๒.อรยิสจั๔คอืความจรงิอนัประเสรฐิ๔ประการทพ่ีระพทุธเจา้ทรงตรสัรใู้นวนัวสิาชบชูา
ไดแ้ก่ทกุข์คอืปญัหาของชวีติสภาวะทท่ีนไดย้ากซง่ึทกุขข์น้ัพน้ืฐานคอืการเกดิการแก่และการตาย
ล้วนเป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนต้องเผชิญส่วนทุกข์จรคือทุกข์ที่เกิดขึ้นในการดำเนินชีวิตประจำวัน
เชน่การพลดัพรากจากสง่ิทเ่ีปน็ทร่ีกัหรอืความยากจนไมม่ทีรพัย์สมทุยัคอืตน้เหตขุองปญัหา
หรือสาเหตุของการเกิดทุกข์และสาเหตุส่วนใหญ่ของปัญหาเกิดจาก"ตัณหา"อันได้แก่
ความอยากได้ต่างๆอย่างไม่มีที่สิ้นสุดนิโรธคือความดับทุกข์เป็นสภาพที่ความทุกข์หมดไป
เพราะสามารถดับกิเลสตัณหาอุปาทานออกไปได้มรรคคือหนทางที่นำไปสู่การดับทุกข์
เป็นการปฏิบัติเพื่อแก้ปัญหามี๘ประการได้แก่ความเห็นชอบดำริชอบวาจาชอบกระทำชอบ
เล้ียงชีพชอบพยายามชอบระลกึชอบต้งัจิตมน่ัชอบ
หลักธรรมสำคญัที่ควรนำมาปฏบิตัเิกย่ีวกับวนัวิสาขบชูา
๓.ความไมป่ระมาทคอืการมสีตติลอดเวลาไมว่า่จะทำอะไร
พดูอะไรคดิอะไรลว้นตอ้งใชส้ติเพราะสตคิอืการระลกึไดก้ารระลกึไดอ้ยเู่สมอ
จะทำให้เราใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาทซึ่งความประมาทนั้นจะทำให้
เกดิปัญหายุ่งยากตามมาดังนนั้ในวันนพี้ทุธศาสนิกชนควรนอ้มระลกึถึง
พระพทุธเจา้พระธรรมและพระสงฆ์ดว้ยความมีสติ
การปฏบิตัตินตามหลักปรัชญาของเศรษฐกจิพอเพียง
ในวันวิสาขบูชาถือเป็นโอกาสสำคัญที่พุทธศาสนิกชนจะได้น้อมนำ
ปรชัญาเศรษฐกจิพอเพยีงมาประยกุตใ์ชใ้นชวีติประจำวนัโดยเศรษฐกจิพอเพยีง
เป็นแนวพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่พระราชทาน
เปน็แนวทางการพฒันาทม่ีคีณุคา่ยง่ิตอ่พสกนกิรชาวไทยทต่ีง้ัอยบู่นรากฐาน
ของวฒันธรรมไทยทางสายกลางและความไมป่ระมาทคำนงึถงึความพอประมาณ
ความมีเหตุผลการสร้างภูมิคุ้มกันในตัวเองตลอดจนใช้คุณธรรม
และความรเู้ปน็พืน้ฐานในการดำรงชีวติที่สำคญัคอืการมี"สติปัญญา
และความเพยีร"ซง่ึจะนำไปสู่"ความสขุ"ในการดำเนนิชวีติอยา่งแทจ้รงิ
แนวทางการปฏบิัติตามระบบเศรษฐกิจแบบพอเพียง
แนวคดิหลกัของเศรษฐกจิพอเพยีงคอืการนำคำสอนทางพระพทุธศาสนา
มาเปน็แนวทางในการประสานกลมกลนืกบัวถิชีวีติของชาวบา้นทเ่ีปน็เกษตรกร
อยา่งชาญฉลาดและเปน็รปูธรรมหลกัจรยิธรรมดงักลา่วคอืหลกัการเดนิสายกลาง
หรอืมชัฌมิาปฏปิทาในระดบัโลกยิธรรมการเดนิทางสายกลางคอืธรรม
ที่เหมาะแก่ชาวบ้านทั่วไปได้แก่ความเป็นรู้จักพอในการบริโภคใช้สอย
ทรพัยากรธรรมชาติและการใชช้วีติแบบไมฟ่มุ่เฟอืยฟงุ้เฟอ้ซง่ึมลีกัษณะเปน็การ
เน้นการลดละเลิกอบายมุขด้วยการประพฤติตามหลักเบญจศีล
และเบญจธรรมซ่ึงถอืเป็นหวัใจสำคัญของการเป็นวถิีพทุธ
แนวทางการปฏิบัตตินตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงตามพระราชดำรขิอง
พระบาทสมเดจ็พระเจา้อยหู่ัวมีดังนี้
๑.ประหยัดลดละความฟุม่เฟอืย
๒.ประกอบอาชีพดว้ยความสุจริต
๓.ละเลกิการแกง่แยง่ผลประโยชนแ์ละแขง่ขนั
๔.ไม่หยุดนงิ่ทจ่ีะหาทางใหช้ีวติหลดุพ้น
จากความทกุขย์าก
๕.ลดละสง่ิชว่ัใหห้มดสิ้นไป
กิจกรรมวนัวิสาขบูชา
กอ่นทจ่ีะเรม่ิทำการเวยีนเทยีนพทุธศาสนกิชน
ควรร่วมกันกล่าวบทสวดมนต์และคำบูชา
ในวนัวสิาขบชูาซง่ึโดยปกตติามวดัตา่งๆจะจดัใหม้ี
การทำวัตรสวดมนต์ก่อนที่จะเริ่มเวียนเทียน
ส่วนใหญ่นิยมปฏิบัติพิธีการเวียนเทียนกันอย่าง
เป็นทางการมพีระสงฆ์เป็นผู้นำเวียนเทยีนในเวลา
ประมาณ๒๐นาฬกิาหรอื๒ทมุ่โดยบทสวดมนต์
ท่ีพระสงฆน์ยิมสวดกอ่นเร่ิมการเวยีนเทยีนทม่ีีท้งั
บาลแีละคำแปลตามลำดบัดังนี้
บทบชูาพระรตันตรัย
บทนมัสการนอบนอ้มบูชาพระพุทธเจ้า
บทสรรเสริญพระพุทธคุณ
บทสรรเสริญพระพทุธคณุสวดทำนองสรภัญญะ
บทสรรเสรญิพระธรรมคณุ
บทสรรเสริญพระธรรมคุณสวดทำนองสรภญัญะ
บทสรรเสริญพระสังฆคุณ
บทสรรเสริญพระสงัฆคุณสวดทำนองสรภัญญะ
บทสวดเน่ืองในวันวิสาขบชูา
เมอ่ืสวดจบแลว้กจ็ะมกีารจดุธปูเทยีนและถอืดอกไม้
เป็นเครอื่งสักการะบูชา
จากน้ันจึงเดนิเวียนรอบปชูนียสถาน๓รอบ
โดยในขณะท่เีดนิพึงต้ังจติให้สงบพร้อมสวดระลึก
ถงึพระพทุธคณุดว้ยการสวดบทอติปิโิส(รอบทห่ีนง่ึ)
ระลึกถึงพระธรรมคุณด้วยการสวดสวากขาโต
(รอบทส่ีอง)และระลกึถงึพระสงัฆคณุด้วยการสวด
ปะฏปินัโน(รอบทส่ีาม)จนกวา่จะเวยีนครบ๓รอบ
เมื่อเดินเวียนครบแล้วให้นำธูปเทียนดอกไม้
ไปบูชาตามปูชนียสถานจงึเปน็อันเสร็จพิธี