4. กาพย์ฉบงั 16
❖ บาทหน่ึงมี 3 วรรค วรรคแรกและวรรคที่ 3 มี 6 คา ส่วนวรรค
ท่ี 2 มี 4 คา และสัมผสั ตามแผนผงั ขา้ งลา้ งน้ี จานวนคาในแต่
ละวรรคอาจจะไม่เคร่งครัดตามแผนผงั มากนกั
(ธวชั ปุณโณทก, 2543, น.39)
ที่มา:
http://thnthai227722.blogspot.com/2014/02/16.html
5. กลอนบทละคร (นอก)
❖ มีฉันทลักษณ์เหมือนกลอนบทละครทั่วไป ต่างแต่ว่าไม่
เคร่งครัดตามแบบแผนมากนกั และยงั ใชค้ าศพั ทส์ ามญั
มาถึง ทบั นอ้ ยลูกยาเขาทาไว้
ใหห้ ยดุ วอทองอนั ผอ่ งใส ร้องเรียกเขา้ ไปมิไดช้ า้ ฯ เจรจา
นางรจนาไฉยา
เม่ือน้นั กลั ยาออกมารับทนั ทีฯ เพลง
แลเห็นสมเดจ็ พระมารดา ประนมกม้ เกลา้ ดุษฎี
เจา้ พาจรลีเขา้ มาฯ เสมอ
ถึงเขา้
กุมกรพระชนนี
(บทละครนอกเร่ืองสงั ขท์ องตอนตีคลี ฉบบั กรุงเก่า) (ธวชั ปุณโณทก, 2543, น.40)
6. กลอนนิทาน
❖ ประพนั ธ์เป็ นกลอนสุภาพ หรือกลอนแปด หรือกลอนตลาด
จานวนมาก
❖ มีแผนผงั ตามตามรูปแบบกลอนสุภาพ ประพนั ธ์ให้สัมผัส
เช่ือมโยงจนจบเร่ือง และจบทา้ ยวา่ “เอย”
(ธวชั ปณุ โณทก, 2543, น.40)
7. กลอนแหล่
❖ เป็ นฉันทลกั ษณ์ของวรรณกรรมทอ้ งถ่ินภาคกลางประเภท
หน่ึง แต่ไม่นิยมบนั ทึกเป็นวรรณกรรมลายลกั ษณ์
❖ ในสมยั อดีตชาวบา้ นจะไม่นิยมขบั ลาแหล่เทศน์ เพราะเห็นว่า
เป็นเร่ืองของพระภิกษทุ ี่ใชแ้ หล่ประกอบกณั ฑเ์ ทศน์
❖ ทานองการแหล่ หรือแหล่เทศน์ไม่ต่างไปจากการขบั ลา หรือ
ขบั ร้อง อนุญาตใหพ้ ระภิกษุขบั ลาไดโ้ ดยไม่ถือวา่ ผดิ พระวนิ ยั
(ธวชั ปุณโณทก, 2543, น.41)
7. กลอนแหล่ (ต่อ)
❖ บทหน่ึงมี 4 วรรคเหมือนกลอนสุภาพ วรรคหน่ึงมี 5-10 คา
ส่วนใหญ่นิยม 6-8 คา หากมีคาจานวนมาก ผูแ้ หล่ตอ้ งรวบคา
หากคานอ้ ยผแู้ หล่ตอ้ งเอ้ือนเสียงใหย้ าวเพือ่ เพิ่มจานวนคา
❖ ผงั การสัมผสั คลา้ ยกลอนสุภาพ เพียงแต่วรรคหน่ึงจะแบ่งการ
อ่านหรือขบั ลาเป็น 2 ตอน
(ธวชั ปุณโณทก, 2543, น.41)
นางนกไดฟ้ ังต้งั สัตยา วา่ เทพเทวาทุกเขาหลวง
ขอวนั ทาลาล่วง เพราะไดเ้ สียท่วงเสียที
นางแจง้ เหตุน้าเนตรนอง ผาดผยองเขา้ กองอคั คี
ฝ่ ายพระยาสกณุ ี เห็นเมียสิ้นชีวกี โ็ ศกา
(ตอนจบแหล่นกกระจาบ)
รายการอ้างองิ
ธวชั ปุณโณทก. 2543. ตำรำวิชำวิเครำะห์วรรณกรรมท้องถ่ินเชิง
เปรี ยบเทียบ (FL479). ภาควิชาภาษาไทยและภาษา
ตะวนั ออก คณะมนุษยศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั รามคาแหง.