The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

การทำช่อดอกไม้ติดหน้าอก

ปี 2565


ก ค ำน ำ ด้วยศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์ จังหวัดอุทัยธานี เป็นศูนย์ที่จัดฝึกอบรมด้านอาชีพในท้องถิ่น ตามพระราชด าริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีโดยมี วัตถุประสงค์เพื่ออนุรักษ์อาชีพให้ประชาชนมีรายได้ และเพื่อศึกษาค้นคว้า วิจัยพัฒนาอาชีพความรู้ต่าง ๆ จากภูมิ ปัญญาท้องถิ่นตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงที่ส าคัญคือใช้เป็นแหล่งเรียนรู้และจัดกิจกรรมการศึกษา นอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยในทุกรูปแบบ ได้แก่ เป็นศูนย์สาธิต ทดลอง จัดแสดง และจัดจ าหน่าย ผลิตภัณฑ์ของศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์ และผลิตภัณฑ์จากโครงการพระราชด าริ รวมถึงการสนับสนุน ประสานงานร่วมกับภาคีเครือข่ายในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้และการศึกษาอาชีพให้มีงานท า สร้างรายได้ให้ ตนเองและครอบครัว เพื่อให้การด าเนินงานเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งศูนย์ฯ ที่เน้นเรื่องการมีอาชีพเพื่อ การมี งานท า มีรายได้ และสืบสานอนุรักษ์อาชีพต่าง ๆ ให้คงอยู่ โดยเฉพาะในเรื่องของอาหารคาวและขนมไทย ซึ่ง ในจังหวัดอุทัยธานีประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทางการเกษตรท าให้มีความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากร นอกจากนี้ยังได้น าศาสตร์พระราชามาใช้ในการด าเนินชีวิต แต่ในปัจจุบันสภาพทางเศรษฐกิจสังคม โครงสร้าง ประชากรเปลี่ยนไปมีเทคโนโลยีใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมายจึงท าให้วิถีชีวิต การใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่เปลี่ยนไป กระแสวัฒนธรรมเรื่องการกินมีการเปลี่ยนแปลง ชีวิตคนรุ่นใหม่ต้องการความสะดวก รวดเร็วไม่มีเวลาจะมาท า กิจกรรมที่ต้องใช้เวลายุ่งยากและซับซ้อน จึงท าให้ภูมิปัญญาท้องถิ่นบางอย่างก าลังจะสูญหายไป ซึ่งหมาย รวมถึงอาหารและขนมไทย ดังนั้นศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์ได้ตระหนักถึงความส าคัญและต้องการสืบสาน การอนุรักษ์ด้านอาหารและขนมไทยของจังหวัดอุทัยธานีจึงได้คัดเลือกอาหารและขนมไทยที่ก าลังจะสูญหาย มาจัดท าเป็นหลักสูตรเพื่อเผยแพร่ให้ประชาชนทั่วไปได้มีความรู้ ความเข้าใจ สามารถน าไปประกอบอาชีพ ต่อไป ศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์ ขอขอบคุณผู้ทรงคุณวุฒิ วิทยากรวิชาชีพ และนักวิชาการศึกษาจาก ส านักงาน กศน. ที่ได้ร่วมพัฒนาหลักสูตรและจัดท าแผนการเรียนรู้รวมทั้งสื่อต่าง ๆ ให้ส าเร็จไปด้วยดี และหวัง เป็นอย่างยิ่งว่าหลักสูตรเล่มนี้จะเป็นประโยชน์ต่อวิทยากรและผู้เรียนต่อไป ศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์


ข สำรบัญ หน้ำ ค ำน ำ ก ควำมรู้เกี่ยวกับวัสดุ อุปกรณ์ที่ใช้ในกำรท ำช่อดอกไม้ติดหน้ำอก 1 ควำมรู้พื้นฐำนในกำรจัดกำรเรียนรู้ตำมหลักสูตรกำรท ำช่อดอกไม้ติดหน้ำอก 9 หลักสูตรกำรท ำช่อดอกไม้ติดหน้ำอก ความเป็นมา 10 จุดประสงค์การเรียนรู้ 11 ระยะเวลา 11 กลุ่มเป้าหมาย 11 โครงสร้างหลักสูตร 11 แหล่งการเรียนรู้และสื่อประกอบการสอน 12 การวัดการประเมินผลการเรียน 12 เกณฑ์การจบหลักสูตร 12 เอกสารหลักฐานการศึกษา 12 แผนกำรจัดกระบวนกำรเรียนรู้หลักสูตรกำรท ำช่อดอกไม้ติดหน้ำอก ใบความรู้ เรื่องคุณค่าของการท าช่อดอกไม้ติดหน้าอก 16 ใบความรู้ การท าช่อดอกไม้ติดหน้าอก 20 ใบงาน แบบบันทึกการท าช่อดอกไม้ติดหน้าอก 22 ใบความรู้ บรรจุภัณฑ์ 23 ใบความรู้ การค านวณต้นทุน ก าไร 26 ใบงาน การคิดต้นทุน ก าไร 27 ใบความรู้ ช่องทางการตลาด 28 แบบวัดและประเมินผลการท าช่อดอกไม้ติดหน้าอก 33 ภำคผนวก 36 รำยชื่อคณะผู้จัดท ำหลักสูตร บรรณำนุกรม


1 ควำมรู้เกี่ยวกับวัสดุและอุปกรณ์ วัสดุและอุปกรณ์ที่ใช้ในหลักสูตรกำรท ำช่อดอกไม้ติดหน้ำอก วัสดุและอุปกรณ์ที่ใช้ในหลักสูตรกำรท ำช่อดอกไม้ติดหน้ำอก ในการจัดเตรียมวัสดุและอุปกรณ์ในการจัดท าหลักสูตรการท าช่อดอกไม้ติดหน้าอก จะต้องใช้วัสดุ และอุปกรณ์หลากหลายชนิด ตั้งแต่ด้าย กรรไกร เข็มกลัด ไม้บรรทัด ไม้เสียบลูกชิ้น ดอกไม้ประดิษฐ์ ใบไม้ ประดิษฐ์ ปืนกาว ถาดพลาสติก เพื่อประกอบการท า และการจัดเตรียมวัสดุและอุปกรณ์ให้พร้อม วัสดุและ อุปกรณ์ทุกชนิดที่น ามาใช้ต้องอยู่ในสภาพที่ดีพร้อมใช้งาน ซึ่งท าให้การประกอบอาหารได้ดี ไม่เสียแรงงาน และประหยัดเวลา วัสดุและอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้ประกอบด้วย อุปกรณ์ในกำรท ำศิลปะประดิษฐ์ เข็มในการร้อยมาลัย มีหลากหลายชนิด เช่น เข็มมาลัย เข็มมือ เป็นต้น ซึ่งต้องเป็นเข็มเฉพาะใน การใช้งาน การเลือกใช้เข็มในการร้อยมาลัย จะเลือกใช้เข็มที่ให้ความสะดวกในการใช้งานเพื่อให้สามารถ ร้อยมาลัยได้หลายรูปแบบ ซึ่งมีขั้นตอนในการร้อยแตกต่างกันออกไป เพื่อให้สามารถร้อยมาลัย ได้อย่างประณีต สวยงาม ด้ำย ด้ายมีลักษณะเป็นเส้นยาวที่ประกอบขึ้นจากเส้นใยหลาย ๆ เส้นรวมกัน ผลิตจากเส้นใยสังเคราะห์ หรือเส้นใยธรรมชาติโดยอาจมีการขึ้นเกลียวหรือไม่ก็ได้ ด้ายแบ่งเป็น 3 ประเภทหลักๆ คือ ด้ายจากเส้นใย สั้น (spun yarn) ด้ายจากเส้นใยยาว (filament yarn) และ ด้ายชนิดพิเศษ (special yarn) วิธีกำรเลือกซื้อ ต้องค านึงถึงคุณภาพของด้าย และให้เหมาะสมกับการใช้งาน โดยค านึงถึงสีที่ต้องการใช้งาน ชนิด ของด้าย เลือกยี่ห้อที่น่าเชื่อถือ และมีความแข็งแรง ทนทาน สามารถใช้งานได้เป็นอย่างดี วิธีกำรใช้งำน เส้นด้ายส าหรับงานมาลัยมี 2 ขนาด คือ ขนาดใหญ่ และขนาดเล็ก ด้ายร้อยมาลัยเส้นใหญ่ ควรใช้ ด้ายคู่ ด้ายร้อยอุบะใช้เส้นเล็ก เบอร์ 40 หรือ 60 นิยมใช้ด้ายสีขาว ส าหรับด้ายเย็บ หรือมัดดอกข่า ควรใช้ ด้ายเส้นเล็ก และควรเป็นสีเดียวกับกลีบดอกไม้ที่ใช้ท าตุ้มดอกข่า วิธีกำรเก็บรักษำ ก่อนการเก็บหลอดด้ายควรน าปลายด้ายสอดไว้ในรอยบากหรือที่เก็บด้าย ถ้าหลอดด้ายแบบไม่มี รอยบาก ใช้เทปใสปิดปลายด้ายให้ติดกับหลอดด้าย ควรเก็บด้ายในกล่องอุปกรณ์ให้เรียบร้อย ภาพที่ 1 : ด้าย โดย ศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์ กรรไกร (Scissors) กรรไกร เป็นเครื่องมือสามัญที่จัดอยู่ในกลุ่มเครื่องมือตัด ถูกออกแบบมาให้ใช้ได้ด้วยมือเปล่า มีทั้งแบบใช้มือเดียวและใช้สองมือ และมีคุณสมบัติเด่นหลัก ๆ คือ ช่วยให้ตัดชิ้นงานได้ทันใจ ประหยัดแรง ประหยัดเวลา พกพาสะดวก ไม่เปลืองพื้นที่จัดเก็บ และวิธีการบ ารุงรักษาเครื่องมือท าได้ง่าย กรรไกรมี


2 หลายประเภท แต่ละประเภทมีรูปทรงและรูปแบบการใช้งานได้ดีต่างกัน จึงท าให้เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือตัดที่ นิยมใช้กันเกือบทุกสายงาน วิธีกำรเลือกซื้อ สิ่งแรกที่เลือกซื้อคือต้องให้ตรงกับความต้องการใช้งานในแต่ละประเภท โดยค านึงถึงใบมีด ที่มีคุณภาพ ต้องเป็นเหล็กกล้าไร้สนิท ง่ายต่อการลับให้คม ขนาดกะทัดรัด เหมาะสมกับการใช้งาน ถือจับได้ อย่างสบาย คุ้มค่าสมกับราคาและการใช้งาน ทั้งยังต้องปลอดภัยส าหรับการใช้งาน วิธีกำรใช้งำน ควรใช้กรรไกรให้เหมาะสมกับประเภทการใช้งาน ตรวจสอบสภาพของกรรไกร ให้มีสภาพพร้อมต่อ การใช้งาน ไม่เป็นสนิม และต้องมีการลับให้คมอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้สามารถใช้งานได้ วิธีกำรเก็บรักษำ ไม่ควรตัดวัสดุอย่างอื่น และไม่ให้ตกพื้น หลังการใช้งานควรใช้ผ้าชุบน้ ามันเช็ดท าความสะอาด หลังจากใช้งาน เก็บในกล่องอุปกรณ์การตัดเย็บ ไม้บรรทัด ใช้วัดระยะเพื่อก าหนดขนาดของชิ้นงานและก าหนดต าแหน่งเพื่อท าเครื่องหมาย ไม่ควร บิดงอไม้บรรทัด ไม่เคาะไม้บรรทัดกับของแข็ง หลังการใช้งานเช็ดให้สะอาดเก็บใส่ปลอกหรือซองให้ เรียบร้อย หรือเก็บใส่กล่อง วิธีกำรเลือกซื้อ สิ่งแรกที่เลือกซื้อคือต้องให้ตรงกับความต้องการใช้งานในแต่ละประเภท โดยค านึงถึงความ เหมาะสมกับการใช้งาน ถือจับได้อย่างสบาย คุ้มค่าสมกับราคาและการใช้งาน วิธีกำรใช้งำน ควรใช้ไม้บรรทัดให้เหมาะสมกับประเภทการใช้งาน ตรวจสอบสภาพของไม้บรรทัด ให้มีสภาพ พร้อมต่อการใช้งาน ไม่แตกหัก และต้องมีตัวเลขที่ชัดเจนเพื่อให้สามารถใช้งานได้ วิธีกำรเก็บรักษำ หลังการใช้งานควรใช้ผ้าเช็ดท าความสะอาดหลังจากใช้งาน เก็บในกล่องอุปกรณ์การตัดเย็บ ภาพที่ 2 : กรรไกร โดย ศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์ ภาพที่ 3 : ไม้บรรทัด โดย ศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์


3 ลวด ลวดชุบขาว เป็นวัสดุที่มีชื่อเรียกหลากหลาย เช่น ลวดชุบสังกะสี (Galvanized Wire) ลวดขาว ลวดชุบกัลป์วาไนซ์หรือลวดเหล็กชุด ซึ่งชื่อเหล่านี้มีที่มาจากการกระบวนการผลิตของลวดชุบขาวนั่นเอง วิธีกำรเลือกซื้อ ควรเลือกซื้อลวดชุบขาวจากร้านวัสดุก่อสร้างที่น่าเชื่อถือ นิยมขายกันตามขนาดและน้ าหนักต่อขด เป็นหลัก ผู้ซื้อต้องตรวจสอบให้ดีว่าขนาดและน้ าหนักของลวดชุบขาวที่ต้องการ สิ่งแรกที่เลือกซื้อคือต้องให้ ตรงกับความต้องการใช้งานในแต่ละประเภท คุ้มค่าสมกับราคาและการใช้งาน ทั้งยังต้องปลอดภัยส าหรับ การใช้งาน วิธีกำรใช้งำน ควรใช้ลวดให้เหมาะสมกับประเภทการใช้งาน ตรวจสอบสภาพของลวด ให้มีสภาพพร้อมต่อการใช้ งาน ไม่เป็นสนิม และต้องมีความมันวาวเพื่อให้สามารถใช้งานได้ตลอดเวลา วิธีกำรเก็บรักษำ หลังการใช้งานควรท าความสะอาดหลังจากใช้งาน เก็บในกล่องอุปกรณ์การตัดเย็บให้เรียบร้อย คีบปำกแหลม (Needle Nose Pliers) คีมปากแหลม มีหน้าตาเป็นเอกลักษณ์ คือปากจะยาวแหลม ๆ ทั้งนี้ปากที่ยาวนั้น ถูกออกแบบมา เพื่อความแม่นย ามากขึ้น คีมปากแหลมนี้สามารถใช้งานได้หลากหลาย ส่วนมากใช้ในงานดัด ตัด วัสดุต่าง ๆ ให้เป็นไปตามต้องการ ทั้งนี้คีมปากแหลม ยังมีรูปแบบการออกแบบมาให้ใช้งานแบบเฉพาะเจาะจงในงาน นั้น ๆ เช่น งานตกปลา งานไฟฟ้า งานสร้างเครื่องประดับ งานจักรยาน งานประดิษฐ์ งานในห้องแลป เป็น ต้น ซึ่งจัดได้ว่าคีมปากแหลมเป็นหนึ่งในคีมที่นิยมอย่างมาก ซึ่งช่างแทบทุกคนจะมีติดตัวอย่างน้อยคนละ 1 ชิ้นอย่างแน่นอน วิธีกำรเลือกซื้อ วิธีการเลือกซื้อคีมปากแหลม ต้องเลือกคีมยี่ห้อที่ดี มีคุณภาพ มีความแข็งแรง ทนทาน สามารถใช้ งานได้นาน วิธีกำรใช้งำน วิธีการใช้งาน ต้องค านึงถึงการใช้งาน ต้องใช้คีมให้เหมาะสมกับงาน ไม่ควรใช้คีมแทนค้อน หรือไม่ ควรใช้ค้อนตีลงบนคีม และไม่ควรใช้คีมในงานที่เป็นการงัดแงะสิ่งของ เพราะจะท าให้คีมเสียหายได้ ในส่วนของการใช้งาน ส าหรับงานร้อบมาลัย คีม ใช้ส าหรับจับเข็มมาลัยขณะรูดมาลัยออกจากเข็ม ภาพที่ 4 : ลวด โดย ศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์


4 วิธีกำรเก็บรักษำ วิธีการเก็บรักษา หลังจากที่ใช้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ควรเช็ดท าความสะอาด หยดน้ ามันที่จุดหมุน แล้วชโลมน้ ามันหลังการใช้งานท า ปืนกำว เสียบปลั๊กให้ร้อน ความร้อนจะละลายแท่งกาวซิลิโคน ใช้ส าหรับปะติดวัสดุต่างๆ เช่น ผ้า ไม้ พลาสติก หิน เปลือกหอย หลังการใช้งานดึงปลั๊กออก ใช้เศษผ้าเช็ดปากของปืนยิงกาวให้สะอาด ทิ้งไว้ให้ เย็น เก็บสายไฟให้เรียบร้อย แขวนหรือใส่กล่องเครื่องมือ วิธีกำรเลือกซื้อ สิ่งแรกที่เลือกซื้อคือต้องให้ตรงกับความต้องการใช้งานในแต่ละประเภท โดยค านึงถึงความคงทน เหมาะสมกับการใช้งาน ถือจับได้อย่างสบาย คุ้มค่าสมกับราคาและการใช้งาน ทั้งยังต้องปลอดภัยส าหรับ การใช้งาน วิธีกำรใช้งำน ควรใช้ปืนกาวให้เหมาะสมกับประเภทการใช้งาน ตรวจสอบสภาพของปืนกาวให้มีสภาพพร้อมต่อ การใช้งาน เพื่อให้สามารถใช้งานได้ วิธีกำรเก็บรักษำ หลังการใช้งานควรท าความสะอาดหลังจากใช้งาน เก็บในกล่องอุปกรณ์การตัดเย็บ ดอกไม้/ใบไม้ประดิษฐ์ ดอกไม้ประดิษฐ์หมายถึง สิ่งประดิษฐ์ที่ประดิษฐ์ขึ้นจากวัสดุมีลักษณะคล้ายรูปร่างดอกไม้ที่ถูกผลิต ขึ้นมาจากแรงงานฝีมือมนุษย์ เครื่องจักร หรืออุปกรณ์การผลิต โดยมีการใช้วัตถุดิบการผลิตจากธรรมชาติ ภาพที่ 6 : ปืนกาว โดย ศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์ ภาพที่ 5 : คีมปากแหลม โดย ศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์


5 หรือวัตถุดิบที่เกิดจากการสังเคราะห์มาผลิตโดยผ่านขั้นตอนการประดิษฐ์ ดัดแปลง อบ ย้อม เผา เคลือบ สารเคมี รวมทั้งท าการตกแต่งตัดต่อเติม เพื่อก่อให้เกิดความสวยงาม โดยดอกไม้ที่ประดิษฐ์ขึ้นมาอาจจะมี ความเหมือนหรือไม่เหมือนธรรมชาติก็ได้ขึ้นกับวัตถุประสงค์การใช้งาน โดยคุณสมบัติของดอกไม้ประดิษฐ์ที่ ส าคัญคือ มีความคงทน ง่ายต่อการเคลื่อนย้ายและดูแลรักษา มีความสวยงาม สามารถน าไปใช้ในการ ประดับในโอกาสต่างๆ การประดิษฐ์ดอกไม้ด้วยฝีมือมนุษย์เป็นศิลปะที่มีความละเอียดอ่อน มุ่งหวังที่จะด ารงความงดงาม ตามธรรมชาติของดอกไม้ให้คงอยู่ ไม่ร่วงโรย เหี่ยวเฉา การท าดอกไม้ประดิษฐ์ จึงเริ่มต้นที่การใช้ความ สังเกต ศึกษา ค้นคว้า รูปลักษณะ สีสันตามธรรมชาติ ของดอกไม้แต่ละชนิด แต่ละประเภท แล้วถ่ายทอด การท าออกมาเป็นดอกไม้ประดิษฐ์ ดอกไม้ประดิษฐ์ อาจถือได้ว่าเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของบางชนชาติ ที่ มีการสืบทอดการประดิษฐ์ดอกไม้มายาวนาน วิธีกำรเลือกซื้อ สิ่งแรกที่เลือกซื้อคือต้องให้ตรงกับความต้องการใช้งานในแต่ละประเภท โดยค านึงถึงคุณภาพ ต้อง เป็นเหมาะสมกับการใช้งาน คุ้มค่าสมกับราคาและการใช้งาน วิธีกำรใช้งำน ควรใช้ให้เหมาะสมกับประเภทการใช้งาน ตรวจสอบสภาพให้มีสภาพพร้อมต่อการใช้งาน ตลอดเวลา เพื่อให้สามารถใช้งานได้ วิธีกำรเก็บรักษำ หลังการใช้งานควรจัดเก็บแยกชนิดให้เรียบร้อย จัดเก็บในกล่องอุปกรณ์เพื่อสะดวกในการใช้งาน ครั้งถัดไป ภาพที่ 7 : ดอกไม้/ใบไม้ประดิษฐ์ โดย ศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์


6 เข็มกลัด (Safety Pin) ใช้ส าหรับกลัดหรือยึดสิ่งของต่างๆ เข้าด้วยกัน โดยลักษณะตรงปลายเป็นเข็มหัวแหลมและส่วนหัว เข็มกลัดจะมีช่องไว้ซ่อนปลายเข็มเอาไว้ ผลิตมาจากวัสดุหลายชนิด เช่น เหล็ก พลาสติก ทองเหลือง สเตนเลส เป็นต้น มีให้เลือกใช้งานหลายสีหลายขนาด ใช้งานง่าย พกพาใช้งานได้สะดวก และเก็บรักษาได้ ง่าย จึงนิยมน ามาใช้งานกันอย่างแพร่หลายในร้านตัดเย็บเสื้อผ้า ช่างดีไซเนอร์ กลัดเสื้อผ้า ผ้าอ้อมเด็ก ชุด ไทย งานถัก Handmade นอกจากนี้ยังใช้เข็มกลัดเป็นเครื่องประดับกลัดเสื้อผ้า ผ้าพันคอ กระเป๋า ต่างหู สายรัดข้อมือ เป็นต้น วิธีกำรเลือกซื้อ สิ่งแรกที่เลือกซื้อคือต้องให้ตรงกับความต้องการใช้งานในแต่ละประเภท โดยค านึงถึงความคงทน เหมาะสมกับการใช้งาน ถือจับได้อย่างสบาย คุ้มค่าสมกับราคาและการใช้งาน ทั้งยังต้องปลอดภัยส าหรับ การใช้งาน วิธีกำรใช้งำน ควรใช้เข็มกลัดให้เหมาะสมกับประเภทการใช้งาน ตรวจสอบสภาพของเข็มกลัดให้มีสภาพพร้อม ต่อการใช้งาน เพื่อให้สามารถใช้งานได้ วิธีกำรเก็บรักษำ หลังการใช้งานควรเก็บในกล่องอุปกรณ์ให้เรียบร้อย ไม้เสียบลูกชิ้น ใช้ส าหรับท าก้านช่อดอกเพื่อยึดติดกับเข็มกลัดและช่อดอกไม้ติดหน้าอก วิธีกำรเลือกซื้อ สิ่งแรกที่เลือกซื้อคือต้องให้ตรงกับความต้องการใช้งานในแต่ละประเภท โดยค านึงถึงความคงทน เหมาะสมกับการใช้งาน คุ้มค่าสมกับราคาและการใช้งาน ทั้งยังต้องปลอดภัยส าหรับการใช้งาน วิธีกำรใช้งำน ควรใช้ไม้เสียบลูกชิ้นให้เหมาะสมกับประเภทการใช้งาน ตรวจสอบสภาพของไม้เสียบลูกชิ้นให้มี สภาพพร้อมต่อการใช้งาน เพื่อให้สามารถใช้งานได้และควรใช้ด้วยควำมระมัดระวัง วิธีกำรเก็บรักษำ หลังการใช้งานควรเก็บในกล่องอุปกรณ์ให้เรียบร้อย ภาพที่ 8 : เข็มกลัด โดย ศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์


7 ฟลอร่ำเทป ส าหรับใช้พันลวดและก้านของดอกไม้ เพื่อให้ติดแน่นและติดกันตามที่ต้องการโดยใช้คุณสมบัติของ กาวที่แข็งแรงและมั่นคง เหมาะอย่างยิ่งกับการใช้ตกแต่งดอกไม้ทุกประเภท ท ามากจากกระดาษสีติดทนที่มี น้ าหนักเบา ยืดหยุ่น และสามารถใช้ได้กับดอกไม้พลาสติก ดอกไม้ลวด หรือดอกไม้จริง วิธีกำรเลือกซื้อ สิ่งแรกที่เลือกซื้อคือต้องให้ตรงกับความต้องการใช้งานในแต่ละประเภท โดยค านึงถึงความคงทน เหมาะสมกับการใช้งาน คุ้มค่าสมกับราคาและการใช้งาน วิธีกำรใช้งำน ควรใช้ไม้เสียบลูกชิ้นให้เหมาะสมกับประเภทการใช้งาน ตรวจสอบสภาพของไม้เสียบลูกชิ้นให้มี สภาพพร้อมต่อการใช้งาน เพื่อให้สามารถใช้งานได้และควรใช้ด้วยควำมระมัดระวัง วิธีกำรเก็บรักษำ หลังการใช้งานควรเก็บในกล่องอุปกรณ์ให้เรียบร้อย ภาพที่ 9 : ไม้เสียบลูกชิ้น ภาพที่ 10 : ฟลอร่าเทป


8 ควำมรู้พื้นฐำนในกำรจัดกำรเรียนรู้ตำมหลักสูตรศิลปะประดิษฐ์กำรท ำช่อดอกไม้ติดหน้ำอก ความหมายของงานประดิษฐ์ หมายถึง งานที่เกิดจากการใช้ความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์สร้างหรือ ประดิษฐ์ขึ้นตามวัตถุประสงค์ที่หลากหลาย หรือเพื่อความสวยงาม หรือประดับตกแต่งหรือเพื่อประโยชน์ใช้ สอย ความเป็นมาของงานประดิษฐ์ สิ่งประดิษฐ์เกิดขึ้นเพราะมนุษย์เป็นผู้สร้างผู้พัฒนา ปรับปรุง และ เปลี่ยนแปลงแบบ ผลงานด้วยความคิดสร้างสรรค์ที่มีอยู่ในแต่ละบุคคล มีวัตถุประสงค์ในการสร้าง สิ่งประดิษฐ์เพื่อ ตอบสนอง ความต้องการด้านประโยชน์ใช้สอย งานประดิษฐ์มีความสัมพันธ์และเกี่ยวข้อง กับชีวิตประจ าวันของคน ไทยตั้งแต่สมัยโบราณ เกี่ยวข้องกับขนบธรรมเนียมและประเพณีทางศาสนา หลักการสร้างสรรค์งานประดิษฐ์การสร้างสรรค์งานประดิษฐ์ให้ประดิษฐ์ให้ประสบผลส าเร็จนั้น ผู้เรียนต้องมีความพึงพอใจ ในการท างาน โดยยึดหลักการดังนี้1. หมั่นศึกษาหาความรู้ในงานที่ตนเองสนใจ โดยศึกษาจากผู้เชี่ยวชาญการในชุมชนการโรงเรียน จาก ตัวอย่างสิ่งประดิษฐ์ที่สนใจ 2. ศึกษาหลักการ วิธีการ หรือขั้นตอนการปฏิบัติงาน ในการประดิษฐ์ชิ้นงานโดยการวิเคราะห์ ด้วย ตนเองหรือศึกษาจากผู้รู้ ผู้เชี่ยวชาญ หรือจากสื่อต่าง ๆ เช่น วารสาร หนังสือ เป็นต้น 3. ทดลองการปฏิบัติการประดิษฐ์ ผู้เรียนต้อง ศึกษาค้นคว้าและทดลองปฏิบัติตามแนวคิดที่ได้ สร้างสรรค์ไว้ และมีการปรับปรุงแก้ไข ข้อบกพร่องจน ส าเร็จเป็นชิ้นงานประดิษฐ์ที่พึงพอใจ


9 ชื่อหลักสูตรกำรท ำช่อดอกไม้ติดหน้ำอก จ ำนวน 5 ชั่วโมง ศูนย์วงเดือน อำคมสุรทัณฑ์ อ ำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธำนี 1.ควำมเป็นมำ ช่อดอกไม้ติดหน้าอก หรือ ในภาษาไทยเรียกง่ายๆว่า คอสาร์ท หรือช่อติดหน้าอก ซึ่งส่วนใหญ่ จะใช้ ในงานแต่งงาน งานประชุม เปิดตัวสินค้าต่างๆ ไว้ให้ส าหรับบุคคล VIP ในงานแต่งงาน ช่อลักษณะนี้ จะ เอาไว้ให้ ฝ่ายชาย ติดไว้ที่หน้าอกเสื้อ หรือ เสียบไว้ในรังดุม โดยจะใช้ดอกไม้ ดอกเดี่ยวๆ เช่น ดอกกุหลาบ คาร์เนชั่น แคททรียา และดอกไม้ประดิษฐ์อื่นๆ อาจมีใบไม้เล็กๆ มาช่วยประดับ หรือจะใช้แต่ตัวดอกเลยก็ ได้ เช่นช่อดอกไม้ติดหน้าอกเจ้าภาพ ช่อดอกไม้ติดหน้าอกประธาน ช่อดอกไม้ติดหน้าอกแขกในงาน สัมมนา งานต้อนรับผู้ใหญ่ ติดเพื่อเป็นเกียรติ ให้ความส าคัญ ให้ทราบว่าใครคือเจ้าภาพ ใครคือผู้มี เกียรติและยังสามารถเก็บเป็นของที่ระลึกได้ หรือเก็บไว้ใช้ในงานครั้งต่อๆไป ศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์ เป็นศูนย์ฝึกอาชีพราษฎรตามพระราชด าริ สมเด็จพระกนิษฐาธิราช เจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีได้ด าเนินการจัดวิชาชีพให้กับประชาชนที่สนใจ นับว่าการท าช่อดอกไม้ติดหน้าอก เป็นอีกหนึ่งทางเลือก ของช่องทางการประกอบอาชีพ เพื่อเป็นอาชีพ เสริมเพิ่มรายได้ และเป็นการพัฒนาต่อยอดอาชีพเดิม 2.หลักกำรของหลักสูตร 1 เป็นหลักสูตรที่มีความยืดหยุ่นในการจัดกระบวนการเรียนรู้ให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย ระยะเวลา และการวัดและการประเมินผล 2 มุ่งพัฒนาประชาชนให้ได้รับการศึกษาเพื่อพัฒนาอาชีพ และการมีงานท าอย่างมีคุณภาพ ทั่วถึง และเท่าเทียม สามารถลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ให้กับตนเองและครอบครัว 3 มุ่งเน้นพัฒนาประชาชนให้เป็นบุคคลที่มีวินัย เปี่ยมไปด้วยคุณธรรม จริยธรรม มีจิตอาสา มี ความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ รับผิดชอบต่อตนเองและสังคม 4 มุ่งเน้นกระบวนการกลุ่มฝึกปฏิบัติจริงของผู้เรียน 3.วัตถุประสงค์ 1 เพื่อให้ประชาชนมีความรู้ และความเข้าใจการท าช่อดอกไม้ติดหน้าอก 2 เพื่อให้ประชาชนมีทักษะในการท าช่อดอกไม้ติดหน้าอก 3 เพื่อให้ประชาชนสามารถน าความรู้ที่ได้รับไปประยุกต์ใช้ในการด ารงชีวิต และน าไปประยุกต์ใช้ ในการประกอบอาชีพได้ 4. จุดประสงค์กำรเรียนรู้ เพื่อให้ผู้เรียน 4.1 อธิบายความเป็นมาของช่อดอกไม้ติดหน้าอกได้ 4.2 อธิบายวัสดุ อุปกรณ์ และเลือกใช้ได้ 4.3 อธิบายขั้นตอนการท าช่อดอกไม้ติดหน้าอกได้ 4.4 ปฏิบัติการท าช่อดอกไม้ติดหน้าอกได้ 4.5 คิดต้นทุน ก าไรจากการจ าหน่ายช่อดอกไม้ติดหน้าอกได้ 4.6 อธิบายช่องทางการจัดการการตลาดของช่อดอกไม้ติดหน้าอกได้ 5.กลุ่มเป้ำหมำย กลุ่มประชาชนทั่วไป จ านวน 6 คนขึ้นไป


10 6.ระยะเวลำ จ านวน 5 ชั่วโมง - ภาคทฤษฎี จ านวน 1 ชั่วโมง - ภาคปฏิบัติ จ านวน 4 ชั่วโมง กลุ่มเป้ำหมำย กลุ่มประชาชนทั่วไป จ านวน 6 คนขึ้นไป 7.โครงสร้ำงเนื้อหำหลักสูตร เรื่อง ที่ หัวเรื่อง เวลำเรียน (ชั่วโมง) ทฤษฎี ปฏิบัติ รวม 1 ช่องทางการประกอบอาชีพการท าช่อดอกไม้ติดหน้าอก 1. ความเป็นมาของช่อดอกไม้ติดหน้าอก 2. ความเป็นไปได้และการตัดสินใจในการประกอบอาชีพการท าช่อดอกไม้ติดหน้าอก 15 นาที - 15 นาที 2 การจัดกระบวนการเรียนรู้ การท าช่อดอกไม้ติดหน้าอก 1. การท าช่อดอกไม้ติดหน้าอก 2. วัสดุ อุปกรณ์และการเลือกใช้ 3. ขั้นตอนการท าช่อดอกไม้ติดหน้าอก 4. การปฏิบัติการท าช่อดอกไม้ติดหน้าอก 30 นาที 3.30 ชั่วโมง 4.00 ชั่วโมง 3 การบริหารจัดการในการประกอบอาชีพการท าช่อดอกไม้ติดหน้าอก 1. การจัดหาหรือจัดท าการบรรจุหีบห่อ 2. การคิดต้นทุน ก าไรจากการจ าหน่ายช่อดอกไม้ติดหน้าอก 3. ช่องทางการจัดการการตลาดของช่อดอกไม้ติดหน้าอก 15 นาที 30 นาที 45 นาที รวมทั้งสิ้น 1.00 ชั่วโมง 4.00 ชั่วโมง 5.00 ชั่วโมง 8. กำรจัดกำรเรียนรู้ การบรรยายให้ความรู้ การสาธิต การลงมือปฏิบัติ การอภิปรายแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเรียนรู้ 9. สื่อกำรเรียนรู้ 9.1 สื่อสิ่งพิมพ์ เช่น หนังสือ ใบความรู้เป็นต้น 9.2 สื่ออิเล็กทรอนิกส์ เช่น คลิปวีดิโอ เป็นต้น 9.3 สื่อบุคคล เช่น วิทยากร ครูผู้สอน เป็นต้น 10. กำรจัดกระบวนกำรเรียนรู้ 10.1 การบรรยายให้ความรู้ ประกอบสื่อการเรียนรู้ 10.2 การสาธิต และลงมือปฏิบัติ 10.3 กระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน 11. กำรวัดและประเมินผล ประเมินความรู้ภาคทฤษฎี และภาคปฏิบัติจากการสอบถาม แบบทดสอบ การสังเกต การมีส่วนร่วม และจากชิ้นงาน/ผลงาน


11 12. กำรจบหลักสูตร 12.1 มีเวลาเรียนและฝึกปฏิบัติตามหลักสูตรไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 12.2 มีผลการประเมินผ่านตลอดหลักสูตรไม่น้อยกว่าร้อยละ 60 12.3 มีผลงาน/ชิ้นงานผ่านการประเมินตามมาตรฐานและคุณภาพ 13. เอกสำรหลักฐำนกำรศึกษำ 13.1 หลักฐานการประเมินผล 13.2 วุฒิบัตรออกโดยสถานศึกษา กำรประเมินผล วิธีกำร เครื่องมือ ทดสอบความรู้ความเข้าใจของผู้เรียน แบบทดสอบก่อนเรียน และหลังเรียน ทดสอบคุณธรรม จริยธรรมของผู้เรียน แบบประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ นิเทศ ติดตาม ประเมินผู้เรียน แบบประเมินผลงาน/ชิ้นงานของผู้เรียน ประเมินผลความพึงพอใจในการจัดกิจกรรม แบบประเมินความพึงพอใจ แนวทำงกำรประเมินผลกำรเรียน (รวบยอด) วิธีกำร เครื่องมือ เกณฑ์กำรจบหลักสูตร 1. ประเมินผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 1.1 ประเมินความรู้ทางภาคทฤษฎี 1.2 ประเมินทักษะการปฏิบัติ แบบทดสอบ ผลงาน/ชิ้นงาน มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ไม่น้อยกว่าร้อยละ 60 มีผลงาน/ชิ้นงานที่มีคุณภาพ


รำยละเอียดโครงสร้ำงหลักสูศูนย์วงเดือน อเรื่อง จุดประสงค์กำรเรียนรู้ เนื้อหำ เรื่องที่ 1 ช่องทำงกำรประกอบอำชีพกำรท ำช่อดอกไม้ติดหน้ำอก 1.ความเป็นมาของช่อ ดอกไม้ติดหน้าอก ทราบความเป็นมาของการ ท าช่อดอกไม้ติดหน้าอก ความเป็นมาของช่อดอกไม้ ติดหน้าอก 2.ความเป็นไปได้และการ ตัดสินใจในการประกอบ อาชีพการท าช่อดอกไม้ ติดหน้าอก ทราบถึงความเป็นไปได้และ การตัดสินใจในการประกอบ อาชีพการท าช่อดอกไม้ติด หน้าอก การตัดสินใจในการ ประกอบอาชีพการท าช่อ ดอกไม้ติดหน้าอก


12 สูตร วิชำกำรท ำช่อดอกไม้ติดหน้ำอก อำคมสุรทัณฑ์ กำรจัดกระบวนกำรเรียนรู้ สื่อกำรเรียนรู้ วัดและประเมินผล ชั่วโมง ทฤษฏี ปฏิบัติ วิทยากรบรรยายการท าช่อ ดอกไม้ติดหน้าอก วิทยากร ใบความรู้ 1. สังเกตความสนใจ 2. ซักถาม 5 นาที วิทยากรบรรยายพร้อมการ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ในการ ประกอบอาชีพการท าช่อ ดอกไม้ติดหน้าอก วิทยากร 1. สังเกตความสนใจ 2. ซักถาม 10 นาที


เรื่องที่ 2 กำรจัดกระบวนกำรเรียนรู้ กำรท ำช่อดอกไม้ติดหน้ำอก 1. การท าช่อดอกไม้ติด หน้าอก อธิบายการท าช่อดอกไม้ติด หน้าอกได้ การท าช่อดอกไม้ติดหน้าอก 2. วัสดุ อุปกรณ์ และการเลือกใช้ อธิบายวัสดุ อุปกรณ์ และเลือกใช้ได้ วัสดุ อุปกรณ์ และการเลือกใช้ 3. ขั้นตอนการท าช่อ ดอกไม้ติดหน้าอก อธิบายขั้นตอนการท าช่อ ดอกไม้ติดหน้าอกได้ ขั้นตอนการท าช่อดอกไม้ติด หน้าอก 4. การปฏิบัติการท าช่อ ดอกไม้ติดหน้าอก ปฏิบัติการท าช่อดอกไม้ติด หน้าอกตามขั้นตอนได้ การปฏิบัติการท าช่อดอกไม้ ติดหน้าอก


13 วิทยากรอธิบายการท าช่อ ดอกไม้ติดหน้าอก ใบความรู้ วิธีการท าช่อดอกไม้ ติดหน้าอก 1. สังเกตความสนใจ 2. ซักถาม 3. การมีส่วนร่วม 4. ชิ้นงาน/ผลงาน 5. ประเมินผลงาน ผู้เรียน โดยใช้ใบงาน ที่ก าหนด 10 นาที วิทยากรอธิบายวัสดุ อุปกรณ์ และให้ผู้เรียนเลือกใช้ในการ ท าช่อดอกไม้ติดหน้าอก 1. สื่อรูปภาพ 2. สื่อของจริง 5 นาที วิทยากรอธิบายขั้นตอนการ ท าช่อดอกไม้ติดหน้าอก 1. ใบความรู้ วิธีการท าช่อดอกไม้ ติดหน้าอก 2. แบบบันทึกการ เรียนรู้ของผู้เรียน หลักสูตรวิชาการท า ช่อดอกไม้ติดหน้าอก 15 นาที 1. วิทยากรสาธิตวิธีท า การท าช่อดอกไม้ติดหน้าอก และให้ผู้เรียนลงมือปฏิบัติ พร้อมบันทึกลงในใบงาน 2. วิทยากรและผู้เรียน แลกเปลี่ยนเรียนรู้ 3.30 ชั่วโมง


เรื่องที่ 3 กำรบริหำรจัดกำรในกำรประกอบอำชีพกำรท ำช่อดอกไม้ติดหน้ำอก 1. จัดหาหรือจัดท าบรรจุ หีบห่อ จัดหาหรือจัดท าบรรจุหีบห่อ ได้อย่างเหมาะสม การจัดหาหรือจัดท า บรรจุหีบห่อ 2. การคิดต้นทุน ก าไร คิดต้นทุน ก าไรจากการ จ าหน่ายช่อดอกไม้ติด หน้าอก ได้อย่างถูกต้อง การคิดต้นทุน ก าไร 3.ช่องทางการจัดการ การตลาดของช่อดอกไม้ ติดหน้าอก อธิบายช่องทางการจัดการ การตลาดของช่อดอกไม้ติด หน้าอกได้ ช่องทางการจัดการ การตลาด


14 วิทยากรอธิบายเทคนิคการ จัดหาหรือจัดท าบรรจุหีบห่อ 1. ใบความรู้ บรรจุภัณฑ์ 2. ตัวอย่าง บรรจุภัณฑ์ 1. สังเกตความสนใจ 2. ซักถาม 3. การมีส่วนร่วม 4. ชิ้นงาน/ผลงาน 5. ประเมินผลงาน ผู้เรียนโดยใช้ใบงาน ที่ก าหนด 5 นาที 15 นาที 1. วิทยากรให้ความรู้เกี่ยวกับ วิธีการค านวณต้นทุน ก าไร 2. ให้ผู้เรียนฝึกคิดต้นทุน ก าไร 2.1 ใบความรู้ การค านวณต้นทุน ก าไร 2.2 ใบงานการคิด ต้นทุน ก าไร 5 นาที 15 นาที วิทยากรแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เกี่ยวกับช่องทางการตลาด 3. ใบความรู้ ช่องทางการตลาด 5 นาที


15 ใบควำมรู้เรื่องคุณค่ำของกำรท ำช่อดอกไม้ติดหน้ำอก ช่อดอกไม้เป็นสิ่งส าคัญในงานแต่งงาน นอกจาก Bouquet ช่อดอกไม้ของเจ้าสาวหรือช่อ ดอกไม้ที่ติดบนปกเสื้อเพื่อนเจ้าบ่าว และผูกติดข้อมือเพื่อนเจ้าสาวอยู่ตลอดงาน ช่อดอกไม้เหล่านี้มี ชื่อเรียกเช่นกันเป็นภาษาฝรั่งเศส และมีเรื่องเล่าความเป็นมายาวนาน มาจากยุโรป Boutonniere (บูโทเนียร์) แปลว่า buttonhole หรือ รังดุม เป็นช่อดอกไม้ขนาดเล็กที่นิยมติด บนปกเสื้อของสุภาพบุรุษ Corsage (คอร์สาจ) แปลว่า ชุดท่อนบนของสุภาพสตรี ผู้หญิงสมัยก่อนนิยมติดช่อดอกไม้กับ เสื้อผ้าท่อนบน จึงเรียกว่า bouquet de corsage ช่อดอกไม้ของคอร์สาจ เมื่อกาลเวลาผ่านไป ถูก ตัดทอนให้เรียกง่ายเหลือแค่ Corsage รูปแบบช่อที่นิยมกันมาก คือ ก าไลดอกไม้ผูกข้อมือในงาน แต่งงาน ตั้งแต่สมัยโบราณนานมา ชาวกรีกเชื่อว่ากลิ่นหอมของดอกไม้และสมุนไพรช่วยปัดเป่าสิ่งร้าย ออกจากตัวได้ ความเชื่อนี้ได้ถูกส่งต่อมายังชาวยุโรปในช่วงศตวรรษที่ 16-17 ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ต ่างประดับดอกไม้ที ่ชุดเพราะเชื ่อว ่าดอกไม้เป็นสิ ่งมงคล ช ่วยให้ห ่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บและ วิญญาณชั่วร้าย หากปักใกล้หัวใจได้ยิ่งดี ในงานมงคลซึ่งเป็นวันส าคัญของชีวิตเฉกเช่นงานแต่งงาน ไม่ใช่แค่เจ้าบ่าวเจ้าสาวเท่านั้นที่ควรติดดอกไม้ที่ชุดเพื่อความเป็นสิริมงคล แต่แขกเหรื่อในงานล้วน ควรติดดอกไม้เพื่อความปลอดภัยจากโรคภัยและวิญญาณร้าย ไม่ใช่แฟชั่น กลิ่นหอม คือ ที่พึ่งทางใจ และเกราะป้องกันภัยในวันส าคัญ กาลเวลาผันผ่าน ความหมายของช่อดอกไม้เหล่านี้เปลี่ยนไป เมื่อเริ่มมีความรู้ทางการแพทย์มา ช ่วย รักษาโ รคร้าย กลิ ่นหอมของเกส รที ่เคยเป็นที ่ยึดเหนี ่ยวจิตใจก็แป รเปลี ่ยนหน้าที ่ผลิบ าน กลายเป็นความสวยงามทางแฟชั่น ช่วงศตวรรษที่ 18-19 เสื้อคลุมมีปกที่เรียกว่า Frock Coat ของสุภาพบุรุษอังกฤษเป็นที่นิยม และแพร่หลายมายังฝรั่งเศส เริ่มมีการประดับดอกไม้ขนาดใหญ่ที่รังดุมบนของเสื้อโค้ต เป็นที่รู้กันว่า ส าหรับสุภาพบุรุษยุคโรแมนติกที่พิถีพิถันในการแต่งตัวนั้น ดอกไม้บนปกเสื้อมีความส าคัญไม่แพ้การ เลือกสวมรองเท้าที ่ขัดอย ่างดีสักคู ่ พกสายคล้องนาฬิกาที ่ดูโก้หรู หรือ เลือกสูบซิการ์อย ่างดีเลย ภาพยนตร์ รูปวาด และรูปถ่ายในงานแต่งงานล้วนมีภาพช่อดอกไม้สดเล็กๆ สีสันสดใสตัดกับสีสูทที่ เงียบขรึมของสุภาพบุรุษยุคก่อน ไอดอลในภาพยนตร์ของคนยุคนั้น ได้แก่ Cary Grant และ Clark Gable ผู้สวมใส ่ชุดสูทสีด าพร้อมดอกไม้ติดอกเป็นประจ า ด้วยยุคสมัยนั้นที ่ผู้ชายมักใส ่สูทใน ชีวิตประจ าวันเป็นปกติกิจวัตร ดอกไม้ติดอกจึงเป็นที่นิยมมากทั้งในโอกาสงานจริงจังและกึ่งจริงจัง เหล ่าสุภาพบุรุษยังมักแสดงความเคารพต ่อครอบครัวของฝ ่ายหญิงด้วยการมอบ Corsage ให้ รวมทั้งติดดอกไม้ให้เป็นของขวัญคู่เดทในงานเต้นร าด้วยเช่นกัน Corsage จึงเปรียบได้กับสิ่งแทนใจ


16 ส าหรับสุภาพสตรีนั้น แม้ Corsage แบบดั้งเดิมในยุควิคตอเรียนจะนิยมติดที่อกข้างซ้าย เหมือนผู้ชาย แต่ด้วยสรีระความงามของผู้หญิงที่แตกต่างหลากหลายเหมือนดอกไม้หลากสายพันธุ์ แฟชั่นชุดราตรีจึงมีแบบให้เลือกสรรมากมายตามไปด้วย รวมทั้งเผยผิวมากขึ้นตามยุคสมัย ทั้งเกาะ อก สายเดี่ยว ปาดไหล่ ท าให้การประดับดอกไม้แค่ที่อกข้างซ้ายอาจไม่เหมาะกับชุดราตรีบางชุดอีก ต่อไป รูปแบบ Corsage ของผู้หญิงมีการปรับเปลี่ยนให้หลากหลายตามชุด เลื้อยประดับได้ทั่วตัวดั่ง เถาวัลย์ จากแค่ติดอก ก็น ามาติดผม ผูกรอบข้อมือไปจนถึงข้อเท้า สีสันของดอกไม้และริบบิ้นมัก เลือกให้เข้ากันกับชุดราตรีและเครื่องประดับอื่นๆ ทั้งรองเท้าและกระเป๋าถือ รวมทั้งยังควรเป็นหนึ่ง เดียวกับบุคลิกของคนสวมด้วย อาจเป็นเพราะผู้หญิงมีความประณีตและใส่ใจรายละเอียดมาก ชนิด และสีสันของดอกไม้ที่น ามาท า Corsage จึงมักมีความหมายและนัยยะส าคัญ ในฝั่งยุโรปนั้น หาก เป็นงานแต่งงาน ดอกไม้ที่น ามาจัดช่อเป็น Corsage ส าหรับมอบแด่แม่และยาย นิยมเป็นดอกแมค โนเลียเพื่อสื่อถึงความเคารพ ส่วนวันแม่นิยมใช้ดอกกล้วยไม้ สื่อถึงความรักที่บริสุทธิ์ ในงาน Baby Shower คุณแม่มักประดับ Corsage เป็นสีชมพูหรือฟ้าตามเพศของเด็กน้อยที่เพิ่งลืมตาดูโลก หาก เป็นงานจบการศึกษา สีสันของ Corsage มักปรับไปตามธีมที่ก าหนดของชั้นเรียน ปัจจุบันดอกไม้ที่ นิยมมาติดบนชุดมักเป็นดอกไม้ที ่มีกลิ ่นหอมและไม ่เหี ่ยวถ้าไม ่ได้รับน้ า เช ่น ดอกกล้วยไม้ การ ออกแบบมีการประยุกต์ใช้ใบไม้มาควบคู่กับดอกไม้ด้วย ไม่ว่าจะเป็น Boutonniere ส าหรับผู้ชาย หรือ Corsage ส าหรับผู้หญิงช่อดอกไม้เหล่านี้ล้วนมี บทบาทเป็นส่วนหนึ่งในความทรงจ าที่หอมหวนทั้งงานแต ่งงาน งานฉลองจบการศึกษา งานพรอม งานวันเกิด หลังวันงานผู้คนนิยมเก็บช่อดอกไม้เล็กๆ นี้ไว้เพื่อเป็นความทรงจ า แม้ดอกไม้จะโรยราไป ตามกาลเวลา แต ่ความทรงจ ายังหอมนานตรึงใจเป็นตัวแทนของความหอมหวานของชีวิตในวัน ส าคัญ (ที่มา : http://hespokestyle.com/boutonniere-history-wedding-groom-style/ https://www.onlineathens.com/article/20140327/LIFESTYLE/303279989 https://oureverydaylife.com/what-does-the-corsage-symbolize-12000078.html) ในปัจจุบันได้มีการดัดแปลง ปรับประยุกต์การท าศิลปะประดิษฐ์จากวัสดุต่าง ๆ มากมาย ซึ่งการท าช่อ ดอกไม้ติดหน้าอกก็เป็นอีกหนึ่งงานศิลปะที่ได้รับความนิยมเช่นกัน เนื่องจากช่อดอกไม้ติดหน้าอกเป็น ผลิตภัณฑ์ที่มีความสวยงาม อ่อนช้อย มีมากมายหลายแบบ หลายขนาด หลากหลายสีสัน ซึ่งช่อดอกไม้ติด หน้าอกเราสามารถใช้ในการจัดงานพิธีต่าง ๆ ได้ เช่นงานแต่งงาน งานต้อนรับแขกคนส าคัญ งานพิธีการ ส าคัญต่าง ๆ เช่นการใช้ช่อดอกไม้ติดหน้าอกเพื่อต้อนรับแขก ซึ่งเป็นการน าเอาความรู้ความเข้าใจ ความคิด สร้างสรรค์ในงานศิลปะประดิษฐ์การจัดดอกไม้มาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจ าวัน งานช่อดอกไม้ติดหน้าอกจึงเป็น อีกทางเลือกหนึ่งที่มีประโยชน์และน่าสนใจและเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า การท าช่อดอกไม้ติดหน้าอกต้อง ใช้เวลาและความประณีตบรรจงโดยอาศัยศิลปะและความคิดสร้างสรรค์โดยการน าธรรมชาติของดอกไม้ ใบไม้ มาสร้างงาน ซึ่งเป็นการใช้วัสดุที่มีอยู่ให้คุ้มค่าเป็นการส่งเสริมงานศิลปหัตถกรรมและสามารถน าไปประกอบ อาชีพได้


17 ประเภทของงำนประดิษฐ์ 1. งานประดิษฐ์ที่เป็นเอกลักษณ์ไทย 1.1 งานประดิษฐ์ด้วยดอกไม้สด 1.2 งานประดิษฐ์ด้วยใบตอง 1.3 งานแกะสลักพืชผักและผลไม้ 1.4 งานจักสาน 2. งานประดิษฐ์ทั่วไป 2.1 งานปั้น 2.2 งานประดิษฐ์ดอกไม้ ต้นไม้ด้วยกระดาษหรือผ้า 2.3 งานประดิษฐ์จากเศษวัสดุหรือวัสดุเหลือใช้ 2.4 งานประดิษฐ์จากวัสดุธรรมชาติ 2.5 งำนประดิษฐ์จำกวัสดุสังเครำะห์ งานประดิษฐ์ทั่วไป งานประดิษฐ์ที่เกิดจากแนวความคิดหรือความคิดสร้างสรรค์ที่มุ่งสร้างผลงานโดยมี จุดมุ่งหมายอย่างใด อย่างหนึ่ง - ประดิษฐ์เพื่อเป็นของเล่น - ประดิษฐ์เพื่อเป็นของใช้ - ประดิษฐ์ของตกแต่งบ้าน ประโยชน์ของงำนประดิษฐ์ 1. งานประดิษฐ์มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับชีวิตประจ าวันของไทย 2. งานประดิษฐ์มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องขนบธรรมเนียมและประเพณีทางศาสนา 3. งานประดิษฐ์ช่วยให้เกิดความรัก ความสามัคคีในหมู่คณะ 4. งานประดิษฐ์ช่วยให้การท างานของสมองและประสาทสัมผัสประสานสัมพันธ์กัน 5. ใช้เป็นเครื่องประดับตกแต่ง ของเล่น ของขวัญที่ระลึก 6. รู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ 7. เป็นการฝึกลักษณะนิสัยในการท างานให้มีความอดทน คุณค่ำของงำนประดิษฐ์ ปัจจุบันงานประดิษฐ์มีบทบาทและความส าคัญทางเศรษฐกิจ โดยได้มีการพัฒนาให้ สอดคล้องกับการ ด าเนินชีวิตของครอบครัวและสังคม จึงประเมินคุณค่าของงานประดิษฐ์ได้ ดังนี้ 1. คุณค่าในการใช้สอย การประดิษฐ์ชิ้นงานขึ้นมา เพื่อจุดประสงค์แรกอยู่ที่ประโยชน์ใช้สอย ต่อมา เกิด ความช านาญ สามารถดัดแปลง ปรับปรุง พัฒนาให้งานประดิษฐ์ต่างๆ ทันสมัยขึ้น และ ยังมีประโยชน์ ด้านอื่นๆ อีก ตามที่เราต้องการ 2. คุณค่าด้านความงาม ถึงแม้ว่างานประดิษฐ์ เพื่อประโยชน์ใช้สอยก็ตาม แต่ผู้ที่ประดิษฐ์ชิ้นงานต่างๆ ก็ไม่ได้มองข้ามความงาม โดยพิจารณาถึงองค์ประกอบ 3. คุณค่าการแสดงออกทางศิลปะและอารมณ์ ศิลปะเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นไม่เกิดเอง ตามธรรมชาติ การแสดงออกทางศิลปะขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้ออกแบบ ซึ่งงานออกแบบทุกชนิดมีสภาพเป็นสื่อกลาง ของ สังคม ย่อมมีผลกระทบต่อสังคมโดยตรง เช่น การออกแบบที่ชักน าความรู้สึกนึกคิดไปในทางที่ไม่ดี ผิด ศีลธรรม จรรยามารยาท กามารมณ์ หากเป็นเช่นนั้นย่อมท าให้สังคมไม่ดี แต่ในทางกลับกัน งานออกแบบชัก น าให้มีความรัก ความอบอุ่น ความเมตตา เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ตลอดจนการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมไทย และ สิ่งแวดล้อม ย่อมนาสังคม ไปสู่ในทาง ที่ดีได้ ซึ่งถือได้ว่าเป็นชิ้นงานที่สร้างสรรค์คุณภาพที่ดีต่อสังคม 4. คุณ


18 ค่าที่เกิดจากลักษณะเฉพาะท้องถิ่น ย่อมมีวิธีการเลือกใช้วัสดุที่เหมาะสมกับการใช้สอย และคติ นิยมของ ท้องถิ่น ซึ่งจะต้องใช้เวลาในการพัฒนาให้เกิดประโยชน์ใช้สอย และมีความงามจนเป็นที่ยอมรับในท้องถิ่น นั้นๆ ประโยชน์ของงำนประดิษฐ์ 1. เป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ และประหยัดค่าใช้จ่าย เนื่องจากแต่ละคนใช้เวลาว่างต่างกัน เช่น บางคนชอบกีฬา เล่นดนตรี หรืออ่านหนังสือ แต่บางคนมีความสุขในการประดิษฐ์สิ่งของต่างๆ ด้วยตนเอง ซึ่ง นอกจากจะท าให้ผู้ประดิษฐ์มีความภาคภูมิใจในผลงานของตนเองแล้ว ยังเป็นการประหยัดค่าใช้จ่าย ถ้าใช้ วัสดุที่อยู่ ในบ้านมาประดิษฐ์ผลงาน โดยไม่ต้องซื้อหาให้สิ้นเปลือง 2. ผลงานจากงานประดิษฐ์มีประโยชน์ใช้สอยได้หลายอย่าง เช่น เป็นของเล่น ของใช้ หรือเป็น เครื่องประดับตกแต่งบ้านเรือนและร่างกาย นอกจากนี้ยังสามารถน าไปใช้เป็นของขวัญ ของที่ระลึกในโอกาส ต่างๆ เพื่อแสดงความมีน้ าใจจากผู้ประดิษฐ์ต่อผู้รับ ซึ่งจะท าให้ของขวัญชิ้นนั้น มีคุณค่า และมีความหมายแก่ ผู้รับมากกว่า ของที่ซื้อมาอีกด้วย 3. มีประโยชน์ในการสร้างสมาธิ ท าให้ประดิษฐ์มีจิตใจสงบ ไม่ฟุ้งซ่าน เพราะมีใจจดจ่อเกี่ยวกับการ สร้างผลงาน เพื่อต้องการเห็นผลงานส าเร็จโดยเร็ว 4. มีประโยชน์ในการรักษาวัฒนธรรมประเพณี อันดีงามที่สืบทอดกันมาแต่โบราณ เช่น การประดิษฐ์ พานพุ่ม บายศรี มาลัย ผักและผลไม้แกะสลัก กระทง ใบตอง เป็นต้น 5. มีประโยชน์ต่อการสร้างทักษะฝีมือในการประดิษฐ์ เพื่อพัฒนาไปสู่การน าผลงานออกจ าหน่าย เสริมสร้างรายได้ให้แก่ครอบครัวในเวลาว่าง และเป็นแนวทางในการประกอบเป็นอาชีพหลักได้ 6. มีประโยชน์ต่อการฝึกการวางแผนการท างานและการท างานร่วมกับผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกใน ครอบครัวหรือเพื่อร่วมงาน 7. เพิ่มคุณค่าของวัสดุ เช่น เศษวัสดุ วัสดุท้องถิ่นและอื่นๆ ท าให้มีคุณค่าประโยชน์ใช้สอยมากขึ้น 8. สร้างความแปลกใหม่จากที่มีอยู่เดิม ท าให้ไม่ซ้ าแบบเดิม มีการปรับปรุงและดัดแปลง ให้เกิด ประโยชน์มากขึ้น


19 ใบควำมรู้ วัสดุ/อุปกรณ์ 1. ดอกไม้ชนิดต่างๆและใบไม้ชนิดต่างๆ 2. ลวดขาว 3. ริบบิ้น 4. เข็มกลัดติดเสื้อ ขนาดไม่เกิน 1 นิ้ว 5. ฟลอร่าเทปเขียว 6. ด้าย 7. กรรไกร/ไม้บรรทัด 8. คีมตัดลวด 9. ปืนกาว ไม้บรรทัด/กรรไกร ริบบิ้น ฟลอร่าเทป แท่งกาว/ปืนกาว ดอกไม้/ใบไม้ ลวดขาว เข็มกลัด ด้าย ครีมตัดลวด


20 ใบควำมรู้ ขั้นตอนวิธีกำรท ำช่อดอกไม้ติดหน้ำอก จัดเตรียมดอกไม้ประดิษฐ์ ใบไม้ประดิษฐ์เพื่อใช้ในการตกแต่งช่อ พันก้านเข็มกลัดให้เรียบร้อย โดยใช้ฟลอร่าเทปในการพันก้าน ไม้เสียบลูกชื้น กับตัวเข็มกลัด (ความยาวไม้เสียบลูกชิ้น 2 นิ้ว) ประกอบช่อดอกไม้ติดหน้าอก โดยการน าก้านเข็มกลัดพันเข้า กับช่อดอกไม้ โดยให้ก้านเข็มกลัดอยู่ด้านหลังช่อดอก ใช้ฟลอ ร่าเทปในการพันช่อดอก จัดตกแต่งช่อดอกให้สวยงาม พร้อมใช้โบว์ริบบิ้นตกแต่งเพิ่มเติม ช่อดอกไม้ติดหน้าอกหลากหลายรูปแบบ


21 ใบงำน ให้ผู้เรียนจดบันทึก ขั้นตอนการท าช่อดอกไม้ติดหน้าอก ระหว่างที่วิทยากรบรรยาย วัสดุ/อุปกรณ์ ............................................................................................................................. ................................................. ......................................................................................................................................................................... ..... ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................................................... ............... .................................................................................................................... .......................................................... ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................................................................................... .......................... ......................................................................................................... ..................................................................... ขั้นตอนการท า ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................ ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................................................................................................... ......... การน าความรู้ไปปรับใช้ในชีวิตประจ าวัน ....................................................................................................... ....................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ........................................................................................................................................ ...................................... .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................. ................................................


22 ใบควำมรู้ บรรจุภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์(Packaging) คือ จรูญ โกสีย์ไกรนิรมล กล่าวว่า บรรจุภัณฑ์คือการน าเอาวัสดุ เช่น กระดาษ พลาสติกแก้ว โลหะ ไม้ ประกอบเป็นภาชนะห่อหุ้ม สินค้า เพื่อประโยชน์ในการใช้สอยที่มีความแข็งแรง สวยงามได้สัดส่วนที่ถูกต้อง สร้างภาพพจน์ที่ดีมีภาษาในการติดต่อสื่อสาร และท าให้เกิดความพึงพอใจจากผู้ซื้อสินค้า นิไกโด เคล็คเตอร์ (Nikaido Clecture) กล่าวว่า บรรจุภัณฑ์ เป็นเทคนิคที่ส่งเสริมการขายกับการ ประสานประโยชน์ ระหว่างวัตถุกับภาชนะบรรจุ โดยมีความมุ่งหมายเพื่อการคุ้มครองในระหว่างการขนส่ง และการเก็บรักษาในคลัง ส่วนหนึ่งของกระบวนการทางการตลาด โดยเฉพาะปัจจุบันที่การผลิตสินค้า หรือบริการได้เน้นหรือให้ ความส าคัญกับผู้บริโภค (Consumer Oriented) งานเทคนิคที่ต้องอาศัยความช านาญ ประสบการณ์และ ความคิดสร้างสรรค์ ในอันที่จะออกแบบและผลิตหีบห่อให้มีความ เหมาะสมกับสินค้าที่ผลิตขึ้นมา ให้ความ คุ้มครองสินค้าห่อหุ้มสินค้า ตลอดจนประโยชน์ใช้สอย อาทิเช่น ความสะดวกสบายใน การหอบหิ้ว พกพา หรือการใช้งาน เป็นต้น กลุ่มของกิจกรรมในการวางแผนเกี่ยวกับการออกแบบการผลิตภาชนะบรรจุ หรือสิ่ง หุ้มห่อสินค้าบรรจุภัณฑ์ ซึ่งเป็นสิ่งที่มีความเกี่ยวพันอย่างใกล้ชิดกับฉลาก (Label) และตรายี่ห้อ(Brandname) ผลรวมของศาสตร์(Science) ศิลป์ (Art) และเทคโนโลยีของการออกแบบ การผลิตบรรจุภัณฑ์ส าหรับสินค้าเพื่อ การขนส่ง และการขาย โดยเสียค่าใช้จ่ายที่เหมาะสม การใช้เทคโนโลยีและเศรษฐศาสตร์เพื่อหาวิธีการรักษา สภาพเดิมของสินค้าจนกว่าจะถึงมือผู้บริโภคคนสุดท้าย เพื่อให้ยอดขายมากที่สุดและต้นทุนต ่าสุด กิจกรรม ทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบ และผลิตรูปร่างหน้าตาของภาชนะบรรจุ สิ่งห่อหุ้มตัวผลิตภัณฑ์หรือบรรจุ ภัณฑ์การน าเอาวัสดุ เช่น กระดาษ พลาสติก แก้ว โลหะ ไม้ ประกอบเป็นภาชนะหุ้มห่อสินค้า เพื่อประโยชน์ ในการใช้สอย มีความแข็งแรง สวยงาม ได้สัดส่วนที่ถูกต้อง สร้างภาพพจน์ที่ดี มีภาษาในการติดต่อสื่อสาร และ ท าให้เกิดผลความพึงพอใจจากผู้ซื้อสินค้า สิ่งห่อหุ้มหรือบรรจุภัณฑ์ รวมทั้งภาชนะที่ใช้เพื่อการขนส่งผลิตภัณฑ์จากแหล่งผู้ผลิตไปยังแหล่ง ผู้บริโภค หรือแหล่งใช้ประโยชน์ หรือวัตถุประสงค์เบื้องต้นในการป้องกัน หรือรักษาผลิตภัณฑ์ให้คงสภาพ ตลอดจนคุณภาพใกล้เคียงกันกับเมื่อแรกผลิตให้มากที่สุด จำกควำมหมำยสรุปได้ว่ำบรรจุภัณฑ์ หมำยถึง การน าเอาวัสดุ เช่น กระดาษ พลาสติก แก้ว โลหะ ไม้ น ามาประกอบเป็นภาชนะห่อหุ้มผลิตภัณฑ์เพื่อความสวยงาม มีคุณค่า และมีประโยชน์ในการใช้สอย ส่งผล ให้ผลิตภัณฑ์ดึงดูดความสนใจ และท าให้เกิดความพึงพอใจจากผู้บริโภค วัตถุประสงค์หลักของบรรจุภัณฑ์ (Objectives of Package) 1. เพื่อป้องกันผลิตภัณฑ์ (To Protect Products) สามารถป้องกันรักษาผลิตภัณฑ์ไม่ให้เสียหาย 2. เพื่อจ าหน่ายผลิตภัณฑ์ (To Distribute Products) สะดวกกับการใช้งาน และเพิ่มมูลค่าทาง เศรษฐกิจ 3. เพื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ (To Promote Products) ดึงดูดความสนใจผู้บริโภค กำรออกแบบบรรจุภัณฑ์ กูด (Good) กล่าวว่า การออกแบบ เป็นการวางแผนหรือก าหนดรูปแบบรวมทั้งการตกแต่งใน โครงสร้างรูปทรงของงานศิลปะ ทัศนศิลป์ ดนตรีตลอดจนวรรณกรรม วิรุณ ตั้งเจริญ กล่าวว่า การออกแบบ หมายถึงการวางแผนสร้างสรรค์รูปแบบ โดยการวางแผนจัด ส่วนประกอบของ การออกแบบให้สัมพันธ์กับประโยชน์ใช้สอยวัสดุและการผลิต


23 จำกควำมหมำยสรุปได้ว่ำกำรออกแบบบรรจุภัณฑ์ หมำยถึง การก าหนดรูปแบบและโครงสร้างของ บรรจุภัณฑ์ให้สัมพันธ์กับหน้าที่ใช้สอยของผลิตภัณฑ์ เพื่อการคุ้มครอง ป้องกันไม่ให้สินค้าเสียหาย และเพิ่ม คุณค่าด้านจิตวิทยาต่อผู้บริโภค โดยอาศัยทั้งศาสตร์และศิลป์ในการสร้างสรรค์บรรจุภัณฑ์ให้เหมาะสมกับ ผลิตภัณฑ์ 1. บรรจุภัณฑ์กระดาษ ปัจจุบันนิยมใช้กันเป็นจ านวนมาก และยังมีให้เลือกหลากหลายชนิด วัสดุที่ น ามาผลิตได้แก่เยื่อกระดาษ ซึ่งมีทั้งเยื่อกระดาษคุณภาพส าหรับบรรจุภัณพ์อาหาร และเครื่องดื่ม เช่น แก้ว กระดาษ ถ้วยกระดาษ กล่องข้าวที่สามารถย่อยสลายได้ ส่วนเยื่อกระดาษรีไซเคิล ได้แก่ บรรจุภัณฑ์ประเภท กล่องลูกฟูก ถาดไข่ หรือถาดรองแก้วกาแฟ ที่มา http://www.warehouse69.net/product 2. บรรจุภัณฑ์พลาสติก แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ พลาสติกคงรูป และพลาสติกอ่อนตัว มีการ น ามาใช้ประโยชน์ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ขวดพลาสติก ถ้วย และถาดพลาสติก และสามารถบรรจุอาหารร้อน อาหารสด และอาหารแช่แข็ง ที่มา http://www.bsrungsiam.co.th/web/product.html 3. บรรจุภัณฑ์จากวัสดุธรรมชาติเป็นบรรจุภัณฑ์ที่ออกแบบและประดิษฐ์ขึ้นมาใช้เพื่อวัตถุประสงค์ใน การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยช่วยลดปริมาณขยะและย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ จึงไม่เป็นอันตรายต่อ สิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ยังประหยัดค่าใช้จ่าย เมื่อเลือกใช้วัสดุธรรมชาติที่มีมากในท้องถิ่น หรือวัสดุที่สามารถน า กลับมาใช้ใหม่ได้บรรจุภัณฑ์จากวัสดุธรรมชาติ สามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภท ได้แก่ วัสดุประเภทเส้นใย เช่น กล้วย หวาย เตยปาหนัน กก กระจูด ผักตบชวา ซึ่งก่อนน ามาสานเป็นบรรจุภัณฑ์ต้องผ่านการแปรสภาพด้วย การตากแห้ง ฟอกขาว วัสดุที่แปรรูปเป็นแผ่น และรูปทรงต่าง ๆ เช่น กระดาษ และวัสดุประเภทไม้ เช่น ไม้สัก ไม้ไผ่ ไม้มะขาม เป็นต้น


24 4. บรรจุภัณฑ์ถุงพลำสติกใส PE (Polypropylene) เป็นถุงที่ท ามาจากเม็ดพลาสติก Low Density Polyethylene (LDPE) หรือเรียกสั้นๆว่า เม็ด PE ถุง PE จะมีความแข็งแรง เหนียว ทนทาน ไม่ฉีกขาดง่าย และยืดหยุ่นในระดับหนึ่ง ถุง PE นั้นมีสีค่อนข้างใส และมีคุณสมบัติทีดี ในการกันความชื้นมิให้ผ่านเข้าออก


25 ใบควำมรู้ กำรค ำนวณต้นทุน ก ำไร การค านวณต้นทุนเป็นส่วนหนึ่งของระบบบัญชีและการเงินของกิจการ เป็นการบันทึกการวัดผลและ รายงานข้อมูลเกี่ยวกับต้นทุนของสินค้าของกิจการโดยทั่วไป การค านวณต้นทุนจะใช้เวลาและลงรายละเอียด มากในกิจการที่ผลิตสินค้า แต่ไม่ได้หมายความว่ากิจการประเภทอื่น เช่น กิจการขายส่ง ขายปลีกร้านอาหาร หรือบริการต่าง ๆ ไม่มีความส าคัญในการที่ต้องค านวณต้นทุน การค านวณต้นทุนสามารถน าไปใช้ได้ในทุก กิจการเพราะมีความส าคัญต่อการบริหารจัดการธุรกิจ ดังนี้ 1. เพื่อให้ทราบถึงต้นทุนการผลิตและต้นทุนขายของธุรกิจ 2. เพื่อสามารถน าต้นทุนทั้งหมดของกิจการมาเปรียบเทียบกับรายได้จากการขาย เพื่อจะได้ทราบว่ามี ก าไรหรือขาดทุนในการขายสินค้า 3. เพื่อค านวณหรือตีราคาสินค้าคงเหลือที่ขายได้ไม่หมดว่ามีมูลค่าเท่าไหร่ 4. เพื่อใช้ในการวางแผนและควบคุมการซื้อสินค้า และจัดท างบประมาณในการซื้อสินค้า รวมทั้ง ต่อรองราคากับผู้ขายวัตถุดิบ 5. เพื่อใช้ในการตัดสินใจว่าสินค้าใดควรขายต่อไปและสินค้าใดควรเลิกขาย (ในกรณีที่ผู้ผลิตมีสินค้าหลาย ชนิด) ต้นทุนแบ่งออกได้เป็น 2 ลักษณะ 1. ต้นทุนผันแปร คือต้นทุนที่ผันแปรตามจ านวนหน่วยที่ผลิตหรือขาย เช่น วัตถุดิบ ค่าแรงทางตรง ค่าใช้จ่ายในการผลิตทางตรง เป็นต้น 2. ต้นทุนคงที่ คือต้นทุนที่เกิดขึ้นไม่ว่ากิจการจะได้ขายสินค้าหรือไม่ ต้นทุนนี้จะไม่เปลี่ยนแปลงตาม จ านวนหน่วยที่ผลิตหรือขาย เช่น เงินเดือนพนักงานหน้าร้าน ค่าเช่าร้าน ค่าเสื่อมราคา ค่าประกันภัย เป็นต้น ดังนั้น ต้นทุนการผลิตจะประกอบไปด้วยวัตถุดิบ + ค่าแรงงาน + ค่าใช้จ่ายในการผลิต ซึ่งทั้งสาม รายการนี้เป็นเพียงส่วนของการผลิตเท่านั้น หากจะคิดต้นทุนรวมของสินค้าแล้วจ าเป็นต้องน าค่าใช้จ่ายในการ ขาย และด าเนินการมารวมด้วย เช่น เงินเดือน ค่าคอมมิชชั่นพนักงานขาย ค่าแรงพนักงานขายหน้าร้าน ค่า การตลาด (โฆษณา แผ่นพับ) ค่าเช่าส านักงานและร้าน ค่าไฟฟ้าและน้ าประปา ค่าโทรศัพท์ ค่าน้ ามันรถ ดอกเบี้ย ค่าเช่ารถ ค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ด ฯลฯ เพื่อการค านวณต้นทุนให้ใกล้เคียงความจริง หากค านวณแค่ วัตถุดิบ ค่าแรงงาน และค่าน้ า ค่าไฟฟ้า ก็อาจท าให้ได้ต้นทุนสินค้าที่น้อยกว่าความเป็นจริงและมีผลท าให้ ตั้งราคาขายที่ต่ าไป อาจท าให้ขาดทุนได้ การค านวณแบบง่ายเหมาะส าหรับผู้ประกอบการรายเล็กที่มีสินค้าหรือผลิตภัณฑ์น้อยชนิด อาจขาย เพียงน้ าพริก หรือแชมพูก็ได้ซึ่งเหมาะกับการค านวณสินค้าประเภท OTOP ที่มีความชัดเจนในเรื่องการใช้ วัตถุดิบ ค่าแรงงานต่อรอบ การผลิตและไม่มีการเก็บสต๊อกวัตถุดิบไว้การค านวณจ าเป็นต้องคิดเพื่อให้ทราบถึง ต้นทุนผลิตต่อหน่วย และน าต้นทุนผลิตไปรวมกับค่าใช้จ่ายในการด าเนินการ เพื่อให้ทราบถึงต้นทุนรวมของ สินค้าอีกครั้งหนึ่ง


26 ใบงำน กำรคิดต้นทุน ก ำไร ผู้เรียน/กลุ่ม.................................................................................................................................................. เรื่อง.............................................................................................................................................................. วั น เดือน ปี รำยกำร จ ำ นวนสิ่งของ จ ำ นวนเงิน (บำท) หมำย เหตุ ค่าใช้จ่าย (ต้นทุน) .................................................. .................................................. .................................................. .................................................. .................................................. 1 . ใ ห้ ก า ห น ด ก าไร ที่ ต้องการเป็นร้อยละก่อน 2. แล้วค านวณหาราคาต่อ หน่วยจึงจะทราบรายได้ 3. น ารายได้ที่ได้มาใส่ ตารางนี้ รวมค่ำใช้จ่ำย รายได้จากการขาย .................................................. .................................................. .................................................. รวมรำยได้ 1. ก าไรที่ต้องการ = ต้นทุน x ( ร้อยละของก าไรที่ต้องการหารด้วย 100 ) 2. ก าหนดราคาขายต่อหน่วย = ต้นทุน + ก าไร = ____________ จ านวนหน่วย หมำยเหตุ การก าหนดก าไรที่ต้องการขึ้นอยู่กับสิ่งเหล่านี้ด้วย เช่น ราคาตลาด ลักษณะของสินค้าและบริการ เป็นสินค้าหายาก เป็นสินค้าเฉพาะกลุ่ม หรือมีฤดูกาลเข้ามาเกี่ยวข้องก็สามารถที่จะก าหนดก าไรที่ต้องการสูง ได้ การตั้งราคาให้สามารถแข่งขันได้นั้นต้องอยู่บนพื้นฐานความสมดุลระหว่างความพึงพอใจของผู้ซื้อและผู้ขาย ด้วย ถ้าสินค้าโดยทั่วไปมีขายกันแพร่หลาย มีคู่แข่งมากก็ต้องก าหนดก าไรน้อยลงไป


27 ใบควำมรู้ ช่องทำงกำรตลำด ช่องทางการตลาด เป็นส่วนส าคัญในการด าเนินธุรกิจ ช่องทางการตลาดหรือช่องทางการจัดจ าหน่าย มีความหมายเดียวกันซึ่งเป็นหนึ่งใน 4P ของส่วนประสมการตลาด (Marketing mix) ที่นักการตลาดนิยมน าส่วน ประสมทั้งสี่มาวางเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดและการขายในยุคปัจจุบัน ดังนั้น ช่องทางการจัดจ าหน่าย (Marketing channel) จึงถูกเข้ารวมอยู่ใน P=Place นั่นคือสถานที่ขาย แหล่งขาย ช่องทางการขายสินค้า สินค้าแต่ละชนิดอาจมีช่องทางขายที่แตกต่างกันไป สินค้าอุปโภคมีช่องทางการขายผ่านร้านสะดวกซื้อ อาหาร สดก็มีช่องทางการขายหน้าร้านหรือหน้าบ้านของผู้ผลิต อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ เสื้อผ้าส าเร็จรูปอาจใช้ช่อง ทางการขายได้หลายช่องทาง เช่น ขายทางออนไลน์ ขายหน้าร้านตนเอง ขายในตลาดนัด ขายในห้างสรรพสินค้า มีการแบ่งช่องทางการจ าหน่ายในยุคปัจจุบันได้เป็นต้น 1. กำรเลือกสถำนที่ขำยหรือท ำเลที่ตั้ง 1.1 ควำมส ำคัญของกำรเลือกที่ตั้ง การตัดสินใจเลือกสถานที่ขายหรือท าเลที่ตั้ง เป็นการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์เนื่องจากมีผลกระทบต่อ ธุรกิจในระยะยาว โดยเฉพาะต่อความได้เปรียบในเชิงแข่งขันทางธุรกิจและจะมีผลต่อความส าเร็จของธุรกิจ ซึ่ง ผู้ประกอบการต้องพิจารณาถึงกลยุทธ์ที่ตั้งของธุรกิจที่มีความส าคัญต่อการด าเนินงาน 2 กลยุทธ์ส าคัญ ได้แก่ 1.1.1 กลยุทธ์ที่ตั้งตำมพื้นที่ เป็นแนวทางในการก าหนดให้ที่ตั้งแต่ละแห่งรับผิดชอบพื้นที่แต่ ละส่วน โดยต้องผลิตสินค้าและบริการทุกอย่างส าหรับพื้นที่นั้น ๆ ซึ่งธุรกิจที่เลือกใช้กลยุทธ์ที่ตั้งตามพื้นที่มัก เป็นธุรกิจค้าปลีกหรือบริการ 1.1.2 กลยุทธ์ที่ตั้งตำมผลิตภัณฑ์เป็นแนวทางในการก าหนดให้ที่ตั้งหนึ่งแห่งท าการผลิต สินค้าเพียงหนึ่งอย่าง โดยยึดหลักของความส าคัญของวัตถุดิบที่มีในพื้นที่ 1.2 หลักเกณฑ์ในกำรเลือกสถำนที่ท ำเลที่ตั้ง การตัดสินใจเลือกสถานที่ท าเลที่ตั้ง เป็นกระบวนการที่มีความสลับซับซ้อนมากขึ้นเมื่อโลกก้าวเข้าสู่ยุค โลกาภิวัตน์อีกทั้งธุรกิจขนาดย่อมจ านวนมากได้มีการเติบโตขึ้น และได้พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้น ผู้ประกอบการควรพิจารณาถึงความจ าเป็นที่มีลักษณะเฉพาะเจาะจงส าหรับกิจการควบคู่กันไปในแต่ละ สถานการณ์ ดังนี้ 1.2.1 ควำมพึงพอใจส่วนบุคคล โดยที่ผู้ประกอบการส่วนหนึ่งมักจะพิจารณาตั้งกิจการของ ตนเองในชุมชนที่ตนอาศัยอยู่เป็นท าเลในการประกอบการ อย่างไรก็ตามในแง่ของการด าเนินธุรกิจไม่ได้ หมายความว่าจะมีเพียงพื้นที่ซึ่งตนเองมีความเคยชินเท่านั้นที่เหมาะสมต่อการตั้งกิจการเพราะผู้ประกอบการ ธุรกิจสามารถใช้ประโยชน์ในด้านต่าง ๆ จากสิ่งเหล่านี้ได้ไม่ว่าจะเป็นในด้านภาพลักษณ์ส่วนตัว การได้รับความ เชื่อถือหรือการยอมรับจากสังคมและอาศัยประโยชน์จากความคุ้นเคย ความสามารถในการอ้างอิงกับบุคคล ต่าง ๆ ภายในชุมชนที่เกี่ยวข้องกับกิจการของตนมากขึ้น 1.2.2 ควำมได้เปรียบด้ำนต้นทุน โดยเฉพาะค่าแรงหรือค่าวัตถุดิบในพื้นที่ ที่มีต้นทุนในการ ด าเนินธุรกิจต่ าซึ่งสิ่งเหล่านี้สะท้อนถึงค่าใช้จ่ายในการลงทุนในช่วงเริ่มต้นของกิจการที่จะช่วยลดต้นทุนการ ผลิตให้ต่ าลง 1.2.3 ควำมสำมำรถในกำรจัดกำรทรัพยำกร เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงค่าใช้จ่ายในการ ด าเนินงานทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เนื่องจากทักษะประสบการณ์ของแรงงานจะมีความสัมพันธ์โดยตรงกับ ผลิตผลและคุณภาพในกระบวนการผลิตของผลิตภัณฑ์ความยั่งยืนของแรงงานในท้องถิ่นมีผลกระทบต่ออัตรา


28 ค่าจ้าง ซึ่งถือเป็นต้นทุนที่ส าคัญผู้ประกอบการจะต้องค านึงถึงอยู่เสมออีกทั้งแหล่งที่ตั้งต้องมีความใกล้กันกับ วัตถุดิบและความสามารถในการขนส่งที่ธุรกิจต้องมีการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ 1.2.4 กำรเข้ำถึงลูกค้ำ ธุรกิจขนาดย่อมยุคปัจจุบันต้องให้ความส าคัญผันแปรแหล่งที่ตั้งของ ธุรกิจไปตามประเภทของกิจการ เช่น ธุรกิจค้าปลีกและบริการต้องมีรายละเอียดของสถานที่แสดงสินค้าบริการ และรูปแบบ ดังนั้น การเลือกสถานที่หรือท าเลที่ตั้งต้องใกล้ชิดกับลูกค้าและอ านวยความสะดวกต่อการเข้ามา ติดต่อและถือเป็นปัจจัยที่มีผลต่อความส าเร็จของกิจการ ดังนั้น ในขั้นตอนแรกของเกณฑ์การเลือกสถานที่หรือท าเลที่ตั้ง ผู้ประกอบการต้องตัดสินใจก่อนว่าจะ เลือกด าเนินธุรกิจในชุมชน หมายถึง จังหวัดหรืออ าเภอแล้วจึงท าการตัดสินใจขั้นสุดท้ายคือการเลือกบริเวณ ที่ตั้งจากหลาย ๆ พื้นที่ภายในชุมชน ซึ่งเป็นการระบุถึงต าแหน่งของที่ตั้งอย่างละเอียด 2. กำรจัดและตกแต่งหน้ำร้ำน ส่วนใหญ่ร้านขายสินค้ามักจะมีผู้ขายซึ่งเป็นเจ้าของกิจการเอง หรือบางร้านอาจมีการจ้างพนักงานขาย ของโดยเฉพาะเพื่อท าหน้าที่เอาใจใส่ดูแล และแนะน าให้ค าอธิบายต่าง ๆ แก่ลูกค้าหากเป็นร้านขนาดใหญ่มี สินค้าหลายชนิดย่อมท าให้ต้องมีพนักงานขายจ านวนมาก กำรจัดตกแต่งร้ำนค้ำมีควำมส ำคัญต้องค ำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้ 1. แสงสว่ำงภำยในร้ำน ควรจัดร้านให้มีความสว่างทั่วทั้งร้านจากแสงไฟฟ้าที่ร้านได้ติดเอาไว้แสง สว่างธรรมชาติมักไม่เพียงพอ และแสงแดดมักท าความเสียหายให้แก่สินค้าการใช้แสงไฟฟ้า แม้จะมีค่าใช้จ่าย สูงแต่ก็จูงใจลูกค้าให้เข้ามาซื้อสินค้าได้มากกว่าร้านที่ดูมืดสลัวมุมห้องมืด ๆ ก่อนตัดสินใจเรื่องแสงสว่างควรรู้ว่า ค่าไฟฟ้าเท่าไรและใช้ไฟฟ้ากี่ดวงถึงจะคุ้มค่ากับการขายสินค้าด้วย 2. กำรตกแต่งสีภำยนอกและภำยในร้ำน นอกจากการทาสีร้านค้าให้สดใสสว่าง สวยงามแล้ว สีของ หีบห่อและตัวสินค้าก็สามารถน ามาตกแต่งให้ร้านค้าดูดีขึ้นจะต้องให้ผู้คนเห็นสินค้าชัดเจนและสวยงาม 3. กำรจัดหมวดหมู่ของขนม ขนมที่มีลักษณะใกล้เคียงกันหรือขนมที่ใช้รับประทานร่วมกันจะต้องจัด วางไว้ด้วยกัน เช่น ขนมหม้อแกงวางใกล้กับขนมตะโก้ ข้าวเหนียววางใกล้กับสังขยา เป็นต้น 4. กำรติดป้ำยรำคำสินค้ำ การติดป้ายบอกราคาสินค้าให้ชัดเจนที่ลูกค้าสามารถมองเห็นได้หรืออ่าน ได้ เป็นการให้ความสะดวกกับลูกค้าในการตัดสินใจซื้อสินค้า 5. กำรจัดวำงสินค้ำ มีความส าคัญต่อการจูงใจลูกค้าให้เลือกซื้อสินค้า เพื่อให้สะดวกและเกิดความพึง พอใจ ควรค านึงถึงสิ่งต่อไปนี้ 5.1 ความพึงพอใจของลูกค้า 5.2 จัดสินค้าไว้ในบริเวณที่จะขาย 5.3 จัดสินค้าไว้ในระดับสายตาให้มากที่สุด 5.4 จัดสินค้าด้านหน้าบนชั้นให้เต็มอยู่เสมอ 5.5 ชั้นจะต้องปรับระดับได้ตามขนาดของสินค้า 5.6 การใช้กล่องหนุนสินค้าให้ดูมีมิติ สวยงามแม้จะมีสินค้าไม่มากนัก 5.7 ความเป็นระเบียบเรียบร้อย 5.8 สินค้ามาก่อนต้องจ าหน่ายก่อน ต้องจ าหน่ายสินค้าเก่าก่อนสินค้าใหม่เสมอ พยายามวางสินค้ามา ก่อนไว้แถวหน้าเสมอ ควรจัดสินค้าที่มาก่อนให้ดูสดใสสะอาดเหมือนสินค้าใหม่


29 3. กำรขำย การขาย คือ กระบวนการทั้งทางตรงและทางอ้อมของการจูงใจให้ผู้ซื้อสินค้าหรือบริการยินยอม กระท าสิ่งใดสิ่งหนึ่งซึ่งจะท าให้เกิดประโยชน์ทางด้านการค้าแก่ผู้ขาย เมื่อผู้ผลิตสินค้าไปสู่ผู้บริโภคมีสิ่งที่ควร พิจารณา ดังนี้ 1. การหาตลาด ควรค านึงถึงความต้องการของตลาดว่ามีมากน้อยเพียงใด โดยใช้วิธีสังเกต สอบถาม กับคนรู้จัก เพื่อนบ้าน และผู้ซื้อ กระแสการบริโภคของลูกค้ามีความต้องการซื้อเป็นของขวัญของฝากหรือ รับประทานในครอบครัว ตลาดควรเป็นตลาดที่มีการซื้อขายอย่างต่อเนื่อง เช่น ขายทางออนไลน์ ขายหน้าร้าน ตนเอง ขายในตลาดนัด ขายในห้างสรรพสินค้า เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อจะได้ตรงตามความต้องการของตลาด 2. วิธีการจ าหน่าย เมื่อผู้ผลิตลงทุนผลิตสินค้าขึ้นมาเพื่อน าสินค้าออกสู่ตลาด ถ้าผู้ผลิตสามารถเลือก ช่องทางการตลาด การจ าหน่ายสินค้าได้อย่างถูกต้องสินค้าก็จะเข้าถึงลูกค้าได้ง่าย ซึ่งอาจเป็นการจ าหน่ายจาก ผู้ผลิตถึงลูกค้าโดยตรงด้วยการจัดหาสถานที่ส าหรับจ าหน่ายสินค้าที่เป็นหลักแหล่ง มีการจัดวางสินค้าที่ สามารถน าเสนอสินค้าให้ดูสวยงาม หรือเป็นผู้ผลิตให้พ่อค้าคนกลางมารับซื้อไปขายให้กับผู้บริโภคอีกต่อหนึ่ง เพื่อกระจายสินค้าได้อย่างทั่วถึง 3. การโฆษณาประชาสัมพันธ์ ถือเป็นสิ่งส าคัญที่จะท าให้ผู้ซื้อหรือลูกค้ารู้จักเกิดความต้องการที่จะซื้อ เป็นวิธีการโน้มน้าวผู้ซื้อ ที่ส าคัญการโฆษณาประชาสัมพันธ์มีหลายวิธี เช่น ใช้วิธีบอกปากต่อปาก การจัด กิจกรรมประชาสัมพันธ์สินค้าการออกร้านตามงานเทศกาลต่าง ๆ ของอ าเภอหรือจังหวัด การประชาสัมพันธ์ ผ่านอินเตอร์เน็ต โดยสิ่งที่เป็นการช่วยประชาสัมพันธ์อย่างหนึ่งก็คือคุณภาพสินค้า เมื่อผู้ซื้อหรือลูกค้าได้ซื้อ สินค้าไป เช่น มีรสชาติดี มีคุณภาพ ราคาย่อมเยา จะเป็นการช่วยประชาสัมพันธ์อีกช่องทางหนึ่ง 4. กำรส่งเสริมกำรขำย การส่งเสริมการขาย หมายถึง การจูงใจที่เสนอคุณค่าพิเศษ หรือการจูงใจผลิตภัณฑ์แก่ผู้บริโภค คนกลาง (ผู้จัดจ าหน่าย) หรือหน่วยงานขาย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการสร้างยอดขายในทันที จากความหมาย นี้สามารถสรุปได้ว่า 1. การส่งเสริมการขายเป็นการให้สิ่งจูงใจพิเศษเพื่อกระตุ้นให้เกิดการซื้อ เช่น คูปอง ของแถม การชิงโชค การแลกซื้อ เป็นต้น 2. การส่งเสริมการขายเป็นเครื่องมือกระตุ้น กิจกรรมการส่งเสริมการขาย มีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้น ให้เกิดการซื้อจ านวนมากขึ้น และสามารถตัดสินใจซื้อได้ในเวลาทันทีทันใด 3. การส่งเสริมการขายใช้ในการจูงใจกลุ่มต่าง ๆ 3 กลุ่ม คือ 3.1 การส่งเสริมการขายที่มุ่งสู่ผู้บริโภค เป็นการส่งเสริมการขายที่มุ่งสู่ผู้บริโภคคนสุดท้าย เพื่อจูงใจให้เกิดการซื้อจ านวนมากขึ้น ตัดสินใจซื้อได้รวดเร็วขึ้น เกิดการทดลองใช้ ถือว่าเป็นการใช้กลยุทธ์ดึง 3.2 การส่งเสริมการขายที่มุ่งสู่คนกลาง เป็นการส่งเสริมการขายที่ มุ่งสู่พ่อค้าคนกลาง ผู้จัดจ าหน่าย หรือผู้ขาย ถือว่าเป็นการใช้กลยุทธ์ผลัก 3.3 การส่งเสริมการขายที่มุ่งสู่พนักงานขาย เป็นการส่งเสริมการขายที่มุ่งสู่พนักงานขาย หรือ หน่วยงานขาย เพื่อให้ใช้ความพยายามใน การขายมากขึ้น ถือว่าเป็นการใช้กลยุทธ์ผลัก วัตถุประสงค์ของการส่งเสริมการขาย 1. การดึงลูกค้าใหม่ 2. การรักษาลูกค้าเก่าไว้ 3. การส่งเสริมลูกค้าในปัจจุบันให้ซื้อสินค้าในปริมาณมาก 4. การเพิ่มอัตราการใช้ผลิตภัณฑ์


30 5. การส่งเสริมการขายท าให้ผู้บริโภคเกิดการยกระดับ 6. การเสริมแรงการโฆษณาในตราสินค้า 5. กำรเลือกช่องทำงกำรจัดจ ำหน่ำย การเลือกช่องทางการจัดจ าหน่าย สามารถแบ่งช่องทางการจ าหน่ายสินค้า แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ 1. ช่องทำงกำรจ ำหน่ำยทำงตรง คือ ผู้ผลิตขายสินค้าไปยังผู้ใช้หรือผู้บริโภคด้วยตนเอง 2. ช่องทำงกำรจ ำหน่ำยทำงอ้อม คือ ผู้ผลิตขายสินค้าผ่านตัวกลาง ตัวแทนจ าหน่ายร้านค้าส่ง และ ร้านค้าปลีก เพื่อจ าหน่ายไปยังผู้ใช้หรือผู้บริโภค ช่องทางการจ าหน่ายทั้งสองประเภทนี้ยังแบ่งเป็นช่องทางขายได้อีกหลายช่องทางโดยจะกล่าวถึง ช่องทางขายที่ส าคัญดังต่อไปนี้ ช่องทำงจ ำหน่ำยทำงตรงมีช่องทำงขำย ดังนี้ 1. ขำยผ่ำนหน้ำร้ำนแบบไม่เคลื่อนที่ เป็นการขายผ่านหน้าร้านสาขาทั้งเป็นร้านค้าของตนเองหรือ เช่าหน้าร้านตามห้างสรรพสินค้า Modern trade เช่าพื้นที่ขายในปั้มน้ ามัน ขายออกบูทตามงานแสดงสินค้า เช่าพื้นที่ในอาคารส านักงาน เป็นต้น 2. ขำยผ่ำนหน้ำร้ำนที่เคลื่อนที่ไปมำ เช่น ขายผลไม้ในรถบรรทุกที่ย้ายไปขายตามสถานที่ต่าง ๆ ได้ตามความต้องการเปิดท้ายขายของตามตลาดนัดต่าง ๆ หาบเร่แผงลอย เป็นการขายแบบอิสระ เปลี่ยนเส้นทางขายบ้าง เปลี่ยนสินค้าขายบ้าง สินค้าที่ขายอาจเป็นสินค้าตามฤดูกาลหรือเป็นสินค้าที่ผู้ขายไป หาซื้อได้มาในช่วงเวลานั้น ๆ 3. ขำยผ่ำนสื่ออิเล็กทรอนิกส์ สื่อออนไลน์การขายลักษณะ E-commerce นี้จะขายผ่านหน้า โฮมเพจของของร้านค้าโดยมีตะกร้าให้ซื้อ และมีการโอนเงินก่อนซื้อซึ่งมีบริษัทหลายแห่งเพิ่มช่องทางการขาย ทางอิเล็กทรอนิกส์จ านวนมาก เช่น Shopee Lazada 7- 11 ขายโดยให้ลูกค้าเลือกซื้อใน Catalogue ส าหรับ การขายผ่าน Social media เป็นการขายที่นิยมกันในกลุ่มคนที่ยังท างานประจ า และใช้เวลาว่าง ให้เป็น ประโยชน์และกลุ่มอาชีพอิสระที่ต้องการขายสินค้าเป็นอาชีพเสริม การขายประเภทนี้จะขายผ่าน Facebook Intragram Line เป็นต้น 4. ขำยผ่ำนสื่อกำรขำยที่เป็นอุปกรณ์ทันสมัย เช่น ขายผ่านโทรศัพท์มือถือ ผ่านเครื่องเอทีเอ็ม ผ่านตู้หยอดเหรียญต่าง ๆ เช่น น้ าอัดลม กาแฟ เกมส์ เครื่องกดน้ าดื่ม เครื่องซักผ้า เป็นต้น การขายผ่าน เครื่องใช้เหล่านี้ท าให้ประหยัดเรื่องแรงงานคนท าให้ต้นทุนการขายต่ าไปด้วย 5. ขำยผ่ำนพนักงำนขำย แม้ว่าการขายผ่านพนักงานจะเป็นวิธีเก่าที่ใช้กันมานานแต่ก็เป็นวิธีที่ดีที่สุด ส าหรับสินค้าที่ขายให้กับอุตสาหกรรมเพราะต้องการการสาธิต การอธิบายวิธีการใช้และรายละเอียดคุณสมบัติ ของสินค้า สินค้าใหม่ที่ต้องการการอธิบายและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายจ าเป็นต้องใช้การขายผ่านพนักงาน ขายเพื่อให้รู้จักสินค้าและทราบถึงคุณสมบัติของสินค้าก่อน นอกจากนั้นการขายผ่านพนักงานขายท าให้กิจการ ได้รับ Feedback จากลูกค้าว่าพอใจหรือไม่พอใจในสินค้าของกิจการซึ่งท าให้เจ้าของกิจการน ามาปรับปรุง แก้ไขได้ภายหลัง ช่องทำงกำรจ ำหน่ำยโดยอ้อมมีช่องทำงกำรขำยดังนี้ 1. ขำยผ่ำนตัวแทนจ ำหน่ำย สินค้าจ าเป็นต้องมีการแต่งตั้งตัวแทนขายเพื่อกระจายสินค้าได้ ทั่วประเทศ เช่น รถยนต์ เครื่องจักรต่าง ๆ ยางรถยนต์ อะไหล่รถยนต์ สินค้าบางประเภทจ าเป็นต้องมีตัวแทน จ าหน่ายหากผู้ผลิตไม่เชี่ยวชาญในการตลาดแต่มีความเชี่ยวชาญในการผลิตมากกว่า การขายผ่านตัวแทนยัง เหมาะกับการขายสินค้าที่เป็นบริการเช่นขายกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์และประกันชีวิตเป็นต้น


31 2. ขำยผ่ำนคนกลำงทั้งผู้ค้ำส่งหรือผู้ค้ำปลีก ส าหรับผู้ผลิตสินค้าอุปโภคและบริโภคมักจะใช้วิธีการ ขายผ่านผู้ค้าส่งตามอ าเภอและจังหวัดต่าง ๆ เพื่อกระจายสินค้า ส าหรับผู้ผลิตรายเล็กก็อาจขายผ่านผู้ค้าปลีกที่ ขายตรงให้กับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ 3. ขำยผ่ำนระบบแฟรนไชส์ผู้ผลิตที่มีการขายแฟรนไชส์ให้กับบุคคลภายนอกสามารถใช้วิธีการขาย ผลิตภัณฑ์ผ่านเครือข่ายหรือแฟรนไชส์ของตนเองได้เช่น ราชาบะหมี่ชายสี่บะหมี่เกี้ยว ข้าวมันไก่มิดไนท์เป็นต้น ส าหรับผู้ประกอบการที่ด าเนินธุรกิจส่งออกสินค้าไปต่างประเทศก็มีช่องทางการขายสองทางเช่นกัน คือ เป็นผู้ส่งออกเองโดยขายตรงให้กับลูกค้า และอีกทางหนึ่งคือขายสินค้าผ่าน Trader ที่เป็นตัวกลางขาย สินค้าให้กับต่างประเทศ ปัจจุบันธุรกิจขนาดใหญ่มักใช้ช่องทางการขายทั้งทางตรงและทางอ้อมร่วมไปด้วยกัน โดยขายผ่านหน้าร้าน ผ่านสื่อออนไลน์ ผ่านสาขา ผ่านตัวแทนจ าหน่ายและใช้กลยุทธ์ต่าง ๆ ในการส่งเสริมการ ขายและประชาสัมพันธ์อย่างกว้างขวางเพื่อท าให้ธุรกิจเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว


32 แบบประเมินผลกำรจัดกำรศึกษำและฝึกอบรมหลักสูตรระยะสั้น หลักสูตรวิชำ.................................................................................... จ ำนวน................................ชั่วโมง ระหว่ำงวันที่..........เดือน......................พ.ศ..................ถึงวันที่..........เดือน......................พ.ศ.................. สถำนที่จัด ณ............................................................................................................................... เกณฑ์กำรให้คะแนนประเมินผลกำรจัดกำรศึกษำและฝึกอบรมหลักสูตรระยะสั้น ศูนย์วงเดือน อำคมสุรทัณฑ์ 1. ความรู้ความเข้าใจในเนื้อหาสาระ 20 คะแนน แบบทดสอบ (20 คะแนน) 2. ทักษะการปฏิบัติ 40 คะแนน 2.1 การเตรียมวัสดุอุปกรณ์ (10 คะแนน) 2.1.1 การจัดเตรียมวัสดุ (5 คะแนน) 2.1.2 การจัดเตรียมอุปกรณ์ (5 คะแนน) 2.2 ปฏิบัติตามขั้นตอน (20 คะแนน) 2.2.1 ปฏิบัติตามขั้นตอน (5 คะแนน) 2.2.2 ปฏิบัติงานเสร็จตามเวลา (5 คะแนน) 2.2.3 ปฏิบัติงานด้วยความสะอาดเรียบร้อย (5 คะแนน) 2.2.4 ปฏิบัติงานด้วยความคล่องแคล่ว (5 คะแนน) 2.3 มีทักษะในการท างานเป็นทีม (10 คะแนน) 2.3.1 การเคารพกฎ กติกา และการยอมรับความคิดเห็นของผู้อื่น (5 คะแนน) 2.3.2 การมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น (5 คะแนน) 3. คุณภาพของผลงาน/ผลการปฏิบัติงาน (40 คะแนน) 3.1 ผลงาน/ชิ้นงาน เป็นไปตามที่หลักสูตรก าหนด (30 คะแนน) 3.1.1 คุณภาพของชิ้นงาน (10 คะแนน) 3.1.2 องค์ประกอบของชิ้นงาน (10 คะแนน) 3.1.3 การตกแต่ง/บรรจุภัณฑ์ของชิ้นงาน (10 คะแนน) 3.2 การน าเสนอผลงาน/ชิ้นงาน (10 คะแนน) ระดับผลการเรียน การตัดสินผลการเรียนให้น าคะแนนระหว่างการจัดการเรียนการสอนรวมกับคะแนนจากแบบทดสอบ หลังเรียนแล้วน าไปเปรียบเทียบกับเกณฑ์ที่ก าหนด เพื่อให้ค่าระดับผลการเรียนทั้ง 5 ระดับ ดังนี้ 1. ได้คะแนน 80 – 100 ได้เกรด 4 หมายถึง ดีมาก 2. ได้คะแนน 70 - 79 ได้เกรด 3 หมายถึง ดี 3. ได้คะแนน 60 - 69 ได้เกรด 2 หมายถึง ปานกลาง 4. ได้คะแนน 50 - 59 ได้เกรด 1 หมายถึง ผ่านเกณฑ์ขั้นต่ าที่ก าหนด 5. ได้คะแนน 0 - 49 ได้เกรด 0 หมายถึง ต่ ากว่าเกณฑ์ที่ก าหนด


ล า ล าดับ ที่ ป เลขประจ าตัว ประชาชน ชื่อ – สกุล 1. ควำมรู้ควำมเข้ำใจในเนื้อหำ สำระ 20 คะแนน 1.1 แบบ ทดสอบ (20) 2.1 การเตรียมวัสดุ อุปกรณ์ (10) 2 .1.1 (5) 2 .1.2 (5) ลงชื่อ..................................................วิทยากร (......................................................) ลงชื่อ............................................... (.................................................


33 2. ทักษะการปฏิบัติ 40 คะแนน 3. คุณภาพของผลงานผลการปฏิบัติงาน 40 คะแนน ร รวม 100 คะแนน ผลการเรียน 2.2 ปฏิบัติตามขั้นตอน (10) 2 2.3 มีทักษะใน การท างานเป็น ทีม ( 10) 3.1ผลงาน/ชิ้นงาน เป็นไปตามที่หลักสูตร ก าหนด (30) 3 3.2 การน าเสนอ ผลงาน/ชิ้นงาน (10) 2 .2.1 (5) 2 .2.2 (5) 2 .2.3 (5) 2 .2.4 (5) 2 .3.1 (5) 2 .3.2 (5) 3 .1.1 (10) 3 .1.2 (10) 3 .1.3 (10) ...หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมปฏิบัติการ ..) ลงชื่อ..................................................ผู้อนุมัติ (นางอุทัยวรรณ โพธิ์กระจ่าง) ผู้อ านวยการศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์


34 แบบประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ผู้เรียนหลักสูตรวิชำชีพระยะสั้น ศูนย์วงเดือน อำคมสุรทัณฑ์ ศูนย์ฝึกอำชีพรำษฎรตำมพระรำชด ำริ จังหวัดอุทัยธำนี หลักสูตรวิชำ กำรท ำช่อดอกไม้ติดหน้ำอก จ ำนวน 5 ชั่วโมง ชื่อ-สกุล............................................................. ค ำชี้แจง : ให้วิทยากร/ครูผู้สอน/คณะกรรมการนิเทศติดตามสังเกตพฤติกรรมของผู้เรียนในระหว่างเรียน และนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในช่องว่างที่ตรงกับระดับคะแนน คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ด้ำน รำยกำรประเมิน ระดับคะแนน 5 5 4 4 3 3 2 1 1. รักชำติ ศำสน์ กษัตริย์ 1.1 เป็นพลเมืองดีของชาติ 1.2 ธ ารงไว้ซึ่งความเป็นไทย 1.3 ศรัทธา ยึดมั่น และปฏิบัติตนตามหลักของศาสนา 1.4 เคารพเทิดทูน สถาบันพระมหากษัตริย์ 2. ซื่อสัตย์ สุจริต 2.1 ประพฤติตรงตามความเป็นจริงต่อตนเองทั้งทางกาย วาจา ใจ 2.2 ประพฤติตรงตามความเป็นจริงต่อผู้อื่นทั้งทางกาย วาจา ใจ 3. มีวินัย 3.1 ปฏิบัติตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบังคับของสถานศึกษา ครอบครัว ชุมชนและสังคม 4. ใฝ่เรียนรู้ 4.1 ตั้งใจ เพียรพยายามในการเรียน และเข้าร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ 4.2 แสวงหาความรู้จากแหล่งเรียนรู้ต่างๆทั้งภายในและภายนอก สถานศึกษาด้วยการเลือกใช้สื่ออย่างเหมาะสม สรุปเป็นองค์ความรู้ และ สามารถน าไปใช้ในชีวิตประจ าวันได้ 5. อยู่อย่ำงพอเพียง 5.1 ด าเนินชีวิตอย่างพอประมาณ มีเหตุผล รอบคอบ มีคุณธรรม 5.2 มีภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี ปรับตัวเพื่ออยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข 6 . มุ่ ง มั่ นใ น ก ำ ร ท ำงำน 6.1 ตั้งใจและรับผิดชอบในการปฏิบัติหน้าที่การงาน 6.2 ท างานด้วยความเพียรพยายามและอดทนเพื่อให้งานส าเร็จตาม เป้าหมาย 7. รักควำมเป็นไทย 7.1 ภาคภูมิใจในขนบธรรมเนียม ประเพณี ศิลปะ วัฒนธรรมไทย และมี ความกตัญูกตเวที 7.2 เห็นคุณค่าและใช้ภาษาไทยในการสื่อสารได้อย่างถูกต้องเหมาะสม 7.3 อนุรักษ์และสืบทอดภูมิปัญญาไทย 8. มีจิตสำธำรณะ 8.1 ช่วยเหลือผู้อื่นด้วยความเต็มใจโดยไม่หวังผลตอบแทน 8.2 เข้าร่วมกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสถานศึกษา ชุมชนและสังคม รวมคะแนน คะแนนร้อยละ = (....................คะแนน x 100) 90 คะแนน


35 ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............../.................../................ เกณฑ์กำรให้คะแนน พฤติกรรมที่ปฏิบัติชัดเจนและสม่ าเสมอดีเยี่ยม ให้ 5 คะแนน พฤติกรรมที่ปฏิบัติชัดเจนและสม่ าเสมอดีมาก ให้ 4 คะแนน พฤติกรรมที่ปฏิบัติชัดเจนและสม่ าเสมอ ให้ 3 คะแนน พฤติกรรมที่ปฏิบัติบ่อยครั้ง ให้ 2 คะแนน พฤติกรรมที่ปฏิบัติบางครั้ง ให้ 1 คะแนน


36 แบบทดสอบก่อนเรียน หลักสูตร กำรท ำช่อดอกไม้ติดหน้ำอก วันที่ ........................................... ศูนย์วงเดือน อำคมสุรทัณฑ์ ศูนย์ฝึกอำชีพรำษฎรตำมพระรำชด ำริจังหวัดอุทัยธำนี ชื่อ-สกุล................................................................................................ แบบทดสอบก่อนเรียน ฉบับนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อทดสอบความรู้ก่อนเรียนของผู้เรียนหลักสูตรการท าช่อ ดอกไม้ติดหน้าอกของศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์ (คะแนนเต็ม 10 คะแนน) ค ำสั่ง จากโจทย์ที่ก าหนดให้จงท าเครื่องหมาย (√) หน้าข้อที่ถูกและท าเครื่องหมายผิด (×) หน้าข้อที่ผิด ............. 1. ดอกไม้ประดิษฐ์ เป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น เพื่อทดแทนดอกไม้สด หรือ ดอกไม้จริง ............. 2. ความส าคัญและประโยชน์ของงานประดิษฐ์คือการประหยัดค่าใช้จ่ายและใช้เวลาว่างให้เกิด ประโยชน์ ............. 3. ช่อดอกไม้ติดหน้าอกเป็นสัญลักษณ์แทนการให้เกียรติบุคคลนั้น ๆ ............. 4. ดอกไม้ขนาดใหญ่เหมาะส าหรับใช้เป็นดอกเด่นมากที่สุดในการจัดช่อดอกไม้ติดหน้าอก ............. 5. ดอกไม้สีขาวให้ความรู้สึกได้ทั้งร้อนและเย็น ............. 6. หลักการจัดดอกไม้ในงานมงคลควรค านึงถึง ความหมาย วัสดุ และสีสัน ............. 7. การเลือกใช้ดอกแซมที่น ามาจัดช่อดอกไม้ที่เหมาะสมควรเลือกดอกที่มีสีสันสดใส ............. 8. ในการประดิษฐ์ดอกไม้เพื่อท าเป็นของช าร่วยควรยึดหลัก คือสวยงาม กระจุ๋มกระจิ๋ม น่ารัก ............. 9. การท าช่อดอกไม้ดอกไม้ติดหน้าอกควรเลือกใช้วัสดุ อุปกรณ์ให้เหมาะสมกับดอกไม้ชนิดนั้น ๆ …………. 10. การท าช่อดอกไม้ติดหน้าอกเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมในการฝึกสมาธิส าหรับผู้สูงอายุ


37 แบบทดสอบหลังเรียน หลักสูตร กำรท ำช่อดอกไม้ติดหน้ำอก วันที่ ........................................... ศูนย์วงเดือน อำคมสุรทัณฑ์ ศูนย์ฝึกอำชีพรำษฎรตำมพระรำชด ำริจังหวัดอุทัยธำนี ชื่อ-สกุล................................................................................................ แบบทดสอบหลังเรียน ฉบับนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อทดสอบความรู้หลังเรียนของผู้เรียนหลักสูตรการท าช่อดอกไม้ ติดหน้าอกของศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์ (คะแนนเต็ม 10 คะแนน) ค ำสั่ง จากโจทย์ที่ก าหนดให้จงท าเครื่องหมาย (√) หน้าข้อที่ถูกและท าเครื่องหมายผิด (×) หน้าข้อที่ผิด ............. 1. ดอกไม้ประดิษฐ์ เป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น เพื่อทดแทนดอกไม้สด หรือ ดอกไม้จริง ............. 2. ความส าคัญและประโยชน์ของงานประดิษฐ์คือการประหยัดค่าใช้จ่ายและใช้เวลาว่างให้เกิด ประโยชน์ ............. 3. ช่อดอกไม้ติดหน้าอกเป็นสัญลักษณ์แทนการให้เกียรติบุคคลนั้น ๆ ............. 4. ดอกไม้ขนาดใหญ่เหมาะส าหรับใช้เป็นดอกเด่นมากที่สุดในการจัดช่อดอกไม้ติดหน้าอก ............. 5. ดอกไม้สีขาวให้ความรู้สึกได้ทั้งร้อนและเย็น ............. 6. หลักการจัดดอกไม้ในงานมงคลควรค านึงถึง ความหมาย วัสดุ และสีสัน ............. 7. การเลือกใช้ดอกแซมที่น ามาจัดช่อดอกไม้ที่เหมาะสมควรเลือกดอกที่มีสีสันสดใส ............. 8. ในการประดิษฐ์ดอกไม้เพื่อท าเป็นของช าร่วยควรยึดหลัก คือสวยงาม กระจุ๋มกระจิ๋ม น่ารัก ............. 9. การท าช่อดอกไม้ดอกไม้ติดหน้าอกควรเลือกใช้วัสดุ อุปกรณ์ให้เหมาะสมกับดอกไม้ชนิดนั้น ๆ …………. 10. การท าช่อดอกไม้ติดหน้าอกเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมในการฝึกสมาธิส าหรับผู้สูงอายุ


38 บรรณำนุกรม - กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม. (2561). ช่องทางการขายในยุคปัจจุบัน. สืบค้นเมื่อ 24 มิถุนายน 2564, จาก https://bsc.dip.go.th/th/category/marketing2/fs-salechannelpresent -หลักการออกแบบบรรจุภัณฑ์. สืบค้นเมื่อ 24 มิถุนายน 2564, จาก http://www.graphicproduce.com/knowledgedetail.php?no=19 จาก http://www.taweephon.com/product/34/ -บรรจุภัณฑ์ จาก https://anyflip.com/lmgcl/oxtw/basic สืบค้นเมื่อ 24 มิถุนายน 2564 -ศิลปะประดิษฐ์https://www.google.com/search สืบค้นเมื่อ 24 สิงหาคม 2564 -การท าช่อดอกไม้ติดหน้าอก https://www.google.com/search สืบค้นเมื่อ 24 สิงหาคม 2564 -ดอกไม้ประดิษฐ์จากhttps://th.wikipedia.org/wiki/ สืบค้นเมื่อ 24 สิงหาคม 2564 -ความเป็นมาของช่อดอกไม้ติดหน้าอก http://hespokestyle.com/boutonniere-history-weddinggroom-style/https://www.onlineathens.com/article/20140327/LIFESTYLE/303279989 https://oureverydaylife.com/what-does-the-corsage-symbolize-12000078.html สืบค้นเมื่อ 24 สิงหาคม 2564


39 คณะผู้จัดท ำหลักสูตร ที่ปรึกษำ นางอุทัยวรรณ โพธิ์กระจ่าง ผู้อ านวยการศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์ ผู้จัดท ำหลักสูตร นางวัชรินทร์ พลอยส่งศรี ครูผู้ช่วย นางรุ่งนภา ศรีชัย ครูผู้ช่วย นายบดินทร์ภัทร์พุ่มพันธ์วงศ์ ครูผู้ช่วย นางสาวพัฒนีนาถ ภักดีอักษร ครูผู้ช่วย นายวิทวัส เทียนข า ครูผู้ช่วย นางสาวดาววดี เครืออ่อน นักจัดการงานทั่วไป นางสาวนุชจรี หอมสมบัติ นักวิชาการเงินและบัญชี นายสิทธิชัย ศาสตร์ประสิทธิ์ นักจัดการงานทั่วไป นายสมเกียรติ หน่วงกลาง นักวิชาการศึกษา นางสุรีย์รัตน์ แพ่งประสิทธิ์ เจ้าพนักงานธุรการ นายดนัย สดุดี เจ้าพนักงานการเงินและบัญชี นางสาวชลธิชา สีระวัฒน์ นักวิชาการโสตทัศนศึกษา นางสาวอุนนดา ชูรัศมี นักวิชาการศึกษา นางสาวสุวิมล อินเฉียน นักวิชาการพัสดุ นางสาวณัฐกานต์ครุธพันธ์ นักจัดการงานทั่วไป นางสาวศิริพร เกตุประทุม เจ้าหน้าที่เกษตร รูปเล่ม / หน้ำปก นางรุ่งนภา ศรีชัย ครูผู้ช่วย นายสิทธิชัย ศาสตร์ประสิทธิ์ นักจัดการงานทั่วไป


Click to View FlipBook Version