The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

มะเร็งต่อมน้ำเหลือง

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by amm11005005, 2022-03-02 02:25:01

มะเร็งต่อมน้ำเหลือง

มะเร็งต่อมน้ำเหลือง

โรคมะเร็ง



ต่อมน้ำเหลือง



ภัยเงียบใกล้ตัว




โ ค ร ง ก า ร ใ ห้ ค ว า ม รู้เ พื่ อ ผู้ ป่ ว ย ม ะ เ ร็ง
หน่วยประสานบริการผู้ป่วยมะเร็ง
โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ

สารบัญ

มะเร็งต่อมน้ำเหลือง....................................4-6
ชนิดของมะเร็งต่อมน้ำเหลือง........................7-8
มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดบีเซลล์.....................9-15
ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งต่อมน้ำเหลือง......15-16
อาการของมะเร็งต่อมน้ำเหลือง.......................17
การวินิจฉัยมะเร็งต่อมน้ำเหลือง.......................18
การประเมินระยะของโรค................................19-20
การรักษามะเร็งต่อมน้ำเหลือง.........................21-24

สารบัญ

อาการจากตัวมะเร็งและผลข้างเคียง................24-27
ของการรักษา
การรักษาโรคในระยะลุกลามหรือ......................28
กลับมาเป็นใหม่
การดูแลรักษาตนเอง.....................................28-31
ข้อควรรู้สำหรับผู้ป่วยมะเร็งต่อมน้ำเหลือง........32
ปัญหาที่ควรมาพบแพทย์................................33

มะเร็งต่อมน้ำเหลือง

มะเร็งต่อมน้ำเหลือง คือ มะเร็งที่มีต้นกำเนิดมา
จากต่อมน้ำเหลืองหรือเนื้อเยื่อน้ำเหลือง มีภาวะที่มี
การเจริญเติบโตที่มากเกินไปในระบบน้ำเหลือง

ร ะ บ บ น้ำ เ ห ลื อ ง ข อ ง ร่ า ง ก า ย มี ห น้ า ที่ ต่ อ สู้ เ ชื้ อ โ ร ค
โดยการขนส่งน้ำเหลืองไปตามหลอดน้ำเหลืองทั่ว
ร่างกาย ซึ่งภายในน้ำเหลืองจะประกอบด้วยเม็ดเลือดขาว
ชนิด Lymphocyte ทำหน้าที่สร้างสารภูมิคุ้มกันและ
ทำ ล า ย เ ชื้ อ โ ร ค ที่ เ ข้ า สู่ ร่ า ง ก า ย

4

มะเร็งต่อมน้ำเหลือง

ต่อมน้ำเหลือง (Lymph Node) มีลักษณะคล้าย
เม็ดถั่ว ภายในประกอบไปด้วยเม็ดเลือดขาวชนิด
LYMPHOCYTE จะพบต่อมน้ำเหลืองได้บ่อยในบาง
บริเวณ เช่น ลำคอ ภายในทรวงอก หรือ บริเวณขาหนีบ
นอกจากนี้ยังมีอวัยวะอื่ นๆ ที่จัดอยู่ในระบบน้ำเหลืองอีก
ได้แก่ ต่อมทอนซิล ม้าม และต่อมไทมัส เมื่อต่อม
น้ำเหลืองทำงานผิดปกติไป จากสาเหตุใดก็ตาม ก็จะเกิด
ปัญหาที่สำคัญ คือ ภูมิคุ้มกันต่ำลง ทำให้ติดเชื้อได้ง่ายขึ้น

5

มะเร็งต่อมน้ำเหลือง

มะเร็งต่อมน้ำเหลืองมีสองประเภทใหญ่ๆ
ได้แก่ มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิด Non- Hodgkin
Lymphoma (NHL) และชนิด Hodgkin Lymphoma
(HL) ในประเทศไทยพบชนิด NHL บ่อยที่สุด และ
เนื่องจากต่อมน้ำเหลือง พบได้ทุกตำแหน่ง ของร่างกาย
มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดนอนฮอดจ์กิน (Non- Hodgkin
Lymphoma) จึงสามารถพบได้ ในทุกอวัยวะแต่ส่วนมาก
มักเริ่มเป็นที่ต่อมน้ำเหลือง ม้าม ตับ หรือแม้กระทั่งใน
กระเพาะอาหาร

6

ชนิดของมะเร็ง




ต่อมน้ำเหลือง

การแบ่งชนิดของมะเร็งต่อมน้ำเหลือง จะอาศัย
ความเร็วในการโตของตัวมะเร็งเป็นตัวแบ่ง คือ
1.ชนิดโตช้า (Indolent) หรือชนิด Low Grade
2.ชนิดรุนแรง (Aggressive) หรือชนิด High Grade
ในผู้ใหญ่พบมะเร็งต่อมน้ำเหลืองทั้ง 2 ชนิด ได้พอๆกัน
แต่ในเด็กจะพบชนิดรุนแรงได้มากกว่า

ชนิด Low Grade มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดนี้จะมี
การเติบโตช้า ซึ่งผู้ป่วยมักจะอยู่ได้นานเป็นสิบปี ดังนั้น
ผู้ป่วยส่วนมากมักมาพบแพทย์ในระยะที่โรคมีการกระจาย
ไปมากแล้ว มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดนี้จะตอบสนองดี
ต่อการรักษา แต่มักมีการกลับเป็นซ้ำของโรคได้บ่อย
ในผู้ป่วยบางรายอาจไม่จำเป็นต้องให้การรักษา เพียงแค่
ติดตามอาการไว้เท่านั้น

7

ชนิดของมะเร็ง




ต่อมน้ำเหลือง

ชนิด High Grade มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดนี้
มีการเติบโตเร็ว ดังนั้น จึงจำเป็นต้องได้รับการรักษา
โดยเร็วด้วยยาเคมีบำบัดหลายชนิด แต่ผลการรักษา
ส่วนหนึ่งจะหายขาดได้

ในปัจจุบันสามารถแบ่งมะเร็งต่อมน้ำเหลือง
ชนิดนอนฮอดจ์กิน ออกได้เป็น 35 ชนิดย่อย ซึ่งแต่ละ
ชนิดนั้น จะให้การรักษาที่แตกต่างกันออกไป ในบางครั้ง
มีความจำเป็นต้องตรวจเพิ่มเติม เพื่อให้ทราบถึงชนิด
ที่แท้จริงของมะเร็งต่อมน้ำเหลืองนั้น เพื่อวางแผนใน
การรักษาต่อไป

8

มะเร็งต่อมน้ำเหลือง




ชนิดบีเซลล์




(B-cell Lymphoma)



พบประมาณ 90 % ของมะเร็งต่อมน้ำเหลือง
ชนิดนอนฮอดจ์กิน แบ่งออกได้เป็น

1.Diffuse Large B-cell Lymphoma
มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดนี้ เป็นชนิดที่พบได้บ่อยที่สุด

คือประมาณ 30% ของมะเร็งต่อมน้ำเหลือง
ชนิดนอนฮอดจ์กิน มักพบตัวโรคนอกต่อมน้ำเหลืองได้บ่อย
ประมาณ 40% จัดเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดรุนแรง

การรักษามะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดนี้ ประกอบไปด้วย
การใช้ยาเคมีบำบัดหรือในบางรายจะใช้การรักษาด้วย
การฉายรังสี การรักษาด้วยแอนติบอดีร่วมไปด้วย

9

มะเร็งต่อมน้ำเหลือง




ชนิดบีเซลล์




(B-cell Lymphoma)



2. Follicular Lymphoma
มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดนี้พบได้บ่อยเป็นอันดับ2
รองจากชนิดข้างต้น ตัวโรคมักเริ่มที่น้ำเหลืองก่อน
ก้อนจะค่อยๆโต แต่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้
ผู้ป่วยส่วนมากจะมีชีวิตอยู่ได้นาน 8-10 ปี หลังได้รับ
การวินิจฉัย
การรักษามะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดนี้ประกอบไปด้วย
การใช้ยาเคมีบำบัด การฉายรังสี การรักษาด้วยแอนติบอดี
หรือผู้ป่วยบางรายจะใช้วิธีติดตามอาการโดยยังไม่เริ่ม
การรักษา
เมื่อเวลาผ่านไป อาจพบว่ามะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดนี้
มีการเปลี่ยนแปลงไปเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดที่รุนแรง
ขึ้นได้

10

มะเร็งต่อมน้ำเหลือง




ชนิดบีเซลล์




(B-cell Lymphoma)



3. Chronic Lymphocytic Leukemia /
Small Lymphocytic Lymphoma

พบมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดนี้ประมาณ 5%
ของผู้ป่วย จัดเป็นชนิดไม่รุนแรง

ในปัจจุบันการรักษามะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดนี้
ประกอบไปด้วย การใช้ยาเคมีบำบัด การรักษาด้วย
แอนติบอดีร่วมด้วย

4. Splenic Marginal Zone Lymphoma
มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดนี้ เริ่มเป็นที่ม้าม
เป็นชนิดที่พบได้ไม่บ่อย ส่วนมากมักโตช้าและ
ไม่ต้องการการรักษาแต่ในบางรายอาจจำเป็นต้อง
ตัดม้ามออก

11

มะเร็งต่อมน้ำเหลือง




ชนิดบีเซลล์




(B-cell Lymphoma)

5. Extranodal Marginal Zone B-cell Lymphoma

of Mucosa Associated Tissue (MALT)
มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดนี้ มักเริ่มเป็นที่
กระเพาะอาหาร แต่สามารถพบได้ในทุกอวัยวะ เช่น
ปอด ต่อมไทรอยด์ ต่อมน้ำลาย หรือที่ตา ผู้ป่วยส่วนหนึ่ง
มีประวัติโรคภูมิแพ้ตัวเองมาก่อน ในกรณีที่พบรอยโรค
บริเวณกระเพาะอาหาร มักพบสัมพันธ์กับการติดเชื้อ
แบคทีเรีย Heicobacter pylori การรักษามะเร็ง
ต่อมน้ำเหลืองชนิดนี้คล้ายการรักษามะเร็งต่อมน้ำเหลือง
ชนิด Diffuse Large B-cell Lymphoma

6. Nodal Marginal Zone Lymphoma
มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดนี้พบได้น้อย พบเพียง 1%
ของมะเร็งต่อมน้ำเหลืองทั้งหมด การรักษามะเร็ง
ต่อมน้ำเหลืองชนิดนี้คล้ายการรักษามะเร็งต่อมน้ำเหลือง
ชนิด Diffuse Large B-cell Lymphoma

12

มะเร็งต่อมน้ำเหลือง




ชนิดบีเซลล์




(B-cell Lymphoma)



7. Lymphoplasmacytic Lymphoma

พบเพียง 1% ของมะเร็งต่อมน้ำเหลืองทั้งหมด
จัดเป็นชนิดไม่รุนแรง มักพบมีการกระจายของโรคไปที่
ไขกระดูก ต่อมน้ำเหลืองหรือม้ามได้บ่อย

ผู้ป่วยกลุ่มนี้ อาจพบภาวะแทรกซ้อนจากการที่มี
ความหนืดของเลือด เพิ่มขึ้น

การรักษาประกอบด้วยการใช้ยาเคมีบำบัด
การฉายรังสี หรือการเฝ้าสังเกตอาการ

8. Mantle Cell Lymphoma

มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดนี้จัดเป็นชนิดที่รุนแรง
พบได้ 7% ของผู้ป่วยทั้งหมด มักพบมีการกระจาย
ของโรคไปที่ไขกระดูกต่อมน้ำเหลือง หรือม้าม

มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดนี้ มักไม่ค่อยตอบสนอง
ต่อการรักษา การรักษาในปัจจุบันยังไม่มีสูตรมาตรฐาน
ที่ใช้

ในบางสถาบัน อาจพิจารณาให้การรักษาด้วย
ยาเคมีบำบัดขนาดสูงแล้วตามด้วยการปลูกถ่าย
เซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดแก่ผู้ป่วย

13

มะเร็งต่อมน้ำเหลือง




ชนิดบีเซลล์




(B-cell Lymphoma)



9. Mediastinal Large B Cell Lymphoma
มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดนี้จัดเป็นชนิดที่รุนแรง
มักพบก้อนขนาดใหญ่ที่บริเวณทรวงอก ซึ่งอาจกดเบียด
เส้นเลือดใหญ่บริเวณลำคอ ทำให้เกิดภาวะ Superior Vena
Cava Syndrome ตามมาได้ มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดนี้
มักพบในผู้หญิงอายุระหว่าง 30-40 ปี การรักษามะเร็ง
ต่อมน้ำเหลืองชนิดนี้ ประกอบไปด้วยการใช้ยาเคมีบำบัด
หรือในผู้ป่วยบางรายอาจมีความจำเป็นต้องใช้การฉายแสง
ร่วมไปด้วย
10. Primary Effusion Lymphoma
มักพบมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดนี้ในกลุ่มผู้ติดเชื้อ
HIV หรือผู้ป่วยที่มีความปกติของระบบภูมิคุ้มกัน
จัดเป็นชนิดรุนแรงมาก อาการของมะเร็งต่อมน้ำเหลือง
ชนิดนี้ มักเกิดจากสารน้ำที่เพิ่มขึ้นในโพรงของร่างกาย
เช่น ในเยื่อหุ้มปอดหรือเยื่อหุ้มหัวใจ

14

มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดบีเซลล์




(B-cell Lymphoma)


11. Burkitt’s Lymphoma
มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดนี้ พบได้น้อยจัดเป็น
ชนิดที่รุนแรง มักพบในชาวแอฟริกัน และมี
ความสัมพันธ์กับการติดเชื้อไวรัส EBV
ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งต่อมน้ำเหลือง

ปัจจัยเสี่ยง คือ ภาวะที่ทำให้มีโอกาสเกิดโรคมากขึ้น
แต่ไม่ได้หมายความว่า การที่มีปัจจัยเสี่ยงข้อใดข้อหนึ่ง
แล้วต้องเกิดโรคนั้นเสมอไป ในปัจจุบันนี้ยังสามารถ
บอกสาเหตุของมะเร็งต่อมน้ำเหลืองทุกรายได้
อย่างชัดเจน แต่พบมีความสัมพันธ์กับหลายภาวะ
ได้แก่
1. อายุ
อุบัติการณ์ณ์ของมะเร็งต่อมน้ำเหลืองเพิ่มขึ้น
เมื่ออายุมากขึ้น โดยอุบัติการณ์สูงสุดอยู่ที่ช่วงอายุ 60-70 ปี
2. เพศ
เพศชายพบเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองมากกว่า
เพศหญิง

15

ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิด




มะเร็งต่อมน้ำเหลือง



3. การติดเชื้อ
พบความสัมพันธ์ระหว่างมะเร็งต่อมน้ำเหลือง

บางชนิดกับการติดเชื้อ เช่น การติดเชื้อแบคทีเรีย
Helicobacter pylori กับมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิด
MALT Lymphoma การติดเชื้อไวรัส EBV กับ
มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิด Burkitt
4. ภาวะพร่องภูมิคุ้มกันของร่างกาย

ผู้ป่วย HIV พบอุบัติการณ์ของมะเร็งต่อมน้ำเหลือง
เพิ่มขึ้น
5. โรคภูมิแพ้ตัวเอง

ผู้ป่วย SLE พบอุบัติการณ์ของมะเร็งต่อมน้ำเหลือง
เพิ่มขึ้น
6. การสัมผัสสารเคมี เช่น ยาฆ่าแมลงจะเพิ่มความเสี่ยงใน
การเกิดมะเร็งต่อมน้ำเหลือง

16

อาการของมะเร็งต่อมน้ำเหลือง

อาการที่พบบ่อยที่สุดของมะเร็งต่อมน้ำเหลือง
คือ การพบต่อมน้ำเหลืองที่โตขึ้นโดยไม่เจ็บ ซึ่งอาจพบได้
บริเวณ ลำคอ รักแร้ หรือขาหนีบ นอกจากการพบก้อนแล้ว
ยังอาจมีอาการอื่นๆอีก เช่น ไข้ เหงื่อออกมากตอนกลางคืน
อาการอ่อนเพลีย ผื่นตามผิวหนัง อย่างไรก็ตามในผู้ป่วย
บางรายอาจไม่มีอาการใดๆ แต่ตรวจพบจากการตรวจ
ร่างกายโดยแพทย์

นอกจากนี้ยังมีการแบ่งกลุ่มผู้ป่วยออกเป็น
2 กลุ่มย่อย คือ

1. กลุ่มที่มีอาการไข้ เหงื่อออก น้ำหนักลด จัดอยู่
ในกลุ่ม B

2. กลุ่มที่ไม่มีอาการข้างต้น จัดอยู่ในกลุ่ม A

17

การวินิจฉัยมะเร็งต่อมน้ำเหลือง

การวินิจฉัยมะเร็งต่อมน้ำเหลืองจะเริ่มต้น
จากการซักประวัติและการตรวจร่างกาย จากนั้นจะ
พิจารณาสืบค้นเพิ่มเติมอีก ได้แก่

1. การตัดชิ้นเนื้อเพื่อตรวจทางพยาธิวิทยา (Biopsy)
2. การตรวจไขกระดูก เพื่อประเมินว่ามีการกระจาย

เข้าไปในไขกระดูกหรือไม่
3. เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan)
4. เอกซเรย์คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI)
5. การตรวจกระดูก (Bone Scan)
6. การตรวจ PET Scan

18

การประเมินระยะของโรค

แพทย์ผู้ทำการรักษาจะรวบรวมข้อมูลทั้งหมด
จากการสืบค้นเพิ่มเติมแล้วนำมาประมวลว่าผู้ป่วยอยู่ใน
ระยะใดของโรค เพื่อนำมาเป็นแนวทางในการวางแผน
การรักษาต่อระยะของมะเร็งต่อมน้ำเหลือง
แบ่งออกเป็น 4 ระยะ

ระยะที่ 1 มีรอยโรคที่ต่อมน้ำเหลือง หรือนอก
ต่อมน้ำเหลืองเพียงบริเวณเดียว

ระยะที่ 2 มีรอยโรคที่ต่อมน้ำเหลือง หรือนอก
ต่อมน้ำเหลือง ตั้งแต่ 2 ตำแหน่งขึ้นไป โดยต้องอยู่
ด้านในด้านเดียวกันของกะบังลม

ระยะที่ 3 มีรอยโรคที่ต่อมน้ำเหลือง หรือนอก
ต่อมน้ำเหลืองที่อยู่คนละด้านของกะบังลม และ/หรือ
พบรอยโรคที่ม้ามร่วมด้วย

19

การประเมินระยะของโรค

ระยะที่ 4 มีรอยโรคกระจายออกไปเกินตำแหน่ง
เริ่มต้นที่พบตำแหน่งที่พบการกระจายได้บ่อย เช่น
ตับ ไขกระดูก หรือปอด

นอกเหนือจากการประเมินระยะของโรคแล้ว
แพทย์ผู้รักษาจะอาศัยข้อมูลอื่นๆของผู้ป่วย เพื่อนำมา
คำนวณดัชนีประเมินการพยากรณ์โรคเพิ่มเติมด้วย
ซึ่งจะสามารถแบ่งกลุ่มผู้ป่วยออกเป็นกลุ่มเสี่ยงสูง
และกลุ่มเสี่ยงต่ำ

20

การรักษามะเร็ง




ต่อมน้ำเหลือง

การรักษาผู้ป่วยจะต้องได้รับการรักษา
อย่างต่อเนื่อง ดังนั้น เมื่อถึงเวลาที่แพทย์นัด
ผู้ป่วยควรมาพบแพทย์ตามนัดทุกครั้ง ถึงแม้จะรู้สึก
ว่ามีอาการดีขึ้น

การรักษาจะขึ้นกับระยะของโรคที่ผู้ป่วยเป็นและ
สภาวะร่างกายโดยรวม การรักษาแบ่งออกเป็น
4 กลุ่มใหญ่ คือ

1. การเฝ้าระวังโรค
จะพิจารณาการรักษาด้วยวิธีนี้ในผู้ป่วยมะเร็ง

ต่อมน้ำเหลืองชนิดไม่รุนแรง ที่ยังไม่ต้องการรักษา
โดยแพทย์ จะนัดผู้ป่วยมาติดตามเป็นระยะ เมื่อพบว่า
โรคมีการกระจายมากขึ้นหรือเกิดอาการจากตัวโรค
จึงจะพิจารณารักษาให้

2. การใช้ยาเคมีบำบัด คือ การใช้ยาที่มีผล
ทำลายเซลล์มะเร็งในร่างกาย ยาอาจอยู่ในรูปยากิน
หรือยาฉีด

สูตรยาเคมีบำบัด ที่ใช้จะขึ้นอยู่กับชนิดและ
ระยะของโรคที่เป็น สูตรยาเคมีบำบัดมาตรฐาน
สำหรับมะเร็งต่อมน้ำเหลือง คือ สูตร CHOP ซึ่ง
ประกอบไปด้วยตัวยา 4 ชนิด ได้แก่ Cyclophoshamide
Doxorubicin และ Prednisone

21

การรักษามะเร็งต่อมน้ำเหลือง

ผลข้างเคียงของยาเคมีบำบัดพบได้หลายรูปแบบ
ซึ่งเป็นผลจากการที่ยาไปทำลายเซล์ปกติของร่างกาย
นอกเหนือไปจากเซลล์มะเร็ง ในผู้ป่วยแต่ละราย อาจมี
ผลข้างเคียงที่แตกต่างกันไป เช่น อาการคลื่นไส้ อาเจียน
อาการชาปลายมือ ปลายเท้า อาการท้องผูก หรือท้องเสีย
ภาวะเม็ดเลือดขาวในเลือดต่ำ ซึ่งเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
ภาวะเลือดออกจากเกล็ดเลือดต่ำ โดยทั่วไปผลข้างเคียง
เหล่านี้จะหายไป เมื่อหยุดยาเคมีบำบัด สำหรับผลข้างเคียง
ในระยะยาว อาจพบว่ามีบุตรได้ยากในภายหลัง หรือเสี่ยง
ต่อการเกิดมะเร็งชนิดอื่นตามมาได้

3. การรักษาด้วยการฉายรังสี
เป็นการใช้รังสีขนาดสูง เพื่อไปทำลาย

เซลล์มะเร็งในแต่ละบริเวณ มักพิจารณาการรักษา
ด้วยวิธีนี้ในผู้ป่วยมะเร็งต่อมน้ำเหลืองระยะแรกๆ

ผลข้างเคียงของการฉายรังสี ได้แก่ อาการ
ระคายเคืองบริเวณผิวหนัง เจ็บคอ หรือปวดท้อง
อาการข้างเคียงส่วนมาก สามารถบรรเทาได้ด้วยการ
ให้ยาตามอาการที่ผู้ป่วยเป็น

22

การรักษามะเร็งต่อมน้ำเหลือง

4. การให้แอนติบอดีทำลายเซลล์มะเร็ง
เป็นการรักษาโดยใช้ยาที่เป็นสารสังเคราะห์

ไปจับกับโปรตีนบนผิวของเซลล์มะเร็งอย่างจำเพาะ
และส่งผลให้มีการกระตุ้นการทำลายของเซลล์มะเร็ง
มากขึ้น ในปัจจุบันมีทั้งการใช้แอนติบอดีแบบเดี่ยวๆ
หรือใช้แอนติบอดีร่วมกับสูตรยาเคมีบำบัดมาตรฐาน
(CHOP) ซึ่งให้ผลการรักษาที่ดีขึ้นกว่าการใช้ยาเคมีบำบัด
เพียงอย่างเดียว

5. การรักษาด้วยแอนติบอดีร่วมกับสารรังสี
คือ การใช้แอนติบอดีร่วมกับสารรังสี ซึ่งจะออกฤทธิ์
โดยตรงที่เซลล์มะเร็ง

23

การรักษามะเร็งต่อมน้ำเหลือง

6. การรักษาด้วยการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิด
เม็ดเลือด คือ การให้ยาเคมีบำบัดในขนาดสูง เพื่อทำลาย
เซลล์มะเร็งที่เหลืออยู่ แล้วตามด้วยการให้เซลล์
ต้นกำเนิดเม็ดเลือดแก่ผู้ป่วย มักพิจารณาการรักษา
ด้วยวิธีนี้ในผู้ป่วยมะเร็งต่อมน้ำเหลืองที่ดื้อต่อการรักษา
หรือในผู้ที่มีโรคกลับเป็นใหม่

เซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดที่จะนำมาให้ผู้ป่วย
อาจเป็นเซลล์ของผู้ป่วยเองหรือได้มาจากผู้บริจาค
ซึ่งมีเนื้อเยื่อที่เข้ากันได้กับผู้ป่วย

อาการจากตัวมะเร็งและ
ผลข้างเคียงของการรักษา

1. อาการถ่ายเหลว เป็นผลข้างเคียงที่พบได้บ่อย
โดยเฉพาะในผู้ที่ได้รับการฉายรังสีบริเวณอุ้งเชิงกราน
พบได้ในมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งตับอ่อน

2. อาการปากแห้ง เกิดจากต่อมน้ำลายสร้างน้ำลาย
ลดลง อาจเป็นผลจากยาเคมีบำบัดหรือ
การฉายรังสีรักษาโดยเฉพาะบริเวณช่องปากและลำคอ
หลังจากสิ้นสุดการรักษาประมาณ 6-8 เดือน อาการ
ปากแห้งจะกลับเป็นปกติ

24

อาการจากตัวมะเร็งและ
ผลข้างเคียงของการรักษา

3. อาการอ่อนเพลีย ประมาณ 50-70%
ของผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยยาเคมีบำบัด
จะมีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่ายกว่าปกติ ซึ่งอาจ
ส่งผลถึงการทำกิจวัตรประจำวันได้

4. ผมร่วง เป็นผลจากยาเคมีบำบัดหรือ
การฉายรังสีรักษาไปทำลายเซลลืที่สร้างผมและขน
ภาวะนี้จะเป็นอยู่เพียงชั่วคราว หลังจากสิ้นสุด
การรักษาแล้วผมจะดีขึ้นได้ ในผู้ป่วยบางราย
อาจมีเพียงผมบางหรือแห้งกว่าเดิม

5. ภาวะแคลเซียมในเลือดสูง พบภาวะนี้
ได้ในผู้ป่วยมะเร็งราว 10-20% และอาจมีอันตรายถึง
แก่ชีวิตได้จากหัวใจเต้นผิดจังหวะหรือหยุดเต้น
ซึ่งอาการจากแคลเซียมในเลือดสูงที่พบบ่อย ได้แก่
คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
ปวดศีรษะ ปัสสาวะบ่อย เศร้าซึม ตลอดจน
ความรู้สึกตัวลดลงจนถึงขั้นโคม่าได้

25

อาการจากตัวมะเร็งและ
ผลข้างเคียงของการรักษา

6. การติดเชื้อ ผู้ป่วยมะเร็งมักเสี่ยงต่อ
การติดเชื้อมากกว่าคนทั่วไป ซึ่งเป็นผลจากตัวมะเร็ง
เอง และจากการรักษาที่ส่งผลให้ภูมิคุ้มกันของร่างการ
ลดลง

7. คลื่นไส้ อาเจียน เป็นผลข้างเคียงที่พบได้
บ่อยในผู้ที่ได้รับการรักษาด้วยยาเคมีบำบัด และในผู้ป่วย
บางรายที่ได้รับการรักษาด้วยการฉายรังสี ถ้ามีอาการ
คลื่นไส้ อาเจียนมาก อาจเกิดภาวะขาดน้ำ จนทำให้
เกลือแร่ในร่างกายผิดปกติได้

8. อาการจากก้อนมะเร็ง เช่น ภาวะที่ก้อนมะเร็ง
กดเบียดเส้นเลือดใหญ่บริเวณลำคอ เรียกว่า Superior
Vena Cava Syndrome ทำให้เกิดการบวมบริเวณใบหน้า
ลำคอ มักพบภาวะนี้ในผู้ป่วยมะเร็งที่มีก้อนในทรวงอก
เช่น มะเร็งปอด มะเร็งต่อมน้ำเหลือง

9. เกล็ดเลือดต่ำ ยาเคมีบำบัดบางชนิดทำให้
เกล็ดเลือดต่ำได้ ภาวะนี้จะเสี่ยงต่อการมีเลือดออก หรือ
จ้ำเลือดขึ้นตามตัว

26

อาการจากตัวมะเร็งและ
ผลข้างเคียงของการรักษา

10. ผลข้างเคียงในระยะยาว
เมื่อทำการติดตามผู้ป่วยโรคมะเร็ง

ต่อมน้ำเหลือง ที่ได้รับการรักษาด้วยยาเคมีบำบัด
ระยะยาว จะพบว่าผู้ป่วยกลุ่มนี้มีความเสี่ยงต่อ
การเกิดโรคอื่นๆ ตามมาสูงกว่าผู้ที่ไม่ได้รับ
สารเคมีบำบัด อาจเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งชนิดอื่น
ตามมาได้ เช่น มะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งผิวหนัง

ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยการฉายรังสีบริเวณ
อุ้มเชิงกราน หรือได้รับยา Cyclophamide ในขนาดสูง
อาจส่งผลต่อการมีบุตรในภายหลัง

ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยการปลูก
ถ่ายไขกระดูก หรือเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือด จะมีโอกาส
มะเร็งเม็ดเลือดขาวสูงขึ้น

ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยยาเคมีบำบัด
บางชนิด อาจส่งผลต่อการทำงานของปอดในระยะยาว
ได้

27

การรักษาโรคในระยะ
ลุกลามหรือกลับเป็นใหม่

การพิจารณาการรักษาในกรณีนี้ขึ้นอยู่กับหลาย
ปัจจัย ได้แก่ ตำแหน่งที่โรคกลับเป็น ชนิดของการรักษา
ที่เคยได้รับมาก่อนหน้านี้ และสภาวะร่างกายโดยรวมของ
ผู้ป่วยเอง

แพทย์อาจพิจารณาให้การรักษาด้วยยาเคมีบำบัด
การปลูกถ่ายไขกระดูก หรืออาจเป็นการรักษาที่ยังอยู่ใน
ระหว่างการค้นคว้าวิจัย

การดูแลรักษาตนเอง

1. การรับประทานอาหาร

ควรเลือกรับประทานอาหารที่สะอาด และทำสุก
ใหม่ๆ ไม่ควรรับประทานอาหารที่เก็บไว้นานแล้ว โดย
ไม่ได้อุ่นให้เดือดใหม่ หรืออาหารแห้งที่ไม่แน่ใจว่าทำ
เสร็จใหม่ๆ เช่น ขนมปังตามร้านค้า ควรเลือกรับ
ประทานผลไม้ที่มีเปลือก เช่น ส้ม กล้วย โดยต้องล้าง
ทำความสะอาดก่อนทุกครั้งและไม่ควรรับประทานผลไม้
ที่เปลือกบาง เช่น ฝรั่ง องุ่น หรือผลไม้ที่ไม่สามารถ
ทำความสะอาดได้ เช่น สับปะรด ที่สำคัญอีกประการหนึ่ง
คือ ควรล้างมือให้สะอาดก่อนรับประทานอาหารทุกครั้ง

28

การดูแลรักษาตนเอง

2. การออกกำลังกาย
ผู้ป่วยสามารถออกกำลังกายเท่าที่ทนได้ ไม่ควร

หักโหม อาจทำไม่ได้เท่าเดิม แต่ภายหลังการรักษา
ร่างกายจะฟื้ นตัวขึ้นได้ สำหรับผู้ป่วยที่ไม่เคย
ออกกำลังกาย ไม่ควรอยู่แต่ภายในห้องนอน ควรลุก
เดินเล่นบ้าง เพื่อให้ปอดได้ขยายตัวได้เต็มที่ ซึ่งการ
ออกกำลังกายจะทำให้ผู้ป่วยฟื้ นตัวได้เร็วขึ้น

3. ผิวหนัง
ควรอาบน้ำอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เช้าและ

ก่อนนอน ฟอกสบู่ให้สะอาด โดยเฉพาะบริเวณที่อับชื้น
เช่น รักแร้ ใต้ราวนม ขาหนีบ (ควรเลือกใช้สบู่สำหรับ
เด็ก) การอาบน้ำจะช่วยป้องกันการเจริญเติบโตของ
เชื้อโรคที่ผิวหนัง หลังอาบน้ำ เช็ดตัวแห้งแล้วใช้โลชั่น
ทาผิว เพื่อป้องกันผิวแห้ง โดยเลือกใช้โลชั่นที่ไม่มี
กลิ่นหอม แต่ไม่แนะนำให้ใช้แป้งฝุ่น เพราะแป้งฝุ่นจะ
เป็นตัวนำเชื้อโรคเข้าสู่ปอดได้ในขณะฟุ้งกระจาย

29

การดูแลรักษาตนเอง

4. การดูแลบริเวณทวารหนัก
ควรล้างทำความสะอาดหลังถ่ายทุกครั้ง

โดยเฉพาะเมื่อมีอาการท้องเสียไม่ควรเช็ดแรงๆ
เนื่องจากอาจทำให้เกิดแผลได้ ควรใช้กระดาษซับเบาๆ
และที่สำคัญต้องล้างมือให้สะอาดทุกครั้งหลังเข้า
ห้องน้ำ

ในระยะนี้ผู้ป่วยอาจมีภาวะโลหิตจางร่วมด้วย
ซึ่งจะทำให้รู้สึกอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ทำให้มีอาการ
หน้ามืดเป็นลมได้ และอาจพบภาวะเกร็ดเลือดต่ำ
ร่วมด้วย ซึ่งจะทำให้มีภาวะเลือดออกง่าย ดังนั้นจึง
ควรระมัดระวังอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น หากสังเกตพบ
จุดเลือดออกใต้ผิวหนังมาก หรือมีเลือดออกตามไรฟัน
ให้มาพบแพทย์ก่อนนัด

อย่างไรก็ตาม หากผู้ป่วยมีอาการมาก เช่น
มีไข้มากกว่า 38.5 องศาเซลเซียล มีเลือดออกมาก
หรือมีจุดเลือดออกใต้ผิวหนังมาก หรือเป็นลมบ่อยๆ
ให้มาพบแพทย์โดยเร็วที่สุด

30

การดูแลรักษาตนเอง

5. ปาก
ควรรักษาความสะอาดในช่องปากให้สะอาด

อยู่เสมอ แปรงฟันด้วยแปรงสีฟันที่มีขนอ่อนนุ่มและ
แปรงเบาๆ อย่างน้อยเวลาตื่นนอนตอนเช้าและ
ก่อนนอน หลังอาหารทุกมื้อ ควรบ้วนปากให้สะอาด
อยู่เสมอ ไม่ควรงดแปรงฟัน หากมีปัญหาเลือดออก
ตามไรฟัน ควรใช้ผ้าหรือผ้าก๊อกซุบน้ำทำความสะอาด
ปาก ฟัน และบ้วนปากด้วยน้ำต้มสุกบ่อยๆ

6. สุขภาพจิต
การมีสุขภาพจิตที่ดี ช่วยส่งผลดีต่อการรักษา

ควรทำความเข้าใจต่อแผนการรักษากับแพทย์ เพื่อให้
แน่ใจว่าผู้ป่วยยอมรับ และไม่ยอมเลิกการรักษากลางคัน

7. การนอนหลับ
ควรนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ เพราะ

การพักผ่อนส่งผลกระทบสำคัญต่อการสร้างภูมิคุ้มกัน
ของร่างกาย

31

ข้อควรรู้สำหรับผู้ป่วย
มะเร็งต่อมน้ำเหลือง

1. ชนิดของมะเร็งต่อมน้ำเหลืองที่เป็นและระยะ
ของโรค

2. ผลกระทบของมะเร็งต่อมน้ำเหลืองต่อการใช้ชีวิต
ประจำวัน

3. การตรวจเพิ่มเติมที่จำเป็น
4. ทางเลือกในการรักษาและจุดมุ่งหมายของ

การรักษา (เพื่อรักษาให้หายขาดหรือเพื่อควบคุม
โรค)
5. แผนการรักษา ชนิด ระยะเวลา และผลข้างเคียง
ของการรักษา
6. การรักษาที่อยู่ในระหว่างการค้นคว้าวิจัย ซึ่ง
อาจมีประโยชน์ต่อการรักษาของตัวท่าน
7. ผลของการเลือกที่จะไม่รักษา

32

ปัญหาที่ควร




มาพบแพทย์

ปัจจุบันมะเร็งต่อมน้ำเหลืองบางชนิด สามารถ
รักษาให้หายขาดได้ หากตรวจพบตั้งแต่ระยะเริ่มแรก
ดังนั้น เมื่อสงสัยว่ามีก้อนหรือต่อมน้ำเหลืองโตที่ใด
หรือมีอาการไข้เรื้อรัง น้ำหนักลด ซีด อ่อนเพลีย
ผิดปกติ ควรรีบมาพบแพทย์ให้แน่ใจว่าเป็นอะไร
(ซึ่งส่วนใหญ่ต่อมน้ำเหลืองที่โตมักจะเป็นจาก
ต่อมน้ำเหลืองอักเสบมากกว่ามะเร็ง ทั้งนี้ เพื่อที่แพทย์
จะให้การดูแลรักษาที่เหมาะสม)

33

แหล่งที่มาข้อมูล



บริษัท โรช ไทยแลนด์ จำกัด

Artwork

ห มู แ อ้ ม กั บ ห มู ก้ อ ง


Click to View FlipBook Version