The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

การฉลุลายกระดาษ

ปี 2566


ข ค ำน ำ ด้วยศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์ จังหวัดอุทัยธานีเป็นศูนย์ฝึกอาชีพราษฎรตามพระราชด าริของ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ อนุรักษ์อาชีพให้ประชาชนมีรายได้ และเพื่อศึกษาค้นคว้า วิจัยพัฒนาอาชีพความรู้ต่าง ๆ จากภูมิปัญญาท้องถิ่น ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงที่ส าคัญคือใช้เป็นแหล่งเรียนรู้และจัดกิจกรรมการศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัยในทุกรูปแบบ ได้แก่ เป็นศูนย์สาธิต ทดลอง จัดแสดง และจัดจ าหน่ายผลิตภัณฑ์ ของศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์ และผลิตภัณฑ์จากโครงการพระราชด าริ ส่งเสริมสนับสนุนประสานงาน ร่วมกับภาคีเครือข่ายในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้และการศึกษาอาชีพให้มีงานท า สร้างรายได้ให้ตนเองและ ครอบครัว เพื่อให้การด าเนินงานเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์ ที่เน้นเรื่อง การมีอาชีพเพื่อการ มีงานท า มีรายได้ และอนุรักษ์ สืบสาน รักษา ต่อยอดศิลปวัฒนธรรมไทยให้คงอยู่ โดยเฉพาะในเรื่องงานศิลปหัตถกรรมไทย ซึ่งในจังหวัดอุทัยธานี ประซากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทางการ เกษตรท าให้มีความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากร นอกจากนี้ยังได้น าศาสตร์พระราชามาใช้ในการด ารงชีวิต แต่ในปัจจุบันสภาพทางเศรษฐกิจสังคม โครงสร้างประชากรเปลี่ยนไปมีเทคโนโลยีใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมาย จึงท าให้วิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่เปลี่ยนแปลงไป ท าให้ภูมิปัญญาท้องถิ่นและองค์ความรู้ต่าง ๆ ก าลังจะ สูญหายไป ซึ่งหมายรวมถึงงานศิลปหัตถกรรมไทย ดังนั้นศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์ จึงตระหนักถึง ความส าคัญและต้องการอนุรักษ์ สืบสาน รักษา และต่อยอดด้านศิลปหัตถกรรมไทย จึงได้คัดเลือกงาน ศิลปหัตถกรรมไทยที่ก าลังจะสูญหาย คือการฉลุลายกระดาษ มาจัดท าเป็นหลักสูตรวิชาชีพระยะสั้น ศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์ เพื่อเผยแพร่ให้ประชาชนทั่วไปได้มีความรู้ ความเข้าใจ ตลอดจนได้มีการ อนุรักษ์ สืบสาน ศิลปวัฒนธรมธรรมไทย และมีทักษะด้านอาชีพ สามารถน าความรู้ที่ได้รับไปประยุกต์ใช้ใน การด ารงชีวิตและประกอบอาชีพต่อไป ศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์ ขอขอบคุณผู้ทรงคุณวุฒิ ภูมิปัญญาท้องถิ่น วิทยากร ข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา และบุคลกากรของศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์ ที่ได้ร่วมจัดท าและพัฒนา หลักสูตรวิชาชีพระยะสั้นและจัดท าแผนการเรียนรู้ รวมทั้งสื่อต่าง ให้ส าเร็จไปด้วยดีและหวังเป็นอย่างยิ่ง ว่าหลักสูตรวิชาชีพระยะสั้น ศูนย์วงเตือน อาคมสุรทัณฑ์ เล่มนี้จะเป็นประโยชน์ต่อวิทยากร ครูผู้สอน และ ผู้เรียนและผู้ที่สนใจได้น าไปใช้ให้เกิดประโยชน์คุ้มค่าสูงสุด ศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์ พฤษภาคม 2566 ก ข


ค สำรบัญ หน้ำ ค ำน ำ ก ควำมรู้เกี่ยวกับวัสดุ อุปกรณ์ที่ใช้ในกำรฉลุลำยกระดำษ 1 หลักสูตรกำรฉลุลำยกระดำษ 11 ความเป็นมา 11 หลักการของหลักสูตร 12 จุดประสงค์ของหลักสูตร 12 จุดประสงค์การเรียนรู้ 12 กลุ่มเป้าหมาย 12 ระยะเวลา 12 โครงสร้างหลักสูตร 13 การจัดการเรียนรู้ 13 สื่อการเรียนรู้ 13 การจัดกระบวนการเรียนรู้ 14 การวัดและประเมินผล 14 การจบหลักสูตร 14 เอกสารหลักฐานการศึกษา 14 แผนกำรจัดกระบวนกำรเรียนรู้หลักสูตรกำรฉลุลำยกระดำษ 15 ใบความรู้ ประวัติพวงมโหตร 21 ใบความรู้ ความรู้เบื้องต้นทฤษฎีสี 23 ใบความรู้ ความรู้ขั้นตอนการฉลุลายกระดาษ 24 ใบงาน แบบบันทึกการฉลุลายกระดาษ 26 ใบความรู้ การบรรจุหีบห่อ 27 ใบความรู้ การค านวณต้นทุน ก าไร 28 ใบงาน การคิดต้นทุน ก าไร 30 ใบความรู้ ช่องทางการตลาด 31 แบบวัดและประเมินผลการฉลุลายกระดาษ 33 แบบประเมินผลงานผู้เรียน 34 แบบประเมินผลการจัดการศึกษาและฝึกอบรมหลักสูตรระยะสั้น 35 แบบประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 36 แบบทดสอบก่อนเรียน 39 แบบทดสอบหลังเรียน 40 ตัวอย่างลวดลาย 41 บรรณำนุกรม 42 รำยชื่อคณะผู้จัดท ำหลักสูตร 43


ง สำรบัญรูปภำพ หน้ำ ภาพที่ 1 ค้อน 1 ภาพที่ 2 กรรไกร 2 ภาพที่ 3 ไม้บรรทัดเหล็ก 3 ภาพที่ 4 ไม้บรรทัดพลาสติก 3 ภาพที่ 5 ไม้บรรทัดไม้ 3 ภาพที่ 6 สิ่ว 4 ภาพที่ 7 ดินสอ 6 ภาพที่ 8 กระดาษแข็งเทา-ขาว 7 ภาพที่ 9 กระดาษว่าว 9 ภาพที่ 10 วัสดุ-อุปกรณ์รวม 26 ภาพที่ 15 เครื่องชั่งดิจิตอล 22 ภาพที่ 16 เครื่องอบยูวีเรซิ่น 23 ภาพที่ 17 ผลิตภัณฑ์จากเรซิ่น 25 ภาพที่ 18 พวงกุญแจเรซิ่น 19 ภาพที่ 19 ที่คั่นหนังสือเรซิ่น 21 ภาพที่ 20 จานรองแก้วเรซิ่น 22 ภาพที่ 21 ถาดไม้เคลือบเรซิ่น 23 ภาพที่ 22 ชั้นใส่ขนมสามชั้นเรซิ่น 25 ค


1 ควำมรู้เกี่ยวกับวัสดุ อุปกรณ์ที่ใช้ในกำรฉลุลำยกระดำษ วัสดุและอุปกรณ์ที่ใช้ในกำรฉลุลำยกระดำษ ในการจัดเตรียมวัสดุและอุปกรณ์ในการจัดท าหลักสูตรการฉลุลายกระดาษ จะต้องใช้วัสดุและ อุปกรณ์หลากหลายชนิด ตั้งแต่ กรรไกร กาว ไม้บรรทัด ดินสอ กระดาษแข็ง ค้อน สิ่วฉลุลาย และกระดาษ ว่าวสีต่าง ๆ เพื่อประกอบการท า และการจัดเตรียมวัสดุและอุปกรณ์ให้พร้อม วัสดุและอุปกรณ์ทุกชนิดที่ น ามาใช้ต้องอยู่ในสภาพที่ดีพร้อมใช้งาน ซึ่งท าให้การประกอบอาหารได้ดี ไม่เสียแรงงาน และประหยัดเวลา วัสดุและอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้ประกอบด้วย ค้อน ค้อน เป็นเครื่องมือเริ่มต้นส าหรับผู้ริเริ่มที่จะท างานช่าง ไม่ว่าจะเป็น การตอก การทุบ การงัด และ การเคาะ ซึ่งในปัจจุบันก็มีค้อนอยู่หลากหลายประเภท โดยในแต่ละประเภทก็มีลักษณะการใช้งานที่ แตกต่างกัน ประเภทของค้อนและกำรใช้งำนที่ ค้อนหงอน เป็นค้อนชนิดหนึ่งที่ใช้ส าหรับตอกและถอนตะปูได้ ผิวหน้าเรียบหรือโค้งเล็กน้อย และในส่วนปลาย ของค้อนหงอนมีลักษณะเป็นง่าม ที่ใช้ส าหรับถอนตะปู และในส่วนของด้ามของค้อนหงอนอาจท าด้วยไม้ หรือพลาสติกแข็งก็ได้ ค้อนหงอนมักจะมีน้ าหนักอยู่ในช่วง 16 ถึง 25 ออนซ์ เป็นค้อนที่อเนกประสงค์ที่ยอด เยี่ยม แข็งแรง ทนทานต่อการใช้งาน ค้อนเดินสำยไฟ ส่วนใหญ่จะใช้กับงานไฟฟ้าเป็นค้อนที่มีลักษณะคล้ายกับค้อนย้ าหมุด ใช้ในการตอกเข็มขัดส าหรับ เดินสายไฟมีปลายด้านหนึ่งหน้าเรียบตรง และอีกด้านหนึ่งแบนแหลม ใช้ตอกในที่แคบได้ ขนาดที่ใช้กัน โดยทั่วไปคือ น้ าหนัก 150 กรัมและ 200 กรัมนอกจากนี้ยังใช้ค้อนเดินสายไฟกับการตอกตะปูเฟอร์นิเจอร์ เล็กๆ ได้อีกด้วย ค้อนหัวกลม เป็นเครื่องมือช่างที่มีความอเนกประสงค์ ค้อนหัวกลมที่ใช้กันมากที่สุด ลักษณะทั่วไปของค้อนจะมี หน้าเรียบ ส่วนหน้าตัดจะมีลักษณะกลม ผิวนูนโค้งเล็กน้อย ใช้งานได้ทั้งสองหน้า ค้อนหัวกลมจะถูกใช้ใน งานเคาะ ขึ้นรูป และย้ าหมุดทั่วไป เป็นค้อนที่แข็งแรงมีการกระจายน้ าหนักที่ดีเยี่ยมในระหว่างการใช้งานซึ่ง ช่วยลดความเหนื่อยล้าได้ดีค้อนหัวกลมมีขนาดเล็กพอที่จะเก็บในกล่องเครื่องมือหรือกระเป๋าเครื่องมือของ ผู้ใช้ ค้อนไม้ เป็นค้อนที่ไม่ได้ท ามาจากโลหะ โดยทั้งส่วนหัวและด้ามจับค้อนท าจากไม้เนื้อแข็ง ที่มาในลักษณะที่ เป็นแท่งกลมและแท่งสี่เหลี่ยมนั่นเอง ค้อนไม้จะมีความยืดหยุ่นดีกว่าเหล็ก เมื่อใช้งานเคาะชิ้นส่วนต่างๆ จึง ท าให้เกิดความเสียหายน้อยมาก จึงเหมาะส าหรับใช้ตี เคาะ หรือดัดชิ้นงานที่มีผิวอ่อน ค้อนไร้แรงสะท้อน ค้อนประเภทนี้ส่วนใหญ่แล้วมันจะรูปแบบภายในเป็นเหล็กและภายนอกจะเป็นพลาสติก ท าให้มี ความนุ่มและไร้เสียงดังรบกวนขณะที่คุณก าลังเคาะ ค้อนจะท าหน้าที่ดูดซับการเกิดแรงสะท้อนย้อนกลับมา


2 มันจะไม่ท าให้แขนของคุณเมื่อยล้าเวลาใช้งาน จึงเหมาะส าหรับงานประกอบไม้และผลิตภัณฑ์พลาสติก ฯลฯ สิ่งที่ไม่ควรท าเด็ดขาดเลยก็คือ ห้ามใช้ในการตอกตะปูอย่างเด็ดขาด ค้อนยำง หัวค้อนท ามาจากยาง จึงมีคุณสมบัติเหนียวนุ่ม มีความทนทานสูงและไม่ฉีกขาดหรือแตกหักได้ง่าย เหมาะส าหรับใช้ขึ้นรูปชิ้นงาน ดัดชิ้นงานที่มีผิวอ่อน เพื่อรักษาสภาพของชิ้นงานและป้องกันไม่ให้ผิวของ ชิ้นงานเกิดรอยได้ รวมถึงใช้เคาะเพื่อตรวจสอบงานบนพื้นผิวชิ้นงานไม่สามารถถูกกระแทกได้ เช่น งานปู กระเบื้อง หรืองานปูหินแกรนนิต เป็นต้น ค้อนปอนด์ มีรูปร่างเป็นรูปแปดเหลี่ยม ผิวหน้าจะนน และลาดเอียงไปทางขอบ มีเนื้อสัมผัสเรียบและนูน บริเวณด้านหน้าที่ใช้ทุบ มีตั้งแต่ขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ ที่ผลิตจากโลหะที่มีความแข็งแรงมาก เช่น เหล็ก ขนาด 1.5 ถึง 3 ปอนด์ มีความแข็งแรงและน้ าหนักมากจึงเหมาะกับงานที่ต้องใช้แรงทุบและแรงกระแทก อย่างหนัก เช่น งานตีเหล็ก งานทุบก าแพง งานดัดงอต่าง ๆ หรือตอกหมุดเพื่อสกัดหิน วิธีกำรเลือกซื้อ ต้องค านึงถึงประเภทที่ต้องการใช้งาน เลือกยี่ห้อที่น่าเชื่อถือ และมีความแข็งแรง ทนทาน สามารถ ใช้งานได้เป็นอย่างดีดังนั้น การเลือกใช้ค้อนจึงควรเลือกให้เหมาะสมกับลักษณะงานนั้น ๆ เพื่อให้เกิด ประสิทธิภาพสูงสุด วิธีกำรใช้งำน ใช้ส าหรับตอกสิ่ว ปัจจุบันนิยมใช้ค้อนเดินสายไฟ เนื่องจากมีน้ าหนักเบา ซึ่งในสมัยโบราณจะใช้ ค้อนที่ท าด้วยไม้เนื้อแข็งและมีความเหนียว เช่น ไม้ชิงชัน ไม้แดงและไม้มะค่า ช่างแกะสลักนิยมท าค้อนขึ้น เอง เนื่องจากความต้องการใช้น้ าหนักตัวค้อนแต่ละคนถนัดไม่เท่ากันลักษณะเป็นทรงสี่เหลี่ยมและหน้าค้อน ที่ใช้ตอกต้องใช้หน้าค้อนตามเนื้อไม้ จะไม่ใช้ด้านขวางเนื้อไม้ตอกเนื่องจากค้อนอาจฉีกได้ วิธีกำรเก็บรักษำ หลีกเลี่ยงการใช้งานในขณะที่มือเปื้อนคราบต่าง ๆ ไม่ควรใช้ด้ามค้อนกระแทกชิ้นงาน และควร ระวังขณะใช้งานค้อนหัวกลม เนื่องจากค้อนหัวกลมมีความแข็ง และหนัก หากตกกระแทก อาจท าให้เกิด อันตรายแก่ผู้ปฏิบัติงานได้ เมื่อสิ้นสุดการใช้งานแล้วควรเช็ดท าความสะอาดให้เรียบร้อย ภาพที่ 1 : ค้อน และสิ่วฉลุลาย โดย ศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์


3 กรรไกร กรรไกร เป็นเครื่องมือสามัญที่จัดอยู่ในกลุ่มเครื่องมือตัด ถูกออกแบบมาให้ใช้ได้ด้วยมือเปล่า มีทั้งแบบใช้มือเดียวและใช้สองมือ และมีคุณสมบัติเด่นหลัก ๆ คือ ช่วยให้ตัดชิ้นงานได้ทันใจ ประหยัดแรง ประหยัดเวลา พกพาสะดวก ไม่เปลืองพื้นที่จัดเก็บ และวิธีการบ ารุงรักษาเครื่องมือท าได้ง่าย กรรไกรมี หลายประเภท แต่ละประเภทมีรูปทรงและรูปแบบการใช้งานได้ดีต่างกัน จึงท าให้เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือตัดที่ นิยมใช้กันเกือบทุกสายงาน วิธีกำรเลือกซื้อ สิ่งแรกที่เลือกซื้อคือต้องให้ตรงกับความต้องการใช้งานในแต่ละประเภท โดยค านึงถึงใบมีด ที่มีคุณภาพ ต้องเป็นเหล็กกล้าไร้สนิท ง่ายต่อการลับให้คม ขนาดกะทัดรัด เหมาะสมกับการใช้งาน ถือจับได้ อย่างสบาย คุ้มค่าสมกับราคาและการใช้งาน ทั้งยังต้องปลอดภัยส าหรับการใช้งาน วิธีกำรใช้งำน ควรใช้กรรไกรให้เหมาะสมกับประเภทการใช้งาน ตรวจสอบสภาพของกรรไกร ให้มีสภาพพร้อมต่อ การใช้งาน ไม่เป็นสนิม และต้องมีการลับให้คมอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้สามารถใช้งานได้ วิธีกำรเก็บรักษำ ไม่ควรตัดวัสดุอย่างอื่น และไม่ให้ตกพื้น หลังการใช้งานควรใช้ผ้าชุบน้ ามันเช็ดท าความสะอาด หลังจากใช้งาน เก็บในกล่องอุปกรณ์การตัดเย็บ ไม้บรรทัด เป็นอุปกรณ์ทางเรขาคณิต อาจท าจากเหล็ก พลาสติก ไม้ หรืออะลูมิเนียม ใช้ในการวัดความยาว ส่วนใหญ่จะมี 2 สเกล คือ นิ้ว และ เซนติเมตร พบได้หลายขนาด ส่วนใหญ่จะเป็นขนาด 15 หรือ 30 เซนติเมตร และอาจยาวถึง 100 เซนติเมตร ไม้บรรทัดเหล็ก ลักษณะโครงสร้างของบรรทัดเหล็กมีลักษณะเป็น แผ่นบาง ยาว บิดงอตัวได้ เล็กน้อย ส าหรับบรรทัดเหล็ก แบบทั่วไปจะมีหลายขนาดความยาวให้ผู้ใช้งานได้เลือกใช้ ตามความ เหมาะสม วัสดุที่ใช้ท าบรรทัดเหล็กส่วนใหญ่ จะท าจากเหล็กไร้สนิม (Stainless Stell) เป็นวัสดุในการ ผลิต เพื่อความแข็งแรง คงทน บ ารุงรักษาท าความ สะอาดง่าย และยังไม่เกิดสนิมอีกด้วย ที่ด้านหน้าของ บรรทัด เหล็กจะมีขีดสเกลมาตราวัดไว้ทั้งระบบเมตริก และระบบอังกฤษ และในบางรุ่นจะมีตารางเปรียบเทียบ ค่า วัดระหว่างระบบเมตริกกับระบบอังกฤษไว้ด้านหลัง เพื่อความสะดวกของผู้ใช้งานหากต้องการเทียบค่าวัด ภาพที่ 2 : กรรไกร โดย ศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์


4 ไม้บรรทัดพลำสติก ผลิตจาก พอลิสไตรีน (Polystyrene, PS) มีลักษณะแข็ง ใส เปราะและ แตกหักง่าย ทนต่อแรงกระแทกต่ า ซึ่งนิยมน าไปผลิตเป็นชิ้นส่วนตู้เย็น ชิ้นส่วนในรถยนต์ ไม้บรรทัด พลาสติก ด้ามปากกา ถังและขวดพลาสติก เป็นผูกลวดหลังคาและผูกลวดเหล็กโครงสร้างงานหล่อเท คาน เป็นต้น จึงอาจท าให้ไม้บรรทัด มีการแตกหัก ได้ง่าย เมื่อใช้ไปในระยะเวลานาน ไม้บรรทัดไม้ ผลิตจาก ไม้บรรทัด ผลิตจากเนื้อไม้ มีน้ าเบา มีตัวเลขชัดเจน ส าหรับการใช้งาน พกพาสะดวก มีความทนทาน วิธีกำรเลือกซื้อ วิธีการเลือกซื้อไม้บรรทัด ตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการใช้ วิธีกำรใช้งำน ไม้บรรทัด ใช้ในการวัดขนาดความยาวของชิ้นงาน เพื่อให้ทราบขนาดของชิ้นงานที่ท าการวัด หรือ การใช้ไม้บรรทัดถ่ายขนาดวัด เพื่อร่างแบบหรือขีดหมายขนาดลงชิ้นงาน กำรใช้ไม้บรรทัดด้วยควำมปลอดภัย ไม้บรรทัด เป็นเครื่องมือวัดชนิดหนึ่งที่ต้องการความระมัดระวังในการใช้งาน ไม่ว่าในขณะใช้งาน หรือหลัง ใช้งาน ควรระมัดระวังและบ ารุงรักษาดังต่อไปนี้ ภาพที่ 3 : ไม้บันทัดเหล็ก โดย ศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์ ภาพที่ 4 : ไม้บรรทัดพลาสติก โดย ศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์ ภาพที่ 5 : ไม้บรรทัดไม้ โดย ศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์


5 1. บรรทัดเหล็กมีไว้ส าหรับวัดขนาดของงานเท่านั้น อย่าใช้แทนเป็นเครื่องมืออื่น ๆ เช่น อย่าใช้ บรรทัดเหล็ก เป็นเหล็กขีด ขีดร่างแบบลงชิ้นงานหรือใช้แทนไขควง 2. ไม่ควรวางหรือเก็บบรรทัด รวมกับเครื่องมือ ชนิดอื่น 3. ระมัดระวังไม่ควรให้บรรทัดทุกประเภทตกหล่น เพราะอาจจะท าให้ขีดสเกลเริ่มช ารุด หรือ หากเป็ฯไม้บรรทัดพลาสติด อาจแตกหักได้ วิธีกำรเก็บรักษำ และกำรบ ำรุงรักษำ ก่อนและหลังการใช้งานบรรทัดควรเช็ด ท าความสะอาดด้วยผ้าสะอาด แล้วเช็ดด้วยแอลกอฮอล์ 95% หากเป็นไม้บรรทัดเหล็ก ทิ้งไว้สักพักหนึ่งและทาด้วยน้ ามันเพื่อป้องกันสนิม แล้วแขวนเก็บเข้าที่ให้ เรียบร้อย สิ่วฉลุลำย สิ่ว เป็นเครื่องมือที่ใช้ตัดไม้หิน หรือโลหะ ให้เป็นรูปร่างต่างๆ โดยอาศัยการตอกด้วยค้อน หรือ เครื่องตอกไฮโดรลิก ให้ส่วนคมที่ปลายสิ่วกินเข้าไปในเนื้อวัตถุหลายๆ ครั้ง เพื่อให้ส่วนที่ไม่ต้องการหลุดแตก ออกมา จนเหลือเป็นรูปทรงที่ต้องการในที่สุด สิ่ว จะมีส่วนประกอบหลักๆ คือตัวสิ่วที่เป็นโลหะ ซึ่งส่วน ปลายจะแบนคมคล้ายลิ่ม และมีด้ามจับที่เป็นไม้หรือพลาสติก โดยทั่วไป สิ่วจะใช้ในงานประติมากรรม แกะสลักไม้ หิน หรือใช้โดยช่างไม้เพื่อแต่งขอบและมุมของไม้แต่ละชิ้น ให้ประกอบรวมกันเป็นชิ้นงานได้ พอดี สิ่วฉลุลาย ประกอบด้วย 1. สิ่วหน้าโค้ง ลักษณะสิ่วมีคมโค้งคล้ายเล็บมือ ใช้ส าหรับตอกเก็บตัวลาย 2. สิ่วหน้าตรง ลักษณะสิ่วมีคมเป็นเส้นตรงปลายตรงเสมอกันจะใช้ส าหรับตอกปลาย ลายและการตอกบากลาย วิธีกำรเลือกซื้อ วิธีการเลือกซื้อสิ่ว ที่ท าด้วยเหล็กที่แข็งแรมเพื่อทนต่อแรงกระแทก และเลือกตามวัตถุประสงค์ที่ ต้องการใช้ วิธีกำรใช้งำน ใช้ส าหรับตอกบนกระดาษ ให้ขาดตามลวดลายที่วาดไว้ โดยใช้ร่วมกับค้อน วิธีกำรเก็บรักษำ เมื่อให้สิ่วเสร็จ เช็ดด้วยน้ ามันเพื่อป้องกันสนิม ใส่กล่องเครื่องมือเก็นไว้ไม่ให้โดนน้ าเพื่อป้องกันการ เกิดสนิม ภาพที่ 6 : สิ่งฉลุลาย โดย ศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์


6 ดินสอ สิ่งประดิษฐ์ที่ท าด้วยไม้แท่งเล็กๆ ยาวประมาณ 7 นิ้ว บรรจุภายในด้วยแกรไฟต์ นับว่าเป็น เครื่องมือของการขีดเขียนที่มีราคาถูกที่สุด ในการท างานด้านการเขียนต่างๆ ที่ยังไม่แน่ใจในความถูกต้อง และอาจจะมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงผลงานต่างๆ อาทิเช่น งานวาดรูป งานออกแบบเสื้อผ้า เป็นต้น วัสดุที่ใช้ท าดินสอ ในปัจจุบันดินสอท าด้วยวัตถุดิบที่แตกต่างกันออกไปกว่า 40 ชนิด แต่ดินสอที่ดี ที่สุด คือดินสอที่ใช้อุปกรณ์ในการท าดังนี้ Graphite จากประเทศศรีลังกา มาดากัสการ์ และเม็กซิโก Clay จากประเทศเยอรมัน ยาง (ใช้ท ายางลบ) จากประเทศมาเลเซีย แร่พลวง (ใช้เป็นตัวเชื่อมของ Graphite กับ Clay) จากประเทศเบลเยี่ยม และตามบริเวณชายฝั่ง ของประเทศเดนมาร์กเท่านั้น ไม้ที่น ามาห่อหุ้มแท่งดินสอส่วนใหญ่จะท าจาก "ไม้ซีดา" ที่มีอายุ 200 ปีขึ้นไป เป็นไม้ที่มีกลิ่นหอม โดยน ามาจากรัฐแคลิฟอร์เนีย จะพบบนเขาสูงๆเท่านั้น ( ไม้ซีดาเป็นไม้ที่มีเนื้ออ่อนและ เหลาง่าย ) ชนิดของดินสอ ปัจจุบันดินสอแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิดด้วยกัน คือ ดินสอด า ( Lead Pencil ) คือ ดินสอที่นิยมใช้กันทั่วๆไป ไส้ดินสอท าจากถ่านแกรไฟต์ผสมกับดินเหนียว ( Clay ) ใช้ตัวอักษร B ( Black ) และ H ( Hard ) ก าหนดความแข็งและความเข้มของไส้ดินสอ ขนาด 6 B จะมี Clay ผสมน้อย ส่วนขนาด 6 H จะมี Clay ผสมมากที่สุด ดินสอที่มีความเข้มน้อยจะใช้ในการร่างภาพ ส่วนดินสอที่มีความเข้มมากจะใช้ ในการแรเงา ดินสอคาร์บอน ( Carbon Pencil ) หรือดินสอถ่าน ท าจากส่วนผสมของถ่านไม้ (Charcoal) ไส้ดินสอด าคล้ายถ่านไม้ มีชนิดแข็งและอ่อน ล าดับจาก HH (แข็งมาก),HB(ปานกลาง ), B(ไส้อ่อนแต่ด า),BB (ด ามาก),BBB (ด าที่สุด) บางบริษัทใช้ตัวอักษร E แทนตัวอักษร B วิธีกำรเลือกซื้อ ควรเลือกซื้อดินสด ให้เหมาะกับการใช้งาน เช่น งานเขียน งานวาด งานออกแบบ หากเราเพียงแค่ รู้จักวิธีการดูรหัสที่ระบุอยู่บนแท่งก็สามารถเลือกหยิบซื้อได้อย่างง่ายได้ ซึ่งหากลองสังเกตให้ดีจะเห็นว่า ดินสอ แต่ละชนิดจะมีตัวหนังสือภาษาอังกฤษก ากับอยู่ 3 ตัว ได้แก่ B H และ F ทั้งสามตัวนี้ก็มีความหมาย ที่แตกต่างกันดังนี้ ตัว B (Blackness) คือ ความด าของไส้ ส่วนตัวเลขด้านหน้าจะบอกระดับความเข้มของสี เช่น 4B จะเข้มกว่า 2B ตัว H (Hard) หมายถึง ความแข็งของไส้ มากน้อยก็ขึ้นอยู่กับตัวเลขที่ระบุด้านหน้า ตัว F (Fine) เป็นความละเอียด เหมาะส าหรับงานที่ต้องใช้ความคมและความละเอียดของเส้น วิธีกำรใช้งำน 1. เลือกดินสอที่ เหมาะกับความต้องการของคุณ 2. ตัดสินใจเลือกความแข็งและความหนาของดินสอ 3. ให้ดินสอของคุณมีความคม แต่ไม่คมเกินไป หากคุณใช้ดินสอมาตรฐานที่ไม่ใช้กลไกคุณจะต้อง เหลาให้ได้คุณสามารถใช้เครื่องเหลาแบบใช้มือถือเครื่องเหลาแบบใช้มือ เครื่องเหลาไฟฟ้าหรือมีด หัตถกรรมหรือใบมีดโกน


7 4. ใช้ดินสอของคุณ เมื่อพร้อมใช้งานได้เลย เขียนวาดร่างหรือลงสีในแบบที่คุณวางแผนไว้หากคุณ มีปัญหาในการจับดินสอให้ใช้เคล็ดลับจากหัวข้อด้านล่างเกี่ยวกับการสอนเกี่ยวกับการจับดินสอ เหลาดินสอ อีกครั้งเมื่อจ าเป็น 5. รอยด่างหลีกเลี่ยง ข้อเสียที่ใหญ่ที่สุดของดินสอคืออาจท าให้เกิดรอยเปื้อนได้หากคุณเลื่อนมือไป บนกระดาษหลังจากเขียน สิ่งนี้เกิดขึ้นโดยเฉพาะกับคนที่ถนัดซ้ายซึ่งมักพบว่าส้นมือเขียนของพวกเขาลาก ไปตามกระดาษและเลอะสิ่งที่พวกเขาเพิ่งเขียน หากสิ่งนี้เกิดขึ้นกับคุณให้ลองปรับต าแหน่งมือของคุณเพื่อ ไม่ให้เลอะมากเกินไป 6. ลบได้ตามต้องการ การคว่ าดินสอไว้เหนือปากกาหรืออุปกรณ์การเขียนอื่น ๆ นั้นส่วนใหญ่ สามารถลบได้หากคุณซื้อยางลบคุณภาพสูงและมีดินสอเขียนแบบธรรมดาคุณควรจะลบเครื่องหมายของ คุณได้ตามต้องการเพื่อแก้ไขข้อผิดพลาดการเขียนค าซ้ าหรือปรับการร่างของคุณ วิธีกำรเก็บรักษำ ดินสอแต่ละแท่งเมื่อเลิกจากการใช้งานแล้ว ก็ควรเหลาใหม่เพื่อเตรียมไว้ให้พร้อมที่จะใช้งานคราว ต่อไป ทั้งนี้ควรเก็บใส่กล่องให้เรียบร้อยเพื่อไม่ให้ปลายดินสอหัก หรือจะใส่ไว้ในกล่องโดยเอาปลายดินสอ ขึ้นก็ได้ กระดำษแข็งเทำ-ขำว ผลิตจากเยื่อกระดาษ หรือผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติรีไซเคิล กระดาษสีขาว ด้านหลังสีเทา เนื้อกระดาษแข็งเรียบและทึบแสง ปกติจะทีความของหนากระดาษ ตั้งแต่ 200 แกรม ถึง 500 แกรม และมี ขนาดกระดาษ (กว้าง 31 นิ้ว x ยาว 34 นิ้ว) วิธีกำรเลือกซื้อ ควรเลือกกระดาษ ที่มีความหนา ตั้งแต่ 270 – 400 แกรม พอส าหรับการใช้งานในการฉลุลาย กระดาษแบบโบราณ วิธีกำรใช้งำน ใช้ส าหรับท ากล่องใส่ของที่มีน้ าหนักเบา,งานโมเดลต่างๆ หรือส าหรับงานฝีมือ,ป้ายค า,งานจัด บอร์ดต่างๆ ส าหรับการฉลุลายกระดาษ ใช้ในการวาดลวดลายต่าง ๆ วิธีกำรเก็บรักษำ ม้วน แล้วมัดด้วยหนังยาว หรือเชือก เก็บไว้ในที่แห้ง ไม่ให้โดนน้ า ภาพที่ 7 : ดินสอ โดย ศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์


8 กระดำษว่ำว กระดาษว่าว เป็นกระดาษที่ผลิตจากเยื้อไม้ไผ่ มีคุณสมบัติเหนียวและไม่โปร่ง ลมรั่วไม่ได้ เดิมใช้ กระดาษที่สั่งมาจากประเทศจีน ต่อมาใช้กระดาษจากประเทศญี่ปุ่น. วิธีกำรเลือกซื้อ เลือกกระดาษที่มีสีสันสดใส สวยงาม ไม่ซีด วิธีกำรใช้งำน น ามาจัด เป็นรูปร่างต่าง ๆ ได้ตามความต้องการ วิธีกำรเก็บรักษำ ม้วน แล้วมัดด้วยหนังยาว หรือเชือก เก็บไว้ในที่แห้ง ไม่ให้โดนน้ า ภาพที่ 8 : กระดาษแข็งเทา-ขาว โดย ศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์ ภาพที่ 9 : กระดาษว่าว โดย ศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์


9 วิชำกำรฉลุลำยกระดำษแบบโบรำณ ความรู้พื้นฐานในการจัดการเรียนรู้ตามหลักสูตรการฉลุลายกระดาษแบบโบราณ ซึ่งเป็น ศิลปหัตถกรรมงานช่างฝีมือของไทย ที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน มีความสวยงามประณีตไม่แพ้งานฝีมือ ประเทศไหนในโลกนี้ อีกทั้งยังมีความงดงามอ่อนช้อยและแฝงไว้ด้วยศาสตร์และศิลป์ ประเทศไทยมี ศิลปวัฒนธรรมที่ควรค่าแก่การสืบทอดมากมาย แต่น่าเสียดายที่งานศิลปะของไทยหลายอย่างมิได้มีการ รวบรวม และบันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษร ศิลปะงานช่างส่วนใหญ่ได้รับการถ่ายทอดมาจากบรรพบุรุษ หรือจดจ ามาจากช่างฝีมือพื้นบ้าน เมื่อกาลเวลาล่วงเลยผ่านไปหากไม่ได้รับการถ่ายทอดความรู้จากศิลปิน หรือช่างพื้นบ้าน ก็ท าให้ งานศิลปะแขนงนั้น ๆ สูญหายไปจากสังคมไทย ตัวอย่างเช่น ศิลปะการท า “ศิลปะการฉลุลายกระดาษ” ที่ใช้ประดับประดาบริเวณงานต่างๆ เช่น งานบุญกุศล งานประเพณีทาง วัฒนธรรมต่างๆ งานแต่งงาน งานบวช เพื่อตกแต่งให้งานมีความสวยงามน่ามอง ปัจจุบันหาดูได้ยากและ เริ่มเลือนหายไปจากสังคมไทย เด็กและเยาวชนรุ่นใหม่ ๆ ก็ไม่รู้จักการฉลุลายกระดาษ ว่าคืออะไร แต่ใน ปัจจุบันมีผู้เห็นความส าคัญสืบสาน งานชิ้นนี้ให้คงอยู่ให้เห็นตามชนบท เวลาที่มีการจัดงานบุญงานประเพณี ต่าง ๆ ในบางจังหวัดและปัจจุบันมีคนสนใจในการตกแต่งสถานที่ด้วยกระดาษฉลุลายเพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะ ในเขตจังหวัดอุทัยธานี จังหวัดนครสวรรค์ และจังหวัดชัยนาท กำรฉลุลำยกระดำษ จึงเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่มี ความเป็นไปได้ที่จะน าไปประกอบเป็นอาชีพอีกทั้งยังสามารถ น าไปถ่ายทอดเป็นวิทยากรให้กับเด็ก และ เยาวชน ตามสถานศึกษาต่าง ๆ ได้อีกด้วย ด้วยเหตุผลและปัจจัยแวดล้อมดังกล่าวรวมกัน หลักสูตรการฉลุ ลายกระดาษแบบโบราณที่มีคุณภาพและมาตรฐาน เป็นอีกหนึ่งอาชีพที่มีโอกาสจะประสบผลส าเร็จและมี ความยั่งยืนในการประกอบอาชีพ ในอดีตงานฉลุกระดาษเป็นงานศิลปะหัตถกรรมที่เน้นการใช้เทคนิคการพับกระดาษ โดยจะพับ กระดาษว่าวแล้วตัดด้วยกรรไกร แต่ในปัจจุบันได้มีการพัฒนาขั้นตอนการผลิตงานออกมา เป็นการใช้สิ่วซึ่งมี หลากหลายรูปแบบทั้ง สิ่วตรง สิ่วโค้ง แทนการตัดด้วยกรรไกรและใช้เทคนิคการเย็บกระดาษว่าวเข้าด้วยกัน เพื่อสะดวกในการตอกลวดลายลบนกระดาษ นอกจากนี้ยังพัฒนาการใช้ที่รองกระดาษจากไม้อัดธรรมดาก็ กลายเป็นเขียงแทน เพื่อสะดวกแก่การตอกรวมไปถึงเรื่องลวดลายก็เช่นกัน ได้มีการพัฒนาลวดลายต่างๆขึ้น เพื่อให้เหมาะในทุกโอกาส ทุกประโยชน์ใช้สอยดังนั้น งานฉลุกระดาษจึงควรค่าแก่การอนุรักษ์เพื่อให้อยู่คู่ กับคนไทย ตราบนานเท่านาน นอกจากนี้การประกอบอาชีพการฉลุลายกระดาษ ยังมีเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกส าหรับผู้ที่ต้องการ พัฒนารูปแบบการฉลุลายกระดาษ ให้มีความสวยงาม ซึ่งในปัจจุบันมีแนวโน้มความเป็นไปได้ในการ ประกอบอาชีพที่ประสบผลส าเร็จในธุรกิจนี้และเพื่อเป็นขยายโอกาสให้ผู้ที่สนใจเรียน ได้พัฒนาฝีมือและ ความช านาญเป็นการยกระดับมาตรฐานวิชาชีพ ในท าพวงมโหตร ให้ก้าวไกลยอมรับ และเป็นช่องทางใน การประกอบอาชีพหรือเป็นเจ้าของธุรกิจที่สร้างรายได้เป็นอย่างดี ศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์ จึงมีนโยบายในการจัดการเรียนรู้การฝึกอาชีพด้านการฉลุลายกระดาษ ตามความต้องการของประชาชนในท้องถิ่นและเมื่อผู้เรียนส าเร็จจากการเรียนรู้ไปแล้ว สามารถน าความรู้ และทักษะไปเป็นแนวทางในการพัฒนาตนเองและครอบครัว น าไปประกอบอาชีพเสริม สร้างอาชีพใหม่ สร้างรายได้ให้แก่ตนเองและครอบครัวต่อไป ในการจัดการเรียนรู้การฉลุลายกระดาษ เป็นการจัดการเรียนรู้เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้เกี่ยวกับความ เป็นมา ลักษณะ ประเภท วัสดุอุปกรณ์ เทคนิคการฉลุลายกระดาษ ประโยชน์และคุณค่า ช่องทางการจัดการ ตลาด หลักการบรรจุหีบห่อ เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจ พร้อมทั้งมีทักษะได้อย่างถูกต้องเหมาะสม และ มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ในการประยุกต์ให้เข้ากับยุคสมัยในปัจจุบัน


10 หลักสูตรกำรฉลุลำยกระดำษแบบโบรำณ จ ำนวน 5 ชั่วโมง ศูนย์วงเดือน อำคมสุรทัณฑ์ 1. ควำมเป็นมำ งานตอกกระดาษหรืองานฉลุกระดาษในเมืองไทยนั้นยากที่จะกล่าวอ้างความเป็นมาจากอดีตถึง ปัจจุบันว่ามีความเป็นมาได้อย่างไร เพราะงานตอกกระดาษนั้นเป็นงานที่ไม่คงทนถาวร จึงไม่มีหลักฐานถึง ที่มาที่ไปอย่างแน่นอน และอีกอย่างงานตอกกระดาษเป็นไปในลักษณะของการประดับตกแต่เฉพาะงานเมื่อ เสร็จงานหรือเสร็จสิ้นพิธีแล้วก็จะรื้อถอน หรือไม่ก็ช ารุด ฉีกขาดไปไม่มีใครเก็บ เพราะเมื่อจะจัดการงาน ขึ้นใหม่ก็จะจัดการหาช่างมาออกแบบ ตอก ฉลุกระดาษตกแต่งเฉพาะงานๆ ไปวนเวียนเช่นนี้ไปตามสภาพ การของชุมชน หรือความต้องการของเจ้าภาพของงานนั้น1 เมื่อกาลเวลาเปลี่ยนไปความนิยมในการใช้งาน ตอกกระดาษมาประดับสถานที่เริ่มเปลี่ยนไป เมื่อชุมชนมีการพัฒนาความเป็นอยู่แบบสมัยใหม่มากขึ้น การ จัดงานมีการประดับด้วยสิ่งของที่มีราคาค่างวดมากขึ้น ขวกกับช่างฝีมือในการตอกกระดาษเก่งๆ เริ่มหด หายไป เทคโนโลยีใหม่ๆ เริ่มน าการตกแต่งสถานที่ในรูปแบบใหม่เข้ามาแทนที่ จากที่เคยจัดงานที่วัดหรือ ตามลานบ้าน เปลี่ยนมาเป็นจัดงานตามอาคาร หอประชุม โรงแรมที่โอ่อา กว้างขวางตามรูปแบบสนิยม สมัยใหม่ งานตอกกระดาษจึงลดบทบาทลงจะยังคงให้ได้เห็นข้างตามขนบททางภาคเหนือ ซึ่งยังคงมีกันข้าง แต่ไม่เหมือนเดิมนักเช่น งานบุญในเทศกาลต่างๆ ที่คนทางเหนือโดยเอพาะจังหวัดเชียงใหม่ หรือล้านนาเดิม ยังคงอนุรักษ์การดอกกระดาษไว้ในรูปแบบของ "ตุง" แขวนประดับตกแต่งตามวัดวาอารามบ้าง ซึ่งการท าตุง นั้นจะยังคงเห็นว่ามีการตัด หรือฉลุกระดาษ ประกอบเป็นรูปต่างๆ ตามความหมายซองงานแทรกประกอบ อยู่บ้าง แลดูแล้วเป็นการเพิ่มบรรยากาศให้กับงาน เพราะมีการใช้กระดาษที่มีสีสันที่หลากหลายโบกพัดทั่ว งาน ในส่วนของทางภาคกลางนั้นงานตอก งานฉลุกระดาษ ไม่ค่อยมีในสังคมปัจจุบัน แต่ในอดีตนั้นมี การท าประดับกันมากมาย ทั้งของชาวบ้านในชนบท แต่ไม่วิจิตรเท่ากับของชาวเมืองและในราชส านักงาน ตอก ฉลุกระดาษในราชส านักนั้น นับว่ามีความวิจิตรบรรจงงดงามมาก เพราะเป็นศูนย์รวมของบรรดา ช่างฝีมือดีที่ถวายตัวเข้ารับใช้เจ้านาย การสร้างงานถวายนั้นจัดเป็นงานชั้นครูเพราะรังสรรค์ไว้งามนัก ปัจจุบันเราจะได้เห็นงานตอกฉลุกระดาษในชั้นราชส านักได้จากงานพระราชพิธีส าคัญ เช่น งานตอก กระดาษบนกัญญาเรือ (งานผ้าลายทองแผ่ลวด) ในพระราชพิธีถวายพระกฐินทางชลมารค นอกจากงานฉลุกระดาษที่ใช้ท าเครื่องประกอบพระราชพิธีในราชส านักแล้วในชั้นชาวบ้านชาวเมือง การใช้กระดาษสีฉลุ ปิดประดับ จะพบเห็นได้ในงานเทศกาลหรืองานบุญอื่นๆ อีก ในที่นี้จึงใคร่ขอแบ่ง ประเภทของงานตอกฉลุกระดาษออกเป็นสองลักษณะ คือ 1. งานตอกฉลุกระดาษที่ใช้ในงานมงคล 2. งานตอกฉลุกระดาษที่ใช้ในงานอวมงคล การประดับประดาตกแต่งสถานที่ให้แตกต่างไปจากชีวิตประจ าวันเพื่อให้ผู้คนในชุมชนหรือต่างหมู่บ้านได้ รับรู้ ในอดีตงานฉลุกระดาษเป็นงานศิลปะหัตถกรรมที่เน้นการใช้เทคนิคการพับกระดาษ โดยจะพับ กระดาษว่าวแล้วตัดด้วยกรรไกร แต่ในปัจจุบันได้มีการพัฒนาขั้นตอนการผลิตงานออกมา เป็นการใช้สิ่วซึ่งมี หลากหลายรูปแบบทั้ง สิ่วตรง สิ่วโค้ง แทนการตัดด้วยกรรไกรและใช้เทคนิคการเย็บกระดาษว่าวเข้าด้วยกัน เพื่อสะดวกในการตอกลวดลายลบนกระดาษ นอกจากนี้ยังพัฒนาการใช้ที่รองกระดาษจากไม้อัดธรรมดาก็ กลายเป็นเขียงแทน เพื่อสะดวกแก่การตอกรวมไปถึงเรื่องลวดลายก็เช่นกัน ได้มีการพัฒนาลวดลายต่างๆขึ้น เพื่อให้เหมาะในทุกโอกาส ทุกประโยชน์ใช้สอยดังนั้น งานฉลุกระดาษจึงควรค่าแก่การอนุรักษ์เพื่อให้อยู่คู่ กับคนไทย ตราบนานเท่านาน


11 ศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์ ซึ่งรับผิดชอบการจัดฝึกอบรมด้านอาชีพ ให้กับประชาชน ตามพระราชด าริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี จึงได้จัดท าหลักสูตรเทียนหอมแฟนซีขนมไทย เพื่อให้ผู้สนใจได้มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องเทียนหอมแฟนซี ขนมไทย สามารถท าใช้ในครัวเรือน ต่อยอดเป็นอาชีพและสร้างรายได้ให้กับตนเอง 2. หลักกำรของหลักสูตร 2.1 เป็นหลักสูตรที่มีความยืดหยุ่นในการจัดกระบวนการเรียนรู้ให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย ระยะเวลา การวัดและการประเมินผล 2.2 มุ่งพัฒนาประชาชนให้ได้รับการศึกษาเพื่อพัฒนาอาชีพ และการมีงานท าอย่างมีคุณภาพ ทั่วถึงและเท่าเทียม สามารถลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ให้กับตนเองและครอบครัว 2.3 มุ่งเน้นพัฒนาประชาชนให้เป็นบุคคลที่มีวินัย เปี่ยมไปด้วยคุณธรรม จริยธรรม มีจิตอาสา มีความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ รับผิดชอบต่อตนเองและสังคม 2.4 มุ่งเน้นกระบวนการกลุ่มฝึกปฏิบัติจริงของผู้เรียน 3. จุดประสงค์ของหลักสูตร 3.1 เพื่อให้ประชาชนมีความรู้ และความเข้าใจการฉลุลายกระดาษแบบโบราณ 3.2 เพื่อให้ประชาชนมีทักษะในการฉลุลายกระดาษแบบโบราณ 3.3 เพื่อให้ประชาชนสามารถน าความรู้ที่ได้รับไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจ าวัน และน าไป ประยุกต์ใช้ในการประกอบอาชีพได้ 4. จุดประสงค์กำรเรียนรู้เพื่อให้ผู้เรียน 4.1 อธิบายความเป็นมาของการฉลุลายกระดาษ 4.2 อธิบายวัสดุ อุปกรณ์และเลือกใช้ได้ ในการฉลุลายกระดาษ 4.3 อธิบายขั้นตอนการฉลุลายกระดาษ 4.4 ปฏิบัติการการฉลุลายกระดาษ 4.5 คิดต้นทุน ก าไรจากการขายกระดาษฉลุลาย และการท าบัญชีครัวเรือน 4.6. อธิบายช่องทางการจัดการการตลาดของการประกอบธุรกิจการฉลุลายกระดาษ 5. กลุ่มเป้ำหมำย ประชาชนทั่วไป ตั้งแต่ 6 คน ขึ้นไป 6. ระยะเวลำ ภาคทฤษฎี 1 ชั่วโมง ภาคปฏิบัติ 4 ชั่วโมง


12 7. โครงสร้ำงหลักสูตร เรื่อง ที่ หัวเรื่อง เวลำเรียน (ชั่วโมง) ทฤษฎี ปฏิบัติ รวม 1 ช่องทางการประกอบอาชีพการฉลุลายกระดาษ 1. ความส าคัญของการประกอบอาชีพการฉลุลายกระดาษ 2. ความรู้เบื้องต้นในการประกอบอาชีพการฉลุลายกระดาษ 3. ความเป็นไปได้และการตัดสินใจในการประกอบอาชีพการฉลุลายกระดาษ 40 นาที - 40 นาที 2 การจัดกระบวนการเรียนรู้ การฉลุลายกระดาษ 1. การฉลุลายกระดาษ 2. วัสดุ อุปกรณ์ และการเลือกใช้ 3. ขั้นตอนฉลุลายกระดาษ ในรูปแบบต่าง ๆ 4. การปฏิบัติการฉลุลายกระดาษ 5. คุณค่าและประโยชน์ของการฉลุลายกระดาษ 30 นาที 3.20 ชั่วโมง 3.50 ชั่วโมง 3 การบริหารจัดการในการประกอบอาชีพการฉลุลายกระดาษ 1. การจัดหาหรือจัดท าบรรจุหีบห่อ 2. การคิดต้นทุน ก าไรจากการฉลุลายกระดาษ 3. ช่องทางการจัดการการตลาดของธุรกิจการฉลุลายกระดาษ 15 15 นาที 30 นาที รวมทั้งสิ้น 1.25 ชั่วโมง 3.35 ชั่วโมง 5.00 ชั่วโมง 8. กำรจัดกำรเรียนรู้ การบรรยายให้ความรู้/แบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน การสาธิต การลงมือปฏิบัติ/ฝึกปฏิบัติ การอภิปรายแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเรียนรู้ 9. สื่อกำรเรียนรู้ 9.1 สื่อสิ่งพิมพ์ เช่น หนังสือ ใบความรู้เป็นต้น 9.2 สื่ออิเล็กทรอนิกส์ เช่น คลิปวีดิโอ เป็นต้น 9.3 สื่อบุคคล เช่น วิทยากร ครูผู้สอน ภูมิปัญญาท้องถิ่น เป็นต้น 9.4 สื่อของจริง เช่น ตัวอย่างชิ้นงาน 9.5 แหล่งเรียนรู้ในชุมชน 10. กำรจัดกระบวนกำรเรียนรู้ 10.1 วิทยากรบรรยายให้ความรู้ภาคทฤษฏี/ภาคปฏิบัติ 10.2 วิทยากรให้ผู้เรียนท าแบบทดสอบก่อนเรียน และหลังเรียน 10.3 วิทยากรให้ผู้เรียนลงมือปฏิบัติ 10.4 วิทยากรประเมินผลงานของผู้เรียน และผู้เรียนร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในการประเมินผลงาน 11. กำรวัดและประเมินผล ประเมินความรู้ภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติจากการสอบถาม แบบทดสอบ การสังเกต การมีส่วนร่วม และจากชิ้นงาน/ผลงาน


13 กำรประเมินผล วิธีกำร เครื่องมือ ทดสอบความรู้ความเข้าใจของผู้เรียน แบบทดสอบก่อนเรียน และหลังเรียน ทดสอบคุณธรรม จริยธรรมของผู้เรียน แบบประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ นิเทศ ติดตาม ประเมินผู้เรียน แบบประเมินผลงาน/ชิ้นงานของผู้เรียน ประเมินผลความพึงพอใจในการจัดกิจกรรม แบบประเมินความพึงพอใจ แนวทำงกำรประเมินผลกำรเรียน (รวบยอด) วิธีกำร เครื่องมือ เกณฑ์กำรจบหลักสูตร 1. ประเมินผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 1.1 ประเมินความรู้ทางภาคทฤษฎี 1.2 ประเมินทักษะการปฏิบัติ แบบทดสอบ ผลงาน/ชิ้นงาน มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ไม่น้อยกว่าร้อยละ 60 มีผลงาน/ชิ้นงานที่มีคุณภาพ 12. กำรจบหลักสูตร 12.1 มีเวลาเรียนและฝึกปฏิบัติตามหลักสูตรไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 12.2 มีผลการประเมินผ่านตลอดหลักสูตรไม่น้อยกว่าร้อยละ 60 12.3 มีผลงาน/ชิ้นงาน ผ่านการประเมินตามมาตรฐานและคุณภาพ 13. เอกสำรหลักฐำนกำรศึกษำ 13.1 หลักฐานการประเมินผล 13.2 วุฒิบัตรออกโดยสถานศึกษา


แผนกำรจัดกระบวนกำรเรียนรู้ศูนย์วงเดือน เรื่อง จุดประสงค์กำรเรียนรู้ เนื้อหำ กำรจัดกเรื่องที่ 1 ช่องทำงกำรประกอบอำชีพกำรฉลุลำยกระดำษแบบโบรำณ 1. ความส าคัญของ การประกอบอาชีพ การฉลุลายกระดาษ อธิบายความส าคัญของ การประกอบอาชีพการฉลุ ลายกระดาษ ความส าคัญของการ ประกอบอาชีพการฉลุลาย กระดาษ วิทยากรอธิบาประกอบอาชีพ2. ความรู้เบื้องต้นใน การประกอบอาชีพ การฉลุลายกระดาษ อธิบายความรู้เบื้องต้นใน การประกอบอาชีพการฉลุ ลายกระดาษ 1. ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ อาชีพจากผู้รู้ ผู้ประกอบการในชุมชน 2.ความต้องการของตลาด 3.การลงทุน 4.กระบวนการผลิต การ จัดหาวัสดุ และอุปกรณ์ วิทยากรอธิบาความรู้เบื้องต้การฉลุลายกร


14 รู้ หลักสูตรกำรฉลุลำยกระดำษ อำคมสุทัณฑ์ กระบวนกำรเรียนรู้ สื่อกำรเรียนรู้ วัดและประเมินผล ชั่วโมง ทฤษฏี ปฏิบัติ ายความส าคัญของการ พการฉลุลายกระดาษ ใบความรู้ความส าคัญ ของการประกอบ อาชีพการฉลุลาย กระดาษ 1. สังเกตความสนใจ 2. ซักถาม 3. การมีส่วนร่วม 4. ชิ้นงาน/ผลงาน 5. ประเมินผลงาน ผู้เรียนโดยใช้ใบงาน ที่ก าหนด 30 นาที าย ้นในการประกอบอาชีพ ระดาษ 1. ใบความรู้ 2. สื่อรูปภาพ 3. สื่อของจริง


เรื่อง จุดประสงค์กำรเรียนรู้ เนื้อหำ กำรจัดก3. ความเป็นไปได้ และการตัดสินใจใน การฉลุลายกระดาษ 1. อธิบายทางเลือกในการ ประกอบอาชีพได้ 2. อธิบายองค์ประกอบ ปัญหา และข้อแนะน า ก่อนตัดสินใจเลือกอาชีพ ได้ 3. อธิบายหลักเกณฑ์ และการตัดสินใจเลือก อาชีพได้ 4. การประเมินความ พร้อมและความเป็นไปได้ ของอาชีพที่ตัดสินใจเลือก ได้ 1. การวางแผนเลือก ประกอบอาชีพ 2. องค์ประกอบ ปัญหา และข้อแนะน าก่อน ตัดสินใจเลือกอาชีพ 3. หลักเกณฑ์ และการ ตัดสินใจเลือกอาชีพ 4. การประเมิน ความพร้อมและ ความเป็นไปได้ของอาชีพที่ ตัดสินใจเลือก วิทยากรอธิบาการตัดสินใจในฉลุลายกระดา


15 กระบวนกำรเรียนรู้ สื่อกำรเรียนรู้ วัดและประเมินผล ชั่วโมง ทฤษฏี ปฏิบัติ ายความเป็นไปได้ และ นการประกอบอาชีพการ าษ แบบทดสอบก่อนเรียน และหลังเรียน 1. สังเกตความสนใจ 2. ซักถาม 3. การมีส่วนร่วม 4. ชิ้นงาน/ผลงาน 5. ประเมินผลงาน ผู้เรียนโดยใช้ใบงาน ที่ก าหนด 10 นาที


เรื่อง จุดประสงค์กำรเรียนรู้ เนื้อหำ กำรจัดกเรื่องที่ 2 กำรจัดกำรบวนกำรเรียนรู้ กำรฉลุลำยกระดำษ 1. การฉลุลาย กระดาษ อธิบายการฉลุลาย กระดาษ การฉลุลายกระดาษ วิทยากรอธิบาของฉลุลายกร2. วัสดุ อุปกรณ์ และการเลือกใช้ อธิบายวัสดุ อุปกรณ์ และเลือกใช้ได้ วัสดุ อุปกรณ์ และการเลือกใช้ วิทยากรอธิบาเลือกใช้อุปกรกระดาษ 3. ขั้นตอนการฉลุ ลายกระดาษ อธิบายขั้นตอนการฉลุลาย กระดาษ ขั้นตอนการฉลุลาย กระดาษ 1. การลอกลาย 2. การการฉลุลายกระดาษ 1. วิทยากรอธิกระดาษ 2. วิทยากรแลเรียนรู้ 4. การปฏิบัติการ ฉลุลายกระดาษ ปฏิบัติการฉลุลายกระดาษ การปฏิบัติการฉลุลาย กระดาษแบบโบราณ 1. วิทยากรสากระดาษแบบโมือปฏิบัติพร้อ2. วิทยากรแลเรียนรู้


16 กระบวนกำรเรียนรู้ สื่อกำรเรียนรู้ วัดและประเมินผล ชั่วโมง ทฤษฏี ปฏิบัติ ายประวัติความเป็นมา ระดาษ 1. ใบความรู้ความรู้ ประวัติความเป็นมาการ ฉลุลายกระดาษ 2. ทฤษฎีสี 1. สังเกตความสนใจ 2. ซักถาม 3. การมีส่วนร่วม 4. ชิ้นงาน/ผลงาน 5. ประเมินผลงาน ผู้เรียนโดยใช้ใบงาน ที่ก าหนด 30 นาที 20 นาที ายวัสดุ อุปกรณ์ และการ ณ์ ส าหรับการฉลุลาย 1. สื่อรูปภาพ 2. สื่อของจริง บายขั้นตอนการฉลุลาย ะผู้เรียนแลกเปลี่ยน 1. ใบความรู้การฉลุ ลายกระดาษ 2. สื่อของจริง าธิตวิธีการฉลุลาย โบราณและให้ผู้เรียนลง อมบันทึกลงในใบงาน ละผู้เรียนแลกเปลี่ยน 1. ใบความรู้เรื่องการ ฉลุลายกระดาษ 2. ใบงานการฉลุลาย กระดาษแบบ 1. สังเกตความสนใจ 2. ซักถาม 3. การมีส่วนร่วม 4. ชิ้นงาน/ผลงาน 5. ประเมินผลงาน ผู้เรียนโดยใช้ใบงานที่ ก าหนด 3 ชั่วโมง


เรื่อง จุดประสงค์กำรเรียนรู้ เนื้อหำ กำรจัดกเรื่องที่ 3 กำรบริหำรจัดกำรในกำรประกอบอำชีพกำรฉลุลำยกระดำษ 1. การจัดหาหรือ จัดท าบรรจุหีบห่อ อธิบายการจัดหาหรือ จัดท าบรรจุหีบห่อ การจัดหาหรือจัดท าบรรจุ หีบห่อ วิทยากรอธิบาจัดท าบรรจุหีบ2. การคิดต้นทุน ก าไรจากการฉลุลาย กระดาษ สามารถคิดต้นทุน ก าไร จากการฉลุลายกระดาษ การคิดต้นทุน ก าไรจาก การฉลุลายกระดาษ 1. วิทยากรให้ค านวณต้นทุนครัวเรือน 2. ให้ผู้เรียนฝึการท าบัญชีค3. ช่องทางการ จัดการการตลาดของ ธุรกิจการฉลุลาย กระดาษ อธิบายช่องทางการจัดการ การตลาดของธุรกิจการฉลุ ลายกระดาษ ช่องทางการจัดการ การตลาดของธุรกิจการฉลุ ลายกระดาษ วิทยากรและผู้เกี่ยวกับช่องทปัจจุบัน


17 กระบวนกำรเรียนรู้ สื่อกำรเรียนรู้ วัดและประเมินผล ชั่วโมง ทฤษฏี ปฏิบัติ ายเทคนิคการจัดหาหรือ บห่อ 1. ใบความรู้ความรู้ บรรจุภัณฑ์ 2. ตัวอย่างบรรจุภัณฑ์ 1. สังเกตความสนใจ 2. ซักถาม 3. การมีส่วนร่วม 4. ชิ้นงาน/ผลงาน 5. ประเมินผลงาน ผู้เรียนโดยใช้ใบงาน ที่ก าหนด 5 นาที 5 นาที ห้ความรู้เกี่ยวกับวิธีการ น ก าไร และการท าบัญชี กคิดต้นทุน ก าไร และ รัวเรือน 1. ใบความรู้และ ใบงานการค านวณ ต้นทุน ก าไร 2. ใบความรู้และ ใบงานการท าบัญชี ครัวเรือน 5 นาที 10 นาที ผู้เรียนแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ทางการตลาดในยุค 1. ใบความรู้ช่อง ทางการจัดการ การตลาด 5 นาที


18 ใบควำมรู้ ประวัติควำมเป็นมำของกำรฉลุลำยกระดำษ ศิลปหัตถกรรมงานช่างฝีมือพื้นบ้านของไทยในแต่ละภาคนั้นมีความสวยงามประณีต อีกทั้งยังมี ความอ่อนช้อยแฝงไปไว้ด้วยศาสตร์ควรค่าแก่การสีบทอด แต่น่าเสียดายที่งานศิลปะของไทย หลายชนิด ไม่ได้มีการรวบรวมและบันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งศิลปะงานช่างส่วนใหญ่ได้รับการถ่ายทอดมาจาก บรรพบุรุษหรือจดจ ามาจากช่างฝีมือพื้นบ้าน เมื่อ กาลเวลาล่วงเลยไปหากไม่ได้รับการถ่ายทอดความรู้จาก ศิลปินหรือช่างพื้นบ้านก็จะท าให้งานศิลปะแขนงนั้นๆ สูญหายไปจากสังคมไทยด้วย งานตอกกระดาษหรืองานฉลุกระดาษใน เมืองไทยนั้นยากที่จะกล่าวอ้างความเป็นมาจากอดีตถึง ปัจจุบันว่ามีความเป็นมาได้อย่างไร เพราะงานตอก กระดาษนั้นเป็นงานที่ไม่คงทนถาวร จึงไม่มีหลักฐานถึง ที่มาที่ไปอย่างแน่นอน และอีกอย่างงานตอกกระดาษเป็นไปในลักษณะของการประดับตกแต่เฉพาะงานเมื่อ เสร็จงานหรือเสร็จสิ้นพิธีแล้วก็จะรื้อถอน หรือไม่ก็ช ารุด ฉีกขาดไปไม่มีใครเก็บ เพราะเมื่อจะจัดการงาน ขึ้นใหม่ก็จะจัดการหาช่างมาออกแบบ ตอก ฉลุกระดาษตกแต่งเฉพาะงานๆ ไปวนเวียนเช่นนี้ไปตามสภาพ การของชุมชน หรือความต้องการของเจ้าภาพของงานนั้น1 เมื่อกาลเวลาเปลี่ยนไปความนิยมในการใช้งาน ตอกกระดาษมาประดับสถานที่เริ่มเปลี่ยนไป เมื่อชุมชนมีการพัฒนาความเป็นอยู่แบบสมัยใหม่มากขึ้น การ จัดงานมีการประดับด้วยสิ่งของที่มีราคาค่างวดมากขึ้น ขวกกับช่างฝีมือในการตอกกระดาษเก่งๆ เริ่มหด หายไป เทคโนโลยีใหม่ๆ เริ่มน าการตกแต่งสถานที่ในรูปแบบใหม่เข้ามาแทนที่ จากที่เคยจัดงานที่วัดหรือ ตามลานบ้าน เปลี่ยนมาเป็นจัดงานตามอาคาร หอประชุม โรงแรมที่โอ่อา กว้างขวางตามรูปแบบสนิยม สมัยใหม่ งานตอกกระดาษจึงลดบทบาทลงจะยังคงให้ได้เห็นข้างตามขนบททางภาคเหนือ ซึ่งยังคงมีกันข้าง แต่ไม่เหมือนเดิมนักเช่น งานบุญในเทศกาลต่างๆ ที่คนทางเหนือโดยเอพาะจังหวัดเชียงใหม่ หรือล้านนาเดิม ยังคงอนุรักษ์การดอกกระดาษไว้ในรูปแบบของ "ตุง" แขวนประดับตกแต่งตามวัดวาอารามบ้าง ซึ่งการท าตุง นั้นจะยังคงเห็นว่ามีการตัด หรือฉลุกระดาษ ประกอบเป็นรูปต่างๆ ตามความหมายซองงานแทรกประกอบ อยู่บ้าง แลดูแล้วเป็นการเพิ่มบรรยากาศให้กับงาน เพราะมีการใช้กระดาษที่มีสีสันที่หลากหลายโบกพัดทั่ว งาน ในส่วนของทางภาคกลางนั้นงานตอก งานฉลุกระดาษ ไม่ค่อยมีในสังคมปัจจุบัน แต่ในอดีตนั้นมี การท าประดับกันมากมาย ทั้งของชาวบ้านในชนบท แต่ไม่วิจิตรเท่ากับของชาวเมืองและในราชส านักงาน ตอก ฉลุกระดาษในราชส านักนั้น นับว่ามีความวิจิตรบรรจงงดงามมาก เพราะเป็นศูนย์รวมของบรรดา ช่างฝีมือดีที่ถวายตัวเข้ารับใช้เจ้านาย การสร้างงานถวายนั้นจัดเป็นงานชั้นครูเพราะรังสรรค์ไว้งามนัก ปัจจุบันเราจะได้เห็นงานตอกฉลุกระดาษในชั้นราชส านักได้จากงานพระราชพิธีส าคัญ เช่น งานตอก กระดาษบนกัญญาเรือ (งานผ้าลายทองแผ่ลวด) ในพระราชพิธีถวายพระกฐินทางชลมารค


19 นอกจากงานฉลุกระดาษที่ใช้ท าเครื่องประกอบพระราชพิธีในราชส านักแล้วในชั้นชาวบ้านชาวเมือง การใช้กระดาษสีฉลุ ปิดประดับ จะพบเห็นได้ในงานเทศกาลหรืองานบุญอื่นๆ อีก ในที่นี้จึงใคร่ขอแบ่ง ประเภทของงานตอกฉลุกระดาษออกเป็นสองลักษณะ คือ 1. งานตอกฉลุกระดาษที่ใช้ในงานมงคล 2. งานตอกฉลุกระดาษที่ใช้ในงานอวมงคล


20 ใบควำมรู้ ควำมรู้เบื้องต้นทฤษฎีสี Color สี ในการฉลุลายกระดาษแบบโบราณ ผู้เรียนควรต้องมีความรู้ในเรื่อง สี ซึ่งจะเป็นสีที่ใช้ใน งานศิลปะ ทุกๆ แขนงที่ได้มาจากวงจรสี ซึ่งมีทั้งหมด 12 สี ได้แก่ สีขั้นที่ 1 ได้แก่ สีแดง สีเหลือง และสีน้ าเงิน สีขั้นที่ 2 ได้แก่ สีส้ม สีเขียว และสีม่วง สีขั้นที่ 3 ได้แก่ สีม่วงแดง สีม่วงน้ าเงิน สีเขียวน้ าเงิน สีเหลืองเขียว สีส้ม เหลือง และสีส้มแดง กำรน ำสีมำใช้นั้นมีด้วยกันหลำยลักษณะ ดังต่อไปนี้ 1. Monochromatic Color สีโทนเดียว คือสีที่เกิดจากการผสมของสีกลางซึ่งได้แก่ สี เทา หรือสีด า สีตัวใดตัวหนึ่งมาผสมกับสีในวงจรสีตัวใดตัวหนึ่ง เช่น สีขาวผสมกับสีเหลือง ก็จะท้าให้สี เหลือง ค่อยๆ มีความจางลงเรื่อยๆ จนกระทั่งกลายเป็นสีขาว เมื่อเราน้าสีนี้มาใช้ในการจัดดอกไม้หนึ่งแจกัน เราก็จะได้ดอกไม้ และวัสดุตกแต่งที่มีสีเหลืองสว่างไล่ไปจนกระทั่งดอกไม้เหล่านั้นกลายเป็นสีขาว เป็นต้น สี ลักษณะนี้จะท้าให้เกิดความกลมกลืนมากที่สุด ง่ายต่อการจัด และท้าให้เกิดความสบายตามาที่สุด Monochromatic Color จึงเป็นสีที่นิยมจัดกันมากที่สุด 2. Analogous Color คือสีที่อยู่ติดกันสามสีในวงจรสี เช่น สีแดง สีส้มแดง และสีส้ม เป็นต้น จัดอยู่ในประเภทสีกลมกลืน อาจเรียกสีลักษณะนี้ว่า “สีตระกูลเดียวกัน” 3. Complementary Color คือสีที่อยู่ตรงข้างกันอย่างแท้จริงในวงจรสี เช่น สีแดงอยู่ ตรง ข้ามกับสีเขียว นับว่าเป็นสีที่นิยมจัดอีกสีหนึ่ง เนื่องจากเป็นสีที่ท้าให้เกิดความขัดแย้งกันที่เด่นชัด เมื่อ มอง แล้วจะท าให้รู้สึกสะดุดตามากที่สุด 4. Split Complementary Color คือสีที่อยู่ข้างๆ ของสีตรงข้าม หรือจะเรียกว่า “สีตัววาย” ก็ได้ เช่น สีม่วง สีส้มเหลือง และสีเขียวเหลือง เป็นต้น 5. Triadic Color คือสีสามมุมที่อยู่ในวงจรสี เช่น สีแดง สีเหลือง และสีน้ าเงิน เป็นต้น Triadic Color เป็นอีกสีหนึ่งที่จะท้าให้เกิดความตื่นเต้นและน่าสนใจ ใบควำมรู้


21 ขั้นตอนกำรฉลุลำยกระดำษ วัสดุ - อุปกรณ์ 1. กระดำษว่ำว คละสี 2. ลวดลำยต่ำงๆ ส ำหรับฉลุ 3. ฆ้อน 4. เขียง 5. สิ่วฉลุลำย 6. ดินสอ 7. วิธีกำรท ำ 1. พับครึ่งกระดำษว่ำว ตำมแนวยำว ให้ได้ขนำด 1 ส่วน 4 ของกระดำษแผ่นใหญ่ แล้วน ำมำซ้อน กัน ประมำณ 12 แผ่น เย็บติดกันด้วยลวดเย็บกระดำษ โดยให้สีขำวอยู่ด้ำนบน และต้องคละสี 2. น ำลวดลำยที่ต้องกำร วำดสอดลงในกระดำษว่ำวสีขำวแผ่นแรก และใช้ดินสดวำดลำยตำมแบบ ลำยลงกระดำษว่ำว ภาพที่ 10 : วัสดุ - อุปกรณ์รวม โดย ศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์


22 3. ท ำกำรฉลุกระดำษโดยใช้ค้อนและสิ่วตอกตำมลำยที่วำดไว้โดยใช้เขียงรอง 4. น ำกระดำษว่ำวสีอื่นๆกลับมำไว้ด้ำนหน้ำแทนสีขำวเพื่อควำมสวยงำม เย็บกระดำษเพื่อตรึง กระดำษไว้ไม่ให้กระดำษเคลื่อน ใช้กรรไกรตัดปลำยของชิ้นงำน เรียกว่ำ “ตัดท ำสร้อยตีน” ให้สูงประมำณ 8-10 เซ็นติิเมตร ตำมควำมเหมำะสม แกะลวดเย็บกระดำษออก จะได้ส ำเร็จ ออกมำเป็นชิ้นงำน 5. 6. คลี่กระดำษออกที่ละแผ่น สำมำรถน ำไปใช้งำนได้ โดยนิยมติดบริเวณขอบประตู ขอบหน้ำต่ำง ในระหว่ำงมีกำรจัดงำน เทศกำลงำนมงคลต่ำง ๆ


23 ใบงำน แบบบันทึกกำรฉลุลำยกระดำษแบบโบรำณ ค ำชี้แจง....ให้ผู้เรียนจดบันทึก ขั้นตอน กำรฉลุลำยกระดำษ ระหว่ำงที่วิทยำกรบรรยำย วัสดุอุปกรณ์ ............................................................................................................................. ............................................ ......................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................ .................................................................................................................................. ....................................... ......................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................ ....................................................................................................................................... .................................. ขั้นตอนกำรท ำ ............................................................................................................................. ............................................ ......................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................ ................................................................................................................................. ........................................ ......................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................ ...................................................................................................................................... ................................... ................................................................................................ ......................................................................... ......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................... ............................... ......................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................ .............................................................................................................................................. ........................... ....................................................................................................... .................................................................. ............................................................................................................................. ............................................ ................................................................................................................................................. ........................


24 ใบควำมรู้ กำรบรรจุหีบห่อ การบรรจุหีบห่อ หมายถึง การน าเอาวัสดุเช่น กระดาษ พลาสติก แก้ว โลหะ ไม้ ประกอบเป็น ภาชนะหุ้มห่อสินค้า เพื่อประโยชน์ในการใช้สอย การค้า ความสวยงาม ดึงดูดความสนใจ ท าให้เกิดความ พึงพอใจจากผู้ซื้อสินค้า วัตถุประสงค์หลักของกำรบรรจุหีบห่อ 1. เพื่อป้องกันสินค้า ไม่ให้แตก หัก บุบสลาย 2. เพื่อสะดวกต่อการจ าหน่าย 3. เพื่อประชาสัมพันธ์ และดึงดูดความสนใจของผู้ซื้อ ส าหรับการบรรจุหีบห่อ สิ่งที่ต้องค านึงถึงคือการเลือกซื้อวัสดุที่จะใช้ในการบรรจุหีบห่อที่จะไม่ ปิดบังความสวยงามของสินค้า และเป็นที่สนใจของผู้ซื้อ เช่น 1. บรรจุในกล่องกระดาษ หรือกล่องพลาสติก ที่โชว์ให้เห็นตัวสินค้า 2. บรรจุในถุงพลาสติกใสที่ตกแต่งด้วยโบว์สวยงาม 3. ใส่ถุงผ้าโปร่ง ฯลฯ


25 ใบควำมรู้ กำรค ำนวณต้นทุน ก ำไร การค านวณต้นทุนเป็นส่วนหนึ่งของระบบบัญชีและการเงินของกิจการ เป็นการบันทึกการวัดผล และรายงานข้อมูลเกี่ยวกับต้นทุนของสินค้าของกิจการโดยทั่วไป การค านวณต้นทุนจะใช้เวลา และลงรายละเอียดมากในกิจการที่ผลิตสินค้า แต่ไม่ได้หมายความว่ากิจการประเภทอื่น เช่น กิจการขายส่ง ขายปลีกร้านอาหาร หรือบริการต่าง ๆ ไม่มีความส าคัญในการที่ต้องค านวณต้นทุน การค านวณต้นทุน สามารถน าไปใช้ได้ในทุกกิจการเพราะมีความส าคัญต่อการบริหารจัดการธุรกิจ ดังนี้ 1. เพื่อให้ทราบถึงต้นทุนการผลิตและต้นทุนขายของธุรกิจ 2. เพื่อสามารถน าต้นทุนทั้งหมดของกิจการมาเปรียบเทียบกับรายได้จากการขาย เพื่อจะได้ทราบ ว่ามีก าไรหรือขาดทุนในการขายสินค้า 3. เพื่อค านวณหรือตีราคาสินค้าคงเหลือที่ขายได้ไม่หมดว่ามีมูลค่าเท่าไหร่ 4. เพื่อใช้ในการวางแผนและควบคุมการซื้อสินค้า และจัดท างบประมาณในการซื้อสินค้า รวมทั้ง ต่อรองราคากับผู้ขายวัตถุดิบ 5. เพื่อใช้ในการตัดสินใจว่าสินค้าใดควรขายต่อไปและสินค้าใดควรเลิกขาย (ในกรณีที่ผู้ผลิตมีสินค้า หลายชนิด) ต้นทุนแบ่งออกได้เป็น 2 ลักษณะ 1. ต้นทุนผันแปร คือต้นทุนที่ผันแปรตามจ านวนหน่วยที่ผลิตหรือขาย เช่น วัตถุดิบ ค่าแรงทางตรง ค่าใช้จ่ายในการผลิตทางตรง เป็นต้น 2. ต้นทุนคงที่ คือต้นทุนที่เกิดขึ้นไม่ว่ากิจการจะได้ขายสินค้าหรือไม่ ต้นทุนนี้จะไม่เปลี่ยนแปลง ตามจ านวนหน่วยที่ผลิตหรือขาย เช่น เงินเดือนพนักงานหน้าร้าน ค่าเช่าร้าน ค่าเสื่อมราคา ค่าประกันภัย เป็นต้น ดังนั้น ต้นทุนการผลิตจะประกอบไปด้วยวัตถุดิบ + ค่าแรงงาน + ค่าใช้จ่ายในการผลิต ซึ่งทั้งสาม รายการนี้เป็นเพียงส่วนของการผลิตเท่านั้น หากจะคิดต้นทุนรวมของสินค้าแล้วจ าเป็นต้องน าค่าใช้จ่าย ในการขายและด าเนินการมารวมด้วยเช่น เงินเดือน ค่าคอมมิชชั่นพนักงานขายค่าแรงพนักงานขายหน้าร้าน ค่าการตลาด (โฆษณา แผ่นพับ) ค่าเช่าส านักงานและร้าน ค่าไฟฟ้าและน้ าประปา ค่าโทรศัพท์ค่าน้ ามันรถ ดอกเบี้ย ค่าเช่ารถ ค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ด ฯลฯ เพื่อการค านวณต้นทุนให้ใกล้เคียงความจริง หากค านวณแค่ วัตถุดิบค่า แรงงาน และค่าน้ า ค่าไฟฟ้า ก็อาจท าให้ได้ต้นทุนสินค้าที่น้อยกว่าความเป็นจริงและมีผลท าให้ ตั้งราคาขายที่ต่ าไป อาจท าให้ขาดทุนได้ การค านวณแบบง่ายเหมาะส าหรับผู้ประกอบการรายเล็กที่มีสินค้าหรือผลิตภัณฑ์น้อยชนิด อาจขายเพียงน้ าพริก หรือแชมพูก็ได้ซึ่งเหมาะกับการค านวณสินค้าประเภท OTOP ที่มีความชัดเจนใน เรื่องการใช้วัตถุดิบ ค่าแรงงานต่อรอบ การผลิตและไม่มีการเก็บสต๊อกวัตถุดิบไว้ การค านวณจ าเป็นต้องคิด เพื่อให้ทราบถึงต้นทุนผลิตต่อหน่วย และน าต้นทุนผลิตไปรวมกับค่าใช้จ่ายในการด าเนินการ เพื่อให้ทราบถึง ต้นทุนรวมของสินค้าอีกครั้งหนึ่ง


26 ตัวอย่ำงกำรคิดต้นทุน ก ำไร กำรผลิต และค่ำใช้จ่ำยในกำรฉลุลำยกระดำษ วัน เดือน ปี รำยกำร จ ำนวนสิ่งของ จ ำนวนเงิน (บำท) หมำยเหตุ ค่ำใช้จ่ำย (ต้นทุน) การก าหนดราคา ขาย คิดจากต้นทุน + ก าไรที่ต้องการ ก าไร 52 บาท กระดาษว่าว 12 แผ่น 12 ค่าแรง ชั่วโมง ละ 40 บาท 1 ชั่วโมง 40 รวมค่ำใช้จ่ำย 52 รำยได้จำกกำรขำย 12 ชิ้น ๆ ละ 8 บาท 96 การก าหนดราคาขายต่อหน่วย ดังนี้ 1. ก าหนดก าไรที่ต้องการได้จากต้นทุน X (ก าไรที่ต้องการ÷ ด้วย 100) ตัวอย่ำงเช่น ชิ้นงานกระดาษฉลุลาย จากต้นทุน 52 บาท ต้องการก าไรร้อยละ 100 ดังนั้น ก าไรที่ต้องการ = 52 X 100 ÷ 100 = 52 2. การก าหนดราคาขายต่อหน่วย ได้มาจากต้นทุน + ก าไร ÷ ด้วยจ านวนหน่วย 52+52 ÷ 12 = 8.6 บาท หมำยเหตุ การก าหนดก าไรที่ต้องการขึ้นอยู่กับสิ่งเหล่านี้ด้วย เช่น ราคาตลาด ลักษณะของสินค้าและบริการ เป็นสินค้าหายาก เป็นสินค้าเฉพาะกลุ่ม หรือมีฤดูกาลเข้ามาเกี่ยวข้องก็สามารถที่จะก าหนดก าไรที่ต้องการ สูงได้ การตั้งราคาให้สามารถแข่งขันได้นั้นต้องอยู่บนพื้นฐานความสมดุลระหว่างความพึงพอใจของผู้ซื้อและ ผู้ขายด้วย ถ้าสินค้าโดยทั่วไปมีขายกันแพร่หลาย มีคู่แข่งมากก็ต้องก าหนดก าไรน้อยลงไป


27 ใบงำน กำรคิดต้นทุน ก ำไร ผู้เรียน/กลุ่ม.................................................................................................................................................. เรื่อง.............................................................................................................................................................. วัน เดือน ปี รำยกำร จ ำนวนสิ่งของ จ ำนวนเงิน (บำท) หมำยเหตุ ค่าใช้จ่าย (ต้นทุน) .................................................. .................................................. .................................................. .................................................. .................................................. .................................................. .................................................. .................................................. .................................................. .................................................. 1. ให้ก าหนดก าไรที่ ต้องการเป็นร้อยละก่อน 2. แล้วค านวณหาราคาต่อ หน่วยจึงจะทราบรายได้ 3. น ารายได้ที่ได้มาใส่ ตารางนี้ รวมค่ำใช้จ่ำย รายได้จากการขาย .................................................. .................................................. .................................................. .................................................. .................................................. .................................................. .................................................. .................................................. รวมรำยได้ 1. ก าไรที่ต้องการ = ต้นทุน x ( ร้อยละของก าไรที่ต้องการหารด้วย 100 ) 2. ก าหนดราคาขายต่อหน่วย = ต้นทุน + ก าไร = ____________ จ านวนหน่วย


28 ใบควำมรู้ ช่องทำงกำรตลำด ช่องทางการตลาด เป็นส่วนส าคัญอย่างมากในการด าเนินธุรกิจ ช่องทางการตลาดหรือช่องทางการ จัดจ าหน่ายมีความหมายเดียวกันซึ่งเป็นหนึ่งในสี่ P ของส่วนประสมการตลาด (Marketing mix) ที่นักการ ตลาดนิยมน าส่วนประสมทั้งสี่มาวางเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดและการขายในยุคปัจจุบัน ดังนั้นช่องทางการ จัดจ าหน่าย (Marketing channel) จึงถูกเข้ารวมอยู่ใน P = Place นั่นคือ สถานที่ขายแหล่งขาย ช่องทางการขายสินค้านั่นเอง สินค้าแต่ละชนิดอาจมีช่องทางขายที่แตกต่างกันไป สินค้าอุปโภค มีช่องทาง การขายผ่านร้านสะดวกซื้อ อาหารสดก็มีช่องทางการขายหน้าร้านหรือหน้าบ้านของผู้ผลิต อุปกรณ์ คอมพิวเตอร์ เสื้อผ้าส าเร็จรูปอาจใช้ช่องทางการขายได้หลายช่องทาง เช่น ขายทางออนไลน์ ขายหน้าร้าน ตนเอง ขายในตลาดนัด ขายในห้างสรรพสินค้า มีการแบ่งช่องทางการจ าหน่าย ในยุคปัจจุบันได้แบ่งเป็น ประเภทใหญ่ ๆ 2 ประเภทคือ 1. ช่องทางการจ าหน่ายทางตรง คือผู้ผลิตขายสินค้าไปยังผู้ใช้หรือผู้บริโภคด้วยตนเอง 2. ช่องทางการจ าหน่ายทางอ้อม คือผู้ผลิตขายสินค้าผ่านตัวกลาง ตัวแทนจ าหน่าย ร้านค้าส่ง และร้านค้าปลีกเพื่อจ าหน่ายไปยังผู้ใช้หรือผู้บริโภค ช่องทางการจ าหน่ายทั้งสองประเภทนี้ยังแบ่งเป็นช่องทางขายได้อีกหลายช่องทางโดยจะกล่าวถึง ช่องทางขายที่ส าคัญดังต่อไปนี้ ช่องทำงจ ำหน่ำยทำงตรงมีช่องทำงขำย ดังนี้ 1. ขายผ่านหน้าร้านแบบไม่เคลื่อนที่ เป็นการขายผ่านหน้าร้าน สาขาทั้งเป็นร้านค้าของตนเอง หรือเช่าหน้าร้านตามห้างสรรพสินค้า Modern trade เช่าพื้นที่ขายในปั้มน้ ามัน ขายออกบูทตามงานแสดง สินค้า เช่าพื้นที่ในอาคารส านักงาน เป็นต้น 2. ขายผ่านหน้าร้านที่เคลื่อนที่ไปมา เช่น ขายผลไม้ในรถบรรทุก ที่ย้ายไปขายตามสถานที่ต่าง ๆ ได้ตามความต้องการ เปิดท้ายขายของตามตลาดนัดต่าง ๆ หาบเร่แผงลอย เป็นการขายแบบอิสระ เปลี่ยน เส้นทางขายบ้าง เปลี่ยนสินค้าขายบ้าง สินค้าที่ขายอาจเป็นสินค้าตามฤดูกาล หรือเป็นสินค้าที่ผู้ขายไปหา ซื้อได้มาในช่วงเวลานั้น ๆ 3. ขายผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ สื่อออนไลน์การขายลักษณะ E-commerce นี้จะขายผ่านหน้า โฮมเพจของตนเองโดยมีตะกร้าให้ซื้อ และมีการโอนเงินก่อนซื้อซึ่งมีบริษัทหลายแห่งเพิ่มช่องทางการขาย ทางอิเล็กทรอนิกส์จ านวนมาก เช่น 7-11 ขายโดยให้ลูกค้าเลือกซื้อใน 7-Catalogue ส าหรับการขายผ่าน Social media เป็นการขายที่นิยมกันในกลุ่มคนที่ยังท างานประจ า และใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์และ กลุ่มอาชีพอิสระที่ต้องการขายสินค้าเป็นอาชีพเสริม การขายประเภทนี้จะขายผ่าน Facebook Intragram Line 4. ขายผ่านสื่อการขายที่เป็นอุปกรณ์ทันสมัย เช่น ขายผ่านโทรศัพท์มือถือ ผ่านเครื่องเอทีเอ็ม ผ่านตู้หยอดเหรียญต่าง ๆ เช่น น้ าอัดลม กาแฟ เกมส์ เครื่องกดน้ าดื่ม เครื่องซักผ้า ฯลฯ การขายผ่าน เครื่องใช้เหล่านี้ท าให้ประหยัดเรื่องแรงงานคนท าให้ต้นทุนการขายต่ าไปด้วย 5. ขายผ่านพนักงานขาย แม้ว่าการขายผ่านพนักงานจะเป็นวิธีเก่าที่ใช้กันมานานแต่ก็เป็นวิธีที่ดี ที่สุดส าหรับสินค้าที่ขายให้กับอุตสาหกรรมเพราะต้องการการสาธิต การอธิบายวิธีการใช้และรายละเอียด คุณสมบัติของสินค้า สินค้าใหม่ที่ต้องการการอธิบายและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย จ าเป็นต้องใช้การขาย ผ่านพนักงานขายเพื่อให้รู้จักสินค้าและทราบถึงคุณสมบัติของสินค้าก่อน นอกจากนั้นการขายผ่านพนักงาน ขายท าให้กิจการได้รับ Feedback จากลูกค้าว่าพอใจหรือไม่พอใจในสินค้าของกิจการซึ่งท าให้เจ้าของ กิจการน ามาปรับปรุงแก้ไขได้ภายหลัง


29 ช่องทำงกำรจ ำหน่ำยโดยอ้อมมีช่องทำงกำรขำย ดังนี้ 1. ขายผ่านตัวแทนจ าหน่าย สินค้าจ าเป็นต้องมีการแต่งตั้งตัวแทนขายเพื่อกระจายสินค้าได้ทั่ว ประเทศ เช่น รถยนต์ เครื่องจักรต่าง ๆ ยางรถยนต์ อะไหล่รถยนต์ สินค้าบางประเภทจ าเป็นต้องมีตัวแทน จ าหน่ายหากผู้ผลิตไม่เชี่ยวชาญในการตลาดแต่มีความเชี่ยวชาญในการผลิตมากกว่า การขายผ่านตัวแทนยัง เหมาะกับการขายสินค้าที่เป็นบริการ เช่น ขายกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์และประกันชีวิต เป็นต้น 2. ขายผ่านคนกลางทั้งผู้ค้าส่งหรือผู้ค้าปลีก ส าหรับผู้ผลิตสินค้าอุปโภคและบริโภคมักจะใช้วิธีการ ขายผ่านผู้ค้าส่งตามอ าเภอ และจังหวัดต่าง ๆ เพื่อกระจายสินค้า ส าหรับผู้ผลิตรายเล็กก็อาจขายผ่าน ผู้ค้าปลีกที่ขายตรงให้กับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ 3. ขายผ่านระบบแฟรนไชส์ผู้ผลิตที่มีการขายแฟรนไชส์ให้กับบุคคลภายนอกสามารถใช้วิธีการขาย ผลิตภัณฑ์ผ่านเครือข่ายหรือแฟรนไชส์ของตนเองได้ เช่น ราชาบะหมี่ ชายสี่บะหมี่เกี้ยว ข้าวมันไก่มิดไนท์ เป็นต้น ส าหรับผู้ประกอบการที่ด าเนินธุรกิจส่งออกสินค้าไปต่างประเทศก็มีช่องทางการขายสองทาง เช่นกันคือ เป็นผู้ส่งออกเองโดยขายตรงให้กับลูกค้าและอีกทางหนึ่งคือขายสินค้าผ่าน trader ที่เป็นตัวกลาง ขายสินค้าให้กับต่างประเทศ ปัจจุบันธุรกิจขนาดใหญ่มักใช้ช่องทางการขายทั้งทางตรงและทางอ้อมร่วมไป ด้วยกันโดยขายผ่านหน้าร้าน ผ่านสื่อออนไลน์ ผ่านสาขา ผ่านตัวแทนจ าหน่าย และใช้กลยุทธ์ต่าง ๆ ในการ ส่งเสริมการขายและประชาสัมพันธ์อย่างกว้างขวางเพื่อท าให้ธุรกิจเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว


30 แบบวัดและประเมินผลกำรฉลุลำยกระดำษ ประเด็นที่เกี่ยวข้อง 1. ทักษะกำรใช้วัสดุ อุปกรณ์ 1.1 เลือกใช้วัสดุ อุปกรณ์ ได้เหมาะสมกับประเภท 1.2 ท าความสะอาด บ ารุงรักษาและจัดเก็บวัสดุ อุปกรณ์ได้อย่างถูกต้อง 2. ทักษะกำรประดิษฐ์ ออกแบบ และควำมคิดสร้ำงสรรค์ 2.1 ออกลักษณะ ให้เหมาะสมกับกระถางและงานที่ให้ 2.2 มีความคิดสร้างสรรค์ และสวยงาม 3. ทักษะกำรปฏิบัติ 3.1 ปฏิบัติได้ตามคุณลักษณะและมีเทคนิควิธีการที่ถูกต้อง 4. ทักษะกำรน ำเสนอ 4.1 น าเสนอผลงานได้อย่างเหมาะสม


31 ใบงำน แบบประเมินผลงำนผู้เรียน ชื่อ - นามสกุล .......................................................................................................………………............…. หลักสูตร ............................................................................... กลุ่ม……………….………………...................... ค ำชี้แจง : ให้ผู้ประเมินขีด ลงในช่องที่ตรงกับระดับคะแนน ประเด็นที่ประเมิน ผู้ประเมิน ตนเอง เพื่อน วิทยำกร 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 1. ทักษะกำรใช้วัสดุ อุปกรณ์ 1.1 เลือกใช้วัสดุ อุปกรณ์ ได้เหมาะสมกับประเภทและปริมาณ 1.2 ท าความสะอาด บ ารุงรักษาและจัดเก็บวัสดุ อุปกรณ์ ได้อย่าง ถูกต้อง 2. ทักษะกำรประดิษฐ์ ออกแบบ และควำมคิดสร้ำงสรรค์ 2.1 ออกลักษณะต้น ใบ และผล เหมาะสมกับตัววัสดุ 2.2 มีความคิดสร้างสรรค์ และสวยงาม 3. ทักษะกำรปฏิบัติ 3.1 ปฏิบัติได้ตามคุณลักษณะ 3.2 มีเทคนิควิธีการที่ถูกต้อง 4. ทักษะกำรน ำเสนอ 4.1 มีการน าเสนอได้อย่างเหมาะสม 5. การบรรจุหีบห่อ 5.1 จัดท าหรือจัดหาบรรจุหีบห่อได้อย่างเหมาะสม 6. คิดต้นทุน ก าไร 6.1 คิดต้นทุน ก าไร ก าหนดราคาขายได้ถูกต้อง รวม รวมทุกรำยกำร เฉลี่ย ผู้ประเมิน ...........................................................(ตนเอง) ผู้ประเมิน .......................................................... (เพื่อน) ผู้ประเมิน ................................................................ (วิทยากร)


32 แบบประเมินผลกำรจัดกำรศึกษำและฝึกอบรมหลักสูตรระยะสั้น หลักสูตรวิชา.................................................................................... จ านวน.......................... ......ชั่วโมง ระหว่างวันที่..........เดือน......................พ.ศ..................ถึงวันที่..........เดือน......................พ.ศ.................. สถานที่จัด ณ................................................................................................................. .................... เกณฑ์กำรให้คะแนนประเมินผลกำรจัดกำรศึกษำและฝึกอบรมหลักสูตรระยะสั้น ศูนย์วงเดือน อำคมสุรทัณฑ์ 1. ควำมรู้ควำมเข้ำใจในเนื้อหำสำระ 20 คะแนน 1.1 แบบทดสอบ (20 คะแนน) 2. ทักษะกำรปฏิบัติ 40 คะแนน 2.1 การเตรียมวัสดุอุปกรณ์ (10 คะแนน) 2.1.1 การจัดเตรียมวัสดุ (5 คะแนน) 2.1.2 การจัดเตรียมอุปกรณ์ (5 คะแนน) 2.2 ปฏิบัติตามขั้นตอน (20 คะแนน) 2.2.1 ปฏิบัติตามขั้นตอน (5 คะแนน) 2.2.2 ปฏิบัติงานเสร็จตามเวลา (5 คะแนน) 2.2.3 ปฏิบัติงานด้วยความสะอาดเรียบร้อย (5 คะแนน) 2.2.4 ปฏิบัติงานด้วยความคล่องแคล่ว (5 คะแนน) 2.3 มีทักษะในการท างานเป็นทีม (10 คะแนน) 2.3.1 การเคารพกฎ กติกา และการยอมรับความคิดเห็นของผู้อื่น (5 คะแนน) 2.3.2 การมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น (5 คะแนน) 3. คุณภำพของผลงำน/ผลกำรปฏิบัติงำน (40 คะแนน) 3.1 ผลงาน/ชิ้นงาน เป็นไปตามที่หลักสูตรก าหนด (30 คะแนน) 3.1.1 คุณภาพของชิ้นงาน (10 คะแนน) 3.1.2 องค์ประกอบของชิ้นงาน (10 คะแนน) 3.1.3 การตกแต่ง/บรรจุภัณฑ์ของชิ้นงาน (10 คะแนน) 3.2 การน าเสนอผลงาน/ชิ้นงาน (10 คะแนน) ระดับผลกำรเรียน การตัดสินผลการเรียนให้น าคะแนนระหว่างการจัดการเรียนการสอนรวมกับคะแนนจาก แบบทดสอบหลังเรียนแล้วน าไปเปรียบเทียบกับเกณฑ์ที่ก าหนด เพื่อให้ค่าระดับผลการเรียนทั้ง 5ระดับ ดังนี้ 1. ได้คะแนน 80 – 100 ได้เกรด 4 หมายถึง ดีมาก 2. ได้คะแนน 70 - 79 ได้เกรด 3 หมายถึง ดี 3. ได้คะแนน 60 - 69 ได้เกรด 2 หมายถึง ปานกลาง 4. ได้คะแนน 50 - 59 ได้เกรด 1 หมายถึง ผ่านเกณฑ์ขั้นต่ าที่ก าหนด 5. ได้คะแนน 0 - 49 ได้เกรด 0 หมายถึง ต่ ากว่าเกณฑ์ที่ก าหนด


ล ำดับ ที่ เลขประจ ำตัว ประชำชน ชื่อ – สกุล 1. ควำมรู้ควำมเข้ำใจ ในเนื้อหำสำระ 20 คะแนน 2. ทั1.1 แบบ ทดสอบ (20) 2.1 กำรเตรียม วัสดุอุปกรณ์ (10) 2.1.1 (5) 2.1.2 (5) 2.2.1 (5) ลงชื่อ..................................................วิทยากร (......................................................) ลงชื่อ......................................... (..........................................


33 ทักษะกำรปฏิบัติ 40 คะแนน 3. คุณภำพของผลงำน ผลกำรปฏิบัติงำน 40 คะแนน รวม 100 คะแนน ผลกำรเรียน 2.2 ปฏิบัติตำมขั้นตอน (20) 2.3 มีทักษะใน กำรท ำงำนเป็น ทีม (10) 3.1 ผลงำน/ชิ้นงำน เป็นไปตำมที่หลักสูตร ก ำหนด (30) 3.2 กำรน ำเสนอ ผลงำน/ชิ้นงำน (10) 2.2.2 (5) 2.2.3 (5) 2.2.4 (5) 2.3.1 (5) 2.3.2 (5) 3.1.1 (5) 3.1.2 (5) 3.1.3 (5) ..........หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมปฏิบัติการ .............) ลงชื่อ..................................................ผู้อนุมัติ (......................................................)


34


35


36 แบบทดสอบก่อนเรียน หลักสูตรกำรฉลุลำยกระดำษ ชื่อ – สกุล.......................................................................................................................................... ค ำชี้แจง โปรดท ำเครื่องหมำย หน้ำข้อควำมที่ถูก และท ำเครื่องหมำย หน้ำข้อควำมที่ผิด .............. 1. ในอดีตนิยมใช้ผ้าฝ้าย ในการฉลุลายกระดาษแบบโบราณ .............. 2. การใช้กรรไกรตัดปลายของชิ้นงาน เรียกว่า “ตัดท าสร้อยตีน” .............. 3. กระดาษฉลุลาย นิยมท าและประดับตกแต่งบนศาลาวัด หรือบริเวณ บ้านเรือน ที่มีการ จัดการงานบุญ งานมงคลต่าง ๆ .............. 4. กระดาษฉลุลาย นิยมใช้กระดาษสีขาวล้วน เพื่อน าประดับตกแต่งศาลาวัด หรือบ้านเรือน ใน งานบุญ งานมงคลต่าง ๆ .............. 5. การตอกลายกระดาษ และการฉลุลายกระดาษ ถือเป็นงาน แขนงเดียวกัน .............. 6. ในสมัยโบราณการประดับกระดาษฉลุลาย ภายในบ้านและบริเวณรอบบ้าน เพื่อเป็น สัญลักษณ์บ่งบอกถึงการมีงานบุญ งานมงคลที่บ้านหลังนั้น ๆ เปรียบเสมือนหลอดไฟสีสัน สวยงาม ที่นิยมติดประดับประดาในปัจจุบัน .............. 7. การฉลุลายกระดาษ นิยมใช้ กระดาษแก้ว กระดาษว่าว และกระดาษสา ในการท า .............. 8. กระดาษว่าว มีคุณสมบัติเบาและโปร่ง ลมรั่วไม่ได้ เดิมใช้กระดาษที่สั่งมาจากประเทศจีน ต่อมาใช้กระดาษจากประเทศญี่ปุ่น .............. 9. สีโทนร้อน ประกอบด้วย สีแดง สีส้ม สีม่วง .............. 10. สูตรการค านวณราคาขายต่อชิ้น = ต้นทุนรวมต่อชิ้น + % ก าไรที่ต้องการ เฉลย 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 9. 10.


37 แบบทดสอบหลังเรียน หลักสูตรกำรฉลุลำยกระดำษ ชื่อ – สกุล.......................................................................................................................................... ค ำชี้แจง โปรดท ำเครื่องหมำย หน้ำข้อควำมที่ถูก และท ำเครื่องหมำย หน้ำข้อควำมที่ผิด .............. 1. ในอดีตนิยมใช้ผ้าฝ้าย ในการฉลุลายกระดาษแบบโบราณ .............. 2. การใช้กรรไกรตัดปลายของชิ้นงาน เรียกว่า “ตัดท าสร้อยตีน” .............. 3. กระดาษฉลุลาย นิยมท าและประดับตกแต่งบนศาลาวัด หรือบริเวณ บ้านเรือน ที่มีการ จัดการงานบุญ งานมงคลต่าง ๆ .............. 4. กระดาษฉลุลาย นิยมใช้กระดาษสีขาวล้วน เพื่อน าประดับตกแต่งศาลาวัด หรือบ้านเรือน ใน งานบุญ งานมงคลต่าง ๆ .............. 5. การตอกลายกระดาษ และการฉลุลายกระดาษ ถือเป็นงาน แขนงเดียวกัน .............. 6. ในสมัยโบราณการประดับกระดาษฉลุลาย ภายในบ้านและบริเวณรอบบ้าน เพื่อเป็น สัญลักษณ์บ่งบอกถึงการมีงานบุญ งานมงคลที่บ้านหลังนั้น ๆ เปรียบเสมือนหลอดไฟสีสัน สวยงาม ที่นิยมติดประดับประดาในปัจจุบัน .............. 7. การฉลุลายกระดาษ นิยมใช้ กระดาษแก้ว กระดาษว่าว และกระดาษสา ในการท า .............. 8. กระดาษว่าว มีคุณสมบัติเบาและโปร่ง ลมรั่วไม่ได้ เดิมใช้กระดาษที่สั่งมาจากประเทศจีน ต่อมาใช้กระดาษจากประเทศญี่ปุ่น .............. 9. สีโทนร้อน ประกอบด้วย สีแดง สีส้ม สีม่วง .............. 10. สูตรการค านวณราคาขายต่อชิ้น = ต้นทุนรวมต่อชิ้น + % ก าไรที่ต้องการ เฉลย 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 9. 10.


38 ตัวอย่ำงลวดลำย


39 บรรณำนุกรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม. (2561). ช่องทางการขายในยุคปัจจุบัน. สืบค้นเมื่อ 18 มิถุนายน 2566, จาก https://bsc.dip.go.th/th/category/marketing2/fs-salechannelpresent กราฟฟิกโปรดิวซ์. (2561). หลักการออกแบบบรรจุภัณฑ์. สืบค้นเมื่อ 20 กันยายน 2566, จาก http://www.graphicproduce.com/knowledgedetail.php?no=19 ยศพร จันทองจีน.(2556).พวงมโหตร สู่การออกแบบพาวิลเลี่ยนการท่องเที่ยว “ไทยทัศน์” เศรษฐมันตร์ กาญจนกุล. (2553). ศิลปะการตัดกระดาษพวงมโหตร. กรุงเทพฯ: เศรษฐศิลป์. สมบูรณ์ ผิวละออ (2552), พวงมโหตร ศิลปะการตัดกระดาษแบบโบราณ. พิมพ์ครั้งที่ 2 กรุงเทพฯ: วาดศิลป์. สนุกฮอลิเดย์. (2555). ประเพณีการสร้างพวงมโหตรชาวอ าเภอศรีนคร จังหวัดสุโขทัย. เข้าถึงเมื่อ 15 พฤษภาคม 2566, เข้าถึงได้จาก www.sanookholiday.com/citytravel id.php?id_travels=168 งานฉลุกระดาษ. เข้าถึงเมื่อ 16 เมษายน 2566. เข้าถึงได้จาก https://www.nancreativecity.org/th/content/ กรมศิลปากร ส านักช่างสิบหมู่. (2555). เอกสารโครงการสร้างต้นแบบเพื่จัดท าองค์ความรู้ด้านศิลปกรรม “ความรู้ด้านการตอกกระดาษ ตอกฉลุหนัง. เข้าถึงเมื่อ 10 พฤษภาคม 2566, เข้าถึงได้จาก https://www.finearts.go.th/


40 คณะผู้จัดท ำหลักสูตร ที่ปรึกษำ นางอุทัยวรรณ โพธิ์กระจ่าง ผู้อ านวยการศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์ คณะที่ปรึกษำจัดท ำหลักสูตร นายเชาวฤทธิ์ จงเกษกรณ์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านวัดผลและประเมินผล นางอุมาพร แขดอน ผู้ทรงคุณวุฒิด้านอาชีพ ผู้จัดท ำหลักสูตร นางวัชรินทร์ พลอยส่งศรี ครู นายบดินทร์ภัทร์ พุ่มพันธ์วงศ์ ครู นางรุ่งนภา ศรีชัย ครู นางสาวพัฒนีนาถ ภักดีอักษร ครู นายวิทวัส เทียนข า ครู นางสาวดาววดี เครืออ่อน นักจัดการงานทั่วไป นางสาวนุชจรี หอมสมบัติ นักวิชาการเงินและบัญชี นายสิทธิชัย ศาสตร์ประสิทธิ์ นักจัดการงานทั่วไป นายสมเกียรติ หน่วงกลาง นักวิชาการศึกษา นางสุรีย์รัตน์ แพ่งประสิทธิ์ เจ้าพนักงานธุรการ นายดนัย สดุดี เจ้าพนักงานการเงินและบัญชี นางสาวอุนนดา ชูรัศมี นักวิชาการศึกษา นางสาวสุวิมล อินเฉียน นักวิชาการพัสดุ นางสาวณัฐกานต์ ครุธพันธ์ นักจัดการงานทั่วไป นางสาวศิริพร เกตุประทุม เจ้าหน้าที่เกษตร ผู้สนับสนุนข้อมูล นายส าอางค์ พึ่งครุฑ ภูมิปัญญาท้องถิ่น รูปเล่ม / หน้ำปก นายบดินทร์ภัทร์ พุ่มพันธ์วงศ์ ครู นายสมเกียรติ หน่วงกลาง นักวิชาการศึกษา นายสิทธิชัย ศาสตร์ประสิทธิ์ นักจัดการงานทั่วไป


41


Click to View FlipBook Version