วิชามีนวิทยา
หน่วยที 1 เรอื งทวั ไปเกยี วกบั มนี วิทยา
นางสาวกรกช อยู่รมั ย์
แผนกวิชาประมง วิทยาลยั เกษตรและเทคโนโลยนี ครราชสมี า
เอกสารประกอบการสอน วิชามีนวิทยา 1
หนวยที่ 1 เร่อื งท่วั ไปเกยี่ วกบั มีนวทิ ยา
เรอ่ื ง เรอ่ื งท่วั ไปเกยี่ วกบั มนี วิทยา จาํ นวน 8 คาบ
จุดประสงคการเรยี นรู (จุดประสงคเชิงพฤติกรรม)
1. นักศึกษาสามารถเรยี นรแู ละเขา ใจถงึ ประวัติการศึกษาเก่ียวกับมนี วิทยา
2. นักศึกษาสามารถเรียนรูและเขา ใจถงึ ชีวประวตั ิของปลาได
เนื้อหาสาระ
เรื่องทว่ั ไปเกยี่ วกับมีนวิทยา
มีนวทิ ยามาจากภาษากรีกวา Ichthyology ซ่งึ แยกคําไดดงั นี้
Ichthys แปลวา ปลา
logy หรอื logos แปลวา วชิ า หรือ เรอื่ งราว
มีน มาจาก ภาษาบาลสี ันสกฤต แปลวา ปลา
วทิ ยา มาจาก ภาษาสันสกฤต แปลวา ความรู
ดังน้ัน มนี วิทยา จงึ เปน วิชาหรอื ความรหู รอื เร่ืองราวเกี่ยวกับปลา โดยสรุปวิชามีนวิทยาเปนวิชาท่ีศึกษา
เกี่ยวกับปลาในดานกายวิภาค สรีรวิทยา พฤติกรรม ตลอดจนการจําแนกหมวดหมู และอื่นๆ เกี่ยวกับปลาอีก
กวางมาก การศกึ ษาเกี่ยวกับปลา เปน ทงั้ วิทยาศาสตรบ ริสุทธิ์และวิทยาศาสตรประยุกต ขอบเขตของวิชาน้ีไมได
ครอบคลุมไปถึงสัตวชนิดอื่นท่ีอาศัยอยูในน้ํา เชน สัตวเลือดอุน (ปลาวาฬ ปลาโลมา เปนตน) ตลอดจน
สตั วเล้อื ยคลาน สตั วครงึ่ บกคร่งึ นํ้า และสัตวไ มมีกระดูกสันหลงั พวก กงุ หอย ปู ฯลฯ
เอกสารประกอบการสอน วชิ ามนี วทิ ยา 2
ประวัติการศกึ ษาวิชามีนวทิ ยา
ผทู ี่เรม่ิ ศกึ ษาเกี่ยวกับปลาคนแรกคือ อาริสโตเติล (Aristotle) ชาวกรีกซง่ึ มีชวี ติ อยรู ะหวาง 384 - 322 ป
กอ นคริสตศักราช เปนผูริเริ่มจัดจําพวกของส่ิงมีชีวิต บันทึกของอาริสโตเติลไดกลาวถึงโครงสราง อุปนิสัย การ
อพยพยายถิ่น ฤดกู าลสืบพันธุ และความรูอื่นๆ ท่ีนาสนใจเก่ียวกับปลามากชนิด แตความจริงมนุษยรูจักปลามา
นบั 5 หมืน่ ปแ ลว จากหลักฐานที่มนษุ ยถา้ํ ไดวาดภาพปลาไวต ามฝาผนังถ้ํา การศึกษาเกี่ยวกับปลาในระยะตอมา
โดยมากยังอางอิงผลงานของอาริสโตเตลิ จะมเี พมิ่ เตมิ ก็เปน เรอ่ื งปลีกยอย จนกระทั่งในศตวรรษท่ี 18 การศึกษา
เก่ียวกับปลาตื่นตวั มากขึน้ มีการเขยี นตําราวิชามนี วทิ ยา ซ่ึงใชอ า งอิงมาจนถงึ ทุกวันน้ี มกี ารจําแนกหมวดหมูปลา
กระดูกออน ปลากระดูกแข็ง ศึกษากายวิภาค สรีรวิทยา วิวัฒนาการของปลาจากซากดึกดําบรรพ (fossil) ผูท่ี
ศกึ ษาเก่ียวกบั ปลาไวมาก เชน ลินเนียส (Linnaeus) บลอช (Bloch) จอรแดน (Jordan) เรแกน (Regan) กูวีเย
(Cuvier) แลคเลอ (Lagler) เนลสัน (Nelson) ในประเทศไทยผูที่ศึกษาเก่ียวกับปลามีหลายทาน เชน
ดร.สมธิ ศ.โชติ สวุ ตั ถิ ศ.จนิ ดา เทียมเมศ ศ.บุญ อินทรัมพันธ เปนตน
นเิ วศวทิ ยาและการแพรก ระจายของปลา
ปลาเปนสัตวที่มีกระดูกสันหลังอยูใน Phylum Chordata เราสามารถกลาวไดวาปลาเปนสัตวท่ีมี
กระดกู สนั หลงั ทมี่ จี าํ นวนมากทสี่ ุดในบรรดาสตั วทม่ี ีกระดูกสนั หลงั ทั้งหมด ดงั นี้
• ปลา (Pisces) 42.6 เปอรเ ซ็นต ประมาณ 20,000 ชนดิ
• สัตวครึ่งบกครึ่งนา้ํ (Amphibia) 6.6 เปอรเ ซน็ ต ประมาณ 2,500 ชนดิ
• สตั วเ ลือ้ ยคลาน (Reptilia) 16.0 เปอรเซน็ ต ประมาณ 6,000 ชนดิ
• นก (Aves) 22.8 เปอรเซ็นต ประมาณ 8,600 ชนดิ
• สตั วเล้ียงลกู ดวยนาํ้ นม (Mammaria) 12.0 เปอรเ ซ็นต ประมาณ 4,500 ชนดิ
เอกสารประกอบการสอน วชิ ามีนวทิ ยา 3
ปลาเปนกลมุ ของสัตวท ่มี กี ระดกู สนั หลังทีม่ วี วิ ฒั นาการตํ่าสดุ แตมีจาํ นวนมากท่ีสุด เม่ือเอยถึงปลาทุกคนจะ
รูวาเปนสัตวท่ีอยูในน้ํา หายใจดวยเหงือก วายน้ําโดยใชครีบ และคําวาปลาในพจนานุกรมภาษาไทยฉบับราช
บัณฑิตสถาน พ.ศ.2525 ไดใหความหมายวา เปนชื่อสัตวเลือดเย็น มีกระดูกสันหลัง รางกายแบงเปนสวนหัว
ลาํ ตัว และหาง สวนใหญหายใจทางเหงือก มีครีบชวยในการเคลื่อนไหว บางชนิดมีเกล็ด แตบางชนิดไมมีเกล็ด
รูปราง ขนาด และพฤติกรรมแตกตา งกนั มากมาย พบทั้งในทะเล และแหลงนํ้าจืด แตความหมายของปลาในวิชา
ชีววิทยาของปลาจะมคี วามหมายกวา งข้นึ และมีสัตวน ้าํ บางชนดิ ที่ขึน้ ตนดว ยคําวา ปลาแตไ มจดั เปน พวกปลา เชน
ปลาวาฬ ปลาโลมา สัตวสองชนิดนี้เปนสัตวเล้ียงลูกดวยน้ํานม และหายใจดวยปอด ปลาหมึก เปนสัตวจําพวก
หอย และปลาดาว เปนสัตวไ มมีกระดูกสนั หลัง เปนตน ฉะน้ันวิชาชีววิทยาของปลานี้จะเรียนเฉพาะปลาที่อยูใน
คาํ จาํ กดั ความนเ้ี ทา นัน้ คอื
1. เปนสัตวเลือดเย็น (Cold Blooded ; Poikilothermal) คําวา เลือดเย็น หมายถึง คุณสมบัติของน้ํา
เลอื ดในรา งกาย สตั วทีม่ ีอณุ หภมู เิ ปล่ยี นไปตามอณุ หภมู ขิ องสภาพแวดลอมภายนอกรา งกาย
2. หายใจดว ยเหงือก และมชี อ งเปดเหงือกใหนํ้าออกสูภายนอก โดยปกติปลาโดยท่ัวไปจะใชเหงือกเปน
ท่ีแลกเปล่ียนกา ซ เหงือกทาํ หนา ทคี่ ลายปอดของสัตวทีอ่ ยบู นบก
3. หากนิ และมีชีวิตอยูในนํ้าหรืออยางนอยตองเปนที่ชื้นแฉะ กลาวคือตลอดชีพของมันจะตองอยูในนํ้า
ตลอด ไมว า จะเปนแหลง หากินหรือที่อยูอาศยั ปลาจะไมส ามารถอาศยั อยบู นบกไดเ ปน เวลานานๆ
4. มกี ระดกู สันหลัง ซึ่งเปนคุณสมบัติที่มีอยูในเฉพาะในสัตวช้ันสูงเทานั้น การมีกระดูกสันหลังแสดงวา
ปลามโี ครงสรางที่พฒั นาดีมาก
5. มีขากรรไกร (Jaws) ครบท้ังขากรรไกรลางและขากรรไกรบน หมายถึง โครงสรางของปากซ่ึง
ประกอบดวยขากรรไกรลา งและขากรรไกรบนม่ันคงแข็งแรงและเปน รูปทรงทแ่ี นน อน
6. ลาํ ตัวปกคลุมดวยเกล็ด เมือก หรือแผนกระดูก ปลาหลายชนิดมีเคร่ืองปองกันผิวกายเปนเกล็ดเรียง
ซอนกันบางชนิดอาจมีแผนกระดูกเรียงตอกัน บางชนิดเปนปุมแข็งหรือเปนหนามแหลม และเคร่ืองปองกัน
รา งกายเหลา นจ้ี ะมีเมือกเคลอื บทับอกี ชนั้ หนึง่ นอกจากน้ยี ังมีปลาบางชนิดไมมเี กล็ดปกคลุมรางกายแตจะมีเมือก
ล่ืนปกคลมุ ลําตวั แทน
7. เคลอ่ื นไหวไปมาโดยอาศยั ครบี และกลามเน้อื ลาํ ตวั ทําใหปลาวายนํ้าไดดีกวาสตั วอ่ืนๆ
8. หัวใจมี 2 หอง คือ Auricle และ Ventricle จํานวนหองของหัวใจเปนคุณสมบัติท่ีแสดงลําดับช้ัน
(Class) ของปลาอีกประการหนึ่ง สัตวชั้นตํ่าจะไมมีหัวใจ สวนสัตวชั้นสูงข้ึนมาก็จะมีการพัฒนาของหัวใจแบง
ออกเปน หองๆ เชน ปลามีหัวใจ 2 หอง กบ เขียด มีหัวใจ 3 หอง ยกเวนจระเขมีหัวใจ 4 หอง สัตวเล้ียงลูกดวย
นํา้ นมมีหัวใจ 4 หอง
9. สว นมากมกี ารผสมพันธุภายนอกรางกาย (External Fertilization) ปลาสวนมากออกลูกเปนไขโดยที่
ตัวเมียปลอยไขออกมากอนแลวตัวผูจึงปลอยนํ้าเชื้อออกไปผสม ไขที่ไดรับการผสมจะฟกออกเปนตัวภายหลัง
แตมีปลาบางชนิดท่ีมีการผสมภายในรางกายของปลาตัวเมีย ที่ไดออกมาอยูในกลองไขแลวฟกเปนตัวภายหลัง
เชน ปลาฉลาม และยังมปี ลาบางชดิ ทอี่ อกลกู เปน ตัวเลย เชน ปลาหางนกยงู ปลาสอด ปลาเข็ม เปน ตน
เอกสารประกอบการสอน วิชามนี วิทยา 4
10. รางกายมีลักษณะสมมาตรแบบซายขวา (Bilateral Symmetry) คือ ลําตัวซีกซายและซีกขวา
เหมือนกันยกเวนปลาล้ินหมา
11. เลอื ดมีสแี ดง ภายในเมด็ เลือดของปลาจะมสี ารประกอบพวกเหล็ก เรียกวา ฮีโมโกลบิน
(Heamoglobin) และระบบทางเดินโลหิตเปนระบบปด มหี วั ใจเปน อวยั วะสบู ฉีดโลหติ สงออกไปตามเสนเลือดท่ัว
รางกาย
12. มีจมกู สําหรับดมกล่ิน ปลาจะไมใ ชจมกู ในการหายใจ จมกู ของปลามีลกั ษณะเปนถุงอยภู ายใน
13. มรี ยางคคไู มเกิน 2 คู ซึง่ เปนลักษณะของสตั วท ่มี ีกระดูกสันหลงั
14. มรี ทู วารอยูทสี่ นั ทอ ง
15. มเี พศแยกออกจากกนั เพศผูและเพศเมยี แยกออกจากกนั ชดั เจน
16. สวนมากมีเสนขางตวั ซึง่ เปน อวัยวะรับความรสู ึกพิเศษตอ การส่ันสะเทอื นในนาํ้ เปน อวัยวะทีม่ รี เู ปน
แถวใหน้าํ ไหลผานตลอดทางดา นขา งของลําตัว ทําใหป ลารูถ งึ สภาพแวดลอมท่ีอยใู กลตัว
17. ระบบทางเดินอาหาร มีทางเขาทางออกแยกจากกัน ปากอยูทางดานลา งของสวนหนา และทวาร
หนกั อยูทางดานทา ยของลําตัว และมหี างซงึ่ ไมม สี วนของทางเดนิ อาหารอยู ทอทางเดินอาหารแบงตามหนาท่ี
18. การแบงสว นของรางกายมองเห็นไดอ ยางชัดเจนจากภายนอก คือ แบง ออกเปน สวนหวั สว นลําตัว
และสว นหางชดั เจน
19. ระบบประสาทอยูต ามความยาวของลําตัวและอยเู หนอื กระดกู สันหลงั ภายในกลวง ไมมีโครงสราง
ของปมประสาท
20. ระบบโครงกระดูกสว นมากจะเปนกระดกู ออนในระยะตวั ออน และถูกแทนท่ีดว ยกระดูกแขง็ เมือ่ เปน
ตวั โตเตม็ วยั
การดาํ รงชีวิตของปลา
เราสามารถพบปลาไดหลายแหง ในท่ัวทกุ แหลง น้ําในโลก ไมว าจะเปนน้าํ จดื นาํ้ กรอย หรือในทะเล ไมวา
แหลงนา้ํ นน้ั จะมีอณุ หภูมิสงู หรอื ตํ่าหรอื แมแ ตใ นมหาสมุทรทรี่ ะดับนาํ้ ลึกมากจนแสงอาทิตยสองลงไปไมถ งึ กย็ ัง
สามารถพบปลาได
ความกาวหนา ทางเทคโนโลยใี นยคุ โลกาภิวัตนท าํ ใหม นษุ ยสามารถสรา งอปุ กรณอันทันสมัยมากมายท่ีจะ
ดําน้ําลงไปดวยชุดประดาน้ํา หรือลงไปกับเรือดําน้ําเพ่ือถายรูปและศึกษาปลาที่อยูในธรรมชาติใตนํ้าไดอยาง
ปลอดภยั การศึกษาเหลาน้ที าํ ใหเ ราเขาใจถงึ สสี ันและขนาดที่มีความแตกตางระหวางเพศผูและเพศเมียของปลา
หลายชนิด ซึ่งคร้ังหน่ึงเราเคยคิดวามันเปนปลาคนละชนิดกัน การสํารวจแหลงท่ีอยูอาศัยและจํานวนชนิดของ
ปลา ทําใหเราประมาณไดวา ในโลกท่ีเราอาศยั อยนู ี้มปี ลานาํ้ จดื ประมาณ 41% แมว า นาํ้ จืดจะมีปริมาตรเพียง 1%
ของพ้นื ทีผ่ วิ โลก เหตผุ ลที่พอจะอธิบายไดก็คอื นํา้ จดื เปนแหลงน้ําเล็กๆ ที่มีกระจายอยูท่ัวไปในโลก ทําใหปลาแต
ละชนดิ ไดอ าศัยอยอู ยางอิสระและแยกตัวจากกัน ซึ่งจะมีผลตอวิวัฒนาการของปลา ทะเลก็เปนเสมือนปราการ
ก้ันการแพรก ระจายของปลาน้าํ จืด แตก ็มีปลาบางชนดิ ที่สามารถปรับตัวใหอ ยไู ดท ้งั ในสภาพน้ําจืด น้ํากรอย และ
นํ้าทะเล เรียกวา ปลาสองน้ํา ตัวอยางเชน ปลาแซลมอน ปลาแบส และปลาตูหนาซ่ึงชาวไทยเรียกวาปลาไหล
ทะเล แตช าวตา งประเทศเรียกวา Freshwater Eel ทงั้ น้กี เ็ พราะปลาชนดิ น้สี บื พนั ธุและวางไขในทะเล แตเม่ือโต
ข้ึนจะวายน้ําเขามาใชชีวิตในน้ําจืดประมาณ 97% ของน้ําในโลกเปนน้ําทะเล อีก 1% เปนน้ําจืด อีก 2% เปน
เอกสารประกอบการสอน วิชามีนวทิ ยา 5
ธารนํ้าแข็งและไอนา้ํ ในบรรยากาศ นา้ํ สวนมากเปน แหลง น้ําเปด ที่อยูภายใตค วามกดดัน ความแหงแลงและความ
อุดมสมบรู ณท่ีแตกตา งกัน มหาสมุทรมคี วามลกึ เฉล่ีย ประมาณ 4,000 เมตร แตเน้ือท่ีสวนใหญเกือบ 98% จะมี
ความลึกต่าํ กวา 100 เมตร ซงึ่ เปนความลกึ ท่ีสุดที่แสงสามารถสองลงไปในปริมาณที่เพียงพอแกการเจริญเติบโต
ของพชื ได ในระดบั นํา้ ทีล่ ึกกวา 1,000 เมตรลงไป จะมีแตแสงสีมวงเทานั้นท่ีสามารถสองลงไปถึงได แตในความ
ลกึ ระดับนี้กย็ งั พบวา มปี ลาอาศยั อยูถึง 2% เทา นนั้ แตใ นแหลง นา้ํ บรเิ วณทร่ี าบตามไหลทวีป ลาดทวีป ใกลชายฝง
จะพบปริมาณปลามากถงึ เกอื บ 44% ของปรมิ าณปลาทงั้ หมด เพราะบริเวณดังกลาวเปนแหลงที่มีอาหารและแร
ธาตุอุดมสมบูรณ มีการประมาณวาในแตละปปริมาณปลาท่ีจับไดจากมหาสมุทรทั่วโลกมีมากถึง 70 ลาน
เมตริกตัน สวนใหญเปน ปลาทห่ี ากินตามชายฝงในเขตอบอุน อกี ประมาณ 30% ของปรมิ าณปลาทั้งหมดเปนปลา
ทหี่ ากนิ ตามแนวปะการัง
ปจ จยั ทางนิเวศวิทยาทม่ี ีความสําคัญตอ การดํารงชพี และการแพรก ระจายของปลา
ปจจยั ทางนเิ วศนท่มี คี วามสําคัญตอการดํารงชวี ติ และการแพรกระจายของปลา ไดแ ก อุณหภูมขิ องนา้ํ
แสงสวาง ความเปนกรด เปน ดา งของนา้ํ อาหารทางธรรมชาติ มลพิษจากโรงงาน และชุมชน เปนตน