นิทานชาดก ชาวนายอดบณั ฑิต
กาญจนกั ขนั ธชาดก
ชาดกวา่ ดว้ ยธรรมะอปุ มาเสมอื นทองคา
สมเด็จพระสัมมาสัมพทุ ธเจา้ จึงตรสั พระคาถาว่า...“ นรชนใด มีจิตร่าเริงแลว้ มีใจ
เบิกบานแลว้ บาเพ็ญธรรมเป็ นกศุ ล เพ่ือบรรลคุ วามเกษมจากโยคะ นรชนนนั้ พึงบรรลุ
ความสิ้นสงั โยชนท์ กุ อยา่ งไดโ้ ดยลาดบั ”
ครั้นแลว้ จึงทรงประชมุ ชาดกวา่ "ชาวนา" ไดม้ าเป็ นพระองคเ์ อง
ขอ้ คิดจากชาดก
๑. ผทู้ ่ีเป็ นครอู าจารย์ ตอ้ งศึกษาอัธยาศัยของผรู้ บั คาสอนเสียกอ่ น แลว้ พลิกแพลง
วิธีการใหเ้ หมาะสม มิฉะนัน้ จะกลายเป็ นยัดเยียดคาสอน อย่างไรก็ดี ก็ตอ้ งเตรียมตัวให้
พรอ้ ม โดยฝึ กคณุ สมบตั ิ ๔ ประการ คือ ( ๑) แตกฉานในการขยายความ ( ๒) แตกฉานใน
การยอ่ ความ ( ๓) แตกฉานในการพดู โนม้ นา้ วใหส้ นใจ ( ๔) มปี ฏิภาณไหวพริบ ในการถาม
และตอบปัญหา
๒. ถา้ ตอ้ งการใหง้ านใหญส่ าเร็จ ตอ้ งรจู้ กั แบง่ งานเป็ นส่วนยอ่ ย
๓. ผนู้ าตอ้ งฉลาดในการเก็บความลบั ดว้ ย เร่ืองบางอยา่ งบอกใครไมไ่ ด้
http://www.kalyanamitra.org