The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ไตรภูมิพระร่วง
รายวิชา ท๓๓๑๐๒
ครูผู้สอน นางสาวภัทรวดี โพธิ์วิจิตร

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by amphovijit, 2023-02-16 10:43:30

ไตรภูมิพระร่วง ตอนมนุสสภูมิ

หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ไตรภูมิพระร่วง
รายวิชา ท๓๓๑๐๒
ครูผู้สอน นางสาวภัทรวดี โพธิ์วิจิตร

เรื่องย่อ ไตรภูมิพระร่วง ตอน มนุสสภูมิ และเมื่อผ่านไป ๓๕ จะเริ่ม มีฝ่ามือ และเป็นนิ้วมือ


เรื่องย่อ ไตรภูมิพระร่วง ตอน มนุสสภูมิ เมื่อผ่านไป ๔๒ จะมีขน มีเล็บเท้าเล็บมือ และมีอวัยวะ ครบถ้วน


เรื่องย่อ ไตรภูมิพระร่วง ตอน มนุสสภูมิ เด็กที่เกิดมาในท้องแม่จะมีรูปร่าง ๑๘๔ ประการ แบบมนุษย์ ดังนี้ ส่วนบน ตั้งแต่หัวถึงคอมี ๘๔ ส่วน ส่วนกลาง ตั้งแต่คอถึงสะดือมี ๕๐ ส่วน ส่วนล่าง ตั้งแต่สะดือถึงฝ่าเท้ามี ๕๐ ส่วน


เรื่องย่อ ไตรภูมิพระร่วง ตอน มนุสสภูมิ ทารกที่อยู่ในท้องแม่ ๖ เดือน นั่งยอง ๆ อยู่กลางท้องแม่ โดยเอาหลังมาต่อหนังท้อง แม่ ก าลังก ามือทั้งสองแน่น ไม่ได้หายใจ ไม่ได้ เหยียดมือและเท้า ต้องเจ็บปวดเหมือนถูกขังไว้ ในไหหรือที่คับแคบ เวลาแม่เดิน นอน หรือลุก ขึ้นทารกก็เจ็บปวด


เรื่องย่อ ไตรภูมิพระร่วง ตอน มนุสสภูมิ ทารกที่อยู่ในท้องนั้นต้องได้รับความ ล าบากมาก ต้องทนอยู่ในที่ที่ชื้นและ เหม็นซึ่งอาศัยปนอยู่ในท้องของแม่


เรื่องย่อ ไตรภูมิพระร่วง ตอน มนุสสภูมิ การกินอาหาร มีสายสะดือเป็นตัวส่งอาหาร ที่แม่กินข้าวไปให้แก่ลูกโดยอาหารที่แม่กิน เข้าไปก่อนจะอยู่ใต้หัวทารก ส่วนอาหารที่ แม่กินเข้าไปใหม่จะทับอยู่บนศีรษะทารก ท าให้ทรมานมาก


เรื่องย่อ ไตรภูมิพระร่วง ตอน มนุสสภูมิ เมื่อใกล้ถึงเวลาจะคลอด จะเกิด ‘ลมกรรมชวาต’ พัดตัวเด็กให้กลับหัวลงเพื่อให้ ออกจากท้องแม่ได้ง่ายขึ้น


เรื่องย่อ ไตรภูมิพระร่วง ตอน มนุสสภูมิ หลังคลอดจากท้องแม่ ทารก ที่มาจากนรกมักจะตัวร้อนและ มักจะส่งเสียงร้องไห้ เพราะจะ คิดถึงความล าบากที่เคยเจอมา


เรื่องย่อ ไตรภูมิพระร่วง ตอน มนุสสภูมิ ส่วนทารกที่มาจากสวรรค์ มักจะตัวเย็นและมักจะส่งเสียง หัวเราะ เพราะจะคิดถึงความสุข ในครั้งก่อนที่เจอมา


เรื่องย่อ ไตรภูมิพระร่วง ตอน มนุสสภูมิ ทารกทั่ว ๆ ไป ไม่ว่าจะอยู่ใน ท้องแม่หรือคลอดออกมาจะไม่ สามารถจ าสิ่งต่าง ๆ ที่ผ่านมาได้


เรื่องย่อ ไตรภูมิพระร่วง ตอน มนุสสภูมิ ทารกเมื่อมีอายุครรภ์ได้ ๖ เดือน แล้วคลอดอาจเสียชีวิต หากอายุครรภ์ ได้ ๗ เดือน แล้วคลอดทารกมักจะมีสุขภาพอ่อนแอ เมื่อถึงเวลาจะคลอด จะเกิดลมเกิดแต่กรรม (คนที่เกิดในเวลาที่มันดา จะคลอดบุตร) พัดดันตัวทารกให้ขึ้นไปด้านบน และหันหัวทารกลงมา ด้านล่าง เตรียมที่จะคลอด ถ้าคลอดออกมาไม่พ้นจากตัวแม่ทารกผู้นั้น จะรู้สึกเจ็บปวดเหมือนกับช้างที่ถูกชักถูกเข็นออกจากรูไขกุญแจโบราณ


เรื่องย่อ ไตรภูมิพระร่วง ตอน มนุสสภูมิ ส่วนผู้ที่เป็นปัจเจกโพธิเจ้า (พระพุทธเจ้าพี่ตรัสรู้แล้ว) พระอรหันต์ และพระอัครสาวกเมื่อมาเกิดในท้องแม่ ยังคงจ าเรื่องเดิมได้ ต่อเมื่อออกจาก ท้องแม่จึงจะลืมเหมือนคนทั่วไป


ไตรภูมิแบ่งบุตร ได้เป็น ๓ ลักษณะ คือ ๑. อภิชาตบุตร เป็นคนฉลาดเฉลียว มีรูปงามหรือมั่งมียศยิ่ง กว่าพ่อแม่ (บุตรที่ประเสริฐฟบิดามารดา) ๒. อนุชาตบุตร มีเพียงพ่อแม่ (บุตรที่เสมอกันกับบิดามารดา) ๓. อวชาตบุตร ด้อยกว่าพ่อแม่ (บุตรที่เลวกว่าบิดามารดา)


ไตรภูมิพระร่วง ตอน มนุสสภูมิ


ผิรูปอันจะเกิดเป็นชายก็ดีเป็นหญิงก็ดี เกิดมีอาทิแต่เกิดเป็น กลละนั้นโดยใหญ่แต่ละวันแลน้อย ครั้งถึง ๗ วัน เป็นดั่งน ้าล้าง เนื้อนั้นเรียกว่าอัมพุทะ อัมพุทะนั้นโดยใหญ่ไปทุกวารไสร้ ครั้นถึง ๗ วาร ข้นเป็นดังตะกั่วอันเชื่อมอยู่ในหม้อเรียกชื่อว่าเปสิ ไตรภูมิพระร่วง ตอน มนุสสภูมิ รูปแรกเริ่มที่ปฏิสนธิในครรภ์ มารดาในช่วงสัปดาห์แรก รูปของการก่อก าเนิดมนุษย์ในช่วง สัปดาห์ที่ ๒ ของการตั้งครรภ์ ชิ้นเนื้อ (ในครรภ์มารดา)


ไตรภูมิพระร่วง ตอน มนุสสภูมิ เปสิกนั้นคอยใหญ่ไปทุกวัน ครั้งถึง ๗ วัน แข็งเป็นก่อนดั่งไข่ไก่ เรียกว่าฆนะ ฆนะนั้นค่อยใหญ่ไปทุกวัน ครั้นถึง ๗ วัน เป็นตุ่มออกได้ ๕ แห่ง ดังหูดนั้น เรียกว่าเบญจาสาขาหูด เบญจาสาขาหูดนั้นเป็นมือ ๒ อัน เป็นตีน ๒ อัน หูดเป็นหัวนั้นอันหนึ่ง แลแต่นั้นค่อยไปเบื้องหน้าทุกวัน ครั้งถึง ๗ วัน เป็นฝ่ามือ เป็นนิ้วมือ แต่นั้นไปถึง ๗ วัน ค ารบ ๔๒ จึงเป็นคน เป็นเล็บตีน เล็บมือ เป็นเครื่องส าหรับเป็นมนุษย์ถ้วนทุกอันแล ก้อน,แท่ง ปุ่มที่เป็น ๕ กิ่ง ในที่นี้หมายถึงก้อนเนื้อที่มีปุ่ม เกิด ๕ ปุ่ม คือ หัว ๑ ปุ่ม แขน ๒ ปุ่ม ขา ๒ ปุ่ม


ไตรภูมิพระร่วง ตอน มนุสสภูมิ แต่รูปอันมีกลางคนใสร้ ๕๐ แต่รูปอันมีหัวได้ ๘๔ แต่รูปอันมีเบื้องต ่าได้ ๕๐ ผสมรูปทั้งหลายอันเกิดเป็นสัตว์อันอยู่ในท้องแม่ได้ ๑๘๔ แลกุมารนั้นนั่งกลาง ท้องแม่ แลเอาหลังมาต่อหนังท้องแม่ อาหารอันแม่กินเข้าไปแต่ก่อนนั้นอยู่ใต้ กุมารนั้น อาหารอันแม่กินเข้าไปใหม่นั้นอยู่เหนือกุมารนั้น เมื่อกุมารอยู่ในท้อง แม่นั้นล าบากนักหนาพึงเกลียดพึงหน่ายพ้นประมาณนัก


ไตรภูมิพระร่วง ตอน มนุสสภูมิ ก็ชื้นแลเหม็นกลิ่นตืดแลเอือน อันได้ ๘๐ ครอก ซึ่งอยู่ ในท้องแม่อันเป็นที่เหม็นแลที่ออกลูกออกเต้า ที่เถ้า ที่ตายที่เร่ว ฝูงตืดแลเอือนทั้งหลายนั้นคนกันอยู่ใน ท้องแม่ ตืดแลเอือนฝูงนั้นเริมตัวกุมารนั้นไสร้ดุจดัง หนอนอันอยู่ในปลาเน่า แลหนอนอันอยู่ในลามกอาจม นั้นแล ปะปน,ระคนกัน ไชชอน ดุน (ภาษาถิ่นอีสาน ออ,คั่งกันอยู่) พยาธิ พยาธิในท้องชนิดหนึ่ง (ภาษาถิ่นใต้) ป่าช้า


ไตรภูมิพระร่วง ตอน มนุสสภูมิ อันว่าสายสะดือแห้งกุมารนั้นกลวงดั่งสายก้านบัวอันมีชื่อว่าอุบล จะงอยไส้ดือนั้นกลวงขึ้นไปเบื้องบนติดหลังท้องแม่แลข้าวน ้า อาหารอันใดแม่กินไสร้ แลโอชารสนั้นก็เป็นน ้าชุ่มเข้าไปในไส้ดือ นั้น แลเข้าไปในท้องกุมารนั้นแล สะหน่อย ๆ แลผู้น้อยนั้นก็ได้ กินทุกค ่าเช้าทุกวัน แม่จะพึงกินเข้าไปอยู่เหนือกระหม่อมทับหัว กุมารอยู่นั่นแล แลล าบากหนักหนา แต่อาหารอันแม่กินก่อนใสร้ แลกุมารนั้นอยู่เหนืออาหารนั้น สักหน่อย, สักเล็กน้อย ปลายสายสะดือ


ไตรภูมิพระร่วง ตอน มนุสสภูมิ เหงาหงอย เบื้องหลังกุมารนั้นต่อหลังท้องแม่ แลนั่งยองอยู่ในท้องแม่ แลก า มือทั้งสอง คู้คอต่อหัวเข่าทั้งสอง เอาหัวไว้เหนือหัวเข่าเมื่อนั่งอยู่ นั้นดั่งนั้น เลือดแลน ้าเหลืองย้อยลงเต็มตนยะหยดทุกเมื่อแล ดุจดั่งลิงเมื่อฝนตก แลนั่งก ามือเซาเจ่าอยู่ในโพรงไม้นั้นแล ในท้องแม่นั้นร้อนหนักหนาดุจดั่งเราเอาใบตองเข้าจ่อตน แลต้ม ในหม้อนั้นใสร้ สิ่งอาหารอันแม่กินเข้าไปในท้องนั้นไหม้และ ย่อยลง ด้วยอ านาจแห่งไฟธาตุอันร้อนนั้น


ไตรภูมิพระร่วง ตอน มนุสสภูมิ เคย ส่วนตัวกุมารนั้นบมิไหม้ เพราะว่าเป็นธรรมดาด้วยบุญกุมารนั้นจะเป็น คนแลจึงให้บมิไหม้บมิตายเพื่อดั่งนั้นแล แต่กุมารนั้นอยู่ในท้องแม่ บ่ห่อนได้หายใจเข้าออกเสียเลย บ่ห่อนได้เหยียดตีนมือออกดั่งเรา ท่านทั้งหลายนี้สักคาบหนึ่งเลย แลกุมารนั้นเจ็บเนื้อเจ็บตนดั่งคนอัน ท่านขังไว้ในไหอันคับแคบนักหนา แค้นเนื้อแค้นใจ แลเดือดเนื้อ เดือดใจนักหนา เหยียดตีนมือบมิได้


ไตรภูมิพระร่วง ตอน มนุสสภูมิ โครงเครงไปมา ทรงตัวไม่ได้ ดั่งท่านเอาใส่ไว้ในที่คับ ผิแลว่าเมื่อแม่เดินไปก็ดี นอนก็ดี ฟื้นตนก็ดีกุมารอยู่ ในท้องแม่นั้นให้เจ็บเพียงจะตายแล ดุจดั่งลูกทรายอันพึ่งออกแล อยู่ธรห้อย ผิบ่มิดุจดั่งคนอันเมาเหล้า ผิบ่มีดุจดั่งลูกงูอันหมองูเอาไปเล่นนั้นแล อันอยู่ ล าบากยากใจดุจดั่งนั้นท บ่มิได้ล าบากแต่ ๒ วาร ๓ วารแลจะพ้นได้เลย อยู่ยากแล ๗ เดือน ลางคาบ ๘ เดือน ลางคน ๙ เดือน ลางคน ๑๐ เดือน ลางคน ๑๑ เดือน ลางคนค ารบปีหนึ่งจึงคลอดก็มีแล


ไตรภูมิพระร่วง ตอน มนุสสภูมิ อีกส่วนหนึ่ง คนผู้ใดอยู่ในท้องแม่ ๖ เดือน แลคลอดนั้น บ่ห่อนจะได้สักคาบ คนผู้ใดอยู่ในท้องแม่ ๗ เดือนแลคลอดนั้น แม้เลี้ยงเป็นคนก็ดี บ่ มิได้กล้าแข็ง บ่มิทนแดดทนฝนได้แล คนผู้ใดจากแต่นรกมาเกิดนั้น เมื่อคลอดออกตนกุมารนั้นร้อน เมื่อมันอยู่ในท้องแม่นั้นย่อมเดือด เนื้อร้อนใจแลกระหนกระหาย อีกเนื้อแม่นั้นก็พลอยร้อนด้วยโสด ทุรนทุราย กระสับกระส่าย


ไตรภูมิพระร่วง ตอน มนุสสภูมิ คนผู้จากแต่สวรรค์ลงมาเกิดนั้นเมื่อจะคลอดออก ตนกุมารนั้นเย็น เย็นเนื้อเย็นใจ เมื่อยังอยู่ในท้องแม่นั้น อยู่เย็นเป็นสุขส าราญบาน ใจแลเนื้อแม่นั้นก็เย็นด้วยโสด คนผู้อยู่ในท้องแม่ก็ดี เมื่อถึงจัก คลอดนั้นก็ดี ด้วยกรรมนั้นกลายเป็นลมในท้องแม่สิ่งหนึ่ง พัดให้ตัว กุมารนั้นขึ้นหนบน ให้หัวลงมาสู่ที่จะออกนั้น ดุจดั่งฝูงนรกอัน ยมบาลกุมตีแลหย่อนหัวลงในขุมนรกนั้น


ไตรภูมิพระร่วง ตอน มนุสสภูมิ อันลึกได้แลร้อยวานั้น เมื่อกุมารนั้นคลอดออกจากท้องแม่ ออกแลไปบ่มิพ้นตน ตนเย็นนั้นแลเจ็บเนื้อเจ็บตนนักหนา ดั่งช้างสารอันท่านชักท่านเข็นออกจากประตูลักษอันน้อยนั้น แลคับตัวออกยากล าบากนั้นผิบ่มิดั่งนั้น ดั่งคนผู้อยู่ในนรกแล แลภูเขาอันชื่อคังไคยบรรพตหีบแลเหงแลบดบี้นั้นแล หนีบ ทับ คือ ช่องดาลซึ่งเป็นรูส าหรับสอดลูก ดาลเข้าไปเขี่ยดาล (กลอน) ที่ขัดบาน ประตูช่องดาลเทียบได้กับรูกุญแจ


ไตรภูมิพระร่วง ตอน มนุสสภูมิ ครั้นออกจากท้องแม่ไสร้ ลมอันมีในท้องผู้น้อยค่อยพัดออกก่อน ลมอันมี ภายนอกนั้นจึงพัดเข้านั้นหนักหนัก พัดเข้าถึงต้นลิ้นผู้น้อยจึงอย่าครั้นออก จากท้องแม่ แต่นั่นไปเมื่อหน้า กุมารนั้นจึงรู้หายใจเข้าออกแล ผิแลคนอันมา แต่นรกก็ดี แลมาแต่เปรตก็ดี มันค านึงถึงความอันล าบากนั้น ครั้นออกมาก็ ร้องไห้แล ผิแลคนผู้มาแต่สวรรค์ แลค านึงถึงความสุขแต่ก่อนนั้น ครั้นว่า ออกมาไสร้ ก็ย่อมหัวร่อก่อนแล จึงหยุด ต่อไปข้างหน้า


ไตรภูมิพระร่วง ตอน มนุสสภูมิ พระอรหันต์ผู้หมดกิเลสแล้ว พระพุทธเจ้าที่ตรัสรู้แล้ว มิได้สั่งสอนเวไนยสัตว์ แต่คนผู้มาอยู่ในแผ่นดินนี้ทั่วทั้งจักรวาลอันใดอันอื่นก็ดี เมื่อแรกมา เกิดในท้องแม่ก็ดี เมื่ออยู่ในท้องแม่ก็ดี เมื่ออกจากท้องแม่ก็ดี ในกาล ทั้ง ๓ นั้นย่อมหลงบ่มิได้ค านึงรู้อันใดสักสิ่ง ฝูงอัลนมาเกิดเป็น พระปัจเจกโพธิเจ้าก็ดี แลเป็นพระอรหันตาขีณาสพเจ้าก็ดี แลมากเป็น พระองค์อัครสาวกเจ้าก็ดี เมื่อ ธ แรกมาเอาปฏิสนธินั้นก็ดี เมื่อ ธ อยู่ใน ท้องแม่นั้นก็ดี แลสองสิ่งนี้เมื่ออยู่ในท้องแม่นั้นบ่ห่อนจะรู้หลง แลยังค านึงรู้อยู่ทุกอัน


ไตรภูมิพระร่วง ตอน มนุสสภูมิ เมื่อจะออกจากท้องแม่วันนั้นไสร้ จมลมกรรมชวาตก็พัดให้ หัวผู้น้อยนั้นลงมาสู่ที่จะออก แลคับแคบแอ่นยันนักหนา เจ็บเนื้อเจ็บตนล าบาก นัก ดั่งกล่าวว่ามาแต่ก่อน แลพลิกหัว ลงบ่มิได้รู้สึกสักอัน บ่เริ่มดั่งท่านผู้จะออกมาเป็นพระปัจเจก โพธิเจ้าก็ดี ผู้มาเกิดเป็นลูกพระพุทธเจ้าก็ดี ลมเกิดแต่กรรม คือ ลมที่เกิด ในเวลาที่มารดาจะคลอดบุตร คดเพราะตัวถูกกดดันด้วยลมกรรมชวาต เป็นค าสันธาน มีความหมายว่าแม้แต่


ไตรภูมิพระร่วง ตอน มนุสสภูมิ ค านึงรู้สึกตนแลบ่มิหลงแต่สองสิ่งนี้คือ เมื่อจะเอา ปฏิสนธิแลอยู่ในท้องแม่นั้นได้แล เมื่อจะออกจากท้อง แม่นั้นย่อมหลงดุจคนทั้งหลายแลนี้แล ส่วนว่าคน ทั้งหลายนี้ไสร้ยอมหลงทั้ง ๓ เมื่อ ควรอิ่มสงสารแล


สรุปการเกิดของมนุษย์ ปฏิสนธิ กลละ (ขนาดเศษ ๑ ส่วน ๒๕๖ ของเส้นผม ๗ วัน อัมพุทะ (น ้าล้างเนื้อ) ๑๗ วัน เปสิ (ชิ้นเนื้อ) ๒๑ วัน ฆนะ (ก้อนเนื้อ แท่งเนื้อ ขนาดเท่าไข่ไก่) ๒๘ วัน เบญจสาขาหูด (มีหัว แขน๒ ขา ๒ ครบ ๑ เดือน) ๓๕ วัน มีฝ่ามือ นิ้วมือ ลายนิ้วมือ ๔๒ วัน มีขน เล็บมือ เล็บเท้า (เป็นมนุษย์ครบสมบูรณ์) ๕๐ วัน ท่อนล่างสมบูรณ์ ๘๔ วันท่อนบนสมบูรณ์ ๑๘๔ วัน เป็นเด็กสมบูรณ์ นั่งกลางท้องแม่ ( ๖ เดือน)


คุณค่า ของเรื่อง


คุณค่าด้านวรรณศิลป์ ๑. เป็นหลักฐานแสดงให้เห็นว่าคนไทยรู้จักแต่งวรรณคดี ตั้งแต่สมัยสุโขทัย ๒. เรียบเรียงเป็นร้อยแก้วมีสัมผัสคล้องจอง เช่น อยู่เย็นเป็นสุข ส าราญบานใจ


คุณค่าด้านวรรณศิลป์ ๓. ใช้ค าที่เป็นจังหวะน่าฟัง เช่น เย็นเนื้อเย็นใจ บ่มีทนแดดทนฝน ๔. ท าให้คนรุ่นหลังได้รับความรู้ทางวรรณคดีอันเป็นความคิดของ คนโบราณ ซึ่งจะเป็นพื้นฐานของวรรณคดีไทย เช่น พระอินทร์ ช้างเอราวัณ เขาพระสุเมรุ นรก สวรรค์ เป็นต้น


คุณค่าด้านวรรณศิลป์ ๕. มีการใช้โวหารภาพพจน์ โดยเฉพาะอุปมาโวหาร เช่น - เลือดแลน ้าเหลืองย้อยลงเต็มตนยะหยดทุกเมื่อแล ดุจดั่งลิงเมื่อฝนตก แลนั่งก ามือเซาเจ่าอยู่ในโพรงไม้นั้นแล


คุณค่าด้านภูมิศาสตร์ เป็นความรู้ทางภูมิศาสตร์ของคนโบราณโดยเชื่อว่าโลกมีอยู่่ ๔ ทวีป ได้แก่ ๑. ชมพูทวีป ๒. บุรพวิเทหทวีป ๓. อุตรกุรุทวีป ๔. อมรโคยานทวีป โดยมีเขาพระสุเมรุเป็นศูนย์กลาง


คุณค่าด้านสังคมและวัฒนธรรม ไตรภูมิพระร่วงสอนให้คนท าบุญละบาป เช่น การท าบุญ รักษาศีล เจริญสมาธิภาวนาจะได้ขึ้นสวรรค์ การท าบาป ตกนรกแนวความคิดนี้มีอิทธิพลเหนือจิตใจของคนไทย มาช้านานเป็นเสมือนแนวการสอนศีลธรรมของสังคม ให้คนปฏิบัติชอบซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการอยู่ร่วมกันในสังคม


คุณค่าด้านศิลปกรรม จิตรกรนิยมน าเรื่องราวและความคิดในไตรภูมิพระร่วงไป เขียนภาพสีไว้ในโบสถ์ วิหาร โดยจะเขียนภาพนรกไว้ที่ผนัง ด้านล่างหรือหลังองค์พระประธาน และเขียนภาพสวรรค์ไว้ที่ เบื้องบนรอบโบสถ์วิหาร


คุณค่าด้านประเพณีและวัฒนธรรม แสดงให้เห็นความเชื่อที่ตกถอดมาสู่ประเพณีและวัฒนธรรมใน ปัจจุบัน เช่น การจัดดอกไม้ธูปเทียนให้คนตายก่อนปิดฝาโลง เพื่อให้ผู้ตายน าดอกไม้นั้นไปสักการะพระจุฬามณีเจดีย์บนสวรรค์ การเผาศพในเมรุเปรียบเสมือนการเดินทางขึ้นเขาพระสุเมรุไปสู่ สวรรค์


คุณค่าด้านประเพณีและวัฒนธรรม ไตรภูมิพระร่วงได้ก าหนดกรอบแห่งการประพฤติปฏิบัติให้ คนในสังคมทั้งฝ่ายผู้ปกครองและผู้ถูกปกครองได้ประพฤติ ปฏิบัติให้เกิดความสงบสุข โดยเน้นว่าผู้ปกครองที่มีคุณธรรม และผู้ใต้การปกครองต้องยึดมั่นในผลของกรรม


ไตรภูมิพระร่วง ตอน มนุสสภูมิ


Click to View FlipBook Version