต้องในศาสนพิธีของวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา วันอาสาฬหบูชา
3.จุดประสงค์การเรียนรู้เชิงพฤติกรรม
3.1 อธิบายความสำคัญของวันอาสาฬบูชาได้ (K)
3.2 ปฏิบัติตนได้ในวันอาสาฬหบูชา (P)
3.3 บอกประโยชน์ที่ได้จากการเข้าร่วมกิจกรรมของวันอาสาฬบูชา (A)
3.4ใช้เทคโนโลยีในการสืบค้นข้อมูลตามที่กำหนดให้ได้ (P)
3.5มีความรับผิดชอบและอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย (A)
4.สาระการเรียนรู้
1.ประวัติความสำคัญของวันอาสาฬหบูชา
2.ระเบียบพิธี การเห็นความสำคัญและการปฏิบัติตนในวันอาสาฬหบูชาได้
5.กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน
1.ครูให้นักเรียนดูภาพข่าว/ข่าว กิจกรรมต่างๆในวันอาสาฬหบูชา
2.นักเรียนตอบคำถามเกี่ยวกับภาพต่างๆดังนี้
- ภาพดังกล่าวเป็นกิจกรรมในวันสำคัญวันใด
- นักเรียนเคยเข้าร่วมกิจกรรมใดบ้าง และมีความรู้สึกอย่างไรในการเข้าร่วม
กิจกรรม
3.ครูอธิบายเชื่อมโยงให้นักเรียนเข้าใจว่า ภาพข่าว/ข่าว ดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของ
กิจกรรมในวันอาสาฬหบูชาและการปฏิบัติตนในวันอาสาฬหบูชา
ขั้นการจัดการเรียนรู้ (ใช้วิธีการจัดการเรียนรู้โดยใช้แผนภาพความคิดอิสระ Mind
mapping) มี 6 ขั้นดังนี้
ขั้นที่1 ขั้นเตรียมความพร้อม
ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3คน แล้วให้นักเรียนนั่งเป็นกลุ่ม ตั้งชื่อกลุ่ม แล้วเลือก
ประธานกลุ่มและเลขานุการกลุ่ม
ขั้นที่2 ขั้นกำหนดประเด็น/หัวข้อ/เงื่อนไข
ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มรับใบงานที่ 1 แล้วปฏิบัติกิจกรรมตามใบงานตาม
ลำดับแต่ละกลุ่มรับใบความรู้และทำกิจกรรมตามใบงานที่1
ขั้นที่3 ขั้นแลกเปลี่ยนเรียนรู้
ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มแลกเปลี่ยนการเรียนรู้ ระดมการคิดวิเคราะห์สรุปสาระสำคัญ
ให้เป็นประเด็นโดยใช้หลักเกณฑ์ หลักการและภาษาและมีเหตุผลประกอบให้ได้
ประเด็นมากที่สุดแล้วจัดเป็นแผนภาพความคิดกลุ่ม
ขั้นที่4 ขั้นนำเสนอผลงาน
ให้แต่ละกลุ่มออกมานำเสนอหน้าชั้นเรียน เพื่อให้ได้ความรู้มากที่สุด เมื่อนักเรียน
อธิบายวันอาสาฬหบูชาเสร็จแล้วครูกล่าวชมเชยและให้กําลังใจนักเรียน จากนั้น
สรุปความรู้ให้นักเรียนฟัง
ขั้นที่5 ขั้นชี้แนะ
ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายแสดงความคิดเห็นร่วมกันและครูอธิบายเพิ่ม
เติมประเด็นความรู้ เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทั้งชั้นเรียน นักเรียนและครูร่วม
แสดงความคิดเห็น วิพากษ์ วิจารณ์อย่างมีเหตุผลจากประเด็นที่ให้นักเรียน
ศึกษาเรียนรู้ และร่วมกันเพิ่มประเด็นย่อยๆในแต่ละประเด็นให้ได้มากที่สุด
ขั้นที่6 ขั้นทำแผนภาพความคิดอิสระ
ให้นักเรียนสรุปความคิดรวบยอด/สาระสำคัญที่ได้แล้วเขียนเป็นแผนภาพ
ความคิดของตนเอง โดยให้สังเคราะห์ความรู้ที่ได้ จากการสรุปการคิด
วิเคราะห์สาระสำคัญของเรื่อง และครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับวันสำคัญของ
ราชการต่างๆที่นักเรียนยกมา เพื่อให้นักเรียนได้ความรู้เพิ่มมากยิ่งขึ้น
6.สื่อ/อุปกรณ์และแหล่งการเรียนรู้
6.1สื่อ/อุปกรณ์
1.ใบความรู้ เรื่องวันอาสาฬหบูชา
2.ใบงานที่1
3.ข่าว/ภาพข่าว
6.2แหล่งการเรียนรู้
บริเวณโรงเรียน/ห้องสมุด
7.การวัดและ
การประเมินผล
8.ประเมินหลังการสอน
1. ประเมินนักเรียน--------------------------------------------------------------
--------------------------------------------------------------------------------
--------------------------------------------------------------------------------
--------------------------------------------------------------------------------
--------------------------------------------------------------------------------
--------------------------------------------------------------------------------
--------------------------------------------------------------------------------
--------------------------------------------------------------------------------
--------------------------------------------------------------------------------
--------------------------------------------------------------------------------
--------------------------------------------------------------------------------
2. ประเมินครู--------------------------------------------------------------------
--------------------------------------------------------------------------------
--------------------------------------------------------------------------------
--------------------------------------------------------------------------------
--------------------------------------------------------------------------------
--------------------------------------------------------------------------------
--------------------------------------------------------------------------------
--------------------------------------------------------------------------------
--------------------------------------------------------------------------------
--------------------------------------------------------------------------------
--------------------------------------------------------------------------------
9. บันทึกหลังการสอน
1. ผลที่เกิดกับผู้เรียน
....................................................................................................................
....................................................................................................................
....................................................................................................................
....................................................................................................................
2. ปัญหา/อุปสรรค
....................................................................................................................
....................................................................................................................
....................................................................................................................
....................................................................................................................
3. ข้อเสนอแนะแนวทางแก้ไข
....................................................................................................................
....................................................................................................................
....................................................................................................................
....................................................................................................................
(ลงชื่อ)..................................................
(...............................................)
.........../........................../.............
ใบงานที่ 1
คำชี้แจง ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มทำกิจกรรมตามขั้นตอนต่อไปนี้
1.คำสั่ง บทอ่านเรื่อง “วันอาสาฬบูชา”ที่แจกให้แล้วให้
นักเรียนทุกคนในแต่ละกลุ่มร่วมกันอภิปรายแสดงความคิดเห็น
คิดวิเคราะห์แยกแยะ ประเด็นสาระสำคัญของเรื่องที่อ่านให้ได้
มากที่สุดและเขียนเหตุผลประกอบของแต่ละประเด็นลงในกระ
ดาษชาร์ดที่แจกให้
2.แต่ละกลุ่มนำเสนอผลงานตามขั้นตอนดังนี้
2.1อธิบายขั้นตอนของกระบวนการทำงานกลุ่ม
2.2สรุปประเด็นสาระสำคัญของเรื่องจากข้อ 1
3. สมาชิกแต่ละคนในกลุ่มเขียนสรุปประเด็นสาระสำคัญของ
เรื่องที่ได้จากข้อ 1โดยเขียนเป็นแผนภาพความคิดของตนเอง
ใบความรู้
เรื่อง วันอาสาฬหบูชา
วันอาสาฬหบูชาคือวันที่พระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมเทศนาหรือหลักธรรมที่ทรงตรัสรู้ เป็น
ครั้งแรกแก่เบญจวัคคีย์ทั้ง 5 ถือเป็นวันสำคัญที่กำหนดให้กับวันหยุดของรัฐเพียงแต่ใน
ประเทศไทยเท่านั้น ส่วนในต่างประเทศที่นับถือพุทธศาสนานิกายเถรวาทอื่น ๆ ยังไม่ได้ให้
ความสำคัญกับวันอาสาฬหบูชาเทียบเท่ากับวันวิสาขบูชา
ประวัติวันอาสาฬหบูชา
วันอาสาฬหบูชา ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 เป็นวันที่สำคัญในประวัติศาสตร์แห่งพระพุทธศาสนา คือ
วันที่พระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมเทศนาหรือหลักธรรมที่ทรงตรัสรู้ เป็นครั้งแรกแก่เบญจ
วัคคีย์ทั้ง 5 ณ มฤคทายวัน ตำบลอิสิปตนะ เมืองพาราณสี ในชมพูทวีปสมัยโบราณซึ่งปัจจุบัน
ตั้งอยู่ในประเทศอินเดีย ด้วยพระพุทธองค์ทรงเปรียบดังผู้ทรงเป็นธรรมราชา ก็ทรงบันลือ
ธรรมเภรียังล้อแห่งธรรมให้หมุนรุดหน้า เริ่มต้นแผ่ขยายอาณาจักรแห่งธรรม นำความ
ร่มเย็นและความสงบสุขมาให้แก่หมู่ประชา ดังนั้น ธรรมเทศนาที่ทรงแสดงครั้งแรกจึงได้ชื่อว่า
ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร แปลว่า พระสูตรแห่งการหมุนวงล้อธรรม หรือพระสูตรแห่งการแผ่
ขยายธรรมจักร กล่าวคือดินแดนแห่งธรรม
เมื่อ 2500 กว่าปีมาแล้วนั้นชมพูทวีปในสมัยโบราณ กำลังย่างเข้าสู่ยุคใหม่แห่งความเจริญ
ก้าวหน้า รุ่งเรืองเฟื่องฟูทุกด้านและมีคนหลายประเภททั้งชนผู้มั่งคั่งร่ำรวย นักบวชที่พัฒนา
ความเชื่อและ ข้อปฏิบัติทางศาสนา เพื่อให้ผู้ร่ำรวยได้ประกอบพิธกรรมแก่ตนเต็มที่ ผู้เบื่อ
หน่ายชีวิตที่วนเวียน ในอำนาจและโภคสมบัติที่ออกบวช หรือบางพวกก็แสวงหาคำตอบที่เป็น
ทางรอกพ้นด้วยการคิดปรัชญาต่าง ๆ เกี่ยวกับเรื่องที่เหลือวิสัยและไม่อาจพิสูจน์ได้บ้าง
พระพุทธเจ้าจึงทรงอุบัติในสภาพเช่นนี้ และดำเนินชีพเช่นนี้ด้วยแต่เมื่อทรงพบว่าสิ่งที่เกิดขึ้น
ในตอนนั้นขาดแก่นสาน ไม่เป็นประโยชน์อย่างแท้จริง แก่ตนเองและผู้อื่น จึงทรงคิดหาวิธีแก้ไข
ด้วยการทดลองต่าง ๆ โดยละทิ้งราชสมบัติ และอิสริยศแล้วออกผนวช บำเพ็ญตนนานถึง 6 ปี
ก็ไม่อาจพบทางแก้ได้ ต่อมาจึงได้ทางค้นพบ มัชฌิมาปฏิปทา หรือทางสายกลาง เมื่อทรง
ปฏิบัติตามมรรคานี้ก็ได้ค้นพบสัจธรรมที่นำคุณค่า แท้จริงมาสู่ชีวิต อันเรียกว่า อริยสัจ 4
ประการ ในวันเพ็ญเดือน 6 ก่อนพุทธศก 44 ปี ที่เรียกว่า การตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า
จากนั้นทรงงานประกาศศาสนาโดยทรงดำริหาทางที่ได้ผลดีและรวดเร็ว คือ เริ่มสอนแก่ผู้มี
พื้นฐานภูมิปัญญาดีที่รู้แจ้งคำสอนได้อย่างรวดเร็วและสามารถนำไปชี้แจงอธิบาย ให้ผู้อื่น
เข้ามาได้อย่างกว้างขวาง จึงมุ่งไปพบนักบวช 5 รูป หรือเบญจวัคคีย์ และได้แสดงธรรม
เทศนาเป็นครั้งแรกในวันเพ็ญ เดือน 8
การแสดงแสดงปฐมเทศนาครั้งแรกของพระพุทธเจ้าทรงแสดงหลักธรรมสำคัญ 2 ประการ
คือ
มัชฌิมาปฏิปทาหรือทางสายกลาง เป็นข้อปฏิบัติที่เป็นกลาง ๆ ถูกต้องและเหมาะสมที่จะให้
บรรลุถึงจุดหมายได้ มิใช่การดำเนินชีวิตที่เอียงสุด 2 อย่าง หรืออย่างหนึ่งอย่างใด คือ
1.การหมกหมุ่นในความสุขทางกาย มัวเมาในรูป รส กลิ่น เสียง รวมความเรียกว่า เป็นการ
หลงเพลิดเพลินหมกหมุ่นในกามสุข หรือ กามสุขัลลิกานุโยค
2.การสร้างความลำบากแก่ตนดำเนินชีวิตอย่างเลื่อนลอย เช่น บำเพ็ญตบะการทรมานตน
คอยพึ่งอำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นต้น การดำเนินชีวิตแบบที่ก่อความทุกข์ให้ตนเหนื่อยแรงกาย
แรงสมอง แรงความคิด รวมเรียกว่า อัตตกิลมถานุโยค
ดังนั้นเพื่อละเว้นห่างจากการปฏิบัติทางสุดเหล่านี้ ต้องใช้ทางสายกลาง ซึ่งเป็นการดำเนิน
ชีวิตด้วยปัญญา โดยมีหลักปฏิบัติเป็นองค์ประกอบ 8 ประการ เรียกว่า อริยอัฏฐังคิกมัคค์
หรือ มรรคมีองค์ 8 ได้แก่
อริยอัฏฐังคิกมัคค์ หรือ มรรคมีองค์ 8 ได้แก่
สัมมาทิฏฐิ เห็นชอบ คือ รู้เข้าใจถูกต้อง เห็นตามที่เป็นจริง
สัมมาสังกัปปะ ดำริชอบ คือ คิดสุจริตตั้งใจทำสิ่งที่ดีงาม
สัมมาวาจา เจรจาชอบ คือ กล่าวคำสุจริต
สัมมากัมมันตะ กระทำชอบ คือ ทำการที่สุจริต
สัมมาอาชีวะ อาชีพชอบ คือ ประกอบสัมมาชีพหรืออาชีพที่สุจริต
สัมมาวายามะ พยายามชอบ คือ เพียรละชั่วบำเพ็ญดี
สัมมาสติ ระลึกชอบ คือ ทำการด้วยจิตสำนึกเสมอ ไม่เผลอพลาด
สัมมาสมาธิ ตั้งจิตมั่นชอบ คือ คุมจิตให้แน่วแน่มั่นคงไม่ฟุ้งซ่าน
อริยสัจ 4 แปลว่า ความจริงอันประเสริฐของอริยะ ซึ่งคือ บุคคลที่ห่างไกลจากกิเลส
ได้แก่
1.ทุกข์ ได้แก่ ปัญหาทั้งหลายที่เกิดขึ้นกับมนุษย์ บุคคลต้องกำหนดรู้ให้เท่าทันตามความเป็น
จริงว่ามันคืออะไร ต้องยอมรับรู้กล้าสู้หน้าปัญหา กล้าเผชิญความจริง ต้องเข้าใจใน
สภาวะโลกว่าทุกสิ่งไม่เที่ยง มีการเปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างอื่น ไม่ยึดติด
2.สมุทัย ได้แก่ เหตุเกิดแห่งทุกข์ หรือสาเหตุของปัญหา ตัวการสำคัญของทุกข์ คือ ตัณหา
หรือเส้นเชือกแห่งความอยากซึ่งสัมพันธ์กับปัจจัยอื่น ๆ
3.นิโรธ ได้แก่ ความดับทุกข์ เริ่มด้วยชีวิตที่อิสระ อยู่อย่างรู้เท่าทันโลกและชีวิต ดำเนิน
ชีวิตด้วยการใช้ปัญญา
4.มรรค ได้แก่ กระบวนวิธีแห้งการแก้ปัญหา อันได้แก่ มรรคมีองค์ 8 ประการดังกล่าว
ข้างต้น
ความสำคัญของวันอาสาฬหบูชา สรุปได้ดังนี้
1. เป็นวันที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนา
2. เป็นวันที่พระพุทธเจ้าเริ่มประกาศพระศาสนา
3. เป็นวันที่เกิดอริยสงฆ์ครั้งแรกคือการที่ท่านโกณฑัญญะรู้แจ้งเห็นธรรม เป็นพระ
โสดาบัน จัดเป็นอริยบุคคลท่านแรกในอริยสงฆ์
4. เป็นวันที่เกิดพระภิกษุรูปแรกในพระพุทธศาสนา คือ การที่ท่านโกณฑัญญะขอ
บรรพชาและ ได้บวชเป็นพระภิกษุ หลังจากฟังปฐมเทศนาและบรรลุธรรมแล้ว
5. เป็นวันที่พระพุทธเจ้าทรงได้ปฐมสาวกคือ การที่ท่านโกณฑัญญะนั้น ได้บรรลุธรรม
และบวชเป็นพระภิกษุ จึงเป็นสาวกรูปแรกของพระพุทธเจ้า
ข้อพึงปฏิบัติสำหรับชาวพุทธ
ตักบาตร กิจกรรมสำหรับพุทธศาสนิกชนในช่วงเช้า คือการตักบาตรใหญ่ อาจจัดขึ้นที่วัด
และตามพื้นที่ราชการ โดยมีพระสงค์จำนวนมากเข้าร่วมพิธี
ทำบุญ พุทธศาสนิกชนนิยมทำบุญในวันอาสาฬหบูชาตลอดทั้งวัน โดยสามารถทำได้ใน
รูปแบบต่างๆ การถวายสังฆทาน การปล่อยนกปล่อยปลา รวมไปถึงการถือศีล 5 หรือศีล
8 และการฟังเทศน์ที่วัดในช่วงตอนเย็น
เวียนเทียน การเวียนเทียนนั้นจะเรียกว่าการเวียนเทียนเข้าพรรษา จัดขึ้นในตอนหัวค่ำ
เพื่อแสดงความเคารพต่อองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
งดเหล้าเข้าพรรษา การรณรงค์งดเหล้าเข้าพรรษานั้น เป็นข้อปฏิบัติที่ถือเป็นค่านิยมใน
ประเทศไทย เพราะการงดดื่มสุราในช่วงเวลา 3 เดือนของการเข้าพรรษานี้ ถือเป็นการ
ปฏิบัติเพื่อบูชาศาสนา รวมไปถึงการใช้เป็นข้ออ้างทางสังคมเพื่อหลีกหนีจาก
ตัวอย่างข่าว/ภาพข่าว
จังหวัดขอนแก่น ร่วมพิธีทำบุญตักบาตร เวียนเทียน เนื่องในวันอาสาฬบูชา
วันพุธที่ 13 กรกฎาคม 2565 เวลา 07.00 น. จังหวัดขอนแก่น โดย สำนักงาน
พระพุทธศาสนาจังหวัดขอนแก่น ร่วมกับคณะสงฆ์จังหวัดขอนแก่น จัดกิจกรรม
ทำบุญตักบาตร เจริญพระพุทธมนต์ แสดงพระธรรมเทศนา และเวียนเทียน
เนื่องในเทศกาลวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษา ประจำปี 2565 โดยมี
พระครูมัชฌิมธรรมโสภณ เจ้าอาวาสวัดกลาง, เจ้าคณะตำบลในเมือง เขต 2
เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นายพันเทพ เสาโกศล รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น
เป็นประธานฝ่ายฆราวาส ณ วัดกลาง ตำบลในเมือง อำเภอเมืองขอนแก่น
จังหวัดขอนแก่น โดยปฏิบัติตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุขอย่าง
เคร่งครัด
แหล่งที่มา: https://kkn.onab.go.th
แบบประเมินการนำ
เสนอผลงาน
คำชี้แจง : ให้ ผู้สอน ประเมินการนำเสนอผลงานของนักเรียนตามรายการที่
กำหนด แล้วขีด / ลงในช่องที่ตรงกับระดับคะแนน
เกณฑ์การให้คะแนน ลงชื่อ.................................................ผู้ประเมิน
ผลงานหรือพฤติกรรมสมบูรณ์ชัดเจน ................./.................../...............
ผลงานหรือพฤติกรรมมีข้อบกพร่องบางส่วน
ผลงานหรือพฤติกรรมมีข้อบกพร่องเป็นส่วนใหญ่ ให้ 3 คะแนน
เกณฑ์การติดสินคุณภาพ ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน
แบบสังเกตพฤติกรรม
การทำงานกลุ่ม
คำชี้แจง : ให้ ผู้สอน ประเมินการนำเสนอผลงานของนักเรียนตามรายการที่กำหนด
แล้วขีด / ลงในช่องที่ตรงกับระดับคะแนน
เกณฑ์การให้คะแนน ลงชื่อ.................................................ผู้ประเมิน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมสม่ำเสมอ ................./.................../...............
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 3 คะแนน
เกณฑ์การติดสินคุณภาพ ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน
แบบสังเกตพฤติกรรมการ
เรียนรู้ (สำหรับนักเรียน)
ระดับประถมศึกษา
ชื่อผู้สอน.................................................................................ชั้น......................
กลุ่มสาระการเรียนรู้............................................................................................
เรื่อง.........................................................
วันที่............เดือน..................................พ.ศ. ..........................เวลา.....................
คำชี้แจง ให้ผู้นิเทศสังเกตพฤติกรรมการสอนของครูและโปรดทำเครื่องหมาย/ลงในช่อง
พฤติกรรมการสอนตามรายการ การสังเกตพฤติกรรมการสอน ดังต่อไปนี้
แบบประเมินแผนการจัดการ
เรียนรู้ โดยใช้นวัตกรรม
Mind Mapping
(สำหรับครู)
หมายเหตุ ระดับผลการประเมินขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้สอนในการกำหนดช่วงคะแนน
กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ป.3
แบบบันทึกการเรียนรู้ของ นักเรียน ครู
วัน ที่ เดือน พ.ศ. 25…
1.ขั้นตอนการทำงาน
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
2.ความรู้ที่ได้รับ
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
3.ทักษะที่ได้รับ
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
4.คุณลักษณะที่ดี/ค่านิยม/คุณธรรม/จริยธรรม
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
5.สื่อแหล่งการเรียนรู้
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
6.ผลงาน
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
เอกสารอ้างอิง
สำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ. (2540). สรุปแผน
พัฒนาการศึกษาแห่งชาติ ฉบับที่ 8 (พ.ศ.2540-2544). กรุงเทพฯ: โรง
พิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว.
วาสนา เมืองหนองจอก. (2550). การพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่ม
สาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่3
โดยวิธีของ สสวท. และสรุปแผนผังความคิด (Mind Mapping). การศึกษา
ค้นคว้าอิสระ กศ.ม. มหาสารคาม: มหาวิทยาลัย
มหาสารคาม.บรรณานุกรม
โทนี บูซาน. How to Mind Map. สำนักพิมพ์ขวัญข้าว.กรุงเทพฯ : มปป.
ธัญญา และขวัญฤดี ผลอนันต์ หจก. บูซานซันเดย์ (ประเทศไทย)
ชัยอนันต์ สมุทวณิช. การคิดแบบสร้างสรรค์และทำแผนที่ทางความคิด
Creative thinking and mind mapping. กรุงเทพมหานคร. วชิราวุธ
วิทยาลัย. 2542.
จบการนำเสนอ