ก
ก ค าน า ด๎วยศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์ จังหวัดอุทัยธานีเป็นศูนย์ที่จัดฝึกอบรมด๎านอาชีพในท๎องถิ่นตาม พระราชด าริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ๎า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีโดยมี วัตถุประสงค์เพื่ออนุรักษ์อาชีพให๎ประชาชนมีรายได๎และเพื่อศึกษาค๎นคว๎า วิจัยพัฒนาอาชีพความรู๎ตําง ๆ จากภูมิปัญญาท๎องถิ่นตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงที่ส าคัญคือใช๎เป็นแหลํงเรียนรู๎และจัดกิจกรรม การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยในทุกรูปแบบ ได๎แกํ เป็นศูนย์สาธิต ทดลอง จัดแสดงและ จัดจ าหนํายผลิตภัณฑ์ของศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์ และผลิตภัณฑ์จากโครงการพระราชด าริ รวมถึงการ สนับสนุนประสานงานรํวมกับภาคีเครือขํายในการจัดกิจกรรมการเรียนรู๎และการศึกษาอาชีพให๎มีงานท า สร๎างรายได๎ให๎ตนเองและครอบครัว เพื่อให๎การด าเนินงานเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งศูนย์ฯ ที่เน๎นเรื่องการมีอาชีพเพื่อการมี งานท า มีรายได๎ และสืบสานอนุรักษ์อาชีพตําง ๆ ให๎คงอยูํ โดยเฉพาะในเรื่องของอาหารคาวและขนมไทย ซึ่งในจังหวัดอุทัยธานีประชากรสํวนใหญํประกอบอาชีพทางการเกษตรท าให๎มีความอุดมสมบูรณ์ของ ทรัพยากร นอกจากนี้ยังได๎น าศาสตร์พระราชามาใช๎ในการด าเนินชีวิต แตํในปัจจุบันสภาพทางเศรษฐกิจ สังคม โครงสร๎างประชากรเปลี่ยนไปมีเทคโนโลยีใหมํ ๆ เกิดขึ้นมากมายจึงท าให๎วิถีชีวิต การใช๎ชีวิตของคน รุํนใหมํเปลี่ยนไป กระแสวัฒนธรรมเรื่องการกินมีการเปลี่ยนแปลง ชีวิตคนรุํนใหมํต๎องการความสะดวก รวดเร็วไมํมีเวลาจะมาท ากิจกรรมที่ต๎องใช๎เวลายุํงยากและซับซ๎อน จึงท าให๎ภูมิปัญญาท๎องถิ่นบางอยํางก าลัง จะสูญหายไป ซึ่งหมายรวมถึงอาหารและขนมไทย ดังนั้นศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์ได๎ตระหนักถึง ความส าคัญและต๎องการสืบสานการอนุรักษ์ด๎านอาหารและขนมไทยของจังหวัดอุทัยธานีจึงได๎คัดเลือก อาหารและขนมไทยที่ก าลังจะสูญหายมาจัดท าเป็นหลักสูตรเพื่อเผยแพรํให๎ประชาชนทั่วไปได๎มีความรู๎ ความเข๎าใจ สามารถน าไปประกอบอาชีพตํอไป ศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์ ขอขอบคุณผู๎ทรงคุณวุฒิ วิทยากรวิชาชีพ และนักวิชาการศึกษาจาก ส านักงาน กศน. ที่ได๎รํวมพัฒนาหลักสูตรและจัดท าแผนการเรียนรู๎รวมทั้งสื่อตําง ๆ ให๎ส าเร็จไปด๎วยดีและ หวังเป็นอยํางยิ่งวําหลักสูตรเลํมนี้จะเป็นประโยชน์ตํอวิทยากรและผู๎เรียนตํอไป ศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์ มิถุนายน 2564
ข สารบัญ หน้า ค าน า ก ความรู้เกี่ยวกับวัสดุ อุปกรณ์ที่ใช้ในการท าอาหารและขนมไทย 1 ความรู้พื้นฐานในการจัดการเรียนรู้ตามหลักสูตรการท าขนมแดกงาและขนมข้าวโปง 13 หลักสูตรการท าขนมแดกงาและขนมข้าวโปง 14 ความเป็นมา 14 หลักการของหลักสูตร 14 จุดประสงค์ของหลักสูตร 14 จุดประสงค์การเรียนรู๎ 15 กลุํมเปูาหมาย 15 ระยะเวลา 15 โครงสร๎างหลักสูตร 15 การจัดการเรียนรู๎ 16 สื่อการเรียนรู๎ 16 การจัดกระบวนการเรียนรู๎ 16 การวัดและประเมินผล 16 การจบหลักสูตร 16 เอกสารหลักฐานการศึกษา 16 แผนการจัดกระบวนการเรียนรู้หลักสูตรการท าขนมแดกงาและขนมข้าวโปง 17 ใบความรู๎ ความเป็นมาของการท าขนมแดกงาและขนมข๎าวโปง 20 ใบความรู๎ วิธีท าการท าขนมแดกงาและขนมข๎าวโปง 21 ใบงาน แบบบันทึกการท าขนมแดกงาและขนมข๎าวโปง 23 ใบความรู๎ คุณคําทางโภชนาการของขนมแดกงาและขนมข๎าวโปง 24 ใบความรู๎ บรรจุภัณฑ์ 26 ใบความรู๎ การค านวณต๎นทุน ก าไร 30 ใบงาน การคิดต๎นทุน ก าไร 31 ใบความรู๎ ชํองทางการตลาด 33 แบบประเมินผลการจัดการศึกษาและฝึกอบรมหลักสูตระยะสั้น 38 บรรณานุกรม รายชื่อคณะผู้จัดท าหลักสูตร
ค สารบัญรูปภาพ หน้า ภาพที่ 1 เตาแก๏ส 1 ภาพที่ 2 เตาถําน 2 ภาพที่ 3 หวดนึ่งข๎าวเหนียว 4 ภาพที่ 4 ครกและสาก 5 ภาพที่ 5 ชามผสมและอํางผสม 6 ภาพที่ 6 ถาด 6 ภาพที่ 7 เครื่องชั่งขนาดใหญํ 7 ภาพที่ 8 เครื่องชั่งขนาดเล็ก 7 ภาพที่ 9 เครื่องชั่งดิจิตอล 8 ภาพที่ 10ถ๎วยตวงของเหลว 10 ภาพที่ 11 ช๎อนตวง 10 ภาพที่ 12ผ๎าขาวบาง 11 ภาพที่ 13 ทัพพี 11 ภาพที่ 14 อุปกรณ์ที่ใช๎ในการหุงต๎มและนึ่ง 12 ภาพที่ 15 ขนมแดกงาและขนมข๎าวโปง 20 ภาพที่ 16 วัตถุดิบและสํวนผสมของขนมแดกงและขนมข๎าวโปง 21 ภาพที่ 17 วิธีท าตัวขนมแดกงา 22 ภาพที่ 18 ขนมข๎าวโปง 22 ภาพที่ 19 บรรจุภัณฑ์กระดาษ 27 ภาพที่ 20 บรรจุภัณฑ์พลาสติก 27 ภาพที่ 21 บรรจุภัณฑ์โลหะ 28 ภาพที่ 22 บรรจุภัณฑ์แก๎ว 28 ภาพที่ 23 บรรจุภัณฑ์จากวัสดุธรรมชาติ 29
1 ความรู้เกี่ยวกับวัสดุและอุปกรณ์ที่ใช้ในการท าอาหารและขนมไทย วัสดุและอุปกรณ์ที่ใช้ในการท าอาหารและขนมไทย กํอนที่ผู๎เรียนจะเข๎าสูํการเริ่มต๎นท าอาหารและขนมไทย ผู๎เรียนควรเรียนรู๎เกี่ยวกับวัสดุและอุปกรณ์ ที่ใช๎ในการท าอาหารและขนมไทย ได๎แกํ เครื่องครัว เครื่องใช๎ เครื่องปรุงรสที่จ าเป็นต๎องใช๎กํอน โดยขอ แนะน าทั้งวิธีการเลือกซื้อ การเก็บรักษา และการน ามาใช๎ในการประกอบอาหารและขนมไทย ดังนี้ อุปกรณ์ในการหุงต้มประเภทเตา 1. เตาแก๊ส(Gas Stove) เตาแก๏ส มีหลักการท างานโดยทํอที่ตํอพํวงจากตัวถังมายังเตา ทํอที่แก๏สจากถังจะถูกสํงจํายเข๎า ไปภายในเตา เมื่อเปิดวาล์วควบคุมแก๏สเข๎าหัวเตา แก๏สจากทํอน าแก๏สหลักจะไหลเข๎าสูํห๎องผสม อากาศ ความเร็วของแก๏สที่ไหลเข๎ามาในห๎องผสมอากาศจะดึงดูดให๎อากาศไหลเข๎ามาผสมกัน ในขณะที่ ไหลเข๎าสูํหัวเตา จนกระทั่งเมื่อมาถึงหัวเตาจะมีสํวนผสมสํวนหนึ่งไหลเข๎าไปในทํอเล็กด๎านข๎าง ซึ่งภายในจะ มีหัวจุดน าเพื่อจุดสํวนผสมนี้ให๎ติดไฟขึ้นได๎ เตาแก๏ส มีให๎เลือกทั้งแบบเตาแก๏สตั้งโต๏ะ คือ เตาแบบ เคลื่อนย๎ายได๎และเตาฝัง ซึ่งจะต๎องท าการติดตั้งแบบบิ้วท์อินกับเฟอร์นิเจอร์ ท าให๎มีความสวยงาม แตํ ข๎อเสียคือ เคลื่อนย๎ายไมํได๎ ซึ่งการเลือกซื้อเตาแก๏สมาเพื่อการใช๎งาน ต๎องพิจารณาถึงลักษณะครัว การใช๎ งาน ความต๎องการด๎านความสวยงาม หรือการตกแตํงภายในให๎เข๎ากับห๎องครัว วิธีการเลือกซื้อ ให๎ค านึงถึงความสามารถในการท าความร๎อน มีระบบความปลอดภัยในการตัด แก๏สมีวัสดุที่ใช๎ในการผลิตที่ทนทาน เลือกหัวเตาที่ผลิตจากวัสดุที่ทนความร๎อนสูงโดยเลือกใช๎หัวเตาแก๏ส ที่ผลิตจากทองเหลือง เลือกระบบจุดติดของหัวเตาที่เหมาะสม และระบบการท างานของหัวเตาแก๏สแบบเผา ไหม๎ที่สมบูรณ์ โดยวิธีสังเกตระบบการท างานของหัวแก๏ส คือ การดูสีของเปลวไฟ ต๎องเลือกเปลวไฟที่เป็น สีฟูา และไมํมีสีแดงมาปะปน หากมีสีแดงมาปะปนจะแสดงวํามีการเผาไหม๎ไมํสมบูรณ์เป็นเหตุให๎ภาชนะ ท าความสะอาดยากและเกําเร็วกวําปกติ และจะท าให๎มีความสิ้นเปลืองแก๏สมากกวําปกติ วิธีการใช้งาน จัดเตรียมอาหารและขนมที่จะหุงต๎มไว๎ให๎เรียบร๎อย เลือกขนาดของภาชนะที่จะใช๎ หุงต๎มให๎เหมาะกับหัวเตา ท าการเปิดวาล์วที่ถังแก๏ส จุดไฟที่หัวเตาพร๎อมกับเปิดวาล์วที่หัวเตา ให๎หมุนเปิด วาล์วเพียงเล็กน๎อยเพื่อให๎แก๏สออกมาน๎อย ปูองกันไมํให๎เปลวไฟลุก เมื่อไฟที่หัวเตาติดจึงปรับเพิ่มไฟตามที่ ต๎องการ เมื่อหุงต๎มอาหารและขนมเสร็จเรียบร๎อยจึงปิดวาล์วที่หัวเตาและถังแก๏ส วิธีการเก็บรักษา การท าความสะอาดสํวนที่เป็นโครงเหล็กและฝาหัวเตา ให๎ถอดท าความสะอาด โดยใช๎ฟองน้ าหรือผ๎านุํมชุบน้ าสบูํเช็ดให๎สะอาด และน าไปล๎างด๎วยน้ าสะอาดผึ่งให๎แห๎ง ส าหรับฝาหัวเตาเมื่อ ใช๎งานเป็นระยะเวลานาน อาจมีเศษอาหารหรือเขมําอุดตันตามรูชํองไฟได๎ ให๎ใช๎ลวดหรือแปรงขัดท าความ สะอาด และด๎านข๎างให๎ใช๎ฟองน้ าหรือผ๎านุํมชุบน้ าสบูํเช็ด น าผ๎าสะอาดเช็ดอีกครั้งให๎แห๎ง ภาพที่ 1 : เตาแก๏ส โดยศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์
2 2. เตาถ่าน(Charcoal Stove) เตาอั้งโลํ หรือเตาถําน เป็นอุปกรณ์ส าหรับหุงต๎มอาหารมาตั้งแตํสมัยโบราณ ถึงแม๎ปัจจุบัน เทคโนโลยีจะก๎าวหน๎าไปไกล แตํเตาถํานก็ยังมีให๎เห็นในการใช๎ส าหรับหุงต๎มประกอบอาหารกันมาจนถึง ปัจจุบัน ซึ่งขั้นตอนการท าเตานั้นถือได๎วําเป็นภูมิปัญญาดั้งเดิมของคนไทย วัตถุดิบส าคัญที่ใช๎ในการผลิตเตา ให๎ได๎คุณภาพนั้นคือดินเหนียว ดังนั้นดินเหนียวที่มีคุณภาพดียํอมท าให๎เตามีความแข็งแรงและมีอายุการใช๎ งานได๎นานขึ้น วิธีการเลือกซื้อ วิธีการเลือกซื้อเตาที่มาใช๎ในครัวเรือนส าหรับหุงต๎ม ให๎ค านึงถึงความแข็งแรง ทนทาน และประหยัดพลังงาน ซึ่งสามารถประหยัดพลังงานได๎มากกวํา 95% และสามารถหุงต๎มอาหารได๎ เร็วเหมือนใช๎แก๏ส และควรเลือกที่ได๎รับการรับรองมาตรฐานสินค๎าจากอุตสาหกรรม ได๎รับอนุญาตให๎แสดง เครื่องหมายมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน วิธีการใช้งาน ต๎องจัดเตรียมพื้นที่ส าหรับจะใช๎กํอไฟ และวัสดุเชื้อเพลิงที่จะใช๎ส าหรับกํอไฟ สํวนมากใช๎ถําน โดยเว๎นสํวนตรงกลางไว๎ให๎เป็นรูตรงกลางเล็กน๎อย และไมํควรวางถํานแนํนจนเกินไปเพราะ อากาศจะเข๎าไมํได๎จากนั้นน ากระดาษทิชชูํ หรือเศษกระดาษที่แห๎ง ประมาณ 1 ก ามือ มาชุบน้ ามันพืชที่ใช๎ แล๎ว แล๎ววางลงตรงกลางเตาถําน(สํวนที่เว๎นไว๎) ใช๎ไฟแช็คจุดไฟที่กระดาษ รอจนไฟติดสักพัก ชํวงแรกจะมี ควันสีขาวออกมาเยอะ รอสักพักสังเกตวําเมื่อถํานติดไฟถํานจะมีสีแดงและควันสีขาวจะลดลง วิธีการเก็บรักษา ควรเก็บเตาไว๎ในที่รํม ไมํให๎โดนฝนและแดด เพื่อการใช๎งานที่ยาวนาน เมื่อใช๎เตา เสร็จแล๎ว ควรตรวจดูถํานที่อยูํในเตาให๎เผาไหม๎หมดจนเป็นถําน จากนั้นเช็ดท าความสะอาดเตาและน าถําน ออกจากเตาให๎หมด ใช๎แปรงขนาดเล็กมาขัดให๎ทั่วทั้งเตา คราบตําง ๆ ก็จะหลุดออกได๎อยํางงํายดาย และใช๎ ผ๎าเช็ดเตาให๎ทั่ว เช็ดให๎สะอาด อุปกรณ์ที่ใช้ในครัวเรือน 1. หวดนึ่งข้าวเหนียว หวด ก็เป็นเครื่องใช๎อยํางหนึ่งที่เกี่ยวข๎องกับชีวิตประจ าวันของชาวบ๎านทุกวัน จะต๎องใช๎หวดนึ่ง ข๎าวเป็นประจ า การนึ่งข๎าวเหนียวด๎วยหวดนั้น นับวําเป็นวิธีงํายและสะดวกที่สุด ดังนั้น หวดนึ่งข้าว จึงเป็น เครื่องใช๎ที่ชาวบ๎าน สามารถสร๎างรายได๎ให๎กับครอบครัวโดยท าเป็นอาชีพเสริมได๎ เพราะนอกจากจะใช๎หวด นึ่งข๎าวแล๎ว ยังสามารถดัดแปลงหวดเป็นเครื่องใช๎อยํางอื่นได๎ด๎วย เชํน น าไปประดิษฐ์ตกแตํงเป็นโคมไฟ ภาพที่ 2 : เตาถําน โดย http://www.thaicuisinenetwork.com
3 ตกแตํงร๎านค๎า ประดิษฐ์เป็นหน๎ากากแสดงในการแหํผีตาโขน และอื่นๆ ได๎อีกมากมาย เป็นภาชนะที่ใช๎ใน การนึ่งข๎าวเหนียว ที่พบเห็นได๎ทั่วไปใน ภาคเหนือ ภาคอีสานของไทย และในประเทศเพื่อนบ๎านอยําง สปป. ลาว และกัมพูชา ท าจากไม๎หรือไม๎ไผํ ที่มีชื่อเรียกตํางๆ กันดังนี้ 1. ไหข๎าว ท าจากการขุดไม๎ทั้งล าต๎นให๎เป็นตัวหวดและฝาปิด (ท่อนบน) ส าหรับใสํข๎าวในการนึ่ง ทํอนลํางเป็นไม๎เนื้อแข็งหนา เพื่อบรรจุน้ าส าหรับต๎มให๎ร๎อน ใช๎กับเตาฟืน ข๎าวที่นึ่งสุกจะได๎กลิ่นหอมจากไม๎ ที่ใช๎ท าหวด และกลิ่นควันไฟจากฟืนด๎วย สมัยผู๎เขียนยังเป็นเด็กพบวํา มีการใช๎หม๎อดินเผาในทํอนลํางที่ทน การไหม๎ไฟได๎ดีกวํา แตํก็เปราะแตกงําย การใช๎งานต๎องระวังมากกวําแบบเป็นไม๎(ดินเผาถ้าท าให้หนาก็จะ หนัก แม่บ้านยกล าบากอีก) ยังมีใช๎กันในภาคเหนือ ตัวหวดท าด๎วยไม๎สัก สมัยตํอมาก็พัฒนาจากไม๎มาเป็น เหล็กและอลูมิเนียมที่เบากวํา (ผู้เขียนพบว่า มีขายและนิยมใช้กันมากใน สปป. ลาว) และคงพัฒนามาเป็น "ซึง" เพื่อนึ่งสิ่งตํางๆ ในปัจจุบัน แตํไมํนิยมน ามานึ่งข๎าวเหนียวแล๎ว 2. มวยนึ่งข๎าว จะสานจากไม๎ไผํสองถึงสามชั้น ด๎านบนกว๎างกวําด๎านลําง มีขอบไม๎ไผํโดยรอบเพื่อ ท าให๎แข็งแรง ไมํขาดงํายในการยกหวดขึ้นลง สํวนลํางที่เล็กกวําจะมีวงรัศมีน๎อยกวําปากหม๎อ มีแผํนลิ้นสาน ด๎วยไมํไผํลายขัดรอง เพื่อกันไมํให๎ข๎าวเหนียวรํวงลงน้ า และจะมีรูจากการสานที่ไอน้ าสามารถลอดผํานขึ้นมา ให๎ข๎าวเหนียวสุกได๎โดยทั่วถึง สามารถเปลี่ยนแผํนลิ้นได๎ถ๎าขาดหรือช ารุด มวยจึงใช๎งานได๎นาน (แต่ราคาแพง เพราะท ายากกว่าหวด จึงไม่ค่อยเห็นกันมากนักในปัจจุบัน เว้นแต่หมู่บ้านที่ยังสามารถสานมวยได้เอง) 3. หวดนึ่งข๎าว สานด๎วยไม๎ไผํเชํนเดียวกับมวย แตํสานเพียง 1-2 ชั้น ขึ้นรูปจากด๎านลํางไปด๎านบน แล๎วเก็บขอบให๎ดูเรียบร๎อย ไมํคํอยทนมากนัก ใช๎ไปนานๆ ขอบด๎านบนจะช ารุดขาดวิ่น สํวนก๎นหวดที่เป็น รอยพับก็มักจะทะลุ อันเนื่องมาจากตอกไม๎ไผํที่ใช๎สานสํวนนั้นถูกหักงอให๎มีรูปทรงเฉพาะ เมื่อใช๎งานโดน ความร๎อนมากๆ นานเข๎าก็จะขาด และอาจเป็นเพราะการใช๎งานเมื่ออุํนข๎าวเหนียวอีกครั้ง ข๎าวเหนียวมักจะ ติดที่ก๎นหวดหากไมํพรมน้ าใหํชุํมกํอน เมื่อตอนเทข๎าวเหนียวออกจากหวดใสํโบม เพื่อสํายให๎คลายความร๎อน และลดปริมาณไอน้ า จะยังมีข๎าวเหนียวบางสํวนที่ติดอยูํก๎นหวด ก็จะถูกไมํค๎อนด๎าม (ไม้ส่ายข้าว) ขูดเอา ข๎าวออกจากหวดท าให๎ก๎นหวดบริเวณนั้นทะลุได๎ วิธีการเลือกซื้อ วัตถุดิบ คือ ไม๎ไผํ ในอดีตใช๎ไม๎ไผํพุงที่ขึ้นอยูํตามเชิงเขาเพราะมีข๎อที่ยาวเหมากับ การสานหวด ใช๎ไม๎ไผํบ๎านอายุประมาณ 3 ปี มีข๎อยาวซึ่งจะท าให๎ได๎ตอกที่ไมํมีข๎อตรงกลาง เป็นไม๎ไผํที่แกํ พอดี ไมํหดตัว มอดไมํกิน (อาจใช้วิธีการรมควันช่วยก าจัดมอด) สานด๎วยไมํไผํ 2 ชั้น 3 ชั้น เพื่อเสริมความ แข็งแรงคงทนถาวรด๎วยการสานเย็บติดก๎นหวดอีกชั้นหนึ่งเน๎นวัตถุดิบจากธรรมชาติที่หาได๎ในท๎องถิ่น ปลอด สารเคมี วิธีการใช้งาน เตรียมแชํข๎าวเหนียวประมาณ 3 - 4 ชั่วโมง แล๎วจึงน าข๎าวเหนียวที่แชํแล๎วใสํหวด เติมน้ าลงในหม๎ออลูมิเนียมที่ใช๎หุงข๎าวเหนียวประมาณครึ่งนึงของฐานหรือ 1 ข๎อนิ้วชี้น าข๎าวเหนียวที่แชํได๎ที่ แล๎ว เทลงไปในหวด ใสํได๎เต็มปากหวดพอดีน าหวดที่มีข๎าวเหนียวใสํลงไปในหม๎ออลูมิเนียม เมื่อน้ าที่ใสํไป แห๎งลงข๎าวเหนียวก็จะสุก วิธีการเก็บรักษา หลังจากการใช๎งานเสร็จแล๎วล๎างท าความสะอาดหวดและหม๎ออลูมิเนียม เช็ด เบาๆให๎ทั่ว แล๎วน าไปผึ่งให๎แห๎ง เก็บไว๎ในที่ไมํอับชื้น อากาศถํายเทได๎สะดวก
4 2. ครกไม้/สาก ครกต าข๎าวโบราณ หรือครกไม๎ จะมีชื่อเรียกแตกตํางกันไป เชํน ครกซ๎อมมือ ครกต าข๎าว เป็นต๎น ครกต าข๎าวโบราณ ชาวบ๎านจะใช๎ส าหรับต าข๎าวเปลือก ต างา ต าถั่ว ต าข๎าวเมํา ต าขนมจีน แตํสํวนใหญํใน สมัยกํอนมุํงใช๎เพื่อต าข๎าวเปลือกเป็นหลักเพราะในสมัยโบราณไมํมีโรงสีข๎าวเหมือนในปัจจุบัน ชาวบ๎านจึง ต๎องหาวิธีต าข๎าวเปลือกให๎เป็นเม็ดข๎าวสารไว๎ส าหรับหุงกิน จึงคิดประดิษฐ์ครกที่ท าจากไม๎ขึ้นมา นอกจาก ครกไม๎แล๎วยังต๎องมีสากไม๎ ซึ่งการท าสากจะท าได๎ 2 วิธี คือ 1. สากมือ ท าด๎วยไม๎เนื้อแข็งมีความยาวประมาณ 2 เมตร ลักษณะปลายทั้งสองข๎างโค๎งมน หัวสาก จะมนใหญํปลายสากจะมนเรียวเล็ก ตรงกลางล าตัวสากคอดพอดีกับมือ ปลายสากมีไว๎ต าข๎าวต า หัวสากมีไว๎ ต าข๎าวซ๎อมมือ 2. สากชนิดใช๎ไม๎ 2 ทํอนคือ ทํอนหนึ่งส าหรับต า อีกทํอนหนึ่งเป็นมือจับ เรียกวําสากโยนหรือสาก มือ วิธีการเลือกซื้อ ควรเลือกซื้อครกไม๎และสากที่เป็นไม๎เนื้อแข็ง เชํนไม๎ประดูํ ไม๎แดง ไม๎เต็ง ไม๎มะคํา ไม๎พะยอม ไม๎แต๎มขนาดใหญํ เป็นต๎น โดยจะตัดทํอนไม๎ให๎มีความยาวประมาณ 1 เมตรหรือประมาณ 80 – 90 เซนติเมตร มีเส๎นผําศูนย์กลางประมาณ 50 - 60 เซนติเมตร ตัดหัวตัดท๎ายให๎ผิวเรียบเสมอกัน เพราะเมื่อเวลาน าครกไปตั้งไว๎ ครกจะได๎ตั้งได๎ตรงไมํกระดกเอียงไปมาได๎ วิธีการใช้งาน น าข๎าวเหนียวที่นึ่งไว๎แล๎วมาเทลงในครกจ านวนพอเหมาะใช๎คนต าสองคนมีจังหวะการต าที่ไมํพร๎อม กัน ใช๎เวลาในการต าข๎าวนานจนกวําข๎าวเหนียวและงาจะเข๎ากัน ข๎อดีของการต าข๎าวด๎วยครกไม๎/ครกมือ คือเลือกสถานที่และเคลื่อนย๎ายที่ต าได๎ตามต๎องการ เพราะ ครกไม๎/ครกมือไมํได๎ฝังลงในดินนอกจากนี้ครกไม๎/ครกมือใช๎คนต าจ านวนน๎อยประมาณ 2 – 3 คน ข๎อเสียของครกไม๎/ครกมือ คือใช๎เวลาการต านาน ออกแรงมาก ท าให๎เหนื่อยเร็วและได๎ข๎าวจ านวน น๎อย ในสมัยกํอนครกต าข๎าวโบราณหรือครกไม๎เป็นเครื่องใช๎ที่มีแทบทุกครัวเรือน ภาพที่ 3 : หวดนึ่งข๎าวเหนียว โดย https://chrishomekitchen.com
5 3. ชามผสมหรืออ่างผสม (Mixing Bowls) ชามผสม หรืออํางผสม (นรารัตน์ เล็กสิงห์โต, ม.ป.ป.) กลําววํา อํางผสมมีหลายขนาด ท าด๎วยวัสดุ หลายชนิด เชํน สแตนเลส อลูมิเนียม แก๎ว พลาสติก เป็นต๎น ใช๎ส าหรับคลุกเคล๎าสํวนผสมตําง ๆ มีหลายชนิด หลายขนาด แบํงตามวัสดุ และการใช๎งานได๎ ดังนี้ - อ่างสแตนเลส มีความหนา หนักและทนทาน เหมาะส าหรับผสมอาหาร หรือใช๎เป็นภาชนะ ส าหรับการจัดเตรียมอาหาร เชํน ล๎างผัก ผลไม๎ หรือเป็นภาชนะส าหรับใสํอาหาร เป็นต๎น - อ่างผสมแก้ว มีความหนา ใส และมีน้ าหนัก มีทั้งแก๎วทนไฟและแก๎วใส เหมาะส าหรับการ ท าอาหารเพื่อการสาธิต ซึ่งท าให๎เห็นอาหารได๎ชัดเจน ท าความสะอาดได๎งําย - อ่างผสมเคลือบ การผสมอาหารบางชนิดควรใช๎อํางผสมเคลือบในการประกอบอาหาร เชํน อาหารที่มีสํวนผสม น้ าปูนใส เกลือ ไขํ ถ๎าเป็นภาชนะประเภทโลหะ เหล็ก หรืออลูมิเนียม ซึ่งสารประกอบ โลหะอาจท าให๎เกิดการปนเปื้อนลงในอาหาร อันกํอให๎เกิดอันตรายได๎ดังนั้นการใช๎ชามหรืออํางผสมเคลือบ ให๎เหมาะสมกับอาหารที่เป็นกรด ควรระมัดระวังอยําให๎ตกจะท าให๎สํวนที่เคลือบกะเทาะออก - อ่างผสมอลูมิเนียม ไมํเหมาะสมส าหรับน ามาอาหารที่มีรสเปรี้ยวหรือน ามาตีไขํ -อ่างผสมพลาสติก เป็นภาชนะที่เหมาะสมกับการเตรียมอาหารที่หมัก สะดวกสบายในการหยิบจับ อํางพลาสติกไมํเหมาะส าหรับการตีไขํหรือน ามาผสมอาหาร - อ่างผสมกระเบื้อง เหมาะส าหรับกับการผสมอาหารทุกชนิด ภาชนะกระเบื้องทนตํอความเป็น กรดและดํางได๎ดี การเลือกซื้อ ควรเลือกขนาดให๎เหมาะสมกับปริมาณของอาหารและการใช๎งาน ข๎อส าคัญไมํควร เป็นสนิม เลือกซื้อตามวัตถุประสงค์การใช๎สอย ควรเลือกอํางที่มีรูปรํางโค๎งเรียบไมํหักมุมเพื่อชํวยในการผสม และท าความสะอาดได๎งําย วิธีการใช้งาน การใช๎งานของอํางผสมแตํละชนิดควรใช๎ให๎เหมาะสมกับงานหรือชนิดของอาหารที่จะเตรียมหรือปรุง ตลอดจนปริมาณของอาหารเพราะอํางมีขนาดใหญํเกินไปอาหารก็จะดูน๎อยภาชนะ หรืออํางเล็กเกินไป อาหารก็จะล๎น โดยมีหลักพิจารณา ดังนี้ ภาพที่ 4 : ครกและสาก โดยศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์
6 1. อํางผสมเคลือบ แก๎ว สแตนเลส เหมาะส าหรับอาหารที่มีสภาพเป็นกรด 2. อํางผสมอะลูมิเนียมไมํเหมาะส าหรับอาหารที่มีสภาพเป็นดําง - กรด เมื่ออาหารท าปฏิกิริยากับ อะลูมิเนียม ท าให๎อาหารมีสีคล้ าไมํนํารับประทานอาหาร เป็นต๎น ข๎อสังเกตอํางผสมที่เป็นเครื่องแก๎ว เครื่อง เคลือบจะใช๎ในการตีไขํได๎ขึ้นกวําที่ท าด๎วยอะลูมิเนียม เพราะไขํมีฤทธิ์เป็นดํางจะไมํท าปฏิกิริยากับภาชนะ อื่นยกเว๎นอะลูมิเนียม การดูแลรักษา เมื่อใช๎แล๎วควรล๎างท าความสะอาด เช็ดให๎แห๎ง หรือตากแดดเก็บในที่โปรํง และ อากาศถํายเท 4. ถาด (Tray) ถาด โดยทั่วไปท าด๎วยวัสดุเหล็กผสมดีบุก ภาชนะเคลือบ สังกะสีมีรูปรํางตํางๆกัน เชํน รูปสี่เหลี่ยม กลมลึก รูปไขํ เป็นต๎น การใช๎งานสํวนใหญํมักใช๎วางวัตถุดิบ และสํวนผสมส าหรับเตรียมกํอนขั้นตอนการท า หรือน าเข๎าเตาอบ ตามแตํวัตถุประสงค์ในการใช๎งาน การเลือกซื้อ ควรเลือกซื้อให๎เหมาะสมตามประโยชน์ใช๎สอย วิธีการใช้งาน ส าหรับการใช๎ถาดเพื่อวางขนมส าหรับพักรอตกแตํงหน๎าขนม การเก็บรักษา เมื่อใช๎แล๎วควรล๎างให๎สะอาด และผึ่งให๎แห๎ง ภาพที่ 5 : ชามผสมหรืออํางผสม โดยศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์ ภาพที่ 6 : ถาด โดยศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์
7 5. เครื่องชั่ง (Scale) เครื่องชั่งที่ใช้กันอยู่ทั่วไปมี 3 ขนาด คือ 5.1 เครื่องชั่งขนาดใหญํ ส าหรับชั่งสํวนผสมที่มีจ านวนมาก ซึ่งในการประกอบอาหารในปัจจุบัน นิยมใช๎การชั่งมากกวําการตวง การชั่งจะชํวยในการประหยัดเวลา และมีความเที่ยงตรงได๎เป็นอยํางดี เครื่องชั่ง ขนาดใหญํมีน้ าหนักตั้งแตํ 15 – 30 กิโลกรัม วัสดุเคลือบสีปูองกันสนิม การเคลื่อนย๎ายไมํควรหิ้วเพราะจะ ท าให๎เกิดการคลาดเคลื่อนไมํเที่ยงตรง ภาพที่ 7 : เครื่องชั่งขนาดใหญํ โดย ศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์ 5.2 เครื่องชั่งขนาดเล็ก เหมาะส าหรับการชั่งเครื่องปรุงจ านวนน๎อย น้ าหนักตั้งแตํ 500 –1,000กรัม ไมํเกิน 2,000 กรัม ท าด๎วยโลหะหรือพลาสติกเหนียว ส าหรับเครื่องชั่งบางชนิดสามารถแยกจานออกเพื่อเท สํวนผสม เชํน เกลือ ผงฟู การดูแลเครื่องชั่ง ควรระมัดระวังการตกหลํนอาจจะท าให๎เครื่องชั่งแตกหักได๎งําย ภาพที่ 8 : เครื่องชั่งขนาดเล็ก โดย ศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์ 5.3 เครื่องชั่งดิจิตอล เป็นเครื่องมือที่ใช๎วัดน้ าหนักของวัตถุหรือสิ่งของตําง ๆ ซึ่งสามารถแสดง หนํวยวัดได๎หลากหลาย เชํน กรัม (g) ออนซ์ (oz) ปอนด์ (Ib) กิโลกรัม (Kg) กะรัต (ct) เป็นต๎น ชํวยในการ วัดปริมาณน้ าหนักได๎อยํางละเอียดแมํนย า และรวดเร็ว ซึ่งแตํละชนิดมีคุณสมบัติการใช๎งานที่แตกตํางกัน เชํน มีระบบปิดเครื่องอัตโนมัติ ค านวณปริมาณการชั่งได๎ละเอียดและชัดเจน คุณสมบัติของเครื่องชั่งดิจิตอล ที่ดี ต๎องมีความแข็งแรง สามารถกันน้ า ฝุุนละออง ความร๎อนได๎ และมีอายุการใช๎งานที่ยาวนาน
8 ภาพที่ 9 : เครื่องชั่งดิจิตอล โดย ศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์ วิธีการเลือกซื้อ 1. ต๎องทราบถึงวัตถุประสงค์วําจะน าไปใช๎ชั่งอะไร น้ าหนักที่ชั่งไมํเกินเทําไร และคําอํานละเอียด ของเครื่องชั่งเทําไหรํ สํวนผสมที่จะใช๎ชั่งมีขนาดเล็กหรือใหญํ ปริมาณเทําไหรํ จะต๎องใช๎เครื่องชั่งแบบ ดิจิตอล หรือเครื่องชั่งแบบเข็ม เป็นต๎น 2. ศึกษาที่มาหรือแหลํงผลิต วําสินค๎าน าเข๎าหรือผลิตในประเทศ ถ๎าสินค๎าผลิตในประเทศจะมีน๎อย สํวนมากจะเป็นสินค๎าน าเข๎า ได๎แกํ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุุน เกาหลี ไต๎หวัน และจีน 3. ศึกษาข๎อมูลการใช๎งาน เครื่องชั่งแตํละชนิดจะมีข๎อมูลการใช๎งานที่แตกตํางกันออกไป การเลือก ข๎อมูลของเครื่องชั่งควรจะเหมาะสมกับความต๎องการของผู๎ใช๎ 4. ศึกษาโครงสร๎างและอุปกรณ์เครื่องชั่ง ผู๎ใช๎งานควรค านึงถึงสภาวะแวดล๎อมที่จะใช๎เครื่องชั่ง และ ลักษณะการชั่ง ทั้งนี้เพื่ออายุการใช๎งานที่นานขึ้น โดยเช็คสํวนประกอบเครื่องชั่ง ดังนี้ 4.1 จอแสดงน้ าหนัก พลาสติกเอบีเอส หรือสแตนเลส มีการปูองกันฝุุนและน้ าหรือไมํ 4.2 วิธีการเปลี่ยนแบตเตอรี่ และการซํอมแซม 4.3 แทํนชั่งโครงสร๎างเหล็กแข็งแรงหรือไมํจุดเชื่อม ความหนาของแทํนชั่ง โหลดเซลล์ มีคุณภาพดี หรือไมํ และปูองกันความชื้นได๎หรือไมํ 5. บริการหลังการขายเป็นสิ่งส าคัญในการบ ารุงรักษา ตรวจเช็คคําน้ าหนักอยํางสม่ าเสมอ หรือหากช ารุด เสียหาย สามารถหาซื้ออะไหลํได๎งําย 6. เครื่องชั่งควรได๎รับมาตรฐาน และต๎องผํานการตรวจรับรองจากกองชั่งตวงวัด กรมการค๎าภายใน กระทรวงพาณิชย์ วิธีการใช้งาน 1. เครื่องชั่งมีทั้งขนาดใหญํ และขนาดเล็ก เครื่องชั่งมีตั้งแตํขนาด 500 กรัม 1 กิโลกรัม และ 7 กิโลกรัม เป็นต๎นไป ท าจากพลาสติก โลหะ ชนิดที่ท าจากโลหะมีความทนทานกวําพลาสติก การเลือกเครื่องชั่งที่ใช๎ใน ครัวเรือนควรเลือกเครื่องชั่งที่มีความละเอียดขนาด 500 กรัม หรือ 1 กิโลกรัม (สมบูรณ์ มั่นความดี, 2558) 2. โต๏ะส าหรับวางเครื่องชั่งจะต๎องมั่นคงแข็งแรงไมํสั่นไมํแอํนตัว 3. เครื่องชั่งจะต๎องตั้งระดับลูกน้ าเพื่อให๎เครื่องชั่งสมดุล 4. ขาของเครื่องชั่งทุกขาจะต๎องตั้งบนพื้นตลอดเวลา 5. เปิดเครื่องทิ้งไว๎ประมาณ 15 – 30 นาที กํอนใช๎งานดูคําเริ่มต๎นของเครื่องชั่ง โดยเครื่องชั่ง ดิจิตอลให๎เริ่มจาก 0.00 หรือเครื่องชั่งแบบเข็มให๎เข็มชี้ไปที่เลข 0 เทํานั้น
9 6. การชั่งน้ าหนักต๎องวางสิ่งที่ต๎องการชั่งตรงกลางจานชั่ง 7. ควรรีบน าสิ่งของที่ชั่งออกจากจานชั่งเมื่อชั่งเสร็จแล๎ว เพื่อหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ และความชื้นภายในเครื่องชั่ง 8. อุณหภูมิภายในห๎องเครื่องชั่งควรคงที่ เนื่องจากอุณหภูมิที่เปลี่ยนไป 1 องศาจะท าให๎เครื่องชั่ง อํานคําผิดไป 1 -2 สํวนในล๎านสํวน และไมํควรชั่งของขณะร๎อน ต๎องรอให๎เย็นลงจนถึงอุณหภูมิห๎องเสียกํอน 9. ปูองกันกระแสลมจากเครื่องปรับอากาศหรือเครื่องมือที่ท าให๎เกิดกระแสลม ซึ่งจะรบกวนการชั่ง 10. การชั่งน้ าหนักควรชั่งในชํวง 1/3 - 2/3 ของคําพิกัดสูงสุดของเครื่องชั่ง 11. ไมํควรชั่งน้ าหนักเกินคําพิกัดสูงสุดของเครื่องชั่ง 12. ห๎ามชั่งสารเคมีหรือวัสดุตําง ๆ บนจานชั่งโดยตรง 13. วางเครื่องชั่งให๎หํางจากหน๎าตําง เพราะแสงสวํางจากดวงอาทิตย์อาจท าให๎คําน้ าหนักไมํแมํนย า วิธีการดูแลรักษา 1. เก็บในอุณหภูมิที่เหมาะสม ไมํร๎อน หรือชื้นจนเกินไป 2. ไมํควรชั่งของที่มีน้ าหนักเกินพิกัดของเครื่องชั่ง 3. ปิดรูเพื่อปูองกันหนูและแมลงสาบเข๎าไปท าลายแผงวงจร 4. ไมํควรเสียบชาร์จแบตเตอรี่ในระหวํางการใช๎งาน 5. ท าความสะอาดเครื่องชั่งอยูํเสมอ หรือทุกครั้งหลังใช๎งาน 6. ถ้วยตวงของเหลว (Liquid measuring cup) ถ๎วยตวงของเหลว ใช๎ส าหรับตวงสํวนผสมที่เป็นน้ า หรือของเหลวที่สามารถไหลรินได๎ เชํน น้ า นม น้ ามัน น้ าเชื่อม น้ ากะทิ เป็นต๎น ถ๎วยตวงชนิดนี้มักท ามาจากวัสดุที่โปรํงใส เชํน แก๎ว หรือพลาสติกใส เพื่อ สามารถมองเห็นของที่น ามาตวงได๎ชัดเจน ผิวด๎านนอกของถ๎วยตวงชนิดนี้ จะมีขีดแสดงเครื่องหมาย และ ตัวเลขก ากับติดอยูํเพื่อบอกคําปริมาตรถ๎วยตวง 1 ใบ สามารถบอกคําปริมาตรไว๎หลายมาตรา เชํน 1 ถ๎วยตวง มีขีดแสดงเครื่องหมาย และมีเลขก ากับบอกปริมาตรเป็นถ๎วยตวง เชํน 1/4 1/3 2/3 1/2 3/4 และ 1 ถ๎วยตวง ไว๎ด๎านหนึ่ง อีกด๎านหนึ่งบอกปริมาตรเป็นออนซ์ เชํน 2 4 6 และ 8 ออนซ์ หรือบอกปริมาตรเป็นลิตร ปอนด์ ไปน์ เป็นต๎น ในอุตสาหกรรมขนาดใหญํ ถ๎าจะตวงของเหลวเป็นจ านวนมาก ๆ อาจใช๎ถ๎วยตวงขนาดใหญํ ที่มีขนาดบอกปริมาตรมากกวํา 1 ถ๎วย จะสะดวกและรวดเร็วกวํา การเลือกซื้อ ควรเลือกซื้อถ๎วยตวงที่มีขีดบอกปริมาตรได๎งําย และชัดเจน ท าจากวัสดุโปรํงใส และ ทนความร๎อนได๎ดี วิธีการใช้งาน วางถ๎วยตวงบนพื้นราบเรียบ ใช๎มือหนึ่งจับหูถ๎วยตวง อีกมือหนึ่งเทสํวนผสมที่ ต๎องการตวงลงในถ๎วยตวงให๎ได๎ปริมาตร การดูแลรักษา - ห๎ามให๎ถ๎วยตวงแก๎วตกพื้นเพราะจะท าให๎แตกร๎าว หรือบิ่นได๎ - ใช๎ผ๎านุํมๆ หรือฟองน้ าจุํมน้ ายาล๎างจานเช็ดถูให๎ทั่ว ล๎างด๎วยน้ าสะอาด 2-3 น้ า หรือจนกวําจะ สะอาด - คว่ าให๎สะเด็ดน้ า และแห๎งสนิท น าเก็บเข๎าที่ให๎เป็นระเบียบเรียบร๎อย ไมํควรใช๎ผ๎าเช็ดให๎แห๎ง เพราะจะท าให๎แก๎วขุํนมัว ไมํใสสะอาด
10 7. ช้อนตวง (Measuring spoon) ช๎อนตวงที่นิยมใช๎กันทั่วไป และมีจ าหนํายอยูํในท๎องตลาด มักท าด๎วยวัสดุที่เป็นอลูมิเนียม สเตนเลส และพลาสติก ใช๎ส าหรับตวงของแห๎ง และของเหลวที่มีปริมาณเพียงเล็กน๎อย มีด๎วยกัน 4 ขนาด เรียกวํา 1 ชุด ประกอบด๎วย - ขนาด 1 ช๎อนโต๏ะ (1 Table spoon) - ขนาด 1 ช๎อนชา (1 Tea spoon) - ขนาด 1/2 ช๎อนชา (1/2 Tea spoon) - ขนาด 1/4 ช๎อนชา (1/4 Tea spoon) การเลือกซื้อ ควรเลือกซื้อชนิดที่ท าด๎วยวัสดุที่แข็งแรง ทนตํอการใช๎งาน มีตัวเลขบอกขนาดให๎เห็น ชัดเจนที่ด๎ามจับช๎อนตวง วิธีการใช้งาน ใช๎ตวงสํวนผสมที่เป็นของแห๎งและของเหลวในปริมาณไมํมาก โดยใช๎มือข๎างหนึ่งจับ ด๎ามช๎อนตวง ตักสํวนผสมที่ต๎องการตวงให๎เต็มพอดีกับขอบช๎อนตวงขนาดที่ต๎องการ ในกรณีตวงสํวนผสมที่ เป็นของเหลว ส าหรับสํวนผสมที่เป็นของแห๎ง ให๎ใช๎ช๎อนตวงขนาดที่ต๎องการตักของแห๎งให๎พูนช๎อน ใช๎ที่ปาด (Spatula) หรือวัสดุที่เรียบตรง ปาดสํวนผสมที่เกินพูนช๎อนตวงออก ให๎เหลือสํวนผสมที่ต๎องการอยูํในช๎อน ตวงเรียบเสมอปากขอบช๎อนตวง การดูแลรักษา ดูแลอยําให๎ช๎อนตวงแยกหลุดออกจากหํวงคล๎อง เพื่อจะได๎อยูํครบชุด ไมํสูญหาย เมื่อใช๎เสร็จแล๎วควรล๎างท าความสะอาดทันที และใช๎ผ๎าสะอาดเช็ดให๎แห๎งสนิทน าเก็บเข๎าที่ให๎เรียบร๎อย ภาพที่ 10 : ถ๎วยตวงของเหลว โดยศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์ ภาพที่ 11 : ช๎อนตวง โดยศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์
11 8. ผ้าขาวบาง ผ๎าขาวบาง มีลักษณะเป็นผ๎าสีขาว บาง โปรํง คล๎ายผ๎ามุ๎ง แตํมีความสะอาด ความกว๎างของผ๎าขาว บางจะมีขนาดไมํเทํากัน ตามสภาพการใช๎งาน สํวนใหญํจะน ามากรองสิ่งที่ไมํพึงประสงค์ไมํให๎เข๎าลงไปผสม กับอาหาร ขนม หรือน้ าที่จะรับประทาน การเลือกซื้อ ควรเลือกซื้อผ๎าขาวบางที่มีลักษณะสะอาดใหมํ ไมํมีสิ่งสกปรกติดอยูํ วิธีการใช้งาน ใช๎ส าหรับกรองสํวนผสมเพื่อแยกกากหรือสิ่งตําง ๆ ออกจากสํวนที่เป็นของเหลว หรือคลุมอาหารและขนมเพื่อปูองกันสิ่งสกปรก หรือไมํให๎ขนมแห๎ง การเก็บรักษา เมื่อใช๎งานแล๎วควรซักท าความสะอาดสิ่งสกปรก และผึ่งให๎แห๎งกํอนจัดเก็บ 9. ทัพพี ทัพพีเป็นภาชนะตักอาหาร ทัพพีในปัจจุบันท าจากสังกะสี อะลูมิเนียม ทองแดง หรือพลาสติก เป็นต๎น การเลือกซื้อ การเลือกทัพพีให๎ค านึงถึงวัตถุประสงค์ในการใช๎งาน เชํน ใช๎ส าหรับ ท าอาหาร ทอด ผัด เจียว คั่ว หรือใช๎ส าหรับตักน้ าซุป น้ าแกง หรือ น้ าจิ้ม เลือกตัวด๎ามที่ท าจากแบ็กกาไลท์ทนตํอความร๎อน ท าให๎จับได๎ถนัดมือ ทัพพีเป็นสแตนเลสเนื้อดี แข็งแรงทนทาน เนื้อสแตนเลสท าให๎ทนทานตํอความร๎อน ล๎าง และท าความสะอาดงําย ไมํเป็นสนิม วิธีการใช้งาน ใช๎ส าหรับตัก ลวก ต๎ม จุํม โดยมีหลายชนิดตามการใช๎งาน เชํน กระบวยตักแกง กระบวยโปรํง กระบวยตักน้ าจิ้ม กระบวยน้ าซุป กระบวยสุกี้ กระบวยหม๎อไฟ กระบวยด๎ามไม๎ กระบวยด๎ามงอ กระบวยตวง เป็นต๎น การเก็บรักษา เมื่อใช๎งานแล๎วควรล๎างท าความสะอาดด๎วยน้ ายาล๎างจานทั่วไป เช็ดหรือผึ่งให๎แห๎ง กํอนจัดเก็บ ภาพที่ 12 : ผ๎าขาวบาง โดยศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์ ภาพที่ 13 : ทัพพี โดยศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์
12 อุปกรณ์ที่ใช้ในการหุงต้มและนึ่ง (Boilers and Steamers) อุปกรณ์หุงต๎ม ท ามาจากวัสดุหลายชนิดด๎วยกัน วัสดุที่มีความแตกตํางชนิดกัน จะมีคุณสมบัติการน า ความร๎อนที่แตกตํางกันไป ภาชนะหุงต๎มที่ใช๎ตั้งแตํอดีตจนถึงปัจจุบัน ท ามาจากวัสดุประเภท ทองเหลือง สแตนเลสและอลูมิเนียม โลหะชนิดตําง ๆ การเลือกซื้อ เลือกตามคุณสมบัติชนิดของวัสดุที่น ามาท าภาชนะพื้นฐาน ขนาดของภาชนะ ปริมาณความจุ รูปทรงของหม๎อแตํละประเภทให๎เหมาะสมกับการประกอบอาหารและขนม วิธีการใช้งาน เลือกใช๎ให๎เหมาะสมกับการท างาน โดยดูจากขนาดในการบรรจุ ความสะดวกในการ ใช๎งานและความเหมาะสมของอุปกรณ์ชนิดนั้นที่ต๎องใช๎รํวมกัน เชํน ขนาดของเตาสัมพันธ์กับขนาดของหม๎อ ความร๎อนกับวัสดุที่น ามาท าภาชนะนั้น ๆ หม๎อที่ท าจากอลูมิเนียมจะน าความร๎อนได๎ดี สํวนภาชนะที่ท า จากสแตนเลสสตีลจะน าความร๎อนไมํทั่วถึงท าให๎อาหารบางสํวนไหม๎ หรือบางสํวนดิบ การดูแลรักษา เมื่อใช๎แล๎วท าความสะอาดโดยใช๎ครีมออฟทาร์ทาร์ 2 ช๎อนโต๏ะ ละลายน้ า 4 ถ๎วย หรือ น้ าส๎มสายชู 1 ถ๎วย ตํอน้ าเปลํา 4 ถ๎วย น าไปให๎ความร๎อนพออุํนแชํภาชนะอลูมิเนียมล๎างท าความ สะอาด และใช๎ภาชนะประเภทหม๎อให๎เหมาะสมกับการประกอบอาหารและขนม ภาพที่ 14 : อุปกรณ์ที่ใช๎ในการหุงต๎มและนึ่ง ได๎แกํ หม๎อ ลังถึง หม๎อแขก โดย ศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์
13 ความรู้พื้นฐานในการจัดการเรียนรู้ตามหลักสูตรการท าขนมแดกงาและขนมข้าวโปง ความรู๎พื้นฐานในการจัดการเรียนรู๎ตามหลักสูตรการ ท าขนมแดกงาและขนมข๎าวโปง มีความสัมพันธ์และเชื่อมโยงอยํางใกล๎ชิดกับวิถีชีวิต ประเพณีและวัฒนธรรมไทย มีเอกลักษณ์ที่โดดเดํน เป็น ลักษณะเฉพาะไปในแตํละภาคของประเทศ การเรียนรู๎การท าขนมแดกงาและขนมข๎าวโปง จึงเป็นการ เรียนรู๎วิถีชีวิต สังคม ประเพณี วัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของชาติไทย แตํละภาคของประเทศ ซึ่งมีเสนํห์ มีความหลากหลาย และ นําศึกษาค๎นคว๎า ด๎วยเหตุนี้ ธุรกิจด๎านการท าขนมแดกงาและขนมข๎าวโปง จึงเป็นที่ นิยมและเป็นที่ชื่นชอบส าหรับคนไทย เพื่อขยายตลาดให๎สอดคล๎องกับความต๎องการบริโภค ศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์ จึงมีนโยบายในการจัดการเรียนรู๎การฝึกอาชีพด๎านการท าขนมแดกงาและขนมข๎าวโปง ตาม ความต๎องการของท๎องถิ่นและเมื่อผู๎เรียนส าเร็จจากการเรียนรู๎ไปแล๎ว สามารถน าความรู๎และทักษะไปเป็น แนวทางในการประกอบอาชีพได๎ตํอไป ในการจัดการเรียนรู๎การท าขนมแดกงาและขนมข๎าวโปง เป็นการจัดการเรียนรู๎เพื่อให๎ผู๎เรียนมีความรู๎ เกี่ยวกับความเป็นมา ลักษณะ ประเภท วัตถุดิบและวัสดุอุปกรณ์ เทคนิคการท า ประโยชน์และคุณคํา ชํอง ทางการจัดการการตลาด หลักการบรรจุหีบหํอ เพื่อให๎ผู๎เรียนมีความรู๎ความเข๎าใจ พร๎อมทั้งมีทักษะได๎อยําง ถูกต๎องเหมาะสม และมีความคิดริเริ่มสร๎างสรรค์ในการประยุกต์ขนมไทยให๎เข๎ากับยุคสมัยโดยคงไว๎ซึ่ง เอกลักษณ์ด๎วย
14 หลักสูตรการท าขนมแดกงาและขนมข้าวโปง 1. ความเป็นมา ชาดกเรื่องหนึ่งกลําวถึงข๎าวเหนียวแดกงาในท านองวํา เป็นอาหารของคนชั้นต่ า หรือพูดด๎วยศัพท์ วิชาการสมัยนี้ก็นําจะหมายถึง ชนชั้นแรงงาน ที่มักกินเป็นอาหารวํางแตํก็ใช๎แทนมื้อหลัก เพราะขนมชนิดนี้ ท าจากข๎าวเหนียว กินแล๎วรู๎สึกอยูํท๎องแถมราคาถูก แนํนอนวําเรื่องราวที่เกิดขึ้นในสมัยพุทธกาล เนื้อหาจึง เกี่ยวพันกับองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ๎า และผู๎ที่เกี่ยวข๎องกับข๎าวเหนียวแดกงานี้ไมํใชํกระยาจกยากจนเข็ญใจ แตํเป็น จิตตคหบดี มหาเศรษฐีผู๎มาจากตระกูลที่เคยเป็นคนชั้นต่ ามากํอน ขนมแดกเป็นขนมพื้นบ๎านของ ชาวไทยและชาวมอญ พบได๎ในหลายพื้นที่ทางภาคกลาง เรียกข๎าวเหนียวแดกงาหรือขนมแดกงา ชื่อเสียงฟัง ดูไมํนํากิน เป็นขนมที่ท าไมํงํายนักแตํกินอรํอย ค าวํา “แดก” ไมํใชํเป็นค าหยาบเหมือนการกินมูมมาม รีบกินเอาๆ ที่เราเรียกวํา “แดก” แตํค าวํา“แดก” หมายถึงเอามาคลุกเอามาผสมเป็นเนื้อเดียว คือ เอาข๎าว เหนียวนึ่งร๎อนๆ มาต าในครกให๎เป็นแปูงเหนียว ต าให๎เป็นเนื้อเดียวกัน ใสํเกลือเค็มๆ เล็กน๎อย ทางจังหวัด อุทัยธานีจะท าให๎มีไส๎หวานอยูํข๎างใน ซึ่งเรียกวํา “ขนมข๎าวโปง” อยํางไรก็ตาม ก็นําจะถือได๎วํา “ขนม แดกงา” เป็นขนมที่มีประวัติความเป็นมายาวนานมากชนิดหนึ่งของโลกเด็กปัจจุบันจะไมํรู๎จัก ถ๎า พํอ แมํ ปูุ ยํา ตา ยาย ไมํบอกเลําไว๎ ขนมอะไรฟังชื่อดูก็ไมํนํากิน แตํกินแล๎วรสชาติอรํอย หวานๆ มันๆ เค็มๆ เด็ก สมัยใหมํจึงไมํรู๎จักทั้งหน๎าตาและรสชาติ แถมมีชื่อที่ฟังดูหยาบคาย ขนมแดกงาจึงขายได๎เฉพาะคนรู๎จักเกําๆ เทํานั้น ศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์ ได๎จัดกิจกรรมหลักสูตรขนมแดกงาและขนมข๎าวโปง ตามความ ต๎องการให๎กับประชาชน ในการอนุรักษ์ขนมไทยโบราณ ซึ่งก าลังจะสูญหายและได๎คงอยูํในคนรุํนใหมํได๎รู๎จัก โดยการน าความรู๎ไปใช๎ในชีวิตประจ าวัน อนุรักษ์สืบสาน และรวมถึงการสร๎างงาน สร๎างอาชีพเป็นรายได๎ ให๎กับประชาชนที่น าไปใช๎ 2. หลักการของหลักสูตร 2.1 เป็นหลักสูตรที่เน๎นการจัดการศึกษาโดยเน๎นกลุํมสนใจ ผู๎เรียนสามารถน าทักษะความรู๎ ไปปรับ ใช๎ในชีวิตประจ าวันได๎จริง 2.2 มุํงพัฒนาประชาชนให๎ได๎รับการศึกษาเพื่อพัฒนาอาชีพ และการมีงานท าอยํางมีคุณภาพทั่วถึง และเทําเทียม สามารถลดรายจําย เพิ่มรายได๎ให๎กับตนเองและครอบครัว 2.3 เป็นหลักสูตรที่ยืดหยุํนทั้งเนื้อหา ระยะเวลาเรียน การจัดกระบวนการเรียนรู๎ โดยบูรณาการ เนื้อหาให๎สอดคล๎องกับการด าเนินชีวิต ความแตกตํางของบุคคล เน๎นการด าเนินงานกับภาคีเครือขํายเพื่อ ประโยชน์ของประชาชนในพื้นที่ 3. จุดประสงค์ของหลักสูตร 3.1. เพื่อให๎ประชาชนมีความรู๎ และความเข๎าใจในการท าขนมแดกงาและขนมข๎าวโปง 3.2. เพื่อให๎ประชาชนมีทักษะในการท าขนมแดกงาและขนมข๎าวโปง 3.3. เพื่อให๎ประชาชนสามารถน าความรู๎ที่ได๎รับไปประยุกต์ใช๎ในการด ารงชีวิต และน าไป ประยุกต์ใช๎ในการประกอบอาชีพได๎
15 4. จุดประสงค์การเรียนรู้ เพื่อให้ผู้เรียน 4.1 อธิบายความเป็นมาของขนมแดกงาและขนมข๎าวโปง 4.2 อธิบายวัสดุ อุปกรณ์และเลือกใช๎ได๎อยํางเหมาะสม 4.3 อธิบายขั้นตอนการท าขนมแดกงาและขนมข๎าวโปง 4.4 ปฏิบัติการท าขนมแดกงาและขนมข๎าวโปง 4.5 อธิบายคุณคําของขนมแดกงาและขนมข๎าวโปงได๎ 4.6 จัดหาหรือจัดท าการบรรจุหีบหํอได๎อยํางเหมาะสม 4.7 คิดต๎นทุน ก าไรจากการจ าหนํายขนมแดกงาและขนมข๎าวโปง 4.8 อธิบายชํองทางการจัดการการตลาดของขนมแดกงาและขนมข๎าวโปง 5. กลุ่มเป้าหมาย ประชาชนทั่วไป ไมํน๎อยกวํา 6 คน 6. ระยะเวลา ภาคทฤษฎี 1 ชั่วโมง ภาคปฏิบัติ 4 ชั่วโมง 7. โครงสร้างหลักสูตร เรื่อง ที่ หัวเรื่อง เวลาเรียน (ชั่วโมง) ทฤษฎี ปฏิบัติ รวม 1 ชํองทางการประกอบอาชีพการท าขนมแดกงาและขนมข๎าวโปง 1. ความเป็นมาของการท าขนมแดกงาและขนมข๎าวโปง 2. ความเป็นไปได๎และการตัดสินใจในการประกอบอาชีพการท าขนม แดกงาและขนมข๎าวโปง 30 นาที 20 นาที 50 นาที 2 การจัดกระบวนการเรียนรู๎ การท าขนมแดกงาและขนมข๎าวโปง 1. การท าขนมแดกงาและขนมข๎าวโปง 2. วัตถุดิบ วัสดุ อุปกรณ์และการเลือกใช๎ 3. ขั้นตอนการท าขนมแดกงาและขนมข๎าวโปง 4. การปฏิบัติการท าขนมแดกงาและขนมข๎าวโปง 5. คุณคําอาหารทางโภชนาการของการท าขนมแดกงาและขนมข๎าวโปง 30 นาที 3.30 ชั่วโมง 4 ชั่วโมง 3 การบริหารจัดการในการประกอบอาชีพการท าขนมแดกงาและขนมข๎าว โปง 1. การจัดหาหรือจัดท าการบรรจุหีบหํอ 2. การคิดต๎นทุน ก าไรจากการจ าหนํายขนมแดกงาและขนมข๎าวโปง 3. ชํองทางการจัดการการตลาดของขนมแดกงาและขนมข๎าวโปง - 10 นาที 10 นาที รวมทั้งสิ้น 1 ชั่วโมง 4 ชั่วโมง 5 ชั่วโมง
16 8. การจัดการเรียนรู้ การบรรยายให๎ความรู๎ การสาธิต การลงมือปฏิบัติ การอภิปรายแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเรียนรู๎ 9. สื่อการเรียนรู้ 9.1 สื่อสิ่งพิมพ์ เชํน หนังสือ ใบความรู๎ 9.2 สื่ออิเล็กทรอนิกส์ 9.3 สื่อบุคคล เชํน ผู๎รู๎ ภูมิปัญญา 9.4 แหลํงเรียนรู๎ในชุมชน 10. การจัดกระบวนการเรียนรู้ 10.1 การบรรยายให๎ความรู๎ประกอบสื่อการเรียนรู๎ 10.2 การสาธิต และลงมือปฏิบัติ 10.3 กระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู๎รํวมกัน 11. การวัดและประเมินผล ประเมินความรู๎ภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติจากการสอบถาม แบบทดสอบ การสังเกต การมีสํวนรํวม และจากชิ้นงาน/ผลงาน 12. การจบหลักสูตร 12.1 มีเวลาเรียนและฝึกปฏิบัติตามหลักสูตรไมํน๎อยกวําร๎อยละ 80 12.2 มีผลการประเมินผํานตลอดหลักสูตรไมํน๎อยกวําร๎อยละ 60 12.3 มีผลงาน/ชิ้นงาน ผํานการประเมินตามมาตรฐานและคุณภาพ 13. เอกสารหลักฐานการศึกษา 13.1 หลักฐานการประเมินผล 13.2 วุฒิบัตรออกโดยสถานศึกษา การประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ ทดสอบความรู๎ความเข๎าใจของผู๎เรียน แบบทดสอบกํอนเรียน และหลังเรียน ทดสอบคุณธรรม จริยธรรมของผู๎เรียน แบบประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ นิเทศ ติดตาม ประเมินผู๎เรียน แบบประเมินผลงานผู๎เรียน ประเมินผลความพึงพอใจในการจัดกิจกรรม แบบประเมินความพึงพอใจ แนวทางการประเมินผลการเรียน (รวบยอด) วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์การจบหลักสูตร 1. ประเมินผลสัมฤทธิ์ทางการ เรียน 1.1 ประเมินความรู๎ทาง ภาคทฤษฎี 1.2 ประเมินทักษะการปฏิบัติ แบบทดสอบ ผลงาน / ชิ้นงาน มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนไมํน๎อย กวําร๎อยละ 60 มีผลงาน/ชิ้นงานที่มีคุณภาพ
แผนการจัดกระบวนการเรียนรู้หลักสูตรการท าขนมแดกงาและขนมข้าวโปง หัวเรื่อง จุดประสงค์การเรียนรู้ เนื้อหา กาเรื่องที่ 1 ช่องทางการประกอบอาชีพการท าการท าขนมแดกงาและขนมข้าวโปง 1. ความเป็นมาของ การท าขนมแดกงา และขนมข๎าวโปง อธิบายความเป็นมาของ การท าขนมแดกงาและ ขนมข๎าวโปง ความเป็นมาของการท า ขนมแดกงาและขนม ข๎าวโปง วิทยเป็นแดกข๎าว2. ความเป็นไปได๎ และการตัดสินใจใน การประกอบอาชีพ การท าขนมแดกงา และขนมข๎าวโปง 1. อธิบายทางเลือกในการ ประกอบอาชีพได๎ 2. อธิบายองค์ประกอบ ปัญหา และข๎อแนะน ากํอน ตัดสินใจเลือกอาชีพได๎ 3. อธิบายหลักเกณฑ์ และการตัดสินใจเลือก อาชีพได๎ 4. การประเมินความพร๎อม และความเป็นไปได๎ของ อาชีพที่ตัดสินใจเลือกได๎ 1. การวางแผนเลือก ประกอบอาชีพ 2. องค์ประกอบ ปัญหา และข๎อแนะน ากํอน ตัดสินใจเลือกอาชีพ 3. หลักเกณฑ์และการ ตัดสินใจเลือกอาชีพ 4. การประเมินความพร๎อม และความเป็นไปได๎ของ อาชีพที่ตัดสินใจเลือก วิทยเป็นตัดสิประขนมข๎าว
17 ารจัดกระบวนการ เรียนรู้ สื่อการเรียนรู้ วัดและ ประเมินผล ชั่วโมง ทฤษฎี ปฏิบัติ ยากรอธิบายความ นมาของการขนม กงาและขนม วโปง ใบความรู๎ 1. สังเกตความ สนใจ 2. ซักถาม 3. การมีสํวนรํวม 4. ชิ้นงาน/ ผลงาน 5. ประเมินผล งานผู๎เรียนโดยใช๎ ใบงานที่ก าหนด 20 นาที ยากรอธิบายความ นไปได๎และการ สินใจในการ ะกอบอาชีพการท า มแดกงาและขนม วโปง - ใบความรู๎ - แบบทดสอบกํอน เรียน 10 นาที 17
หัวเรื่อง จุดประสงค์การเรียนรู้ เนื้อหา กาเรื่องที่ 2 การจัดการบวนการเรียนรู้ การท าขนมแดกงาและขนมข้าวโปง 1. การท าขนม แดกงาและขนมข๎าว โปง อธิบายการท าขนมแดกงา และขนมข๎าวโปง การท าขนมแดกงาและ ขนมข๎าวโปง วิทท าขขน2. วัตถุดิบ วัสดุ อุปกรณ์และการ เลือกใช๎ อธิบายวัสดุ อุปกรณ์ และเลือกใช๎ได๎อยําง เหมาะสม วัสดุ อุปกรณ์และการ เลือกใช๎ วิทยอุปเลือแดโปง3. ขั้นตอนการท า ขนมแดกงาและ ขนมข๎าวโปง อธิบายขั้นตอนการท าขนม แดกงาและขนมข๎าวโปง ขั้นตอนการท าขนมแดกงา และขนมข๎าวโปง วิทขั้นแดโปง4. การปฏิบัติการท า ขนมแดกงาและ ขนมข๎าวโปง ปฏิบัติการท าขนมแดกงา และขนมข๎าวโปง การปฏิบัติการท าขนม แดกงาและขนมข๎าวโปง 1. วิท าขขนผู๎เรีพร๎งาน2. วิแล
18 ารจัดกระบวนการ เรียนรู้ สื่อการเรียนรู้ วัดและ ประเมินผล ชั่วโมง ทฤษฎี ปฏิบัติ ยากรอธิบายการ ขนมแดกงาและ มข๎าวโปง ใบความรู๎ 1. สังเกตความ สนใจ 2. ซักถาม 3. การมีสํวนรํวม 4. ชิ้นงาน/ ผลงาน 5. ประเมินผล งานผู๎เรียนโดยใช๎ ใบงานที่ก าหนด 10 นาที ยากรอธิบายวัสดุ กรณ์และให๎ผู๎เรียน อกใช๎ใน การท าขนม กงาและขนมข๎าว ง ใบความรู๎ 5 นาที 10 นาที ยากรอธิบาย ตอนการท าขนม กงาและขนมข๎าว ง 1. ใบความรู๎เรื่อง วิธีการท าขนม แดกงาและขนมข๎าว โปง 2. วิธีจัดเสิร์ฟ 3. ใบงานการท า ขนมแดกงาและ ขนมข๎าวโปง 10 นาที 10 นาที วิทยากรสาธิตวิธี ขนมแดกงาและ มข๎าวโปง และให๎ รียนลงมือปฏิบัติ อมบันทึกลงในใบ น วิทยากรและผู๎เรียน กเปลี่ยนเรียนรู๎ 3 ชั่วโมง 18
หัวเรื่อง จุดประสงค์การเรียนรู้ เนื้อหา กา5. คุณคําอาหารทาง โภชนาการของการ ท าขนมแดกงาและ ขนมข๎าวโปง อธิบายคุณคําอาหารทาง โภชนาการของการท าขนม แดกงาและขนมข๎าวโปง คุณคําอาหารทาง โภชนาการของการท าขนม แดกงาและขนมข๎าวโปง 1. วิรํวมแลกเกี่ยทางการและ2. วิควาเรื่องที่ 3 การจัดการบวนการเรียนรู้ การท าขนมแดกงาและขนมข้าวโปง 1. การจัดหาหรือ จัดท าบรรจุหีบหํอ จัดหาหรือจัดท าบรรจุหีบ หํอได๎อยํางเหมาะสม การจัดหาหรือจัดท าบรรจุ หีบหํอ วิทยเทคจัดท2. การคิดต๎นทุน ก าไรจากการ จ าหนํายขนมแดกงา และขนมข๎าวโปง คิดต๎นทุน ก าไรจากการ จ าหนํายขนมแดกงาและ ขนมข๎าวโปง ได๎อยําง ถูกต๎อง การคิดต๎นทุน ก าไร จาก การจ าหนํายขนมแดกงา และขนมข๎าวโปง 1. วิเกี่ยค าน2. ใต๎น3. ชํองทางการ จัดการการตลาด ของขนมแดกงาและ ขนมข๎าวโปง อธิบายชํองทางการจัดการ การตลาดของการท าขนม แดกงาและขนมข๎าวโปง ชํองทางการจัดการ การตลาดของขนมแดกงา และขนมข๎าวโปง วิทยเรียชํองขนมข๎าว
19 ารจัดกระบวนการ เรียนรู้ สื่อการเรียนรู้ วัดและ ประเมินผล ชั่วโมง ทฤษฎี ปฏิบัติ วิทยากรและผู๎เรียน มกันอภิปราย กเปลี่ยนเรียนรู๎ ยวกับคุณคําอาหาร งโภชนาการของ รท าขนมแดกงา ะขนมข๎าวโปง วิทยากรสรุปองค์ ามรู๎ 1. ใบความรู๎เรื่อง คุณคําอาหารทาง โภชนาการ 2. ประเด็นอภิปราย “ขนมแดกงาและ ขนมข๎าวโปง ให๎ คุณคําอาหารทาง โภชนาการอะไรบ๎าง” 5 นาที 10 นาที ยากรอธิบาย คนิคการจัดหาหรือ ท าบรรจุหีบหํอ 1. ตัวอยํางการบรรจุ หีบหํอ 2. ใบความรู๎ 1. สังเกตความ สนใจ 2. ซักถาม 3. การมีสํวนรํวม 4. ชิ้นงาน/ ผลงาน 5. ประเมินผล งานผู๎เรียนโดยใช๎ ใบงานที่ก าหนด 10 นาที วิทยากรให๎ความรู๎ ยวกับวิธีการ นวณต๎นทุน ก าไร ให๎ผู๎เรียนฝึกคิด ทุน ก าไร 1. ใบความรู๎วิธีการ ค านวณ ต๎นทุน ก าไร 2. ใบงานการคิด ต๎นทุน ก าไร 10 นาที ยากรแลกเปลี่ยน ยนรู๎เกี่ยวกับ งทางการตลาดของ มแดกงาและขนม วโปง ใบความรู๎ชํองทาง การตลาด 10 นาที 19
20 ใบความรู้ ความเป็นมาของขนมแดกงาและขนมข้าวโปง ความเป็นมา ชาดกเรื่องหนึ่งกลําวถึงข๎าวเหนียวแดกงาในท านองวํา เป็นอาหารของคนชั้นต่ า หรือพูดด๎วยศัพท์ วิชาการสมัยนี้ก็นําจะหมายถึง ชนชั้นแรงงาน ที่มักกินเป็นอาหารวํางแตํก็ใช๎แทนมื้อหลัก เพราะขนมชนิดนี้ ท าจากข๎าวเหนียว กินแล๎วรู๎สึกอยูํท๎องแถมราคาถูก แนํนอนวําเรื่องราวที่เกิดขึ้นในสมัยพุทธกาล เนื้อหาจึง เกี่ยวพันกับองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ๎า และผู๎ที่เกี่ยวข๎องกับข๎าวเหนียวแดกงานี้ไมํใชํกระยาจกยากจนเข็ญใจ แตํเป็น จิตตคหบดี มหาเศรษฐีผู๎มาจากตระกูลที่เคยเป็นคนชั้นต่ ามากํอน ขนมแดกเป็นขนมพื้นบ๎านของ ชาวไทยและชาวมอญ พบได๎ในหลายพื้นที่ทางภาคกลาง เรียกข๎าวเหนียวแดกงาหรือขนมแดกงา ชื่อเสียงฟัง ดูไมํนํากิน เป็นขนมที่ท าไมํงํายนักแตํกินอรํอย ค าวํา “แดก” ไมํใชํเป็นค าหยาบเหมือนการกินมูมมาม รีบกินเอาๆ ที่เราเรียกวํา “แดก” แตํค าวํา“แดก” หมายถึงเอามาคลุกเอามาผสมเป็นเนื้อเดียว คือ เอาข๎าว เหนียวนึ่งร๎อนๆ มาต าในครกให๎เป็นแปูงเหนียว ต าให๎เป็นเนื้อเดียวกัน ใสํเกลือเค็มๆ เล็กน๎อย ทางจังหวัด อุทัยธานีจะท าให๎มีไส๎หวานอยูํข๎างใน ซึ่งเรียกวํา “ขนมข๎าวโปง” อยํางไรก็ตาม ก็นําจะถือได๎วํา “ขนม แดกงา” เป็นขนมที่มีประวัติความเป็นมายาวนานมากชนิดหนึ่งของโลกเด็กปัจจุบันจะไมํรู๎จัก ถ๎า พํอ แมํ ปูุ ยํา ตา ยาย ไมํบอกเลําไว๎ ขนมอะไรฟังชื่อดูก็ไมํนํากิน แตํกินแล๎วรสชาติอรํอย หวานๆ มันๆ เค็มๆ เด็ก สมัยใหมํจึงไมํรู๎จักทั้งหน๎าตาและรสชาติ แถมมีชื่อที่ฟังดูหยาบคาย ขนมแดกงาจึงขายได๎เฉพาะคนรู๎จักเกําๆ เทํานั้น ศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์ ได๎จัดกิจกรรมหลักสูตรขนมแดกงา/ขนมข๎าวโปง ตามความต๎องการ ให๎กับประชาชน ในการอนุรักษ์ขนมไทยโบราณ ซึ่งก าลังจะสูญหายและได๎คงอยูํในคนรุํนใหมํได๎รู๎จัก โดย การน าความรู๎ไปใช๎ในชีวิตประจ าวัน อนุรักษ์สืบสาน และรวมถึงการสร๎างงาน สร๎างอาชีพเป็นรายได๎ให๎กับ ประชาชนที่น าไปใช๎ ภาพที่ 15 : ขนมแดกงาและขนมข๎าวโปง โดยศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์
21 ใบความรู้ วิธีการท าขนมแดกงาและขนมข้าวโปง วัตถุดิบและส่วนผสม ส่วนผสมตัวขนมแดกงา ส่วนผสมการท าไส้ เกลือ 24 กรัม งาด า 500 กรัม งาด า 500 กรัม ถั่วลิสง 500 กรัม น้ าตาลปี๊บ 400 กรัม น้ าสะอาด 100 กรัม เกลือ 12 กรัม ข๎าวเหนียว 1,000 กรัม ภาพที่ 16 : วัตถุดิบและสํวนผสมขนมแดกงาและขนมข๎าวโปง โดยศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์
22 ภาพที่ 17 : วิธีท าตัวขนมแดกงา โดยศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์ ภาพที่ 18 : ขนมข๎าวโปง โดยศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์ ขั้นตอนการท าขนมแดกงา/ขนมข้าวโปง วิธีท าตัวขนมแดกงา 1. น าข๎าวเหนียวแชํน้ าแล๎วใช๎มือซาว(เหมือนการหุงข๎าว) แชํทิ้งไว๎ 5 ชั่วโมง จนข๎าวเหนียวขึ้นตัว 2. ตั้งไฟ รอจนน้ าเดือดแล๎วน าข๎าวเหนียวมานึ่ง 30 นาที 3. คั่วงาด าให๎หอม เติมเกลือลงไปทีละน๎อย ๆ จนหมด และแบํงงาด าออกเป็น 2 ถ๎วย 4. น าข๎าวเหนียวที่นึ่งไว๎ มาใสํครกไม๎โบราณ ต าไมํให๎ละเอียดมาก 5. โรยด๎วยงาด าที่คั่วไว๎ ต ากับข๎าวเหนียวให๎ละเอียด และน างาด าอีกถ๎วยที่แบํงไว๎ขณะต าให๎เติม งาด าไปเรื่อย ๆ จนเนื้อของข๎าวเหนียวเป็นสีของงาด าและละเอียด 6. น าข๎าวเหนียวที่ต าไว๎ขึ้นมาพักให๎เย็น 7. น าขนมมาชั่งน้ าหนัก 12 กรัม แล๎วปั้นให๎มีลักษณะกลมและแบน วิธีการท าไส้ 1. ตั้งไฟอํอนๆ เติมน้ าสะอาด 100 กรัม ใสํน้ าตาลปี๊บ คนจนน้ าตาลปี๊บละลาย ใสํถั่วลิสงปุน ใสํ งาด า ใสํเกลือ คนให๎เข๎ากันจนเหนียวพอประมาณ และปิดไฟ พักไว๎จนไส๎เย็น 2. น าไส๎มาชั่งน้ าหนัก 8 กรัม 3. น าไส๎ที่ชั่งไว๎มาใสํในขนมแดกงาที่ปั้นไว๎เป็นแผํนกลมบาง และพับให๎เป็นรูปทรงคล๎าย กะหรี่พัฟ
23 แบบบันทึกการเรียนรู้ของผู้เรียน วิชาการท าขนมแดกงา/ขนมข้าวโปง ให๎ผู๎เรียนจดบันทึก ขั้นตอน การท าขนมแดกงา/ข๎าวโปง ระหวํางที่วิทยากรบรรยายลงในใบงาน แบบบันทึก ส่วนผสม ............................................................................................................................. ............................................ ......................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................ .................................................................................................................................. ....................................... ......................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................ ขั้นตอนการท า ............................................................................................................................. ............................................ ......................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................ ............................................................................................................................. ............................................ ......................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................ ข้อเสนอแนะ ............................................................................................................................. ............................................ ......................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................ ............................................................................................................................. ............................................ ......................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................ ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... .........................................................................................................................................................................
24 ใบความรู้ คุณค่าทางโภชนาการของขนมแดกงาและขนมข้าวโปง ขนมไทย มีรากเหง๎ามาจากสังคมเกษตร ผูกพันกับธรรมชาติ วัตถุดิบที่น ามาท าเป็นขนมก็ล๎วนมา จากธรรมชาติ ดังนั้นคุณสมบัติหลายประการของผลผลิตตามธรรมชาติก็จะยังมีอยูํมาก จากการส ารวจ คุณคําทางโภชนาการขนมไทย ของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข พบวํา ขนมไทยสํวนใหญํ นอกจากจะ มีคุณคําในสารอาหารหลักอยํางคาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมันแล๎ว ยังมีแรํธาตุและวิตามินที่ส าคัญตํอรํางกาย รวมอีกด๎วย อาทิ แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก วิตามินเอ เรตินอล แคโรทีน เป็นต๎น ซึ่งคุณคําอาหารรวมหมูํ แบบนี้จะหาไมํได๎ในผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ซึ่งแดกงา/ขนมข๎าวโปง ประกอบด๎วยสารอาหารที่มีประโยชน์ตํอ รํางกาย ดังนี้ 1. ข้าวเหนียว - ข๎าวเหนียวมีสรรพคุณชํวยเสริมสร๎างให๎รํางกายแข็งแรงและมีคุณสมบัติที่ให๎พลังงานสูง ท าให๎อิ่ม ท๎องได๎นาน จะเห็นได๎วํา คนทางอีสานหรือคนที่ต๎องใช๎แรงในการท างานหนักจะชอบกินข๎าวเหนียวกันมาก - ข๎าวเหนียวชํวยเพิ่มประสิทธิภาพในการท างานของกระเพาะอาหารรักษาสมดุลและให๎ความชุํม ชื้นภายในกระเพาะอาหาร - ข๎าวเหนียวเป็นอาหารที่กินแล๎วให๎ความรู๎สึกผํอนคลายและคลายเครียดไมํหิวงําย ท าให๎จิตใจสงบ และสามารถท ากิจกรรมตํางๆ ในชีวิตประจ าวันได๎อยํางสดใสรําเริง - ข๎าวเหนียวมีสรรพคุณชํวยชะลอความแกํกํอนวัย ชํวยให๎อวัยวะตํางๆ ของรํางกายไมํเสื่อมถอยไป กํอนเวลาอันควร และบ ารุงผิวพรรณให๎เนียนใสขึ้น - ข๎าวเหนียวมีโปรตีนเชํนเดียวกับข๎าวเจ๎าซึ่งมีประโยชน์ชํวยในการเจริญเติบโตของรํางกาย รวมทั้ง ชํวยซํอมแซมสํวนที่สึกหรอของรํางกายด๎วย - ข๎าวเหนียวมีสรรพคุณขับลมในรํางกายชํวยบ ารุงเลือดลม และมีฤทธิ์อุํนจึงยังชํวยรักษาอุณหภูมิ ของรํางกายจากอากาศที่หนาวเย็นได๎ดี - ธาตุเหล็กและกรดโฟลิกในข๎าวเหนียวจะชํวยในการสร๎างเม็ดเลือด ท าให๎เม็ดเลือดมีความสมบูรณ์ - ข๎าวเหนียวมีวิตามินอีที่จะชํวยบ ารุงการท างานของระบบประสาทและสมองชํวยปูองกันอาการ หลอดเลือดหัวใจตีบ และปูองกันปัญหาวุ๎นนัยน์ตาเสื่อมได๎ 2. งาด า งาด าเป็นเมล็ดธัญพืช ประกอบด๎วยสารอาหารหลากหลายชนิด จึงอุดมไปด๎วยคุณคําทาง โภชนาการสูง ซึ่งมีประโยชน์ตํอสุขภาพหลายด๎าน ดังนี้ - ชํวยบรรเทาอาการปวดข๎ออักเสบรูมาตอยด์ธาตุทองแดงที่อยูํในงาด ามีฤทธิ์ต๎านอาการอักเสบ ชํวยลดอาการปวดจากโรครูมาตอยด์ และยังมีสํวนชํวยสร๎างคอลลาเจน ซึ่งส าคัญตํอการเสริมสร๎างเนื้อเยื่อ ข๎อตํอ กระดูกอํอน และหลอดเลือดให๎แข็งแรง - ชํวยบ ารุงสายตา ในการแพทย์แผนจีนเชื่อวํา ดวงตาสัมพันธ์กับตับ ถ๎าตับมีปัญหาจะท าให๎ดวงตา อํอนล๎า ตาแห๎ง และมองเห็นไมํชัด ในแพทย์แผนจีนจึงใช๎งาด าเพื่อบ ารุงสายตา และตับไปพร๎อมๆ กัน - ชํวยบ ารุงผิวพรรณ และกระดูก งาด าอุดมไปด๎วยแคลเซียม และสังกะสี ชํวยเสริมสร๎างความ แข็งแรงของกระดูก เพิ่มมวลกระดูก ปูองกันการเกิดโรคกระดูกเปราะ กระดูกพรุน ต๎านทานอาการข๎อ อักเสบ โรคข๎อเสื่อม และยังมีวิตามินอี ชํวยบ ารุงผิวพรรณให๎นุํมชุํมชื้น
25 - ชํวยบ ารุงหัวใจ งาด าชํวยลดระดับคอเลสเตอรอล สํงผลให๎หลอดเลือดหัวใจสะอาดขึ้น ระบบ ไหลเวียนเลือดดีขึ้น ชํวยลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด หรือโรคความดันโลหิตสูง - ชํวยปูองกันโรคมะเร็ง เมล็ดงาด าอัดแนํนด๎วยสารต๎านอนุมูลอิสระ ชํวยปูองกันโรคมะเร็งได๎อยําง มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะโรคมะเร็งล าไส๎ และยังมีเซซามีน ชํวยปูองกันสารอนุมูลอิสระไปท าลายตับ ท าให๎ ตับท างานได๎เต็มประสิทธิภาพ สํงผลให๎รํางกายไมํมีสารพิษสะสมกํอให๎เกิดโรคมะเร็ง - แก๎เคล็ดขัดยอก ตามต ารายาไทยจะใช๎น้ ามันที่บีบจากเมล็ดงา หุงเป็นน้ ามันใสํบาดแผล และผสม เป็นน้ ามันทาถูนวดแก๎เคล็ดขัดยอก ฟกช้ า ปวดบวม ลดการอักเสบ 3. ถั่วลิสง - ถั่วลิสงเป็นพืชที่มีคุณคําทางโภชนาการสูง และเป็นแหลํงของโปรตีนและพลังงาน โดยมีโปรตีน เทียบเทํากับถั่วแดง ถั่วด า และถั่วเขียว แตํน๎อยกวําถั่วเหลือง และยังมีกรดอะมิโนอีกหลายชนิดที่จ าเป็นตํอ รํางกาย ถั่วลิสงมีสารอาหารมากกวํา 30 ชนิด มีโปรตีนมากกวําถั่วเปลือกแข็งชนิดอื่น ๆ ให๎โซเดียมต่ า มีไขมันไมํอิ่มตัวน๎อย และยังปราศจากคอเลสเตอรอลด๎วย - ชํวยบ ารุงรํางกาย ชํวยในการเจริญเติบโต (เมล็ด) - ชํวยบ ารุงสมองและประสาทตา ชํวยเสริมสร๎างความจ า และยังมีโคลีนที่ชํวยควบคุมความจ าอีก ด๎วย - ชํวยให๎ความอบอุํนแกํรํางกาย (เมล็ด) และชํวยให๎ความอบอุํนแกํผิวกาย (น้ ามันถั่วลิสง) - ชํวยลดความดันโลหิตสูง (ใบ) โดยใช๎ทั้งก๎านและใบสดหรือแห๎ง (แห๎งใช๎ประมาณ 30 กรัม ถ๎าสด ใช๎ประมาณ 40 กรัม) น ามาต๎มกับน้ ากิน (เมล็ด) - ถั่วลิสงมีสารต๎านเอนไซม์โปรติเอส มีฤทธิ์ตํอต๎านมะเร็ง และมีจีเนสเตอินซึ่งท าให๎เส๎นเลือดที่ไป เลี้ยงเซลล์มะเร็งตีบลง
26 ใบความรู้ บรรจุภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์(Packaging) คือ จรูญ โกสีย์ไกรนิรมล กลําววํา บรรจุภัณฑ์คือการน าเอาวัสดุ เชํน กระดาษ พลาสติกแก๎ว โลหะ ไม๎ประกอบเป็นภาชนะหํอหุ๎ม สินค๎า เพื่อประโยชน์ในการใช๎สอยที่มีความแข็งแรง สวยงามได๎สัดสํวนที่ ถูกต๎องสร๎างภาพพจน์ที่ดีมีภาษาในการติดตํอสื่อสาร และท าให๎เกิดความพึงพอใจจากผู๎ซื้อสินค๎า นิไกโด เคล็คเตอร์ (Nikaido Clecture) กลําววํา บรรจุภัณฑ์ เป็นเทคนิคที่สํงเสริมการขายกับ การประสานประโยชน์ ระหวํางวัตถุกับภาชนะบรรจุ โดยมีความมุํงหมายเพื่อการคุ๎มครองในระหวํางการ ขนสํงและการเก็บรักษาในคลัง สํวนหนึ่งของกระบวนการทางการตลาด โดยเฉพาะปัจจุบันที่การผลิตสินค๎า หรือบริการได๎เน๎นหรือ ให๎ความส าคัญกับผู๎บริโภค (Consumer Oriented) งานเทคนิคที่ต๎องอาศัยความช านาญ ประสบการณ์ และความคิดสร๎างสรรค์ ในอันที่จะออกแบบและผลิตหีบหํอให๎มีความ เหมาะสมกับสินค๎าที่ผลิตขึ้นมา ให๎ความคุ๎มครองสินค๎าหํอหุ๎มสินค๎า ตลอดจนประโยชน์ใช๎สอย อาทิเชํน ความสะดวกสบายใน การหอบหิ้ว พกพา หรือการใช๎งาน เป็นต๎น กลุํมของกิจกรรมในการวางแผนเกี่ยวกับการออกแบบการผลิตภาชนะบรรจุ หรือสิ่งหุ๎มหํอสินค๎าบรรจุภัณฑ์ ซึ่งเป็นสิ่งที่มีความเกี่ยวพันอยํางใกล๎ชิดกับฉลาก (Label) และตรายี่ห๎อ (Brandname) ผลรวมของศาสตร์(Science) ศิลป์ (Art) และเทคโนโลยีของการออกแบบ การผลิตบรรจุภัณฑ์ ส าหรับสินค๎าเพื่อการขนสํง และการขาย โดยเสียคําใช๎จํายที่เหมาะสม การใช๎เทคโนโลยีและเศรษฐศาสตร์ เพื่อหาวิธีการรักษาสภาพเดิมของสินค๎าจนกวําจะถึงมือผู๎บริโภคคนสุดท๎าย เพื่อให๎ยอดขายมากที่สุดและ ต๎นทุนต ่าสุด กิจกรรมทั้งหมดที่เกี่ยวข๎องกับการออกแบบ และผลิตรูปรํางหน๎าตาของภาชนะบรรจุ สิ่งหํอหุ๎มตัวผลิตภัณฑ์หรือบรรจุภัณฑ์การน าเอาวัสดุ เชํน กระดาษ พลาสติก แก๎ว โลหะ ไม๎ ประกอบเป็น ภาชนะหุ๎มหํอสินค๎า เพื่อประโยชน์ ในการใช๎สอย มีความแข็งแรง สวยงาม ได๎สัดสํวนที่ถูกต๎อง สร๎างภาพพจน์ที่ดี มีภาษาในการติดตํอสื่อสาร และท าให๎เกิดผลความพึงพอใจจากผู๎ซื้อสินค๎า สิ่งหํอหุ๎มหรือบรรจุภัณฑ์ รวมทั้งภาชนะที่ใช๎เพื่อการขนสํงผลิตภัณฑ์จากแหลํงผู๎ผลิตไปยังแหลํง ผู๎บริโภค หรือแหลํงใช๎ประโยชน์ หรือวัตถุประสงค์เบื้องต๎นในการปูองกัน หรือรักษาผลิตภัณฑ์ให๎คงสภาพ ตลอดจนคุณภาพใกล๎เคียงกันกับเมื่อแรกผลิตให๎มากที่สุด จากความหมายสรุปได้ว่าบรรจุภัณฑ์ หมายถึง การน าเอาวัสดุ เชํน กระดาษ พลาสติก แก๎ว โลหะ ไม๎ น ามาประกอบเป็นภาชนะหํอหุ๎มผลิตภัณฑ์เพื่อความสวยงาม มีคุณคํา และมีประโยชน์ในการใช๎ สอย สํงผลให๎ผลิตภัณฑ์ดึงดูดความสนใจ และท าให๎เกิดความพึงพอใจจากผู๎บริโภค วัตถุประสงค์หลักของบรรจุภัณฑ์ (Objectives of Package) 1. เพื่อปูองกันผลิตภัณฑ์ (To Protect Products) สามารถปูองกันรักษาผลิตภัณฑ์ไมํให๎เสียหาย 2. เพื่อจ าหนํายผลิตภัณฑ์ (To Distribute Products) สะดวกกับการใช๎งาน และเพิ่มมูลคําทาง เศรษฐกิจ 3. เพื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ (To Promote Products) ดึงดูดความสนใจผู๎บริโภค การออกแบบบรรจุภัณฑ์ กดู (Good) กลําววํา การออกแบบ เป็นการวางแผนหรือก าหนดรูปแบบรวมทั้งการตกแตํงใน โครงสร๎างรูปทรงของงานศิลปะ ทัศนศิลป์ ดนตรีตลอดจนวรรณกรรม วิรุณ ตั้งเจริญ กลําววํา การออกแบบ หมายถึงการวางแผนสร๎างสรรค์รูปแบบ โดยการวางแผนจัด สํวนประกอบของ การออกแบบให๎สัมพันธ์กับประโยชน์ใช๎สอยวัสดุและการผลิต
27 ภาพที่ 19 : บรรจุภัณฑ์กระดาษ ภาพที่ 20 : บรรจุภัณฑ์พลาสติก โดย http://www.bsrungsiam.co.th/web/product.html จากความหมายสรุปได้ว่าการออกแบบบรรจุภัณฑ์ หมายถึง การก าหนดรูปแบบและโครงสร๎าง ของบรรจุภัณฑ์ให๎สัมพันธ์กับหน๎าที่ใช๎สอยของผลิตภัณฑ์ เพื่อการคุ๎มครอง ปูองกันไมํให๎สินค๎าเสียหาย และ เพิ่มคุณคําด๎านจิตวิทยาตํอผู๎บริโภค โดยอาศัยทั้งศาสตร์และศิลป์ในการสร๎างสรรค์บรรจุภัณฑ์ให๎เหมาะสม กับผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์กับอาหารและขนม 1. บรรจุภัณฑ์มีบทบาทส าคัญ และมีอัตราการเจริญเติบโตมากขึ้น ควบคูํไปกับการพัฒนา อุตสาหกรรมอาหาร 2. บรรจุภัณฑ์มีหน๎าที่ส าคัญ ในการยืดยืดอายุเพื่อการเก็บรักษา และรักษาคุณภาพอาหารและ ขนม (รสชาติ กลิ่น สีรูปลักษณ์) 3. บรรจุภัณฑ์มีสํวนในการสร๎างรูปลักษณ์ทางการตลาดที่แตกตําง สร๎างมูลคําเพิ่มให๎แกํผลิตภัณฑ์ และใช๎เป็นสื่อโฆษณา นอกจากนี้ยังมีบทบาทส าคัญในด๎านการอ านวยความสะดวกส าหรับการขนสํง ผลิตภัณฑ์ ส าหรับการเลือกบรรจุภัณฑ์ สิ่งที่ต๎องค านึงถึง คือ การเลือกซื้อวัสดุที่จะใช๎ในการบรรจุหีบหํอที่ เหมาะสมกับผลิตภัณฑ์ ให๎เกิดความสวยงาม และเป็นที่สนใจของผู๎บริโภค ดังนี้ 1. บรรจุภัณฑ์กระดาษ ปัจจุบันนิยมใช๎กันเป็นจ านวนมาก และยังมีให๎เลือกหลากหลายชนิด วัสดุที่ น ามาผลิตได๎แกํเยื่อกระดาษ ซึ่งมีทั้งเยื่อกระดาษคุณภาพส าหรับบรรจุภัณพ์อาหาร และเครื่องดื่ม เชํน แก๎ว กระดาษ ถ๎วยกระดาษ กลํองข๎าวที่สามารถยํอยสลายได๎ สํวนเยื่อกระดาษรีไซเคิล ได๎แกํ บรรจุภัณฑ์ ประเภท กลํองลูกฟูก ถาดไขํ หรือถาดรองแก๎วกาแฟ โดย http://www.warehouse69.net/product 2. บรรจุภัณฑ์พลาสติก แบํงออกได๎เป็น 2 ประเภท คือ พลาสติกคงรูป และพลาสติกอํอนตัว มีการ น ามาใช๎ประโยชน์ในรูปแบบตําง ๆ เชํน ขวดพลาสติก ถ๎วย และถาดพลาสติก และสามารถบรรจุอาหารร๎อน อาหารสด และอาหารแชํแข็ง
28 ภาพที่ 21 : บรรจุภัณฑ์โลหะ โดยศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์ ภาพที่ 22 : บรรจุภัณฑ์แก๎ว โดย http://thislovegift.lnwshop.com/product 3. บรรจุภัณฑ์โลหะ เป็นบรรจุภัณฑ์ที่ใช๎มาเป็นระยะเวลานาน ปัจจุบันยังได๎น ามาใช๎งานอยูํ ลักษณะของบรรจุภัณฑ์ที่ท ามาจากโลหะนั้นมีหลากหลายรูปแบบ เชํน ปิ่นโต กระป๋องเครื่องดื่ม หรืออาหาร ส าเร็จรูป ถังหูหิ้ว หลอดเครื่องส าอาง อลูมิเนียมฟอยล์ หรืออลูมิเนียมแผํนเปลว และกระป๋องฉีดพํนตําง ๆ 4. บรรจุภัณฑ์แก๎ว มีลักษณะใส มีความสวยงาม สามารถเห็นผลิตภัณฑ์ได๎ชัดเจน แตํมีข๎อเสีย คือ แตกหักงําย บรรจุภัณฑ์แก๎วจึงต๎องใช๎คูํกับเยื่อกระดาษขึ้นรูป หรือ กระดาษรังไขํ (Pulp mold) เพื่อปูองกัน การแตกร๎าว บรรจุภัณฑ์แก๎วที่นิยมผลิตและใช๎กันมีอยูํ 3 สี คือ สีใส เชํน ขวดแก๎ว ขวดน้ าหอม ขวดน้ าพริก ขวดแยม เป็นต๎น สีอ าพัน นิยมใช๎ท าขวดยา และขวดเบียร์ ซึ่งเป็นสีที่สามารถปูองกันการเกิดปฏิกิริยาเวลา ถูกแสงแดดหรือความร๎อนได๎และสีเขียว ลักษณะจะคล๎ายกับสีอ าพัน ใช๎กับประเภทเครื่องดื่ม 5. บรรจุภัณฑ์จากวัสดุธรรมชาติเป็นบรรจุภัณฑ์ที่ออกแบบและประดิษฐ์ขึ้นมาใช๎เพื่อวัตถุประสงค์ ในการอนุรักษ์สิ่งแวดล๎อม โดยชํวยลดปริมาณขยะและยํอยสลายได๎ตามธรรมชาติ จึงไมํเป็นอันตรายตํอ สิ่งแวดล๎อม นอกจากนี้ยังประหยัดคําใช๎จําย เมื่อเลือกใช๎วัสดุธรรมชาติที่มีมากในท๎องถิ่น หรือวัสดุที่ สามารถน ากลับมาใช๎ใหมํได๎ บรรจุภัณฑ์จากวัสดุธรรมชาติ สามารถแบํงได๎เป็น 3 ประเภท ได๎แกํ วัสดุ ประเภทเส๎นใย เชํน กล๎วย หวาย เตยปาหนัน กก กระจูด ผักตบชวา ซึ่งกํอนน ามาสานเป็นบรรจุภัณฑ์ต๎อง ผํานการแปรสภาพด๎วยการตากแห๎ง ฟอกขาว วัสดุที่แปรรูปเป็นแผํน และรูปทรงตําง ๆ เชํน กระดาษ และ วัสดุประเภทไม๎ เชํน ไม๎สัก ไม๎ไผํ ไม๎มะขาม เป็นต๎น
29 ภาพที่ 23 : บรรจุภัณฑ์จากวัสดุธรรมชาติ โดยศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์
30 ใบความรู้ การค านวณต้นทุน ก าไร การค านวณต๎นทุนเป็นสํวนหนึ่งของระบบบัญชีและการเงินของการด าเนินงานธุรกิจ เป็นการ บันทึกการวัดผลและรายงานข๎อมูลเกี่ยวกับต๎นทุนของสินค๎าของกิจการโดยทั่วไป การค านวณต๎นทุนจะใช๎ เวลาและลงรายละเอียดมากในกิจการที่ผลิตสินค๎า แตํไมํได๎หมายความวํากิจการประเภทอื่น เชํน กิจการ ขายสํง ขายปลีกร๎านอาหารหรือบริการตําง ๆ ไมํมีความส าคัญในการที่ต๎องค านวณต๎นทุน การค านวณ ต๎นทุนสามารถน าไปใช๎ได๎ในทุกกิจการเพราะมีความส าคัญตํอการบริหารจัดการธุรกิจ ดังนี้ 1. เพื่อให๎ทราบถึงต๎นทุนการผลิต และต๎นทุนขายของธุรกิจ 2. เพื่อสามารถน าต๎นทุนทั้งหมดของกิจการมาเปรียบเทียบกับรายได๎จากการขาย เพื่อจะได๎ทราบ วํามีก าไรหรือขาดทุนในการขายสินค๎า 3. เพื่อค านวณหรือตีราคาสินค๎าคงเหลือที่ขายได๎ไมํหมดวํามีมูลคําคงเหลือเทําไหรํ 4. เพื่อใช๎ในการวางแผนและควบคุมการซื้อสินค๎าและจัดท างบประมาณในการซื้อสินค๎า รวมทั้ง ตํอรองราคากับผู๎ขายวัตถุดิบ 5. เพื่อใช๎ในการตัดสินใจวําสินค๎าใดควรขายตํอไป และสินค๎าใดควรเลิกขาย (ในกรณีที่ผู๎ผลิตมี สินค๎าหลายชนิด) ต้นทุนแบ่งออกได้เป็น 2 ลักษณะ 1. ต๎นทุนผันแปร คือต๎นทุนที่ผันแปรตามจ านวนหนํวยที่ผลิตหรือขาย เชํน วัตถุดิบ คําแรงทางตรง คําใช๎จํายในการผลิตทางตรง เป็นต๎น 2. ต๎นทุนคงที่ คือต๎นทุนที่เกิดขึ้นไมํวํากิจการจะได๎ขายสินค๎าหรือไมํ ต๎นทุนนี้จะไมํเปลี่ยนแปลง ตามจ านวนหนํวยที่ผลิตหรือขาย เชํน เงินเดือนพนักงานหน๎าร๎าน คําเชําร๎าน คําเสื่อมราคา คําประกันภัย เป็นต๎น ดังนั้น ต๎นทุนการผลิตจะประกอบไปด๎วยวัตถุดิบ + คําแรงงาน + คําใช๎จํายในการผลิต ซึ่งทั้งสาม รายการนี้เป็นเพียงสํวนของการผลิตเทํานั้น หากจะคิดต๎นทุนรวมของสินค๎าจ าเป็นต๎องน าคําใช๎จํายในการ ขาย และด าเนินการมารวมด๎วย เชํน เงินเดือน คําคอมมิชชั่นพนักงานขาย คําแรงพนักงานขายหน๎าร๎าน คําการตลาด (โฆษณา แผํนพับ) คําเชําส านักงานและร๎าน คําไฟฟูาและน้ าประปา คําโทรศัพท์คําน้ ามันรถ ดอกเบี้ย คําเชํารถ คําใช๎จํายเบ็ดเตล็ด ฯลฯ เพื่อการค านวณต๎นทุนให๎ใกล๎เคียงความจริง หากค านวณแคํ วัตถุดิบ คําแรงงาน และคําน้ า คําไฟฟูา ก็อาจท าให๎ได๎ต๎นทุนสินค๎าที่น๎อยกวําความเป็นจริง และมีผลท าให๎ ตั้งราคาขายที่ต่ าไป และอาจท าให๎ขาดทุนได๎ การค านวณแบบงํายเหมาะกับผู๎ประกอบการรายเล็กที่มีสินค๎าหรือผลิตภัณฑ์น๎อยชนิด อาจขายเพียงน้ าพริก หรือแชมพูก็ได๎ซึ่งเหมาะกับการค านวณสินค๎าประเภท OTOP ที่มีความชัดเจนในเรื่องการใช๎วัตถุดิบ คําแรงงานตํอรอบ การผลิต และไมํมีการเก็บสต๏อกวัตถุดิบไว๎การค านวณจ าเป็นต๎องคิดเพื่อให๎ทราบถึง ต๎นทุนผลิตตํอหนํวย และน าต๎นทุนผลิตไปรวมกับคําใช๎จํายในการด าเนินการ เพื่อให๎ทราบถึงต๎นทุนรวมของ สินค๎าอีกครั้งหนึ่ง
31 ตัวอย่าง การคิดต้นทุน ก าไร การผลิต และค่าใช้จ่ายในการท าขนมไทย วัน เดือน ปี รายการ จ านวนสิ่งของ จ านวนเงิน (บาท) หมายเหตุ 1 มี.ค. 2564 ค่าใช้จ่าย (ต้นทุน) การก าหนดราคา ขาย คิดจาก ต๎นทุน + ก าไรที่ ต๎องการ ข๎าวเหนียว 1,000 กรัม 45 งาด า 1,000 กรัม 120 น้ าตาลปี๊บ 400 กรัม 15 ถั่วลิสง 500 กรัม 45 เกลือ 36 กรัม 2 คําเบ็ดเตล็ด (คําไฟฟูา คําน้ า คําแก๏ส ฯลฯ) - 22.7 คําแรงงาน 1 คน 200 รวมค่าใช้จ่าย 449.7 รายได้ ขายขนมแดกงา และขนมข๎าวโปง 150 ชิ้น ๆ ละ 3 บาท 449.7 ก าไร 224.85 บาท การก าหนดราคาขายตํอหนํวย ดังนี้ 1. ก าหนดก าไรที่ต๎องการได๎จากต๎นทุน X (ก าไรที่ต๎องการหารด๎วย 100) ตัวอย่างเช่น ขายขนมแดกงาและขนมข๎าวโปง จากต๎นทุน 449.7 บาท ต๎องการก าไรร๎อยละ 50 ดังนั้น ก าไรที่ต๎องการ = 449.7 X 50 หาร 100 = 224.85 2. การก าหนดราคาขายตํอหนํวย ได๎มาจากต๎นทุน + ก าไร หารด๎วยจ านวนหนํวย ตัวอย่าง ท าขนมขนมแดกงาและขนมข๎าวโปง ได๎ 150 ชิ้น จากต๎นทุน 449.7 บาท และก าไรที่ต๎องการ 224.85 บาท ฉะนั้น ราคาขายตํอชิ้น = 449.7 บาท + 224.85 บาท หารด๎วย 150 ชิ้น = 4.50 บาท หมายเหตุ การก าหนดก าไรที่ต๎องการขึ้นอยูํกับสิ่งเหลํานี้ด๎วย เชํน ราคาตลาด ลักษณะของสินค๎าและบริการ เป็นสินค๎าหายาก เป็นสินค๎าเฉพาะกลุํม หรือมีฤดูกาลเข๎ามาเกี่ยวข๎องสามารถก าหนดก าไรที่ต๎องการให๎ สูงขึ้นได๎ การตั้งราคาให๎สามารถแขํงขันได๎นั้นต๎องอยูํบนพื้นฐานความสมดุลระหวํางความพึงพอใจของผู๎ซื้อ และผู๎ขาย ถ๎าสินค๎าโดยทั่วไปมีขายกันแพรํหลาย มีคูํแขํงมากต๎องก าหนดก าไรให๎น๎อยลง
32 ใบงาน การคิดต้นทุน ก าไร ผู๎เรียน/กลุํม.................................................................................................................................................. เรื่อง.............................................................................................................................................................. วัน เดือน ปี รายการ จ านวนสิ่งของ จ านวนเงิน (บาท) หมายเหตุ คําใช๎จําย (ต๎นทุน) .................................................. .................................................. .................................................. .................................................. .................................................. .................................................. .................................................. .................................................. .................................................. 1. ให๎ก าหนดก าไรที่ ต๎องการ คิดเป็นร๎อยละ กํอน 2. แล๎วค านวณหาราคา ตํอหนํวยจึงจะทราบ รายได๎ 3. น ารายได๎ที่ได๎มาใสํ ตาราง รวมค่าใช้จ่าย รายได๎จากการขาย .................................................. .................................................. .................................................. .................................................. .................................................. .................................................. รวมรายได้ 1. ก าไรที่ต๎องการ = ต๎นทุน x ( ร๎อยละของก าไรที่ต๎องการหารด๎วย 100 ) 2. ก าหนดราคาขายตํอหนํวย = ต๎นทุน + ก าไร = ____________ จ านวนหนํวย
33 ใบความรู้ ช่องทางการตลาด ชํองทางการตลาด เป็นสํวนส าคัญในการด าเนินธุรกิจ ชํองทางการตลาดหรือชํองทางการจัด จ าหนําย มีความหมายเดียวกันซึ่งเป็นหนึ่งใน 4P ของสํวนประสมการตลาด (Marketing mix) ที่นักการตลาด นิยมน าสํวนประสมทั้งสี่มาวางเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดและการขายในยุคปัจจุบัน ดังนั้น ชํองทางการจัด จ าหนําย (Marketing channel) จึงถูกเข๎ารวมอยูํใน P=Place นั่นคือสถานที่ขาย แหลํงขาย ชํองทางการ ขายสินค๎า สินค๎าแตํละชนิดอาจมีชํองทางขายที่แตกตํางกันไป สินค๎าอุปโภคมีชํองทางการขายผํานร๎าน สะดวกซื้อ อาหารสดก็มีชํองทางการขายหน๎าร๎านหรือหน๎าบ๎านของผู๎ผลิต อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ เสื้อผ๎า ส าเร็จรูปอาจใช๎ชํองทางการขายได๎หลายชํองทาง เชํน ขายทางออนไลน์ ขายหน๎าร๎านตนเอง ขายในตลาดนัด ขายในห๎างสรรพสินค๎า มีการแบํงชํองทางการจ าหนํายในยุคปัจจุบันได๎เป็นต๎น 1. การเลือกสถานที่ขายหรือท าเลที่ตั้ง 1.1 ความส าคัญของการเลือกที่ตั้ง การตัดสินใจเลือกสถานที่ขายหรือท าเลที่ตั้ง เป็นการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์เนื่องจากมีผลกระทบตํอ ธุรกิจในระยะยาว โดยเฉพาะตํอความได๎เปรียบในเชิงแขํงขันทางธุรกิจและจะมีผลตํอความส าเร็จของธุรกิจ ซึ่งผู๎ประกอบการต๎องพิจารณาถึงกลยุทธ์ที่ตั้งของธุรกิจที่มีความส าคัญตํอการด าเนินงาน 2 กลยุทธ์ส าคัญ ได๎แกํ 1.1.1 กลยุทธ์ที่ตั้งตามพื้นที่ เป็นแนวทางในการก าหนดให๎ที่ตั้งแตํละแหํงรับผิดชอบพื้นที่ แตํละสํวน โดยต๎องผลิตสินค๎าและบริการทุกอยํางส าหรับพื้นที่นั้น ๆ ซึ่งธุรกิจที่เลือกใช๎กลยุทธ์ที่ตั้งตามพื้นที่ มักเป็นธุรกิจค๎าปลีกหรือบริการ 1.1.2 กลยุทธ์ที่ตั้งตามผลิตภัณฑ์เป็นแนวทางในการก าหนดให๎ที่ตั้งหนึ่งแหํงท าการผลิต สินค๎าเพียงหนึ่งอยําง โดยยึดหลักของความส าคัญของวัตถุดิบที่มีในพื้นที่ 1.2 หลักเกณฑ์ในการเลือกสถานที่ท าเลที่ตั้ง การตัดสินใจเลือกสถานที่ท าเลที่ตั้ง เป็นกระบวนการที่มีความสลับซับซ๎อนมากขึ้นเมื่อโลกก๎าวเข๎าสูํ ยุคโลกาภิวัตน์อีกทั้งธุรกิจขนาดยํอมจ านวนมากได๎มีการเติบโตขึ้น และได๎พัฒนาไปอยํางรวดเร็ว ดังนั้น ผู๎ประกอบการควรพิจารณาถึงความจ าเป็นที่มีลักษณะเฉพาะเจาะจงส าหรับกิจการควบคูํกันไปในแตํละ สถานการณ์ ดังนี้ 1.2.1 ความพึงพอใจส่วนบุคคล โดยที่ผู๎ประกอบการสํวนหนึ่งมักจะพิจารณาตั้งกิจการ ของตนเองในชุมชนที่ตนอาศัยอยูํเป็นท าเลในการประกอบการ อยํางไรก็ตามในแงํของการด าเนินธุรกิจไมํได๎ หมายความวําจะมีเพียงพื้นที่ ซึ่งตนเองมีความเคยชินเทํานั้นที่เหมาะสมตํอการตั้งกิจการเพราะ ผู๎ประกอบการธุรกิจสามารถใช๎ประโยชน์ในด๎านตําง ๆ จากสิ่งเหลํานี้ได๎ไมํวําจะเป็นในด๎านภาพลักษณ์ สํวนตัว การได๎รับความเชื่อถือหรือการยอมรับจากสังคมและอาศัยประโยชน์จากความคุ๎นเคย ความสามารถในการอ๎างอิงกับบุคคลตําง ๆ ภายในชุมชนที่เกี่ยวข๎องกับกิจการของตนมากขึ้น 1.2.2 ความได้เปรียบด้านต้นทุน โดยเฉพาะคําแรงหรือคําวัตถุดิบในพื้นที่ ที่มีต๎นทุนใน การด าเนินธุรกิจต่ าซึ่งสิ่งเหลํานี้สะท๎อนถึงคําใช๎จํายในการลงทุนในชํวงเริ่มต๎นของกิจการที่จะชํวยลดต๎นทุน การผลิตให๎ต่ าลง 1.2.3 ความสามารถในการจัดการทรัพยากร เป็นการสะท๎อนให๎เห็นถึงคําใช๎จํายในการ ด าเนินงานทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เนื่องจากทักษะประสบการณ์ของแรงงานจะมีความสัมพันธ์โดยตรง กับผลิตผลและคุณภาพในกระบวนการผลิตของผลิตภัณฑ์ความยั่งยืนของแรงงานในท๎องถิ่นมีผลกระทบตํอ
34 อัตราคําจ๎าง ซึ่งถือเป็นต๎นทุนที่ส าคัญผู๎ประกอบการจะต๎องค านึงถึงอยูํเสมออีกทั้งแหลํงที่ตั้งต๎องมีความใกล๎ กันกับวัตถุดิบและความสามารถในการขนสํงที่ธุรกิจต๎องมีการบริหารจัดการอยํางมีประสิทธิภาพ 1.2.4 การเข้าถึงลูกค้า ธุรกิจขนาดยํอมยุคปัจจุบันต๎องให๎ความส าคัญผันแปรแหลํงที่ตั้ง ของธุรกิจไปตามประเภทของกิจการ เชํน ธุรกิจค๎าปลีกและบริการต๎องมีรายละเอียดของสถานที่แสดงสินค๎า บริการและรูปแบบ ดังนั้น การเลือกสถานที่หรือท าเลที่ตั้งต๎องใกล๎ชิดกับลูกค๎าและอ านวยความสะดวกตํอ การเข๎ามาติดตํอและถือเป็นปัจจัยที่มีผลตํอความส าเร็จของกิจการ ดังนั้น ในขั้นตอนแรกของเกณฑ์การเลือกสถานที่หรือท าเลที่ตั้ง ผู๎ประกอบการต๎องตัดสินใจกํอนวํา จะเลือกด าเนินธุรกิจในชุมชน หมายถึง จังหวัดหรืออ าเภอแล๎วจึงท าการตัดสินใจขั้นสุดท๎ายคือการเลือก บริเวณที่ตั้งจากหลาย ๆ พื้นที่ภายในชุมชน ซึ่งเป็นการระบุถึงต าแหนํงของที่ตั้งอยํางละเอียด 2. การจัดและตกแต่งหน้าร้าน สํวนใหญํร๎านขายสินค๎ามักจะมีผู๎ขายซึ่งเป็นเจ๎าของกิจการเอง หรือบางร๎านอาจมีการจ๎างพนักงาน ขายของโดยเฉพาะเพื่อท าหน๎าที่เอาใจใสํดูแล และแนะน าให๎ค าอธิบายตําง ๆ แกํลูกค๎าหากเป็นร๎านขนาด ใหญํมีสินค๎าหลายชนิดยํอมท าให๎ต๎องมีพนักงานขายจ านวนมาก การจัดตกแต่งร้านค้ามีความส าคัญต้องค านึงถึงสิ่งต่อไปนี้ 1. แสงสว่างภายในร้าน ควรจัดร๎านให๎มีความสวํางทั่วทั้งร๎านจากแสงไฟฟูาที่ร๎านได๎ติดเอาไว๎แสง สวํางธรรมชาติมักไมํเพียงพอ และแสงแดดมักท าความเสียหายให๎แกํสินค๎าการใช๎แสงไฟฟูา แม๎จะมี คําใช๎จํายสูงแตํก็จูงใจลูกค๎าให๎เข๎ามาซื้อสินค๎าได๎มากกวําร๎านที่ดูมืดสลัวมุมห๎องมืด ๆ กํอนตัดสินใจเรื่องแสง สวํางควรรู๎วําคําไฟฟูาเทําไรและใช๎ไฟฟูากี่ดวงถึงจะคุ๎มคํากับการขายสินค๎าด๎วย 2. การตกแต่งสีภายนอกและภายในร้าน นอกจากการทาสีร๎านค๎าให๎สดใสสวําง สวยงามแล๎ว สี ของหีบหํอและตัวสินค๎าก็สามารถน ามาตกแตํงให๎ร๎านค๎าดูดีขึ้นจะต๎องให๎ผู๎คนเห็นสินค๎าชัดเจนและสวยงาม 3. การจัดหมวดหมู่ของขนม ขนมที่มีลักษณะใกล๎เคียงกันหรือขนมที่ใช๎รับประทานรํวมกันจะต๎อง จัดวางไว๎ด๎วยกัน เชํน ขนมหม๎อแกงวางใกล๎กับขนมตะโก๎ ข๎าวเหนียววางใกล๎กับสังขยา เป็นต๎น 4. การติดป้ายราคาสินค้า การติดปูายบอกราคาสินค๎าให๎ชัดเจนที่ลูกค๎าสามารถมองเห็นได๎หรือ อํานได๎ เป็นการให๎ความสะดวกกับลูกค๎าในการตัดสินใจซื้อสินค๎า 5. การจัดวางสินค้า มีความส าคัญตํอการจูงใจลูกค๎าให๎เลือกซื้อสินค๎า เพื่อให๎สะดวกและเกิดความ พึงพอใจ ควรค านึงถึงสิ่งตํอไปนี้ 5.1 ความพึงพอใจของลูกค๎า 5.2 จัดสินค๎าไว๎ในบริเวณที่จะขาย 5.3 จัดสินค๎าไว๎ในระดับสายตาให๎มากที่สุด 5.4 จัดสินค๎าด๎านหน๎าบนชั้นให๎เต็มอยูํเสมอ 5.5 ชั้นจะต๎องปรับระดับได๎ตามขนาดของสินค๎า 5.6 การใช๎กลํองหนุนสินค๎าให๎ดูมีมิติ สวยงามแม๎จะมีสินค๎าไมํมากนัก 5.7 ความเป็นระเบียบเรียบร๎อย 5.8 สินค๎ามากํอนต๎องจ าหนํายกํอน ต๎องจ าหนํายสินค๎าเกํากํอนสินค๎าใหมํเสมอ พยายามวางสินค๎า มากํอนไว๎แถวหน๎าเสมอ ควรจัดสินค๎าที่มากํอนให๎ดูสดใสสะอาดเหมือนสินค๎าใหมํ 3. การขาย การขาย คือ กระบวนการทั้งทางตรงและทางอ้อมของการจูงใจให้ผู้ซื้อสินค้าหรือบริการยินยอม กระท าสิ่งใดสิ่งหนึ่งซึ่งจะท าให้เกิดประโยชน์ทางด้านการค้าแก่ผู้ขาย เมื่อผู้ผลิตสินค้าไปสู่ผู้บริโภคมีสิ่งที่ควร พิจารณา ดังนี้
35 1. การหาตลาด ควรค านึงถึงความต้องการของตลาดว่ามีมากน้อยเพียงใด โดยใช้วิธีสังเกต สอบถามกับคนรู้จัก เพื่อนบ้าน และผู้ซื้อ กระแสการบริโภคของลูกค้ามีความต้องการซื้อเป็นของขวัญของ ฝากหรือรับประทานในครอบครัว ตลาดควรเป็นตลาดที่มีการซื้อขายอย่างต่อเนื่อง เช่น ขายทางออนไลน์ ขายหน๎าร๎านตนเอง ขายในตลาดนัด ขายในห๎างสรรพสินค๎า เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อจะได้ตรงตามความต้องการ ของตลาด 2. วิธีการจ าหน่าย เมื่อผู้ผลิตลงทุนผลิตสินค้าขึ้นมาเพื่อน าสินค้าออกสู่ตลาด ถ้าผู้ผลิตสามารถ เลือกช่องทางการตลาด การจ าหน่ายสินค้าได้อย่างถูกต้องสินค้าก็จะเข้าถึงลูกค้าได้ง่าย ซึ่งอาจเป็นการ จ าหน่ายจากผู้ผลิตถึงลูกค้าโดยตรงด้วยการจัดหาสถานที่ส าหรับจ าหน่ายสินค้าที่เป็นหลักแหล่ง มีการจัด วางสินค้าที่สามารถน าเสนอสินค้าให้ดูสวยงาม หรือเป็นผู้ผลิตให้พ่อค้าคนกลางมารับซื้อไปขายให้กับ ผู้บริโภคอีกต่อหนึ่ง เพื่อกระจายสินค้าได้อย่างทั่วถึง 3. การโฆษณาประชาสัมพันธ์ถือเป็นสิ่งส าคัญที่จะท าให้ผู้ซื้อหรือลูกค้ารู้จักเกิดความต้องการที่ จะซื้อเป็นวิธีการโน้มน้าวผู้ซื้อ ที่ส าคัญการโฆษณาประชาสัมพันธ์มีหลายวิธี เช่น ใช้วิธีบอกปากต่อปาก การจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์สินค้าการออกร้านตามงานเทศกาลต่าง ๆ ของอ าเภอหรือจังหวัด การ ประชาสัมพันธ์ผ่านอินเตอร์เน็ต โดยสิ่งที่เป็นการช่วยประชาสัมพันธ์อย่างหนึ่งก็คือคุณภาพสินค้า เมื่อผู้ซื้อ หรือลูกค้าได้ซื้อสินค้าไป เช่น มีรสชาติดี มีคุณภาพ ราคาย่อมเยา จะเป็นการช่วยประชาสัมพันธ์อีกช่องทาง หนึ่ง 4. การส่งเสริมการขาย การสํงเสริมการขาย หมายถึง การจูงใจที่เสนอคุณคําพิเศษ หรือการจูงใจผลิตภัณฑ์แกํผู๎บริโภค คนกลาง (ผู๎จัดจ าหนําย) หรือหนํวยงานขาย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการสร๎างยอดขายในทันที จาก ความหมายนี้สามารถสรุปได๎วํา 1. การสํงเสริมการขายเป็นการให๎สิ่งจูงใจพิเศษเพื่อกระตุ๎นให๎เกิดการซื้อ เชํน คูปอง ของแถม การชิงโชค การแลกซื้อ เป็นต๎น 2. การสํงเสริมการขายเป็นเครื่องมือกระตุ๎น กิจกรรมการสํงเสริมการขาย มีวัตถุประสงค์เพื่อ กระตุ๎นให๎เกิดการซื้อจ านวนมากขึ้น และสามารถตัดสินใจซื้อได๎ในเวลาทันทีทันใด 3. การสํงเสริมการขายใช๎ในการจูงใจกลุํมตําง ๆ 3 กลุํม คือ 3.1 การสํงเสริมการขายที่มุํงสูํผู๎บริโภค เป็นการสํงเสริมการขายที่มุํงสูํผู๎บริโภคคนสุดท๎าย เพื่อจูงใจให๎เกิดการซื้อจ านวนมากขึ้น ตัดสินใจซื้อได๎รวดเร็วขึ้น เกิดการทดลองใช๎ ถือวําเป็นการใช๎กลยุทธ์ดึง 3.2 การสํงเสริมการขายที่มุํงสูํคนกลาง เป็นการสํงเสริมการขายที่ มุํงสูํพํอค๎าคนกลาง ผู๎จัดจ าหนําย หรือผู๎ขาย ถือวําเป็นการใช๎กลยุทธ์ผลัก 3.3 การสํงเสริมการขายที่มุํงสูํพนักงานขาย เป็นการสํงเสริมการขายที่มุํงสูํพนักงานขาย หรือหนํวยงานขาย เพื่อให๎ใช๎ความพยายามใน การขายมากขึ้น ถือวําเป็นการใช๎กลยุทธ์ผลัก วัตถุประสงค์ของการสํงเสริมการขาย 1. การดึงลูกค๎าใหมํ 2. การรักษาลูกค๎าเกําไว๎ 3. การสํงเสริมลูกค๎าในปัจจุบันให๎ซื้อสินค๎าในปริมาณมาก 4. การเพิ่มอัตราการใช๎ผลิตภัณฑ์ 5. การสํงเสริมการขายท าให๎ผู๎บริโภคเกิดการยกระดับ 6. การเสริมแรงการโฆษณาในตราสินค๎า
36 5. การเลือกช่องทางการจัดจ าหน่าย การเลือกชํองทางการจัดจ าหนําย สามารถแบํงชํองทางการจ าหนํายสินค๎า แบํงออกเป็น 2 ประเภท คือ 1. ช่องทางการจ าหน่ายทางตรง คือ ผู๎ผลิตขายสินค๎าไปยังผู๎ใช๎หรือผู๎บริโภคด๎วยตนเอง 2. ช่องทางการจ าหน่ายทางอ้อม คือ ผู๎ผลิตขายสินค๎าผํานตัวกลาง ตัวแทนจ าหนํายร๎านค๎าสํง และร๎านค๎าปลีก เพื่อจ าหนํายไปยังผู๎ใช๎หรือผู๎บริโภค ชํองทางการจ าหนํายทั้งสองประเภทนี้ยังแบํงเป็นชํองทางขายได๎อีกหลายชํองทางโดยจะกลําวถึง ชํองทางขายที่ส าคัญดังตํอไปนี้ ช่องทางจ าหน่ายทางตรงมีช่องทางขาย ดังนี้ 1. ขายผ่านหน้าร้านแบบไม่เคลื่อนที่ เป็นการขายผํานหน๎าร๎านสาขาทั้งเป็นร๎านค๎าของตนเองหรือ เชําหน๎าร๎านตามห๎างสรรพสินค๎า Modern trade เชําพื้นที่ขายในปั้มน้ ามัน ขายออกบูทตามงานแสดง สินค๎าเชําพื้นที่ในอาคารส านักงาน เป็นต๎น 2. ขายผ่านหน้าร้านที่เคลื่อนที่ไปมา เชํน ขายผลไม๎ในรถบรรทุกที่ย๎ายไปขายตามสถานที่ตําง ๆ ได๎ตามความต๎องการเปิดท๎ายขายของตามตลาดนัดตําง ๆ หาบเรํแผงลอย เป็นการขายแบบอิสระ เปลี่ยนเส๎นทางขายบ๎าง เปลี่ยนสินค๎าขายบ๎าง สินค๎าที่ขายอาจเป็นสินค๎าตามฤดูกาลหรือเป็นสินค๎าที่ผู๎ขาย ไปหาซื้อได๎มาในชํวงเวลานั้น ๆ 3. ขายผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ สื่อออนไลน์การขายลักษณะ E-commerce นี้จะขายผํานหน๎า โฮมเพจของของร๎านค๎าโดยมีตะกร๎าให๎ซื้อ และมีการโอนเงินกํอนซื้อซึ่งมีบริษัทหลายแหํงเพิ่มชํองทางการ ขายทางอิเล็กทรอนิกส์จ านวนมาก เชํน Shopee Lazada 7- 11 ขายโดยให๎ลูกค๎าเลือกซื้อใน Catalogue ส าหรับการขายผําน Social media เป็นการขายที่นิยมกันในกลุํมคนที่ยังท างานประจ า และใช๎เวลาวําง ให๎เป็นประโยชน์และกลุํมอาชีพอิสระที่ต๎องการขายสินค๎าเป็นอาชีพเสริม การขายประเภทนี้จะขายผําน Facebook Intragram Line เป็นต๎น 4. ขายผ่านสื่อการขายที่เป็นอุปกรณ์ทันสมัย เชํน ขายผํานโทรศัพท์มือถือ ผํานเครื่องเอทีเอ็ม ผํานตู๎หยอดเหรียญตําง ๆ เชํน น้ าอัดลม กาแฟ เกมส์ เครื่องกดน้ าดื่ม เครื่องซักผ๎า เป็นต๎น การขายผําน เครื่องใช๎เหลํานี้ท าให๎ประหยัดเรื่องแรงงานคนท าให๎ต๎นทุนการขายต่ าไปด๎วย 5. ขายผ่านพนักงานขาย แม๎วําการขายผํานพนักงานจะเป็นวิธีเกําที่ใช๎กันมานานแตํก็เป็นวิธีที่ดี ที่สุดส าหรับสินค๎าที่ขายให๎กับอุตสาหกรรมเพราะต๎องการการสาธิต การอธิบายวิธีการใช๎และรายละเอียด คุณสมบัติของสินค๎า สินค๎าใหมํที่ต๎องการการอธิบายและเข๎าถึงกลุํมลูกค๎าเปูาหมายจ าเป็นต๎องใช๎การขาย ผํานพนักงานขายเพื่อให๎รู๎จักสินค๎าและทราบถึงคุณสมบัติของสินค๎ากํอน นอกจากนั้นการขายผํานพนักงาน ขายท าให๎กิจการได๎รับ Feedback จากลูกค๎าวําพอใจหรือไมํพอใจในสินค๎าของกิจการซึ่งท าให๎เจ๎าของ กิจการน ามาปรับปรุงแก๎ไขได๎ภายหลัง
37 ช่องทางการจ าหน่ายโดยอ้อมมีช่องทางการขายดังนี้ 1. ขายผ่านตัวแทนจ าหน่าย สินค๎าจ าเป็นต๎องมีการแตํงตั้งตัวแทนขายเพื่อกระจายสินค๎าได๎ ทั่วประเทศ เชํน รถยนต์ เครื่องจักรตําง ๆ ยางรถยนต์ อะไหลํรถยนต์ สินค๎าบางประเภทจ าเป็นต๎องมี ตัวแทนจ าหนํายหากผู๎ผลิตไมํเชี่ยวชาญในการตลาดแตํมีความเชี่ยวชาญในการผลิตมากกวํา การขายผําน ตัวแทนยังเหมาะกับการขายสินค๎าที่เป็นบริการเชํนขายกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์และประกันชีวิตเป็นต๎น 2. ขายผ่านคนกลางทั้งผู้ค้าส่งหรือผู้ค้าปลีก ส าหรับผู๎ผลิตสินค๎าอุปโภคและบริโภคมักจะใช๎ วิธีการขายผํานผู๎ค๎าสํงตามอ าเภอและจังหวัดตําง ๆ เพื่อกระจายสินค๎า ส าหรับผู๎ผลิตรายเล็กก็อาจขายผําน ผู๎ค๎าปลีกที่ขายตรงให๎กับกลุํมลูกค๎าเปูาหมายได๎ 3. ขายผ่านระบบแฟรนไชส์ผู๎ผลิตที่มีการขายแฟรนไชส์ให๎กับบุคคลภายนอกสามารถใช๎วิธีการขาย ผลิตภัณฑ์ผํานเครือขํายหรือแฟรนไชส์ของตนเองได๎เชํน ราชาบะหมี่ชายสี่บะหมี่เกี้ยว ข๎าวมันไกํมิดไนท์ เป็นต๎น ส าหรับผู๎ประกอบการที่ด าเนินธุรกิจสํงออกสินค๎าไปตํางประเทศก็มีชํองทางการขายสองทาง เชํนกันคือ เป็นผู๎สํงออกเองโดยขายตรงให๎กับลูกค๎า และอีกทางหนึ่งคือขายสินค๎าผําน Trader ที่เป็น ตัวกลางขายสินค๎าให๎กับตํางประเทศ ปัจจุบันธุรกิจขนาดใหญํมักใช๎ชํองทางการขายทั้งทางตรงและทางอ๎อม รํวมไปด๎วยกัน โดยขายผํานหน๎าร๎าน ผํานสื่อออนไลน์ ผํานสาขา ผํานตัวแทนจ าหนํายและใช๎กลยุทธ์ตําง ๆ ในการสํงเสริมการขายและประชาสัมพันธ์อยํางกว๎างขวางเพื่อท าให๎ธุรกิจเติบโตขึ้นอยํางรวดเร็ว
38 แบบประเมินผลการจัดการศึกษาและฝึกอบรมหลักสูตรระยะสั้น หลักสูตรวิชา.................................................................................... จ านวน....................... .........ชั่วโมง ระหวํางวันที่..........เดือน......................พ.ศ..................ถึงวันที่..........เดือน......................พ.ศ.................. สถานที่จัด ณ................................................................................................................. .................... เกณฑ์การให้คะแนนประเมินผลการจัดการศึกษาและฝึกอบรมหลักสูตรระยะสั้น ศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์ 1. ความรู้ความเข้าใจในเนื้อหาสาระ 20 คะแนน 1.1 แบบทดสอบ (20 คะแนน) 2. ทักษะการปฏิบัติ 40 คะแนน 2.1 การเตรียมวัสดุอุปกรณ์ (10 คะแนน) 2.1.1 การจัดเตรียมวัสดุ (5 คะแนน) 2.1.2 การจัดเตรียมอุปกรณ์ (5 คะแนน) 2.2 ปฏิบัติตามขั้นตอน (20 คะแนน) 2.2.1 ปฏิบัติตามขั้นตอน (5 คะแนน) 2.2.2 ปฏิบัติงานเสร็จตามเวลา (5 คะแนน) 2.2.3 ปฏิบัติงานด๎วยความสะอาดเรียบร๎อย (5 คะแนน) 2.2.4 ปฏิบัติงานด๎วยความคลํองแคลํว (5 คะแนน) 2.3 มีทักษะในการท างานเป็นทีม (10 คะแนน) 2.3.1 การเคารพกฎ กติกา และการยอมรับความคิดเห็นของผู๎อื่น (5 คะแนน) 2.3.2 การมีปฏิสัมพันธ์กับผู๎อื่น (5 คะแนน) 3. คุณภาพของผลงาน/ผลการปฏิบัติงาน (40 คะแนน) 3.1 ผลงาน/ชิ้นงาน เป็นไปตามที่หลักสูตรก าหนด (30 คะแนน) 3.1.1 คุณภาพของชิ้นงาน (10 คะแนน) 3.1.2 องค์ประกอบของชิ้นงาน (10 คะแนน) 3.1.3 การตกแตํง/บรรจุภัณฑ์ของชิ้นงาน (10 คะแนน) 3.2 การน าเสนอผลงาน/ชิ้นงาน (10 คะแนน) ระดับผลการเรียน การตัดสินผลการเรียนให๎น าคะแนนระหวํางการจัดการเรียนการสอนรวมกับคะแนนจาก แบบทดสอบหลังเรียนแล๎วน าไปเปรียบเทียบกับเกณฑ์ที่ก าหนด เพื่อให๎คําระดับผลการเรียนทั้ง 5ระดับ ดังนี้ 1. ได๎คะแนน 80 – 100 ได๎เกรด 4 หมายถึง ดีมาก 2. ได๎คะแนน 70 - 79 ได๎เกรด 3 หมายถึง ดี 3. ได๎คะแนน 60 - 69 ได๎เกรด 2 หมายถึง ปานกลาง 4. ได๎คะแนน 50 - 59 ได๎เกรด 1 หมายถึง ผํานเกณฑ์ขั้นต่ าที่ก าหนด 5. ได๎คะแนน 0 - 49 ได๎เกรด 0 หมายถึง ต่ ากวําเกณฑ์ที่ก าหนด
ล าดับ ที่ เลขประจ าตัว ประชาชน ชื่อ – สกุล 1. ความรู้ความเข้าใจ ในเนื้อหาสาระ 20 คะแนน 2. ทั1.1 แบบ ทดสอบ (20) 2.1 การเตรียม วัสดุอุปกรณ์ (10) 2.1.1 (5) 2.1.2 (5) 2.2.1 (5) ลงชื่อ..................................................วิทยากร (......................................................) ลงชื่อ..................................................หัว (......................................................
39 ทักษะการปฏิบัติ 40 คะแนน 3. คุณภาพของผลงาน ผลการปฏิบัติงาน 40 คะแนน รวม 100 คะแนน ผลการเรียน 2.2 ปฏิบัติตามขั้นตอน (20) 2.3 มีทักษะใน การท างานเป็น ทีม (10) 3.1 ผลงาน/ชิ้นงาน เป็นไปตามที่หลักสูตร ก าหนด (30) 3.2 การน าเสนอ ผลงาน/ชิ้นงาน (10) 2.2.2 (5) 2.2.3 (5) 2.2.4 (5) 2.3.1 (5) 2.3.2 (5) 3.1.1 (5) 3.1.2 (5) 3.1.3 (5) วหน๎ากลุํมสํงเสริมปฏิบัติการ ) ลงชื่อ..................................................ผู๎อนุมัติ (......................................................) 39
40 บรรณานุกรม กรมสํงเสริมอุตสาหกรรม. (2561). ชํองทางการขายในยุคปัจจุบัน. สืบค๎นเมื่อ 18 มิถุนายน 2562, จาก https://bsc.dip.go.th/th/category/marketing2/fs-salechannelpresent กราฟฟิกโปรดิวซ์. (2561). หลักการออกแบบบรรจุภัณฑ์. สืบค๎นเมื่อ 20 กันยายน 2561, จาก http://www.graphicproduce.com/knowledgedetail.php?no=19 จริยา เดชกุญชร. (2549). ขนมไทย เลํม 2. กรุงเทพฯ: เพชรการเรือน. ชมรมนักก าหนดอาหารแหํงจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. (2557). เมื่อวานปูาทานอะไร?. กรุงเทพฯ: มติชน. ธัญนันท์อบถม. (2556). ขนมหวานไทย (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ: อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง. นิธิยา รัตนาปนนท์. (2556). หลักโภชนาศาสตร์(พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ: โอเดียนสโตร์. ปัญจพาณ์พฤกสลุง. (2561). คุณประโยชน์ของขนมไทย. สืบค๎นเมื่อ 9 กรกฎาคม 2561, จาก https://sites.google.com/site/panjapa38/khun-prayochn-khxng-khnm-thiy วันดีณ สงขลา. (2555). ต านานอาหารสามแผํนดิน. กรุงเทพฯ: โรงเรียนครัววันดี. นลิน ครูอมรพัฒนะ. (2553). เส๎นทางขนมไทย. กรุงเทพฯ: แสงแดด. คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์. "บทปฏิบัติการเรื่องถั่วลิสง". [ออนไลน์]. เข๎าถึง ได๎จาก: www.natres.psu.ac.th. [26 ต.ค. 2013]. กรมวิชาการเกษตร. [ออนไลน์]. เข๎าถึงได๎จาก: it.doa.go.th. [26 ต.ค. 2013]. ฐานข๎อมูลอาหารพื้นบ๎านล๎านนา. ส านักหอสมุด มหาวิทยาลัยเชียงใหมํ และส านักบริการเทคโนโลยี สารสนเทศ มหาวิทยาลัยเชียงใหมํ. อ๎างอิงใน: หนังสือสารานุกรมสมุนไพร รวมหลักเภสัชกรรมไทย (วุฒิ วุฒิธรรมเวช). [ออนไลน์]. เข๎าถึงได๎จาก: library.cmu.ac.th. [26 ต.ค. 2013].
41 คณะผู้จัดท าหลักสูตร ที่ปรึกษา นางอุทัยวรรณ โพธิ์กระจําง ผู๎อ านวยการศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์ คณะที่ปรึกษาจัดท าหลักสูตร นายเชาวฤทธิ์ จงเกษกรณ์ ผู๎ทรงคุณวุฒิด๎านวัดผลและประเมินผล นางอุมาพร แขดอน ผู๎ทรงคุณวุฒิด๎านอาชีพ นายรชฏ ศิริวัฒนะ ภูมิปัญญาด๎านการท าขนม ผู้จัดท าหลักสูตร นางวัชรินทร์ พลอยสํงศรี ครูผู๎ชํวย นายบดินทร์ภัทร์ พุํมพันธ์วงศ์ ครูผู๎ชํวย นางรุํงนภา ศรีชัย ครูผู๎ชํวย นางสาวพัฒนีนาถ ภักดีอักษร ครูผู๎ชํวย นายวิทวัส เทียนข า ครูผู๎ชํวย นางสาวดาววดี เครืออํอน นักจัดการงานทั่วไป นางสาวนุชจรี หอมสมบัติ นักวิชาการเงินและบัญชี นายสิทธิชัย ศาสตร์ประสิทธิ์ นักจัดการงานทั่วไป นายสมเกียรติ หนํวงกลาง นักวิชาการศึกษา นางสุรีย์รัตน์ แพํงประสิทธิ์ เจ๎าพนักงานธุรการ นางสาวสุรีฉาย จันทร เจ๎าพนักงานการเงินและบัญชี นางสาวสุวิมล อินเฉียน นักวิชาการพัสดุ นางสาวอุนนดา ชูรัศมี นักวิชาการศึกษา นางสาวณัฐกานต์ ครุธพันธ์ นักจัดการงานทั่วไป นางสาวชวัลพัชร เพียรกสิกรรม นักวิชาการโสตทัศนศึกษา นางสาวศิริพร เกตุประทุม เจ๎าหน๎าที่เกษตร ผู้สนับสนุนข้อมูลจัดท าหลักสูตร นางสาววาณีรัตน์วงษ์วิกย์กิจ ภูมิปัญญาท๎องถิ่น นางสมจิตร ทิพย์ศิริ ภูมิปัญญาท๎องถิ่น นางจิราภรณ์ จงเกษกรณ์ วิทยากร นางรังสินี คุปติเกษม วิทยากร นายรชฏ ศิริวัฒนะ วิทยากร นางณัฐพัชร ไชยกุล วิทยากร นางสาวธนิษฐา นาคบัว วิทยากร รูปเล่ม / หน้าปก นางรุํงนภา ศรีชัย ครูผู๎ชํวย นางสาวดาววดี เครืออํอน นักจัดการงานทั่วไป นายสิทธิชัย ศาสตร์ประสิทธิ์ นักจัดการงานทั่วไป นางสาวชวัลพัชร เพียรกสิกรรม นักวิชาการโสตทัศนศึกษา
42