ชุดท่ี 4 สภาพข้วั แรงยดึ เหนย่ี วระหว่างโมเลกลุ โคเวเลนต์ และสารโครงผลกึ ร่างตาข่าย ก
คานา
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้รายวชิ า ว31221 เคมี 1 สาหรับนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 4
หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง พนั ธะเคมี จดั ทาข้ึนเพือ่ เป็นสื่อการจดั กิจกรรมการเรียนการสอน
และพฒั นาการเรียนของผเู้ รียน ใหผ้ เู้ รียนไดศ้ ึกษาทาความเขา้ ใจ ฝึ กฝนจนเกิดความเขา้ ใจ
ในบทเรียน เป็นกิจกรรมการเรียนรู้ท่ีส่งเสริมใหผ้ เู้ รียนเกิดการเรียนรู้ไดด้ ว้ ยตนเอง คิดเป็น
ทาเป็น แกป้ ัญหาได้ สามารถพฒั นาตนเองไดเ้ ตม็ ตามศกั ยภาพ ซ่ึงสอดคลอ้ งกบั หลกั สูตร
แกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ท่ีมงุ่ เนน้ ใหผ้ เู้ รียนไดร้ ับการพฒั นาท้งั
ดา้ นความรู้ กระบวนการคิด กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ การแกป้ ัญหา ความสามารถ
ในการส่ือสาร ความสามารถในการคิด การตดั สินใจ ตลอดจนมีจิตวิทยาศาสตร์ คุณธรรม
และค่านิยมที่ถูกตอ้ งเหมาะสม
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ รายวชิ า ว31221 เคมี 1 สาหรับนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 4
หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เร่ืองพนั ธะเคมี ซ่ึงชุดน้ีเป็นชุดท่ี 4 เร่ือง สภาพข้วั ของโมเลกลุ
โคเวเลนต์ แรงยดึ เหน่ียวระหวา่ งโมเลกลุ โคเวเลนตแ์ ละสารโครงผลึกร่างตาข่าย
ไดน้ าเสนอเน้ือหาสาระเพ่ือใหผ้ เู้ รียนมีความรู้ความสามารถตามมาตรฐานที่กาหนดไวใ้ น
หลกั สูตร ประกอบดว้ ย คาช้ีแจงการใชช้ ุดกิจกรรมการเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ จุดประสงค์
การเรียนรู้ แบบทดสอบก่อนเรียน เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน บตั รเน้ือหา บตั รกิจกรรม
บตั รเฉลยกิจกรรม แบบทดสอบหลงั เรียน และ เฉลยแบบทดสอบหลงั เรียน
ผจู้ ดั ทาหวงั เป็นอยา่ งยง่ิ วา่ ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ชุดน้ีจะเป็นประโยชน์ต่อ
การพฒั นาผเู้ รียน ทาใหผ้ ลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนสูงข้ึน ส่งเสริมใหค้ รูจดั กิจกรรมการเรียนรู้
ไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ และ เป็นส่วนสาคญั ในการพฒั นาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษา
ของกลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์
สุดารัตน์ นิลพงศ์
ชุดที่ 4 สภาพข้วั แรงยดึ เหนยี่ วระหว่างโมเลกลุ โคเวเลนต์ และสารโครงผลกึ ร่างตาข่าย ข
สารบัญ หน้า
ก
เร่ือง ข
คานา ค
สารบญั จ
คาช้ีแจง ช
คาแนะนาการใชช้ ุดกิจกรรมการเรียนรู้สาหรับครู ฌ
คาแนะนาการใชช้ ุดกิจกรรมการเรียนรู้สาหรับนกั เรียน 3
ผลการเรียนรู้ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ 9
แบบทดสอบก่อนเรียน 10
เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน 17
บตั รเน้ือหาท่ี 1 19
บตั รกิจกรรมที่ 1 21
เฉลยบตั รกิจกรรมท่ี 1 25
บตั รเน้ือหาท่ี 2 27
บตั รกิจกรรมที่ 2 29
เฉลยบตั รกิจกรรมที่ 2 35
บตั รเน้ือหาท่ี 3 37
บตั รกิจกรรมที่ 3 39
เฉลยบตั รกิจกรรมที่ 3 44
แบบทดสอบหลงั เรียน 45
เฉลยแบบทดสอบหลงั เรียน 47
บรรณานุกรม
ภาคผนวก
ชุดท่ี 4 สภาพข้วั แรงยดึ เหนยี่ วระหว่างโมเลกลุ โคเวเลนต์ และสารโครงผลกึ ร่างตาข่าย ค
สารบัญตาราง หน้า
15
ตารางท่ี
1 ตวั อยา่ งทิศทางของข้วั โมเลกลุ
ชุดท่ี 4 สภาพข้วั แรงยดึ เหนย่ี วระหว่างโมเลกลุ โคเวเลนต์ และสารโครงผลกึ ร่างตาข่าย ง
สารบญั ภาพ หน้า
ภาพท่ี 10
22
1 สภาพข้วั และทิศทางของข้วั ของ HF 23
2 การเกิดแรงลอนดอนของ Ne 23
3 แรงดึงดูดระหวา่ งข้วั ของโมเลกลุ โคเวเลนต์ 31
4 แรงดึงดูดระหวา่ ง HCl กบั Ar 32
5 แบบจาลองโครงสร้างของรูปของธาตุคาร์บอน
6 แบบจาลองโครงสร้างของซิลิคอนไดออกไซด(์ SiO2 )
ชุดท่ี 4 สภาพข้วั แรงยดึ เหน่ียวระหว่างโมเลกลุ โคเวเลนต์ และสารโครงผลกึ ร่างตาข่าย จ
คาชี้แจง
1. ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ชุดน้ีเป็นชุดท่ี 4 จากท้งั หมด 7 ชุด ดงั น้ี
ชุดที่ 1 เร่ือง การเกิดพนั ธะโคเวเลนต์ ชนิดของพนั ธะโคเวเลนต์
การเขียนสูตรและเรียกชื่อสารโคเวเลนต์
ชุดที่ 2 เรื่อง พลงั งานพนั ธะและความยาวพนั ธะ
ชุดที่ 3 เร่ือง แนวคิดเก่ียวกบั เรโซแนนซ์และรูปร่างโมเลกลุ โคเวเลนต์
ชุดที่ 4 เร่ือง สภาพข้วั ของโมเลกลุ โคเวเลนต์ แรงยดึ เหน่ียวระหวา่ งโมเลกลุ
โคเวเลนตแ์ ละสารโครงผลึกร่างตาข่าย
ชุดท่ี 5 เรื่อง การเกิดพนั ธะไอออนิก โครงสร้างของสารประกอบไอออนิก
การเขียนสูตรและเรียกช่ือสารประกอบไอออนิก
ชุดท่ี 6 เร่ือง พลงั งานกบั การเกิดสารประกอบไอออนิก สมบตั ิและปฏิกิริยา
ของสารประกอบไอออนิก
ชุดที่ 7 เรื่อง พนั ธะโลหะ
2. ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ชุดน้ีมีเน้ือหาสาระและกิจกรรมเหมาะสมกบั วยั และ
ความสามารถของผเู้ รียน
3. ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ชุดน้ีสร้างข้ึนเพ่อื ใหผ้ เู้ รียนไดเ้ รียนรู้ดว้ ยตนเอง ข้ึนอยกู่ บั
ความสามารถของแต่ละคน
ชุดท่ี 4 สภาพข้วั แรงยดึ เหนยี่ วระหว่างโมเลกลุ โคเวเลนต์ และสารโครงผลกึ ร่างตาข่าย ฉ
4. ส่วนประกอบของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ชุดน้ี ประกอบดว้ ย
4.1 คานา
4.2 สารบญั
4.3 คาช้ีแจง
4.4 คาแนะนาการใชช้ ุดกิจกรรมการเรียนรู้สาหรับครู
4.5 คาแนะนาการใชช้ ุดกิจกรรมการเรียนรู้สาหรับนกั เรียน
4.6 ผลการเรียนรู้ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ สาระการเรียนรู้
4.7 แบบทดสอบก่อนเรียน
4.8 เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน
4.9 บตั รเน้ือหา 1-3
4.10 บตั รกิจกรรม 1-3
4.11 เฉลยบตั รกิจกรรม 1-3
4.12 แบบทดสอบหลงั เรียน
4.13 เฉลยแบบทดสอบหลงั เรียน
4.14 บรรณานุกรม
5. ผใู้ ชช้ ุดกิจกรรมการเรียนรู้น้ี ควรศึกษาคาแนะนาในการใชช้ ุดกิจกรรม
การเรียนรู้ก่อนใช้
ชุดที่ 4 สภาพข้วั แรงยดึ เหน่ียวระหว่างโมเลกลุ โคเวเลนต์ และสารโครงผลกึ ร่างตาข่าย ช
คาแนะนาการใช้ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้สาหรับครู
การจดั กิจกรรมการเรียนรู้โดยใชช้ ุดกิจกรรมการเรียนรู้ รายวชิ า ว31221
เคมี 1 สาหรับนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 4 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 เร่ืองพนั ธะเคมี
ชุดที่ 4 เรื่อง สภาพข้วั ของโมเลกลุ โคเวเลนต์ แรงยดึ เหนี่ยวระหวา่ งโมเลกลุ
โคเวเลนต์ และ สารโครงผลึกร่างตาข่าย มีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยใหก้ ารดาเนิน
กิจกรรมการเรียนรู้ บรรลวุ ตั ถปุ ระสงคก์ ารเรียนรู้และมีประสิทธิภาพ ผสู้ อนควร
เตรียมความพร้อม และ ปฏบิ ตั ิตามคาแนะนา ดงั ต่อไปน้ี
1. ศึกษารายละเอียดเก่ียวกบั แผนจดั การเรียนรู้ เน้ือหาที่สอน
เอกสารชุดกิจกรรมการเรียนรู้ และคาช้ีแจงต่างๆใหเ้ ขา้ ใจก่อนดาเนินกิจกรรม
การเรียนรู้
2. เตรียมส่ืออุปกรณ์ในการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ใหพ้ ร้อมและ
ครบจานวนนกั เรียนในช้นั เรียนแต่ละกลมุ่
3. เมื่อมีกิจกรรมกลมุ่ ใหแ้ บ่งนกั เรียนเป็นกลุ่มๆ ละ 4-5 คน
จานวนกลุ่มข้ึนอยกู่ บั นกั เรียนในช้นั เรียน โดยคละนกั เรียนเรียนเก่ง ปานกลาง
และออ่ น ใหม้ ีการเลือกประธาน และเลขานุการกลุ่ม แลว้ แบ่งหนา้ ที่ความรับผดิ ชอบ
แก่สมาชิกในกลุ่ม
4. ก่อนจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ครูควรช้ีแจงใหน้ กั เรียนเขา้ ใจ
บทบาทของตนเอง แนะนาข้นั ตอนการใชช้ ุดกิจกรรมการเรียนรู้ แนวปฏิบตั ิใน
ระหวา่ งการดาเนินกิจกรรมการเรียนรู้ แลว้ จึงใหท้ าแบบทดสอบก่อนเรียน
ชุดที่ 4 สภาพข้วั แรงยดึ เหน่ียวระหว่างโมเลกลุ โคเวเลนต์ และสารโครงผลกึ ร่างตาข่าย ซ
5. ขณะท่ีนกั เรียนทากิจกรรม ครูคอยใหค้ วามช่วยเหลอื แนะนา
กระตุน้ ใหน้ กั เรียนทากิจกรรม อยา่ งกระตือรือร้นและตอบขอ้ สงสยั ต่างๆ ระหวา่ ง
เรียนพร้อมท้งั สงั เกตและประเมินพฤติกรรมการทางานของนกั เรียน
6. เม่ือนกั เรียนปฏิบตั ิกิจกรรมครบถว้ น ใหน้ กั เรียนทา
แบบทดสอบหลงั เรียน แลว้ ทาการบนั ทึกผลคะแนนทดสอบก่อนเรียนและหลงั เรียน
ของนกั เรียนแต่ละคน
7. การวดั และประเมินผล ประเมินจากการทาแบบทดสอบ
ก่อนเรียน และหลงั เรียน สงั เกตพฤติกรรมการปฏิบตั ิงานกลุ่ม
8. เม่ือสิ้นสุดการปฏิบตั ิกิจกรรมการเรียนรู้ ครูใหน้ กั เรียนร่วม
ตรวจสอบ เกบ็ ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ วสั ดุ สิ่งของ และอุปกรณ์ ใหเ้ รียบร้อย
เพื่อสะดวกในการใชค้ ร้ังต่อไป
ชุดท่ี 4 สภาพข้วั แรงยดึ เหนี่ยวระหว่างโมเลกลุ โคเวเลนต์ และสารโครงผลกึ ร่างตาข่าย ฌ
คาแนะนาการใช้ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้สาหรับนักเรียน
การเรียนรู้โดยใชช้ ุดกิจกรรมการเรียนรู้ รายวชิ า ว31221 เคมี 1
สาหรับนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 4 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง พนั ธะเคมี ชุดที่ 4
เรื่อง สภาพข้วั ของโมเลกลุ โคเวเลนต์ แรงยดึ เหนี่ยวระหวา่ งโมเลกลุ โคเวเลนต์
และสารโครงผลึกร่างตาข่าย ใหน้ กั เรียนปฏิบตั ิตามข้นั ตอนดว้ ยความซื่อสตั ย์
และต้งั ใจ ดงั น้ี
1. ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ชุดที่ 4 เร่ือง สภาพข้วั ของโมเลกลุ โคเวเลนต์
แรงยดึ เหนี่ยวระหวา่ งโมเลกลุ โคเวเลนต์ และ สารโครงผลึกร่างตาข่าย
ใชเ้ วลา 3 ชวั่ โมง
2. แบ่งกลมุ่ ๆ ละ 4-5 คน โดยคละความสามารถนกั เรียนในกลมุ่ เป็นเก่ง
ปานกลาง และอ่อน
3. อา่ นคาช้ีแจง คาแนะนาการใชช้ ุดกิจกรรมการเรียนรู้ ข้นั ตอนการเรียน
โดยใชช้ ุดกิจกรรมการเรียนรู้ ใหเ้ ขา้ ใจก่อนลงมือศึกษาชุดกิจกรรมการเรียนรู้
4. ศึกษาผลการเรียนรู้ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ และ สาระการเรียนรู้
5. ทาแบบทดสอบก่อนเรียนชุดกิจกรรมการเรียนรู้ชุดท่ี 4 เร่ือง สภาพข้วั
ของโมเลกลุ โคเวเลนต์ แรงยดึ เหน่ียวระหวา่ งโมเลกลุ โคเวเลนตแ์ ละสารโครงผลึก
ร่างตาข่าย จานวน 15 ขอ้ เพ่ือตรวจสอบความรู้พ้ืนฐาน บนั ทึกผลคะแนนท่ีได้
6. ปฏิบตั ิกิจกรรมตามข้นั ตอนในชุดกิจกรรมการเรียนรู้
7. เมื่อปฏิบตั ิกิจกรรมต่างๆ ตามบตั รกิจกรรม เสร็จเรียบร้อยแลว้ ให้
ตรวจสอบคาตอบไดจ้ ากเฉลยบตั รกิจกรรม
ชุดที่ 4 สภาพข้วั แรงยดึ เหนีย่ วระหว่างโมเลกลุ โคเวเลนต์ และสารโครงผลกึ ร่างตาข่าย ญ
8. ทาแบบทดสอบหลงั เรียนชุดกิจกรรมการเรียนรู้ชุดที่ 4 เรื่อง สภาพข้วั
ของโมเลกลุ โคเวเลนต์ แรงยดึ เหน่ียวระหวา่ งโมเลกลุ โคเวเลนตแ์ ละสารโครงผลึก
ร่างตาข่าย จานวน 15 ขอ้
9. ตรวจคาตอบจากเฉลยแบบทดสอบหลงั เรียน พร้อมบนั ทึกผลคะแนน
ท่ีไดเ้ พ่ือตรวจสอบความกา้ วหนา้ ทางการเรียน ซ่ึงนกั เรียนตอ้ งทาแบบทดสอบ
หลงั เรียนไดร้ ้อยละ 50 ข้ึนไปจึงจะผา่ นเกณฑ์ ถา้ นกั เรียนไม่ผา่ นเกณฑต์ ามที่
กาหนดใหท้ บทวนเน้ือหา แลว้ ใหท้ าแบบทดสอบหลงั เรียนอีกคร้ัง หากผา่ น
เกณฑใ์ หศ้ ึกษาชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ชุดท่ี 5 ต่อไป
ข้อควรปฏบิ ัติ
1. หากมีขอ้ สงสยั ใหข้ อคาอธิบายหรือถามครูผสู้ อน เพ่ือร่วมกนั สรุป
ขอ้ สงสยั น้นั ๆ
2. เพอ่ื ใหเ้ กิดประโยชน์สูงสุด นกั เรียนตอ้ งมีความซื่อสตั ยต์ ่อตนเอง
ไม่เปิ ดดูเฉลยจนกวา่ นกั เรียนจะทากิจกรรมเสร็จ เพอื่ ตรวจสอบความกา้ วหนา้
ทางการเรียน
ชุดท่ี 4 สภาพข้วั แรงยดึ เหนย่ี วระหว่างโมเลกลุ โคเวเลนต์ และสารโครงผลกึ ร่างตาข่าย 1
ผลการเรียนรู้ จุดประสงค์การเรียนรู้
และสาระการเรียนรู้
ผลการเรียนรู้
อธิบายเกย่ี วกบั สภาพข้วั ทศิ ทางของข้วั ของโมเลกลุ โคเวเลนต์
แรงยดึ เหนีย่ วระหว่างโมเลกลุ และ สารโครงผลกึ ร่างตาข่าย
ชุดที่ 4 สภาพข้วั แรงยดึ เหนีย่ วระหว่างโมเลกลุ โคเวเลนต์ และสารโครงผลกึ ร่างตาข่าย 2
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. อธิบายสภาพข้ัวและทศิ ทางของข้วั ของพนั ธะโคเวเลนต์ และโมเลกุล
โคเวเลนต์
2. ระบุชนิดของแรงยดึ เหนี่ยวระหว่างโมเลกุลโคเวเลนต์ รวมท้งั อธิบาย
ความสัมพนั ธ์ระหว่างแรงยดึ เหน่ียวระหว่างโมเลกุลกบั จุดหลอมเหลวและจุดเดือด
ของสารโคเวเลนต์
3. อธิบายสมบัติของสารโครงผลกึ ร่างตาข่าย
สาระการเรียนรู้
1. สภาพข้วั ของโมเลกลุ โคเวเลนต์
2. แรงยดึ เหน่ียวระหว่างโมเลกลุ โคเวเลนต์
3. สารโครงผลกึ ร่างตาข่าย
ชุดท่ี 4 สภาพข้วั แรงยดึ เหน่ียวระหว่างโมเลกลุ โคเวเลนต์ และสารโครงผลกึ ร่างตาข่าย 3
แบบทดสอบก่อนเรียนชุดกจิ กรรมการเรียนรู้
ชุดท่ี 4 เร่ือง สภาพข้วั ของโมเลกลุ โคเวเลนต์ แรงยดึ เหนยี่ วระหว่าง
โมเลกลุ โคเวเลนต์และสารโครงผลกึ ร่างตาข่าย
ผลการเรียนรู้
อธิบายเกี่ยวกบั สภาพข้วั ทิศทางของข้วั ของโมเลกลุ โคเวเลนต์
แรงยดึ เหน่ียวระหวา่ งโมเลกลุ และ สารโครงผลึกร่างตาข่าย
คาชี้แจง 1. แบบทดสอบเป็นแบบปรนยั มีท้งั หมด 15 ขอ้ 15 คะแนน
2. ใหน้ กั เรียนทาเครื่องหมายกากบาท () ในช่อง ก ข ค ง
ท่ีถกู ตอ้ งท่ีสุดเพยี งขอ้ เดียวลงในกระดาษคาตอบ
1. โมเลกลุ ใดต่อไปนีเ้ ป็ นโมเลกลุ มขี ้วั ท้งั หมด
ก. H2 , O2
ข. CHCl3 , BeCl2
ค. I2 , HBr
ง. H2O , NH3
2. แรงดงึ ดูดระหว่างโมเลกลุ ไม่มขี ้วั ซ่ีงเป็ นแรงอ่อน ๆ เรียกว่า
ก. แรงดึงดูดระหวา่ งข้วั
ข. แรงลอนดอน
ค. แรงวนั เดอร์วาลว์
ง. พนั ธะไฮโดรเจน
ชุดท่ี 4 สภาพข้วั แรงยดึ เหน่ยี วระหว่างโมเลกลุ โคเวเลนต์ และสารโครงผลกึ ร่างตาข่าย 4
3. สารผสมระหว่างโมเลกลุ ต่อไปนขี้ ้อใดมพี นั ธะไฮโดรเจนเกดิ ขนึ้
ก. CH4 กบั BeCl2
ข. I2 กบั C2H2
ค. H2O กบั C2H5OH
ง. C6H14 กบั NaCl
4. ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้องเกยี่ วกบั เพชรและแกรไฟต์
ก. พนั ธะ C – C ในเพชรยาวกวา่ แกรไฟต์
ข. การสลายพนั ธะ C – C ในแกรไฟตต์ อ้ งใชพ้ ลงั งานมากกวา่ เพชร
ค. แกรไฟตน์ าไฟฟ้าไดด้ ีในทิศที่ขนานกบั ระนาบอะตอมของคาร์บอน
ง. โครงสร้างของเพชรจะเสถียรกวา่ โครงสร้างของแกรไฟต์
5. ข้อใดถูกต้อง
ก. โมเลกลุ โคเวเลนตท์ ่ีมีแรงยดึ เหน่ียวระหวา่ งโมเลกลุ เป็นแรง
แวนเดอร์วาลส์จะมีจุดเดือดสูง
ข. โมเลกลุ โคเวเลนตใ์ ดที่มีพนั ธะมีข้วั โมเลกลุ น้นั จะตอ้ งเป็น
โมเลกลุ มีข้วั
ค. โมเลกลุ โคเวเลนตท์ ี่มีรูปร่างสมมาตร เป็นโมเลกลุ มีข้วั
ง. โมเลกลุ โคเวเลนตท์ ี่มีสภาพมีข้วั แรงมาก ละลายน้าจะแตกเป็น
ไอออน
ชุดท่ี 4 สภาพข้วั แรงยดึ เหนีย่ วระหว่างโมเลกลุ โคเวเลนต์ และสารโครงผลกึ ร่างตาข่าย 5
6. สารโคเวเลนต์ต่อไปนีข้ ้อใดทปี่ ระกอบด้วยพนั ธะมขี ้วั แต่เป็ นโมเลกลุ ไม่มขี ้วั
ก. N2 , NOCl , NH3
ข. SF6 , PCl5 , SiF4
ค. P4 , NOCl , PH3
ง. HCN , CH4 , SO2
7. สูตรโมเลกลุ ในข้อใดต่อไปนีม้ ที ้งั โมเลกลุ มขี ้วั และไม่มขี ้วั
ก. BeH2 , PF5 , BH3
ข. CO2 , PCl3 , BCl3
ค. OF2 , Cl2O, NH3
ง. H2O, HF , CHCl3
8. แรงระหว่างโมเลกลุ ในข้อใดเรียงลาดบั จากน้อยไปหามากได้ถูกต้อง
ก. H2O , NH3 , HF , HCl
ข. HCl , NH3 , HF , H2O
ค. H2O , HF , NH3 , HCl
ง. HF , NH3 , HCl , H2O
ต้งั ใจทานะ อย่าเพงิ่ ดูเฉลยละ
ชุดท่ี 4 สภาพข้วั แรงยดึ เหน่ยี วระหว่างโมเลกลุ โคเวเลนต์ และสารโครงผลกึ ร่างตาข่าย 6
9. สารใดมจี ุดเดือดจุดหลอมเหลวตา่ ทส่ี ุด
ก. SiC
ข. H2O
ค. CH4
ง. NaCl
10. ข้อใดเป็ นโมเลกลุ ไม่มขี ้วั 3. CH3Cl
1. PF5 2. SiH4
ก. 1 เท่าน้นั
ข. 2 เท่าน้นั
ค. 1 และ 2 เท่าน้นั
ง. 1 , 2 และ 3
11. สารในข้อใดเกดิ พนั ธะไฮโดรเจนระหว่างโมเลกลุ
ก. C2H5OH , CH3NH2 , (CH3)3N
ข. CH3OH , (CH3)3N , CH3SN
ค. CH3OCH3 , C2H5OH , CH3F
ง. CH3NH2 , CH3OH , C2H5OH
พยายามเข้า ๆ เพ่ือนๆ
มาทาข้อต่อไปกนั เลยนะ
ชุดที่ 4 สภาพข้วั แรงยดึ เหนี่ยวระหว่างโมเลกลุ โคเวเลนต์ และสารโครงผลกึ ร่างตาข่าย 7
12. ธาตุ 4 ชนิดดงั ต่อไปนี้ A มเี ลขอะตอม 14 , B มเี ลขอะตอม 8 , C มี
เลขอะตอม 17 , D มเี ลขอะตอม 20 สารใดต่อไปนีม้ โี ครงสร้างโคเวเลนต์
โครงผลกึ ร่างตาข่าย
ก. DC2
ข. DB
ค. AC4
ง. AB2
13. ข้อใดถูกต้อง
ก. ความยาวพนั ธะระหวา่ งอะตอมของคาร์บอนในแกรไฟต์ และเพชรเป็น
พนั ธะเด่ียว
ข. แกรไฟต์ นาไฟฟ้าได้ เช่นเดียวกบั โลหะ
ค. คาร์บอรันดมั มีโครงสร้างเป็นโครงผลึกร่างตาข่ายเช่นเดียวกบั เพชร
ง. อะตอมของคาร์บอนในช้นั เดียวกนั ของเพชร ยดึ กนั ดว้ ยพนั ธะที่มีสมบตั ิ
ระหวา่ งพนั ธะเดี่ยวกบั พนั ธะคู่
เหลืออกี นิดเดยี วแล้วนะ
ชุดท่ี 4 สภาพข้วั แรงยดึ เหน่ียวระหว่างโมเลกลุ โคเวเลนต์ และสารโครงผลกึ ร่างตาข่าย 8
14. พจิ ารณาข้อความต่อไปนี้ ข้อใดไม่ถูกต้อง
ก. โมเลกลุ โคเวเลนตท์ ่ีรอบอะตอมกลางไม่มีอิเลก็ ตรอนคู่โดดเด่ียวเหลือ
อาจเป็นโมเลกลุ มีข้วั หรือไม่มีข้วั กไ็ ด้
ข. โมเลกลุ ท่ีมีรูปร่างเป็นพรี ะมิดฐานสามเหลี่ยม พนั ธะมีข้วั จะเป็น
โมเลกลุ มีข้วั
ค. สารที่มีสูตรโมเลกลุ เหมือนกนั ยอ่ มมีสภาพข้วั ของโมเลกลุ เหมือนกนั
ง. โมเลกลุ HCOOH จะมีจุดเดือดสูงกวา่ โมเลกลุ C2H5OH
15. เพราะเหตุใดโมเลกลุ กรดแอซีตกิ (CH3COOH) จงึ มจี ุดเดือดสูงกว่า
สารประกอบอ่ืนๆทมี่ นี า้ หนกั (มวล)โมเลกลุ เท่ากนั
ก. เพราะมีพนั ธะไฮโดรเจน
ข. เพราะมีพนั ธะไอออนิก
ค. เพราะเป็นกรด
ง. เพราะมีพนั ธะโคเวเลนต์
อ่านพจิ ารณากนั ดี ๆ นะ
ชุดท่ี 4 สภาพข้วั แรงยดึ เหน่ยี วระหว่างโมเลกลุ โคเวเลนต์ และสารโครงผลกึ ร่างตาข่าย 9
เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้
ชุดที่ 4 เร่ือง สภาพข้วั ของโมเลกลุ โคเวเลนต์ แรงยดึ เหนี่ยวระหว่าง
โมเลกลุ โคเวเลนต์และสารโครงผลกึ ร่างตาข่าย
1. ง 2. ข 3. ค
4. ง 5. ง 6. ข
7. ข 8. ข 9. ค
10. ค 11. ง 12. ง
13. ค 14. ค 15. ก
ชุดที่ 4 สภาพข้วั แรงยดึ เหน่ียวระหว่างโมเลกลุ โคเวเลนต์ และสารโครงผลกึ ร่างตาข่าย 10
บตั รเนื้อหาท่ี 1
เรื่อง สภาพข้วั ของโมเลกลุ โคเวเลนต์
ข้วั พนั ธะโคเวเลนต์
สภาพข้วั ของพนั ธะโคเวเลนตเ์ กิดจากอะตอมคู่ร่วมพนั ธะมี ค่า
อิเลก็ โทรเนกาติวติ ีหรือค่า EN (ค่าแสดงความสามารถในการดึงอิเลก็ ตรอนของ
อะตอม) ต่างกนั
พนั ธะโคเวเลนตม์ ีข้วั เป็นพนั ธะที่เกิดจากอะตอมของธาตุต่างชนิดกนั
และมีค่าอิเลก็ โทรเนกาติวิตีต่างกนั และ พนั ธะโคเวเลนตไ์ ม่มีข้วั เป็นพนั ธะที่
เกิดจากอะตอมของธาตุชนิดเดียวกนั และมีค่าอิเลก็ โทรเนตาติวติ ีเท่ากนั หรือใกลเ้ คียง
การแสดงสภาพข้วั ของแต่ละอะตอม สามารถเขียนแทนดว้ ยสญั ลกั ษณ์
และ โดยอะตอมตวั ที่มีค่าอิเลก็ โทรเนกาติวติ ีนอ้ ยกวา่ ใช้ อะตอมตวั ท่ีมี
ค่าอิเลก็ โทรเนกาติวติ ีสูงกวา่ ใช้ เช่น
- , -
HF H Cl
หรืออาจใชล้ กู ศรโดย หวั ลูกศรช้ีไปทางข้วั ลบ ( ) และปลายลูกศรช้ีไป
ทางข้วั บวก ( ) (สาราญ พฤกษส์ ุนทร. 2553 : 226) ดงั ภาพที่ 1
ภาพที่ 1 แสดงสภาพข้วั และทิศทางของข้วั ของ HF
ท่ีมา : http://www.satriwit3.ac.th/external_newsblog.php?links=1392
สืบคน้ เมื่อ 6 พฤษภาคม 2558
ชุดที่ 4 สภาพข้วั แรงยดึ เหนี่ยวระหว่างโมเลกลุ โคเวเลนต์ และสารโครงผลกึ ร่างตาข่าย 11
ลกั ษณะสาคญั ของพนั ธะโคเวเลนต์ไม่มขี ้วั
1. เป็นพนั ธะโคเวเลนตท์ ี่เกิดกบั คู่อะตอมของธาตุชนิดเดียวกนั
2. เป็นพนั ธะโคเวเลนตท์ ่ีมีการกระจายอิเลก็ ตรอนใหแ้ ต่ละอะตอมเท่ากนั
3. พนั ธะโคเวเลนตไ์ ม่มีข้วั อาจจะเกิดกบั พนั ธะโคเวเลนตช์ นิดพนั ธะเดี่ยว
เช่น Cl - Cl พนั ธะโคเวเลนตช์ นิดพนั ธะคู่ เช่น O = O และพนั ธะโคเวเลนตช์ นิด
พนั ธะสาม เช่น N N
4. พนั ธะโคเวเลนตท์ ่ีไม่มีข้วั เกิดในโมเลกลุ ใดเรียกวา่ โมเลกลุ ไม่มีข้วั
ลกั ษณะสาคญั ของพนั ธะโคเวเลนต์มขี ้วั
1. เป็นพนั ธะโคเวเลนตม์ ีข้วั เกิดกบั คู่อะตอมของธาตุต่างชนิดกนั ท่ีมีค่าอิเลก็
โทรเนกาติวิตีต่างกนั
2. เป็นพนั ธะโคเวเลนตท์ ่ีมีการกระจายอิเลก็ ตรอนในแต่ละอะตอมไม่เท่ากนั
3. พนั ธะโคเวเลนตม์ ีข้วั เกิดในโมเลกลุ ใด โมเลกลุ น้นั จะมีข้วั หรืออาจจะ
ไม่มีข้วั กไ็ ด้ แต่ถา้ พนั ธะโคเวเลนตม์ ีข้วั เกิดในโมเลกลุ ท่ีมีเพยี ง 2 อะตอม โมเลกลุ น้นั
ตอ้ งเป็นโมเลกลุ มีข้วั เสมอ
วธิ พี จิ ารณาว่าโมเลกลุ ใดมขี ้วั หรือไม่มขี ้วั มหี ลกั ดงั นี้
1. กรณโี มเลกลุ ทม่ี เี พยี ง 2 อะตอม
1. ถา้ โมเลกลุ โคเวเลนตม์ ีเพยี ง 2 อะตอมและเป็นอะตอมของธาตุชนิดเดียวกนั
พนั ธะที่เกิดข้ึนในโมเลกลุ เป็นพนั ธะโคเวเลนตไ์ ม่มีข้วั และเป็นโมเลกลุ ไม่มีข้วั
เช่น H2 , O2 , N2 , F2 , Br2 , I2 เป็นตน้
2. ถา้ โมเลกลุ โคเวเลนตม์ ีเพยี ง 2 อะตอมและเป็นอะตอมของธาตุต่างชนิดกนั
พนั ธะที่เกิดข้ึนในโมเลกลุ เป็นพนั ธะโคเวเลนตม์ ีข้วั และเป็นโมเลกลุ มีข้วั
เช่น HF HCl และ HBr เป็นตน้
ชุดท่ี 4 สภาพข้วั แรงยดึ เหนยี่ วระหว่างโมเลกลุ โคเวเลนต์ และสารโครงผลกึ ร่างตาข่าย 12
2. กรณโี มเลกลุ ทมี่ ี 3 อะตอม หรือมากกว่า
2.1 ถา้ โมเลกลุ ท่ีเกิดจากพนั ธะมีข้วั และรูปร่างของโมเลกลุ สมมาตร โมเลกลุ น้นั
จะเป็นโมเลกลุ ไมม่ ีข้วั เพราะมีผลรวมของทิศทางของแรงดึงดูดอิเลก็ ตรอนท้งั หมดใน
โมเลกลุ เป็นศนู ย์ ไดแ้ ก่ เสน้ ตรง สามเหลี่ยมแบนราบ ทรงเหลี่ยมส่ีหนา้ พีระมิดคู่ฐาน
สามเหล่ียม และทรงเหลี่ยมแปดหนา้ (อะตอมท่ีสร้างพนั ธะกบั อะตอมกลางตอ้ งเป็น
อะตอมของธาตุเดียวกนั ท้งั หมดจึงจะสมมาตร) โมเลกลุ จะไม่มีข้วั แมว้ า่ พนั ธะใน
โมเลกลุ จะเป็นพนั ธะมีข้วั กต็ าม จึงจดั เป็นประเภทพนั ธะมีข้วั แต่โมเลกลุ ไมม่ ีข้วั
เช่น BeCl2 BF3 CH4 CCl4 PCl5 SF6
BeCl2
BeCl2BeCl2 Cl ClBeBeCl Clเขขยี ียนนททศิ เขทิศียาทงนขาทงอศิขงทแอารงงแขเปรอ็นงแดเรงปั นง็นเ้ีปด็นงั ดนงั ้ีน้ี Be Be
โมเลกลุ มีรูปร่างสมมาตร แรงท้งั สองจึงหกั ลา้ งกนั หมด ดงั น้นั
โมเลกลุ จึงเป็นโมเลกลุ ไม่มีข้วั
BF3
BF3 BF3 F F เขยี นเทขยีศิ นททาศงิ ทขอางงขแอรงงแเรปง็นเปด็นงั ดนงั้ี น้ี
โแเขมรียเงลนทแโกท้งมัรลุ สิงเศมลทาทกรีม้งัูาลปุ สจงมรงึาขร่ีามหูอปงจกัสงรงึ ล่าแหมงา้รกมัสงงลามกเตา้ปมนังร็านกหตนัดรมหงั ดนม้ีด
B B BB
F F F โFมเลกลุ มีรูดปงัรน่าง้นัดสงัโนมม้นมัเลาโกตมลุเรลจกงึแลุเรปจง็งึนทเปโ้งั็นมสเโลามมกเลจลุ กึงไลหุมไมกั่ มขีลม่ ้วาั้ขี ง้วั กนั หมด ดงั น้นั
โมเลกลุ จึงเป็นโมเลกลุ ไม่มีข้วั
2.2 ถา้ โมเลกลุ ที่เกิดจากพนั ธะมีข้วั และมีรูปร่างของโมเลกลุ ไม่สมมาตร
โมเลกลุ น้นั จะเป็นโมเลกลุ มีข้วั เพราะมีผลรวมของทิศทางของแรงดึงดูดอิเลก็ ตรอน
ท้งั หมดในโมเลกลุ ไม่เท่ากบั ศูนยห์ รือมีแรงลพั ธ์เกิดข้ึน
ชุดที่ 4 สภาพข้วั แรงยดึ เหนยี่ วระหว่างโมเลกลุ โคเวเลนต์ และสารโครงผลกึ ร่างตาข่าย 13
โมเลกลุ ทม่ี รี ูปร่างไม่สมมาตร
1. จะต้องเป็ นโมเลกลุ ทอ่ี ะตอมกลางมเี วเลนต์อเิ ลก็ ตรอนคู่โดดเดยี่ ว เช่น
โมเลกลุ แอมโมเนยี (NH3)
2. โมเลกลุ ทอี่ ะตอมกลางใช้เวเลนต์อเิ ลก็ ตรอนสร้างพนั ธะท้งั หมด แต่พนั ธะ
รอบอะตอมกลางเป็ นพนั ธะต่างชนดิ กนั เช่น โมเลกลุ คลอโรมเี ทน (CH3Cl)
มาดูตวั อย่างรูปร่างโมเลกลุ ทไี่ ม่
สมมาตรกนั ดกี ว่าครับ
ไดแ้ ก่ โมเลกลุ ที่มีรูปร่างเป็น
มุมงอ (bent) เช่น H2O
พรี ะมดิ ฐานสามเหลย่ี ม (trigonal pyramid) เช่น NH3
ม้ากระดก (see saw) เช่น SCl4
ตวั ที (T- shape) เช่น ClF3
เป็นโมเลกลุ มีข้วั โดยข้วั ลบจะอยทู่ างดา้ นอะตอมท่ีมีค่า EN มากกวา่ เช่น
ชุดที่ 4 สภาพข้วั แรงยดึ เหน่ยี วระหว่างโมเลกลุ โคเวเลนต์ และสารโครงผลกึ ร่างตาข่าย 14
ถา้ โมเลกลุ ท่ีเกิดจากพนั ธะมีข้วั และมีรูปร่างของโมเลกลุ ไม่สมมาตร โมเลกลุ
น้นั จะเป็นโมเลกลุ มีข้วั เพราะมีผลรวมของทิศทางของแรงดึงดูดอิเลก็ ตรอนท้งั หมดใน
โมเลกลุ ไม่เท่ากบั ศนู ยห์ รือมีแรงลพั ธเ์ กิดข้ึน
มาดูตวั อย่างกนั นะคะ
HCCNHCHNHCH2NHH2HHO2HH32OCH3NCO3HO33CN32CCH3Hl2HCOHHClNl3O32HlHH3CHOH3H3H3CHHClHlHlHHHHHHHHCHCONCแlCCแแCCNOCแแNOONแทllททlHCCทHนนONนHHCทlHCHนทแHONศิHทHHlททศิทHศิHHาHHHทนงHHิทศHขาHทอาHเทHขHงเเHHขงงขเียศิขแเขีเเยเาียHขนขขขปขรHนนHียองททองอียีทยทอ็ีนยเดขินศงHเเนเิงศานิงเขศเปHึทงงขเขทนเขแทขทงอดแแขทดียทขาเ็แาียศิาีรยีนงูยดเขียขเแรนงิศีงรยงศิียขขงขัอรนทงนขนขียนงอทอแงนเดททิทนเีนยอียลองลขาเนงทเทดทลงาขงงแนารข็กแทงนงศิัดท้พนีีแัยแงทศิงึงรศิศิตขแพียงีนัรททยทรทขศิงึงนขิศรธดทงทิศองททรแนดนออ้ศิแธดาอแีิศทนทล์ขดูทงทางลนาลิศงางึทงงทะทแข์ดทูงออาะงะาดเขิแศงทาแแปดทแรขิแาศงออขิาศงงริเงข็รอึรทนงรรงลงงิศขงูอดขทขอแงงิเทางงงแอลแดงขขลลากล็แองแทรงออแงรพัอแาลาพงัพงัอูดองแตกลแ็ธลขงงงงงรงรธยแะิเธาข์เงงอระรแแลปตระดเ์่แข์เงขแงอปงปแรแ็อแงนยอแง็ิรเแ็รึงรนรกดร็นอของลรงแดรรแงรนงดดงงอดลงงแงึงัตงงแงองลง็กแแงลัลงัแนแดูะเนแลแดนแลแลนะรร้ปพลรีงะัตล้แอี้ลีพลัรพลัรดูะเแ็งแงอแะธนระรปิเงะธะงธะแอแรเลแแ์รรนงอแเปแ็แ์แเแแ์นงปรลงเิปกร็ลล็งนรรลลนรลรลเ็ล็งนงตนแะพปัแะงงงดงกพะ็ลัลพะัเOดรดOแรOลล็ธยปลลงแันแตพธแพััธงอังงัเรนอ์พ่ัพ็ัพัะนรนเปรน์รเร์ธแนธยง้ีปปธธ้็งีง้แธงอีเน์เแอล์็่ร็ทเปน์เน์ปลลเล์ปนรปดรยพงั็ป้นด็ัดพ็ันพ็พังนังงนัย็ทนหธนงัดงันลธดยธดอ่ดธนนง้เ์ดมงัดั้ีปเ์อ่พง์เงัััง้ัยีนห้์ปีปงดังั็นนนนย้็นธี็นในมน้้ี้ีี ด้นี้์OีดOดOดงัโใงังันมนนน้ีเ้ี้ลโี มกOOลเุOลOOกOOOลุO O
O
O
แทแแนททนแททนแทศิ ศิ ททนททาานทงิศงขขศิททอองทิศาแงารงทแงงแลราขพังรงอธดขง์งขงึ ลออแดงพรงัแดู รงแอธงดรเิดข์ลึึงงงดก็ดอลูดตดูองพัริเอแลอธ็กเิรนลต์ขงรเก็ อปอดต็นนงึงรทแแดอ้งั หรรนูดงมงเยอดดปใอ่ ิเึนง็นยลโดแมก็ ูดเรลตอกงรลุิยเลออ่ ็กนยตทร้งัอหนมทด้งั ใหนมโดมใเนลกโมลุ เลกุล
O แทแนทแททศนิ ทนอาทะงศขิตอทองามแงรขกงอลลงพาั แงธรใ์ขงนอลงโพั แมธรงเ์ขลดอกึงงดลุแดู รองิเดลกึง็ ดตรดู ออนเิ ลทก็้งั ตหรมอดนในทโง้ั มหเลมกดลุในโมเลกลุ
ชุดที่ 4 สภาพข้วั แรงยดึ เหน่ียวระหว่างโมเลกลุ โคเวเลนต์ และสารโครงผลกึ ร่างตาข่าย 15
เพ่ือนๆ เข้าใจไหมคะ ลองมาศึกษา
ตวั อย่างกนั ดกี ว่าค่ะ
ตารางที่ 1 แสดงตวั อย่างทศิ ทางของข้วั โมเลกลุ สภาพข้วั ทศิ ของข้วั
สาร สูตรโครงสร้างแบบเส้น รูปร่างโมเลกลุ
BeCl2 เส้ นตรง ไม่มี -
HCN เส้ นตรง มี
BF3 สามเหลย่ี มแบนราบ ไม่มี -
CH2O สามเหลยี่ มแบนราบ มี
CH4 ทรงสี่หน้า ไม่มี -
ชุดที่ 4 สภาพข้วั แรงยดึ เหน่ยี วระหว่างโมเลกลุ โคเวเลนต์ และสารโครงผลกึ ร่างตาข่าย 16
มาดูตวั อย่างต่อนะคะ
ตารางท่ี 1 แสดงตวั อย่างทศิ ทางของข้วั โมเลกลุ (ต่อ)
สาร สูตรโครงสร้างแบบเส้น รูปร่างโมเลกลุ สภาพข้วั ทศิ ของข้วั
CHCl3 ทรงสี่หน้า มี
H2O มมุ งอ มี
NH3 พรี ะมดิ ฐาน มี
สามเหลยี่ ม
ชุดท่ี 4 สภาพข้วั แรงยดึ เหน่ยี วระหว่างโมเลกลุ โคเวเลนต์ และสารโครงผลกึ ร่างตาข่าย 17
บัตรกจิ กรรมท่ี 1
เรื่อง สภาพข้วั ของโมเลกลุ โคเวเลนต์
ช่ือ.............................................ช้นั ม.4/.....เลขท่ี..........กลุ่มท่ี...........
1. จงเปรียบเทยี บสภาพข้วั ระหว่างคู่อะตอมต่อไปนี้
1.1 Li - F และ Li – I ……………………………………………..
1.2 C - S และ P - P …………………………………………….
1.3 C - O และ C – S ……………………………………………..
1.4 H - F และ H – I ……………………………………………..
1.5 B - C และ B – F ……………………………………………..
1.6 C - Si และ C – S …………………………………………….
2. จงระบุว่าโมเลกลุ โคเวเลนต์ทก่ี าหนดให้เป็ นพนั ธะและโมเลกลุ ชนดิ ใด โดยทา
เคร่ืองหมาย ✔ ลงในช่องว่าง ให้ถูกต้อง
โมเลกลุ โคเวเลนต์ พนั ธะ โมเลกลุ
มีข้วั ไม่มีข้วั มีข้วั ไม่มีข้วั
1. SO3
2. OF2
3. PCl5
4. P4
5. SiCl4
6. H2O
7. CHF3
8. AsH3
ชุดท่ี 4 สภาพข้วั แรงยดึ เหน่ียวระหว่างโมเลกลุ โคเวเลนต์ และสารโครงผลกึ ร่างตาข่าย 18
3. จงบอกว่าสารใดเป็ นโมเลกลุ โคเวเลนต์มขี ้วั และไม่มขี ้วั
PH3 H2Se PBr5 BF3 SO3 SiCl4 SnCl2 C2H2
……………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………
4. จงเขยี นภาพแสดงทศิ ทางของแรงลพั ธ์ข้วั ในโมเลกลุ ของสารต่อไปนี้
4.1 SCl2
………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………
4.2 BFCl2
………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………
4.3 NH2Cl
………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………
ชุดท่ี 4 สภาพข้ัว แรงยดึ เหน่ียวระหว่างโมเลกลุ โคเวเลนต์ และสารโครงผลกึ ร่างตาข่าย 19
เฉลยบตั รกจิ กรรมที่ 1
เร่ือง สภาพข้วั ของโมเลกลุ โคเวเลนต์
1. จงเปรียบเทยี บสภาพข้วั ระหว่างคู่อะตอมต่อไปนี้
1.1 Li - F และ Li – I ………Li - F > Li - I……
1.2 C - S และ P - P ………C - S > P - P…..…
1.3 C - O และ C – S ………C - O > C - S……
1.4 H - F และ H – I ……… H - F > H - I……
1.5 B - C และ B – F ……… B - C < B - F……
1.6 C - Si และ C – S ………C - Si > C - S……
2. จงระบุว่าโมเลกลุ โคเวเลนต์ทกี่ าหนดให้เป็ นพนั ธะและโมเลกลุ ชนดิ ใด โดยทา
เครื่องหมาย ✔ ลงในช่องว่าง ให้ถูกต้อง
โมเลกลุ โคเวเลนต์ พนั ธะ โมเลกลุ
มีข้วั ไม่มีข้วั มีข้วั ไม่มีข้วั
1. SO3
2. OF2 ✔ ✔
3. PCl5 ✔ ✔
4. P4 ✔
5. SiCl4 ✔
6. H2O ✔ ✔
7. CHF3 ✔ ✔
8. AsH3 ✔ ✔
✔ ✔
✔ ✔
ชุดที่ 4 สภาพข้วั แรงยดึ เหน่ยี วระหว่างโมเลกลุ โคเวเลนต์ และสารโครงผลกึ ร่างตาข่าย 20
ก. 3Bก.จ.FงCบBอl2FกPCวH่าl3ส2ารFใHด2เSปeF็ นโมเPลBกrลุ 5โคเวเลBนFต3์มขี ้วั แSลOะ3ไม่มขี ้วัSiCl4 SnCl2 C2H2
………… PPHBr3B5 , , H2Se , SSOnC3แl,ส2 SดเปiงแC็ นทสlศโ4ิ ดมท,งเาลทCงกศิ ข2ลุHท้วั โใา2คงนเเขวปโเ้็วัมนลใเนโลนมตกโเ์มลลุ มกเขี ปเลลุ้วั ็นโก…คุลเ…วเปเ…ล็นน…ต์ไ…ม่…มขี …้วั …………
………… ,
BBF3
ข. 4.จงเขCียนl ภาCพlแสดงทิศCทlางขCอlงแรงดึงดูดอิเลก็ ตรอนและแรงลพั ธข์ องข้วั ในโมเลกลุ
NขขอH.ง2สNCาHรlต2่อCไlปนN้ี
N Cl Cแlสดงแทสศิ ดทงาทงศิขท้วั ใางนขโ้วัมใเลนกโลุ มเปเล็นกุลเป็น
H H H H
ตอบ
ค. SคC. l2SC4l2.1 SCl2 แสดงแทสศิทดทิศงาททงาิศขงท้วัขใาองนงขโแ้วัมรใเงลนลกโพั ลุ มธเปเเ์ ลป็น็กนลุ เป็น
Cขกl.. Cl
SS Cl
Cl
กก.. BBFFCCl4l22.2 FFBFCl2
ก. BFCl2
F แแสสดดงทงทิศทศิ ทศิทาทางางขงขอข้วั ง้วใั แในรนโงโมลมพเั ลเลธกเก์ ลุปลุ ็เนปเป็น็น
CCll BB
B CCll แสดงทิศทางข้วั ในโมเลกลุ เป็น
ขข.ข.ก.N.NNHHH2BC22FCCClC4lll.l32 Cl
HH
H NNNHF2Cl ClCCllแสแแดสสงดแทดงสทงศิทดททิศศิ งศิทาททงทาาขิศงาง้วัขงทขใขอ้วัาน้วงงัใใโแขนนมร้วัโงเโใมลลนมเกพลัเโลุลกธมกเุลปเ์ ปเลุ ล็เนป็เนกป็น็ลุนเป็น
N BHHH
คค.. SSCCll22 Cl SS Cl แแสสดดงงททิศศิ ททาางงขข้วั ้วัใในนโโมมเลเลกกุลลุ เปเป็น็น
ค. ขS.ClN2H2CCClll
S N CCll แสดงทิศทางข้วั ในโมเลกุลเป็น
Cl H Cl
Cl แสดงทศิ ทางข้วั ในโมเลกุลเป็น
H
ค. SCl2 S แสดงทิศทางข้วั ในโมเลกุลเป็น
Cl Cl
ชุดที่ 4 สภาพข้ัว แรงยดึ เหนี่ยวระหว่างโมเลกลุ โคเวเลนต์ และสารโครงผลกึ ร่างตาข่าย 21
บัตรเนื้อหาท่ี 2
เรื่อง แรงยดึ เหน่ียวระหว่างโมเลกลุ โคเวเลนต์
แรงน้ีมีผลต่อจุดเดือดและจุดหลอมเหลวของสาร ถา้ สารมีแรงยดึ เหน่ียวระหวา่ ง
อนุภาคสูงจะมีจุดเดือดและจุดหลอมเหลวสูง และสารที่มีแรงยดึ เหน่ียวระหวา่ งอนุภาค
นอ้ ยจะมีจุดเดือดและจุดหลอมเหลวต่าแรงยดึ เหนี่ยวระหวา่ งโมเลกลุ โคเวเลนต์
มี 2 ชนิด คือ
1. แรงแวนเดอร์วาลส์
แบ่งออกเป็น 3 ชนิด คือแรงลอนดอน แรงดึงดูดระหวา่ งโมเลกลุ มีข้วั และ
แรงดึงดูดระหวา่ งโมเลกลุ มีข้วั กบั โมเลกลุ ไมม่ ีข้วั
1.1 แรงลอนดอน แรงดึงดูดระหวา่ งโมเลกลุ ที่ไม่มีข้วั ดว้ ยกนั เช่น O2, Ne2
เป็นตน้ เน่ืองจากอิเลก็ ตรอนเคล่ือนที่แบบไร้ทิศทางทาใหบ้ างคร้ัง อิเลก็ ตรอนมากระจุก
กนั อยบู่ ริเวณเดียวกนั ทาใหเ้ กิดประจุลบบางส่วน(ประจุลบชว่ั คราวที่มีค่าประจุนอ้ ยมาก)
เกิดข้ึน และทาใหบ้ ริเวณท่ีไม่มีอิเลก็ ตรอนอยเู่ กิดประจุบวกบางส่วน(ประจุบวกชวั่ คราว
ท่ีมีค่าประจุนอ้ ยมาก) หลงั จากอะตอมจะกลายเป็นอะตอมท่ีมีข้วั ชวั่ คราว อะตอมท่ีมีข้วั
กจ็ ะเหนี่ยวนาใหอ้ ะตอมใกลเ้ คียงกลายเป็นอะตอมท่ีมีข้วั ตามไปดว้ ย ซ่ึงแสดงได้
ดงั ภาพที่ 2
ชุดท่ี 4 สภาพข้วั แรงยดึ เหนีย่ วระหว่างโมเลกลุ โคเวเลนต์ และสารโครงผลกึ ร่างตาข่าย 22
ภาพท่ี 2 แสดงการเกิดแรงลอนดอนของ Ne
ที่มา : https://il.mahidol.ac.th/e-media/ ap-chemistry1/
chemical_bonding/vanderwaals.htm
สืบคน้ เมื่อ 12 พฤษภาคม 2558
จากภาพแสดงการเกิดแรงลอนดอนของ Ne โดยจุดสีแดงคือ electron
จะเห็นวา่ บางคร้ังอเิ ลก็ ตรอนอยู่ ณ บริเวณใดบริเวณหน่ึงของอะตอมมากกวา่ บริเวณหน่ึง
กลายเป็นอะตอมที่มีข้วั บางส่วน จากน้นั ก็จะเหนี่ยวนาใหอ้ ะตอม Ne ใกลเ้ คียงกลายเป็น
อะตอมที่มีข้วั บางส่วนตามไปดว้ ย จึงเกิดแรงดึงดูดซ่ึงกนั และกนั แต่วา่ เป็นแรงดึงดูด
แบบอ่อน สารท่ีมีแรงยดึ เหน่ียประเภทน้ีจึงเป็นสารที่มีจุดเดือดสูงและจุดเดือดต่า
แรงชนิดน้ีจะมีความแขง็ แรงมากข้ึนถา้ โมเลกลุ มีขนาดใหญข่ ้ึน นนั่ เป็น
เพราะวา่ โมเลกลุ ขนาดใหญก่ วา่ จะมีอิเลก็ ตรอนมากกวา่ ซ่ึงบางคร้ังอิเลก็ ตรอน
เหลา่ น้นั มารวมกนั อยู่ ณ บริเวณหน่ึงๆในอะตอมมากกวา่ บริเวณหน่ึงทาใหเ้ กิดประจุ
บางส่วนข้ึน แต่เนื่องจากมีจานวนอิเลก็ ตรอนมากดงั น้นั ประจุที่เกิดจึงมีค่ามากกวา่ จึง
เหน่ียวนาใหเ้ กิดประจุท่ีแขง็ แรงกวา่
อย่าเพง่ิ เบ่ือนะ
ชุดท่ี 4 สภาพข้วั แรงยดึ เหนีย่ วระหว่างโมเลกลุ โคเวเลนต์ และสารโครงผลกึ ร่างตาข่าย 23
1.2 แรงดึงดูดระหวา่ งข้วั เกิดกบั โมเลกลุ โคเวเลนตท์ ่ีมีข้วั เท่าน้นั แรงน้ีมีค่า
มากกวา่ แรงลอนดอน ดงั ภาพที่ 3
ภาพท่ี 3 แสดงแรงดึงดูดระหวา่ งข้วั ของโมเลกลุ โควาเลนต์
ที่มา : http://www.askiitians.com/iit-jee-states-of-matter/
vander-waal-forces/ สืบคน้ เมื่อ 15 พฤษภาคม 2558
1.3 แรงดึงดูดระหวา่ งโมเลกลุ มีข้วั และโมเลกลุ ไม่มีข้วั แรงท่ีเกิดจากโมเลกลุ
ที่มีข้วั เหนี่ยวนาใหโ้ มเลกลุ หรืออะตอมตวั อื่นมีข้วั ดว้ ย จากน้นั อะตอมหรือโมเลกลุ
ดงั กลา่ วกม็ ีแรงกระทาต่อกนั เกิดขนึ ้ ซ่ึงแรงน้ีจะมากหรือนอ้ ยข้ึนอยกู่ บั ความสามารถ
ในการเกิดมีข้วั ของโมเลกลุ ท่ีถูกเหน่ียวนา โดยทวั่ ไปอะตอมหรือโมเลกลุ ท่ีมีขนาดใหญ่
จะมีความสามารถในการเกิดมีข้วั สูงกวา่ อะตอมหรือโมเลกลุ ที่มีขนาดเลก็
ดงั ภาพท่ี 4
ภาพที่ 4 แสดงแรงดึงดูดระหวา่ ง HClกบั Ar
ที่มา : https://il.mahidol.ac.th/e-media/apchemistry1/
chemical_bonding/vanderwaals.htm
สืบคน้ เมื่อ 15 พฤษภาคม 2558
หมายเหตุ 1. สารโคเวเลนตไ์ ม่มีข้วั แรงยดึ เหนี่ยวระหวา่ งโมเลกลุ เป็นแรงลอนดอน
ชนิดเดียว
2. สารโคเวเลนตม์ ีข้วั แรงยดึ เหนี่ยวระหวา่ งโมเลกลุ นอกจากจะมี
แรงดึงดูดระหวา่ งข้วั แลว้ ยงั มีแรงลอนดอนอีกดว้ ย
ชุดท่ี 4 สภาพข้วั แรงยดึ เหนยี่ วระหว่างโมเลกลุ โคเวเลนต์ และสารโครงผลกึ ร่างตาข่าย 24
2. พนั ธะไฮโดรเจน
ลกั ษณะสาคญั ของพนั ธะไฮโดรเจน
1. สารประกอบที่จะเกิดพนั ธะไฮโดรเจนไดน้ ้นั ตอ้ งเป็นโมเลกลุ ท่ีพนั ธะมีข้วั
แรง ๆ และมีไฮโดรเจนสร้างพนั ธะกบั อะตอมของธาตุท่ีมีค่าอิเลก็ โตรเนกาติวติ ีสูง และ
มีขนาดเลก็ มีอิเลก็ ตรอนคโู่ ดดเดี่ยวเหลืออยา่ งนอ้ ย 1 คู่ ไดแ้ ก่ F , O และ N
2. ระบบที่มีการเกิดพนั ธะไฮโดรเจนเป็นแบบคายพลงั งาน ความแขง็ แรงของ
พนั ธะไฮโดรเจนของสารทว่ั ไป
แรงแวนเดอร์วาลส์ : พนั ธะไฮโดรเจน : พนั ธะโคเวเลนต์ = 1 : 10 : 100
3. พนั ธะไฮโดรเจนท่ีเกิดกบั ธาตุ F , O , N เป็นพนั ธะไฮโดรเจนที่แรง
4. พนั ธะไฮโดรเจนจะมีความแขง็ แรงมากนอ้ ยแค่ไหนข้ึนอยกู่ บั ค่า
อิเลก็ โตรเนกาติวิตีของธาตทุ ี่มีขนาดอะตอมเลก็ น้นั กลา่ วคือ ธาตุท่ีมีค่า
อิเลก็ โตรเนกาติวิตีสูงเกิดพนั ธะกบั ไฮโดรเจนกจ็ ะมีสภาพมีข้วั แรงไดพ้ นั ธะไฮโดรเจน
ที่แขง็ แรงกวา่ ธาตุท่ีมีค่าอิเลก็ โตรเนกาติวติ ีต่ากวา่ สร้างพนั ธะกบั ไฮโดรเจน
5. สารโคเวเลนตท์ ่ีเกิดพนั ธะไฮโดรเจนไดจ้ ะมีจุดเดือดจุดหลอมเหลวสูงกวา่
สารโคเวเลนตท์ ี่มีแต่แรงแวนเดอร์วาลส์เท่าน้นั
6. เน่ืองจากพนั ธะไฮโดรเจนมีความแรงมากกวา่ แรงลอนดอนและแรงดึงดูด
ระหวา่ งข้วั มาก ดงั น้นั จึงไม่จดั พนั ธะไฮโดรเจนเป็นพวกแรงแวนเดอร์วาลส์
(ศรีลกั ษณ์ พลวฒั นะ และประดบั นาคแกว้ . 2553:282)
เข้าใจแล้วใช่ม้ยั ครับ
ชุดที่ 4 สภาพข้วั แรงยดึ เหนย่ี วระหว่างโมเลกลุ โคเวเลนต์ และสารโครงผลกึ ร่างตาข่าย 25
บัตรกจิ กรรมท่ี 2
เรื่อง แรงยดึ เหน่ียวระหว่างโมเลกลุ โคเวเลนต์
ชื่อ.............................................ช้นั ม.4/.....เลขท่ี..........กลุ่มที่...........
1. ให้นักเรียนศึกษาข้อมูลจากตารางต่อไปนี้ แล้วตอบคาถามให้ถูกต้อง
สูตร จุดหลอมเหลว จุดเดือด ความร้อนแฝงของ ( kJ/mol )
(0C) (0C) การหลอมเหลว การเกิดไอ
โมเลกลุ 0 100
5.5 80.1 6.02 40.7
H2O -115 78.3 9.83 30.8
C6H6 -22.9 76.7 4.60 38.6
C2H5OH -63.5 61.3 2.51 30.0
CCl4 9.20 29.4
CHCl3
1.1 ขอ้ มูลจากตาราง สารที่มีแรงยดึ เหน่ียวระหวา่ งโมเลกลุ แขง็ แรงท่ีสุดคือ
สารใด และ สารที่มีแรงยดึ เหน่ียวระหวา่ งโมเลกลุ แขง็ แรงนอ้ ยที่สุดคือสารใด
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
1.2 จงเปรียบเทียบแรงยดึ เหน่ียวระหวา่ งโมเลกลุ ของสารโคเวเลนต์
ในตารางจากมากไปนอ้ ย
.....................................................................................................................................
.....................................................................................................................................
ชุดที่ 4 สภาพข้วั แรงยดึ เหน่ียวระหว่างโมเลกลุ โคเวเลนต์ และสารโครงผลกึ ร่างตาข่าย 26
2. จงเรียงลาดบั จดุ เดือดของสาร HF , HCl , HBr และ HI พร้อมท้งั อธบิ าย
เหตุผล
........................................................................................................................................
........................................................................................................................................
........................................................................................................................................
3. จงระบุชนดิ ของแรงยดึ เหนย่ี วระหว่างโมเลกลุ ของสารต่อไปนี้
3.1 CH3NH2 ………………………………………….
3.2 CH3OH ………………………………………….
3.3 CHF3 ………………………………………….
3.4 NH3 ………………………………………….
4. เรียงลาดบั จุดเดือดของโมเลกลุ โคเวเลนต์ต่อไปนีจ้ ากสูงไปตา่
4.1 CO2 , CS2 , C2H2
…………………………………………………………………………
4.2 NH3 , CH4 , H2O
…………………………………………………………………………
4.3 C3H8 , Kr , C2H5OH
…………………………………………………………………………
ชุดที่ 4 สภาพข้วั แรงยดึ เหน่ยี วระหว่างโมเลกลุ โคเวเลนต์ และสารโครงผลกึ ร่างตาข่าย 27
เฉลยบตั รกจิ กรรมท่ี 2
เร่ือง แรงยดึ เหนีย่ วระหว่างโมเลกลุ โคเวเลนต์
1. ให้นกั เรียนศึกษาข้อมูลจากตารางต่อไปนี้ แล้วตอบคาถามให้ถูกต้อง
สูตร จุดหลอมเหลว จุดเดือด ความร้อนแฝงของ ( kJ/mol )
(0C) (0C) การหลอมเหลว การเกิดไอ
โมเลกลุ 0 100
5.5 80.1 6.02 40.7
H2O -115 78.3 9.83 30.8
C6H6 -22.9 76.7 4.60 38.6
C2 H5OH -63.5 61.3 2.51 30.0
CCl4 9.20 29.4
CHCl3
1.1 ขอ้ มูลจากตาราง สารที่มีแรงยดึ เหนี่ยวระหวา่ งโมเลกลุ แขง็ แรงท่ีสุดคือ
สารใด และ สารที่มีแรงยดึ เหน่ียวระหวา่ งโมเลกลุ แขง็ แรงนอ้ ยท่ีสุดคือสารใด
สารทมี่ แี รงยดึ เหนย่ี วระหว่างโมเลกลุ แขง็ แรงทส่ี ุด คือ H2O
สารทม่ี แี รงยดึ เหนย่ี วระหว่างโมเลกลุ แขง็ แรงน้อยทส่ี ุด คือ CHCl3
1.2 จงเปรียบเทียบแรงยดึ เหนี่ยวระหวา่ งโมเลกลุ ของสารประกอบโคเวเลนต์
ในตารางจากมากไปนอ้ ย
H2O C6H6 C2 H5OH CCl4 CHCl3
ชุดท่ี 4 สภาพข้วั แรงยดึ เหน่ยี วระหว่างโมเลกลุ โคเวเลนต์ และสารโครงผลกึ ร่างตาข่าย 28
2. จงเรียงลาดบั จดุ เดือดของสาร HF , HCl , HBr และ HI พร้อมท้งั
อธิบายเหตผุ ล
จดุ เดือดเรียงลาดบั ดงั นี้ HF HI HBr HCl
โดย HF มแี รงยดึ เหนยี่ วระหว่างโมเลกลุ เป็ นพนั ธะไฮโดรเจน
ส่วน HI , HBr และ HCl มแี รงยดึ เหน่ยี วระหว่างโมเลกลุ เป็ น
แรงแวนเดอร์วาลส์ และเมื่อมวลโมเลกลุ เพมิ่ ขนึ้ จุดเดือดกเ็ พม่ิ ขนึ้
3. จงระบุชนิดของแรงยดึ เหนย่ี วระหว่างโมเลกลุ ของสารต่อไปนี้
3.1 CH3NH2 พนั ธะไฮโดรเจน
3.2 CH3OH พนั ธะไฮโดรเจน
3.3 CHF3 แรงแวนเดอร์วาลส์
3.4 NH3 พนั ธะไฮโดรเจน
4. เรียงลาดบั จดุ เดือดของโมเลกลุ โคเวเลนต์ต่อไปนจี้ ากสูงไปตา่
4.1 CO2 , CS2 , C2H2
CS2 CO2 C2H2
4.2 NH3 , CH4 , H2O
H2O NH3 CH4
4.3 C3H8 , Kr , C2H5OH
C2H5OH C3H8 Kr
ชุดท่ี 4 สภาพข้วั แรงยดึ เหน่ยี วระหว่างโมเลกลุ โคเวเลนต์ และสารโครงผลกึ ร่างตาข่าย 29
บัตรเนื้อหาท่ี 3
เรื่อง สารโครงผลกึ ร่างตาข่าย
ในของแขง็ บางชนิดอาจเกิดจากโมเลกลุ โคเวเลนตท์ ่ียดึ เหน่ียวดว้ ย
พนั ธะโคเวเลนตอ์ ีกทีหน่ึงอยา่ งต่อเน่ืองไม่มีท่ีสิ้นสุดจนเกิดโครงสร้างขนาดใหญ่
ของแขง็ ชนิดน้ีจะมีความแขง็ แรงและแขง็ แกร่งมาก มีลกั ษณะภายนอกคลา้ ย
สารประกอบไอออนิกมากแต่สมบตั ิการนาไฟฟ้าไม่เหมือนกนั
สารโคเวเลนต์โครงผลกึ ร่างตาข่ายมลี กั ษณะสาคญั ดงั นี้
1. อะตอมยดึ เหน่ียวกนั ดว้ ยพนั ธะโคเวเลนตต์ ่อเนื่องกนั เป็น
ตาข่ายรูปสามมิติ
2. ไม่มีสูตรโมเลกลุ มีแต่สูตรเอมพิริคลั
3. มีจุดเดือดและจุดหลอมเหลวสูงมาก
(ศรีลกั ษณ์ พลวฒั นะ และ ประดบั นาคแกว้ .2553:286)
สารโคเวเลนตท์ ี่ศึกษามาแลว้ มีโครงสร้างโมเลกลุ ขนาดเลก็ มีจดุ หลอมเหลว
และจุดเดือดตา่ แตม่ ีสารโคเวเลนตบ์ างชนิดมีจุดเดือดจดุ หลอมเหลวจะสูงมาก
โครงสร้างโมเลกลุ ขนาดใหญ่เพราะเกาะกนั แบบโครงร่างตาข่าย เรียกวา่
สารโครงผลึกร่างตาข่าย เช่น เพชร , แกรไฟต์ , ฟูลเลอรีน , SiC , SiO2
ชุดท่ี 4 สภาพข้ัว แรงยดึ เหนี่ยวระหว่างโมเลกลุ โคเวเลนต์ และสารโครงผลกึ ร่างตาข่าย 30
1. เพชร
เพชร เป็นอญั รูปหน่ึงของคาร์บอนและเป็นผลึกร่างตาข่าย มีสมบตั ิ ไม่นาไฟฟ้า
เพราะคาร์บอนแต่ละ อะตอมจบั กบั อะตอมอ่ืน 4 ตวั ไม่ มีอิเลก็ ตรอนเหลือ ความยาวพนั ธะ
154 pm ไม่มีระยะห่างระหวา่ งช้นั มีจุดหลอมเหลว 3550 0C
2. แกรไฟต์
แกรไฟต์ เป็นผลึกโคเวเลนตแ์ ละเป็นอีกรูปหน่ึงของคาร์บอนแต่มีโครงสร้าง
ต่างจากเพชรคือ อะตอมคาร์บอนจะสร้างพนั ธะ โคเวเลนตต์ ่อกนั เป็นวง วงละ 6 อะตอม
ต่อเน่ืองกนั อยภู่ ายในระนาบเดียวกนั นาไฟฟ้าได้ เพระคาร์บอนแต่ ละอะตอมจบั กบั
อะตอมอ่ืน 3 ตวั มีอิเลก็ ตรอนเหลือ 1 ตวั (ทิศขนานกบั ช้นั ) มีความยาวพนั ธะ 140 pm
ระยะห่างระหวา่ งช้นั 340 pm จุดหลอมเหลวสูง 3650 0C มีสมบตั ิในการหลอ่ ล่ืน เราจึง
นาไปทาไสด้ ินสอ สารหล่อล่ืน เป็นตน้
3. ฟูลเลอรีนหรือบักกบี อล
เป็นกลุ่มของโมเลกลุ คาร์บอน เกิดจากอะตอมคาร์บอนเกาะเป็นพนั ธะเดี่ยว
เช่ือมกนั เป็นโครงสร้าง 5 เหลี่ยม และ 6 เหล่ียม หลายรูปต่อกนั เป็นทรงกลม ไม่นาไฟฟ้า
จุดเดือด จุดหลอมเหลวข้ึนอยกู่ บั จานวนคาร์บอน โมเลกลุ ของฟูลเลอรีน จะมีคาร์บอนเป็น
เลขคู่ ต้งั แตป่ ระมาณ 40 อะตอมข้ึนไป แต่โมเลกลุ ของฟูลเลอรีนที่เสถียรที่สุดคือ C 60
ประกอบดว้ ยอะตอมคาร์บอน 60 อะตอม เช่ือมตอ่ กนั ดว้ ยพนั ธะโคเวเลนต์ มีความแขง็
เทียบเท่าเพชร แต่ภายในเป็น ช่องวา่ งสามารถบรรจุสารอ่ืนๆ ไวภ้ ายในได้
มีจุดหลอมเหลว 800 0C สามารถทนต่อแรงดนั สูงได้ เป็นสารก่ึงตวั นา
ชุดที่ 4 สภาพข้วั แรงยดึ เหนย่ี วระหว่างโมเลกลุ โคเวเลนต์ และสารโครงผลกึ ร่างตาข่าย 31
แบบจาลองโครงสร้างของเพชร แบบจาลองโครงสร้างของแกรไฟต์
แบบจาลองโครงสร้างของฟูลเลอรีน
ภาพท่ี 5 แสดงแบบจาลองโครงสร้างของรูปของธาตุคาร์บอน
ท่ีมา : http://kanchanapisek.or.th/kp6/sub/book/book.php?
book=32&chap=8&page=t32-8-infodetail04.html
สืบคน้ เมื่อ 21 พฤษภาคม 2558
4. ซิลคิ อนไดออกไซด์ (SiO2) หรือซิลกิ า
ซิลิคอนไดออกไซดเ์ ป็นผลกึ โคเวเลนตท์ ี่มีโครงสร้างเป็นผลึกร่างตาข่าย
อะตอมของซิลิคอนจดั เรียงตวั เหมือนคาร์บอนในผลึกเพชร แต่มีออกซิเจนคน่ั อยู่
ระหวา่ งอะตอมของซิลิคอนแต่ละคู่ ผลึกซิลิคอนไดออกไซดจ์ ึงมีจุดหลอมเหลวสูง และ
มีความแขง็ สูงใชเ้ ป็นวสั ดุในการทาแกว้ ทาส่วนประกอบของนาฬิกาควอร์ตซ์
ใยแกว้ นาแสง (สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลย.ี 2553:102)
ชุดที่ 4 สภาพข้วั แรงยดึ เหน่ยี วระหว่างโมเลกลุ โคเวเลนต์ และสารโครงผลกึ ร่างตาข่าย 32
สารประกอบอื่นๆ ของซิลคิ อนท่ีมีโครงสร้างเป็นโครงผลึกร่างตาข่าย ไดแ้ ก่
ซิลิคอนคาร์ไบด์ ( SiC ) หรือ คาร์โบรันดมั มีจุดหลอมเหลวสูงมีความแขง็ มาก
ใชท้ าเคร่ืองบดเครื่องโม่ หินลบั มีด ดงั ภาพที่ 6
ภาพที่ 6 : แสดงแบบจาลองโครงสร้างของซิลิคอนไดออกไซด์ (SiO2 )
ที่มา : http://thn246822chem.blogspot.com สืบคน้ เมื่อ 21 พฤษภาคม 2558
สรุปสมบัตเิ กย่ี วกบั สารโครงผลกึ ร่างตาข่าย
1. ในภาวะปกติมีสถานะเป็นของแขง็ ท่ีแขง็ มาก ยกเวน้ แกรไฟต์
2. บางชนิดไม่นาไฟฟ้า เช่น เพชร บางชนิดนาไฟฟ้าไดด้ ี คือ แกรไฟต์
และบางชนิดนาไฟฟ้าไดบ้ า้ ง เช่นซิลิคอน
3. มีจุดเดือดจุดหลอมเหลวสูง เช่น เพชรมีจุดหลอมเหลว 3550 0C แกรไฟต์
มีจุดหลอมเหลว 3652 0C
3. ไม่ละลายน้า
4. ไม่มีสูตรโมเลกลุ มีแต่สูตรเอมพริ ิคลั ( สูตรอยา่ งง่าย )
(สาราญ พฤกษส์ ุนทร. 2553:244)
ชุดที่ 4 สภาพข้วั แรงยดึ เหน่ยี วระหว่างโมเลกลุ โคเวเลนต์ และสารโครงผลกึ ร่างตาข่าย 33
สมบัตขิ องสารโคเวเลนต์
1. มีจุดเดือด จุดหลอมเหลวต่า เพราะ จะทาใหเ้ ดือดหรือหลอมเหลว
ตอ้ งใชพ้ ลงั งานไปในการทาลายแรงยดึ เหนี่ยวระหวา่ งโมเลกลุ ( ไม่ไดท้ าลายพนั ธะ
โคเวเลนต์ ยกเวน้ โครงผลึกร่างตาข่าย อาจจะแบ่งสารโคเวนตต์ ามจุดเดือด
จุดหลอมเหลว จะได้ 4 ชนิดดงั น้ี
1.1 สารโคเวเลนตไ์ มม่ ีข้วั สารชนิดน้ีจะมีจุดเดือด
จุดหลอมเหลวต่ากวา่ ชนิดอืน่ ๆ เพราะโมเลกลุ ยดึ เหนี่ยวกนั ดว้ ยแรงลอนดอน
อยา่ งเดียวเท่าน้นั
1.2 สารโคเวเลนตม์ ีข้วั สารชนิดน้ีจะมีจุดเดือด
จุดหลอมเหลว สูงกวา่ สารโคเวเลนตไ์ ม่มีข้วั เพราะยดึ เหน่ียวโมเลกลุ ดว้ ยแรง 2 แรง
คือ แรงลอนดอนและแรงดึงดูดระหวา่ งข้วั
1.3 สารโคเวเลนตท์ ่ีสามารถสร้างพนั ธะไฮโดรเจนได้ เช่น
HF , NH3 H2O สารชนิดน้ีจะมีจุดเดือดจุดหลอมเหลวสูงกวา่ สารโคเวเลนตท์ ่ีมีข้วั
เพราะโมเลกลุ ยดึ เหน่ียวกนั ดว้ ยแรงแวนเดอร์วาลส์และพนั ธะไฮโดรเจน
1.4 สารโคเวเลนตท์ ่ีมีโครงสร้างเป็นโครงผลึกร่างตาข่าย
เช่น เพชร แกรไฟต์ ฟลู เลอรีน คาร์บอรันดมั ซิลิคอนไดออกไซด์ สารชนิดน้ีมี
จุดเดือด จุดหลอมเหลวสูงมาก ซ่ึงโดยทว่ั ไปสารโคเวเลนตม์ ีจุดเดือด จุดหลอมเหลว
ต่า ท่ีเป็นเช่นน้ีเพราะการจดั เรียงอะตอมภายในผลึก
ชุดที่ 4 สภาพข้วั แรงยดึ เหนย่ี วระหว่างโมเลกลุ โคเวเลนต์ และสารโครงผลกึ ร่างตาข่าย 34
2. สารโคเวเลนตจ์ ะไม่นาไฟฟ้าไม่วา่ จะอยใู่ นสถานะใด ( ยกเว้น แกรไฟต์ )
เนื่องจากไม่มีอิเลก็ ตรอนอสิ ระ และเม่ือหลอมเหลวไม่แตกตวั เป็นไอออน
3. โมเลกลุ ที่มีข้วั สามารถละลายในตวั ทาละลายที่โมเลกลุ มีข้วั ได้ และ
โมเลกลุ ท่ีไม่มีข้วั สามารถละลายในตวั ทาละลายที่ไม่มีข้วั ได้ ( มขี ้วั กบั มขี ้วั , ไม่มขี ้วั
กบั ไม่มขี ้วั = ละลายกนั ได้ แต่มขี ้วั กบั ไม่มขี ้วั ไม่ละลายกนั )
4. สารโคเวเลนตม์ ีครบท้งั สามสถานะ ของแขง็ ของเหลว หรือแกส๊ เช่น
- สถานะของแขง็ เช่น น้าตาลทราย ( C12H22O11 ), แนฟทาลีน หรือ
ลูกเหมน็ ( C10H8 )
- สถานะของเหลว เช่น น้า( H2O ) , เอทานอล ( C2H5OH ) ,
เฮกเซน ( C6H12 )
- สถานะแกส๊ เช่น แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ ( CO2 ) ,
แกส๊ มีเทน (CH4 ) , แกส๊ โพรเพน ( C3H8)
เข้าใจดแี ล้วนะคะนกั เรียน
ชุดท่ี 4 สภาพข้วั แรงยดึ เหน่ยี วระหว่างโมเลกลุ โคเวเลนต์ และสารโครงผลกึ ร่างตาข่าย 35
บัตรกจิ กรรมท่ี 3
เรื่อง สารโครงผลกึ ร่างตาข่าย
ช่ือ.............................................ช้นั ม.4/.....เลขที่..........กลุ่มท่ี...........
1. CCl4 มสี ถานะเป็ นของเหลว เม่ือนาไปละลายในตวั ทาละลายดงั ต่อไปนี้
H2O , CH3OH , C6H14 และ CH3COCH3 จะละลายได้ดที ส่ี ุดในตวั ทาละลายใด
เพราะเหตุใด
...................................................................................................................................
...................................................................................................................................
...................................................................................................................................
....................................................................................................................................
2. จงอธิบายว่าเพราะเหตุใดจดุ เดือดจุดหลอมเหลวของ CO2 และ SiO2 จงึ แตกต่าง
กนั มากท้งั ท่ี C และ Si ต่างเป็ นธาตุหมู่เดยี วกนั และเกดิ ออกไซด์ทม่ี สี ูตรเหมือนกนั
...................................................................................................................................
...................................................................................................................................
...................................................................................................................................
ชุดท่ี 4 สภาพข้วั แรงยดึ เหน่ียวระหว่างโมเลกลุ โคเวเลนต์ และสารโครงผลกึ ร่างตาข่าย 36
3. ข้อความต่อไปนกี้ ล่าวถูกต้องหรือไม่ เพราะเหตใุ ด
3.1. CS2 มีแรงยดึ เหน่ียวระหวา่ งโมเลกลุ เป็นแรงลอนดอน
...................................................................................................................................
...................................................................................................................................
3.2 ฟูลเลอรีนจดั เป็นสารโคเวเลนตโ์ ครงผลึกร่างตาขา่ ย
...................................................................................................................................
...................................................................................................................................
...................................................................................................................................
3.3 จุดหลอมเหลวของเพชรสูงกวา่ แกรไฟต์ เพราะความยาวพนั ธะส้นั กวา่
...................................................................................................................................
...................................................................................................................................
...................................................................................................................................
...................................................................................................................................
...................................................................................................................................
...................................................................................................................................
...................................................................................................................................
3.4 ลกู ชิ้นที่ทาจากเน้ือสตั วเ์ หนียวเพราะมีพนั ธะไฮโดรเจน
...................................................................................................................................
...................................................................................................................................
...................................................................................................................................
ชุดท่ี 4 สภาพข้วั แรงยดึ เหนี่ยวระหว่างโมเลกลุ โคเวเลนต์ และสารโครงผลกึ ร่างตาข่าย 37
เฉลย บัตรกจิ กรรมท่ี 3
เร่ือง สารโครงผลกึ ร่างตาข่าย
1. CCl4 มสี ถานะเป็ นของเหลว เมื่อนาไปละลายในตวั ทาละลายดงั ต่อไปนี้
H2O , CH3OH , C6H14 และ CH3COCH3 จะละลายได้ดที ส่ี ุดในตวั ทาละลายใด
เพราะเหตใุ ด
CCl4 ละลายไดด้ ีที่สุดในตวั ทาละลาย C6H14 เพราะ CCl4 เป็น
โมเลกลุ โคเวเลนตไ์ ม่มีข้วั ตอ้ งละลายในโมเลกลุ โคเวเลนตท์ ่ีไมม่ ีข้วั เหมือนกนั
2. จงอธบิ ายว่าเพราะเหตใุ ดจุดเดือดจุดหลอมเหลวของ CO2 และ SiO2 จงึ แตกต่าง
กนั มากท้งั ท่ี C และ Si ต่างเป็ นธาตหุ มู่เดยี วกนั และเกดิ ออกไซด์ทม่ี สี ูตรเหมือนกนั
SiO2 เป็นสารประกอบโคเวเลนตแ์ บบโครงร่างตาข่าย ส่วน CO2 เป็น
สารประกอบโคเวเลนตธ์ รรมดา ดงั น้นั SiO2 จึงมีจุดเดือดสูงกวา่
ชุดที่ 4 สภาพข้วั แรงยดึ เหนยี่ วระหว่างโมเลกลุ โคเวเลนต์ และสารโครงผลกึ ร่างตาข่าย 38
3. ข้อความต่อไปนีก้ ล่าวถูกต้องหรือไม่ เพราะเหตใุ ด
3.1 CS2 มีแรงยดึ เหน่ียวระหวา่ งโมเลกลุ เป็นแรงลอนดอน
ถกู ตอ้ ง เพราะ เป็นสารโคเวเลนตช์ นิดไม่มีข้วั จึงจดั วา่ มี
แรงยดึ เหนี่ยวเป็นแรงลอนดอน
3.2 ฟูลเลอรีนจดั เป็นสารโคเวเลนตโ์ ครงผลึกร่างตาข่าย
ถูกตอ้ ง เพราะ ฟลเู ลอรีนเป็นรูปหน่ึงของคาร์บอน
3.3 จุดหลอมเหลวของเพชรสูงกวา่ แกรไฟต์ เพราะความยาวพนั ธะส้นั กวา่
ไม่ถกู ตอ้ ง จุดหลอมเหลวของเพชรสูงกวา่ แกรไฟต์ เพราะ
โครงสร้างของเพชร ประกอบดว้ ยอะตอมของคาร์บอน ซ่ึงคาร์บอนแต่ละอะตอม
ใชเ้ วเลนซอ์ ิเลก็ ตรอนท้งั หมด จึงแขง็ แรงกวา่ แกรไฟต์ คาร์บอนในโครงผลึกของ
แกรไฟตม์ ี 4 เวเลนซ์อิเลก็ ตรอน แต่ละอะตอมสร้างพนั ธะกบั คาร์บอนขา้ งเคียง 3
อะตอมจึงเหลืออีก 1อิเลก็ ตรอนอิสระที่สามารถเคล่ือนที่ไดภ้ ายในช้นั และแต่ละช้นั
ไม่ไดส้ ร้างพนั ธะกนั จึงทาใหร้ ะหวา่ งช้นั ไมม่ ีความแขง็ แรงมาก จึงทาใหม้ ี
จุดหลอมเหลวต่ากวา่ เพชร
3.4 ลกู ชิ้นที่ทาจากเน้ือสตั วเ์ หนียวเพราะมีพนั ธะไฮโดรเจน
ถูกตอ้ ง เพราะ ลกู ชิ้นเป็นสารอาหารประเภทโปรตีน ซ่ึงมีกรด
อะมิโนเป็นหน่วยยอ่ ย โดยกรดอะมิโนมีหมู่อะมิโนซ่ึงเป็นพนั ธะไฮโดรเจน
ชุดที่ 4 สภาพข้วั แรงยดึ เหน่ียวระหว่างโมเลกลุ โคเวเลนต์ และสารโครงผลกึ ร่างตาข่าย 39
แบบทดสอบหลงั เรียนชุดกจิ กรรมการเรียนรู้ชุดที่ 4
เรื่อง สภาพข้วั ของโมเลกลุ โคเวเลนต์ แรงยดึ เหน่ียวระหว่าง
โมเลกลุ โคเวเลนต์และสารโครงผลกึ ร่างตาข่าย
ผลการเรียนรู้ อธิบายเกี่ยวกบั สภาพข้วั ทิศทางของข้วั ของโมเลกลุ โคเวเลนต์
แรงยดึ เหนี่ยวระหวา่ งโมเลกลุ และ สารโครงผลึกร่างตาข่าย
คาชีแ้ จง 1. แบบทดสอบเป็นแบบปรนยั มีท้งั หมด 15 ขอ้ 15 คะแนน
2. ใหน้ กั เรียนทาเครื่องหมายกากบาท () ในช่อง ก ข ค ง ท่ีถกู ตอ้ งท่ีสุด
เพยี งขอ้ เดียวลงในกระดาษคาตอบ
1. ข้อใดเป็ นโมเลกลุ ไม่มขี ้วั 3. CH3Cl
1. PF5 2. SiH4
ก. 1 เท่าน้นั
ข. 2 เท่าน้นั
ค. 1 และ 2 เท่าน้นั
ง. 1 , 2 และ 3
2. สูตรโมเลกลุ ในข้อใดต่อไปนมี้ ที ้งั โมเลกลุ มขี ้วั และไม่มขี ้วั
ก. BeH2 , PF5 , BH3
ข. CO2 , PCl3 , BCl3
ค. OF2 , Cl2O, NH3
ง. H2O, HF , CHCl3