หลกั สูตรกลมุ่ สาระการเรียนรคู้ ณติ ศาสตร์
เรอื่ ง เศษส่วน
จดั ทำโดย
นายบญุ ฤทธิ์ ศรีคำมว้ น 61100140101
นายวณั ธรรม ชนนู ันท์ 61100140105
นายยศปกรณ์ จนั ทะลนุ 61100140108
นางสาวภคพร หนเู นยี ม 61100140114
นางสาวผกามาศ บุราณเดช 61100140124
นักศกึ ษาสาขาวิชาคณิตศาสตร์ ช้ันปีท่ี 4
หลักสูตรน้เี ป็นสว่ นหนึ่งของรายวชิ า การพฒั นาหลักสูตรคณติ ศาสตร์ EM12301
สาขาวชิ าคณติ ศาสตร์ คณะครุศาสตร์
มหาวิทยาลยั ราชภัฏอุดรธานี
คำนำ ก
หลักสูตรกล่มุ สาระการเรียนรคู้ ณติ ศาสตร์ เรื่อง เศษส่วน การจดั ทำหลกั สตู รฉบับนี้ ผู้จดั ทำไดศ้ กึ ษา
คน้ ควา้ หลักสูตรแกนกลางการศึกษา ขนั้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พทุ ธศักราช 2560) และ
เอกสารอนื่ ๆ ท่เี ก่ียวขอ้ ง หลักสูตรฉบบั นี้ประกอบไปดว้ ย หลกั การและเหตุผล จดุ มงุ่ หมายของหลักสูตร ตาราง
วิเคราะห์มาตรฐาน/ตัวชี้วัด คำอธิบายหน่วยการเรียนรู้ โครงสร้างหน่วยการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้
และแนวทางการประเมนิ หลักสตู ร
หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเอกสารเล่มนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจ เพื่อจุดมุ่งหมายในการจัดการเรียน
การสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และได้มาตรฐาน หากผู้ใดมี
ขอ้ เสนอแนะโปรดแจง้ ใหผ้ ูจ้ ดั ทำทราบ จะเปน็ พระคุณอย่างย่ิง
คณะผจู้ ัดทำ
7 พฤศจิกายน 2564
สารบญั 4 ข
เนือ้ หา หนา้
คำนำ .......................................................................................................................................... ก
สารบญั ……..................................................................................................................................... ข
หลักการและเหตผุ ล ........................................................................................................................ 1
จุดม่งุ หมายของหลักสูตร …………………………………………………………………………………………………... 2
ตารางวิเคราะห์มาตรฐาน/ตัวช้วี ดั ………………………………………………………………………………………. 3
คำอธบิ ายหน่วยการเรยี นรู้ ………………………………………………………………………………………………… 5
โครงสรา้ งหน่วยการเรยี นรู้ ………………………………………………………………………………………………… 6
หนว่ ยการเรยี นรู้ ………………………………………………………………………………………………………………. 8
แนวทางการประเมนิ หลกั สตู ร ……………………………………………………………………………………………. 14
บรรณานุกรม …………………………………………………………………………………………………………………… 15
ภาคผนวก
แบบสอบถามสำหรบั ผู้บริหารและครูกลุ่มสาระการเรยี นร้คู ณติ ศาสตร์............................. 18
แบบสอบถามสำหรับนกั เรยี น............................................................................................ 22
แบบวดั เจตคตติ ่อวิชาคณิตศาสตร์..................................................................................... 25
แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิ เร่ือง เศษสว่ น.......................................................................... 26
1
หลกั การและเหตผุ ล
คณิตศาสตรเ์ ป็นวิชาที่ต้องมกี ารจัดการเรียนในระดับชนั้ ประถมศกึ ษาจนถึงมธั ยมศึกษาตามทหี่ ลักสูตร
แกนกลางการศกึ ษาขนั้ พ้นื ฐาน พุทธศักราช 2551 กำหนดไว้ และไดก้ ลา่ วไว้วา่ คณิตศาสตรม์ บี ทบาทสำคัญย่ิง
ต่อการพัฒนาความคิดมนุษย์ทำให้มนุษย์มีความคิดสร้างสรรค์ คิดอย่างมีเหตุผล เป็นระบบ มีแบบแผน
สามารถวิเคราะห์ปัญหาหรือสถานการณ์ได้อย่างถี่ถ้วนรอบคอบ ช่วยให้คาดการณ์ วางแผน ตัดสินใจ
แก้ปัญหาและนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างถูกต้องเหมาะสม นอกจากนี้คณิตศาสตร์ยังเป็นเครื่องมือใน
การศึกษาทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและด้านอื่น ๆ คณิตศาสตร์จึงมีประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิต ช่วย
พัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น และสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข (กระทรวงศึกษาธิการ 2552) การ
เรียนวิชาคณิตศาสตร์จะทำให้นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจในความคิดรวบยอด หลักการ และโครงสร้างของ
คณติ ศาสตร์ ร้จู ักคดิ อย่างมีเหตผุ ล สามารถให้เหตุผล แสดงความคดิ อย่างเปน็ ระบบ มขี ้ันตอน มคี วามสามารถ
ในการคิดคำนวณได้อย่างถูกต้อง สามารถแก้ปัญหา และพิสูจน์ให้เห็นจริงได้ มีความคิดสร้างสรรค์ มีความ
อดทนและขยันหมั่นเพียร มีระเบียบวินัยในตนเอง สามารถนำความรู้คณิตศาสตร์ไปใช้ในชีวิตประจำวัน และ
ช่วยเสริมสร้างความเจริญก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตลอดจนการตระหนักในคุณค่าและ
การมีเจตคตทิ ่ีดีต่อวชิ าคณติ ศาสตร์ (สริ ิพร ทิพยค์ ง, 2545)
เศษสว่ นเป็นเนื้อหาพน้ื ฐานก่อนท่ีจะเป็นท่ีเรื่องของ ทศนยิ ม ร้อยละ ทจี่ ะนำมาใชใ้ นชีวิติประจำวันได้
จำเป็นอยา่ งยิ่งทตี่ ้องเปน็ ฐานการเรยี นในเนือ้ หาต่อไป
โดยผู้จัดทำจึงได้ทำพัฒนาหลักสูตรเพื่อใช้ในการจัดการเรียนการสอนในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
ซึ่ง ผู้เรียนได้เรียนเรื่อง เศษส่วน ตามมาตรฐานการเรยี นรู/้ ตัวชี้วดั ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พุทธศกั ราช 2551 (ฉบับปรับปรุง 2560) และผ้จู ดั ทำจึงนำเน้อื หาเรือ่ ง เศษส่วน ในช้ันประถมศกึ ษาปีที่ 6 ตาม
มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง
2560) เพ่อื พฒั นาทักษะทางคณิตศาสตร์และมงุ่ เนน้ ให้ผ้เู รยี นสามารถนำความรู้ทางคณิตศาสตร์เรื่อง เศษส่วน
ไปประยกุ ตใ์ ช้ในชีวติ ประจำวนั ได้
2
จุดมุ่งหมายของหลกั สูตร
หลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง เศษส่วน สำหรับนักเรียนช้ันประถมศึกษาปีที่ 6 โดย
ม้งุ เนน้ ให้ผูเ้ รียนมคี ุณลักษณะดังนี้
1. เพือ่ ให้ผเู้ รียนมีความรู้ความเขา้ ใจเกย่ี วกับการเปรียบเทียบและเรยี งลำดับเศษส่วน และจำนวนคละ
2. เพื่อใหผ้ ู้เรียนสามารถบวก ลบ คณู หารระคนของเศษสว่ นและจำนวนคละได้ถกู ต้อง
3. เพื่อให้ผเู้ รียนมที ักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์ และสามารถนำไปปรบั ใช้ในชวี ติ ประจำวันได้
4. เพื่อให้ผู้เรียนมีเจตคติที่ดีต่อวิชาคณิตศาสตร์ เห็นคุณค่าและตระหนักถึงความสำคัญของ
คณิตศาสตร์
ตารางวิเคราะหม์ า
สาระสำคัญ/ มาตรฐานตัวชี้วัด ผ้เู รียนรอู้ ะไร/ทำอะไรได้/เกิดคณุ
ความคดิ รวบยอด ในหนว่ ย
1. การเปรียบเทยี บ ค 1.1 ป.6/1 เรยี นร้อู ะไร (K)
และเรียงลำดบั เปรยี บเทยี บ 1. อธิบายหลักการเปรยี บเทยี บเศษสว่ นและจำน
เศษสว่ นและจำนวน เรียงลำดบั เศษส่วน เรอื่ ง ค.ร.น. ได้
คละโดยใชค้ วามรู้ และจำนวนคละ 2. อธิบายหลกั การเรยี งลำดบั เศษสว่ นและจำนว
เรอ่ื ง ค.ร.น. จากสถานการณ์ ค.ร.น. ได้
2. การบวก การลบ ตา่ ง ๆ 3. อธบิ ายวิธีการบวกลบเศษส่วนและจำนวนคล
เศษส่วนและจำนวน ค 1.1 ป.6/7 4. วิเคราะหโ์ จทย์ และวางแผนแกโ้ จทย์ปญั หาก
คละโดยใช้ความรู้ หาผลลัพธข์ องการ และจำนวนคละท่ีกำหนดให้ได้
เรือ่ ง ค.ร.น. บวก ลบ คณู หาร ทำอะไรได้ (P)
3. การแก้โจทย์ ระคน ของเศษส่วน 1. เขียนเปรยี บเทียบเศษสว่ นและจำนวนคละโด
ปัญหาเศษสว่ นและ และจำนวนคละ ได้ถูกตอ้ ง
ค 1.1 ป.6/8 แสดง 2. เขียนเรยี งลำดับเศษส่วนและจำนวนคละโดย
จำนวนคละ
วธิ หี าคำตอบของ กำหนดเศษสว่ นสามถงึ หา้ จำนวนได้ถูกต้อง
โจทย์ปัญหา 3. แสดงการบวกและการลบเศษสว่ นและจำนว
เศษส่วนและ ถึงความสมเหตุสมผลของคำตอบได้
จำนวนคละ ๒-๓ 4. แสดงวิธีแกโ้ จทย์ปัญหาการบวก การลบเศษส
ขนั้ ตอน กำหนดให้ได้
าตรฐาน/ตัวช้ีวัด 3
ณลักษณะอะไร แก่นความรู้ นำไปสู่ คณุ ลักษณะอันพงึ
สมรรณสำคัญของ ประสงค์
นวนคละโดยใช้ความรู้ 1. สว่ นประกอบ
วนคละโดยใชค้ วามร้เู รอ่ื ง ของเศษสว่ น ผู้เรยี น
ละได้ 2. เปรียบเทยี บ
การบวก การลบเศษส่วน เศษสว่ น
3. นำความรู้เรอ่ื ง
ค.ร.น. มาใช้ใน
เรอ่ื งเศษสว่ น
ดยใชค้ วามรู้เรื่อง ค.ร.น. 1. ความสามารถใน
ยใช้ความรู้เร่ือง ค.ร.น. เมือ่ การส่อื สาร
วนคละ พร้อมทั้งตระหนกั 2. ความสามารถใน
การคิด
3. ความสามารถ
ทกั ษะการเช่ือมโยง
ษส่วนและจำนวนคละที่
ตารางวเิ คราะหม์ าต
สาระสำคัญ/ มาตรฐานตัวช้ีวดั ผ้เู รยี นรู้อะไร/ทำอะไรได้/เกิดคุณ
ความคิดรวบยอด ในหนว่ ย
เกดิ คณุ ลักษณะอะไร (A)
1. นำความร้เู กยี่ วกับการเปรียบเทยี บเศษส่วนแ
ชวี ิตจรงิ ได้
2. มีเจตคติทีด่ ตี ่อการเรยี นเรื่องเศษส่วนและจำ
4
ตรฐาน/ตวั ช้ีวดั (ตอ่ ) แก่นความรู้ นำไปสู่
สมรรณสำคญั ของ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ
ณลักษณะอะไร
ผู้เรียน ประสงค์
และจำนวนคละไปใช้ใน 1. มวี นิ ยั
ำนวนคละ 2. ใฝเ่ รยี นรู้
3. มงุ่ มนั่ ในการ
ทำงาน
5
คำอธบิ ายรายหน่วยการเรียนรู้
ค16101 คณิตศาสตร์ เร่อื ง เศษส่วน กลุ่มสาระการเรยี นรูค้ ณิตศาสตร์
ชั้นประถมศึกษาปที ่ี 6 เวลา 12 ชว่ั โมง
ศึกษา ฝกึ ทกั ษะการคดิ คำนวณ ทกั ษะและกระบวนการทางคณติ ศาสตร์ในเนื้อหาตอ่ ไปนี้
การเปรียบเทียบและเรียงลำดับเศษส่วนและจำนวนคละ การบวก การลบเศษส่วนและจำนวนคละ
การบวก ลบ คูณ หารระคนของเศษส่วนและจำนวนคละ การแก้โจทย์ปัญหาเศษส่วนและจำนวนคละ 2-3
ขน้ั ตอน
เพื่อให้เกิดทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์ สามารถทำงานอย่างมีระบบ รอบคอบ ให้เหตุผล
ประกอบการตัดสินใจและสรุปผลได้อย่างเหมาะสม ใช้ภาษาและสญั ลกั ษณ์ทางคณิตศาสตร์ในการสื่อสาร การ
สื่อความหมาย และการนำเสนอได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม เชื่อมโยงความรู้ต่างๆ ในคณิตศาสตร์และ
เชื่อมโยงคณิตศาสตร์กับศาสตร์อื่นๆ มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ใฝ่รู้ใฝ่เรียน มีคุณธรรมจริยธรรม และนำ
ความรูไ้ ปใช้ในชวี ิตประจำวันได้อย่างเหมาะสม พร้อมทั้งตระหนักในคุณคา่ และมีเจตคตทิ ด่ี ีตอ่ คณติ ศาสตร์
รหัสตัวชี้วัด
ค 1.1 ป.6/1, ป.6/7, ป.6/8
รวมท้ังหมด 3 ตวั ช้ีวดั
โครงสรา้ งระดับห
ค16101 คณติ ศาสตร์
ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 6 ภาคเรียนท่ี 1
หน่วย ช่อื หน่วย มาตรฐานการเรยี นร้/ู สา
ท่ี การเรยี นรู้
1 การเปรยี บเทียบ ตัวชี้วัด/ผลการเรยี นรู้
และเร่ืองลำดับ
ค 1.1 ป 6/1 - การเปรียบเทยี บเศ
2 การบวก การลบ
เปรยี บเทยี บ เรยี งลำดบั เศษส่วนให้เทา่ กนั ก่อ
เศษส่วน และจำนวนคละ แล้วจงึ เปรยี บเทยี บ
จากสถานการณ์ตา่ ง ๆ - การเปรียบเทยี บจำ
จำนวนคละก่อน ถ้า
- การเปรยี บเทยี บเศ
จำนวนคละในรูปเศษ
แล้วจึงเปรยี บเทียบ
ค 1.1 ป 6/7 - การบวกหรอื การล
หาผลลพั ธข์ องการบวก ลบ ของเศษสว่ นใหเ้ ทา่ ก
คูณ หารระคน ของเศษสว่ น ส่วน แล้วจงึ หาผลบว
และจำนวนคละ - การบวกจำนวนคล
บวกกบั จำนวนนบั แ
ถ้าผลบวกของเศษสว่
หนว่ ยการเรยี นรู้ 6
กลมุ่ สาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์
เวลา 12 ชวั่ โมง
าระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด เวลา น้ำหนัก/สดั สว่ นของ
(ช่ัวโมง) คะแนน
ศษสว่ นที่มีตัวส่วนไม่เท่ากัน ต้องทำตวั สว่ นของ ใบกจิ กรรม
อน โดยอาจทำให้เทา่ กบั ค.ร.น. ของตัวส่วน 2
เรื่อง พิซซา่ ของฉนั
ำนวนคละ ให้เปรยี บเทยี บจำนวนนับของ 20
าจำนวนนับเท่ากนั จึงเปรียบเทียบเศษสว่ น
ศษสว่ นกบั จำนวนคละ อาจเขยี น
ษเกนิ หรือเขียนเศษเกนิ ในรปู จำ นวนคละ
ลบเศษส่วนท่มี ีตวั ส่วนไม่เทา่ กัน ตอ้ งทำตัวสว่ น 3 ใบกจิ กรรมและ
กันก่อน โดยอาจทำให้เทา่ กับ ค.ร.น. ของตัว ช้ินงาน เร่ือง ขนม
วกหรือผลลบ เค้กของเรา
ละ อาจทำไดโ้ ดย นำจำนวนนบั 30
และเศษส่วนบวกกับเศษส่วน
วนกับเศษส่วนอยู่ในรูปเศษเกนิ
ให้ทำเป็นจำนวนคล
ผลบวกของจำนวนน
- การลบจำนวนคละ
และเศษส่วนลบกบั เ
ลบ ให้กระจายผลลบ
ในรปู เศษส่วน แล้วน
- การบวกและการล
เศษเกิน แลว้ จงึ หาผ
3 การบวก ลบ คณู ค 1.1 ป 6/7 - ข้อตกลงเก่ียวกบั ล
หารระคน
หาผลลัพธข์ องการบวก ลบ ขน้ั ที่ 1 คำนวณในวง
4 โจทยป์ ัญหา
คณู หารระคน ของเศษส่วน ขั้นท่ี 2 คณู หรือ หา
และจำนวนคละ ขั้นที่ 3 บวก หรอื ล
ค 1.1 ป 6/8 การแก้โจทยป์ ญั หาก
แสดงวธิ ีหาคำตอบของ และจำนวนคละ 2-3
โจทยป์ ญั หาเศษสว่ นและ วางแผนแกป้ ัญหา ด
จำนวนคละ 2-3 ขนั้ ตอน
7
ละ แล้วนำจำนวนนบั ของจำนวนคละไปบวกกบั
นับ
ะ อาจทำได้โดย นำจำนวนนับลบกบั จำนวนนับ
เศษสว่ นถ้าการลบเศษสว่ นมตี ัวตงั้ น้อยกว่าตวั
บของจำนวนนบั มา 1 โดยเขยี น
นำไปบวกกับตัวตัง้ จากนั้นจึงหาผลลบ
ลบจำนวนคละ อาจเขียนจำนวนคละในรูป
ผลบวกหรือผลลบ
ลำดบั ข้ันการคำนวณท่มี ากกวา่ 1 ขนั้ ตอน 3 ใบกิจกรรม
งเลบ็ (ถ้ามี) เรอ่ื ง พวกเราระคน
าร โดยคำนวณจากซา้ ยไปขวา นะ
ลบ โดยคำนวณจากซา้ ยไปขวา 30
การบวก การลบ การคณู การหารเศษส่วน 4 ใบกิจกรรม
3 ขนั้ ตอน เร่ิมจากทำความเขา้ ใจปญั หา เรื่อง ปญั หาหมูบ่ ้าน
ดำเนนิ การตามแผน และตรวจสอบ ของเรา
20
8
หน่วยการเรยี นรู้
ผังมโนทศั น์
ความรู้
1. การเปรยี บเทยี บและเรยี งลำดบั เศษส่วนและจำนวนคละโดยใชค้ วามรู้เรื่อง ค.ร.น.
2. การบวก การลบเศษส่วนและจำนวนคละโดยใช้ความรเู้ รื่อง ค.ร.น.
3. การแกโ้ จทย์ปัญหาเศษสว่ นและจำนวนคละ
ทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์
• ทักษะการแกป้ ญั หา • ทกั ษะการใหเ้ หตผุ ล
• ทักษะการส่ือความหมาย • ทกั ษะการคดิ สรา้ งสรรค์
• ทกั ษะการเชื่อมโยง
ความรู้
ความเขา้ ใจ
ภาระงาน/ชิ้นงาน
• ใบกจิ กรรมเร่ือง พซิ ซ่าของฉัน
• ใบกิจกรรมและชิ้นงาน เร่ือง ขนมเค้กของเรา
• ใบกจิ กรรมเรื่อง พวกเราระคนนะ
• ใบกจิ กรรมเรื่อง ปัญหาหมู่บา้ นของเรา
คณุ ธรรม จรยิ ธรรม และค่านยิ ม
• นำความร้เู กีย่ วกบั การเปรยี บเทยี บเศษส่วนและจำนวนคละไปใชใ้ นชวี ิตจรงิ ได้
• มเี จตคตทิ ี่ดีตอ่ การเรียนเรอื่ งเศษส่วนและจำนวนคละ
9
หน่วยการเรยี นรู้
ชนั้ ที่ 1 ผลลพั ธป์ ลายทางทตี่ ้องการใหเ้ กดิ ข้นึ กับนักเรียน
ตัวชว้ี ัดช้ันปี
ค 1.1 ป 6/1 เปรียบเทยี บ เรียงลำดบั เศษสว่ น และจำนวนคละจากสถานการณต์ า่ ง ๆ
ค 1.1 ป 6/7 หาผลลพั ธข์ องการบวก ลบ คูณ หารระคน ของเศษสว่ นและจำนวนคละ
ค 1.1 ป 6/8 แสดงวิธีหาคำตอบของโจทย์ปัญหาเศษสว่ นและจำนวนคละ 2-3 ขัน้ ตอน
คำถามสำคัญทท่ี ำใหเ้ กิดความเข้าใจความคงทน
1. วธิ กี ารเปรียบเทยี บเศษส่วนตอ้ งทำอย่างไร
2. วธิ กี ารบวก การลบ เศษส่วนตอ้ งทำอย่างไร
3. วิธีการคณู การหาร เศษส่วนตอ้ งทำอยา่ งไร
ความเขา้ ใจท่คี งทนของนักเรียน โดยท่นี กั เรียนเข้าใจวา่
1. การเปรียบเทียบเศษส่วนท่ีมสี ่วนเทา่ กัน ใหเ้ ปรยี บเทียบเศษ
เศษสว่ นท่เี ศษมากกว่า มีคา่ มากกว่าเศษส่วนที่เศษน้อยกวา่
การเปรยี บเทยี บเศษส่วนทีส่ ่วนไม่เท่ากัน ให้ทำส่วนให้เทา่ กนั การหาสว่ นใช้ ค.ร.น. และนำมาเปรยี บเทยี บ
2. ถา้ เศษสว่ นน้นั ค่าของตัวส่วนเท่ากนั สามารถนำเศษมาบวกลบกนั ไดเ้ ลย โดยตัวสว่ นมคี า่ คงที่
ถ้าเศษส่วนน้ัน ค่าของตัวสว่ นไมเ่ ทา่ กนั ต้องทำให้ส่วนเท่ากันก่อนจึงนำมาบวกลบกันได้
10
3. การคณู เศษส่วนดว้ ยเศษสว่ น สามารถใช้เศษคูณเศษ ส่วนคณู ส่วนได้เลย และทำให้เปน็ เศษสว่ นอยา่ งต่ำ
การคณู เศษสว่ นดว้ ยจำนวนเต็ม จำนวนเตม็ มีสว่ นเป็น 1 เสมอ แลว้ ใช้เศษคูณเศษ สว่ นคณู สว่ น และทำใหเ้ ปน็
เศษสว่ นอยา่ งต่ำ
การหารเศษสว่ นด้วยเศษสว่ น ตอ้ งกลบั เศษเปน็ สว่ น กลับสว่ นเป็นเศษของตัวที่นำมาหาร แล้วใช้เศษคณู เศษ สว่ นคณู
ส่วน และทำใหเ้ ปน็ เศษสว่ นอย่างต่ำ
การหารเศษส่วนด้วยจำนวนเตม็ จำนวนเต็มมีส่วนเปน็ 1 เสมอ กลบั สว่ นเปน็ เศษของตัวทนี่ ำมาหาร แล้วใช้เศษคูณเศษ
ส่วนคณู สว่ น และทำให้เปน็ เศษสว่ นอย่างต่ำ
11
ความรูข้ องนกั เรยี นท่ีนำไปสู่ความเข้าใจที่คงทน นกั เรียนจะตอ้ งทราบวา่
1. ใหเ้ ปรยี บเทียบเศษ เศษสว่ นทเี่ ศษมากกวา่ มีคา่ มากกว่าเศษส่วนทเี่ ศษน้อยกวา่ ถ้าสว่ นไมเ่ ทา่ กนั ใหท้ ำสว่ นใหเ้ ท่ากัน
การหาสว่ นใช้ ค.ร.น. และนำมาเปรียบเทียบ
2. สามารถนำเศษมาบวกลบกนั ไดเ้ ลย โดยตวั ส่วนมีค่าคงที่ ถา้ ส่วนไม่เท่ากันต้องทำให้สว่ นเท่ากันก่อนจึงนำมาบวกลบกนั ได้
3. การคณู เศษส่วน สามารถใชเ้ ศษคณู เศษ สว่ นคูณสว่ นได้เลย และทำใหเ้ ปน็ เศษส่วนอย่างต่ำ
การหารเศษส่วน ตอ้ งกลับเศษเป็นสว่ น กลับส่วนเปน็ เศษของตัวท่นี ำมาหาร แล้วใช้เศษคณู เศษ ส่วนคณู ส่วน และทำให้
เป็นเศษส่วนอย่างตำ่
ทักษะ/ความสามารถของนักเรียนที่นำไปสู่ความเข้าใจท่ีคงทน นักเรยี นจะสามารถ
1. อธิบายวิธกี ารเปรยี บเทยี บเศษสว่ นได้
2. อธิบายวิธีการบวก การลบ เศษสว่ นได้
3. อธบิ ายวิธกี ารคณู การหาร เศษส่วนได้
12
หนว่ ยการเรยี นรู้
ชั้นท่ี 2 ภาระงานและการประเมนิ ผลการเรียนร้ซู ่ึงเปน็ หลักฐานท่แี สดงว่านกั เรยี นมีผลการเรียนร้ตู ามท่ี
กำหนดไว้อย่างแทจ้ ริง
1. ภาระงานท่นี กั เรียนต้องปฏิบัติ
• ใบกิจกรรมเร่ือง พิซซ่าของฉัน
• ใบกจิ กรรมและชิ้นงาน เรื่อง ขนมเค้กของเรา
• ใบกจิ กรรมเร่ือง พวกเราระคนนะ
• ใบกิจกรรมเร่ือง ปัญหาหมู่บ้านของเรา
2. วิธีการและเครอื่ งมือประเมินผลการเรียนรู้ เครอื่ งมอื ประเมินผลการเรยี นรู้
• แบบทดสอบก่อนเรยี นและหลังเรยี น
วธิ ีการประเมนิ ผลการเรยี นรู้ • แบบบนั ทึกการสังเกตพฤติกรรม
• การทดสอบ • แบบบันทึกข้อมลู การมอบหมายงาน
• การสงั เกต • แบบประเมินผลความรู้
• การอธบิ าย • แบบประเมนิ ผลดา้ นทักษะ/กระบวนการ
• การมีสว่ นร่วมในช้นั เรยี น • การประเมินผลดา้ นคุณธรรม จริยธรรม
• การฝึกปฏบิ ตั ริ ะหวา่ งเรียน และคา่ นยิ ม
• การประเมนิ ด้านความรู้
• การประเมินผลดา้ นทักษะ/กระบวนการ
• การประเมินดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม และค่านยิ ม
3. สงิ่ ท่ีมงุ่ ประเมนิ
• ความสามารถในการอธิบายและแสดงวธิ กี ารเปรยี บเทียบเศษสว่ น
• ความสามารถในการอธิบายและแสดงวธิ ีการบวก การลบ เศษสว่ น
• ความสามารถในการอธิบายและแสดงวธิ ีการคูณ การหาร เศษสว่ น
• พฤติกรรมการปฏบิ ตั ิกิจกรรมรว่ มกบั ผอู้ นื่ ดว้ ยความซื่อสัตย์ ความรับผิดชอบ และยอมรับ
ผูอ้ ่นื
หนว่ ยการเรยี นรู้ 13
ชน้ั ท่ี 3 แผนการจดั การเรียนรู้ เวลา(ช่ัวโมง)
2
แผนการจดั การเรียนรู้ เรอื่ ง 3
1 การเปรยี บเทยี บและเรือ่ งลำดับเศษสว่ น 3
2 การบวก การลบเศษส่วน 4
3 การบวก ลบ คูณ หารระคน
4 โจทย์ปัญหาการบวก ลบ คูณ หารเศษสว่ น
14
แนวทางการประเมินหลกั สตู ร
การประเมินหลกั สูตรใชแ้ นวทางการประเมินแบบ CIPP Model พิจารณาการประเมิน ดังนี้
1. การประเมนิ บรบิ ทของหลักสตู ร พจิ ารณาจากแบบประเมนิ หลักสตู รสำหรบั ผู้บริหาร/ครกู ลมุ่ สาระ
การเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ และผู้เรียน โดยพิจารณารายการประเมิน 2 ดา้ น คือ ดา้ นจดุ หมายของหลกั สตู ร และ
ดา้ นโครงสร้างของหลกั สตู ร
2. การประเมนิ ปจั จัยเบ้ืองต้นของหลักสตู ร พจิ ารณาจากแบบประเมินหลกั สูตรสำหรบั ผู้บริหาร/ครู
กลุม่ สาระการเรียนรูค้ ณิตศาสตร์ และผเู้ รยี น โดยพจิ ารณารายการประเมนิ 3 ด้าน คือ ด้านผสู้ อน ดา้ นสือ่
ประกอบการเรยี นการสอน ด้านงบประมาณและอาคารสถานที่
3. การประเมินกระบวนการของหลักสูตร พจิ ารณาจากแบบประเมนิ หลักสตู รสำหรบั ผบู้ รหิ าร/ครู
กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ และผ้เู รยี น โดยพจิ ารณารายการประเมนิ 2 ด้าน ดังน้ี ด้านการจัดกจิ กรรม
การเรียนรแู้ ละดา้ นการวัดและประเมินผล
4. การประเมนิ ด้านผลผลติ พจิ ารณาจาก ผลการเรียนรู้ในหลกั สตู รเศษส่วน โดยวดั จากแบบทดสอบ
วัดผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรยี น เรื่องเศษส่วน ระดบั ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 6 และแบบวดั เจตคติทางการเรยี น
15
บรรณานกุ รม
กระทรวงศึกษาธกิ าร. (2546). คมู่ ือวัดผลประเมินผลคณิตศาสตร.์ ม.ป.ท. ม.ป.พ.
_______. (2551). ตัวชี้วัดและสาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง กลมุ่ สาระการเรียนรูค้ ณิตศาสตรต์ ามหลกั สตู ร
แกนกลางการศกึ ษาขั้นพื้นฐาน พทุ ธศกั ราช 2551. กรุงเทพฯ: ชมุ นุมสหกรณ์การเกษตรแห่ง
ประเทศไทย.
______. (2560). ตัวช้ีวดั และสาระการเรียนรู้แกนกลาง กล่มุ สาระการเรยี นร้คู ณติ ศาสตร์ตามหลกั สูตร
แกนกลางการศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551(ฉบับปรบั ปรงุ 2560). กรุงเทพฯ: ชมุ นุม
สหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.
ดวงจนั ทร์ สาเกตุ. (2561). การเปรยี บเทียบผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี นเรอื่ ง เศษสว่ น ของนักเรียนช้ัน
ประถมศึกษาปี ท่ี 6 ระหวา่ งวธิ กี ารเรียนโดยใชแ้ บบฝกึ เสริมทักษะกับวธิ ีเรียนแบบปกติ.
วารสารบณั ทิตศกึ ษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยรามคำแหง.
ปรียา สิถิระบุตร. (2558). การพัฒนาทักษะการแกโ้ จทย์ปัญหาเร่อื ง การคณู การหาร สำหรบั นกั เรียนชน้ั
ประถมศึกษาปที ี่ 3 ด้วยการจดั การเรยี นรโู้ ดยใช้เทคนิค KWDL ร่วมกับการวาดรปู บาร.์
สืบค้น 7 พฤศจกิ ายน 2564. จาก
http://www.reseva.ubru.ac.th/res/images/phocagallery/varasan/s4.1/41s5.pdf
ปารชิ าติ เชียงสากุล. (2557). การพัฒนาชดุ กจิ กรรมการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ โดยใช้รปู แบบการเรยี นการ
สอนแบบสบื เสาะหาความรู้ (5Es) เป็นฐานในการจดั กจิ กรรมการเรยี นรเู้ รื่อง การบวก ลบ คณู
และหารเศษส่วน ของนกั เรียนชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 6. วารสารบณั ทติ ศึกษา มหาวทิ ยาลัยบูรพา.
พรทิพา หล้าศกั ดิ์. (2564). แบบสอบถามสำหรบั ผบู้ ริหารและครูกลุ่มสาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ และ
แบบสอบถามนักเรียน. สืบค้น 7 พฤศจิกายน 2564. จาก
https://docs.google.com/document/d/1rOkyfzYaiEkcrzKsMulbw6UZ1bBmW9f5/edit?u
sp=sharing&ouid=105404712567044640825&rtpof=true&sd=true
พรทพิ า หลา้ ศักด์ิ. (2564). Template ขอบเขตหลกั สูตรระดบั หนว่ ยการเรยี นร.ู้ สบื คน้ 7 พฤศจิกายน
2564. จาก
https://docs.google.com/presentation/d/1wnhrqOdN7qSudW0nx6mIfDjmv1XZW
Q1eocejUg_1JmA/edit#slide=id.p16
ภัทรพร อุตพนั ธ์. (2559). การพัฒนาทักษะการแก้โจทยป์ ัญหาคณิตศาสตรข์ องนักเรียนชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี
6 ตามแนวคิดของโพลยาและเทคนิค Bar Model. สบื ค้น 7 พฤศจิกายน 2564. จาก
http://ascs.ac.th/index.php/information/academic/research/401-6-barmodel
วชั ริ พงษาเวียง. (2558). การพัฒนาทกั ษะการแกโ้ จทย์ปัญหาการบวกและการลบจำนวนนบั วชิ า
คณิตศาสตร์ ช้ันประถมศกึ ษาปีที่ 2 โรงเรยี นเทศบาลสวนสนุก โดยใช้ยุทธวธิ ชี ่วยคิด รปู แบบ
Bar Model. สบื ค้น 7 พฤศจกิ ายน 2564. จาก
16
http://www.kroobannok.com/board_view.php?b_id=137746&bcat_id=16
ศศิพร ครี ีราษฎร์ตระกูล. (2561). การศึกษาผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี น ทกั ษะการแกป้ ญั หาและแรงจงู ใจใฝ่
สัมฤทธ์ิทางการเรยี นคณติ ศาสตร์ เรอื่ ง เศษส่วน โดยการจัดการเรียนรู้ทบ่ี รู ณาการแนวคดิ CCR
สำหรบั นักเรียนช้ันประถมศึกษาปที ี่ 4. วารสารบัณทติ ศกึ ษา มหาวทิ ยาลัยราชภฏั กำแพงเพชร.
อรวี ชาวนำ้ วน. (2560). การศึกษาผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียน เรื่องเศษส่วน โดยใช้แบบฝึกทักษะวิชา
คณติ ศาสตร์ของนกั เรยี นชัน้ ประถมศึกษาปี ท่ี 4 โรงเรียนวดั บางปลา. วารสารบัณทิตศกึ ษา
คณะศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั รามคำแหง.
17
ภาคผนวก
18
แบบสอบถามสำหรับผู้บรหิ ารและครูกลุ่มสาระการเรียนร้คู ณิตศาสตร์
เร่อื ง “การประเมินหลกั สตู รเร่ือง เศษส่วน กลุ่มสาระการเรียนรคู้ ณิตศาสตร์
ระดบั ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6”
คำชแ้ี จง
แบบสอบถามฉบบั นจ้ี ดั ทำข้นึ มีจดุ มงุ่ หมายเพ่ือตอ้ งการทราบความคดิ เห็นเกี่ยวกบั หลักสูตร เรื่อง
เศษสว่ น กลุม่ สาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ ระดับชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ 6 และเพ่ือเป็นแนวทางให้ผู้ท่เี ก่ยี วขอ้ ง
กบั การจดั ทำหลักสตู รนำไปใช้ในการพฒั นาหลักสูตรและปรับปรุงการเรยี นการสอนใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพย่ิงขึน้
อนั จะนำไปสกู่ ารพัฒนาผูเ้ รยี นใหม้ ีความรู้ ความสามารถและคณุ ลกั ษณะสอดคลอ้ งกับจุดมุ่งหมายของชาติ
แนวทางการประเมนิ หลักสูตรท่มี ปี ระสิทธิภาพสงู วิธีหนง่ึ คอื การประเมนิ หลักสูตรจากผใู้ ชห้ ลกั สตู ร
นน้ั โดยตรง ขอ้ มลู จากผู้ตอบแบบสอบถามทุกท่านจงึ มีความหมายและความสำคัญย่งิ ในการทีจ่ ะนำไปสู่การ
ปรับปรงุ หลักสตู รต่อไป ดังน้ันขอให้ท่านพจิ ารณาข้อความแต่ละข้ออย่างละเอยี ด กรุณาตอบใหค้ รบทุกขอ้ ท่ี
ตรงกบั ความคิดเหน็ ของท่าน แบบสอบถามน้มี ี 2 ตอนดงั นี้
ตอนที่ 1 ข้อมูลเกยี่ วกบั สถานภาพของผู้ตอบแบบสอบถาม
โปรดเขยี นเครอ่ื งหมาย ✔ลงในช่อง ❒ หรือเตบิ ข้อความลงในช่องว่าง
1. เพศ ❒ ชาย ❒ หญิง
2. ระดับการศึกษา ❒ ตำ่ กว่าปริญญาตรี
❒ ปริญญาตรี
❒ ปริญญาโท
❒ อ่ืน ๆ โปรดระบุ............................
3. ตำแหนง่ ในสถานศึกษาปัจจุบัน
❒ ผ้อู ำนวยการสถานศึกษา
❒ รองผู้อำนวยการสถานศกึ ษา
❒ หวั หน้าฝ่ายบริหารวชิ าการ
❒ ครูผู้สอนกลมุ่ สาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์
❒ ครูผสู้ อนกลุ่มสาระการเรียนร้อู ่นื ๆ โปรดระบุ ...................................
❒ อ่นื ๆ โปรดระบ.ุ ........................................
19
ตอนที่ 2 แบบสำรวจความคดิ เหน็ เกีย่ วกบั การประเมินหลักสูตรเรอ่ื ง เศษส่วน กลมุ่ สาระการเรียนรู้
คณติ ศาสตร์ระดับช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 6
คำชี้แจง โปรดทำเครอ่ื งหมาย ✔ลงในชอ่ งท่ีตรงกบั ระดับความคิดเห็นของทา่ นดงั น้ี
5 : เหมาะสมมากทีส่ ดุ 4 : เหมาะสมมาก 3 : เหมาะสมปานกลาง
2 : เหมาะสมนอ้ ย 1 : เหมาะสมน้อยที่สดุ
ระดับความ หมาย
เหตุ
ที่ รายการประเมิน เหมาะสม
54321
ดา้ นจุดหมายของหลักสตู ร
1. มคี วามเหมาะสมกบั สถานการณใ์ นปัจจุบัน
2. มีความเหมาะสมกับนโยบายของการจดั การศึกษาชาติ
3. มีความชดั เจนในดา้ นภาษาและเขา้ ใจง่าย
4. สามารถนำไปใชเ้ ป็นแนวทางในการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ได้
5. สามารถสนองความต้องการทางดา้ นเทคโนโลยีในยคุ ปัจจุบัน
6. สง่ เสรมิ ใหน้ กั เรยี นไดพ้ ัฒนาและเรยี นรูด้ ว้ ยตนเองอยา่ งต่อเน่อื ง
ตลอดชีวิต
7. จดุ หมายของหลักสูตรสอดคล้องกับหลักการและเหตุผล
8. มงุ่ เนน้ ใหน้ กั เรียนเป็นคนเก่ง คนดี และมีความสขุ
ดา้ นโครงสรา้ ง
9. จัดเวลาเรยี นสาระคณติ ศาสตรส์ อดคลอ้ งกบั วสิ ัยทศั น์ เปา้ หมาย
และพนั ธกิจของสถานศึกษา
10. สามารถผลติ นกั เรยี นท่ีมีคณุ สมบตั ติ รงตามวตั ถุประสงค์ของ
หลกั สูตร
11. เวลาเรียนสาระคณิตศาสตรส์ อดคล้องกบั โครงสร้างหลักสูตรแมบ่ ท
12. เวลาเรียนสาระคณิตศาสตรแ์ ต่ละหนว่ ยการเรียนรมู้ ีความ
เหมาะสมกับเน้ือหา
ด้านผู้สอน
13. มีความรู้ความสามารถเหมาะสมกบั การสอนคณิตศาสตร์
14. ใช้ภาษาสอ่ื สารที่ทำใหเ้ ขา้ ใจง่าย
15. ดำเนนิ การสอนเน้ือหาครบตามทกี่ ำหนดไว้ในหลกั สูตร
16. มีการวางแผนการสอนลว่ งหน้าเปน็ อย่างดี
20
ที่ รายการประเมนิ ระดับความ หมาย
เหมาะสม เหตุ
17. มีการช้ีแจงจุดประสงค์การเรียนรู้ท่นี ำไปสู่ผลการเรียนร/ู้ ตัวชี้วัด 54321
18. มีการชีแ้ จงการวัดและการประเมนิ ผลการเรียนรู้
19. เปดิ โอกาสใหน้ ักเรียนได้แสดงความคิดเห็น
20. อธบิ ายเน้ือหาชดั เจนและถูกต้อง
21. ใชเ้ วลาสอนเต็มเวลาท่กี ำหนด
22. เปิดโอกาสใหน้ ักเรียนได้ซักถามนอกเวลาเรียน
ดา้ นสือ่ ประกอบการสอน
23. มคี วามเหมาะสมกับผูเ้ รยี น
24. มคี วามชดั เจน งา่ ยต่อการเข้าใจ
25. มีความทันสมยั
26. มีความสะดวกและง่ายตอ่ การใชง้ าน
27. มคี วามสอดคล้อง เหมาะสมกับเนอ้ื หาสาระ
28. เอกสารประกอบการสอนมีความเหมาะสมกับเนื้อหาสาระ
29. มหี นังสือ/เอกสารสำหรับใหน้ ักเรยี นศึกษาคน้ คว้าเพิ่มเติมอยา่ ง
เพยี งพอ
30. สถานท่ีเอ้ือต่อการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้
31. งบประมาณมีเพียงพอที่จะสนับสนนุ การจดั กิจกรรมการเรียนรู้
ด้านการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้
32. นกั เรยี นมสี ่วนรว่ มในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
33. จัดกิจกรรมการเรียนรู้มุ่งพัฒนานกั เรยี นในด้านทกั ษะกระบวนการ
ทางคณิตศาสตร์
34. จดั กิจกรรมการเรียนร้มู ีความหลากหลายเหมาะสมกับเน้ือหา
35. จัดกิจกรรมการเรียนรู้เน้นให้นักเรยี นไดป้ ฏบิ ัตแิ ละลงมือทำด้วย
ตนเอง
39. นำเทคโนโลยีทที ันสมยั มาใชใ้ นการจดั กิจกรรมการเรียนรู้
40. จัดกจิ กรรมการเรยี นรู้สอดคลอ้ งกบั วัตถุประสงค์ของหลกั สูตร
41. จดั กจิ กรรมการเรียนรูส้ ่งเสริมให้นักเรยี นมคี วามรคู้ วามเขา้ ใจใน
เนือ้ หาสาระ
21
ระดบั ความ หมาย
เหตุ
ท่ี รายการประเมิน เหมาะสม
54321
การวดั และประเมินผล
42. นักเรียนมสี ่วนรว่ มในการวดั และประเมินผล
43. การให้คะแนนมีการกำหนดเกณฑไ์ ว้อยา่ งชัดเจน
44. นำผลการวัดและประเมินผลไปใช้ในการปรบั ปรุงการเรยี นการสอน
45. นกั เรียนมสี ว่ นร่วมในการกำหนดแนวทางในการวดั และประเมินผล
46. การวัดและประเมินผลใชว้ ธิ ีการที่หลากหลาย เชน่ การสอบ การ
ทำรายงาน โครงงาน ฯลฯ
47. การวัดและประเมนิ ผลมคี วามสอดคล้องกับเน้ือหาสาระและผล
การเรยี นรู้/ตวั ช้ีวัด
48. ครปู ระเมนิ ผู้เรียนครอบคลมุ ทัง้ ดา้ นความรู้ เจตคติ และทักษะ
ข้อเสนอแนะเก่ยี วกับหลักสตู รเรอ่ื ง เศษสว่ น กล่มุ สาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ระดบั ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 6
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
ขอขอบคุณท่ใี ห้ความรว่ มมือ
22
แบบสอบถามสำหรับนักเรียน
เรอ่ื ง “การประเมินหลกั สูตรเรอื่ ง วงกลม กลมุ่ สาระการเรียนรคู้ ณิตศาสตร์
ระดับชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 6”
คำช้แี จง
แบบสอบถามฉบบั น้ีจดั ทำขึน้ มีจดุ มงุ่ หมายเพ่ือต้องการทราบความคดิ เหน็ เก่ียวกับหลกั สูตร เรื่อง
เศษสว่ น กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ระดบั ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 6 และเพื่อเปน็ แนวทางใหผ้ ู้ทเ่ี ก่ยี วขอ้ ง
กบั การจัดทำหลักสูตรนำไปใช้ในการพัฒนาหลักสตู รและปรับปรุงการเรียนการสอนใหม้ ีประสทิ ธิภาพยิง่ ข้ึน
อนั จะนำไปสู่การพฒั นาผเู้ รยี นใหม้ ีความรู้ ความสามารถและคุณลักษณะสอดคลอ้ งกบั จุดม่งุ หมายของชาติ
แนวทางการประเมนิ หลักสูตรท่ีมีประสทิ ธิภาพสงู วิธหี นง่ึ คอื การประเมนิ หลักสูตรจากผ้ใู ชห้ ลกั สูตร
นัน้ โดยตรง ข้อมูลจากผู้ตอบแบบสอบถามทุกท่านจึงมีความหมายและความสำคญั ย่ิงในการที่จะนำไปสกู่ าร
ปรับปรุงหลักสตู รตอ่ ไป ดังนั้นขอให้ท่านพจิ ารณาข้อความแต่ละข้ออย่างละเอยี ด กรุณาตอบให้ครบทกุ ข้อที่
ตรงกบั ความคิดเห็นของท่าน
คำชแี้ จง ใหท้ ำเครอ่ื งหมาย ✔ลงในช่องท่ีตรงกับระดบั ความคดิ เห็นของทา่ นดังน้ี
5 : เหมาะสมมากทส่ี ดุ 4 : เหมาะสมมาก 3 : เหมาะสมปานกลาง
2 : เหมาะสมน้อย 1 : เหมาะสมนอ้ ยท่ีสุด
ที่ รายการประเมนิ ระดบั การ หมาย
ประเมิน เหตุ
ดา้ นผู้สอน 54321
1. มีความร้คู วามสามารถเหมาะสมกบั การสอนคณิตศาสตร์
2. ครูใชภ้ าษาท่ีสละสลวยในการอธิบายเน้อื หาทำให้นักเรยี นเข้าใจ
บทเรียนง่ายขนึ้
3. ดำเนินการสอนเน้ือหาครบตามทก่ี ำหนดไว้ในหลักสูตร
4. มีการวางแผนการสอนลว่ งหน้าเป็นอยา่ งดี
5. มกี ารชี้แจงจุดประสงค์การเรียนรทู้ ่ีนำไปสู่ผลการเรียนร/ู้ ตัวชวี้ ดั
6. มีการชแี้ จงการวดั และการประเมนิ ผลการเรียนรู้
7. เปดิ โอกาสให้นักเรยี นได้แสดงความคดิ เห็นกบั เน้ือหาทีเ่ รียน
8. อธบิ ายเนอื้ หาชดั เจนและถูกต้อง
9. ใชเ้ วลาสอนเตม็ เวลาท่กี ำหนด
10. เปดิ โอกาสใหน้ ักเรียนไดซ้ ักถามนอกเวลาเรียน
ด้านส่ือประกอบการสอน
23
ที่ รายการประเมิน ระดบั การ หมาย
ประเมิน เหตุ
11. มคี วามเหมาะสมกับผเู้ รยี น 54321
12. มีความชดั เจน ง่ายต่อการเข้าใจ
13. มีความทนั สมัย น่าสนใจ
14. มคี วามสะดวกและง่ายตอ่ การใช้งาน
15. มคี วามสอดคล้อง เหมาะสมกับเนือ้ หาสาระ
16. เอกสารประกอบการสอนมคี วามเหมาะสมกบั เนื้อหาสาระ
17. มหี นังสือ/เอกสารสำหรบั ใหน้ ักเรยี นศึกษาค้นคว้าเพิ่มเตมิ อย่าง
เพยี งพอ
ดา้ นอาคารสถานที่
18. หอ้ สมุดมีหนงั สือเก่ยี วกับคณิตศาสตร์เพียงพอกบั ความตอ้ งการของ
นกั เรียน
19. สถานท่ีเอื้อต่อการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้
20. จดั แหล่งเรยี นรนู้ อกห้องเรียนทีเ่ กย่ี วข้องกบั คณติ ศาสตร์ เชน่ มมุ
คณติ ศาสตร์ สวนคณิตศาสตร์ ฯลฯ
ดา้ นการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้
21. นักเรยี นมีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้
22. จัดกิจกรรมการเรียนรูม้ งุ่ พัฒนานกั เรียนในดา้ นทกั ษะกระบวนการ
ทางคณิตศาสตร์
23. จัดกจิ กรรมการเรยี นรมู้ ีความหลากหลายเหมาะสมกบั เน้ือหา
24. จดั กิจกรรมการเรยี นรูเ้ นน้ ให้นักเรียนไดป้ ฏบิ ัตแิ ละลงมือทำด้วย
ตนเอง
25. นำเทคโนโลยีทีทนั สมยั มาใชใ้ นการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้
26. จดั กจิ กรรมการเรียนรู้สอดคล้องกับวัตถุประสงคข์ องหลกั สูตร
27. จัดกิจกรรมการเรียนรสู้ ่งเสริมให้นักเรยี นมีความรคู้ วามเข้าใจใน
เนื้อหาสาระ
28. จดั กิจกรรมการเรียนรู้ทีเ่ กย่ี วกบั โครงงานคณติ ศาสตร์
การวดั และประเมินผล
29. นักเรยี นมสี ่วนร่วมในการวัดและประเมนิ ผล
30. การให้คะแนนมีการกำหนดเกณฑ์ไว้อยา่ งชัดเจน
24
ท่ี รายการประเมนิ ระดับการ หมาย
ประเมนิ เหตุ
31. นำผลการวดั และประเมนิ ผลไปใชใ้ นการปรับปรงุ การเรยี นการสอน 54321
32. นักเรยี นมีสว่ นรว่ มในการกำหนดแนวทางในการวัดและประเมนิ ผล
33. การวัดและประเมนิ ผลใชว้ ิธีการทหี่ ลากหลาย เชน่ การสอบ การทำ
รายงาน โครงงาน ฯลฯ
34. การวัดและประเมินผลมีความสอดคล้องกบั เนื้อหาสาระและผลการ
เรียนรู้/ตัวชว้ี ัด
35. ครปู ระเมินผูเ้ รียนครอบคลุมท้งั ด้านความรู้ เจตคติ และทักษะ
แบบวดั เจตคตติ ่อวิชาคณิตศาสตร์ 25
1 : น้อยทสี่ ุด
คำชีแ้ จง ให้ทำเครื่องหมาย ✔ลงในชอ่ งทตี่ รงกับระดับความพงึ พอใจดังน้ี
5 : มากท่สี ุด 4 : มาก 3 : ปานกลาง 2 : นอ้ ย
ท่ี รายการประเมนิ ระดับเจตคติ หมาย
5 4 3 2 1 เหตุ
1. ฉันร้สู ึกสนกุ สนานเม่ือเรียนวิชาคณิตศาสตร์
2. คณติ ศาสตรช์ ว่ ยใหน้ กั เรียนทำงานอย่างมรี ะเบยี บแบบแผน
3. การเรยี นวชิ าคณติ ศาสตรจ์ ะทำใหเ้ กิดความเครยี ดเพราะต้องขบคิด
ปญั หาตลอดเวลา
4. ฉนั รสู้ ึกเปน็ กงั วลเมือเรียนวิชาคณติ ศาสตร์
5. คณติ ศาสตร์มคี วามสำคัญต่อการดำรงชีวิต
6. คณติ ศาสตรเ์ ป็นวิชาท่สี ง่ เสริมความคิดรเิ รมิ่ สร้างสรรค์
7. คณติ ศาสตรช์ ่วยให้มีความรอบคอบ
8. คณติ ศาสตร์ช่วยฝกึ ใหน้ ักเรียนเป็นคนทำงานเรียบร้อย
9. การทำแบบฝึกหดั ใบงาน ใบกจิ กรรม ทำให้นกั เรียนเกิดสมาธิ
10. ฉันชอบเข้าร่วมกจิ กรรมทางคณิตศาสตร์
11. ฉันชอบแสดงความคดิ เหน็ ในเวลาเรียน
12. ฉนั ไม่อยากใหค้ รูถามฉันในเวลา
แบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธ์ิ เรื่อง เศษส่วน 26
คำชแ้ี จง : 1) ข้อสอบมที ้งั หมด 10 ข้อ รวม 10 คะแนน
2) เวลาในการทำขอ้ สอบ 30 นาที
3) เลือกคำตอบท่ถี กู ต้องทส่ี ดุ ก ข ค หรอื ง เพยี งขอ้ เดียวลงในกระดาษคำตอบ
1. 4. 7 4 มีคา่ ตรงกบั ข้อใด
9
ก. 7 − 4 ข. 7 + 4
9 9
ค. 7 ÷ 4 ง. 7 × 4
9 9
สว่ นท่แี รเงาตรงกับเศษส่วนในขอ้ ใด 5. 2 12 − 1 5 มีค่าตรงกบั ข้อใด
19 6
ก. 8 ข. 7 ก. 80 ข. 81
15 8 114 114
ค. 8 ง. 8 ค. 90 ง. 91
87 114 114
2. 3 2 ควรเติมข้อความใดลงใน 6. 2 + 2 มีค่าตรงกับข้อใด
86 53
ก. มากท่ีสุด ข. มากกวา่ ก. 1 4 ข. 1 3
15 15
ค. เท่ากับ ง. นอ้ ยกวา่ ค. 1 2 ง. 1 1
15 15
3. 2 11 18 ขอ้ ใดเรยี งจาก มากไปน้อย 7. 5 1 × 2 มีค่าตรงกับข้อใด
3 13 20 43
ไดถ้ ูกตอ้ ง ก. 3 1 ข. 3 1
3 2
ก. 11 2 18
13 3 20 ค. 2 2 ง. 2 1
3 3
ข. 11 18 2
13 20 3 8. 3 × ( 9 ÷ 3 ) มคี ่าตรงกบั ขอ้ ใด
8 12 24
ค. 18 11 2
20 13 3 ก. 2 1 ข. 2 1
4 2
ง. 18 2 11
20 3 13 ค. 2 3 ง. 1 1
4 2
27
9. น้ำหน่ึงถังมี 20 ลติ ร ใช้ดม่ื วนั ละ 1 1 ลติ ร
4
นำ้ หนึ่งถงั ใช้ดม่ื ได้กวี่ นั
ก. 15 วัน ข. 16 วนั
ค. 17 วนั ง. 18 วัน
10. วิมลมไี ข่ไก่ 15 ฟอง ใชท้ ำขนม 3 ของไข่ไก่
5
ทัง้ หมด วิมลจะเหลือไข่ไกก่ ี่ฟอง
ก. 3 ฟอง ข. 6 ฟอง
ค. 7 ฟอง ง. 10 ฟอง
28
เฉลย
1. ก 6. ง
2. ข 7. ข
3. ค 8. ก
4. ข 9. ข
5. ง 10.ข