ห้องสมุดเพชรรัตน กศน.อำเภอพนุ พนิ
กจิ กรรมส่งเสรมิ กำรอ่ำนออนไลน์
วันท่ี 26 พฤษภำคม 2564
วนั วิสำขบูชำ
วันวิสำขบชู ำ หมายถึง การบชู าในวนั เพญ็ ข้ึน 15 ค่า เดอื น 6 วนั วิสาขบชู า
เป็นวันส่าคัญ ทเี กยี วข้องกับพระพุทธเจ้า 3 ประการ คือ เป็นวันประสูติ ตรัสรู้
เป็นพระพทุ ธเจ้ำ และปรนิ พิ พำน
หอ้ งสมดุ เพชรรัตน กศน.อำเภอพุนพนิ
ควำมหมำยของวันวสิ ำขบูชำ
ค่าวา่ วสิ ำขบูชำ ยอ่ มาจากคา่ ว่า "วสิ ำขปุรณมบี ชู ำ" แปลว่า "กำรบูชำ
ในวนั เพญ็ เดอื นวิสำขะ" ดังน้ัน วสิ ำขบชู ำ จึงหมายถงึ การบูชาในวนั เพญ็
เดอื น 6
กำรกำหนดวนั วสิ ำขบชู ำ
วนั วิสำขบูชำ ตรงกับวนั ขึน้ 15 คา่ เดอื น 6 ตามปฏทิ นิ จนั ทรคติของ
ไทย ซงึ มกั จะตรงกับเดือนพฤษภาคม หรอื มถิ นุ ายน แตถ่ า้ ปใี ดมอี ธกิ มาส คือ มี
เดือน 8 สองหน ก็เลอื นไปเป็นวันข้นึ 15 ค่า กลางเดอื น 7 หรอื ราวเดือน
มิถุนายน
อยา่ งไรก็ตาม ในบางปขี องบางประเทศอาจก่าหนด วนั วิสำขบูชำ ไม่
ตรงกบั ของไทย เนอื งดว้ ยประเทศเหล่านน้ั อยู่ในต่าแหน่งทีต่างไปจากประเทศ
ไทย ท่าใหว้ ัน-เวลาคลาดเคลอื นไปตามเวลาของประเทศน้นั ๆ
ห้องสมุดเพชรรัตน กศน.อำเภอพนุ พนิ
ประวตั วิ นั วสิ ำขบูชำและควำมสำคัญของ วนั วิสำขบชู ำ
วัน วิส า ขบู ชา ถือเ ป็ นวันส่ า คั ญยิ งทา ง
พระพุทธศาสนา เพราะเป็นวันทีเกิด 3 เหตุการณ์
ส่าคัญทีเกียวกับวิถีชีวิตของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เวียนมาบรรจบกันในวันเพ็ญ เดือน 6 แม้จะมีช่วง
ระยะเวลาห่างกันนับเป็นเวลาหลายสิบปี ซึง
เ ห ตุ ก า ร ณ์ อั ศ จ ร ร ย์ 3 ป ร ะ ก า ร ไ ด้ แ ก่ . . .
ห้องสมุดเพชรรตั น กศน.อำเภอพนุ พนิ
1. วันวสิ ำขบูชำ เป็นวันทพ่ี ระพทุ ธเจ้ำประสูติ
เมอื พระนางสริ มิ หามายา พระมเหสีของพระเจ้าสทุ โธทนะ แหง่ กรงุ
กบลิ พสั ด์ุ ทรงพระครรภ์แก่จวนจะประสูติ พระนางแปรพระราชฐานไป
ประทับ ณ กรงุ เทวทหะ เพือประสตู ใิ นตระกลู ของพระนางตามประเพณนี ิยม
ในสมยั น้นั ขณะเสดจ็ แวะพักผอ่ นพระอริ ิยาบถใตต้ ้นสาละ ณ สวนลมุ พนิ ีวัน
พระนางกไ็ ด้ประสูติพระโอรส ณ ใต้ตน้ สาละน้ัน ซึงตรงกบั วนั เพ็ญ เดอื น 6
ก่อนพุทธศกั ราช 80 ปี ครัน้ พระกมุ ารประสูตไิ ด้ 5 วนั กไ็ ด้รบั การถวายพระ
นามว่า "สิทธตั ถะ" แปลว่ำ "สมปรำรถนำ"
เมือขา่ วการประสตู ิแพร่ไปถงึ อสติ ดาบส 4 ผู้อาศยั อยใู่ นอาศรมเชงิ
เขาหิมาลยั และมคี วามคุ้นเคยกับพระเจ้าสุทโธทนะ ดาบสจงึ เดนิ ทางไปเขา้
เฝา้ และเมอื เห็นพระราชกมุ ารก็ท่านายได้ทนั ทีว่า นีคอื ผูจ้ ะตรสั รูเ้ ป็นพระ
สัมมาสมั พุทธเจา้ จึงกล่าวพยากรณ์ว่า "พระรำชกมุ ำรนี้จักบรรลุพระ
สัพพัญญตุ ญำณ เหน็ แจ้งพระนิพพำนอนั บริสทุ ธอ์ิ ยำ่ งย่งิ ทรงหวัง
ประโยชน์แกช่ นเป็นอนั มำก จะประกำศธรรมจกั รพรหมจรรย์ของพระ
กมุ ำรน้ีจกั แพร่หลำย" แลว้ กราบลงแทบพระบาทของพระกมุ าร พระเจ้าสุ
ทโธทนะทอดพระเนตรเหน็ เหตุการณ์นั้นทรงรู้สกึ อศั จรรยแ์ ละเป่ยี มล้นด้วย
ปตี ิ ถึงกบั ทรุดพระองค์ลงอภิวาทพระราชกมุ ารตามอย่างดาบส
ห้องสมุดเพชรรตั น กศน.อำเภอพนุ พนิ
2. วนั วสิ ำขบูชำ เป็นวันทพ่ี ระพทุ ธเจ้ำตรสั รอู้ นตุ ตรสัมมำสัมโพธิญำณ
หลังจากออกผนวชได้ 6 ปี จนเมือพระชนมายุ 35 พรรษา เจ้าชาย
สทิ ธัตถะก็ทรงตรัสรเู้ ป็นพระพทุ ธเจา้ ณ ใต้รม่ ไม้ศรีมหาโพธิ์ ฝ่งั แมน่ า้่ เนรัญ
ชรา ต่าบลอุรุเวลาเสนานคิ ม ในตอนเชา้ มดื ของวนั พุธ ข้นึ 15 คา่ เดอื น 6 ปี
ระกา กอ่ นพทุ ธศกั ราช 45 ปี ปัจจุบนั สถานทีตรสั รแู้ หง่ น้เี รยี กว่า พุทธคยา
เป็นต่าบลหนึงของเมืองคยา แหง่ รัฐพิหาร ของอินเดีย
สิ่งทีต่ รสั รู้ คอื อรยิ สัจ 4 เป็นควำมจริงอันประเสรฐิ 4 ประกำร
ของพระพุทธเจ้ำ ซึง่ พระพทุ ธเจ้ำเสดจ็ ไปทีต่ น้ มหำโพธิ์ และทรงเจรญิ
สมำธภิ ำวนำจนจติ เปน็ สมำธไิ ดฌ้ ำนท่ี 4 แลว้ บำเพญ็ ภำวนำตอ่ ไปจนได้
ฌำน 3 คอื
- ยำมต้น : ทรงบรรลุ "ปุพเพนวิ ำสำนสุ สตญิ ำณ" คอื ทรงระลึก
ชาตใิ นอดีตท้งั ของตนเองและผู้อืนได้
- ยำมสอง : ทรงบรรลุ "จตุ ูปปำตญำณ" คอื การรูแ้ จง้ การเกิดและ
ดับของสรรพสัตว์ท้ังหลาย ด้วยการมีตาทพิ ย์สามารถเหน็ การจตุ ิและอุบัติ
ของวญิ ญาณทัง้ หลาย
- ยำมสำม หรอื ยำมสดุ ท้ำย : ทรงบรรลุ "อำสวกั ขยญำณ" คอื รู้
วธิ ีก่าจัดกเิ ลสด้วย อรยิ สัจ 4 (ทกุ ข์ สมทุ ัย นโิ รธ มรรค) ไดต้ รสั รเู้ ปน็ พระ
สัมมาสมั พุทธเจ้า ในคนื วันเพญ็ เดือน 6 ซึงขณะน้นั พระพุทธองค์มี
พระชนมายไุ ด้ 35 พรรษา
ห้องสมดุ เพชรรตั น กศน.อำเภอพนุ พนิ
3. วันวสิ ำขบชู ำ เปน็ วนั ทีพ่ ระพทุ ธเจ้ำเสดจ็ เข้ำสู่ปรนิ พิ พำน (ดบั สงั ขำรไม่
กลับมำเกิดสรำ้ งชำติ สรำ้ งภพอีกตอ่ ไป)
เมอื พระพทุ ธองคไ์ ด้ตรสั รู้และแสดงธรรมเปน็ เวลานานถงึ 45 ปี จนมี
พระชนมายุได้ 80 พรรษา ได้ประทับจา่ พรรษา ณ เวฬคุ าม ใกลเ้ มอื งเวสาลี แคว้น
วชั ชี ในระหว่างนัน้ ทรงพระประชวรอย่างหนัก ครน้ั เมอื ถงึ วันเพญ็ เดอื น 6 พระพุทธ
องค์กบั พระภิกษสุ งฆท์ งั้ หลายกไ็ ปรับภตั ตาหารบณิ ฑบาตทบี า้ นนายจุนทะ ตามค่า
กราบทลู นมิ นต์ พระองค์เสวยสกู รมทั ทวะทนี ายจนุ ทะต้งั ใจท่าถวายก็เกดิ อาพาธลง
แต่ทรงอดกล้ันมุง่ เสด็จไปยงั เมืองกสุ นิ ารา ประทับ ณ ปา่ สาละ เพือเสดจ็ ดบั ขันธ์
ปรินพิ พาน
เมือถงึ ยามสุดทา้ ยของคืนนน้ั พระพุทธองคก์ ็ทรงประทานปัจฉมิ โอวาท
วา่ "ดูก่อนภิกษทุ ง้ั หลำยอันว่ำสังขำรทัง้ หลำยย่อมมีควำมเส่อื มสลำยไปเปน็
ธรรมดำ ทำ่ นทง้ั หลำยจงยังกิจทง้ั ปวงอนั เปน็ ประโยชนข์ องตนและประโยชน์ของ
ผ้อู ่ืนใหบ้ ริบูรณด์ ว้ ยควำมไมป่ ระมำทเถิด" หลังจากนั้นก็เสดจ็ เข้าดบั ขันธป์ รินพิ พาน
ในราตรีเพญ็ เดอื น 6 น้นั
หอ้ งสมดุ เพชรรตั น กศน.อำเภอพนุ พนิ
ประวตั คิ วำมเปน็ มำของวนั วิสำขบชู ำในประเทศไทย
ปรากฏหลักฐานว่า วันวิสำขบูชำ เริมต้นครั้งแรกในประเทศไทยตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี สันนิษฐานว่า
ได้รบั แบบแผนมาจากลังกา นนั คอื เมือประมาณ พ.ศ. 420 พระเจ้าภาตกิ ุราช กษัตริย์แหง่ กรุงลังกา ได้ประกอบพิธีวิสาขบู
ชาขึ้นเพือถวายเป็นพุทธบูชา จากนั้นกษัตริย์ลังกาพระองค์อืน ๆ ก็ปฏิบัติประเพณีวิสาขบูชานี้สืบทอดต่อกัน มา
ส่วนการเผยแผ่เข้ามาในประเทศไทยนั้น น่าจะเป็นเพราะประเทศไทยในสมัยกรุงสุโขทัยมีความสัมพันธ์ด้าน
พระพุทธศาสนากับประเทศลังกาอย่างใกล้ชิด เห็นได้จากมีพระสงฆ์จากลังกาหลายรูปเดินทางเข้ามาเผยแพร่
พ ร ะ พุ ท ธ ศ า ส น า แ ล ะ น่ า ก า ร ป ร ะ ก อ บ พิ ธี วิ ส า ข บู ช า เ ข้ า ม า ป ฏิ บั ติ ใ น ป ร ะ เ ท ศ ไ ท ย ด้ ว ย
ส่าหรับการปฏิบัติพิธีวิสาขบูชาในสมัยสุโขทัยนั้น ได้มีการบันทึกไว้ในหนังสือนางนพมาศ สรุปได้ว่า เมือถึงวันวิ
สาขบชู า พระเจา้ แผ่นดิน ข้าราชบริพาร ทั้งฝ่ายหน้าและฝ่ายใน ตลอดท้ังประชาชนชาวสุโขทัย จะช่วยกันประดับตกแต่ง
พระนครดว้ ยดอกไม้ พร้อมกับจุดประทีปโคมไฟให้ดูสว่างไสวไปทัวพระนคร เป็นเวลา 3 วัน 3 คืน เพือเป็นการบูชาพระ
รตั นตรัย ขณะทพี ระมหากษตั ริย์ และพระบรมวงศานุวงศ์ ก็ทรงศีลและทรงบ่าเพ็ญพระราชกุศลต่าง ๆ คร้ันตกเวลาเย็นก็
เสดจ็ พระราชดา่ เนนิ พรอ้ มดว้ ยพระบรมวงศานุวงศ์ และนางสนองพระโอษฐ์ ตลอดจนข้าราชการท้ังฝ่ายหน้าและฝ่ายใน ไป
ยังพระอารามหลวง เพือทรงเวียนเทียนรอบพระประธาน ส่วนชาวสุโขทัยจะรักษาศีล ฟังธรรม ถวายสลากภัตตาหาร
สัง ฆ ทา น อ า ห าร บิ ณฑ บ า ตแ ด่ พร ะ ภิ กษุ ส าม เ ณ ร บ ริจ า คทา นแก่ คนยา ก จน ท่ าบุ ญ ไถ่ ชี วิ ตสั ต ว์ ฯ ล ฯ
หลังจากสมัยสโุ ขทัย ประเทศไทยได้รับอิทธิพลของศาสนาพราหมณ์มากขึ้น ท่าให้ในช่วงสมัยกรุงศรีอยุธยา ธนบุรี
และรตั นโกสนิ ทรต์ อนต้น ไม่ปรากฏหลักฐานวา่ มีการประกอบพิธีวสิ าขบชู า จนกระทังมาถึงรัชสมยั พระบาทสมเด็จพระพุทธ
เลิศหล้านภาลัย รัชกาลที 2 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ (พ.ศ. 2360) มีพระราชด่าริทีจะให้ฟ้ืนฟูพิธีวิสาขบูชาข้ึนมาใหม่ โดย
สมเดจ็ พระสังฆราช (ม)ี สา่ นกั วดั ราชบูรณะ ถวายพระพรให้ทรงท่าข้นึ เป็นครง้ั แรก ในวันขึ้น 14 ค่า 15 ค่า และวันแรม 1
ค่า เดือน 6 พ.ศ. 2360 และให้จัดท่าตามแบบอย่างประเพณีเดิมทุกประการ เพือให้ประชาชนได้ท่าบุญ ท่ากุศล โดยทัว
หนา้ กัน การร้อื ฟ้นื พิธีวิสาขบูชาขึน้ มาในคราน้ี จึงถือเป็นแบบอย่างถือปฏิบัติในการประกอบพิธี วันวิสำขบูชำ ต่อเนืองมา
จวบจนกระทงั ปจั จบุ ัน
หอ้ งสมุดเพชรรตั น กศน.อำเภอพนุ พนิ
กำรประกอบพธิ ใี นวนั วสิ ำขบูชำ
กำรประกอบพธิ ใี น วนั วิสำขบชู ำ จะแบ่งออกเปน็ 3 พธิ ี ไดแ้ ก่
1. พิธีหลวง คอื พระราชพิธีสา่ หรบั พระมหากษัตรยิ ์ พระบรมวงศานุวงศ์ ประกอบในวันวิสาขบูชา
2. พธิ ีราษฎร์ คอื พธิ ีของประชาชนทวั ไป
3. พิธขี องพระสงฆ์ คือ พิธีทีพระสงฆป์ ระกอบศาสนกจิ
กจิ กรรมในวนั วสิ ำขบูชำ
กิจกรรมที่พทุ ธศำสนิกชนพงึ ปฏิบัตใิ น วนั วิสำขบชู ำ ไดแ้ ก่
1. ท่าบุญใส่บาตร กรวดน้่าอุทศิ ส่วนกศุ ลให้ญาติทลี ว่ งลับ และเจ้ากรรมนายเวร
2. จัดสา่ รบั คาว-หวานไปท่าบญุ ถวายภัตตาหารทวี ดั และปฏบิ ัตธิ รรม ฟงั พระธรรมเทศนา
3. ปล่อยนกปลอ่ ยปลา เพือสร้างบญุ สรา้ งกศุ ล
4. ร่วมเวียนเทียนรอบอุโบสถทีวดั ในตอนคา่ เพือร่าลกึ ถงึ พระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆ์
5. ร่วมกจิ กรรมเกยี วกับวนั สา่ คัญทางพทุ ธศาสนา
6. จดั แสดงนทิ รรศการ ประวัติ หรือเรืองราวความเปน็ มาเกียวกบั วันวสิ าขบชู า ตามโรงเรียน หรือสถานทีราชการ
ต่าง ๆ เพือให้ความรู้ และเป็นการร่วมรา่ ลกึ ถงึ ความส่าคัญของวันวิสาขบูชา
7. ประดับธงชาตติ ามอาคารบา้ นเรอื น วดั และสถานทีราชการ
8. บ่าเพญ็ สาธารณประโยชน์
ห้องสมดุ เพชรรัตน กศน.อำเภอพุนพนิ
หลกั ธรรมท่ีสำคญั ในวันวิสำขบชู ำ ทคี่ วรนำมำปฏบิ ัติ
ในวนั วิสำขบชู ำ พทุ ธศำสนกิ ชนท้ังหลำยควรยึดมัน่ ในหลักธรรม ซ่งึ หลกั ธรรมทค่ี วรนำมำปฏบิ ัติในวนั วสิ ำขบูชำ ได้แก่
1. ควำมกตัญญู
คอื การรคู้ ุณคน เปน็ คุณธรรมทคี กู่ บั ความกตเวที ซึงหมายถึงการตอบแทนคุณทีมผี ทู้ ่าไว้ ความกตญั ญูและความกตเวทนี ี้เปน็ เครอื งหมายของคน
ดี ท่าให้ครอบครวั และสงั คมมคี วามสขุ ซงึ ความกตัญญกู ตเวทีน้ันสามารถเกิดขน้ึ ได้กับทง้ั บดิ ามารดาและลกู ครูอาจารยก์ บั ศิษย์ นายจา้ งกับลกู จา้ ง ฯลฯ
ในพระพทุ ธศาสนา เปรียบพระพุทธเจา้ เสมอื นกับบพุ การี ผูช้ ใ้ี หเ้ หน็ ทางหลดุ พน้ แห่งความทกุ ข์ ดังนัน้ พทุ ธศาสนิกชนจงึ ควรตอบแทนความ
กตญั ญูกตเวทีด้วยการทา่ นบุ า่ รงุ พระพทุ ธศาสนา และด่ารงพระพทุ ธศาสนาให้อยสู่ บื ไป
2. อริยสจั 4
คือ ความจริงอนั ประเสริฐ 4 ประการ ทพี ระพุทธเจ้าทรงตรสั ร้ใู น วนั วสิ าขบูชา ได้แก่
- ทุกข์ คือ ปัญหาของชีวติ สภาวะทีทนได้ยาก ซึงทุกข์ขั้นพ้ืนฐาน คอื การเกดิ การแก่ และการตาย ล้วนเปน็ สิงทมี นษุ ยท์ ุกคนต้องเผชิญ
สว่ นทกุ ขจ์ ร คือ ทุกข์ทเี กิดข้นึ ในการด่าเนินชีวิตประจา่ วนั เชน่ การพลดั พรากจากสิงทเี ปน็ ทรี ัก หรือความยากจน เปน็ ตน้
- สมุทัย คอื ต้นเหตุของปัญหา หรอื สาเหตุของการเกดิ ทุกข์ และสาเหตสุ ่วนใหญ่ของปญั หาเกิดจาก "ตณั หา" อันได้แก่ ความอยากได้ตา่ ง
ๆ อย่างไม่มีทีส้ินสดุ
- นิโรธ คอื ความดบั ทุกข์ เป็นสภาพทีความทกุ ขห์ มดไป เพราะสามารถดับกเิ ลส ตณั หา อุปาทาน ออกไปได้
- มรรค คือ หนทางทีน่าไปสูก่ ารดับทกุ ข์ เป็นการปฏิบตั ิเพอื แกป้ ญั หา มี 8 ประการ ไดแ้ ก่ ความเห็นชอบ ดา่ ริชอบ วาจาชอบ กระท่า
ชอบ เลีย้ งชีพชอบ พยายามชอบ ระลึกชอบ ตงั้ จติ มนั ชอบ
3. ควำมไม่ประมำท
คอื การมสี ตติ ลอดเวลา ไม่วา่ จะท่าอะไร พดู อะไร คดิ อะไร ล้วนตอ้ งใช้สติ เพราะสติคือการระลกึ ได้ การระลกึ ได้อยู่เสมอจะท่าใหเ้ ราใช้
ชีวิตอยา่ งไม่ประมาท ซึงความประมาทนั้นจะทา่ ให้เกดิ ปญั หายงุ่ ยากตามมา ดังนน้ั ในวันนพ้ี ุทธศาสนกิ ชนจะพากนั นอ้ มระลกึ ถงึ พระพทุ ธเจา้ พระ
ธรรม และพระสงฆ์ ด้วยความมีสติ
วนั วสิ ำขบชู ำ นบั ว่าเป็นวันทมี คี วามส่าคญั ส่าหรบั พทุ ธศาสนกิ ชนทกุ คน เปน็ วันทีมกี ารท่าพธิ ีพุทธบชู า เพอื เปน็ การนอ้ มรา่ ลึกถงึ พระวิ
สุทธคิ ุณ พระปญั ญาธิคุณ และพระมหากรุณาธคิ ณุ ของพระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ ทมี ีต่อมวลมนษุ ย์และสรรพสตั ว์ อกี ท้ังเพอื เปน็ การรา่ ลกึ ถงึ เหตุการณ์
อนั น่าอัศจรรย์ทัง้ 3 ประการ ทีมาบังเกดิ ในวันเดยี วกนั และน่าหลักธรรมคา่ สงั สอนของพระพุทธองค์มาเปน็ แนวทางในการประพฤตปิ ฏบิ ตั ใิ นการ
ด่ารงชวี ิต ห้องสมดุ เพชรรตั น กศน.อำเภอพนุ พนิ