ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ หนังสือเรียน
รายวิชาพื้นฐานภาษาไทย
๑
"นระ - โนรา"
ศิลปะพื้นเมืองภาคใต้
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
หนังสือเรียน ชั้น
มัธรายวิชาพื้นฐาน ภาษาไทย
ยม
ศึก
ษา"นระ - โนรา" ศิลปะพื้นเมืองภาคใต้
ปี
ที่
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ๑
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
คณะผู้จัดทำ ที่ปรึกษา
นางสาวปาวีณา เย็นจิต อาจารย์อัจฉรา เทศขำ
นางสาวกัญจนา ข้องรัก
นางสาวนิสรินทร์ ยะโกะ
นางสาวบัลกีส มูเซะ
นางสาวณัฐฑริกา จูฮู้ง
ก
คำนำ
หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน ภาษาไทย "นระ - โนรา"
ศิลปะพื้นบ้านภาคใต้ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ เป็นหนังสือที่คณะ
ผู้จัดทำได้จัดทำขึ้นเพื่อให้ผู้เรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑
ได้ฝึกพัฒนาทักษะที่สำคัญตามสาระที่ ๑ การอ่าน สาระที่ ๕
วรรณคดีและวรรณกรรม ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้น
พื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
หนังสือเล่มนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับการอ่านวิเคราะห์ วิจารณ์
และแสดงความคิดเห็น อีกทั้งยังประกอบด้วยเนื้อหาเสริมใน
เรื่องความเชื่อเกี่ยวกับมโนราห์ ท่าทางการร่ายรำ และเครื่อง
แต่งกายของชุดมโนราห์
คณะผู้จัดทำจึงมีความมั่นใจว่า หนังสือเล่มนี้มีประโยชน์
ต่อนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ จนสามารถพัฒนาทักษะการ
อ่านและทักษะด้านวรรณคดีและวรรณกรรมตามหลักการใช้
ภาษาไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ขอขอบคุณ อาจารย์
อัจฉรา เทศขำ อาจารย์ประจำวิชาการพัฒนาหนังสือเรียน
ภาษาไทย ที่ให้คำแนะนำหนังสือสำเร็จลุล่วงตามวัตถุประสงค์
คณะผู้จัดทำ
ภาพจาก : https://www.pinterest.com
ข
สารบัญ
คำนำ ก
สารบัญ ข
แนวทางการใช้หนังสือ ค
เรื่องสั้น ๑
เนื้อหาหลัก ๕
๕
การอ่านจับใจความสำคัญ ๘
๑๔
อ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อยกรอง
เนื้อหาวรรณคดีและวรรณกรรม ๒๘
๒๘
เนื้อหาเสริม ๓๐
ความเชื่อเกี่ยวกับมโนราห์ ๓๔
ท่าทางการร่ายรำมโนราห์ ๔๐
การแต่งกายมโนราห์
อ่านเพิ่มเติม เสริมความหมาย ๔๑
๔๖
แบบฝึกหัดท้ายบทเรียน ๔๗
กิจกรรมท้ายบทเรียน ๕๒
แบบทดสอบหลังเรียน ๕๓
บรรณานุกรรม
คณะผู้จัดทำ
ภาพจาก : https://th.worldorgs.com
ค
แนวทางการใช้หนังสือ
หนังสือเรียน สาระการเรียนรู้พื้นฐานภาษาไทย เรื่อง
"นระ - โนรา" ศิลปะพื้นบ้านภาคใต้ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑
เป็นหนังสือที่คณะผู้จัดทำได้ศึกษาตัวอย่างการเขียนจาก
หนังสือเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ ประกอบเป็นตัวอย่าง
และแนวทางการศึกษาหาข้อมูลในเรื่องการอ่านวิเคราะห์
วิจารณ์ และแสดงความคิดเห็น อีกทั้งยังประกอบด้วย
เนื้อหาเสริมเรื่องความเชื่อเกี่ยวกับมโนราห์ ท่าทางการร่าย
รำ และเครื่องแต่งกายของชุดมโนราห์ ซึ่งเป็นการชี้แนะ
แนวทางของการหาข้อมูลให้ตรงกับตัวชี้วัดของผู้เรียน
ภาพจาก : https://www.pinterest.com
"นระ - โนรา" ศิลปะพื้นเมืองภาคใต้
เรื่องสั้น
ภาพจาก : https://www.pinterest.com ณ โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดพัทลุง
ช่วงพักเที่ยงหลังจากเลิกเรียนคาบเช้าเสร็จ
ท่ามกลางความหิวโหย และได้กลิ่นอาหาร
หอมกรุ่นจากโรงอาหาร นักเรียนต่างพากัน
มาซื้อข้าวและรับประทานกันอย่างอร่อย
และมีนักเรียนกลุ่มหนึ่งเดินไปนั่งในศาลาที่ประจำของพวกเขา พร้อมกับร้องรำทำ
เพลงอย่างสบายใจ “…ว่าออ ว่าออ โนราห์อกหัก เพราะไปหลงรัก เชื่อคำพี่บ่าวให้รอ
ว่าอีกไม่นานพี่จะไปขอ ไอเราก็รอ ไม่เห็นแม้ตอขันหมาก … ฮาย มันหายหัวนะพี่บ่าว
นั้น” บู้บี้ร้องเพลงพร้อมกับบ่นงึมงำ และทันใดนั้นมีเสียงเพื่อนในกลุ่มพูดขึ้นมาว่า
“เหโหมสู้ฉานได้ยินมาว่าต่อโพรกต่อรือวัดท่าแคจัดโนราโรงครู น่าไปแลจังเสีย”
ศรีแก้วพูดเกริ่นในเรื่องที่จะสนทนากันในเวลาว่างของชั่วโมงนี้
“หมัน เห็นแม่ไก่แหลงอยู่” กุ๊กไก่พูดต่อ
“และถ้ามีโนราที่ไหน แสดงว่าที่นั้นต้องมีหนูแดง” จ้อจี้เสริม
“เออ … แล้วหนูแดงไปรำกันหม้ายงานนี้” สาวนุ้ยเอ่ยถามหนูแดง เพื่อนสาวที่
บ้านมีโรงมโนราห์และมีการรำออกงานเป็ นประจำ
“ต้องไปอยู่แล้ว เพราะถ้าไม่ไปก็รู้สึกพรือโฉ้บอกไม่ถูก” หนูแดงที่ตอบกลับสาว
นุ้ยทันทีเมื่อโดนถาม และเมื่อศรีแก้วได้ยินคำตอบก็ถามกลับหนูแดงทันทีว่า
“โนราที่หนูแดงรำ เราอยากรู้ว่ามีเรื่องราวมาพันพรือ เล่าให้โหมเราฟั งทีได้
หม้าย?” ศรีแก้วถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นถึงเกี่ยวกับการรำมโนราห์ที่เป็ น
ศิลปะคู่บ้านคู่เมือง
ของภาคใต้ที่เด็กพัทลุงอย่างศรีแก้ว หนูแดง บู้บี้ และสาวนุ้ยพบเห็นได้บ่อยใน
จังหวัดพัทลุง เพราะพัทลุงมีการสร้างสวนศิลป์ ถิ่นโนราห์ ที่ตั้งอยู่อำเภอเขาชัยสน
จังหวัดพัทลุง ให้คนที่ขับรถผ่านเส้นทางไปหาดใหญ่และตรังได้เห็นถึงเอกลักษณ์
และเมื่อจบคำถามหนูแดงตอบรับ “เออ ได้” แล้วเล่าย้อนกลับไปช่วงที่ตัวเองอยู่ชั้น
ประถมศึกษาปี ที่ 5
๑
“ในวันพุธแรกของเดือนมีนาคม ที่บ้านยายได้จัดแสดงโนราโรงครู ถึงโนราโรง
ครูก็มี 2 แบบ คือ โรงครูใหญ่ ที่มีการรำโนราอย่างเต็มรูปแบบ จัดต่อเนื่องกัน 3
วัน 3 คืน จัดขึ้นวันพุธสิ้นสุดในวันศุกร์ แล้วก็ต้องทำประจำทุกปี หม้ายก็ 3 ปี หน
หรือ 5 ปี หน ส่วนอีกแบบ คือ โรงครูเล็ก เป็ นการรำโนราที่ใช้เวลาแค่ 1 วัน 1 คืน
จัดขึ้นวันพุธสิ้นสุดในวันหัสฯ แล้วถึงโรงครูเล็กนี่ เรียกอีกอย่างว่า การค้ำครู
เข้าใจหม้าย?” หนูแดงเกริ่นพร้อมถามความเข้าใจเพื่อน
“เออ ต่อเลยหนูแดง” เพื่อนหนูแดงตอบกลับอย่างเร็ว จนหนูแดงเริ่มเล่าต่อ
“ก็แม่นี่แหละพาเข้าไปที่หน้า ตาหลวง หรือ ตายายโนรา ที่เป็ นร่างทรงเพื่อให้
แกครอบเทริดให้ ตอนที่เข้าไปก็เอาขันหมาก ในขันก็มีหมากพลู 3 คำ ไปมอบให้
หัวคณะ ถ้าโนรารับขันหมากไว้แสดงว่ารับจะไปแสดง เรียกว่า ติดขันหมาก ตอน
นั้นใส่ชุดบ้านเข้าไปเพราะเป็ นหนแรก แต่โนรามีการแต่งตัวหลายสิ่ง การแต่งตัว
ของโนราก็มี เทริด เครื่องลูกปั ด ปี กนกแอ่น ทับทรวง หางหงส์ ผ้านุ่ม หน้าเพลา
ผ้าห้อย หน้าผ้า กำไล เล็บ” หนูแดงพักหายใจแล้วพูดต่อ
“ถึงท่ารำก็มีครัน มีตั้ง 83 ท่า แต่เรารำแค่ 12 ท่า เพราะใช้ท่ารำเฉพาะอย่าง
ในการรำมาตั้งแต่เอียด ๆ ก็มีท่าพนมมือ ท่ากนก ท่าเครือวัลย์ ท่าฉากน้อย ท่า
แมงมุมชักใย ท่าเขาควาย ท่ายืนประนมมือ ท่าจีบไว้ข้าง ท่าจีบไว้เพียงสะเอว ท่า
จีบไว้เพียงบ่า ท่าจีบไว้ข้างหลัง ท่าจีบไว้เสมอหน้า พอรำแล้วสวยหนัด” หนูแดง
เล่าจบแล้วพูดชมท่ารำของตัวเอง
“หมาโร้ไอ้ไหรไหม ยอเองเอาแค่แล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า โหมเราค่อยไปท่าแลวันงาน”
ศรีแก้วพูดต่อท้ายก่อนที่เสียงกระดิ่งเข้าห้องเรียนจะดังขึ้น ทุกคนต่างกันรีบวิ่งเข้า
ห้องเรียนเพื่อเรียนในคาบบ่ายจนถึงเวลาเลิกเรียน
ทั้ง 6 คนก็ต่างกันพากันกลับบ้าน...
๒
ภาพจาก : https://naamchoop.com
ในเช้าวันพุธ ณ วัดท่าแค กำลังจัดโรงมโนราห์เพื่อเตรียมการแสดงในยามค่ำคืนของ
คืนนี้ หน้าสนามหญ้าของวัดท่าแคต่างคึกคักไปด้วยแม่ค้าที่เตรียมขายของ ไม่ว่าจะ
เป็ นถั่วต้ม ข้าวตอก หรือแม้กระทั่งขนมจาก ต่างก็มาจับจองพื้นที่ขายของ และใน
ส่วนของคนที่ชื่นชอบไม่ว่าจะเป็ นคนในพื้นที่และต่างพื้นที่ เมื่อได้ยินข่าวคราวเรื่อง
การจัดงาน ทุกคนต่างก็พร้อมใจกันมา เพราะวัดท่าแคเป็ นวัดที่มีความเชื่อว่าเป็ น
ศูนย์กลางงานโนราโรงครูของภาคใต้ เป็ นดั่งศูนย์รวมศรัทธาของคนโนราจากทั่วทิศ
เนื่องจากเชื่อกันว่าวัดท่าแคเป็ นต้นกำเนิดของพิธีโนราโรงครูและเมื่อถึงเวลาพลบค่ำ
การแสดงเปิ ดโรงก็ได้เริ่มขึ้น เสียงเครื่องดนตรีเริ่มบรรเลงมีคนขับบทกลอนดังขึ้น
ควบคู่บทเพลง ผู้คนต่างจับจองพื้นที่เพื่อให้เห็นการแสดงได้อย่างชัดเจน มีทั้งยืน
บ้างนั่งบ้าง หนูแดงได้เริ่มการแสดงด้วยการขับบทกลอนและต่อด้วยการรำมโนราห์
ด้วยท่าทางที่สง่า เพื่อน ๆ ของหนูแดงไม่รอช้าที่จะเข้าไปดูหน้าเวที ในการแสดงคืน
นี้มีหลากหลายคณะที่ร่วมรำมโนราห์ ในการแสดงของแต่ละคณะมีการขับบทกลอน
ท่ารำที่แตกต่างกันไปที่เป็ นลักษณะเด่นของแต่ละคณะ แสดงให้เห็นถึงศิลปะการ
แสดงของแต่ละท่าทางการรำ อีกทั้งยังมีพิธีเหยียบเสน ซึ่งเชื่อกันว่า เสนเกิดจาก
การกระทำของผีโอกะแชง ซึ่งเป็ นผู้ที่เฝ้ าเสาโรงโนราและส่วนหนึ่งเป็ นเครื่องหมาย
ของครูหมอโนราเพื่อต้องการเอาเด็กคนนั้นมาเป็ นโนราโดยผ่านทางผีโอกะแชง เชื่อ
ว่าเสนไม่สามารถหายเองได้นอกจากให้โนราทำพิธีเหยียบเสนให้ในวันเข้าโรงครู และ
จะทำให้เสนค่อย ๆ หายไป และหากยังไม่หายก็จะต้องทำซ้ำให้ครบ 3 ครั้ง เสนจะ
หายไปในที่สุด ทำให้ชาวบ้านรวมไปถึงเพื่อนของหนูแดงได้เห็นถึงความงดงามของ
การรำมโนราห์และพิธีกรรมที่มีขึ้นในคืนนี้ สื่อให้ได้สัมผัสเกี่ยวกับความเชื่อของผู้คน
ในการแสดงครั้งนี้ และโนราโรงครูจะมีต่อในอีก 2 คืนข้างหน้า เพราะการแสดงครั้ง
นี้เป็ นการแสดงโนราโรงครูใหญ่ที่มีธรรมเนียมมาตั้งแต่โบราณ คือ การแสดงจะเริ่ม
ขึ้นในวันพุธสิ้นสุดในวันศุกร์ โดยจะมีระยะเวลาในการแสดงรวมทั้งสิ้น 3 วัน 3 คืน
เช้าวันพฤหัสบดี “แรกคืนตัวรำงามแค่แล้ว โหมเราไปยืนแลหน้าเวที ขนพองหมด
ตัวเก่งหนัด” บู้บี้ ศรีแก้ว กุ๊กไก่ จ้อจี้ และสาวนุ้ย ต่างก็พากันชมหนูแดงถึงการแสดง
ท่ารำอันอ่อนช้อยที่โรงโนราเมื่อคืน
“ขอบใจมากโหมสู้ ต่อคืนไปแลเราหล่าวนะ” หนูแดงกล่าวขอบคุณ พร้อมกับ
เชิญชวนเพื่อนไปชมการแสดงอีกในค่ำคืนนี้
๓
ภาพจาก : https://www.pinterest.com
เช้าวันศุกร์ “โหมสู้ คืนนี้คืนสุดท้ายมีแทงเข้ ไปกันหลาวนะ” หนูแดงเชิญชวนเพื่อน
“ไม่พลาดแน่นอน เราอยากแลมาตั้งนาน หว่างอีได้พบ แทงเข้ไม่ได้หาแลกันได้
ง่าย ๆ” จ้อจี้ตอบหนูแดงอย่างไม่ลังเล
“หมัน คืนนี้เราไปแต่หัววัน ไปจองที่ไว้ข้างหน้าได้เห็นชัด ๆ” กุ๊กไก่เสริม
เมื่อถึงเวลาช่วงค่ำตืนที่รอคอย การแสดงรำมโนราห์คืนสุดท้ายได้เริ่มขึ้น ชาวบ้าน
และผองเพื่อนของหนูแดงต่างก็ไปจับจองที่นั่งกันตั้งแต่ฟ้ าไม่มืด ทุกคนพร้อมใจกัน
ไปดูพิธีกรรมแทงเข้ เป็ นอีกหนึ่งพิธีสำคัญในงานโรงครูวัดท่าแค เชื่อกันว่า ตัว
จระเข้ เป็ นตัวแทนของสิ่งไม่ดี จึงมีการสร้างตัวจระเข้จำลองไว้หน้าโรงโนราตั้งแต่
วันแรก และให้ผู้คนทำบุญโดยนำข้าวของมาใส่ไว้ในปากจระเข้ ด้วยเชื่อว่าเป็ นการ
ทำบุญสะเดาะเคราะห์ เพราะเมื่อทำพิธีจะมีการแทงจระเข้ และเมื่อจระเข้ถูกแทง
ตายจะนำไปลอยน้ำ ทุกข์โศกโชคร้ายก็จะให้ลอยไปพร้อมกับจระเข้ เมื่อเสร็จพิธี
ปิ ดจบการแสดงทุกคนต่างได้รับบุญ รับสุขร่วมกัน ชาวบ้านพร้อมกับเพื่อนของหนู
แดงต่างก็พากันกลับบ้านอย่างมีความสุข และยังคงชื่นชอบ พร้อมกับรอคอยที่จะ
กลับมานั่งดูการแสดงโนราโรงครูอีกครั้ง
ภาพจาก : https://www.pinterest.com ๔
ข้อคิดที่ได้รับ
ความเชื่อและศรัทธา เป็ นดาบสองคม หากไม่มี "สติและปั ญญา"
คอยกำกับ ก็จะกลายเป็ นความงมงาย
"นระ - โนรา" ศิลปะพื้นเมืองภาคใต้ เนื้อหา
หลัก
การอ่านจับใจความสำคัญ
การอ่านจับใจความสำคัญ
การอ่านเพื่อจับใจความ หรือข้อคิด ความคิดสำคัญหลักของข้อความ หรือเรื่องที่
อ่าน เป็ นข้อความที่คลุมข้อความอื่น ๆ ในย่อหน้าหนึ่ง ๆ ไว้ทั้งหมด
ใจความสำคัญ หมายถึง ใจความที่สำคัญ และเด่นที่สุดในย่อหน้าเป็ นแก่นของ
ย่อหน้าที่สามารถครอบคลุมเนื้อความในประโยคอื่นๆในย่อหน้านั้นหรืประโยค
ที่สามารถเป็ นหัวเรื่องของย่อหน้านั้นได้ ถ้าตัดเนื้อความของประโยคอื่นออก
หมด หรือสามารถเป็ นใจความหรือประโยคเดี่ยว ๆ ได้ โดยไม่ต้องมีประโยคอื่น
ประกอบซึ่งในแต่ละย่อหน้าจะมีประโยคในความสำคัญเพียงประโยคเดียว
หรืออย่างมากไม่เกิน ๒ ประโยค
ใจความรอง หรือพลความ(พน-ละ-ความ) หมายถึง ใจความ หรือประโยคที่
ขยายความประโยคใจความสำคัญเป็ นใจความสนับสนุนใจความสำคัญ
ให้ชัดเจนขึ้น อาจเป็ นการอธิบายให้รายละเอียด ให้คำจำกัดความ
ยกตัวอย่าง เปรียบเทียบ หรือแสดงเหตุผลอย่างถี่ถ้วน เพื่อสนับสนุนความคิด
ส่วนที่มิใช่ใจความสำคัญและมิใช่ใจความรองแต่ช่วยขยายความให้มากขึ้น
คือรายละเอียด
หลักการจับใจความสำคัญ
๑. ตั้งจุดมุ่งหมายในการอ่านให้ชัดเจน
๒. อ่านเรื่องราวอย่างคร่าวๆ พอเข้าใจ และเก็บใจความสำคัญของแต่ละย่อหน้า
๓. มื่ออ่านจบให้ตั้งคำถามตนเองว่า เรื่องที่อ่าน มีใคร ทำอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่
อย่างไร
๔. นำสิ่งที่สรุปได้มาเรียบเรียงใจความสำคัญใหม่ด้วยสำนวนของตนเองเพื่อให้เกิด
ความสละสลวย
๕
"นระ - โนรา" ศิลปะพื้นเมืองภาคใต้ เนื้อหา
หลัก
การอ่านจับใจความสำคัญ
วิธีจับใจความสำคัญ
วิธีการจับใจความมีหลายอย่าง ขึ้นอยู่กับความชอบว่าอย่างไร เช่น การขีดเส้นใต้
การใช้สีต่างๆ กัน แสดงความสำคัญมากน้อยของข้อความ การบันทึกย่อเป็ น
ส่วนหนึ่งของการอ่านจับใจความสำคัญที่ดี แต่ผู้ที่ย่อควรย่อด้วยสำนวนภาษา
และสำนวนของตนเองไม่ควรย่อด้วยการตัดเอาข้อความสำคัญมาเรียงต่อกัน
เพราะอาจทำให้ผู้อ่านพลาดสาระสำคัญบางตอนไปอันเป็ นเหตุให้การตีความผิด
พลาดคลาดเคลื่อนได้ วิธีจับใจความสำคัญมีหลักดังนี้
๑. พิจารณาทีละย่อหน้า หาประโยคใจความสำคัญของแต่ละย่อหน้า
๒. ตัดส่วนที่เป็ นรายละเอียดออกได้ เช่น ตัวอย่าง สำนวนโวหาร อุปมา อุปไมย
(การเปรียบเทียบ) ตัวเลข สถิติ ตลอดจนคำถามหรือคำพูดของผู้เขียนซึ่งเป็ น
ส่วนขยายใจความสำคัญ
๓. สรุปใจความสำคัญด้วยสำนวนภาษาของตนเอง
การพิจารณาตำแหน่งใจความสำคัญ
ใจความสำคัญของข้อความในแต่ละย่อหน้าจะปรากฏดังนี้
๑. ประโยคใจความสำคัญอยู่ตอนต้นของย่อหน้า
๒. ประโยคใจความสำคัญอยู่ตอนกลางของย่อหน้า
๓. ประโยคใจความสำคัญอยู่ตอนท้ายของย่อหน้า
๔. ประโยคใจความสำคัญอยู่ตอนต้นและตอนท้ายของย่อหน้า
๕. ผู้อ่านสรุปขึ้นเอง จากการอ่านทั้งย่อหน้า(ในกรณีใจความสำคัญหรือความคิด
สำคัญอาจอยู่รวมในความคิดย่อย ๆ โดยไม่มีความคิดที่เป็ นประโยคหลัก)
๖
ตัวอย่างตำแหน่งใจความสำคัญ
ใจความสำคัญอยู่ตอนต้นย่อหน้า
ความสมบูรณ์ของชีวิตมาจากความเข้าใจชีวิตเป็ นพื้นฐาน คือ เข้าใจ
ธรรมชาติ เข้าใจความเป็ นมนุษย์ และความสัมพันธ์ที่เกื้อ-กูลกันระหว่างมนุษย์
กับมนุษย์ และมนุษย์กับธรรมชาติ มีความรัก ความเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์และ
ธรรมชาติอย่างจริงใจ
ใจความสำคัญอยู่ตอนท้ายย่อหน้า
ความเครียดทำให้เพิ่มฮอร์โมนอะดรีนาลีนในเลือด ทำให้หัวใจเต้นเร็ว
เส้นเลือดบีบตัว กล้ามเนื้อเขม็งตึง ระบบย่อยอาหารผิดปกติเกิดอาการปวดหัว
ปวดท้อง ใจสั่น แข้งขาอ่อนแรง ความเครียดจึงเป็ นตัวการให้แก่เร็ว
ใจความสำคัญอยู่ตอนกลางย่อหน้า
โดยทั่วไปผักที่ขายตามท้องตลาดส่วนใหญ่เกษตรกรมักใช้สารกำจัด
ศัตรูพืช หากไม่มีความรอบคอบในการใช้ จะทำให้เกิดสารตกค้าง ทำให้มีปั ญหา
ต่อสุขภาพฉะนั้นเมื่อซื้อผักไปรับประทานจึงควรล้างผักด้วยน้ำหลายๆครั้งเพราะ
จะช่วยกำจัดสารตกค้างไปได้บ้างบางคนอาจแช่ผักโดยใช้น้ำผสมโซเดียมไบ
คาร์บอเนตก็ได้ แต่อาจทำให้วิตามินลดลง
ใจความสำคัญอยู่ทั้งตอนต้นและตอนท้ายย่อหน้า
การรักษาศีลเพื่อบังคับตนเองให้มีระเบียบวินัยในการกระทำทุกสิ่งทุก
อย่าง เช่น เรามาอยู่วัด มานุ่งขาวห่มขาว ไม่ใช่ถือแต่ศีลแปดข้อเท่านั้น แต่เราต้อง
นึกว่าศีลนั้นคือความมีระเบียบ มีวินัย เราเดินอย่างมีระเบียบมีวินัย นั่งอย่างมี
ระเบียบ กินอย่างมีระเบียบ ทำอะไรก็ทำอย่างมีระเบียบนั่นเป็ นคนที่มีศีล ถ้าเรา
ไม่มีระเบียบก็ไม่มีศีล
(ใจความสำคัญ ไม่ปรากฏในส่วนใดส่วนหนึ่ง ต้องสรุปเอง)
ใจความสำคัญไม่ปรากฏในส่วนใด ต้องสรุปเอง
การเดิน การว่ายน้ำ การฝึ กโยคะ การออกกำลังกายด้วยอุปกรณ์ต่างๆ
ตลอดจนการหายใจลึกๆ ล้วนมีส่วนทำให้สุขภาพแข็งแรง
(ใจความสำคัญ คือ การทำให้สุขภาพแข็งแรงทำได้หลายวิธี)
๗
"นระ - โนรา" ศิลปะพื้นเมืองภาคใต้ เนื้อหา
หลัก
การอ่านบทร้อยแก้ว
การอ่านออกเสียงร้อยแก้ว หมายถึง การอ่านหนังสือโดยการที่ผู้อ่าน
เปล่งเสียงออกมาดัง ๆ ในขณะที่อ่าน โดยมีจุดมุ่งหมายที่แตกต่างกัน เช่น
เพื่อถ่ายทอดความรู้เพื่อสร้างความบันเทิงและความพอใจซึ่งการออกเสียง
ในแต่ละครั้งมีจุดมุ่งหมายหลาย ๆประการรวมกัน หรือมีจุดมุ่งหมายเฉพาะ
เช่น การอ่านประการศ การอ่านรายงานแถลงการณ์ การอ่านนิทานฯลฯ
ผู้อ่านต้องคำนึงการอ่านให้ถูกต้องตามอักขรวิธีการใช้น้ำเสียงและลีลาใน
การอ่านให้สอดคล้องเหมาะสมกับเรื่องและควรปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ
ประเภทของร้อยแก้ว
บันเทิงคดี เป็ นลักษณะงานเขียนที่มีเนื้อหามุ่งเสนอเรื่องที่แต่งขึ้นจาก
จินตนาการ เพื่อความเพลิดเพลินเป็ นหลัก
• นิทาน • เรื่องสั้น • นวนิยาย
• นิยายอิงพงศาวดาร • นิทานชาดก
สารคดี เป็ นลักษณะงานเขียนที่มีเนื้อหามุ่งเสนอ ข้อเท็จจริงที่เป็ นความรู้ ข้อคิด
เป็ นหลัก
• ความเรียง • บทความ
• สารคดี • รายงาน
• พงศาวดาร • กฎหมาย
• จดหมายเหตุ • พระราชหัตถเลขา
• จารึก • คัมภีร์ศาสนา
๘
"นระ - โนรา" ศิลปะพื้นเมืองภาคใต้ เนื้อหา
หลัก
การอ่านบทร้อยแก้ว
หลักการอ่านออกเสียงร้อยแก้ว
• ศึกษาเรื่องที่จะอ่านให้เข้าใจ
• อ่านให้ถูกต้องตามอักขรวิธีในภาษา
• ต้องมีสมาธิและมั่นใจ
• อ่านออกเสียงให้เป็ นเสียงพูด ไม่ดัดเสียงหรือใช้เสียงแหลมเกินไป
• อ่านออกเสียงให้ดังพอประมาณ ไม่ตะโกนหรือแผ่วเกินไป
• กำหนดความเร็วให้เหมาะสมกับผู้ฟั งและเรื่องที่อ่าน
• อ่านให้ถูกจังหวะวรรคตอน
• อ่านเน้นคำที่สำคัญและคำที่ต้องการ เพื่อให้เกิดจินตภาพที่ต้องการ
• เมื่ออ่านข้อความที่มีเครื่องหมายวรรคตอนกำกับ ควรอ่านให้ถูกต้อง
ตามหลักภาษาส่วนคำที่ใช้อักษรย่อต้องอ่านให้เต็มคำ
• เมื่ออ่านจบย่อหน้าหนึ่งควรผ่อนลมหายใจและเมื่อขึ้นย่อหน้าใหม่ควร
เน้นเสียงทอดเสียงให้ช้าลงกว่าปกติเล็กน้อย
๙
"นระ - โนรา" ศิลปะพื้นเมืองภาคใต้ เนื้อหา
หลัก
การอ่านบทร้อยกรอง
การอ่านออกเสียงร้อยกรองอย่างภาษาพูด อ่านเหมือนร้อยแก้ว โดยต้อง
คำนึงถึงวรรคและจังหวะ ส่วนการอ่านออกเสียงร้อยกรองอย่างทำนองเสนาะ ต้อง
อ่านให้เต็มเสียง ทอดจังหวะให้ช้า และต่อเนื่องกัน โดยต้องคำนึงถึงผังบังคับของบท
ประพันธ์แต่ละประเภท
คนไทยเป็ นผู้มีอารมณ์สุนทรีย์ จึงได้คิดประดิษฐ์ลีลาท่วงทำนองการอ่านบท
ร้อยกรองให้หลากหลาย เช่น การขับ การร้อง การกล่อม การเห่ การแหล่
การพากย์ การอ่านแบบท านองเสนาะ
• ภาษาไทยเป็ นภาษาดนตรีมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
คือ มีเสียงวรรณยุกต์ ๕ ระดับเสียง
• เมื่อนำถ้อยคำมาเรียงร้อยเข้าด้วยกันแล้ว จะก่อให้เกิดบทร้อยกรองหลาย
ลักษณะ เช่น
• กาพย์ • กลอน
• โคลง • ร่าย
• ฉันท
การอ่านบทร้อยกรอง ๑๐
อ่านได้ ๒ ลักษณะ
อ่านออกเสียงธรรมดา : อ่านออกเสียงเช่นเดียวกับการอ่านร้อยแก้ว
• เป็ นการอ่านออกเสียงพูดธรรมดาแต่ต้องเว้นจังหวะ
วรรคตอนให้ถูกต้องตามลักษณะบังคับของคำประพันธ์แต่ละชนิด
• มีการเน้นคำรับสัมผัสเพื่อเพิ่มความไพเราะ ใส่อารมณ์ให้เหมาะ
สมสอดคล้องกับเนื้อหาที่อ่านได้
"นระ - โนรา" ศิลปะพื้นเมืองภาคใต้ เนื้อหา
หลัก
การอ่านบทร้อยกรอง
อ่านทำนองเสนาะ : อ่านเป็ นทำนอง เพื่อความไพเราะ
• เป็ นการอ่านที่มีสำเนียงสูง ต่ำ หนัก เบา ยาว สั้น ทอดเสียง เอื้อน
เสียง เน้นจังหวะ เน้นสัมผัสในชัดเจนไพเราะ และทำให้เกิดอารมณ์
คล้อยตาม
• ต้องมีสำเนียง น้ำเสียงที่เหมาะสมกับลักษณะเนื้อความ ที่อ่าน ซึ่ง
เป็ นสิ่งที่ต้องฝึ กฝนโดยเฉพาะ
หลักเกณฑ์ในการอ่าน
- ศึกษาคำประพันธ์ประเภทต่างๆ ให้เข้าใจถ่องแท้ จดจำรูปแบบและข้อบังคับให้
แม่นยำ
- อ่านบทร้อยกรองเป็ นสำเนียงการอ่านร้อยแก้วธรรมดาให้ได้จังหวะหรือช่วงเสียง
ตามรูปแบบร้อยกรองชนิดนั้นๆ
- ฝึ กอ่านทอดเสียงโดยอ่านผ่อนเสียงและผ่อนจังหวะให้ช้าลง เป็ นขั้นตอนที่ต่อ
เนื่องจากการอ่านคำแต่ละคำให้ชัดเจน
- อ่านแบบใส่ทำนองเสนาะ ควรฝึ กแบ่งช่วงเสียงของคำในแต่ละวรรคให้ถูกต้อง
โดยคำนึงถึงความหมายเป็ นสำคัญ
วิธีการอ่าน
การอ่านทำนองเสนาะจะไพเราะหรือไม่ ขึ้นอยู่กับน้ำเสียงและความสามารถ
ของผู้อ่าน โดยมีครื่องหมายวรรคตอนในการอ่าน ดังนี้
/ การหยุดเว้นช่วงจังหวะสั้นๆ ๑๑
// การหยุดเว้นช่วงจังหวะที่ยาวกว่าเครื่องหมาย /
"นระ - โนรา" ศิลปะพื้นเมืองภาคใต้ เนื้อหา
หลัก
ข้อควรคำนึงในการอ่านกลอน
• อ่านให้ถูกทำนองของกลอนประเภทนั้นๆ
• อ่านออกเสียงคำให้ถูกต้องตามอักขรวิธี
• อ่านคำให้เอื้อสัมผัสในเพื่อเพิ่มความไพเราะ
• ใส่อารมณ์ให้เหมาะสมกับเนื้อความ
- เนื้อความบรรยายความตื่นตัน
ควรอ่านช้าบ้าง เร็วบ้าง ดังบ้าง ค่อยบ้าง
เพื่อให้เร้าใจตามความหมายของเนื้อความ
- เนื้อความบรรยายธรรมชาติ
ควรอ่านด้วยเสียงเนิบ นุ่ม กังวาน แจ่มใส ชัดเจน
• อ่านให้ถูกช่วงเสียงหรือจังหวะของกลอน
๑๒
ตัวอย่างกลอน ๑๓
กลอนมโนราห์
สิบนิ้ว ประนม บังคม ยอไหว้
พี่น้อง เหนือใต้ ที่ได้ ชมหนู
จะขอ ร่ายรำ ประจำ บทครู
ที่พวก หนูหนู ได้ฝึก กันมา
ทุกท่า ทุกทาง ฝึกร่าง ร่ายรำ
ร่ายรำ ประจำ ทำท่า นี้หนา
รำแบบ บทครู น้องหนู มโนราห์
หากรำ ผิดท่า ลูกขอ อภัย
ลูกเสียง ไม่ดี ท่าที ร้องขับ
ไม่เข้า เสียงทับ เสียงกลอง เสียงใส
ถ้ารำ ไม่ดี ลูกไม่โทษ ปีกลองใคร
เพราะลูก หัดใหม่ จงอภัย ลูกเอย
...หยาดกวี...
"นระ - โนรา" ศิลปะพื้นเมืองภาคใต้ เนื้อหา
วรรณคดีและวรรณกรรม หลัก
วรรณคดี ตามพจนานุกรมฉบับราชบัญฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒
หมายถึง หนังสือที่ได้รับยกย่องว่าแต่งดี คือภาษาดี รูปแบบดี เนื้อหา
สาระดี และกลวิธีการแต่งดี มุ่งให้เกิดความรู้สึกทางอารมณ์ได้ดี ไม่มุ่ง
ให้ข้อเท็จจริง
คำว่า วรรณคดี ปรากฏครั้งแรกในพระราชณกฤษฎีกาจัดตั้ง
วรรณคดีสโมสรเมื่อวันที่ ๒๓ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๕๗ ในรัชกาล
พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเก้าเจ้าอยู่หัวเพื่อใช้แทนคำว่า literature ใน
ภาษาอังกฤษวรรณคดีประกอบด้วยคำว่า วรรณ (สี ผิว ชนิด หนังสือ )
และคำว่า คดี (เรื่อง แนวทางการดำเนินไป) รวมกันแปลว่า เรื่องที่แต่ง
เป็ นหนังสือ ซึึ่งหมายถึงเฉพาะหนังสือที่แต่งดีเท่านั้น มีทั้งประเภทร้อย
แก้วและร้อยกรอง เรื่องน่ารู้
คำว่า วรรณกรรม ปรากฏครั้งแรกใน วรรณคดีที่บรรพบุรุษสร้าง
ขึ้นและสืบทอดมาถึงรุ่นลูก
พระราชบัญญัติคุ้มครองศิลปะและวรรณกรรม หลานเรียกว่าวรรณคดี
มรดกส่วนวรรณคดีที่เขียน
พ.ศ. ๒๔๗๔ บัญญัติจากคำว่า literature เช่น ขึ้นโดยได้รับอิทธิพลจาก
ตะวันตกเรียกว่าวรรณคดี
เดียวกันแบ่งเป็ น ๒ ประเภท คือ ร้อยแก้วและ ปั จจุบัน
ร้อยกรอง หนังสือที่จัดเป็ นวรรณกรรมจะต้อง
แต่งดีมีศิลปะในการเรียบเรียงก่อให้เกิด
ประโยชน์แก่ผู้อ่าน และมีแก่นสารที่สามารถ
ยึดถือนำมาอ้างอิงได้
จะเห็นได้ว่า วรรณคดีกับวรรณกรรมนั้น
แตกต่างกันเพราะวรรณคดีหมายถึงเฉพาะ
หนังสือที่แต่งดีเท่านั้น ส่วนวรรณกรรมจะหมาย
ถึงงานเขียนทุกประเภทที่มีแก่นสารและเป็ น
ประโยชน์ถ้าหากวรรณกรรมนั้น ๆ เรียบเรียงดี
มีคุณค่า ก็จะได้รับยกย่องเป็ นวรรณคดีได้ ๑๔
"นระ - โนรา" ศิลปะพื้นเมืองภาคใต้ เนื้อหา
หลัก
คุณค่าของวรรณคดีและวรรณกรรม
วรรณคดีและวรรณกรรมมีคุณค่าและมีประโยชน์ต่อผู้อ่านใน
ด้านต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
๑. ด้านสติปั ญญา ได้แก่ ความรู้ ข้อคิด ความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องต่าง
ๆ เช่น ภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ ศาสนา วิทยาศาสตร์ ศิลปศาสตร์
สุขศึกษา
๒. ด้านอารมณ์ ได้แก่ ความสนุกสนานเพลิดเพลิน วรรณกรรมบาง
เรื่องก่อให้เกิดความรู้สึกสะเทือนใจ ประทับใจ เกิดอารมณ์คล้อยตาม
และเสริมสร้างจินตนาการ
๓. ด้านสังคมและวัฒนธรรม ได้แก่ วรรณคดีและวรรณกรรมที่ก่อให้
เกิดแง่คิดในการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงสังคม มีการถ่ายทอดระเบียบ
แบบแผน ประเพณี ค่านิยมของสังคมจากคนรุ่นหนึ่งไปสู่อีกรุ่นหนึ่ง
ทำให้สังคมพัฒนาและเกิดความเข้าใจอันดีต่อกัน
๔. ด้านภาษา ภาษาและถ้อยคำสำนวนโวหารที่ปรากฏในวรรณคดี
และวรรณกรรมส่วนใหญ่จะเป็ นโวหารที่ดี ไพเราะ สามารถนำมาใช้
เป็ นแนวทางในการศึกษาและพัฒนาการเขียนได้เป็ นอย่างดี
๑๕
ภาพจาก : https://www.pinterest.com
"นระ - โนรา" ศิลปะพื้นเมืองภาคใต้ เนื้อหา
หลัก
ประเภทของวรรณคดีและวรรณกรรม
การแบ่งประเภทของวรรณคดีแล้ววรรณกรรมมีหลายลักษณะ ดังนี้
๑. จำแนกตามลักษณะการแต่ง แบ่งออกเป็ น ๒ ประเภทคือ
๑. ร้อยแก้ว แต่งเป็ นความเรียงธรรมดา แต่มีรูปแบบโดยเฉพาะ และ
มีความไพเราะด้วยเสียงและความหมาย เช่น นิทาน นิยาย สารคดี
บทความ
๒. ร้อยกรอง แต่งตามฉันทลักษณ์ คือ มีกำหนดคณะและสัมผัสตาม
ลักษณะบังคับ ได้แก่ จำนวนคำและจำนวนวรรคในแต่ละบท กำหนด
สัมผัส กำหนดคำเอก คำโท หรือกำหนดครุ ลหุ ร้อยกรอง ได้แก่ กาพย์
กลอน โคลง ฉันท์ ร่าย และลิลิต
๒.จำแนกตามจุดมุ่งหมายในการแต่ง แบ่งออกเป็ น ๒ ประเภท คือ
๑. มุ่งให้ความรู้แก่ผู้อ่านเป็ นหลัก เรียกว่า สารคดี เป็ นหนังสือหรือ
วรรณกรรมที่ใช้กลวิธีการเขียนเฉพาะ เพื่อให้ผู้อ่านสนใจและเกิดความ
สนุกสนาน เช่น สารคดีท่องเที่ยว สารคดีวิทยาศาสตร์
๒. มุ่งให้ความสนุกสนานเพลิดเพลิน เรียกว่า บันเทิงคดี แต่อาจ
แฝงคติชีวิตและคุณค่าอื่น ๆ ด้วยก็ได้ เช่น นวนิยาย เรื่องสั้น นิทาน
๓. จำแนกตามลักษณะการบันทึก แบ่งออกเป็ น ๒ ประเภท คือ
๑. วรรณคดีบันทึกเป็ นลายลักษ์อักษร ได้แก่ วรรณคดีที่บันทึกใน
ใบลาน สมุดช้อย กระดาษ และอื่น ๆ อาจจะเป็ นตัวจารึกตัวเขียนหรือ
ตัวพิมพ์เล็ก
๒. วรรณคดีที่ไม่ได้บันทึกเป็ นลายลักษ์อักษร ได้แก่ วรรณคดีที่
บอกเล่าและจดจำสืบต่อกันมา เรียกฃอีกอย่างหนึ่งว่า วรรณคดีมุขปาฐะ
เช่นเพลงพื้นเมือง บทเห่กล่อม นิทานพื้นบ้าน ปริศนาคำทาย
๑๖
"นระ - โนรา" ศิลปะพื้นเมืองภาคใต้ เนื้อหา
หลัก
ประเภทของวรรณคดีและวรรณกรรม
พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งวรรณคดีสโมสร ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระ
มงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวกำหนดประเภทของวรรณคดีและพิจารณาหนังสือที่
เป็ นยอดของวรรณคดีแต่ละประเภทไว้ ดังนี้
๑. กวีนิพนธ์ คือ เรื่องที่แต่งเป็ นโคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน
๒. ละครไทย คือ เรื่องที่แต่งเป็ นกลอนแปด มีกำหนดนาบพาทย์
๓. นิทาน คือ เรื่องราวอันผูกขึ้นและแต่งเป็ นร้อยแก้ว
๔. ละครพูด คือ เรื่องราวที่เขียนขึ้นเพื่อใช้แสดงบนเวที
๕. อธิบาย คือ ความเรียงร้อยแก้วขนาดสั้นที่กล่าวถึงเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
ภาพจาก : https://www.google.com
๑๗
"นระ - โนรา" ศิลปะพื้นเมืองภาคใต้ เนื้อหา
การจำแนกประเภทของวรรณคดี หลัก
มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้เก็บรวบรวมหลักฐานการค้นคว้าข้อมูลและ
การศึกษาวรรณคดีนั้น ๆ ได้สะดวก ส่วนการที่จะได้รับประโยชน์มากหรือ
น้อยก็ขึ้นอยู่กับตัวผู้อ่านเองว่าจะมีความสนใจใคร่รู้มากน้อยเพียงใด
ศิลปะการประพันธ์ในวรรณคดีและวรรณกรรมไทย
การแต่งวรรณคดีให้มีความงาม ความไพเราะ และมีความหมาย
กับใจผู้อ่านนั้น ผู้แต่งจะต้องคิดเนื้อเรื่อง และกลวิธีในการแต่งให้เหมาะ
สมลงตัว เพื่อจะได้สื่อความหมาย ความไพเราะสละสลวยให้แก่ผู้อ่านตาม
ที่ผู้เขียนต้องการ วิธีการรถคันดังกล่าวมีหลายวิธีแต่ที่จะกล่าวถึงในระดับ
ชั้นนี้ก็คือ การเล่นเสียง การเล่นคำ การใช้ภาพพจน์
๑. การเล่นเสียง
การเล่นเสียง คือ การเลือกสรรถ้อยคำให้มีความสละสลวย ไพเราะ
น่าฟั ง มีการเล่นเสียงในลักษณะต่าง ๆ ดังนี้
๑.๑ การเล่นเสียงเป็ นพยัญชนะ คือ การใช้คำที่มีเสียงพยัญชนะ
เสียงเดียวกันหรือสัมพันธ์พยัชนะหลายพยางค์วางเรียงติด ๆ กันโดย
ทั่วไปในบทร้อยกรองจะไม่บังคับสัมผัสพยัญชนะแต่ผู้แต่งนิยมให้มีเสียง
สัมผัสพยัญชนะ ทั้งนี้เพื่อความไพเราะของบทร้อยกรอง เช่น
"เขาขันคูคู่คู้ เคียงสอง
เยื้องย่างนางยูงทอง ท่องท้อง
ทิวทุ้งทุ่งทุงมอง มัจฉพราศ
เทาเท่าเท้ายางหย้อง เลียบลิ้มริมธาร"
(โคลงอักษรสามหมู่ : พระศรีมโหสถ)
คำว่า เขาขันคูคู่คู้ เยื้องย่างยูง ท่องท้อง ทิวทุ้ง ทุ่งทุง
เทาเท่าเท้า ยางหย้อง เลียบลิ้ม เป็ นคำที่มีเสียงพยัญชนะเดียวกัน
๑๘
"นระ - โนรา" ศิลปะพื้นเมืองภาคใต้ เนื้อหา
ศิลปะการประพันธ์ในวรรณคดีและวรรณกรรมไทย หลัก
๑.๒ การเล่นเสียงสระ คือ การใช้คำคล้องจองที่มีเสียงสระเดียวกัน
หรือสัมผัสสระหลายพยางค์ติดกัน บทร้อยกรองโดยทั่วไปจะบังคับสัมผัส
สระซึ่งเป็ นสัมผัสนอก แต่การเล่นเสียงสระจะนำคำที่มีเสียงสระเดียวกัน
เสียงตัวสะกดมาตราเดียวกันแต่เสียงเพลงพยัญชนะต้นเสียงเดียวกันหรือไม่
ก็ได้ เช่น
"เสนาสูสู่สู้ ศรแผลง
ยิงค่ายทลายเมืองแยง แย่งแย้ง
รุกร้นร่นรนแรง ฤทธิ์รีบ
ลวงล่วงล้วงวังแว้ง รวบเร้าเอามา
(โคลงอักษรสามหมู่ : พศรีมโหสถ)
คำว่า สู-สู่-สู้ เป็ นคำที่ประสมด้วยสละเสียงเดียวกัน
คำว่า แยง-แย่ง-แย้ง,ร้น-ร่น-รน,ลวง-ล่วง-ล้วง เป็ นคำที่ประสมด้วยสละ
เสียงเดียวกันและตัวสะกดเสียงเดียวกันด้วย
เรื่องน่ารู้
สัมผัสพยัญชนะแต่เดิมเรียกว่าสัมผัสอักษร แต่เนื่องจาก
คำว่า อักษร หมายความรวมถึงเป็ นชนะและสระจึงนิยม
เรียกว่า สัมผัสพยัญชนะ เพื่อจะได้แยกระหว่างสัมผัสสละ
เนตและสัมผัสพยัญชนะออกจากกันอย่างชัดเจน
๑.๓ การเล่นเสียงวรรณยุกต์ คือ การไล่ระดับเสียงวันในยุคมี ๒
หรือ ๓ ระดับเป็ นชุด ๆ ไปจะเรียงจากเสียงต่ำไปหาเสียงสูงหรือจะเรียก
จากเสียงสูงมาหาเสียงต่ำก็ได้ เช่น คูคู่คู้ ทองท่องท้อง เทาเท่าเท้า แยง
แย่งแย้ง ลวงล่วงล้วง ทุ้งทุ่งทุง ร้นร่นรน
๑๙
"นระ - โนรา" ศิลปะพื้นเมืองภาคใต้ เนื้อหา
ศิลปะการประพันธ์ในวรรณคดีและวรรณกรรมไทย หลัก
๒. การเล่นคำ
การเล่นคำ คือ การสรรหาคำมาร้อยเรียงในบทร้อยกรองเพื่อให้เกิด
ความหมายแปลก ออกไปหรือเพื่อความไพเราะ การเล่นคำที่กล่าวถึงใน
ระดับชั้นนี้มีการเล่นคำพ้องและการเล่นคำช้ำ
๒.๑ การเล่นคำพ้อง คือ การนำคำพ้องมาร้อยเรียงเข้าด้วยกัน
ทำให้เกิดเสียงไพเราะ น่าฟั ง แต่ความหมายจะต่างกัน เช่น
"ทั้งจากที่จากคลองเป็ นสองข้อ ยังจากกอนั้นก็ขึ้นในคลองขวาง
โอ้ว่าจากช่างมารวบประจวบทาง ทั้งจากบางจากไปใจระบม"
(นิราศพระบาท : สุนทรภู่)
"จาก" คำแรก คำที่ ๔ และคำที่ ๖ หมายถึง ออกให้พ้นไป
"จาก" คำที่ ๓ เป็ นชื่อต้นไม้ ชนิดหนึ่ง
"จาก" คำที่ ๒ และคำที่ ๕ เป็ นชื่อสถานที่
"ฝูงลิงไต่กิ่งลางลิงไขว่ ลางลิงแล่นไล่กันวุ่นวิ่ง
ลางลิงชิงค่างขึ้นลางลึง กาหลงลงกึ่งกาหลงลง"
(เสภาเรื่อง ขุนช้างขุนแผน : รัชกาลที่ ๒)
"ลางลิง" คำแรก และคำที่ ๔ เป็ นชื่อต้นไม้ชนิดหนึ่ง
"ลางลิง" คำที่ ๒ และคำที่ ๓เป็ นฝูงลิง
๒๐
"นระ - โนรา" ศิลปะพื้นเมืองภาคใต้ เนื้อหา
ศิลปะการประพันธ์ในวรรณคดีและวรรณกรรมไทย หลัก
๒.๒ การเล่นคำช้ำ คือ การนำคำคำเดียวมาใช้ซ้ำในตำแหน่งที่
ใกล้ ๆ กัน เพื่อย้ำความหมายของข้อความนั้นให้ชัดเจนขึ้น เช่น
"เสียสินสงวนศักดิ์ไว้ วงศ์หงส์
เสียศักดิ์สู้ประสงค์ สิ่งรู้
เสียรู้เร่งดำรง ความสัตย์ ไว้นา
เสียสัตย์อย่าเสียสู้ ชีพม้วยมรุณา"
(โคลงโลกนิติ : สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเดชาดิศร)
โคลงบทนี้เล่นคำว่า "เสีย" เพื่อเน้นความให้ชัดเจนหนักแน่นขึ้น
ภาพจาก : http://krunora.blogspot.com
๒๑
"นระ - โนรา" ศิลปะพื้นเมืองภาคใต้ เนื้อหา
ศิลปะการประพันธ์ในวรรณคดีและวรรณกรรมไทย หลัก
๓. การใช้ภาพพจน์
การใช้ภาพพจน์ คือ การใช้ถ้อยคำที่แปลกออกไปจากปกติเพื่อสร้าง
จินตนาการให้กับผู้อ่าน การใช้ภาพพจน์ที่กล่าวถึงในระดับชั้นนี้มีดังนี้
๓.๑ การเปรียบเทียบว่าสิ่งหนึ่งเหมือนกับอีกสิ่งหนึ่ง โดยการนำของ
สองสิ่งที่ต่างจำพวกกันแต่มีลักษณะเด่นเหมือนกันมาเปรียบเทียบกัน
และจะใช้คำที่แสดงความเปรียบว่าเหมือน คล้าย ดัง ดุจ กล ปูน เพียง
ราว การเปรียบลักษณะนี้เรียกว่า อุปมา เช่น
"คุณแม่หนาหนักเพี้ยง พสุธา
คุณบิดรดุจอา กาศกว้าง
คุณพี่พ่างศิขรา เมรุมาศ
คุณพระอาจารย์อ้าง อาจสู้สาคร"
(โคลงโลกนิติ : สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเดชาดิศร)
คำว่า "เพี้ยง ดุจ พ่าง สู้" เป็ นคำแสดงการเปรียบเทียบ โคลงบทนี้มี
การเปรียบเทียบพระคุณของบุพการี คือ เปรียบเทียบพระคุณของมารดา
กับแผ่นดิน เปรียบเทียบพระคุณของบิดากับท้องฟ้ าเปรียบเทียบพระคุณ
ของพี่กับภูเขา และเปรียบเทียบพระคุณของอาจารย์กับท้องน้ำ
๒๒
"นระ - โนรา" ศิลปะพื้นเมืองภาคใต้ เนื้อหา
ศิลปะการประพันธ์ในวรรณคดีและวรรณกรรมไทย หลัก
๓.๓ การเปรียบเทียบว่าสิ่งหนึ่งเหมือนกับอีกสิ่งหนึ่ง โดยการนำ
ของสองสิ่งที่ต่างจำพวกกันแต่มีลักษณะเด่นเหมือนกันมาเปรียบเทียบ
กัน มักใช้คำแสดงความเปรียบว่า เป็ น คือหรืออาจละคำว่า เป็ น คือ ก็ได้
แต่เป็ นที่เข้าใจกันว่าเป็ นการเปรียบเทียบ การเปรียบเทียบลักษณะนี้
เรียกว่า อุปลักษณ์ เช่น
"พ่อตายคือฉัตรกั้ง หายหัก
แม่ดับดุจรถจักร จากด้วย แรงร่ำ
เมียมิ่งตายวายม้วย มืดคลุ้มแดนไตร"
(โคลงโลกนิติ : สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเดชาดิศร)
คำว่า "ฉัตรกั้ง หายหัก" เป็ นการเปรียบเทียบว่า พ่อ เป็ นดุจฉัตร และ
ความตายของพ่อ เป็ นดุจฉัตรหัก
๓. การสมมุติสิ่งไม่มีชีวิตให้มีกิริยาอาการ ความรู้สึก ความคิด และ
แสดงออกเหมือน มนุษย์ เรียกวิธีการแบบนี้ว่า บุคคลวัด เช่น
"นางแย้มเหมือนแม่แย้ม ยวลสมร
ใบโบกกลกวักกร เรียกไท้
ช้องนางคลี่สร่ายขจร โบกเรียก พระฤๅ
เชิญราชชมไม้ไหล้ กิ่งก้มถวายกร"
(ลิลิตพระลอ)
กล่าวถึง "นางแย้ม" และ "ซ้องนาง" ซึ่งเป็ นดอกไม้ที่แสดงกิริยาอาการ
ประหนึ่งเป็ น หญิงสาว
๒๓
"นระ - โนรา" ศิลปะพื้นเมืองภาคใต้ เนื้อหา
ศิลปะการประพันธ์ในวรรณคดีและวรรณกรรมไทย หลัก
๓.๔ การเลียนเสียงธรรมชาติ คือ การเลียนแบบเสียงจากธรรมชาติ
ที่ไม่ใช่คำพูดของ มนุษย์ เช่น เสียงสัตว์ร้อง เสียงดนตรี มาใช้กับบทร้อย
กรองเพื่อให้ผู้อ่านเกิดความรู้สึกว่า ได้ยินเสียงนั้น ๆ ตามเนื้อความที่อ่าน
ไปด้วย เช่น
"เครื่องสูงเพราเพริศพราย ชมชุมสายช้ายขวาเคียง
ธงไชยธงฉานเรียง ปี่ กลองชนะตะเติงครึม"
(กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดง : เจ้าฟ้ าธรรมธิเบศร)
คำว่า "ตะเติงครึม" เป็ นคำเลียนเสียงดนตรี
ภาพจาก : https://www.pinterest.com
๒๔
"นระ - โนรา" ศิลปะพื้นเมืองภาคใต้ เนื้อหา
เนื้อหาวรรณคดี หลัก
วรรณคดีไทยนำเสนอเนื้อหาในหลายรูปแบบ ดังนี้
๑. วรรณคดีพุทธศาสนา มีเนื้อหามุ่งแสดงหลักคำสอน เน้นให้เห็นบาปบุญ
คุณโทษ เช่น ไตรภูมิพระร่วง มหาชาติคำหลวง ร่ายยาวมหาเวสสันดรซา
ดก พระปฐมสมโพธิกถา
๒. วรรณคดีสุภาษิตคำสอน มีเนื้อหามุ่งแสดงแนวทางในการประพฤติ
ปฏิบัติตนให้เหมาะสมในสังคม เช่น สุภาษิตพระร่วง กฤษณาสอนน้องคำ
ฉันท์ โดลงโลกนิติ
๓. วรรณคดีเกี่ยวกับประเพณีและพิธีกรรม มักจะอยู่ในลักษณะของ
บทสวดที่เรียบเรียงขึ้นอย่างไพเราะ ให้ภาษาเร้าอารมณ์ให้เกิดความ
ขลัง ความศักดิ์สิทธิ์ และเห็นถึงความสำคัญของพิธีกรรม เช่น ลิลิต
โองการแช่งน้ำ มหาชาติกลอนเทศน์ ฉันท์ดุษฎีสังเวยกล่อมช้าง
๔. วรรณคดีเกี่ยวกับเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ มีเนื้อหาเกี่ยวกับ
เหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้น โดยสอดแทรกจินตนาการและ
ใช้ภาษาให้น่าประทับใจ เช่น ศิลาจารึก หลักที่ ๑ ลิลิตยวนพ่าย ลิลิต
ตะเลงพ่าย ราชาธิราช สามกัก เสภาพระราชพงศาวดาร
๕. วรรณคดีเพื่อความบันเทิง มีเนื้อหามุ่งเน้นความบันเทิงเพื่อใช้ใน
การแสดงมหรสพ เช่น รามเกียรติ์ อิเหนา สังข์ทอง คาวี มัทนะพาธา
๖. วรรณคดีบันทึกความรู้สึกของผู้เดินทาง มีเนื้อหามุ่งบันทึกความ
รู้สึกหรือบันทึกเหตุการณ์บรรยากาศในการเดินทาง วรรณคดี
ประเภทนี้เรียกว่า นิราศ เช่น นิราศภูเขาทอง นิราศหริภุญชัย โคลง
ทวาทศมาส นิราศลอนดอน
๒๕
"นระ - โนรา" ศิลปะพื้นเมืองภาคใต้ เนื้อหา
หลัก
แนวทางในการอ่านและพิจารณ
า
วรรณคดีและวรรณกรรม
อ่านและพิจารณาวรรณคดีและวรรณกรรมประเภทต่าง ๆ ขึ้นอยู่
กับลักษณะและองค์ประกอบของวรรณคดีและวรรณกรรมนั้น ๆ ซึ่งมี
แนวทางหลัก ๆ ดังนี้
๑. ร้อยกรอง พิจารณาสิ่งต่อไปนี้
๑) ฉันทลักษณ์ ดูลักษณะเฉพาะของร้อยกรองนั้น ๆ การสัมผัส
บังคับคณะ และความถูกต้องของฉันทลักษณ์ที่ใช้
๒) ภาษา พิจารณาการเลือกใช้ถ้อยคำที่สละสลวย ประณีต
บรรจง และเหมาะสม
๓) ความเปรียบ เป็ นการเปรียบเทียบเพื่อสร้างจินตนาการ
ก่อให้เกิดความไพเราะและลึกซึ้ง
๔) สัญลักษณ์ เป็ นสิ่งที่ช่วยให้กวีสามารถสื่อความหมายได้
อย่างกว้างขวาง ลึกซึ้งในเนื้อเรื่องที่มีความยาวจำกัด
๕) การอ้างถึง โดยการกล่าวชื่อหรือคำที่สื่อถึงสิ่งที่รู้จักกันดี จะ
ทำให้กวีใช้ถ้อยคำน้อยแต่ได้ความหมายมากขึ้น
๖) ความหมาย เป็ นความหมายรวมที่กวีต้องการจะถ่ายทอด
ออกมาจากบทร้อยกรองเรื่องนั้น ๒๖
"นระ - โนรา" ศิลปะพื้นเมืองภาคใต้ เนื้อหา
หลัก
แนวทางในการอ่านและพิจารณ
า
วรรณคดีและวรรณกรรม
๒.ร้อยแก้ว พิจารณาจากองค์ประกอบที่สำคัญ ดังนี้
๑) โครงเรื่อง พิจารณาว่าร้อยแก้วนั้นมีโครงเรื่องอย่างไร
เพราะร้อยแก้วที่ดีจะต้องมีโครงเรื่องที่แน่นอน รัดกุม และดำเนิน
ความไปตามโครงเรื่องที่วางไว้
๒) ภาษา พิจารณาว่าผู้เขียนใช้ภาษาได้ดี สามารถสื่อความ
คิดได้ชัดเจนหรือไม่
๓) สัญลักษณ์ การอ้างถึงและการอ้างอิงข้อมูล พิจารณา
ว่ามีการใช้สัญลักษณ์การอ้างถึงและอ้างอิงอย่างไร เหมาะสมและ
ช่วยสื่อความหมายลึกซึ้ง กว้างขวาง หรือหนักแน่นเพียงพอหรือไม่
สรุป
วรรณคดีแล้ววรรณกรรมเป็ นศิลปะแขนงหนึ่ง ภาษาเป็ น
เครื่องมือ แบ่งออกเป็ นหลายประเภท ซึ่งเกิดจากการสร้างสรรค์
ของมนุษย์โดยใช้ซึ่งแต่ละประเภทล้วนมีประโยชน์ต่อผู้อ่านทั้งในด้าน
การพัฒนาสติปั ญญา อารมณ์ สังคม และวัฒนธรรม ตลอดจน
เพิ่มพูนประสบการณ์ด้านภาษาให้สูงขึ้น การศึกษาวรรณคดีและ
วรรณกรรมให้ได้ประโยชน์สูงสุด จะต้องมีหลักการหรือแนวทางที่
เหมาะสมตามความสามารถของแต่ละคน ทั้งนี้ไม่ว่าจะใช้หลักการใด
ๆ ในการศึกษาค้นคว้า ผู้ศึกษาก็ล้วนได้รับประโยชน์ทั้งสิ้น ๒๗
"นระ - โนรา" ศิลปะพื้นเมืองภาคใต้ เนื้อหา
ความเชื่อเกี่ยวกับมโนราห์ เสริม
ความเชื่อเกี่ยวกับโนราของชาวบ้านคณะโนรา ลูกหลานตายายโนรา อันเป็ นสาเหตุ
สำคัญที่ทำให้ มีการประกอบพิธีกรรมโนราโรงครู กล่าวโดยสรุปได้ ดังนี้
ความเชื่อเกี่ยวกับครูหมอโนรา ครูหมอโนรา คือ ครูบูรพาจารย์โนราและ
บรรพบุรุษของโนราที่ล่วงลับไปแล้วบางแห่งเรียกว่า "ตายายโนรา" มีพระเทพ
สิงหรขุนศรีศรัทธาพระม่วงทองแม่ศรีมาลา แม่นวลทองสำลี เป็ นต้น โนราเชื่อ
ว่าครูหมอโนราหรือตายายโนราเหล่านี้ยังมีความผูกพันกับลูกหลานและผู้มี
เชื้อสายโนราหากลูกหลานเพิกเฉยไม่เคารพบูชาไม่เช่นไหว้ก็จะได้รับการ
ลงโทษจากครูหมอโนราหรือตายายโนราด้วยวิธีการต่างๆเช่นทำให้เจ็บ
ป่ วpกระเสาะกระแสะเรียกว่า "ครูหมอย่าง" หรือ "ตายายย่าง" จะแก้ไขด้วย
การ บนบานบวงสรวง อนึ่ง ถ้าจะให้ครูหมอโนราหรือตายายโนราช่วยเหลือใน
กิจบางอย่างก็ทำได้โดยการบนบานหรือบวงสรวงเช่นกันจากความเชื่อนี้ทำให้
เกิดพิธีกรรมโนราโรงครูซึ่งพิธีนี้มีการเชิญครูหมอโนราหรือตายายโนราเข้า
ทรงรับ เครื่องสังเวย และมีการรำถวาย
ความเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ การรำโนราและการประกอบพิธีกรรมโนราโรงครูจะ
เกี่ยวข้องกับความเชื่อทางไสยศาสตร์ เช่น เวทย์มนต์คาถา การทำและป้ องกัน
คุณไสยเชื่อเรื่องเทพเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์เชื่อเรื่องโชคลางเชื่อเรื่องอำนาจเร้น
ลับของโนราใหญ่ในคณะทำพิธีโนราโรงครู เช่น เชื่อว่าสามารถติดต่อควบคุม
วิญญาณต่างๆ ได้ สามารถปราบผีเจ้าเสนได้ เป็ นต้น
ความเชื่อเรื่องการแก้บน ชาวบ้านและคณะโนราเชื่อว่าการบนและการแก้บน
ครูหมอโนราหรือตายายโนราจะทำให้ตนเองได้รับความช่วยเหลือในสิ่งทีปรา
รถนาและพ้นจากความทุกข์ความเดือดร้อนต่างๆการบนและการแก้บนมีทั้ง
เกิดจากความต้องการให้ครูหมอโนราหรือตายายช่วยเหลือ เช่น บนให้มีงาน
ทำเข้าศึกษาต่อในระดับสูงได้ เป็ นตัน และบนเพราะถูกครูหมอโนราลงโทษ
สาเหตุต่างๆ เช่น ลูกหลานเพิกเฉยไม่เคารพนับถือต้องการให้ลูกหลานรำโนรา
หรือเป็ นร่างทรง เป็ นต้น
ความเชื่อเรื่องการเหยียบเสน ชาวบ้านและคณะโนราเชื่อว่าเสน เกิดจากการก
ระทำของผีเจ้าเสน ผีโอกะแซง หรือเพราะครูหมอโนราหรือตายายโนรา
ต้องการให้เด็กคนนั้นรำโนราจึงทำเครื่องหมายเอาไว้จะหายได้ก็ต่อเมื่อโนรา
ใหญ่ทำพิธีเหยียบเสนให้ในพิธีกรรมโนราโรงครู
๒๘
"นระ - โนรา" ศิลปะพื้นเมืองภาคใต้ เนื้อหา
ความเชื่อเกี่ยวกับมโนราห์ เสริม
ความเชื่อเรื่องการครอบเทริดหรือผูกผ้าใหญ่ คณะโนราเชื่อว่าผู้ที่จะเป็ นโนรา
โดยสมบูรณ์สามารถเป็ นโนราใหญ่หรือนายโรงโนราและพิธีโนราโรงครูได้จะ
ต้องได้รับการครอบเทริดหรือผูกผ้าใหญ่เสียก่อนความเชื่อเรื่องการผูกผ้า
ปล่อยชาวบ้านและคณะโนราเชื่อว่าผู้ที่เป็ นโนราหรือเชื้อสายโนราหากมีความ
ประสงค์จะเลิกรำโนราตัดขาดจากเชื้อสายโนราโดยไม่ถูกหมอโนราหรือตายาย
โนราลงโทษจะต้องมาให้โนราใหญ่ทำพิธีผูกผ้าปล่อยให้ในพิธีโนราโรงครูจึงจะ
ตัดขาดจากความเป็ นโนราและเชื้อสายโนราได้
ความเชื่อเรื่องการตัดจุก ชาวบ้านบางส่วนยังนิยมให้บุตรหลานไว้จุกไม่ว่าจะไว้
ตามประเพณีหรือได้บนบานไว้กับครูโนราเมื่อเด็กย่างเข้าวัยหนุ่มสาวคือชาย
อายุ ๑๓ ปี หญิง อายุ ๑๑ ปี ก็นำบุตรหลานของตนมาให้โนราใหญ่ตัดจุกให้ใน
พิธีโนราโรงครูเพราะเชื่อว่าโนราโรงครูเป็ นพิธีกรรมที่ขลังและศักดิ์สิทธิ์ และ
โนราใหญ่มีอำนาจเร้นลับมีคาถาอาคมแก่กล้าจะเป็ นศิริมงคลแก่เด็กและ
ตัดขาดจากเหมย หรือทานบน ที่ให้ไว้กับครูโนรา
ความเชื่อเรื่องการตัดผมผีช่อ ชาวบ้านและคณะโนราเชื่อว่าผมที่จับกันเป็ นก
ระจุกหรือเหมือนผูกมัดไว้ตั้งแต่กำเนิดเป็ นเพราะครูหมอโนราหรือตายาย
ต้องการให้คนหนึ่งคนใดเป็ นโนราหรือคนทรงครูหมอโนราจึงผูกผมเป็ น
เครื่องหมายเอาไว้ จะแก้ได้โดยโนราใหญ่เป็ นผู้ตัดในโนราโรงครู เชื่อว่าผมที่ตัด
ออกจะเป็ นของขลังสำหรับเจ้าของ และผมที่งอกขึ้นใหม่จะไม่เป็ นกระจุกอีก
๓๙
ภาพจาก : https://www.google.com
"นระ - โนรา" ศิลปะพื้นเมืองภาคใต้ เนื้อหา
เสริม
ท่ารำมโนราห์
๑. ท่าแม่ลาย
หรือท่าแม่ลายกนก
๒. ท่าผาลา (ผา หลา)
๓. ท่าลงฉาก
๓๐
"นระ - โนรา" ศิลปะพื้นเมืองภาคใต้ เนื้อหา
เสริม
ท่ารำมโนราห์
๔. ท่าจับ
๕. ท่ากินนร หรือกินนรรำ
(ท่าขี้หนอน)
๖. ท่าฉากน้อย
๓๑
"นระ - โนรา" ศิลปะพื้นเมืองภาคใต้ เนื้อหา
เสริม
ท่ารำมโนห์
๗. ท่าราหูจับจันทร์
หรือท่าเขาควาย
๘. ท่าบัวเเย้ม
๙. ท่าบัวบาน
๓๒
"นระ - โนรา" ศิลปะพื้นเมืองภาคใต้ เนื้อหา
เสริม
ท่ารำมโนห์
๑๐. ท่าบัวคลี่
๑๑. ท่าบัวตูม
๑๒. ท่าเเมงมุมชักใย
๓๓
"นระ - โนรา" ศิลปะพื้นเมืองภาคใต้ เนื้อหา
เสริม
เครื่องแต่งกายมโนราห์
๑. เทริด เป็นเครื่องประดับศีรษะของตัวนายโรงหรือโนราใหญ่หรือตัวยืน
เครื่อง (โบราณไม่นิยม ให้นางรําใช้) ทําเป็นรูปมงกุฎอย่างเตี้ยมีกรอบหน้ามี
ด้ายมงคลประกอบ
๒. เครื่องลูกปัด เครื่องลูกปัดจะร้อยด้วย ลูกปัดสีเป็นลายดอกดวง ใช้สําหรับ
สวมลําตัวท่อนบน แทนเสื้อ ประกอบด้วยชิ้นสําคัญ ๕ ชิ้น คือบ่าสําหรับสวม
ทับบนบ่าซ้าย-ขวา รวม ๒ ชิ้น ปิ้ งคอสําหรับสวมห้อยคอหน้า-หลัง คล้ายกรอง
คอรวม ๕ ชิ้น พานอกร้อยลูกปัดเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ใช้พันรอบตัวตรงระดับ
อก บางถิ่นเรียกว่า “พานโครง” บางถิ่นเรียกว่า “รอบอก” เครื่องลูกปัดดัง
กล่าวนี้ใช้เหมือนกันทั้งตัว ยืนเครื่องและตัวนาง แต่มีช่วงหนึ่งที่คณะชาตรีใน
มณฑลนครศรีธรรมราชใช้อินทรธนูชับทรวง (ทับทรวง) ปีกเหน่ง แทนเครื่อง
ลูกปัดสําหรับตัวยืนเครื่อง
๓๔
"นระ - โนรา" ศิลปะพื้นเมืองภาคใต้ เนื้อหา
เสริม
เครื่องแต่งกายมโนราห์
๓. ปีกนกแอ่นหรือปีกเหน่ง มักทําด้วยแผ่นเงินเป็นรูปคล้ายนกนางแอ่น
กําลังกางปีก ใช้สําหรับโนราใหญ่หรือตัวยืนเครื่องสวมติดกับสังวาล อยู่ที่
ระดับเหนือสะเอวด้านซ้ายและขวา
๔. ซับทรวงหรือทับทรวงหรือตาบ สําหรับสวมห้อยไว้ตรงทรวงอก นิยมทํา
ด้วยแผ่นเงินเป็นรูปคล้ายขนมเปียกปูนสลักเป็นลวดลาย และอาจฝังเพชร
พลอยเป็นดอกดวงหรืออาจร้อยด้วยลูกปัด นิยมใช้เฉพาะตัวโนราใหญ่หรือ
ตัวยืนเครื่องตัวนางไม่ใช้ซับทรวง
๓๕
"นระ - โนรา" ศิลปะพื้นเมืองภาคใต้ เนื้อหา
เสริม
เครื่องแต่งกายมโนราห์
๕. ปีกหรือที่ชาวบ้านเรียกว่าหางหรือหางหงส์ นิยมทําด้วยเขาควายหรือ
โลหะเป็นรูปคล้ายปีกนก ๑ คู่ ซ้าย-ขวาประกอบกันปลายปีกเชิดงอนขึ้นและ
ผูกรวมกันไว้ มีพู่ทําด้วยด้ายสีติดไว้เหนือปลายปีก ใช้ลูกปัดร้อยห้อยเป็นดอก
ดวงตลอด ทั้งข้างซ้ายและขวาให้ดูคล้ายขนของนก ใช้สําหรับสวมคาดทับผ้า
นุ่งตรงระดับเอว ปล่อยปลายปีกยื่นไปด้านหลังคล้ายหางกินรี
๖. ผ้านุ่ง เป็นผ้ายาวสี่เหลี่ยมผืนผ้า นุ่งทับชายแล้วรั้งไปเหน็บไว้ข้างหลัง
ปล่อยปลายชายให้ห้อยลงเช่นเดียวกับหางกระเบน เรียกปลายชายที่พับแล้ว
ห้อยลงนี้ว่า “หางหงส์” (แต่ชาวบ้านส่วนมากเรียกปีกว่าหางหงส์) การนุ่งผ้า
ของโนราจะรั้งสูงและรัดรูปแน่นกว่านุ่งโจงกระเบน
๓๖
"นระ - โนรา" ศิลปะพื้นเมืองภาคใต้ เนื้อหา
เสริม
เครื่องแต่งกายมโนราห์
๗. หน้าเพลาหรือเหน็บเพลาหรือหนับเพลา คือสนับเพลาสําหรับสวมแล้วนุ่ง
ผ้าทับปลายขา ใช้ลูกปัดร้อยทับหรือร้อยแล้วทาบ ทําเป็นลวดลายดอกดวง เช่น
ลายกรวยเชิง รักร้อย
๘. หน้าผ้า ลักษณะเดียวกับชายไหว ถ้าเป็นของโนราใหญ่หรือนายโรงมักทํา
ด้วยผ้าแล้วร้อยลูกปัด ทาบเป็นลวดลายที่ทําเป็นผ้า ๓ แถบ คล้ายชายไหวล้อม
ด้วยชายแครงก็มี ถ้าเป็นของนางรําอาจใช้ผ้า พื้นสีต่าง ๆ สําหรับคาดห้อย เช่น
เดียวกับชายไหว
๓๗
"นระ - โนรา" ศิลปะพื้นเมืองภาคใต้ เนื้อหา
เสริม
เครื่องแต่งกายมโนราห์
๙. ผ้าห้อย คือผ้าสีต่าง ๆ ที่คาดห้อยคล้ายชายแครงแต่อาจมีมากกว่า โดย
ปกติจะใช้ผ้าที่โปร่งบางสีสด แต่ละผืนจะเหน็บห้อยลงทั้งด้านซ้ายและด้านขวา
ของหน้าผ้าโปร่งบางสีสด แต่ละผืนจะเหน็บห้อยลงทั้งด้านซ้ายและด้านขวา
ของหน้าผ้า
๑๐. กําไลต้นแขนและปลายแขน เป็นกําไลสวมต้นแขน เพื่อขบรัดกล้ามเนื้อ
ให้ดูทะมัดทะแมงและเพิ่มให้สง่างามยิ่งขึ้น
๓๘
"นระ - โนรา" ศิลปะพื้นเมืองภาคใต้ เนื้อหา
เสริม
เครื่องแต่งกายมโนราห์
๑๑. กําไล มักทําด้วยทองเหลือง ทําเป็นวงแหวนใช้สวมมือและเท้าข้างละหลาย
ๆ วง เช่น แขนแต่ละข้างอาจสวม ๕-๑๐ วงซ้อนกัน เพื่อเวลาปรับเปลี่ยนท่าจะ
ได้มีเสียงดังเป็นจังหวะเร้าใจยิ่งขึ้น
๑๒. เล็บ เป็นเครื่องสวมนิ้วมือให้โค้งงามคล้ายเล็บกินนรกินรี ทําด้วยทอง
เหลืองหรือเงินอาจต่อปลายด้วยหวายที่มีลูกปัดร้อยสอดสีไว้พองาม นิยมสวม
มือละ ๔ นิ้ว (ยกเว้นหัวแม่มือ) เครื่องแต่งกายโนราตามรายการที่ (๑) ถึงที่ (๑๒)
รวมเรียกว่า “เครื่องใหญ่” เป็นเครื่องแต่งกาย ของตัวยืนเครื่องหรือโนราใหญ่
ส่วนเครื่องแต่งกาย ของตัวนางหรือนางรํา เรียกว่า “เครื่องนาง” จะตัด เครื่อง
แต่งกายออก ๔ อย่าง คือ เทริด (ใช้แถบผ้า สีสดหรือผ้าเช็ดหน้าคาดรัดแทน)
กําไลต้นแขน ชับทรวงและปีกนกแอ่น (ปัจจุบันนางรําทุกคนนิยมสวมเทริดด้วย)
๓๙
อ่านเพิ่มเติม เสริมความหมาย
๔๐
แบบฝึกหัดท้ายบทเรียน
คำสั่ง ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม จำนวนกลุ่มละ 5 คน เพื่อศึกษา คำถาม
ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับมโนราห์และจัดทำรูปเล่มรายงานในหัวข้อดังต่อไปนี้
1. ความเป็นมาของมโนราห์
2. ความสำคัญของมโนราห์
3. พิธีกรรมและความเชื่อของมโนราห์
4. คุณค่าที่นักเรียนได้รับ
ความเป็นมาของมโนราห์ ความสำคัญของมโนราห์
............................................................................
............................................................................ ............................................................................
............................................................................ ............................................................................
............................................................................ ............................................................................
............................................................................ ............................................................................
............................................................................ ............................................................................
............................................................................ ............................................................................
............................................................................ ............................................................................
............................................................................ ............................................................................
............................................................................ ............................................................................
............................................................................ ............................................................................
............................................................................ ............................................................................
............................................................................ ............................................................................
............................................................................ ............................................................................
............................................................................ ............................................................................
............................................................................ ............................................................................
............................................................................ ............................................................................
............................................................................
พิธีกรรมและความเชื่อของมโนราห์ คุณค่าที่นักเรียนได้รับ ๔๑
............................................................................ ............................................................................
............................................................................ ............................................................................
............................................................................ ............................................................................
............................................................................ ............................................................................
............................................................................ ............................................................................
............................................................................ ............................................................................
............................................................................ ............................................................................
............................................................................ ............................................................................
............................................................................ ............................................................................
............................................................................ ............................................................................
............................................................................ ............................................................................
............................................................................ ............................................................................
............................................................................ ............................................................................
............................................................................ ............................................................................
............................................................................ ............................................................................
............................................................................ ............................................................................
............................................................................ ............................................................................
แบบฝึกหัดท้ายบทเรียน เฉลย
ความเป็นมาของมโนราห์
ตอบ : ‘มโนราห์’ คือ ศิลปะพื้นเมืองภาคใต้ โดยคำเรียก ‘มโนห์รา’ เป็ นคำที่เกิด
ขึ้นมาในสมัยกรุงศรีอยุธยา จากการนำเอาเรื่อง ‘พระสุธน-มโนราห์’ มาแสดง
เป็ นละครชาตรี ส่วนประวัติความเป็ นมาของกำเนิดของโนรานั้น นักโบราณคดี
ไทย ได้คาดการณ์กันว่า การร่ายรำประเภทนี้ ได้รับอิทธิพลมาศิลปะการแสดง
ประเทศอินเดียโบราณ เกิดขึ้นก่อนสมัยศรีวิชัย เสียอีก โดยมาจากพ่อค้าชาว
อินเดียที่เดินทางมาค้าขายกับประเทศไทย โดยวิเคราะห์จากเครื่องดนตรี เรียก
ว่า ‘เบญจสังคีต’ อันประกอบด้วย โหม่ง , ฉิ่ง , ทับ , กลอง ,ปี่ และใน รวมทั้งท่า
ร่ายรำอันมีความละม้ายคล้ายคลึงกับ ท่าร่ายรำของ อินเดีย เชื่อกันว่ามโนราห์
เกิดขึ้นครั้งแรก ณ หัวเมืองพัทลุง ก่อนที่จะเริ่มคืบคลายแผ่ขยายไปยังหัวเมือ
งอื่นๆของภาคใต้ จวบไปจนถึงภาคกลาง และกลายเป็ นละครชาตรีในที่สุด
‘มโนราห์’ ถือกำเนิดขึ้นในราชสำนักของพัทลุง โดยมีตำนานเล่าขานสืบต่อกันมา
ว่า เจ้าเมืองพัทลุง ที่มีชื่อว่า พระยา สายฟ้ าฟาด ท่านมีลูกสาวนามว่า ศรีมาลา
เธอมีความสามารถในการร่ายรำที่สวยงาม อ่อนช้อย หากแต่แล้วก็เกิดเรื่องที่
ไม่คาดฝั นขึ้น จู่ๆ ศรีมาลา ก็ตั้งครรภ์โดยยังไม่ได้แต่งงานหรือข้องแวะกับชายใด
พระยาสายฟ้ าฟาด โกรธมากจึงสั่งให้นำนางศรีมาลาไปลอยแพในทะเลสาป
สงขลา จนกระทั่งแพได้ไปติดอยู่ที่เกาะใหญ่แห่งนี้ นางศรีมาลาก็ได้คลอดบุตร
ชาย ณ เกาะแห่งนี้ และตั้งชื่อว่า เทพสิงหล ผู้เป็ นมารดาได้สอนให้ลูกของเธอ
หัดร่ายรำ ซึ่งเป็ นความรู้ที่เธอถนัด และเทพสิงหล ก็แสดงท่าทางร่ายรำได้ออก
สวยงามมาก จนรู้ไปถึงหูพระยาสายฟ้ าฟาด หากแต่เจ้าพระยาสายฟ้ า ก็ยังไม่
ทราบว่าเทพสิงหลเป็ นหลานตัวเอง จึงเชิญไปรำต่อหน้า ฝ่ ายนางศรีมาลา ก็
กล่าวกับคนที่มาติดต่อว่า โนราคณะนี้จะไปรำก็ได้ หากแต่ต้องปูผ้าขาวรองทาง
เดินตั้งแต่จากที่ลงจากเรือ จวบไปจนถึงลานแสดง ทางฝั่ งผู้เป็ นบิดาก็ตอบ
ตกลง เมื่อจนพระยาสายฟ้ าฟาดได้รับชม ก็ชื่นชมในความงดงามสมคำ จึงถอด
เครื่องทรงที่ท่านทรงอยู่ ให้แก่เทพสิงหล เทพสิงหลจึงเฉลยความจริงว่า ตนเป็ น
หลานแท้ๆของท่าน พระยาสายฟ้ าฟาดจึงตกตะลึงซ้ำสองไปอีก จึงรับโนราไว้ใน
ราชสำนัก รวมทั้งให้สิทธิแต่งกายเหมือนกษัตริย์ทุกประการ
๔๒
แบบฝึกหัดท้ายบทเรียน เฉลย
ความสำคัญของมโนราห์
ตอบ : มโนราห์ หรือ โนรา เป็ นการละเล่นพื้นเมืองภาคใต้ ที่สืบทอด
กันมานานและนิยมกันอย่างแพร่หลาย เป็ นการละเล่นที่มีทั้งการร้อง
การรำ บ้างก็เล่นเป็ นเรื่อง แสดงตามคติความเชื่อที่เป็ นพิธีกรรม
สันนิษฐานว่าได้รับอิทธิพลจากการร่ายรำของอินเดียโบราณ ก่อน
สมัยศรีวิชัย มาจากพ่อค้าชาวอินเดีย สังเกตได้จากเครื่องดนตรีที่
เรียกว่า เบญจสังคีต ซึ่งประกอบด้วย โหม่ง ฉิ่ง ทับ กลอง ปี่ ใน ซึ่ง
เป็ นเครื่องดนตรีโนรา รวมถึงท่ารำของโนราหลายท่าที่ละม้าย
คล้ายคลึงกับการร่ายรำของทางอินเดีย คาดว่าโนรากำเนิดขึ้น
ประมาณ พ.ศ.๑๘๒๐ ตรงกับสมัยสุโขทัยตอนต้น เชื่อกันว่าโนราเกิด
ขึ้นครั้งแรกในประเทศไทยที่หัวเมืองพัทลุง ปั จจุบันคือ ต.บางแก้ว
จ.พัทลุง แล้วจึงแพร่ขยายไปยังหัวเมืองอื่นๆ ของภาคใต้ เรื่อยขึ้นไป
จนถึงภาคกลาง และกลายเป็ นละครชาตรีของภาคกลาง และเพลง
จังหวะตะลุง ส่วนคำว่า มโนราห์ เป็ นคำที่เกิดขึ้นเมื่อสมัยกรุง
ศรีอยุธยา โดยการนำเรื่องพระสุธน-มโนราห์ มาแสดงเป็ นละครชาตรี
จึงเกิดคำเรียกว่า มโนราห์
๔๓
แบบฝึกหัดท้ายบทเรียน เฉลย
พิธีกรรมและความเชื่อของมโนราห์
ตอบ : โนราโรงครูเป็ นการแสดงโนราประกอบพิธีกรรมที่ปรากฏอยู่ในวิถีของ
คนภาคใต้มาตั้งแต่อดีตจนถึงปั จจุบัน มีจุดมุ่งหมายสำคัญในการแสดง ๓
ประการ คือ เพื่อเป็ นการเคารพบูชาและแสดงความกตัญญูต่อวิญญาณ
บรรพบุรุษ เพื่อแก้บนหรือแก้เหมฺรย และเพื่อทำพิธีครอบครูโนราและรักษา
โรคต่าง ๆแสดงโนราโรงครูจะมี ๒ ประเภท คือ ๑) การแสดงโนราโรงครูใหญ่
เป็ นการแสดงโนราโรงครูสมบูรณ์แบบถูกต้องครบถ้วนตามประเพณีและ
นิยมแสดงโดยทั่วไปใช้เวลา ๓ วัน ๒ คืน ๒) การแสดงโนราโรงครูเล็กหรือโรง
ค้ำครู เป็ นการแสดงเพื่อยืนยันว่าจะมีการจัดโรงครูใหญ่อย่างแน่นอน ใช้เวลา
แสดง ๑ วัน ๑ คืน การแสดงโนราโรงครูซึ่งจัดโดยทั่วไปจะเริ่มในเดือนมีนาคม
ถึงเดือนกันยายนเริ่มพิธีในวันพุธถึงวันศุกร์ การแสดงโนราโรงครูจะมีองค์
ประกอบและรูปแบบการแสดงโนราสมบูรณ์ครบถ้วนทุกขั้นตอน ตั้งแต่การ
รำ การร้อง การแสดงเป็ นเรื่อง และการบรรเลงดนตรีประกอบพิธีกรรมที่
ทำให้เกิดศิลปะการแสดงโนราสืบทอดต่อมาอย่างยั่งยืน เพราะเป็ นการเปิ ด
โอกาสให้ทุกคนในชุมชนเป็ นเจ้าของและผู้ร่วมประกอบพิธีกรรมโดยเรียบ
ง่ายไม่ซับซ้อนและเข้าถึงพิธีกรรมได้อย่างลึกซึ้ง
ความเชื่อเกี่ยวกับครูหมอโนรา ครูหมอโนรา คือ ครูบูรพาจารย์โนรา
และบรรพบุรุษของโนราที่ล่วงลับไปแล้ว บางแห่งเรียกว่า "ตายายโนรา" มี
พระเทพสิงหร ขุนศรีศรัทธา พระม่วงทอง แม่ศรีมาลา แม่นวลทองสำลี
เป็ นต้น โนราเชื่อว่าครูหมอโนราหรือตายายโนราเหล่านี้ยังมีความผูกพันกับ
ลูกหลาน และผู้มีเชื้อสายโนรา หากลูกหลานเพิกเฉยไม่เคารพบูชาไม่เช่นไหว้
ก็จะได้รับการลงโทษจากครูหมอโนราหรือตายายโนราด้วยวิธีการต่างๆ เช่น
ทำให้เจ็บป่ วยกระเสาะกระแสะเรียกว่า "ครูหมอย่าง" หรือ "ตายายย่าง" จะ
แก้ไขด้วยการ บนบานบวงสรวง อนึ่ง ถ้าจะให้ครูหมอโนราหรือตายายโนรา
ช่วยเหลือในกิจบางอย่าง ก็ทำได้โดยการบนบานหรือบวงสรวงเช่นกันจาก
ความเชื่อนี้ทำให้เกิดพิธีกรรมโนราโรงครู ซึ่งพิธีนี้มีการเชิญครูหมอโนราหรือ
ตายายโนราเข้าทรงรับ เครื่องสังเวย และมีการรำถวาย
๔๔
แบบฝึกหัดท้ายบทเรียน เฉลย
คุณค่าที่นักเรียนได้รับ
ตอบ : คำตอบขึ้นอยู่กับผู้ตอบคำถาม ไม่กำหนดกรอบความคิดในการตอบ
๔๕