The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

สีน้ำเงิน ปกรายงาน ปกหนังสือ ภาษาไทย ลายไทย หน้าปก เอกสารขนาด A4

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by วิยะฎา ฯ., 2024-02-11 23:37:53

สีน้ำเงิน ปกรายงาน ปกหนังสือ ภาษาไทย ลายไทย หน้าปก เอกสารขนาด A4

สีน้ำเงิน ปกรายงาน ปกหนังสือ ภาษาไทย ลายไทย หน้าปก เอกสารขนาด A4

หนันั นั ง นั งสืสืสื อ สื อเรีรี รี ยรี ยน วิวิวิชวิา ดนตรีรี รีไรี ทย


คำ นำ ดนตรีไทย เป็นศิลปะในด้านการแสดงของคนไทย ซึ่งแสดงถึง ถึ ภูมิปัญญา เฉพาะท้องถิ่น ที่มีการปรับเปลี่ยน แก้ไข เปลี่ยนแปลง ถึง ถึ แม้จะมีความใกล้ เคียง กับ กั ดนตรีในหลายประเทศเพื่อนบ้าน แต่ดนตรีไทย ได้สร้างความเป็น เอกลักษณ์เฉพาะ มาจนเป็นที่จดจำ ของคนทั่วไป ทั้งชาวไทย และชาวต่าง ชาติ ปัจจุบัน ดนตรีไทย ถูกแรงอิทธิพลทั้งทางสังคม กาลเวลา และการเข้า มาของดนตรีต่างชาติ ทำ ให้ดนตรีไทยค่อยลดความสำ คัญ และความนิยม ในสังคมเรื่อยมา ทั้งนี้ อาจจะเกิด กิ จากการไม่สนับสนุนในสังคม การไม่ได้รับ การสนับสนุนจากภาครัฐอย่างจริงจัง จั ทำ ให้ดนตรีไทยได้รับความนิยมลดลง และหมดความสำ คัญไปในที่สุด


สารบัญ ประวัติและความเป็น ป็ มา เครื่องดีด ดี เครื่องสี เครื่องตี เครื่องเป่า ป่ 1 2 3-5 6-8 9-10


เครื่องดนตรีไทยเกิด กิ จากชนชาติไทยเองและการเลียนแบบชนชาติ อื่นๆ ที่อยุ่ใกล้ชิดโดยเริ่มตั้งแต่สมัยโบราณที่ไทยตั้งถิ่นฐานอยู่ในอาณาจัก จั ร ฉ่องหวู่ดิ วู่ ดิ นแดนของประเทศจีนในปัจจุบัน ทำ ให้เครื่องดนตรีไทยและจีนมีการ แลกเปลี่ยนเลียนแบบกัน กั นอกจากนี่ยังมีเครื่องดนตรีอีกหลายชนิด ที่ชนชาติ ไทยประดิษฐ์ขึ้น ขึ้ใช้ก่อ ก่ นที่จะมาพบวัฒธรรมอินเดีย ซึ่งแพร่ห ร่ ลายอยู่ทางตอน ใต้ของแหลมอินโดจีน สำ หรับชื่อเครื่องดนตรีดั้งเดิมของไทยจะเรียนตาม คำ โดดในภาษาไทย เช่น เกราะ โกร่ง ร่ กรับ ฉิ่ง ฉาบ ขลุ่ย ลุ่ พิณเปี๊ยะ ซอ ฆ้อง และกลอง ต่อมาได้มีการประดิษฐ์เครื่องดนตรีให้พัฒนาขึ้น ขึ้ โดยนำ ไม้ที่ทำ เหมือนกรับหลายอันมาวางเรียงกัน กัได้เครื่องดนตรีใหม่ เรียกว่า ว่ ระนาดหรือนำ ฆ้องหลาย ๆ ใบมาทำ เป็นวงเรียกว่า ว่ ฆ้องวง เป็นต้น ประวัติ วัติ และความเป็น ป็ มา นอกจากนี้ยังมีการผสมผสานกับ กั วัฒนธรรมทางดนตรีของอินเดีย มอญ เขมร ในแหลมอินโดจีนที่ไทยได้ย้ายไปตั้งถิ่นฐานอยู่ ได้แก่ พิณ สังข์ ปี่ไฉน บัณเฑาะว์ กระจับ จัปี่ จะเข้ โทน(ทับ) เป็นต้น ต่อมาเมื่อมีความสัมพันธ์กับ กัประเทศ เพื่อนบ้านมากขึ้น ขึ้ ไทยได้นำ บทเพลงและเครื่องดนตรีบางอย่างของประเทศเพื่อน บ้านมาบรรเลงในวงดนตรีไทย เช่น กลองแขกของชวา กลองมลายูของมลายู เปิง มางของมอญ และกลองยาวของไทยใหญ่ที่ ญ่ ที่ พม่านำ มาใช้ รวมทั้งขิม ขิ ม้าล่อ ล่ และ กลองจีน ซึ่งเป็นเครื่องดนตรีของจีน เป็นต้น ต่อมาไทยมีความสัมพันธ์ชาวกับ กั ตะวัน ตกและอเมริกา ก็ได้นำ กลองฝรั่ง เช่นกลองอเมริกัน กั และเครื่องดนตรีอื่น ๆ เช่น ไวโอลีน ออร์แกน มาใช้บรรเลงในวงดนตรีของไทย 1


เครื่องดีด ดี เครื่องดีดทุกอย่างจะต้องมีส่วนที่เป็นกระพุ้งเสียง บางทีก็เรียกว่า ว่ กะโหลก สำ หรับทำ ให้ เสียงที่ ดีดนั้นก้องวานดังขึ้น ขึ้ อีก เครื่องดีดของไทยที่ใช้ในวงดนตรีแต่โบราณเรียกว่า ว่ "พิณ" ซึ่งมาจาก ภาษาของชาวอินเดียที่ว่า ว่ "วีณา" ในสมัยหลังๆ ต่อมาจึง จึ บัญญัติ ญัติชื่อเป็นอย่างอื่น ตามรูปร่า ร่ งบ้าง ตามภาษาของชาติใกล้เคียงบ้าง เช่น "กระจับ จัปี่" ซึ่งมีกระพุ้งเสียงรูปแบน ด้านหน้าและด้านหลัง กลมรี คล้ายรูปไข่ มีคันต่อยาวเรียวขึ้น ขึ้ไป ตอนปลายบานและงอนโค้งไปข้างหลังเรียกว่า ว่ ทวน มี สายทำ ด้วยเอ็นหรือไหม ๔ สาย ขึง ขึ ผ่านหน้ากะโหลกตามคันขึ้น ขึ้ไปจนถึง ถึ ลูกบิด ๔ อัน ผูกปลาย สายอันละสาย มีนมติดตามคันทวนสำ หรับกดสายลงไปติดสันนม ให้เกิด กิ เสียงสูงต่ำ ตามประสงค์ ผู้ดีดต้องนั่งพับเพียบทางขวา วางตัวกระจับ จัปี่ (กะโหลก) ลงตรงหน้าขาขวา กดนิ้วตามสายด้วย มือ ซ้าย ดีดด้วยมือขวา รูปกระจับ จัปี่ (หรือพิณ) ของไทยมีลักษณะดังในภาพ เครื่องดีดของไทยที่ใช้กัน กั อยู่อย่างแพร่ห ร่ ลายในปัจจุบันก็คือ "จะเข้" จะเข้เป็นเครื่อง ดีดที่วางนอนตามพื้นราบ ทำ ด้วยไม้ท่อนขุดเป็นโพรงภายใน ไม้แก่น ก่ ขนุนเป็นดีที่สุด ด้านล่า ล่ งมีกระดานแปะเป็นพื้นท้อง เจาะรูระบายอากาศพอสมควร มีเท้าตอนหัว ๔ เท้า ตอนท้าย ๑ เท้า รวม เป็น ๕ เท้า มีสาย ๓ สาย สายเอก (เสียงสูง) กับ กัสาย กลางทำ ด้วยเอ็นหรือไหม สายต่ำ สุด ทำ ด้วย ลวดทองเหลืองเรียกว่า ว่ สายลวด ขึง ขึ จากหลักตอนหัวผ่านโต๊ะและนม ไปลอดหย่อง แล้วพันกับ กั ลูกบิดสายละลูก มีนมตั้ง เรียงลำ ดับบนหลัง ๑๑ นม สำ หรับกดสายให้แตะเป็นเสียงสูงต่ำ ตามต้องการ การดีด ต้องใช้ไม้ดีดทำ ด้วยงาช้างหรือกระดูกสัตว์ เหลากลม เรียวแหลม ผูกพันติดกับ กั นิ้วชี้ มือขวา ดีดปัดสายไปมา ส่วนมือซ้ายใช้นิ้วกดสายตรงสันนมต่างๆ ตามต้องการ ปี่กระจับ 2


เครื่องสี เครื่องดนตรีที่ต้องใช้เส้นหางม้าหลายๆ เส้นรวมกัน กัสีไปบนสายซึ่งทำ ด้วยไหมหรือเอ็นนี้ โดย มากเรียกว่า ว่ "ซอ" ทั้งนั้น ซอของไทยที่มีมาแต่โบราณก็คือ "ซอสามสาย" ใช้บรรเลง ประกอบ ในพระราชพีธีสมโภชต่างๆ ซอสามสายนี้ กะโหลกสำ หรับอุ้มเสียง ทำ ด้วยกะลา มะพร้าวตัดขวางให้เหลือพูทั้งสามอยู่ด้านหลัง ขึง ขึ หน้าด้วยหนังแพะหรือหนังลูกวัว มีคัน (ทวน) ตั้งต่อจากกะโหลก ขึ้น ขึ้ไปยาวประมาณ ๑.๒๐ เมตร ทำ ด้วยงาช้างหรือไม้แก่น ก่ กลึง ลึ ตอนปลายให้สวยงาม มีลูกบิดสอด ขวางคันทวน ๓ อัน สำ หรับพันปลายสาย เร่ง ร่ ให้ตึง หรือ หย่อนตามต้องการ มีทวนล่า ล่ งต่อลงไป จากกะโหลก กลึง ลึให้เรียวเล็กลงไปจนแหลม เลี่ยม โลหะตอนปลาย เพื่อให้แข็งแรงสำ หรับปักลงกับ กั พื้น สายทั้งสามนั้นทำ ด้วยไหมหรือเอ็น ขึง ขึ จากทวนล่า ล่ งผ่านหน้าซอซึ่งมีหย่องรองรับขึ้น ขึ้ไปตามทวน และร้อยเข้าในรู ไปพันลูกบิดสายละ อัน ส่วนคันชักหรือคันสีนั้น ทำ คล้ายคันกระสุน ขึง ขึ ด้วยเส้น หางม้าหลายๆ เส้น สีไปมาบน สายทั้งสามตามต้องการ สิ่งสำ คัญของซอสามสายอย่างหนึ่ง คือ "ถ่ว ถ่ งหน้า" ถ่ว ถ่ งหน้านี้ ทำ ด้วยโลหะประดิษฐ์ให้สวยงาม บางทีถึง ถึ แก่ฝัก่ ฝั งเพชรพลอยก็มี แต่จะต้องมีน้ำ หนักได้ส่วน สัมพันธ์กับ กั หน้าซอ สำ หรับติดตรงหน้าซอตอนบนด้านซ้าย ถ้าไม่มีถ่ว ถ่ งหน้าแล้ว เสียงจะดังอู้อี้ ไม่ไพเราะ ซอสามสาย 3


เครื่องสี ซอด้วง ซอด้วง เป็นเครื่องสีที่มี ๒ สายเรียกว่า ว่ สายเอก และสายทุ้ม ตัวกระพุ้งอุ้ม เสียงเรียกว่า ว่ กระบอก เพราะมีรูปอย่างกระบอกไม้ไผ่ ทำ ด้วยไม้เนื้อแข็ง หรืองาช้าง ขึง ขึ หน้าด้วยหนังงูเหลือม ถ้าไม่มีก็ใช้หนังแพะหรือหนังลูกวัว มี ทวน (คัน) เสียบกระบอกยาวขึ้น ขึ้ไป ตอนปลายเป็นสี่เหลี่ยม โอนไปทางหลัง มีลูกบิดสำ หรับพันปลายสาย ๒ อัน เนื่องจากซอด้วงเป็นซอเสียงเล็ก แหลม จึง จึ ใช้สายที่ทำ ด้วยไหมหรือเอ็นเป็นเส้นเล็กๆ ส่วนคันชักนั้น ร้อย เส้นหางม้าให้เข้าอยู่ในระหว่า ว่ งสาย ทั้งสอง 4


เครื่องสี ซออู้ ซออู้ เป็นเครื่องสีที่มีสาย ๒ สาย ทำ ด้วยไหมหรือเอ็น เรียกว่า ว่ สายเอกและ สายทุ้มเช่น เดียวกับ กัซอด้วง แต่กะโหลกซึ่งเป็นเครื่องอุ้มเสียงทำ ด้วยกะลา มะพร้าว ตัดตามยาวให้พูอยู่ข้างบน ขึง ขึ หน้าด้วยหนังแพะหรือหนังลูกวัว มีทวน (คัน) เสียบยาวขึ้น ขึ้ไปกลึง ลึ กลมตลอดปลาย มีลูกบิด สำ หรับพันสาย ๒ อัน คันชักนั้นร้อยเส้นหางม้าให้อยู่ภายในระหว่า ว่ งสายทั้งสองการเรียกสายของ เครื่องดนตรี ทั้งเครื่องดีด และเครื่องสีว่า ว่ "เอก" และ "ทุ้ม" นี้ เรียกตาม ลักษณะของเสียง สายที่มีเสียงสูงก็เรียกว่า ว่ สายเอก สายที่มีเสียงต่ำ ก็เรียกว่า ว่ สายทุ้ม ตลอดจน เครื่องตีที่จะกล่า ล่ วต่อไปนี้ก็อนุโลมเช่นเดียวกัน กั เครื่องที่มี เสียงสูงก็เรียกว่า ว่ เอก เครื่องที่มีเสียงต่ำ ก็เรียกว่า ว่ ทุ้ม 5


เครื่องตี กรับคู่และกรับพวง เครื่องดนตรีที่ตีแล้วดังเป็นเพลงหรือเป็นจัง จั หวะมีมากมาย จะกล่า ล่ วเฉพาะที่ ควรจะรู้จัก จั และ ใช้กัน กั อยู่ทั่วไป คือ กรับ เป็นเครื่องตีที่เมื่อตีแล้วดัง กรับ - กรับ กรับอย่างหนึ่งเป็นไม้ไผ่ผ่าซีก ๒ อัน ถือ มือละอัน แล้วเอาทางผิวไม้ ตีกัน กั เรียกว่า ว่ "กรับคู่" หรือ "กรับละคร" เพราะโดยมากใช้ประกอบการ เล่น ล่ ละคร อีกอย่างหนึ่ง เป็นกรับที่ทำ ด้วยไม้เนื้อแข็งหรืองาช้าง เป็นซีก หนาๆ ประกบ ๒ ข้าง แล้วมีแผ่นโลหะ หรือไม้ หรืองา ทำ เป็นแผ่นบางๆ หลายๆ อันซ้อนกัน กั อยู่ข้างใน เจาะรูตอนโคน ร้อยเชือกเหมือนพัด เรียกว่า ว่ "กรับพวง" 6


เครื่องตี ระนาด เป็นเครื่องตีที่ทำ ด้วยไม้หรือเหล็กหรือทองเหลืองหลายๆ อัน เรียงเป็นลำ ดับกัน กั บางอย่างก็ร้อยเชือกหัวท้ายแขวน บางอย่างก็วางเรียงกัน กั เฉยๆ ระนาดเอก ลูกระนาด ทำ ด้วยไม้ไผ่บง หรือไม้ชิงชัง ไม้พะยูง และไม้มะหาด ลูกระนาด ฝานหัวท้ายและท้อง ตอนกลาง ตัดให้มีความยาวลดหลั่นกัน กั ตามลำ ดับของเสียง โดยปกติมี ๒๑ ลูก เรียง เสียงต่ำ สูงตามลำ ดับ ลูกระนาดทุกลูกเจาะรูร้อยเชือกหัวท้ายแขวนบนรางซึ่งมีรูปโค้ง ขึ้น ขึ้ มีเท้า รูปสี่เหลี่ยม ตรงกลางสำ หรับตั้ง ไม้สำ หรับตีมี ๒ อย่างคือ ไม้แข็ง (เมื่อ ต้องการเสียงดังแกร่ง ร่ กร้าว) และไม้นวม (เมื่อต้องการเสียงเบาและนุ่มนวล) ระนาดเอก ระนาดทุ้ม ลูกระนาดเหมือนระนาดเอก แต่ใหญ่แ ญ่ ละยาวกว่า ว่ มี ๑๗ ลูก รางที่แขวน นั้น ด้านบนโค้งขึ้น ขึ้ แต่ด้านล่า ล่ งตรงขนานกับ กั พื้นราบ มีเท้าเล็กๆ ตรงมุม ๔ เท้า ไม้ตี ใช้แต่ไม้นวม การเทียบเสียงระนาดเอก และระนาดทุ้ม เมื่อต้องการให้สูงต่ำ ใช้ขี้ผึ้ง ผสมกับ กั ผงตะกั่ว กั่ ติดตรงหัวและท้ายด้านล่า ล่ ง ถ่ว ถ่ งเสียงตามต้องการ ระนาดทุ้ม 7


เครื่องตี ระนาดเอกเหล็ก ระนาดเอกเหล็ก ลูกระนาดทำ ด้วยเหล็ก วางเรียงบนราง ไม่ต้องเจาะรูร้อย เชือกมี ๒๐ ลูก หรือมากกว่า ว่ นั้น ถ้าลูกระนาดทำ ด้วยทองเหลืองก็เรียกว่า ว่ ระนาดทอง ระนาดเอกเหล็ก ระนาดทุ้มเหล็ก เหมือนระนาดเอกเหล็กทุก ประการ นอกจากลูกระนาดใหญ่แ ญ่ ละยาวกว่า ว่ มี ๑๗ ลูก ถ้าทำ ด้วยทอง เหลืองก็เรียก ระนาดทุ้มทอง การเทียบเสียงระนาดเอกเหล็กและระนาดทุ้ม เหล็กนี้ ใช้ตะไบถูหัวท้ายด้านล่า ล่ งและท้องลูก ระนาด ไม่ใช้ขี้ผึ้งผสมผงตะ ถั่วติด เมื่อต้องการให้ลูกไหนเสียงสูงขึ้น ขึ้ ก็ตะไบหัวหรือท้ายให้บาง ถ้า ต้องการให้ต่ำ ก็ตะไบท้องให้บาง ฆ้อง ทำ ด้วยโลหะ เป็นแผ่นกลม ตรงกลางมีปุ่มกลมนูนขึ้น ขึ้สำ หรับตี ขอบ นอกหักมุมลงรอบตัว เป็นรูปเหมือนฉัตร ฆ้องมีหลายชนิด คือ ฆ้องโหม่ง เป็นฆ้องขนาดเขื่อง ขนาดตั้งแต่เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ ๓๐ เซนติเมตร ถึง ถึ ๔๕ เซนติเมตร โดยปกติใช้แขวนไม้ขาหยั่ง ๓ อัน หรือทำ เป็นรูปอย่างอื่น ตีด้วยไม้ซึ่งพันด้วย ผ้าเป็นปุ่มตอนปลาย เสียงดังโหม่ง - โหม่ง จึง จึ เรียกชื่อตามเสียง ฆ้องโหม่ง 8


เครื่องเป่า ป่ ปี่ใน ปี่กลาง และปี่นอก เครื่องดนตรีไทยที่ใช้ลมเป่าแล้วดังเป็นเสียงนั้น แบ่ง บ่ ออกได้เป็น ๒ ประเภท ประเภท หนึ่งต้องมีลิ้นที่ทำ ด้วยใบไม้ หรือไม้ไผ่ หรือโลหะ สอดใส่เข้าไว้ เมื่อเป่า ลมเข้าไป ลิ้นก็จะเต้นไหว ให้เกิด กิ เสียง เรียกว่า ว่ "ปี่" อีกประเภทหนึ่งไม่มีลิ้น แต่มีรู บังคับ ทำ ให้ลมที่เป่าหักมุม แล้วเกิด กิ เป็นเสียงขึ้น ขึ้ เรียกว่า ว่ "ขลุ่ย ลุ่ " ทั้งปี่และขลุ่ย ลุ่ ลัก ษณนามเรียกว่า ว่ "เลา" ซึ่งมีอยู่หลายประเภท แต่จะกล่า ล่ วเฉพาะที่ควรรู้เท่านั้น คือ ปี่ใน ทำ ด้วยไม้ชิงชังหรือไม้พะยูง กลึง ลึให้ป่องกลางและบานปลายทั้ง ๒ ข้างเล็ก น้อย เจาะเป็นรูกลวงภายใน มีรูสำ หรับปิดเปิดนิ้วให้เป็นเสียงสูงต่ำ เจาะที่ตัวปี่ ๖ รู ๔ รูบนเรียงตาม ลำ ดับ แล้วเว้นห่า ห่ งพอควรจึง จึ ถึง ถึ ๒ รูล่า ล่ ง ลิ้นปี่ทำ ด้วยใบตาลตัด กลมมน ซ้อน ๔ ชั้น ผูกติดกับ กั หลอดโลหะที่เรียกว่า ว่ "กำ พวด" สอดกำ พวดเข้าใน รูปี่ด้านบนแล้วจึง จึ เป่าที่เรียกว่า ว่ ปี่ในนี้ มาเรียกกัน กั เมื่อมีปี่รูปร่า ร่ งอย่างเดียวกัน กั แต่ ขนาดต่างกัน กั เกิด กิ ขึ้น ขึ้ คือ ปี่ที่ย่อมกว่า ว่ ปี่ใน เล็กน้อยเรียก "ปี่กลาง" และปี่ขนาดเล็ก เรียกว่า ว่ "ปี่นอก" 9


เครื่องเป่า ป่ ปี่ไฉน และปี่ชวา ปี่ไฉน เป็นปี่ที่มี ๒ ท่อน สวมต่อกัน กั มีรูปเหมือนดอกลำ โพง ยาวประมาณ ๑๙ เซนติเมตร บรรเลงร่ว ร่ มกับ กั กลองชนะ ในงานพระบรมศพ พระศพเจ้า นาย หรือศพที่ได้รับพระราชทานเกียรติยศ ปี่ชวา รูปร่า ร่ งเหมือนปี่ไฉน แต่ ใหญ่ก ญ่ ว่า ว่ ยาวประมาณ ๓๙ เซนติเมตร บรรเลงร่ว ร่ มในวง เครื่องสายปี่ ชวา และปี่พาทย์นางหงส์ ขลุ่ย ลุ่ เป็นเครื่องเป่าที่ไม่มีลิ้น ทำ ด้วยไม้รวก (ที่ทำ ด้วยไม้ชิงชังหรืองาช้างก็ มี) มีรูสี่เหลี่ยมผืนผ้าอยู่ด้านใต้ ซึ่งทำ ให้ลมหักมุมลง เรียกว่า ว่ รูปากนก แก้ว รูที่สำ หรับปิดเปิดนิ้วบังคับ เสียงสูงต่ำ อยู่ด้านบน ๗ รู และ ด้านล่า ล่ ง เรียกว่า ว่ รูนิ้วค้ำ อีก ๑ รู ด้านขวามีรูสำ หรับปิดเยื่อ (เยื่อ ในปล้องไม้ไผ่ หรือเยื่อหัวหอม) เพื่อให้เสียงแตก (เมื่อต้องการ) ขลุ่ย ลุ่ รูปร่า ร่ งอย่าง เดียวกัน กั นี้มี ๓ ขนาด คือ "ขลุ่ย ลุ่ หลิบ" ขนาดเล็ก มีเสียงสูง ยาวประมาณ ๓๖ เซนติเมตร "ขลุ่ย ลุ่ เพียงออ" ขนาดกลาง เสียงระดับกลาง ยาวประมาณ ๔๕ เซนติเมตร และ "ขลุ่ย ลุ่ อู้" ขนาดใหญ่ มีเสียงต่ำ ยาว ประมาณ ๖๐ เซนติเมตร 10


Click to View FlipBook Version