The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หน่วยที่ 5 ตั๋วเงินรับ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by wimonwanngoenyodrak, 2023-01-19 07:23:40

หน่วยที่ 5 ตั๋วเงินรับ

หน่วยที่ 5 ตั๋วเงินรับ

หน่วยที่ 5 ตั๋วเงินรับ


หน่วยที่ 5 ตั๋วเงินรับ ความหมายของตั๋วเงินรับ ตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย์ได้ให้คำจำกัดความของตั๋วเงินว่า ตั๋วเงินรับ (Notes receivable) หมายถึง คำมั่นสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรโดยปราศจากเงื่อนไขที่ บุคคลหนึ่งรับจะชำระเงินจำนวนหนึ่งที่แน่นอนให้แก่บุคคลหนึ่งภายในเวลาที่กำหนด ประเภทของตั๋วเงินรับ 1. แบ่งตามกิจการของรายการที่เกิดขึ้น 1.1 ตั๋วเงินรับที่เกิดจากการดำเนินงานตามปกติ หรือตั๋วเงินรับการค้า (Trade notes receiva ble) หมายถึง ตั๋วเงินรับที่เกิดจากการดำเนินงานตามปกติของกิจการ เช่น ตั๋วเงินรับที่ลูกหนี้ได้ออกให้เพื่อชำระค่าสินค้า 1.2 ตั๋วเงินรับที่ไม่ได้เกิดจากการดำเนินงานตามปกติ (Nontrade notes receivable) เช่น ตั๋วเงินที่ กิจการได้รับจากการกู้ยืมเงินของบริษัทในเครือหรือลูกจ้าง ตั๋วเงินรับที่มีผลจากการกู้เงินของลูกค้า ดังนั้นการ รายงานควรแยกจากตั๋วเงินรับที่เกิดจากการดำเนินงานตามปกติ 2. แบ่งตามลักษณะของตราสารที่ออก 2.1 ตั๋วสัญญาใช้เงิน (Promissory note) ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 983 หมายถึง หนังสือตราสารซึ่งบุคคลหนึ่ง เรียกว่า ผู้ออกตั๋ว (ลูกหนี้)ให้คำมั่นสัญญาว่าจะใช้เงินจำนวนหนึ่งให้แก่บุคคลอีกคน หนึ่ง หรือใช้ให้ตามคำสั่งของบุคคลอีกบุคคลหนึ่ง เรียกว่า ผู้รับเงิน (เจ้าหนี้) ดังนั้นตั๋วสัญญาใช้เงินต้องมีบุคคลที่ เกี่ยวข้อง 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายแรกเป็นผู้ออกตั๋ว ซึ่งจะเป็นผู้จ่ายเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงิน และอีกฝ่ายหนึ่งคือผู้รับเงิน 2.2 ตั๋วแลกเงิน (Bill of exchange) ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 908 หมายถึง หนังสือตราสาร ซึ่งบุคคลคนหนึ่ง เรียกว่า ผู้สั่งจ่าย สั่งบุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่า ผู้จ่าย ให้ใช้เงินจำนวนหนึ่งแก่ บุคคลอีกคนหนึ่งหรือให้ใช้ตามคำสั่งของบุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่า ผู้รับเงิน ดังนั้นตั๋วแลกเงินมีบุคคลที่เกี่ยวข้อง 3 ฝ่าย คือ • ฝ่ายแรกคือผู้สั่งจ่าย (เจ้าหนี้) • ฝ่ายที่สองคือผู้จ่าย (ลูกหนี้) • ฝ่ายที่สามคือผู้รับเงิน


2.3 เช็ด (Cheque) ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 987 หมายถึง หนังสือตราสาร ซึ่ง บุคคลคนหนึ่งเรียกว่า ผู้สั่งจ่าย สั่งธนาคารให้ใช้เงินจำนวนหนึ่งเมื่อทวงถามให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่งหรือให้ใช้ตาม คำสั่งของบุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่า ผู้รับเงิน ดังนั้นเช็คเหมือนกับตั๋วแลกเงิน คือมีบุคคลเกี่ยวข้อง 3 ฝ่าย คือ • ผู้สั่งจ่าย • ผู้จ่าย (ธนาคาร) • ผู้รับเงิน 3. แบ่งตามลักษณะดอกเบี้ย 3.1 ตั๋วเงินชนิดมีดอกเบี้ย (Interest-bearing note) หมายถึง ตั๋วเงินที่ระบุดอกเบี้ยไว้หน้าตั๋ว (Face value) และเมื่อตั๋วเงินครบกำหนดผู้จ่ายเงินจะจ่ายเงินตามตั๋วพร้อมดอกเบี้ย 3.2 ตั๋วเงินชนิดไม่มีดอกเบี้ย (Noninterest-bearing note) หมายถึง ตั๋วเงินที่ไม่มีอัตราดอกเบี้ยระบุไว้ บนตั๋ว ดังนั้นเมื่อตั๋วเงินครบกำหนดผู้จ่ายเงินจะจ่ายเฉพาะจำนวนเงินที่ระบุไว้ หน้าตั๋วเท่านั้น การนับวันครบกำหนดของตั๋วเงินรับ ตั๋วเงินที่ระบุไว้ครบกำหนดที่แน่นอนเมื่อไรนั้น มีวิธีการนับวันครบกำหนด ดังนี้ 1. เมื่อตั๋วเงินระบุวันครบกำหนดเป็นปี ดังนั้นวันที่ครบกำหนดของตั๋วเงินจะเป็นวันที่และเดืเดียวกันกับ วันที่ระบุไว้ในตั๋วแต่ปีต่างกัน เช่น • ออกตั๋วสัญญาให้เงินวันที่ 1 สิงหาคม 2562 มีอายุ 1 ปี เพราะฉะนั้น ตั๋วดังกล่าวครบกำหนดวันที่ 1 สิงหาคม 2563 2. เมื่อตั๋วเงินระบุวันครบกำหนดเป็นจำนวนเดือน การนับวันครบกำหนดจะนับวันที่เดียวกันกับวันที่ระบุ ในตั๋ว จะแตกต่างที่เดือน โดยใช้วิธีนับเดือนชนเดือน เช่น • ออกตั๋วสัญญาใช้เงินวันที่ 15 กันยายน 2562 มีอายุ 1 เดือน ดังนั้นวันครบกำหนดของ ตั๋วเงิน คือ วันที่ 15 ตุลาคม 2562 • ออกตั๋วสัญญาใช้เงินวันที่ 10 มีนาคม 2562 มีอายุ 3 เดือน ดังนั้นวันครบกำหนดของ ตั๋วเงิน คือ วันที่ 10 มิถุนายน 2562


3. เมื่อตั๋วเงินระบุวันครบกำหนดเป็นจำนวนวัน การนับวันครบกำหนดจะไม่นับวันที่ออกตั๋วแต่จะนับวัน ครบกำหนด กล่าวคือ จะเริ่มนับจากวันที่ถัดจากวันที่ออกตั๋วไปจนถึงวันครบกำหนด เช่น • ออกตั๋วสัญญาใช้เงินวันที่ 12 ตุลาคม 2562 อายุ 90 วัน การคำนวณวันครบกำหนด ดังนี้ ต.ค. (31-12) 19 พ.ย. 30 ธ.ค. 31 ม.ค.(ปี 2563) 10 รวม 90 ดังนั้นวันครบกำหนดของตั๋วเงิน คือ วันที่ 10 มกราคม 2563 การคำนวณดอกเบี้ยของตั๋วเงินรับ การคำนวณดอกเบี้ยตามตั๋วเงินจะคำนวณเฉพาะตั๋วเงินชนิดมีดอกเบี้ยเท่านั้น สูตรการคำนวณดอกเบี้ย ดอกเบี้ย เงินต้น x อัตราดอกเบี้ย x ระยะเวลา สำหรับอัตราดอกเบี้ยที่นำมาคำนวณนั้น จะเป็นอัตราดอกเบี้ยต่อปีที่ระบุไว้ในตั๋วเงิน ตัวอย่างที่ 1 ก. ได้รับตั๋วสัญญาใช้เงินมูลค่า 10,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 109 ต่อปี อายุ 3 เดือน 3e การคำนวณ ดอกเบี้ย = 10,000 X 10% X 3/12 = 250 บาท ดังนั้น มูลค่าตั๋วเงินเมื่อครบกำหนด = เงินต้น + ดอกเบี้ย = 10,000+250 = 10,250 บาท ข. ได้รับตั๋วสัญญาใช้เงินมูลค่า 10,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 10% ต่อปี อายุ 45 วัน การคำนวณ ดอกเบี้ย = 10,000 x 10%X45/365 = 123.29 บาท ดังนั้น มูลค่าตั๋วเงินเมื่อครบกำหนด = 10,000+123.29 = 10,123.29 บาท


หมายเหตุการคำนวณเป็นจำนวนวัน 1 ปี ควรจะใช้เกณฑ์ 365 วัน แต่เพื่อความสะดวกในการ คำนวณอาจใช้ 360 วัน ค. ได้รับตั๋วสัญญาใช้เงินมูลค่า 10,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 10% ต่อปี อายุ 1 ปี การคำนวณ ดอกเบี้ย = 10,000 x 10% x 1 ปี = 1,000 บาท ดังนั้น มูลค่าตั๋วเงินเมื่อครบกำหนด = 10,000+1,000 = 11,000 บาท การบันทึกบัญชีเกี่ยวกับตั๋วเงินรับการค้า กิจการจะบันทึกบัญชีตั๋วเงินรับ ตามจำนวนเงินที่ระบุไว้ในหน้าตั๋ว ไม่ว่าจะเป็นตั๋วเงินชนิดมีดอกเบี้ย หรือไม่มีดอกเบี้ยก็ตาม ดังนี้ 1. เมื่อรับชำระหนี้หรือค่าขายสินค้าเป็นตั๋วเงิน Dr. ตั๋วเงินรับ XX Cr. ลูกหนี้ (ขาย) XX 2. เมื่อตั๋วเงินถึงกำหนด Dr. เงินสด/ธนาคาร XX Cr. ตั๋วเงินรับ XX กรณีเป็นตั๋วมีดอกเบี้ย จำนวนเงินที่ได้รับเมื่อตั๋วครบกำหนดจะมากกว่าจำนวนเงินตามหน้าตั๋ว ส่วนต่างบันทึกไว้ด้าน Cr. บัญชี ดอกเบี้ยรับ ดังนี้ Dr. เงินสด XX Cr. ตั๋วเงินรับ XX ดอกเบี้ยรับ XX


ตัวอย่างที่ 2 เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2562 กิจการขายสินค้าให้ บริษัท กนกพร จำกัด จำนวนเงิน 20,000 บาท โดย บริษัท กนกพร จำกัด ออกตั๋วสัญญาใช้เงินชนิดมีดอกเบี้ย อัตราดอกเบี้ย 12% ต่อปี อายุของตั๋ว 2 เดือน การบันทึกบัญชี 2562 ต.ค. 1 Dr. ตั๋วเงินรับ 20,000.- Cr. ขายสินค้า 20,000.- ขายสินค้าเป็นเงินเชื่อให้ บริษัท กนกพร จำกัด ธ.ค. 1 Dr. เงินสด 20,400.- Cr. ตั๋วเงินรับ 20,000.- ดอกเบี้ยรับ 400.- รับชำระเงินตามตั๋วเงินรับของบริษัท กนกพร จำกัด (20,000 x 12/100 x 2/12 รายการปรับปรุงดอกเบี้ยค้างรับของตั๋วเงินชนิดมีดอกเบี้ย ตั๋วเงินรับชนิดที่มีดอกเบี้ย กิจการถือไว้จนถึงวันสิ้นงวดบัญชี แต่ยังไม่ถึงกำหนดชำระเงินจะต้องมีการ บันทึกรายการปรับปรุงดอกเบี้ยรับ สำหรับระยะเวลาที่ได้ตั๋วเงินรับมาจนถึงวันสิ้นงวดบัญชีโดยถือเป็นรายการ์ดอก เบี้ยค้างรับ ตัวอย่างที่ 3 จากตัวอย่างที่ 2 สมมติว่าถ้าตั๋วเงินรับมีอายุ6 เดือน กิจการจะต้องปรับปรุงดอกเบี้ยค้างรับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2562 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2562 ดังนี้ 2562 ธ.ค. 31 Dr. ดอกเบี้ยค้างรับ 600.- Cr. ดอกเบี้ยรับ 600.- ปรับปรุงดอกเบี้ยค้างรับของตั๋วเงินรับ บริษัท กนกพร จำกัด ระยะเวลา ตั้งแต่ 1 ต.ค. 2562 ถึง 31 5.ค. 2562 (20,000 x 12/10 x 3/12) ตั๋วเงินรับอื่น ๆ ตั๋วเงินรับอื่น ๆ (Note receivable others) หมายถึง ตั๋วเงินรับที่มิได้เกิดจากการดำเนินงานตามปกติ เช่น ตั๋วเงินรับที่ได้จากการให้กู้ยืมเงิน ตั๋วเงินรับที่ได้จากการขายสินทรัพย์อื่นที่มิใช่สินค้าการกำหนดมูลค่าของตั๋ว เงินใช้หลักการคำนวณเดียวกับตั๋วเงินรับการค้า


ตั๋วเงินรับอื่น ๆ ชนิดมีดอกเบี้ย ตัวอย่างที่ 4 ณ วันที่ 1 มีนาคม 2562 บริษัท ค้าขาย จำกัด ให้กรรมการกู้ยืมเงินจำนวน 100,000 บาท โดย กรรมการบริษัทได้ออกตั๋วเงินรับ จำนวน 100,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 12% ต่อปี อายุ 6 เดือน ให้บริษัท ค้าขาย จำกัด เพื่อแลกกับเงินสด จำนวน 100,000 บาท รายการบัญชี 2562 มี.ค. 1 Dr. ตั๋วเงินรับอื่น ๆ 100,000.- Cr. เงินสด 100,000.- ให้กรรมการบริษัทกู้เงินโดยออกตั๋วสัญญาใช้เงิน 12% ต่อปีอายุ 6 เดือนให้ ในวันที่ 1 กันยายน 2562 ซึ่งเป็นวันที่ตั๋วเงินรับครบกำหนด กิจการจะได้รับเงินด้วยจำนวนเงินตามหน้าตั๋ว บวก ดอกเบี้ยรับ สำหรับระยะเวลา 6 เดือน ดังนี้ จำนวนเงินตามหน้าตั๋ว 100,000 บาท บวก ดอกเบี้ยรับ 6,000 บาท (100,000x12/100x6/12) จำนวนเงินที่ได้รับทั้งหมด 160,000 บาท รายการบัญชีที่จะบันทึก คือ ก.ย. 1 Dr. เงินสด 106,000.- Cr. ตั๋วเงินรับอื่น ๆ 100,000.- ดอกเบี้ยรับ 6,000.- รับชำระเงินตามตั๋วเงินรับจากกรรมการบริษัท อายุ 6 เดือน อัตราดอกเบี้ย 12% ต่อปี


ตั๋วเงินชนิดไม่มีดอกเบี้ย ตั๋วเงินรับชนิดนี้จะไม่ระบุอัตราดอกเบี้ยไว้หน้าตั๋ว มูลค่าหน้าตั๋วเป็นมูลค่าที่รวมดอกเบี้ยไว้แล้วนั่นคือ จำนวนเงินที่ระบุไว้หน้าตั๋วเป็นจำนวนเงินต้น รวมดอกเบี้ย สำหรับอัตราดอกเบี้ยของตั๋วใช้อัตราดอกเบี้ยของ ท้องตลาดที่ออกโดยผู้มีเครดิตระดับเดียวกัน กล่าวคือกิจการได้รับตั๋วเงินรับมามูลค่าเท่าไรเมื่อตัวเงินครบกำหนด จะได้รับเงินเท่ากับมูลค่าหน้าตั๋ว แสดงว่า ณ วันที่ได้รับตั๋วเงินรับมามูลค่าของตั๋วเงินรับจะต่ำกว่ามูลค่าหน้าตั๋ว เพราะจะเก็บเงินตามมูลค่าหน้าตั๋วได้ต่อเมื่อตั๋วครบกำหนด ดังนั้นในวันที่กิจการได้รับตั๋วเงินรับมา จะต้องเครดิต บัญชีที่เกี่ยวข้องด้วยมูลค่าปัจจุบัน ผลต่างจะบันทึกในบัญชีส่วนลดของตั๋วเงินรับ ตัวอย่างที่ 5 เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2562 กิจการให้นายสมบัติกู้เงิน โดยนายสมบัติได้ออกตั๋วสัญญาใช้เงิน อายุ 4 เดือน มูลค่าหน้าตั๋ว 80,000 บาท เป็นตั๋วชนิดไม่มีดอกเบี้ย อัตราดอกเบี้ยในตลาด 6% การคำนวณหามูลค่าปัจจุบันของตั๋วเงินรับ สมมติมูลค่าปัจจุบันของตั๋วเงินรับ = 1 บาท ดังนั้นเมื่อตั๋วเงินครบกำหนด จะได้รับดอกเบี้ย 6% 4 เดือน = 1 x 6% X 4/12 ดอกเบี้ยรับ = 0.02 มูลค่าของตั๋วเมื่อครบกำหนด (มูลค่าหน้าตั๋ว + ดอกเบี้ย) = 1+0.02 =1.02 การคำนวณหามูลค่าปัจจุบันของตั๋วเงินรับ 80,000 บาท หาได้ดังนี้ มูลค่าเมื่อครบกำหนด 1.02 มูลค่าปัจจุบัน = 1 ถ้ามูลค่าตั๋วเมื่อครบกำหนด 80,000 มูลค่าปัจจุบัน = 80,000x1/1.02 = 78,431.37 ดังนั้น ส่วนลดของตั๋วเงินรับ = 80,000 -78,431.37 = 1,568.63 หรืออาจคำนวณมูลค่าปัจจุบันของตั๋วเงินรับโดยใช้สูตรได้ดังนี้ A P = (1+RT ) เมื่อ A = จำนวนเงินของตั๋วเมื่อครบกำหนด P = มูลค่าปัจจุบัน R = อัตราดอกเบี้ย T = เวลา มูลค่าปัจจุบัน = 80,000 (1+0.02) =78,431.37


แสดงว่าถ้ากิจการได้รับเงินตามตั๋วเงินรับที่นายสมบัติให้มาจากการกู้ยืมเงิน 80,000 บาท ซึ่งรวมดอกเบี้ย ไว้แล้วในอัตรา 6% เวลา 4 เดือน กิจการจะต้องให้เงินนายสมบัติ78,431.37 เมื่อตั๋วเงินครบกำหนดกิจการจะ ได้รับเงิน 80,000 บาท ส่วนต่างเป็นดอกเบี้ยที่กิจการจะได้รับ เป็นเงิน 1,568.63 บาท ซึ่งตั๋วเงินระยะสั้น ดอกเบี้ย รับจะเกิดขึ้นต่อเมื่อตั๋วเงินรับครบกำหนด ในวันที่กิจการได้รับตั๋วเงิน จึงบันทึกไว้ในบัญชีส่วนลดของตั๋วเงินรับและ โอนมาเป็นดอกเบี้ยรับต่อเมื่อตั้วเงินครบกำหนด การบันทึกบัญชีเป็นดังนี้ 2562 มิ.ย. 1 Dr. ตั๋วเงินรับ 80,000.- Cr. เงินสด 78,431.37 ส่วนลดของตั๋วเงินรับ 1,568.63 บันทึกรับตั๋วเงินรับจากการให้กู้ยืมเงิน ต.ค. 1 Dr. เงินสด 80,000.- Cr. ตั๋วเงินรับ 80,000.- บันทึกรับชำระเงินตามตั๋วเงินรับ Dr. ส่วนลดของตั๋วเงินรับ 1,568.63 Cr. ดอกเบี้ยรับ 1,568.63 บันทึกโอนส่วนลดของตั๋วเงินรับมาเป็นดอกเบี้ยรับ ในกรณีที่วันครบกำหนดของตั๋วเงินรับคาบเกี่ยวปีบัญชี ณ วันสิ้นงวดบัญชี จะต้องปรับปรุงส่วนลด ของตั๋วเงินรับเป็นดอกเบี้ยรับเท่ากับระยะเวลาการได้รับตั๋วเงินจนถึงวันสิ้นงวดบัญชี จากตัวอย่างที่ 5 หากกิจการได้รับตั๋วเงินรับมาในวันที่ 1 จะครบกำหนดในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2562 การบันทึก บัญชีเป็นดังนี้ 2562 ต.ค. 1 Dr. ตั๋วเงินรับ 80,000.- Cr. เงินสด 78,431.37 ส่วนลดของตั๋วเงินรับ 1,568.63 บันทึกรับตั๋วเงินรับจากการให้กู้ยืมเงิน ธ.ค. 31 Dr. ส่วนลดของตั๋วเงินรับ (1,568.63 x 34) 1,176.47 Cr. ดอกเบี้ยรับ 1,176.47 บันทึกโอนส่วนลดของตั๋วเงินรับมาเป็นดอกเบี้ยรับ 3 เดือน


การแสดงรายการในงบแสดงฐานะการเงิน ณ วันสิ้นปี 2562 บริษัท กิจการ จำกัด งบแสดงฐานะการเงิน (บางส่วน) ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562 และ 2561 หน่วย : บาท หมายเหตุ 2562 2561 สินทรัพย์ สินทรัพย์หมุนเวียน ลูกหนี้การค้าและลูกหนี้อื่น 2 79,607.84 XX บริษัท กิจการ จำกัด หมายเหตุประกอบงบการเงิน (บางส่วน) ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562 และ 2561 1. สรุปนโยบายการบัญชีที่สำคัญ กิจการวัดมูลค่าตั๋วเงินรับในงบการเงิน ด้วยมูลค่าสุทธิที่คาดว่าจะได้รับ 2. ลูกหนี้การค้าและลูกหนี้อื่น จำนวน 79,607.84 บาท ประกอบด้วย ตั๋วเงินรับ 80,000.- หัก ส่วนลดของตั๋วเงินรับ 392.16 รวมลูกหนี้การค้า 79,607.84 ตัวเงินรับขาดความเชื่อถือ (Dishonoured notes receviable) ตั๋วเงินรับขาดความเชื่อถือ หมายถึง เมื่อตั๋วเงินรับที่ครบกำหนดชำระเงินแล้วแต่ผู้ออกตั๋ว หรือผู้จ่าย ชำระเงินไม่สามารถชำระเงินตามตั๋ว ดังนั้นกิจการจะต้องบันทึกรายการให้ผู้ที่ออกตั๋วหรือผู้จ่ายชำระเงินกลับมา เป็นลูกหนี้กิจการใหม่ด้วยจำนวนเงินตามตั๋วบวกด้วยดอกเบี้ยรับ พร้อมค่าใช้จ่ายต่าง ๆที่กิจการจ่ายไป เช่น ค่าทำ คำคัดค้าน ซึ่งผู้รับเงินตามตั๋วหรือผู้ทรงตั๋วจะต้องทำคำคัดค้านภายใน 3 วันนับแต่วันที่ตั๋วขาดความเชื่อถือ สำหรับ ดอกเบี้ยพ้นกำหนด ถ้าเป็นตัวชนิดมีดอกเบี้ยให้ใช้อัตราดอกเบี้ยที่ระบุไว้หน้าตั๋ว แต่ถ้าเป็นตั๋วเงินชนิดไม่มีดอกเบี้ย ให้ใช้อัตรา 5% ต่อปี


ตัวอย่างที่ 7 จากโจทย์ตัวอย่างที่ 2 สมมติว่า บริษัท กนกพร จำกัด ไม่สามารถชำระเงินเมื่อตั๋วครบกำหนด การบันทึกบัญชี 2562 ธ.ค. 1 Dr. ลูกหนี้การค้า 20,400.- Cr. ตั๋วเงินรับ 20,000.- ดอกเบี้ยรับ 400.- บันทึกตั๋วเงินรับของ บริษัท กนกพร จำกัด ขาดความเชื่อถือ สมมติวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2562 บริษัท กนกพร จำกัด นำเงินมาชำระให้กิจการพร้อมดอกเบี้ยพ้นกำหนด การคำนวณ มูลค่าตั๋วเงินรับเมื่อครบกำหนด 20,400 บาท บวก ดอกเบี้ยพ้นกำหนด (20,000 x 12% x 2/12 400 บาท รวมจำนวนเงินที่ได้รับ 20,800 บาท การบันทึกบัญชี ก.พ.1 Dr. เงินสด 20,000.- Cr. ลูกหนี้การค้า 20,400.- ดอกเบี้ยรับ 400.- รับชำระเงินตามตั๋วเงินรับขาดความเชื่อถือพร้อมดอกเบี้ยพ้นกำหนด ตั๋วเงินรับขายลด (Discounting notes receivable) ในกรณีที่กิจการมีความจำเป็นที่จะใช้เงินสด แต่เงินสดที่กิจการมีอยู่ไม่เพียงพอ กิจการสามารถนำตั๋วเงิน รับไปขายลดให้กับธนาคารหรือสถาบันการเงิน โดยธนาคารหรือสถาบันการเงินที่รับซื้อตั๋วเงินรับจะหักส่วนลดไว้ ล่วงหน้า เท่ากับระยะเวลาที่ซื้อตั๋วเงินรับจนถึงวันที่ตั๋วเงินรับครบกำหนด ในอัตราของธนาคารหรือสถาบันการเงิน


การบันทึกบัญชีเกี่ยวกับตั๋วเงินรับขายลด มี 2 วิธี ดังนี้ 1. บันทึกบัญชีเป็นการขาย การนำตั๋วเงินรับไปขายลด บันทึกบัญชีแบบการขาย มี 2 วิธี ได้แก่ 1.1 ไม่มีเงื่อนไขในความรับผิดชอบหากผู้รับซื้อตั๋วเงินรับเก็บเงินตามตั๋วเงินรับไม่ได้ 1.2 มีเงื่อนไขในความรับผิดชอบหากผู้รับซื้อตั๋วเงินรับเก็บเงินตามตั๋วเงินรับไม่ได้ ผู้ขายลดตั๋วจะต้องชำระ เงินแทนให้กับผู้ซื้อตั๋วเงินไปก่อน จากนั้นค่อยไล่เบี้ยเก็บเงินจากผู้ออกตั๋วต่อไป การขายลดตั๋วแบบมีเงื่อนไขความรับผิดชอบในหนี้ที่อาจเกิดขึ้นจากตั๋วเงินรับที่นำไปขายลดขาดความ เชื่อถือ ผู้ซื้อตั๋วเงินไม่สามารถเก็บเงินตามตั๋วเงินได้ หากตั๋วเงินรับนั้นยังไม่ครบกำหนด ณ วันสิ้นงวดบัญชี กิจการ จะต้องเปิดเผยข้อมูลในหมายเหตุประกอบงบการเงิน ถึงภาระหนี้ที่อาจจะเกิดขึ้น หากตั๋วเงินรับที่นำไปขาดลดผู้ซื้อ ไม่สามารถเก็บเงินตามตั๋วเงินรับนั้นได้ การคำนวณประกอบการบันทึกบัญชีเกี่ยวกับการขายลดตั๋วเงินรับมีดังนี้ 1. คำนวณหามูลค่าของตั๋วเมื่อครบกำหนด ได้จาก มูลค่าหน้าตั๋ว + ดอกเบี้ยตั๋วเมื่อครบกำหนด 2. คำนวณหาส่วนลดที่ธนาคารหรือสถาบันการเงินคิด ได้จาก มูลค่าของตั๋วเมื่อครบกำหนด (จากข้อที่ 1) x อัตราดอกเบี้ยของธนาคาร x ระยะเวลา ตั้งแต่วันที่ขายลดตั๋วจนถึงวันที่ตัวครบกำหนด 3. คำนวณหาจำนวนเงินที่จะได้รับจากการขายลดตั๋วได้จากมูลค่าของตั๋วเมื่อครบกำหนด (จากข้อที่ 1) - ส่วนลดที่ธนาคารคิด (จากข้อ 2) 4. คำนวณหามูลค่าตามบัญชีของตั๋ว หาได้จากมูลค่าหน้าตั๋ว + ดอกเบี้ยของตั๋วตั้งแต่ วันที่ได้รับตั๋วจนถึงวันที่นำตั๋วไปขายลด 5. คำนวณหากำไรหรือขาดทุนจากการขายลดตั๋วเงิน หากบันทึกบัญชีเป็นการขาย แต่ ถ้าบันทึกบัญชีเป็นการกู้ยืม ก็จะบันทึกบัญชีเป็นดอกเบี้ยรับหรือดอกเบี้ยจ่าย ได้จากจำนวนเงินที่ได้รับ จากการขาดลดตั๋ว (จากข้อ 3) - มูลค่าตามบัญชีของตั๋ว (จากข้อ 4) 6. นำข้อมูลที่ได้จากการคำนวณไปบันทึกบัญชีในสมุดรายวันทั่วไป


ตัวอย่างที่ 8 วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2562 กิจการได้รับตั๋วสัญญาใช้เงินจากการขายเครื่องคอมพิวเตอร์ 2 เครื่อง เครื่องละ 30,000 บาท ตั๋วสัญญาใช้เงินดังกล่าว มีอายุ 6 เดือน ดอกเบี้ย 9% ต่อปี ต่อมาในวันที่ 1 เมษายน 2562 กิจการได้นำตั๋วเงินไปขาดลดให้กับธนาคารธนาคารคิดส่วนลด 12% ต่อปี ต่อมาในวันที่ 1 สิงหาคม 2562 ซึ่งเป็นวันที่ตัวครบกำหนดธนาคารแจ้งว่าเก็บเงินตามตั๋วได้เรียบร้อยแล้ว ให้ทำ บันทึกบัญชีเกี่ยวกับตั๋วเงินรับ กรณี 1. บันทึกการนำตั๋วเงินรับไปขายลดแบบการขาย ไม่มีเงื่อนไข 2. บันทึกการนำตั๋วเงินรับไปขายลดแบบการขาย มีเงื่อนไข การคำนวณประกอบการบันทึกบัญชีเกี่ยวกับการขายลดตั๋วเงินรับมีดังนี้ 1. คำนวณหามูลค่าของตั๋วเมื่อครบกำหนด ได้จาก มูลค่าหน้าตั๋ว + ดอกเบี้ยตั๋วเมื่อครบกำหนด 60,600+(60,000x9%X6/12) = 62,700.- 2. คำนวณหาส่วนลดที่ธนาคารหรือสถาบันการเงินคิด ได้จาก มูลค่าของตั๋วเมื่อครบกำหนด (จากข้อที่ 1) x อัตราดอกเบี้ยของธนาคาร x ระยะเวลา ตั้งแต่วันที่ขายลดตั๋วจนถึงวันที่ตั๋วครบกำหนด 62,700 x 12%x4/12 = 2,508.- 3. คำนวณหาจำนวนเงินที่จะได้รับจากการขายลดตั๋ว ได้จาก มูลค่าของตั๋วเมื่อครบกำหนด (จากข้อที่ 1) - ส่วนลดที่ธนาคารคิด (จากข้อ 2) 62,700 - 2,508 = 60,192.- 4. คำนวณหามูลค่าตามบัญชีของตั๋ว หาได้จาก มูลค่าหน้าตั๋ว + ดอกเบี้ยของตั๋วตั้งแต่วันที่ได้รับตั๋วจนถึงวันที่นำตัวไปขายลด 60,000 x(60,000X9%2/12) = 60,900.- แสดงว่าก่อนที่กิจการนจะนำตั๋วเงินรับไปขายลด มีดอกเบี้ยเกิดขึ้น 900 บาท เป็นดอกเบี้ยเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ได้รับ ตั๋วเงินจนถึงวันที่นำตั๋วเงินไปขายลด จึงต้องบันทึกบัญชีเป็น ดอกเบี้ยรับ


5. คำนวณหากำไรหรือขาดทุนจากการขายลดตั๋วเงิน หากบันทึกบัญชีเป็นการขาย แต่ถ้าบันทึกบัญชีเป็นการกู้ยืม ก็จะบันทึกบัญชีเป็นดอกเบี้ยรับหรือดอกเบี้ยจ่าย ได้จากมูลค่าตามบัญชีของตั๋ว (จากข้อ 4) - จำนวนเงินที่ ได้รับจากการขาดลดตั๋ว (จากข้อ 3) 60,900 - 60,192 = 708.- 6. นำข้อมูลที่ได้จากการคำนวณไปบันทึกบัญชีในสมุดรายวันทั่วไป 1. บันทึกการนำตั๋วเงินรับไปขายลดแบบการขาย ไม่มีเงื่อนไข 2562 ก.พ.1 Dr. ตั๋วเงินรับ 60,000.- Cr. ขายสินค้า 60,000.- บันทึกขายสินค้ารับชำระเป็นตั๋วสัญญาใช้เงิน เม.ย. 1 Dr. เงินสด 60,192.- ขาดทุนจากการขายตั๋วเงินรับ 708.- Cr. ตั๋วเงินรับ 60,000.- ดอกเบี้ยรับ 900.- บันทึกนำตั๋วเงินรับไปขายลด ในวันที่ 1 สิงหาคม 2562 ซึ่งเป็นวันที่ตั๋วเงินครบกำหนด ธนาคารเก็บเงินตามตั๋วเงินได้เรียบร้อยแล้ว กิจการไม่ต้องบันทึกบัญชีใด เนื่องจากตอนขายตั๋วเงินกิจการได้เครดิตตั๋วเงินรับออกไปแล้ว วิธีนี้ไม่ว่าธนาคารหรือ สถาบันการเงินจะเก็บเงินได้หรือไม่กิจการหมดภาระไม่ต้องบันทึกบัญชีใด ๆ 2. บันทึกการนำตั๋วเงินรับไปขายลดแบบการขาย มีเงื่อนไข การบันทึกบัญชีวิธีนี้มีวิธีการคำนวณ การบันทึกบัญชีเมื่อขายลดตั๋วเหมือนกับการขายแบบไม่มีเงื่อนไข ต่างกันที่ในวันที่ตัวเงินครบกำหนด ถ้าธนาคารเก็บเงินตามตั๋วเงินรับได้ กิจการก็ไม่ต้องบันทึกบัญชีใด ๆ แต่หากธนาคารเก็บเงินตามตั๋วไม่ได้ กิจการมีเงื่อนขต้องรับผิดชอบจ่ายชำระเงินตามตั๋วให้ธนาคารแทน ลูกหนี้หรือผู้ออกตั๋วก่อน แล้วค่อยไปเรียกเก็บเงินจากลูกหนี้ต่อไป


ตัวอย่างที่ 9 จากตัวอย่างที่ 8 หากในวันที่ 1 สิงหาคม 2562 ธนาคารเก็บเงินตามตั๋วเงินไม่ได้ และได้จ่ายค่าทำคำ คัดค้านไป 500 บาท การบันทึกบัญชีเป็นดังนี้ 2562 ก.พ.1 Dr. ตั๋วเงินรับ 60,000.- Cr. ขายสินค้า 60,000.- บันทึกขายสินค้ารับชำระเป็นตั๋วสัญญาใช้เงิน เม.ย. 1 Dr. เงินสด 60,192.- ขาดทุนจากการขายตั๋วเงินรับ 708.- Cr. ตั๋วเงินรับ 60,000.- ดอกเบี้ยรับ 900.- บันทึกนำตั๋วเงินรับไปขายลด ส.ค. 1 Dr. ลูกหนี้การค้า 63,200.- Cr. เงินสด 63,200.- บันทึกตั๋วเงินที่นำไปขายลดขาดความเชื่อถือจ่ายเงินแทนลูกหนี้ มูลค่าตั๋วเมื่อครบกำหนด 62,700 + ค่าทำคำคัดค้าน 500 2. บันทึกบัญชีเป็นการกู้ยืม การบันทึกบัญชีวิธีนี้มีวิธีการคำนวณเหมือนกับการขาย ต่างกันที่วิธีบันทึกบัญชีถือเป็นการกู้ยืมเงิน ผลต่าง จะเป็นดอกเบี้ยรับ ดอกเบี้ยจ่าย และตั๋วเงินรับยังอยู่กับผู้ขาย จึงเครดิตบัญชีตั๋วเงินรับขายลดและเมื่อถึงวันครบ กำหนดหากธนาคารเก็บเงินตามตั๋วได้ ภาระหนี้สินของกิจการจะหมดลงให้โอนปิดบัญชีตั๋วเงินรับขายลด กับบัญชี ตั๋วเงินรับ แต่ถ้าธนาคารเก็บเงินตามตั๋วไม่ได้ กิจการต้องจ่ายเงินแทนผู้ออกตั๋วก่อน แล้วจึงไปเรียกเก็บเงินจาก ลูกหนี้ การบันทึกบัญชีในวันที่ตั๋วเงินรับขาดความเชื่อถือ มี 2 รายการคือ จ่ายเงินแทนผู้ออกตั๋วก่อน โดยเดบิต ลูกหนี้การค้า เครดิต เงินสด ในขณะเดียวกัน เมื่อจ่ายเงินแทนผู้ออกตั๋วแล้วกิจการจะไม่มีภาระหนี้สินที่อาจจะ เกิดขึ้นอีกต่อไป ให้โอนปิดบัญชีตั๋วเงินรับขายลด กับบัญชีตั๋วเงินรับ บัญชีตั๋วเงินรับขายลด ณ สิ้นงวดแสดงเป็น หนี้สินหมุนเวียน ในงบแสดงฐานะการเงิน ภายใต้หัวข้อ เงินเบิกเกินบัญชีและเงินกู้ยืมระยะสั้นจากสถาบันการเงิน


ตัวอย่างที่ 10 จากตัวอย่างที่ 8 ถ้ากิจการบันทึกบัญชีแบบการกู้ยืม และในวันที่ตั๋วเงินรับครบกำหนดธนาคารเก็บ เงินตามตั๋วเงินรับได้ การบันทึกบัญชีเป็นดังนี้ 2562 ก.พ. 1 Dr. ตั๋วเงินรับ 60,000.- Cr. ขายสินค้า 60,000.- บันทึกขายสินค้ารับชำระเป็นตั๋วสัญญาใช้เงิน เม.ย.1 Dr. เงินสด 60,192.- ดอกเบี้ยจ่าย 708.- Cr. ตั๋วเงินรับขายลด 60,000.- ดอกเบี้ยรับ 900.- บันทึกนำตั๋วเงินรับไปขายลด ส.ค. 1 Dr. ตั๋วเงินรับขายลด 60,000.- Cr. ตั๋วเงินรับ 60,000.- บันทึกโอนปิดตั๋วเงินรับขายลดเนื่องจากตั๋วครบกำหนดชำระ บริษัท มณฑา จำกัด งบแสดงฐานะการเงิน (บางส่วน) ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562 และ 2561 หน่วย : บาท หมายเหตุ 2562 2561 สินทรัพย์ สินทรัพย์หมุนเวียน ลูกหนี้การค้าและลูกหนี้อื่น 2 XX- XX หนี้สินและส่วนของผู้ถือหุ้น หนี้สิน หนี้สินหมุนเวียน เงินเบิกเกินบัญชีและเงินกู้ยืม ระยะสั้นจากสถาบันการเงิน 3 XX XX


การแสดงรายการในงบกำไรขาดทุน บริษัท มณฑา จำกัด งบกำไรขาดทุน (บางส่วน) สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2562 หน่วย : บาท หมายเหตุ 2562 2561 สินทรัพย์ รายได้ รายได้อื่น 2 XX XX บริษัท มณฑา จำกัด งบกำไรขาดทุน (บางส่วน) สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2562 1. สรุปนโยบายการบัญชีที่สำคัญ กิจการวัดมูลค่าตั๋วเงินรับในงบการเงิน ด้วยมูลค่าสุทธิที่คาดว่าจะได้รับ 2. ลูกหนี้การค้าและลูกหนี้อื่น จำนวน.......บาท ประกอบด้วย ตั๋วเงินรับ XX หัก ส่วนลดของตั๋วเงินรับ XX XX ลูกหนี้อื่น ดอกเบี้ยค้างรับ XX XX รวมลูกหนี้การค้าและลูกหนี้อื่น XX 3. เงินเบิกเกินบัญชีและเงินกู้ยืมระยะสั้นจากสถาบันการเงิน จำนวน..... บาท ประกอบด้วย ตั๋วเงินรับขายลด XX 4. รายได้อื่น จำนวน…...บาท ประกอบด้วย ดอกเบี้ยรับ XX


Click to View FlipBook Version