มุกดาหาร
หอแก้วสูงเสียดฟ้า ภูผาเทิบแก่งกะเบา แปดเผ่าชนพื้นเมือง ลือเลื่องมะขามหวาน กลองโบราณล้ำาเลิศ ถิ่นกำาเนิดลำาผญา ตระการตาชายโขง เชื่อมโยงอินโดจีน มุกดาหารมีประวัติความเป็นมาตั้งแต่ในปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา ทาง ฝั่งซ้ายของลำ น้ำ โขงแขวงสะหวันนะเขด มีชุมชนใหญ่ชื่อบ้านหลวงโพนสิน ตั้งอยู่ในบริเวณพระธาตุอิงฮัง แขวงสะหวันนะเขด สาธารณรัฐประชาธิปไตย ประชาชนลาว ในปัจจุบัน โดยมีเจ้าจันทรสุริยวงศ์ปกครอง มีบุตรชายชื่อเจ้า กินรี ต่อมาได้ข้ามลำ น้ำ โขงมาฝั่งขวาที่บริเวณปากห้วยมุก และสร้างเมือง ขึ้น ณ ที่นั้น ในปี พ.ศ. 2310 แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2313 และตั้งชื่อเมืองว่า “มุกดาหาร” อันเกิดจากศุภนิมิตที่พบเห็นในขณะที่กำ ลังสร้างเมือง ชาวเมือง ทั่วไปเรียกมุกดาหารว่า “เมืองมุก” ต่อมาในสมัยพระเจ้าตากสินมหาราช ได้พระราชทานบรรดาศักดิ์ ให้เจ้ากินรีเป็นพระยาจันทรศรีสุราช อุปราชามัณฑาตุราช ดำ รงตำ แหน่ง เจ้าเมืองคนแรกของเมืองมุกดาหาร เมื่อปี พ.ศ. 2321 เดิมเมืองมุกดาหาร มีฐานะเป็นเมืองขึ้นของมณฑลอุดร ต่อมาในปี พ.ศ. 2450 มีการปรับปรุง การปกครองมณฑลอุดรเป็นจังหวัด เมืองมุกดาหารจึงถูกยุบเป็นอำ เภอ เมืองมุกดาหาร ขึ้นการปกครองกับจังหวัดนครพนม จนกระทั่งปี พ.ศ. 2525 รัฐบาลได้ออกพระราชบัญญัติจัดตั้งจังหวัดมุกดาหารขึ้นเป็นจังหวัดที่ 73 ของประเทศไทย มุกดาหาร
แผนที่จังหวัดมุกดาหาร
อุทยานแห่งชาติภูผาเทิบ อ.เมืองมุกดาหาร จ.มุกดาหาร
มีเนื้อที่ 48.4 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่อำ เภอเมืองมุกดาหาร และอำ เภอดอนตาล ลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาหินทราย ประกอบด้วยเทือกเขา น้อยใหญ่หลายลูกติดต่อกันเป็นลูกคลื่น สลับกับหน้าผาสูงชันและลานหินกว้าง และเป็นส่วนปลายสุดของเทือกเขาภูพาน โดยมียอดเขาสูงที่สุดคือยอดภูจอมศรี มีความสูงประมาณ 170-420 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง สภาพป่าส่วนใหญ่ เป็นป่าเต็งรังและป่าเบญจพรรณ ในช่วงปลายฝนต้นหนาวบริเวณลานหินจะ เต็มไปด้วยดอกไม้ป่านานาชนิด สิ่งที่น่าสนใจในเขตอุทยานฯ ได้แก่ กลุ่มหินเทิบ อยู่ใกล้กับที่ทำ การอุทยานฯ เป็นประติมากรรมธรรมชาติ เกิดจากการกัดเซาะของน้ำ ฝน ลม และแสงแดด ผ่านกาลเวลา 95-120 ล้านปี อุทยานแห่งชาติภูผาเทิบ อ.เมืองมุกดาหาร จ.มุกดาหาร
ทำ ให้กลุ่มหินมีรูปร่างแตกต่างกันไป เช่น เก๋งจีน มงกุฎ จระเข้ หอยสังข์ ดอกเห็ด เป็นต้น ลานมุจลินท์ เป็นลานหินเรียบกว้างไกลต่อจากกลุ่มหินเทิบ มีป่าเต็งรัง แคระล้อมรอบ ช่วงปลายฝนต้นหนาวจะมีกลุ่มดอกหญ้าขนาดเล็กออกดอกบาน สะพรั่ง เช่น ดุสิตา สรัสจันทร สร้อยสุวรรณา ทิพเกสร มณีเทวา หยาดน้ำ ค้าง หนาวเดือนห้า เป็นต้น น้ำ ตกวังเดือนห้า เป็นน้ำ ตกขนาดเล็กที่มีความสวยงามท่ามกลางป่าเขียว ขจี มีน้ำ เฉพาะช่วงฤดูฝน ผาอูฐ หน้าผาแห่งนี้มีประติมากรรมหินรูปร่างคล้ายอูฐทะเลทราย และเป็นจุดชมวิวที่สวยงาม สามารถมองเห็นภูถ้ำ พระ ภูผักหวาน และผาขี้หมู เบื้องล่างเป็นหุบเขากว้างไกลและป่าไม้เขียวขจี ผางอย เป็นจุดชมวิวหน้าผาสูงชันมีกลุ่มโขดหินรูปร่างคล้ายเต่า เหมาะสำ หรับชมพระอาทิตย์ขึ้น
น้ำ ตกภูถ้ำ พระ เกิดจากสายน้ำ จากผืนป่าด้านบนไหลมารวมกัน และไหลลง สู่โขดหินเบื้องล่าง สามารถเล่นน้ำ ได้เฉพาะฤดูฝน ด้านบนของน้ำ ตกมีเพิงหิน ขนาดใหญ่ มีพระพุทธรูปแกะสลักด้วยไม้อายุนับร้อยปี ผามะนาว เป็นหน้าผาเรียบสูงชัน ในฤดูฝนจะมีน้ำ ตกไหลท่ามกลางผืนป่า ที่สมบูรณ์ ยืนบนหน้าผาสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของกลุ่มหินเทิบและแม่น้ำ โขง ได้กว้างไกล ผาไทร เป็นจุดชมวิวด้านทิศใต้ มองเห็นทิวทัศน์ได้กว้างไกล รวมทั้ง แม่น้ำ โขง พรมแดนธรรมชาติระหว่างไทยและลาว ถ้ำ ลอด ลักษณะเป็นเพิงหินแคบ คล้ายหินพิงกัน ตรงกลางเป็นช่องว่าง แคบ ๆ สามารถเดินผ่านได้ ถ้ำ ฝ่ามือแดง เป็นเพิงหินกว้าง บริเวณผนังถ้ำ มีรูปรอยฝ่ามือสีแดงและ รูปอื่น ๆ อายุประมาณ 3,000 ปี โดยต้องเดินขึ้นเขาในเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ระยะทาง 1.8 กิโลเมตร เพื่อไปชมถ้ำ ค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานฯ ชาวไทย ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท บริเวณที่ทำ การอุทยานฯ มีศูนย์บริการนักท่องเที่ยว บ้านพัก ลานกางเต็นท์ อุปกรณ์กางเต็นท์ ห้องน้ำ และร้านค้าสวัสดิการให้บริการ สอบถามข้อมูล โทร. 0 4531 1677 ต่อ 701 กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กรุงเทพฯ โทร. 0 2562 0760 www.dnp.go.th
พญาศรีมุกดามหามุนีนีลปาล นาคราช อ.เมืองมุกดาหาร จ.มุกดาหาร
ตั้งอยู่ในตำ บลนาสีนวน ภายในวัดรอยพระพุทธบาทภูมโนรมย์ เป็นรูปปั้น องค์พญานาคที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เปรียบเสมือนพญานาคฟ้า ซึ่งเป็นหนึ่งในสามองค์พญานาคที่มีความสำ คัญของจังหวัดมุกดาหาร ที่สร้าง ขึ้นตามความเชื่อของผู้คนที่อาศัยอยู่ในแถบลุ่มแม่น้ำ โขง ตั้งอยู่ในบริเวณ ลานหินด้านซ้ายของทางขึ้นไปสักการะพระเจ้าใหญ่แก้วมุกดาศรีไตรรัตน์ สร้างขึ้นเพื่อให้มาถวายการอภิบาลรักษาองค์พระเจ้าใหญ่แก้วมุกดาศรีไตรรัตน์ และเพื่อเป็นที่เคารพสักการะของประชาชนทั่วไป ลักษณะขององค์พญานาคจะนอนขดตัวไปมา และชูลำ คอสูงสง่า หันหน้าไปทางแม่น้ำ โขงเบื้องล่าง ลำ ตัวมีความยาว 122 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลาง ลำ ตัว 1.5 เมตร ลำ คอสูง 20 เมตร เกล็ดสีเขียวอมฟ้า ดูงดงามและน่าเกรงขาม พญาศรีมุกดามหามุนีนีลปาลนาคราช อ.เมืองมุกดาหาร จ.มุกดาหาร
พญาอนันตนาคราช อ.เมืองมุกดาหาร จ.มุกดาหาร
ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ โขง บริเวณจุดชมวิวสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 2 โดยมีความเชื่อกันว่าบริเวณสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งนี้คือปากถ้ำ สู่เมือง บาดาล และตามตำ นานพญานาคอนันตนาคราชถือเป็นราชาแห่งพญานาค ทั้งปวงและเป็นเจ้าแห่งท้องสมุทร ทางจังหวัดมุกดาหารจึงได้จัดสร้างรูปปั้น พญานาคอนันตนาคราชแห่งนี้ขึ้น โดยมีลักษณะเป็นองค์พญานาคเลื้อยพัน รอบเสาสีทองที่มีความสูงเหนือสะพานมิตรภาพ ช่วงลำ ตัวองค์พญานาคมี เกล็ดสีดำ ตัดกับแผงสีทอง หันพระเศียรไปทางแม่น้ำ โขง โดยองค์พญานาค อนันตนาคราชนี้เปรียบเสมือนพญานาคน้ำ ซึ่งเป็นหนึ่งในสามองค์พญานาค แห่งมุกดาหาร พญาอนันตนาคราช อ.เมืองมุกดาหาร จ.มุกดาหาร
หอแก้วมุกดาหารเฉลิมพระเกียรติ อ.เมืองมุกดาหาร จ.มุกดาหาร
ตั้งอยู่ในตำ บลศรีบุญเรือง มีลักษณะเป็นหอสูง 65.5 เมตร ภายในจัด แสดงและเก็บรวบรวมประวัติศาสตร์เมืองมุกดาหารในอดีตและวัตถุโบราณ ล้ำ ค่า ตลอดจนเครื่องแต่งกายชาวไทยมุกดาหาร 8 เผ่า ด้านบนยอดประดับ ด้วยลูกแก้ว ซึ่งอยู่สูงจากจุดชมวิวราว 15 เมตร เป็นลักษณะของแก้วมุกดาหาร ที่เป็นหนึ่งในนพรัตน์เก้าประการในตำ นานของไทย ภายในลูกแก้วมุกดาหาร เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปเนื้อเงินแท้บริสุทธิ์ผสมทองคำ หน้าตักกว้าง 20 นิ้ว ชื่อ “พระพุทธนวมิ่งมงคลมุกดาหาร” และพระประจำ วันเกิดทั้ง 7 วัน นอกจากนี้ โดยรอบชั้นที่ 6 ของหอแก้วยังเป็นจุดชมวิวที่มองเห็นทัศนียภาพ ตัวเมืองมุกดาหาร แม่น้ำ โขงและแขวงสะหวันนะเขด สาธารณรัฐประชาธิปไตย ประชาชนลาว รวมทั้งสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 2 ได้อย่างชัดเจน หอแก้วมุกดาหารเฉลิมพระเกียรติ อ.เมืองมุกดาหาร จ.มุกดาหาร เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 08.00-18.00 น. อัตราค่าเข้าชม ชาวไทย ผู้ใหญ่ 30 บาท เด็ก 10 บาท และชาวต่างชาติ 50 บาท พระภิกษุ ผู้พิการ และผู้สูงอายุ 60 ปี ขึ้นไป ไม่เสียค่าเข้าชม สอบถามข้อมูล โทร. 0 4263 3211
จุดชมวิวสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 2 อ.เมืองมุกดาหาร จ.มุกดาหาร
ตั้งอยู่ที่บ้านสงเปือย ถนนชยางกูร (ทางหลวงหมายเลข 212) ตำ บล บางทรายใหญ่ ห่างจากตัวเมืองมุกดาหารไปทางทิศเหนือ 7 กิโลเมตร เป็น จุดชมวิวที่อยู่ใกล้กับสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 2 (มุกดาหาร-สะหวันนะเขด) ซึ่งเป็นแนวทางเดินเลียบแม่น้ำ โขงที่ได้รับการปรับภูมิทัศน์ให้เป็นจุดชมวิวที่ เป็นระเบียบสวยงาม มีเสาไฟส่องสว่างเป็นระยะ ซึ่งสามารถเดินเล่นหรือนั่งชม ทัศนียภาพของสะพานมิตรภาพและแม่น้ำ โขงได้ และมีบันไดสำ หรับขึ้นลง ริมฝั่งแม่น้ำ โดยในช่วงเย็นจะมีแผงขายของกินและของฝากหลายร้าน จัดเป็น ถนนคนเดินขนาดย่อม สะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งนี้เป็นสะพานที่เชื่อมระหว่างฝั่งอำ เภอ เมืองมุกดาหารของไทยกับแขวงสะหวันนะเขด สาธารณรัฐประชาธิปไตย ประชาชนลาว เป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางพัฒนาเศรษฐกิจลุ่มน้ำ โขง ซึ่งเริ่มจาก ประเทศพม่า ผ่านไทย ลาว และสิ้นสุดที่เวียดนาม (East West Economic Corridor: EWEC) เริ่มก่อสร้างสะพานเมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2546 และมีพิธี เปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2549 สะพานมีความยาว 1.6 กิโลเมตร มีความกว้าง 12 เมตร จุดชมวิวสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 2 อ.เมืองมุกดาหาร จ.มุกดาหาร
วัดศรีมงคลใต้ อ.เมืองมุกดาหาร จ.มุกดาหาร
ตั้งอยู่ริมถนนสำ ราญชายโขง ริมแม่น้ำ โขง อยู่ตรงข้ามท่าเทียบเรือ ท่าข้ามเทศบาลเมืองมุกดาหารและด่านตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดมุกดาหาร ภายในพระอุโบสถประดิษฐาน “พระเจ้าองค์หลวง” พระพุทธรูปก่ออิฐถือปูน มีขนาดหน้าตักกว้าง 2.2 เมตร ส่วนสูงเฉพาะองค์ถึงยอดพระเมาลี 2 เมตร เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมือง สร้างขึ้นก่อนตั้งเมืองมุกดาหาร แต่ไม่ปรากฏ หลักฐานว่าสร้างในสมัยใด ตามตำ นานเล่าว่าเมื่อปี พ.ศ. 2310 ขณะที่เจ้า กินรีคุมบ่าวไพร่ถางพงอยู่ใกล้ต้นตาลเจ็ดยอด เมื่อครั้งสร้างเมืองใหม่นั้น ได้พบพระพุทธรูปสององค์ องค์ใหญ่เป็นพระพุทธรูปก่ออิฐถือปูน องค์เล็ก เป็นพระพุทธรูปเหล็กอยู่ใต้ต้นโพ เจ้ากินรีจึงสร้างวัดขึ้นในบริเวณนั้น เพื่อ ประดิษฐานพระพุทธรูปทั้งสององค์ วันหนึ่งเมื่อพระภิกษุประจำ วัดเข้าไป สักการะ ปรากฏว่าไม่พบพระพุทธรูปเหล็ก เมื่อค้นดูรอบบริเวณวัด พบว่า พระพุทธรูปเหล็กไปประดิษฐานอยู่ใต้ต้นโพตามเดิม และจมลงในดิน พ้นขึ้น มาเพียงยอดพระเมาลี เป็นที่น่าอัศจรรย์ เจ้ากินรีจึงสร้างแท่นสักการบูชาไว้ ณ ที่นั้น และถวายนามว่า “พระหลุบเหล็ก” ส่วนพระพุทธรูปองค์ใหญ่ ประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถ เรียกนามว่า “พระเจ้าองค์หลวง” เป็นพระพุทธรูป คู่บ้านคู่เมืองมุกดาหารนับแต่นั้นมา วัดศรีมงคลใต้ อ.เมืองมุกดาหาร จ.มุกดาหาร
อุทยานแห่งชาติภูสระดอกบัว อ.ดอนตาล จ.มุกดาหาร
มีพื้นที่ประมาณ 321 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมแนวรอยต่อ 3 จังหวัด คือ อำ เภอนิคมคำ สร้อย อำ เภอดอนตาล จังหวัดมุกดาหาร อำ เภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธร และอำ เภอชานุมาน อำ เภอเสนางคนิคม จังหวัดอำ นาจเจริญ สภาพภูมิประเทศโดยทั่วไปเป็นเทือกเขาสลับซับซ้อน มียอดสูงที่สุดคือภู กระแซะ สูงประมาณ 491 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง ส่วนใหญ่เป็นป่า เบญจพรรณและป่าดิบแล้ง สิ่งที่น่าสนใจในเขตอุทยานฯ ได้แก่ ภูผาแต้ม หน้าผาที่เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นในยามเช้า มองเห็น ทัศนียภาพที่สวยงามโดยรอบ และมีรูปรอยฝ่ามือและภาพเขียนสีโบราณสมัย ก่อนประวัติศาสตร์ อายุประมาณ 3,000 ปี สันนิษฐานว่าเป็นยุคเดียวกับภาพ เขียนสีที่อุทยานแห่งชาติผาแต้ม จังหวัดอุบลราชธานี โดยภาพเขียนสีปรากฏ อยู่บนหน้าผาหินซึ่งอยู่สูงจากพื้นถ้ำ ประมาณ 3-5 เมตร เป็นภาพมือและภาพ สัญลักษณ์ต่าง ๆ รวม 98 ภาพ อ่างเก็บน้ำ ห้วยหินข้อ เป็นอ่างเก็บน้ำ ขนาดเล็ก ตั้งอยู่ในบริเวณ ที่ทำ การอุทยานฯ เหมาะแก่การพักผ่อน มีบริการบ้านพัก พื้นที่กางเต็นท์ และ สิ่งอำ นวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวที่ต้องการพักแรมโดยรอบอ่างเก็บน้ำ ลานดอกไม้บนภูวัด ลักษณะเป็นลานหิน มีดอกไม้ป่าขึ้นแซมอยู่ทั่ว บริเวณ เช่น ดอกเอนอ้า ดอกกระดุมเงิน และดอกดุสิตา โดยดอกไม้ป่าจะผลิ บานในช่วงปลายฤดูฝน ต้นฤดูหนาว อุทยานแห่งชาติภูสระดอกบัว อ.ดอนตาล จ.มุกดาหาร
ภูผาหอม มีความสูง 386 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง ต้องเดินเท้า จากบ้านภูผาหอมไปทางทิศตะวันตก 4 กิโลเมตร เป็นจุดชมทิวทัศน์และ พระอาทิตย์ตกที่สวยงาม ภูสระดอกบัว เป็นภูเขาที่มีความสูงประมาณ 423 เมตร บนยอดภู มีแอ่งหินขนาดกว้างประมาณ 2-3 เมตร จำ นวน 11 แอ่ง มีน้ำ ขังตลอดปี มีบัวสายพันธุ์ขนาดเล็ก สีขาวอมชมพูขึ้นอยู่เต็มสระ เมื่อออกดอกดูสวยงามมาก ชาวบ้านเล่ากันว่ามีบัวขึ้นอยู่เช่นนี้เป็นเวลานานแล้ว และเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ จึงได้ชื่อว่า “ภูสระดอกบัว” ใช้เวลาเดินทางค่อนข้างไกล ประมาณ 1 วัน นอกจากนี้ยังมีอ่างเก็บน้ำ ห้วยหินข้อ ผามะเกลือ ลานดอกไม้บนภูวัด ภูผาหอม และภูผาแตก ให้เที่ยวชม ภูไม้ซาง จากบ้านโคกขามเลียนต้องใช้รถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อเดินทาง ขึ้นไปสู่ยอดภู ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ด้านทิศตะวันตกบริเวณผาลับฟ้า สามารถชมพระอาทิตย์ตกและทิวทัศน์ระยะไกลได้ สามารถมองเห็นภูแผงม้า ภูหมู ค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานฯ ชาวไทย ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท บริเวณที่ทำ การอุทยานฯ มีศูนย์บริการนักท่องเที่ยว บ้านพัก ลานกางเต็นท์ และห้องน้ำ ให้บริการ สอบถามข้อมูล โทร. 0 4261 9077, 0 4267 6742, 08 9032 5369 www.dnp.go.th
ชุมชนท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม บ้านภู อ.หนองสูง จ.มุกดาหาร
อยู่ในตำ บลบ้านเป้า เป็นหมู่บ้านที่ห้อมล้อมไปด้วยภูเขาและธรรมชาติ และยังเป็นหมู่บ้านชาวภูไทที่ยังคงไว้ซึ่งขนบธรรมเนียมและวัฒนธรรม ประเพณี ในหมู่บ้านมีที่พักแบบโฮมสเตย์รองรับนักท่องเที่ยว และยังมี กิจกรรมท่องเที่ยวที่สามารถเรียนรู้วิถีชีวิต ประเพณี และขนบธรรมเนียม ของชาวบ้าน ทั้งทางด้านภาษา การละเล่นพื้นบ้าน และการแต่งกายด้วยการนุ่ง ซิ่นทิว ใส่เสื้อเย็บมือย้อมครามแถบชายขอบสีแดง ห่มผ้าสไบพาดไหล่ซ้าย ชาวบ้านภูยังคงรักษาจารีตประเพณีไว้อย่างสมบูรณ์ เช่น ตักบาตรยามเช้า เรียนรู้ขั้นตอนการทำ ผ้าฝ้ายทอมือ ซึ่งผ้าฝ้ายพื้นเมืองของที่นี่เป็นสินค้าพื้นเมือง ที่มีคุณภาพ และยังมีการสาธิตและให้ลองเกี่ยวข้าว การทำ นาแบบดั้งเดิม ชมการแกะสลักไม้ จักสานไม้ไผ่ การแห่กลองตุ้ม บายศรีสู่ขวัญ เป็นต้น ชุมชนท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมบ้านภู อ.หนองสูง จ.มุกดาหาร นักท่องเที่ยวที่สนใจพักค้างคืนแบบโฮมสเตย์ ทำ กิจกรรมและศึกษาดูงาน สอบถามข้อมูลล่วงหน้าก่อนเดินทางได้ที่หมู่บ้านโฮมสเตย์บ้านภู โทร. 08 1047 4218
พญาศรีภุชงค์มุกดานาคราช อ.หว้านใหญ่ จ.มุกดาหาร
ตั้งอยู่ในตำ บลป่งขาม เป็นประติมากรรมพญานาคที่มีเกล็ดหินอ่อน สีขาวหมอก เป็นองค์พญานาคที่ประดับหินอ่อนขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีความสูง 11.11 เมตร ยาว 51.40 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลางตลอดลำ ตัว 1.50 เมตร โดดเด่นสวยงามอยู่ในบริเวณสวนสาธารณะแก่งกะเบา ชื่อขององค์พญาศรีภุชงค์มุกดานาคราช หมายถึงพญานาคผู้นำ ความ เป็นสิริมงคลและความรุ่งโรจน์มาสู่จังหวัดมุกดาหาร องค์พญานาคนี้เปรียบ เสมือนพญานาคดิน ซึ่งเป็นหนึ่งในสามขององค์พญานาคแห่งมุกดาหาร เชื่อกันว่าผู้ใดที่มาสักการะองค์พญานาคและลอดท้องพญานาคจะมีความสุข สมหวังดั่งคำ อธิษฐาน โดยบริเวณท้องพญานาคมีลักษณะโค้งเป็นซุ้มประตู ซึ่งมีอยู่ด้วยกันสามซุ้ม โดยซุ้มแรก หมายถึงการมีสุขภาพแข็งแรง ซุ้มที่สอง บริเวณใต้ท้ององค์พญานาค หมายถึงความร่ำ รวย และซุ้มที่สาม หมายถึง ความสำ เร็จสัมฤทธิ์ผล พญาศรีภุชงค์มุกดานาคราช อ.หว้านใหญ่ จ.มุกดาหาร
โบสถ์คริสต์วัดสองคอน อ.หว้านใหญ่ จ.มุกดาหาร
ตั้งอยู่ที่บ้านสองคอน ตำ บลป่งขาม เป็นโบสถ์คริสต์นิกายโรมันคาทอลิก ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ โขง สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานระลึกถึงบุญราศีมรณสักขี ทั้ง 7 ท่าน ที่ได้พลีชีพเพื่อยืนยันความเชื่อในองค์พระผู้เป็นเจ้า เมื่อครั้ง เกิดกรณีพิพาทระหว่างไทยกับฝรั่งเศสในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 รูปแบบ อาคารเป็นสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ เคยได้รับรางวัลสถาปัตยกรรมดีเด่นจาก สมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ เมื่อปี พ.ศ. 2539 คณะกรรมการ บุญราศีจะจัดงานเฉลิมฉลองบุญราศีขึ้น 2 ครั้ง คือ ในวันที่ 22 ตุลาคม และวันที่ 16 ธันวาคม ของทุกปี โบสถ์คริสต์วัดสองคอน อ.หว้านใหญ่ จ.มุกดาหาร วัดบ้านสองคอนเปิดให้เข้าชมและสักการะได้ทุกวัน เวลา 09.00-12.00 น. และ 13.00-17.00 น. ไม่เสียค่าเข้าชม ผู้เข้าชมควรสำ รวมกิริยาและแต่งกาย ให้สุภาพ คริสตชนสามารถร่วมพิธีบูชามิสซาได้ทุกวันอาทิตย์ เวลา 07.00 น.
วัดพระศรีมหาโพธิ์ อ.หว้านใหญ่ จ.มุกดาหาร
ตั้งอยู่ที่บ้านหว้านใหญ่ ตำ บลหว้านใหญ่ บริเวณริมแม่น้ำ โขง ภายในวัด มีโบราณสถานที่น่าสนใจ คือสิม (พระอุโบสถ) เก่าแก่ สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2459 โดยช่างชาวเวียดนาม ภายในมีจิตรกรรมฝาผนังอันวิจิตรงดงามเรื่องพระ เวสสันดรชาดก และภาพเหตุการณ์ที่สมเด็จกรมพระยาดำ รงราชานุภาพ ประทับอยู่บนเกวียนเมื่อครั้งเสด็จตรวจหัวเมืองในมณฑลอีสาน นอกจากนี้ ภายในวัดยังมีอาคารทรงยุโรปอายุเก่าแก่ เคยใช้เป็นที่ทำ การกิ่งอำ เภอหว้านใหญ่ ในอดีตเมื่อเกือบร้อยปีมาแล้ว โดยกรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียน เป็นโบราณสถานไว้แล้ว วัดพระศรีมหาโพธิ์ อ.หว้านใหญ่ จ.มุกดาหาร
วัดป่าวิเวกวัฒนาราม อ.คำ ชะอี จ.มุกดาหาร
ตั้งอยู่ที่บ้านห้วยทราย ตำ บลคำ ชะอี มีอีกชื่อว่าวัดหลวงปู่จาม หลวงปู่จาม มหาปุญโญ เป็นหนึ่งในอาจาริยาจารย์ที่ถือเคร่งในพระธรรมวินัย มั่นคงใน พระปรมัตถ์วิปัสสนากรรมฐาน ดำ เนินชีวิตในมรรคธรรม ท่านมรณภาพเมื่อ วันที่ 19 มกราคม 2556 รวมอายุ 104 ปี ภายในวัดมีส่วนจัดแสดงอัตประวัติและหลักธรรมคำ สอนของท่าน ท่ามกลางบรรยากาศร่มรื่น นอกจากนั้น ลักษณะเด่นของวัดอีกอย่างหนึ่ง คือเจดีย์บู่ทองกิตติ เป็นเจดีย์ลักษณะห้ายอด ตั้งอยู่บนฐานกว้าง 13 เมตร ยาว 13 เมตร ความสูงจากพื้นถึงยอดเจดีย์ 45 เมตร เป็นศิลปะประยุกต์ สร้าง ขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2530 เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระอรหันตสาวก เช่น พระสีวลี พระอุปคุต พระองคุลีมาล เป็นต้น ในวัน มาฆบูชาและวันวิสาขบูชาของทุกปี จะมีพิธีสรงน้ำ อย่างยิ่งใหญ่ วัดป่าวิเวกวัฒนาราม อ.คำ ชะอี จ.มุกดาหาร
ศูนย์บริการข่าวสารท่องเที่ยว ททท. การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำานักงานใหญ่ 1600 ถนนเพชรบุรี แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400 โทร. 1672, 0 2250 5500 โทรสาร 0 2253 7440 www.tourismthailand.org อีเมล : [email protected] เปิดบริการทุกวัน เวลา 08.30-16.30 น. ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาเข้าในประเทศ ชั้น 2 ประตู 3 โทร. 0 2134 0040 เปิดบริการทุกวัน 24 ชั่วโมง ท่าอากาศยานดอนเมือง อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ (อาคาร 1) ชั้น 1 ประตู 2 โทร. 0 2504 4301 เปิดบริการทุกวัน 24 ชั่วโมง ททท. สำานักงานนครพนม 184/1 ถนนสุนทรวิจิตร ตำ บลในเมือง อำ เภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม 48000 โทร. 0 4251 3490-1 โทรสาร 0 4251 3492 อีเมล : [email protected] พื้นที่ความรับผิดชอบ : นครพนม สกลนคร มุกดาหาร