บทท่ี 6 ปรมิ าณสมั พันธ์ 1
ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้ ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 4
รายวชิ าวิทยาศาสตร์เพิ่มเตมิ เคมี
เรื่อง ปฏกิ ิรยิ าเคมีและสมการเคมี
จัดทาโดย นางสาวกุลสตรี สัตถาผล
นางสาวชนิดา แกน่ ทา้ ว
สาขาวิชาวิทยาศาสตร์เคมี
มหาวทิ ยาลยั ราชภัฎอดุ รธานี
ก
คานา
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 เร่ือง ปริมาณสัมพันธ์ ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 4
ชุดกิจกรรมน้ี จัดทาขึ้นเพ่ือเป็นสื่อประกอบการจัดการเรียนรู้วิชาเคมี โดยเนื้อหาและ
วัตถุประสงค์ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 กลุ่มสาระการ
เรยี นร้วู ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย โดยนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้
เพ่ือให้นักเรียนฝึกปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ ทาแบบฝึกหัด นักเรียนได้ศึกษาด้วยตนเองแก้ไข
ปญั หาระหว่างเรียนเพื่อสร้างให้นักเรียนมีแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธ์ิมีความสามารถในการอ่าน คิด
วิเคราะห์ เขียนสื่อความหมายและมีความรู้ ความเข้าใจ เก่ียวกับการจัดทาชุดกิจกรรมการ
เรียนรู้ วิชาเคมี หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 เร่ืองปริมาณสัมพันธ์ ประกอบด้วย 3 ชุดกิจกรรมการ
เรยี นรู้ ดงั น้ี
ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ ชุดท่ี 1 เรือ่ ง ปฏิกิรยิ าเคมีและสมการเคมี
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ชดุ ท่ี 2 เรื่อง การคานวณปริมาณสารในปฏิกิรยิ าเคมี
ชุดกิจกรรมการเรยี นรู้ ชดุ ที่ 3 เรอื่ ง สารกาหนดปรมิ าณและผลได้ร้อยละ
ผู้จัดทาหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิชาเคมีชุดนี้จะช่วยสร้างแรงจูงใจใฝ่
สัมฤทธิ์ ให้แก่นักเรียนได้เรียน เรื่อง ปริมาณสัมพันธ์ อย่างเข้าใจเป็นส่ือการเรียนการสอนที่
ครูผสู้ อนสามารถใช้เพื่อพฒั นาทกั ษะกระบวนการเรียนรตู้ า่ งๆทางวิทยาศาสตรข์ องนักเรยี นให้
มีประสิทธิภาพส่งผลให้ นักเรียนมีเจตคติที่ดีต่อวิชา มีผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนที่สูงขึ้นและ
ส่งผลให้นกั เรียนนาไปประยุกตใ์ ช้ใน ชวี ิตประจาวันได้เป็นอยา่ งดี
คณะผู้จัดทำ
ข
สารบัญ
หน้า
คำนำ ……………..……………………………………………………………………………………… ก
สำรบญั ……………..…………………………………………………………………………………… ข
คำชแี้ จง …………………………………..……………………………………………….……………. 1
ขั้นตอนกำรใชช้ ดุ กจิ กรรม ………………………………………………………………………….….. 3
แบบทดสอบกอ่ นเรยี น …………………………………………………………………………..…….. 4
มำตรฐำนกำรเรยี นรู้ ……………………..……………………………………………………….…… 5
ชดุ กจิ กรรมกำรเรียนรู้ ……………..……………………………………………………................. 6
แบบทดสอบหลงั เรียน ………………….…………………………………………………………..…11
ประวตั ิผ้จู ัดทำ ………………………….…………………………………………………................12
อ้ำงองิ ………………………………….……………………………………................................14
ภำคผนวก ………………………….………………………………………………….....................15
• ใบควำมรู้ ………………………………………………………………………………………….16
• แบบฝกึ ทักษะ ……………………………..………………………………………………….…..21
• กระดำษคำตอบกอ่ นเรียน – หลงั เรียน ………………………………………………………..25
• เฉลยชุดกิจกรรมกำรเรียนรู้ ………………………………………………………………..…..27
• เฉลยแบบฝึกทักษะ …………………………………………………………………………..….32
• เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรยี นหลงั เรียน ……………………………………………………..…36
1
คาช้แี จงสาหรบั ครู
เอกสำรฉบับน้ีเป็นเอกสำรชี้แจงรูปแบบของ ชุดกิจกรรมกำรเรียนรู้ วิชำ เคมี
เรื่องปฏิกิริยำเคมีและสมกำรเคมี ตรงตำมเน้ือหำในหลักสูตรตำมคำอธิบำย
รำยวิชำกลุ่มสำระกำรเรียนรู้วิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี วิชำ เคมี ช้ัน
มัธยมศกึ ษำปที ่ี 4 มสี ว่ นประกอบดงั น้ี
1. เอกสำรชุดนี้ประกอบด้วย
1.1 คำชี้แจงเกี่ยวกับชดุ กจิ กรรมกำรเรยี นรู้
1.2 คำชแี้ จงสำหรบั นกั เรยี น
1.3 ขั้นตอนกำรใช้ชุดกิจกรรมกำรเรยี นรู้
1.4 แบบทดสอบกอ่ นเรยี น
1.5 ชดุ กจิ กรรม
1.6 แบบทดสอบหลังเรียน
1.7 ภำคผนวก
2. กำรจัดกำรช้นั เรยี น
กำรใช้ชุดกิจกรรมกำรเรียนรู้ในขณะจัดกิจกรรม จะแบ่งนักเรียนเป็นกลุ่ม
กลุ่มละ 5-6 คน และเมื่อทำกิจกรรมเสร็จเรียบร้อยแล้ว นักเรียนจะนั่งแยกเด่ียว
เพอื่ ทำกำรวัดผลกำรเรยี นรู้ โดยใช้แบบทดสอบหลังเรยี น
3. กำรประเมินผลกำรเรียนรู้
3.1 ป ร ะ เ มิ น ผ ล ด้ ำ น ค ว ำ ม รู้ ค ว ำ ม ก้ ำ ว ห น้ ำ ใ น ก ำ ร เ รี ย น รู้
จำกแบบทดสอบ
- ตรวจแบบทดสอบก่อนเรยี น
- ตรวจแบบทดสอบหลงั เรยี น
3.2 ประเมนิ ดำ้ นทักษะ/ทกั ษะกระบวนกำรทำงวทิ ยำศำสตร์
- ประเมินตำมสภำพจริงตำมวัตถุประสงค์ กำรปฏิบัติกิจกรรม
กำรทดลอง
2
คาช้แี จงสาหรับนกั เรียน
1. อำ่ นคำชแี้ จงเกี่ยวกับชุดกจิ กรรมกำรเรียนรู้ และคำชแี้ จงสำหรบั นกั เรยี นให้
เข้ำใจกอ่ นลงมอื ศกึ ษำชดุ กจิ กรรมกำรเรียนรู้
2. ทำแบบทดสอบก่อนเรียนจำนวน 10 ขอ้ เพ่ือประเมนิ ควำมรูเ้ ดิมของนกั เรียน
3. นกั เรียนศึกษำชุดกิจกรรมกำรเรียนรู้ ตำมข้ันตอนทีร่ ะบไุ ว้
4. ในกรณที ม่ี กี ำรแบ่งกลุม่ ผนู้ ำกลุ่ม มหี น้ำที่คอื
4.1 ควบคุมกำรดำเนนิ กิจกรรมภำยในกล่มุ ให้เป็นระเบียบเรียบร้อย
4.2 เปน็ ผนู้ ำในกำรปฏิบัตกิ ิจกรรมของกลมุ่
4.3 เปน็ ผู้ติดตอ่ กับครู เม่ือพบปัญหำหรอื ขอ้ สงสยั
4.4 รำยงำนหรือแจง้ ให้ครูทรำบ เม่ือปฏบิ ัติกจิ กรรมเสร็จเรียบร้อย
4.5 หลงั จำกสมำชิกภำยในกลุม่ ปฏิบัติกจิ กรรมเรยี บรอ้ ยแลว้
รวบรวมแบบบนั ทกึ กิจกรรม แบบฝึกหัด แบบบนั ทึกผล แบบทดสอบ สง่ ครูตำม
กำหนดเวลำ
5. ทำแบบทดสอบหลงั เรยี นจำนวน 10 ขอ้ เพื่อทรำบควำมกำ้ วหนำ้ ในกำรเรียน
ของนกั เรยี นหลังจำกทำกจิ กรรมเสรจ็ เรียบรอ้ ยในแต่ละชดุ
6. แจง้ คะแนนท่ีทำได้จำกแบบทดสอบหลังเรยี นทกุ ชดุ เพอื่ ประเมินดำ้ นควำมรู้
จำกกำรทำกิจกรรรมตำมชุดกิจกรรมกำรเรยี นรู้
7. หลงั จำกกำรทำกจิ กรรมเสร็จแล้ว ใหน้ ักเรยี นเก็บวสั ดกุ ำรเรยี นอุปกรณ์
ประกอบชุดกิจกรรมกำรเรยี นร้ใู ห้เรยี บรอ้ ย
8. ในกำรทำกจิ กรรมตำมชดุ กิจกรรมกำรเรยี นรูท้ กุ ชดุ ขอให้นกั เรยี นทำด้วยควำม
ตัง้ ใจใหค้ วำมร่วมมือและมคี วำมซ่ือสตั ยต์ ่อตนเองใหม้ ำกทีส่ ุดโดยไมด่ ูเฉลยก่อน
ทำกิจกรรม
9. ในกรณนี กั เรยี นเรียนไมท่ ันหรือไมเ่ ขำ้ ใจสำมำรถรับชดุ กิจกรรมกำรเรียนรู้ ไป
ศกึ ษำเพมิ่ เตมิ
3
ข้ันตอนการใชช้ ุดกจิ กรรม
อ่ำนคำช้แี จงของนกั เรยี นในกำรใช้ชดุ กิจกรรม
ทำแบบทดสอบก่อนเรยี น
ศกึ ษำสำระกำรเรียนรู้ จุดประสงค์กำรเรียนรู้
ดำเนินกำรใช้ชุดกิจกรรม
ศกึ ษำขั้นตอนกำรทำกิจกรรม
ปฏิบัติกจิ กรรม
ปฏิบัตเิ สริมทักษะกำรเรียนรู้
ทำแบบทดสอบหลงั เรียน
แบบทดสอบกอ่ นเรยี น 4
คำช้แี จง : 1. แบบทดสอบจำนวน 10 ข้อ ๆ ละ 1 คะแนน รวม 10 คะแนน
2. จงเลือกคำตอบท่ถี กู ตอ้ งท่ีสุดเพยี งขอ้ เดยี ว และใหน้ กั เรยี นทำเครือ่ งหมำยกำกบำท (x)
ลงในกระดำษคำตอบ ใช้เวลำ 20 นำที
1. จำกกำรทดลองปฏกิ ริ ยิ ำระหวำ่ งโซเดยี มฟอสเฟต 6. ตวั เร่งปฏกิ ิริยำหมำยถงึ ขอ้ ใด
กบั เบเรียมคลอไรด์ ข้อใดตอ่ ไปนเ้ี ปน็ สำรผลติ ภณั ฑท์ ีไ่ ด้ ก. สำรทีท่ ำใหเ้ กิดปฏกิ ิริยำเรว็ ขน้ึ
ข. สำรที่ทำให้ปฏกิ ิริยำชำ้ ลง
ก. Na3PO4 กบั BaCl2 ค. สำรท่ที ำปฏกิ ิรยิ ำแล้วเปน็ ส่วนหนึ่งของ
ข. Ba3(PO4)2 กบั NaCl
ค. Na3PO4 กบั Ba3(PO4)2 ผลติ ภัณฑ์
ง. BaCl2 กบั NaCl ง. เมือ่ สน้ิ สุดปฏกิ ริ ิยำแลว้ ตัวเรง่ ปฏกิ ริ ิยำจะ
2. จำกข้อควำมทีก่ ำหนดใหต้ อ่ ไปน้ี “โซเดยี มไฮดรอก
ไซด์ (NaOH) ทาปฏิกิริยากบั กรดฟอสฟอรกิ ออกมำในรปู ของผลติ ภณั ฑ์
(H3PO4) ได้ผลิตภัณฑเ์ ปน็ โซเดยี มฟอสเฟต Pt
(Na3PO4) กบั น้า” สำมำรถเขียนเป็นปฏิกริ ิยำเคมเี ชิง
สัญลกั ษณ์ได้อย่ำงไร 7. จำกสัญลกั ษณท์ ่กี ำหนดให้ → หมำยถงึ ขอ้ ใด
ก. NaOH + H3PO4 → Na3PO4 + H2O ก. ให้ควำมรอ้ นแกส่ ำรตงั้ ตน้
ข. Na3PO4 + BaCl2 → H2O + Ba3(PO4)2 ข. มกี ำรกำหนดควำมดนั
ค. Na3PO4 + H2O → NaOH + H3PO4 ค. ใหแ้ สงแก่สำรต้งั ตน้
ง. C3H8+5O2 → 3CO2+4H2O ง. มีกำรใชต้ วั เร่งปฏกิ ริ ยิ ำ
3. จำกสมกำร NaOH + H3PO4 → Na3PO4 + H2O
มีอัตรำสว่ นต่อโมลเป็นอย่ำงไร 8. จงหำอัตรำส่วนต่อโมลของสมกำรท่กี ำหนดให้
ก. 3 : 2 : 2 : 1 ตอ่ ไปนี้
ข. 2 : 1 : 1 : 2
ค. 3 : 1 : 1 : 3 xK s + yH2O l →zKOH aq + H2(g)
ง. 1 : 1 : 1 : 1 ก. x = 1 y = 2 และ z = 2
4. ขอ้ ใดไมถ่ กู ตอ้ ง ข. x = 2 y = 2 และ z = 2
ก. โลหะแมกนเี ซยี มทำปฏกิ ิริยำกบั กรดซลั ฟิวริก ค. x = 1 y = 2 และ z = 3
เกิดฟองแก๊ส เป็นกำรเปลยี่ นแปลงทำงเคมี ง. x = 3 y = 2 และ z = 1
ข. ละลำยโซดำไฟในนำ้ แลว้ อณุ ภูมสิ งู ข้ึน เปน็ กำร 9. จำกข้อควำมท่ีกำหนดให้ตอ่ ไปน้ี “โซเดียมคลอเรต
เปลีย่ นแปลงทำงเคมแี บบคำยควำมร้อน (NaClO3) 2 โมล ไดผ้ ลิตภัณฑเ์ ป็น โซเดยี มคลอไรด์
ค. สำรสองชนดิ ผสมกนั แลว้ เกดิ ตะกอน เป็นกำร (NaCl) 2 โมล และแกส๊ ออกซเิ จน 3 โมล” สำมำรถ
เปลี่ยนแปลงทำงเคมี เขยี นเปน็ ปฏิกริ ยิ ำเคมีเชงิ สญั ลกั ษณไ์ ดอ้ ยำ่ งไร
ง. นำนำ้ เกลอื มำระเหยใหแ้ หง้ แลว้ มคี รำบเกลอื
เกดิ ข้นึ เปน็ กำรเปล่ียนแปลงทำงเคมี ก. 2NaClO3 → 2NaCl + 3O2
5. xNaClO3(S) → yNaCl(S) + zO2 จำกสมกำรจง ข. 2NaCl + 3O2 → 2NaClO3
หำค่ำ x y และ z ค. NaClO3 → NaCl + O2
ก. x = 2 , y = 2 และ z = 3 ง. 2NaCl → 3O2 + 2NaClO3
ข. x = 1 , y = 1 และ z = 2 10. กฎทรงมวล หมำยถงึ ข้อใด
ค. x = 2 , y = 2 และ z = 2 ก. มวลรวมกอ่ นสำรทำปฏกิ ิริยำเคมีนอ้ ยกวำ่ มวล
ง. x = 3 , y = 2 และ z = 1 รวมของสำรหลงั ทำปฏกิ ริ ิยำเคมี
ข. มวลรวมกอ่ นสำรทำปฏกิ ิรยิ ำเคมมี ำกกวำ่ มวล
รวมของสำรหลังทำปฏิกริ ิยำเคมี
ค. มวลรวมก่อนสำรทำปฏกิ ริ ยิ ำเคมเี ทำ่ กับมวล
รวมของสำรหลังทำปฏิกริ ยิ ำเคมี
ง. มวลของสำรมีกำรเปล่ียนแปลงเกิดขนึ้
5
สาระเคมี
2. เข้าใจการเขียนและดุลสมการเคมี ปริมาณสัมพันธ์ใน
ปฏิกิริยาเคมี อัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี สมดุลในปฏิกิริยาเคมี สมบัติ
และปฏิกิริยาของกรด-เบส ปฏิกิริยารีดอกซ์และเซลล์เคมีไฟฟ้า รวมทั้ง
การนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์
ตวั ชี้วัด/ผลการเรียนรู้
1. แปลความหมายสัญลักษณ์ในสมการเคมี เขียนและ
ดุลสมการเคมขี องปฏกิ ิรยิ าเคมีบางชนิด
จุดประสงค์การเรียนรู้
ด้านความรู้ (K)
1. เขยี นและดุลสมการเคมีของปฏิกริ ยิ าเคมีบางชนดิ เมื่อทราบสารต้ัง
ต้นและผลิตภณั ฑ์
2. แปลความหมายสัญลักษณ์ในสมการเคมี
3. ระบุอัตราส่วนโดยโมลจากสมการเคมี
ด้านทักษะ/กระบวนการ (P)
1. การใช้ตวั เลข
2. การประยกุ ต์
6
ขน้ั ตอนการทากจิ กรรม
คาช้ีแจง : 1. ชุดกิจกรรมนม้ี ีทง้ั หมด 2 กจิ กรรม รวม 10
คะแนน ใชเ้ วลา 1 ชวั่ โมง
2. ให้นกั เรยี นปฏิบตั ติ ามข้ันตอนและตอบคาถามตอ่ ไปน้ี
กจิ กรรมท่ี 1
1. นกั เรยี นแบ่งกลมุ่ ออกเป็น 4 กลุ่มเทา่ ๆ กนั
2. นักเรียนแต่ละกลุ่มศึกษาชุดกจิ กรรมที่ 1 เร่อื ง การทดลองปฏกิ ริ ิยาเคมี
ระหว่างโซเดียมฟอสเฟตกับแบเรียมคลอไรด์
3. นกั เรียนทาการทดลองและบันทึกผลการทดลองลงในแบบบันทึกกิจกรรมที่
1.4.1 ตารางบนั ทึกผลความสูงของตะกอนทเ่ี กดิ ขนึ้
4. เขียนกราฟแสดงความสัมพันธ์ ลงในแบบบนั ทกึ กิจกรรมท่ี 1.4.2
ความสมั พันธ์ระหว่างความสงู ของตะกอนกับปรมิ าตรของ BaCl2
กจิ กรรมที่ 2
1. นักเรียนแตล่ ะกลุม่ สรปุ องค์ความรู้ลงในแบบบันทึกกิจกรรมที่ 2.1 สรปุ ผล
การทดลอง
2. นักเรียนร่วมกันตอบคาถามในกจิ กรรมท่ี 2.2
7
1 กิจกรรม เรื่อง การทดลองปฏิกิริยาเคมีระหว่าง
โซเดียมฟอสเฟตกับ แบเรียมคลอไรด์
1.1 จดุ ประสงค์
1. ทดลองปฏิกิริยาเคมีระหว่างโซเดียมฟอสเฟตและแบเรียมคลอไรด์เพื่อ
ศึกษาการทาปฏิกิริยาพอดกี ันของสาร
2. หาอตั ราสว่ นโดยโมลของโซเดียมฟอสเฟตต่อแบเรียมคลอไรด์ท่ีทาปฏิกิริยา
กันพอดี
1.2 วัสดุอปุ กรณ์ 7. หลอดหยดแบบส้นั
8. ท่ีตัง้ หลอดทดลอง
1. สารละลายโซเดียมฟอสเฟต 9. แผ่นใส
2. สารละลายแบเรยี มคลอไรด์ 10. ไม้บรรทัด
3. หลอดทดลองขนาดกลาง 11. กระดาษกราฟ
4. บกี เกอร์ ขนาด 50 mL
5. หลอดฉีดยา ขนาด 3 mL
6. หลอดหยดแบบยาว
1.3 วิธกี ารทดลอง
ตอนที่ 1 การหาปริมาณสารท่ที าปฏิกริ ิยาพอดกี ัน
1. ใช้หลอดฉีดยาดูด Na3PO40.20 mol/L ใส่ลงในหลอดทดลองขนาด
กลาง 5 หลอด หลอดละ 1.0 mL
2. ใช้หลอดฉีดยาดูด Cl20.20 mol/L ใส่ลงใน Na3PO4 หลอดที่1 ถึง 5
ปริมาตร 0.5 1.0 1.5 2.0 และ 2.5 mL ตามลาดับ โดยหยดสารละลายอย่าง
ชา้ ๆ และเขยา่ หลอดทดลองตลอดเวลา พร้อมทง้ั บนั ทึกการเปลี่ยนแปลง
3. วางหลอดทดลองในท่ีต้ังหลอดทดลองประมาณ 15 นาที หรือจนกระทั่ง
ความสูงของ ตะกอนในแต่ละหลอดไม่เปลี่ยนแปลง วัดความสูงของตะกอนใน
แตล่ ะหลอด บันทึกผล
4. เขียนกราฟความสัมพันธ์ระหว่างความสูงของตะกอนกับปริมาตรของ
Cl2 ทีใ่ ช้ในแต่ละหลอด
8
ตอนท่ี 2 การทดสอบสารละลายทเ่ี หลอื หลงั เกดิ ปฏกิ ิรยิ าเคมี
1. ใช้หลอดหยดดูดสารละลายใสส่วนท่ีอยู่เหนือตะกอนของหลอดท่ี 1 ใน
ตอนที่ 1 แล้วหยดลงบนแผ่นใส่ 2 หยด โดยให้แต่ละหยดห่างกันประมาณ 2
cm และทาเช่นน้ีกับหลอดต่อ ๆ ไป จนครบท้ัง 5 หลอด จะได้หยดของ
สารละลายเปน็ 2 ชดุ ดังรปู
สารละลายของหลอดท่ี 1 – 5 ทีจ่ ะนาไปทดสอบ
2. หยด Na3PO4 ลงในสารละสายชุดที่ 1 ตาแหน่งละ 1 หยด จนครบท้ัง
5 ตาแหน่ง สงั เกตการณ์เปลย่ี นแปลง บันทึกผล
3. หยด Cl2 ลงในสารละลายชุดท่ี 2 ตาแหน่งละ 1 หยด จนครบทั้ง 5
ตาแหนง่ สงั เกตการเปลี่ยนแปลง บนั ทกึ ผล
9
1.4 บนั ทึกผลการทดลอง
1.4.1 ตารางบนั ทกึ ผลความสูงของตะกอนทเ่ี กดิ ขน้ึ
หลอดท่ี ปริมาณของ Na3PO4 ปรมิ าณของ BaCl2 ความสงู ของ
0.20 mol/L (mL) 0.20 mol/L (mL) ตะกอน (cm)
1
2
3
4
5
1.4.2 จงเขยี นกราฟแสดงความสัมพันธ์ระหว่างความสงู ของตะกอนกบั ปรมิ าตร
ของ BaCl2
10
2 กิจกรรม เร่ือง สรุปผลการทดลองปฏิกิริยาเคมี
ระหวา่ งโซเดียมฟอสเฟตกับ แบเรียมคลอไรด์
2.1 สรุปผลการทดลอง
…………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………
2.2 ตอบคาถามทา้ ยกิจกรรม
จากกราฟตอนที่ 1 จงหาปรมิ าตรของ BaCl2 ทีท่ าปฏิกิรยิ าพอดีกบั
Na3PO4 ปรมิ าตร 1.0 mL
…………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………
11
แบบทดสอบหลงั เรยี น
คำชี้แจง : 1. แบบทดสอบจำนวน 10 ขอ้ ๆ ละ 1 คะแนน รวม 10 คะแนน
2. จงเลอื กคำตอบทถี่ กู ตอ้ งท่สี ุดเพยี งข้อเดยี ว และใหน้ กั เรียนทำเครอ่ื งหมำยกำกบำท (x)
ลงในกระดำษคำตอบ ใชเ้ วลำ 20 นำที
1. จำกข้อควำมทกี่ ำหนดให้ตอ่ ไปน้ี “โซเดยี มคลอเรต 6. จงหำอตั รำส่วนต่อโมลของสมกำรทกี่ ำหนดให้
(NaClO3) 2 โมล ไดผ้ ลติ ภัณฑ์เป็น โซเดยี มคลอไรด์ ต่อไปนี้
(NaCl) 2 โมล และแกส๊ ออกซเิ จน 3 โมล” สำมำรถ
เขียนเป็นปฏิกริ ยิ ำเคมีเชงิ สัญลักษณ์ได้อย่ำงไร xK s + yH2O l →zKOH aq + H2(g)
ก. x = 1 y = 2 และ z = 2
ก. 2NaClO3 → 2NaCl + 3O2 ข. x = 2 y = 2 และ z = 2
ข. 2NaCl + 3O2 → 2NaClO3 ค. x = 1 y = 2 และ z = 3
ค. NaClO3 → NaCl + O2 ง. x = 3 y = 2 และ z = 1
ง. 2NaCl → 3O2 + 2NaClO3 7. จำกข้อควำมทก่ี ำหนดให้ตอ่ ไปนี้ “โซเดยี มไฮดรอก
2. กฎทรงมวล หมำยถงึ ขอ้ ใด ไซด์ (NaOH) ทาปฏกิ ิริยากับกรดฟอสฟอรกิ
ก. มวลรวมกอ่ นสำรทำปฏกิ ริ ยิ ำเคมนี อ้ ยกวำ่ มวล (H3PO4) ได้ผลติ ภัณฑ์เป็นโซเดยี มฟอสเฟต
รวมของสำรหลงั ทำปฏกิ ริ ิยำเคมี (Na3PO4) กบั น้า” สำมำรถเขยี นเป็นปฏิกริ ิยำเคมเี ชงิ
ข. มวลรวมกอ่ นสำรทำปฏกิ ิรยิ ำเคมีมำกกวำ่ มวลรวม สัญลักษณ์ได้อยำ่ งไร
ของสำรหลงั ทำปฏกิ ิรยิ ำเคมี ก. NaOH + H3PO4 → Na3PO4 + H2O
ค. มวลรวมก่อนสำรทำปฏิกริ ิยำเคมีเท่ำกับมวลรวม ข. Na3PO4 + BaCl2 → H2O +
ของสำรหลังทำปฏกิ ริ ยิ ำเคมี Ba3(PO4)2
ง. มวลของสำรมีกำรเปลยี่ นแปลงเกดิ ขน้ึ ค. Na3PO4 + H2O → NaOH + H3PO4
3. ตวั เรง่ ปฏิกริ ยิ ำหมำยถงึ ขอ้ ใด ง. C3H8+5O2 → 3CO2+4H2O
ก. สำรท่ที ำใหเ้ กดิ ปฏิกริ ิยำเรว็ ขนึ้ 8. จำกกำรทดลองปฏิกริ ิยำระหวำ่ งโซเดยี มฟอสเฟต
ข. สำรทท่ี ำให้ปฏกิ ริ ยิ ำช้ำลง กับเบเรยี มคลอไรด์ ขอ้ ใดตอ่ ไปนเ้ี ปน็ สำรผลติ ภณั ฑท์ ่ี
ค. สำรที่ทำปฏิกิรยิ ำแล้วเป็นสว่ นหน่ึงของผลิตภณั ฑ์ ได้
ง. เม่ือสน้ิ สดุ ปฏกิ ริ ิยำแล้ว ตวั เรง่ ปฏกิ ิริยำจะออกมำ
ในรูปของผลติ ภัณฑ์ ก. Na3PO4 กบั BaCl2
ข. Ba3(PO4)2 กบั NaCl
Pt ค. Na3PO4 กับ Ba3(PO4)2
4. จำกสญั ลกั ษณ์ท่ีกำหนดให้ → หมำยถงึ ขอ้ ใด ง. BaCl2 กบั NaCl
9. จำกสมกำร NaOH + H3PO4
ก. ให้ควำมรอ้ นแกส่ ำรตงั้ ตน้ → Na3PO4 + H2O มอี ัตรำส่วนต่อโมลเป็นอยำ่ งไร
ข. มีกำรกำหนดควำมดนั ก. 3 : 2 : 2 : 1
ค. ให้แสงแก่สำรต้งั ตน้ ข. 2 : 1 : 1 : 2
ง. มกี ำรใช้ตวั เร่งปฏกิ ิรยิ ำ ค. 3 : 1 : 1 : 3
5. ข้อใดไมถ่ กู ตอ้ ง ง. 1 : 1 : 1 : 1
ก. โลหะแมกนเี ซยี มทำปฏกิ ิริยำกบั กรดซลั ฟิวรกิ เกดิ 10. xNaClO3(S) → yNaCl(S) + zO2 จำกสมกำรจง
ฟองแกส๊ เปน็ กำรเปล่ียนแปลงทำงเคมี หำคำ่ x y และ z
ข. ละลำยโซดำไฟในน้ำแลว้ อณุ ภูมสิ ูงขึ้น เป็นกำร ก. x = 2 , y = 2 และ z = 3
เปล่ยี นแปลงทำงเคมแี บบคำยควำมรอ้ น ข. x = 1 , y = 1 และ z = 2
ค. สำรสองชนดิ ผสมกนั แลว้ เกดิ ตะกอน เปน็ กำร ค. x = 2 , y = 2 และ z = 2
เปลีย่ นแปลงทำงเคมี ง. x = 3 , y = 2 และ z = 1
ง. นำนำ้ เกลอื มำระเหยใหแ้ หง้ แลว้ มคี รำบเกลอื
เกดิ ขน้ึ เป็นกำรเปลยี่ นแปลงทำงเคมี
12
ประวัตผิ ู้จัดทา
ชือ่ –สกุล : นำงสำวกลุ สตรี สัตถำผล
วัน เดือน ปีเกิด : 07 กรกฎำคม 2541
เบอรโ์ ทร : 061-5291627
สถานท่เี กิด : 116 หมู่ 4 บำ้ นห้วยบำง ตำบลวำรชิ ภูมิ อำเภอวำรชิ ภูมิ
จงั หวดั สกลนคร 47150
สถานท่ีอยปู่ ัจจุบัน : 116 หมู่ 4 บ้ำนหว้ ยบำง ตำบลวำริชภมู ิ อำเภอวำริภูมิ
จงั หวดั สกลนคร 47150
E–mail : [email protected]
ประวัติการศึกษา
วุฒกิ ารศึกษา ชอ่ื สถาบนั ปีที่สาเร็จการศึกษา
ประถมศกึ ษำปีที่ 6 โรงเรียนอนุบำลวำริชภมู ิ 2553
มัธยมศึกษำปที ่ี 6 โรงเรียนวำรชิ วิทยำ 2559
ครุศำสตรบัณฑติ มหำวิทยำลยั รำชภัฏอุดรธำนี (ปัจจุบนั )
13
ประวัตผิ จู้ ัดทา
ชอื่ –สกลุ : นำงสำวชนดิ ำ แกน่ ท้ำว
วนั เดอื น ปเี กดิ : 27 มนี ำคม 2541
เบอร์โทร : 095-6460790
สถานทเ่ี กิด : 26 หมู่ 10 บ้ำนโพนงำม ตำบลโพนงำม อำเภอกมลำไสย
จังหวดั กำฬสินธ์ุ 46130
สถานทีอ่ ยปู่ จั จบุ ัน : 26 หมู่ 10 บำ้ นโพนงำม ตำบลโพนงำม อำเภอกมลำไสย
จงั หวดั กำฬสินธ์ุ 46130
E–mail : [email protected]
ประวตั กิ ารศกึ ษา
วฒุ ิการศึกษา ชือ่ สถาบนั ปที ่สี าเรจ็ การศึกษา
มัธยมศกึ ษำปที ี่ 6 โรงเรียนกมลำไสย 2559
ครุศำสตรบัณฑิต มหำวทิ ยำลยั รำชภฏั อุดรธำนี (ปจั จุบัน)
14
อ้างองิ
กระทรวงศึกษำธิกำร. (2551). หลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช
2551.กรุงเทพฯ : โรงพมิ พ์ชมุ นุมสหกรณ์กำรเกษตรแห่งประเทศไทย.
สถำบันส่งเสริมกำรสอนวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี. (2559).คมู่ อื ครู รายวชิ าเพ่มิ เตมิ
เคมี เล่ม 2 (พมิ พ์คร้ังท่ี 3). กรงุ เทพฯ: โรงพิมพ์ สกสค.
สถำบนั สง่ เสรมิ กำรสอนวทิ ยำศำสตร์และเทคโนโลยี. (2559). หนงั สือเรียน รายวิชา
เพ่มิ เติม เคมี เลม่ 2 (พมิ พ์คร้งั ท่ี 9). กรงุ เทพฯ: โรงพมิ พ์ สกสค.
ภาคผนวก
ใบความรู้
ใบควำมรู้
ปฏิกริ ยิ าเคมี
ปฏิกริ ิยำเคมี คอื กำรท่สี ำรตงั้ ตน้ เปลี่ยนไปเป็นสำรผลิตภัณฑ์ (สำรใหม่) ซ่ึง
มีสมบัติต่ำงไปจำกสำรเดิม เม่ือเวลำผ่ำนไปปริมำณของสำรต้ังต้นจะลดลง ปริมำณสำร
ใหม่จะเพ่ิมข้นึ
ประเภทของปฏิกริ ยิ ำเคมี แบ่งตำมกำรถ่ำยเทพลังงำน
1. ปฏกิ ิรยิ ำดูดพลงั งำน สำรตงั้ ตน้ + พลงั งำน = ผลติ ภัณฑ์
2. ปฏิกริ ิยำคำยควำมร้อน สำรตง้ั ต้น = ผลติ ภัณฑ์ + พลงั งำน
ข้อสังเกตในกำรดูวำ่ มีปฏกิ ริ ิยำเคมีเกิดขน้ึ
1. มีตะกอนเกดิ ขึ้น
2. มีแก๊สเกดิ ข้นึ
3. มีสเี ปลีย่ นแปลง
4. มกี ล่นิ
5. มีอณุ หภูมิเปล่ียนแปลง ซึ่งสำรโดยทั่วไปเม่ือเกิดปฏิกิริยำเคมีจะเกิดกำร
เปลย่ี นแปลงพลังงำนควำมรอ้ นควบคไู่ ปด้วยเสมอ
หมายเหตุ กำรเปลยี่ นแปลงตอ่ ไปนเ้ี กิดปฏกิ ิรยิ ำเคมีแนน่ อน
1. ถ้ำมีกำรสันดำป หมำยถึง มีกำรทำปฏิกิริยำเคมีกับออกซิเจนเป็น
ปฏกิ ริ ิยำเคมเี สมอ
2. ถำ้ เปน็ กำรหมัก เป็นปฏิกริ ยิ ำเคมเี สมอ
3. ถ้ำเปน็ กระบวนกำรเมตำโบลิซึม (ปฏิกิริยำเคมีในส่ิงมีชีวิต) เช่น ผลไม้สุก
เนอ้ื เน่ำ
4. กำรถลงุ แร่ แบตเตอร่ี กำรเกดิ สนมิ
สมการเคมี
กำรอธิบำยกำรเปลย่ี นแปลงของสำรท่ีเป็นประโยคขอ้ ควำมสำมำรถทำใหส้ ้ันและ
เขำ้ ใจตรงกนั โดยใช้สูตรเคมแี ละสัญลกั ษณ์ ซึ่งเรยี กวำ่ สมการเคมี (chemical equation) เชน่
ประโยคข้อความ ผงฟหู รือโซเดียมไฮโดรเจนคำร์บอเนตทำปฏิกริ ิยำกับสำรละลำย แอซีติก
ได้สำรละลำยโซเดียมแอซีเตต แกส๊ คำรบ์ อนไดออกไซด์ และน้ำ
สมการข้อความ โซเดยี มไฮโดรเจนคำร์บอเนต + กรดแอซีติก → โซเดยี มแอซีเตต +
แกส๊
คำรบ์ อนไดออกไซด์ + นำ้
สมการเคมี NaHCO3(s) + CH3COOH(s) → CH3COONa(aq) + CO2(g)
+ H2O(l)
ตำรำง 1 สญั ลกั ษณท์ ี่แสดงสถำนะของสำรในสมกำรเคมี
สัญลกั ษณ์ ยอ่ มาจาก ความหมาย
(s) Solid สถำนะของแข็ง
(l) Liquid สถำนะของเหลว
(g) Gas
(aq) สถำนะแกส๊
aqueous สำรละลำยที่มีนำ้ เป็นตัวทำ
ละลำย
กำรเขียนสมกำรเคมีทีส่ มบูรณ์ อะตอมของแตล่ ะธำตใุ นสำรตงั้ ต้นและผลิตภัณฑต์ ้อง
มจี ำนวนเท่ำกนั ซึง่ ทำได้โดยกำรสมดุลสมกำรเคมี โดยกำรนำตวั เลขที่เหมำะสมซึ่งเรยี กวำ่
สมั ประสิทธ์ิ (coefficient) มำเตมิ หนำ้ สตู รของสำรตั้งตน้ และผลติ ภณั ฑ์ โดยไมม่ กี ำรเปลยี่ น
สูตรเคมขี องสำรตงั้ ตน้ และผลิตภณั ฑ์ เชน่ กำรสมดุลสมกำรเคมี
Na3Po4(aq)+ BaCl2(aq) → Ba3(PO4)2(s)+NaCl (aq) ทำไดโ้ ดย
เติมเลข 2 หน้ำ Na3Po4 เติมเลข 3 หนำ้ BaCl2
เตมิ เลข 1 หนำ้ Ba3(PO4)2 เติมเลข 6 หน้ำ NaCl
ดงั น้ี 2Na3Po4(aq)+ 3BaCl2(aq) → Ba3(PO4)2(s)+6NaCl (aq)
จำกสมกำรเคมที ด่ี ุลแลว้ น้ี แสดงใหเ้ หน็ วำ่ โซเดยี มฟอสเฟต 2 โมล ทำปฏิกริ ิยำพอดี
กับแบเรยี มคลอไรด์ 3 โมล ได้แบเรยี มฟอสเฟต 1 โมล และโซเดียมคลอไรด์ 6 โมลจะเหน็ ว่ำ
อัตรำส่วนโดยโมลของโซเดียมฟอสเฟตท่ที ำปฏกิ ิริยำกบั แบเรยี มคลอไรด์ได้แบเรยี มฟอสเฟต
และโซเดียมคลอไรด์เท่ำกับ 2: 3: 1: 6 อัตรำสว่ นโดยโมลของสำรในสมกำรเคมที ีด่ ลุ แลว้ น้ี
เรยี กวำ่ อัตราสว่ นโดยโมล (mole ratio)
กำรดุลสมกำรเคมีไม่มีลำดับขั้นตอนและวิธีท่ีเป็นกฎเกณฑ์แน่นอน แต่มีข้อแนะนำ
บำงประกำรดงั นี้
1. นับจำนวนอะตอมของธำตแุ ตล่ ะชนดิ
2. ตุลจำนวนอะตอมของธำตุที่ทำงด้ำนซ้ำยและขวำของสมกำรยังไม่เท่ำกันโดยเร่ิม
จำกธำตุท่ีมีอยู่ในสำรเพียงหน่ึงชนิดในแต่ละข้ำงของสมกำรเคมีก่อนซ่ึงโดยท่ัวไปอะตอม H
และ 0 จะดุลเป็นลำดับสุดท้ำย
3. ดุลจำนวนอะตอมของธำตุอื่น ๆ จนกระทั่งทุกอะตอมของธำตุทำงด้ำนซ้ำยและขวำ
ของสมกำรเท่ำกนั โดยพยำยำมหลีกเล่ียงกำรเปล่ียนเลขสมั ประสิทธหิ์ นำ้ สำรที่มีอะตอมธำตุท่ี
ดุลแล้ว
4. นิยมทำเลขสัมประสิทธ์ิที่เป็นเศษส่วนให้เป็นจำนวนเต็มโดยคุณสัมประสิทธ์ิทุกตัว
ดว้ ยตวั คณู ท่ีนอ้ ยทส่ี ดุ
ตวั อย่าง
เขียนและดุลสมกำรเคมีของปฏิกิริยำระหว่ำงโลหะโพแทสเซียม (K) กับน้ำ (H2O) ได้
สำรละลำยโพแทสเซียมไฮดรอกไซด์ (KOH) และแกส๊ ไฮโดรเจน (H2)
วิธที ำ
ข้นั ท่ี 1 เขยี นสมกำรเคมแี ลว้ นบั จำนวนอะตอมของธำตแุ ต่ละชนดิ
K(s) + H2O(l) → KOH(aq) + H2(g)
K1 อะตอม K1 อะตอม
H2 อะตอม H1 อะตอม H 2 อะตอม
O1 อะตอม O1 อะตอม
ขั้นท่ี 2 ดุลจำนวนอะตอมของธำตทุ ่มี อี ยใู่ นสำรเพียงหน่ึงชนดิ ในแต่ละขำ้ งของสมกำร
และดลุ อะตอมของธำตุอ่ืน ๆ เริม่ จำกกำรดลุ K ซ่ึงในท่นี ดี้ ลุ แลว้ จำกนั้นดลุ อะตอมของ O ซึ่ง
1
ดลุ แลว้ เช่นกัน แต่อะตอม H ยังไมเ่ ทำ่ กันจึงดลุ สมกำรเคมีโดยเตมิ เลขสัมประสิทธิ์ 2 ทห่ี น้ำ
H2 ดงั น้ี 1
2
K(s) + H2O(l) → KOH(aq) + H2(g)
K 1 อะตอม K 1 อะตอม
H 2 อะตอม H 1 อะตอม H 1 อะตอม
O 1 อะตอม O 1 อะตอม
ข้ันท่ี 3 ทำเลขสัมประสิทธิ์ที่เป็นเศษส่วนให้เป็นจำนวนเต็มขณะนี้ได้สมกำร
เคมีท่ีมีจำนวนอะตอมของธำตุแต่ละชนิดเท่ำกัน แต่กำรเขียนสมกำรเคมีนิยมใช้เลข
สัมประสิทธ์ิที่เป็นจำนวนเต็มอย่ำงต่ำ จึงคูณเลขสัมประสิทธิ์ทั้งหมดในสมกำรเคมีด้วย 2
และไม่ตอ้ งแสดงเลขสัมประสิทธทิ์ ่ีเปน็ เลข 1 ในสมกำรดงั น้ี
2K(s) + 2H2O(l) → 2KOH(aq) + H2(g)
K 2 อะตอม K 2 อะตอม
H 4 อะตอม H 2 อะตอม H 2 อะตอม
O 2 อะตอม O 2 อะตอม
ศพั ท์นา่ รู้
ตัวเร่งปฏิกิริยา (catalyst) คือ สำรท่ีทำให้ปฏิกิริยำเคมีเกิดขึ้นอย่ำง
รวดเร็ว แต่ไม่ได้เป็นส่วนหน่ึงของผลิตภัณฑ์ เม่ือปฏิกิริยำส้ินสุดแล้ว จะได้ตัวเร่ง
ปฏิกริ ิยำกลับคืนมำ เช่น เอน็ ไซม์ โลหะ บำงชนดิ
กฎทรงมวล (law of conservation of mass) ค้นพบในปี พ.ศ.
2317 โดยอองตวน-โลรอง ลำวัวซีเย (Antoine-Laurent Lavoisier) นักวิทยำศำสตร์
ชำวฝรั่งเศส ได้ทดลองเผำสำรในหลอดท่ีปิดสนิทและพบว่ำ มวลรวมของสำรก่อน
เกิดปฏกิ ริ ยิ ำเคมีเท่ำกับมวลรวมของสำรหลงั ปฏกิ ริ ยิ ำเคมี
ตัวอยา่ ง
เมอื่ ละลำยโพแทสเซียมไอโอดำยน์ (KI) 1.66 กรมั ในน้ำ แลว้ เติมเลด(II)ไนเทรต
(NO3)2) ลงไป 1.65 กรัม ปรำกฎว่ำสำรท้งั สองชนดิ ทำปฏกิ ริ ิยำกันพอดีไดเ้ ลต(II)ไอโอดำยน์
(PbI2) และโพแทสเซียมไนเทรต (KNO3) ถำ้ มเี ลต(II)ไอโอดำยน์เกิดข้นึ 2.30 กรัม จะมี
โพแทสเซียมไนเทรตเกดิ ข้ึนกีก่ รมั
วธิ ีทำ
จำกกฎทรงมวล มวลรวมของสำรก่อนเกดิ ปฏกิ ริ ิยำเคมีเทำ่ กับมวลรวมของสำรหลัง
เกดิ ปฏิกิรยิ ำ ดังน้นั
มวลของสำรก่อนทำปฏกิ ิริยำ = มวลของสำรหลงั ทำปฏกิ ริ ิยำ
มวลของ KI + มวลของ (NO3)2 = มวลของ PbI2 + มวลของ KNO3
1.66 g + 1.65 g = 2.30 g + มวลของ KNO3
มวลของ KNO3 = 1.66 g + 1.65 g – 2.30 g
= 1.01 g
ดงั น้นั มีโพแทสเซยี มไนเทรตเกิดข้นึ 1.01 กรมั
แบบฝึกทกั ษะ
1 เรื่อง การแปลสญั ลกั ษณใ์ นสมการเคมี
คาชี้แจง : ให้นกั เรยี นเขียนสมการเคมจี ากประโยคขอ้ ความทกี าหนดใหถ้ กู ต้อง
มีทง้ั หมด 3 ข้อ ขอ้ ละ 1 คะแนน รวม 3 คะแนน
1. แก๊สไฮโดรเจนทาปฏกิ ริ ิยากับแกส๊ คลอรีนไดผ้ ลติ ภัณฑ์เป็นกรด
ไฮโดรคลอริก
........................................................................................
........................................................................................
.....................................................................................
2. โซเดยี มไฮดรอกไซดท์ าปฏกิ ิรยิ ากับกรดฟอสฟอริกไดผ้ ลติ ภณั ฑเ์ ป็น
โซเดียมฟอสเฟตกบั นา้
........................................................................................
........................................................................................
.....................................................................................
3. ผงฟหู รอื โซเดียมไฮโดรเจนคาร์บอเนตทาปฏกิ ิรยิ ากับสารละลาย
กรดแอซิติก ได้สารละลายโซเดยี มแอซิเตต แกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์
และน้า
........................................................................................
........................................................................................
.....................................................................................
ชื่อ ...................................................... ชั้น ....... เลขที่ ......
2 เรอ่ื ง อัตราส่วนโดยมวล
คาชี้แจง : จงหาอัตราสว่ นโดยโมลของปฏิกริ ิยาเคมที ีก่ าหนดใหต้ ่อไปน้ี
จานวน 3 ข้อ ขอ้ ละ 1 คะแนนรวม 3 คะแนน
1. NaOH + H3PO4 → Na3PO4+ H2O
………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………
2. CaC2 + H2O → Ca(OH)2 + C2H2
………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………
3. K + H2O →KOH+ H2
………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………
ชอื่ ...................................................................... ช้ัน ........... เลขท่ี ......
3 เรอื่ ง กฎทรงมวล
คาชี้แจง : ใหน้ กั เรียนคานวณมวลของสารโดยใหก้ ฎทรงมวล
จานวน 2 ขอ้ ข้อละ 1 คะแนนรวม 2 คะแนน
1. สาร A 1.66 กรมั ในน้า แลว้ เติมสาร B ลงไป 1.65 กรมั ปรากฏว่าสารท้ัง
สองชนดิ ทาปฏกิ ิริยากนั พอดไี ดส้ าร C และ สาร D เกิดข้นึ 2.30 จะมีสาร C
เกิดข้ึนกี่กรมั
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
2. เมื่อนาโซเดียมซลั เฟต (Na2SO4) 142 กรัม มาทาปฏิกริ ยิ ากับแบเรยี ม
คลอไรด์ (BaCl2) 208 กรมั เกิดโซเดยี มคลอไรด์ (NaCl) 117 กรมั ถ้าการ
ทดลองนเ้ี ป็นไปตามกฎทรงมวลปฏกิ ริ ยิ าดงั กล่าวจะเกิดแบเรียมซลั เฟต
(BaSO4) กก่ี รัม
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
ชอื่ ...................................................................... ชัน้ ........... เลขที่ ......
กระดาษคาตอบกอ่ นเรยี น – หลังเรยี น
กระดาษคาตอบ
แบบทดสอบก่อนเรยี น คะแนนทไ่ี ด้ =
ข้อท่ี ก ข ค ง
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
แบบทดสอบหลงั เรยี น คะแนนที่ได้ =
ข้อที่ ก ข ค ง
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
เฉลยชุดกจิ กรรมการเรียนรู้
1 กิจกรรม เร่ือง การทดลองปฏิกิริยาเคมีระหว่าง
โซเดียมฟอสเฟตกับ แบเรยี มคลอไรด์
1.1 จุดประสงค์
1. ทดลองปฏิกิริยาเคมีระหว่างโซเดียมฟอสเฟตและแบเรียมคลอไรด์เพื่อ
ศกึ ษาการทาปฏิกิรยิ าพอดีกันของสาร
2. หาอัตราส่วนโดยโมลของโซเดียมฟอสเฟตต่อแบเรียมคลอไรด์ท่ีทาปฏิกิริยา
กันพอดี
1.2 วัสดุอุปกรณ์ 7. หลอดหยดแบบสน้ั
8. ท่ตี ง้ั หลอดทดลอง
1. สารละลายโซเดียมฟอสเฟต 9. แผน่ ใส
2. สารละลายแบเรยี มคลอไรด์ 10. ไมบ้ รรทดั
3. หลอดทดลองขนาดกลาง 11. กระดาษกราฟ
4. บกี เกอร์ ขนาด 50 mL
5. หลอดฉีดยา ขนาด 3 mL
6. หลอดหยดแบบยาว
1.3 วิธกี ารทดลอง
ตอนที่ 1 การหาปรมิ าณสารท่ที าปฏิกิรยิ าพอดีกัน
1. ใช้หลอดฉีดยาดูด Na3PO40.20 mol/L ใส่ลงในหลอดทดลองขนาด
กลาง 5 หลอด หลอดละ 1.0 mL
2. ใช้หลอดฉีดยาดูด Cl20.20 mol/L ใส่ลงใน Na3PO4 หลอดที่1 ถึง 5
ปริมาตร 0.5 1.0 1.5 2.0 และ 2.5 mL ตามลาดับ โดยหยดสารละลายอย่าง
ชา้ ๆ และเขย่าหลอดทดลองตลอดเวลา พรอ้ มทงั้ บนั ทกึ การเปล่ียนแปลง
3. วางหลอดทดลองในที่ตั้งหลอดทดลองประมาณ 15 นาที หรือจนกระท่ัง
ความสูงของ ตะกอนในแต่ละหลอดไม่เปล่ียนแปลง วัดความสูงของตะกอนใน
แต่ละหลอด บันทกึ ผล
4. เขียนกราฟความสัมพันธ์ระหว่างความสูงของตะกอนกับปริมาตรของ
Cl2 ท่ใี ชใ้ นแตล่ ะหลอด
ตอนท่ี 2 การทดสอบสารละลายทเ่ี หลือหลังเกิดปฏกิ ริ ิยาเคมี
1. ใช้หลอดหยดดูดสารละลายใสส่วนท่ีอยู่เหนือตะกอนของหลอดที่ 1 ใน
ตอนที่ 1 แล้วหยดลงบนแผ่นใส่ 2 หยด โดยให้แต่ละหยดห่างกันประมาณ 2
cm และทาเช่นนี้กับหลอดต่อ ๆ ไป จนครบท้ัง 5 หลอด จะได้หยดของ
สารละลายเปน็ 2 ชุด ดงั รปู
สารละลายของหลอดที่ 1 – 5 ท่จี ะนาไปทดสอบ
2. หยด Na3PO4 ลงในสารละสายชดุ ท่ี 1 ตาแหน่งละ 1 หยด จนครบทั้ง
5 ตาแหนง่ สังเกตการณเ์ ปล่ียนแปลง บนั ทกึ ผล
3. หยด Cl2 ลงในสารละลายชุดท่ี 2 ตาแหน่งละ 1 หยด จนครบท้ัง 5
ตาแหนง่ สังเกตการเปล่ยี นแปลง บันทกึ ผล
1.4 บันทกึ ผลการทดลอง
1.4.1 ตารางบันทกึ ผลความสูงของตะกอนทเ่ี กดิ ขน้ึ
หลอดท่ี ปริมาณของ Na3PO4 ปริมาณของ BaCl2 ความสงู ของ
0.20 mol/L (mL) 0.20 mol/L (mL) ตะกอน (cm)
1 1.00
2 1.00 0.50 0.80
3 1.00 1.00
4 1.00 1.50 0.90
5 1.00 2.00
2.50 1.00
1.00
1.00
1.4.2 จงเขียนกราฟแสดงความสัมพันธร์ ะหวา่ งความสงู ของตะกอนกับปริมาตร
ของ BaCl2
2 กิจกรรม เร่ือง สรุปผลการทดลองปฏิกิริยาเคมี
ระหวา่ งโซเดยี มฟอสเฟตกับ แบเรยี มคลอไรด์
2.1 สรุปผลการทดลอง
1. Na3PO4ทำปฏกิ ิริยำกบั BaCl2 ไดต้ ะกอนสขี ำวเปน็ ผลติ ภัณฑ์
2. ผลกำรทดลองตอนท่ี 1 เมอ่ื นำมำเขียนกรำฟพบว่ำควำมสูงของตะกอนเร่ิม
คงทต่ี ัง้ แต่หลอดที่ 3 แสดงวำ่ BaCl2 0.20 mol / L ปริมำตร 1.50 มิลลิลติ รทำ
ปฏิกริ ยิ ำพอดีกบั Na3PO4 0.20 mol / L ปริมำตร 1.00 มิลลลิ ิตร
3. กำรทดสอบสำรละลำยทเี่ หลือชดุ ที่ 1 ด้วย Na3PO4 พบวำ่ หลอดที่ 4 และ 5
มตี ะกอนสีขำวเกดิ ข้ึนแสดงวำ่ มี BaCl2 เหลืออยใู่ นหลอดท้ังสองส่วนกำรทดสอบ
สำรละลำยทเ่ี หลอื ชดุ ที่ 2 ด้วย BaCl2 พบว่ำหลอดท่ี 1 และ 2 มีตะกอนสีขำวเกิดขนึ้
แสดงวำ่ มี Na3PO4 เหลอื อยูใ่ นหลอดทั้งสองจงึ สรปุ ไดว้ ำ่ หลอดที่ 3 เป็นหลอดท่ี
Na3PO4 ทำปฏิกริ ิยำพอดกี ับ BaCl2 สอดคลอ้ งกับผลกำรทดลองทไ่ี ด้จำกกรำฟ
2.2 ตอบคาถามท้ายกจิ กรรม
จากกราฟตอนที่ 1 จงหาปริมาตรของ BaCl2 ท่ที าปฏกิ ิริยาพอดีกบั Na3PO4
ปริมาตร 1.0 mL
จานวนโมลของ Na3PO4==2.00.2x1001m000−o4lmmNLao3sl PoNlOan34PO×41.00 mL soln
จานวนโมลของ BaCl2 ==031..20000×0mm1o0lLB−s4aoClmnl2ol×B1a.C5l02 mL soln
ชอ่ื ......................................................... ชัน้ ........... เลขท่ี ......
เฉลยแบบฝกึ ทกั ษะ
1 เรื่อง การแปลสญั ลกั ษณใ์ นสมการเคมี
คาช้แี จง : ให้นกั เรียนเขียนสมการเคมจี ากประโยคข้อความที่กาหนดให้ถูกตอ้ ง
มีทง้ั หมด 3 ขอ้ ข้อละ 1 คะแนน รวม 3 คะแนน
1. แก๊สไฮโดรเจนทาปฏกิ ิริยากับแก๊สคลอรนี ได้ผลิตภัณฑเ์ ปน็ กรด
ไฮโดรคลอรกิ
H2 g + Cl2 g → 2HCl(aq)
2. โซเดยี มไฮดรอกไซดท์ าปฏกิ ิรยิ ากับกรดฟอสฟอริกไดผ้ ลิตภณั ฑเ์ ปน็
โซเดียมฟอสเฟตกับนา้
NaOH + H3PO4 → Na3PO4+ H2O
3. ผงฟหู รอื โซเดียมไฮโดรเจนคาร์บอเนตทาปฏิกิรยิ ากบั สารละลาย
กรดแอซิติก ไดส้ ารละลายโซเดียมแอซิเตต แกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์
และนา้
NaHCO3 + CH3COOH → CH3COONa + CO2 + H2O
ชือ่ ...................................................... ชัน้ ....... เลขท่ี ......
2 เรื่อง อัตราสว่ นโดยมวล
คาชีแ้ จง : จงหาอัตราส่วนโดยโมลของปฏิกิริยาเคมีที่กาหนดใหต้ อ่ ไปนี้
จานวน 3 ข้อ ขอ้ ละ 1 คะแนนรวม 3 คะแนน
1. NaOH + H3PO4 → Na3PO4+ H2O
3NaOH + H3PO4 → Na3PO4+ 3H2O
อตั ราสว่ น 3 : 1 : 1 : 3
2. CaC2 + H2O → Ca(OH)2 + C2H2
CaC2 + H2O → Ca(OH)2 + C2H2
อตั ราสว่ น 1 : 2 : 1 : 1
3. K + H2O →KOH+ H2
K + H2O →KOH+ H2
อตั ราสว่ น 2 : 2 : 2 : 1
ชอ่ื ...................................................... ช้นั ....... เลขที่ ......
3 เรือ่ ง กฎทรงมวล
คาช้ีแจง : ให้นกั เรียนคานวณมวลของสารโดยใหก้ ฎทรงมวล
จานวน 2 ข้อ ข้อละ 1 คะแนนรวม 2 คะแนน
1. สาร A 1.66 กรมั ในน้า แลว้ เตมิ สาร B ลงไป 1.65 กรัม ปรากฏว่าสารทง้ั สองชนิดทา
ปฏกิ ริ ิยากันพอดไี ดส้ าร C และ สาร D เกดิ ขนึ้ 2.30 จะมีสาร C เกดิ ขึ้นกกี่ รัม
วธิ ีทา
จากกฎทรงมวล มวลรวมของสารกอ่ นเกิดปฏกิ ริ ิยาเคมเี ทา่ กบั มวลรวมของสารหลงั
เกดิ ปฏิกิรยิ า ดงั นั้น
มวลของสารก่อนทาปฏิกิริยา = มวลของสารหลงั ทาปฏิกิรยิ า
มวลของ A + มวลของ B = มวลของ C + มวลของ D
1.66 g + 1.65 g = 2.30 g + มวลของ D
มวลของ D = 1.66 g + 1.65 g – 2.30 g
= 1.01 g
ดังนั้น มีสาร D เกิดขึน้ 1.01 กรัม
2. เมอ่ื นาโซเดียมซลั เฟต (Na2SO4) 142 กรมั มาทาปฏกิ ิริยากบั แบเรยี มคลอไรด์ (BaCl2)
208 กรมั เกดิ โซเดยี มคลอไรด์ (NaCl) 117 กรัม ถ้าการทดลองนเี้ ป็นไปตามกฎทรงมวล
ปฏิกริ ยิ าดงั กลา่ วจะเกดิ แบเรยี มซลั เฟต (BaSO4) กก่ี รมั
วิธีทา
จากกฎทรงมวล มวลรวมของสารกอ่ นเกดิ ปฏิกริ ิยาเคมเี ทา่ กบั มวลรวมของสาร
หลังเกดิ ปฏิกริ ยิ า ดังน้นั
มวลของสารกอ่ นทาปฏิกิรยิ า = มวลของสารหลังทาปฏกิ ิริยา
มวลของ Na2SO4 + มวลของ BaCl2 = มวลของ NaCl + มวลของ BaSO4
142 g + 208 g = 117 g + มวลของ D
มวลของ D = 142 g + 208 g – 117 g
= 1.01 g
ดงั นั้น มแี บเรยี มซัลเฟต เกดิ ข้นึ 233 กรัม
ช่อื ...................................................... ช้ัน ....... เลขที่ ......
เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรยี น – หลงั เรยี น
เฉลยแบบทดสอบ
แบบทดสอบกอ่ นเรยี น คะแนนที่ได้ =
ข้อท่ี ก ข ค ง
1×
2×
3×
4×
5×
6×
7×
8×
9×
10 ×
แบบทดสอบหลงั เรียน คะแนนทีไ่ ด้ =
ข้อท่ี ก ข ค ง
1×
2×
3×
4×
5×
6×
7×
8×
9×
10 ×