The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รายละเอียดเนื้อหาเป็นส่วนหนึ่งในการจัดทำโครงงานกลุ่มสาระการเรียนการงานอาชีพ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by konrakaoun14, 2022-06-04 14:01:09

โครงงานกลุ่มสาระการเรียนรูการงานอาชีพ เรื่อง "สวนเกษตรพอเพียง สร้างรายด้"

รายละเอียดเนื้อหาเป็นส่วนหนึ่งในการจัดทำโครงงานกลุ่มสาระการเรียนการงานอาชีพ

โครงงานกลุ่มสาระการเรยี นรู้การงานอาชีพ
เร่อื ง สวนเกษตรพอเพยี งสร้างรายได้

โดย
1. เดก็ ชายกฤษฎา แจ่มแจ้ง
2. เด็กหญงิ ณัฏฐณชิ า แซล่ ้ิม
3. เด็กหญงิ ณชิ านันท์ เทศอา่
โรงเรียนเทศบาลวดั ช่องลม (เปย่ี มวิทยาคม)
สงั กัดเทศบาลนครสมทุ รสาคร จงั หวดั สมทุ รสาคร
โครงงานกลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชพี ระดับชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ ๔ – 6

โครงงานกลุ่มสาระการเรยี นรูก้ ารงานอาชพี
เร่อื ง สวนเกษตรพอเพียงสร้างรายได้

โดย
1. เดก็ ชายกฤษฎา แจม่ แจง้
2. เดก็ หญงิ ณฏั ฐณิชา แซล่ ้ิม
3. เด็กหญงิ ณชิ านันท์ เทศอา่

คณุ ครทู ป่ี รกึ ษา ๑. นางสาวสธุ าสินีย์ คุม้ ยงค์
คุณครูที่ปรึกษา 2. นางสาวนยั นา นาอุดม



โครงงานกล่มุ สาระการเรยี นรู้การงานอาชีพ ระดบั ชน้ั ประถมศึกษาตอนปลาย
ชื่อเรอื่ ง สวนเกษตรพอเพยี งสรา้ งรายได้
ช่อื ผู้จัดทา ๑. เด็กชายกฤษฎา แจ่มแจ้ง

๒. เด็กหญิงณัฏฐณชิ า แซ่ล้มิ
๓. เด็กหญงิ ณิชานนั ท์ เทศอ่า

ช่ือคณุ ครูท่ปี รกึ ษา ๑. นางสาวสธุ าสินีย์ คมุ้ ยงค์
๒. นางสาวนัยนา นาอดุ ม

โรงเรียนเทศบาลวัดช่องลม (เป่ียมวิทยาคม) สังกัดเทศบาลนครสมุทรสาคร อาเภอเมืองสมุทรสาคร
จงั หวดั สมุทรสาคร ๗๔๐๐๐ โทรศพั ท์ ๐๓๔ – ๔๙๗๒๐๗ โทรสาร ๐๓๔ – ๔๙๗๒๐๗

บทคัดย่อ

โครงงานกลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ เร่ือง สวนเกษตรพอเพียงสร้างรายได้ มีจุดมุ่งหมาย
เพ่ือศึกษาเก่ียวกับพืชผักจากสวนเกษตรที่คณะครู และนักเรียนได้รว่ มกันปลูกภายในโรงเรียน ซึ่งจะสามารถ
นามาใช้ในชีวิตประจาวันและสอดคล้องกับแนวพระราดารัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยคณะ
ผจู้ ัดทาได้ศึกษาค้นคว้าข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตและลงมือทาสวนเกษตร โดยปลกู พชื ผกั หลากหลายชนิด
ท่สี ามารถนามาบริโภค ประกอบอาหาร หรือแปรรปู เพอื่ เกบ็ ไว้รับประทานได้นานหลายวัน อาทิเช่น
ว่านหางจระเข้ เตยหอม มะระข้ีนก ชะอม มะกรูด ต้นขจร ผักชีฝร่ัง ดอกอัญชัน เป็นต้น หากกล่าวถึง
พืชผักต่าง ๆ ที่นามาบริโภคแล้ว ยังมีคุณประโยชน์มากมายต่อสุขภาพร่างกาย คณะผู้จัดทาจึงมี
แนวความคิดจัดทาขึ้นเป็นโครงงาน โดยเลือกนาวา่ นหางจระเข้ และใบเตยหอมมาแปรรูปได้ ดังน้ี น้าเตยหอม
ผสมว่านหางจระเข้ วุ้นกรอบว่านหางจระเข้ และกระดาษทามือผสมใบเตยหอม โครงงานนี้สามารถ
นาไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจาวัน อีกทั้งยังสร้างรายได้ให้กับตนเองและครอบครัว ทั้งในปัจจุบันและ
อนาคตได้

จากการศึกษาการทาโครงงานในครั้งนี้ ส่งเสริมให้ผู้เรียนมีความรู้ ความเข้าใจเก่ียวกับลักษณะ
ประโยชน์ของพืชผกั จากสวนเกษตร โดยนาวา่ นหางจระเข้ และเตยหอมมาแปรรูป ผู้เรียนเกิดความคิด
สร้างสรรค์ทางานเป็นกลุ่ม มีความสนใจในการเรียนวิชาการงานอาชีพ รู้จักนาหลักการในการถนอม
อาหารมาใช้ ทาให้รู้จักใช้พืชผักจากสวนเกษตรภายในโรงเรียนหรือในท้องถิ่นให้เกิดประโยชน์และมี
คณุ คา่ ตอ่ ไป



คำนำ

โครงงานเรือ่ ง สวนเกษตรพอเพียงสร้างรายได้เป็นสว่ นหนงึ่ ของกลุ่มสาระการเรยี นรู้การงานอาชีพ
จัดทาข้ึนเพ่ือส่งเสริมการแปรรูปพืชผักจากสวนเกษตร โดยการนาว่านหางจระเข้ และเตยหอม ซ่ึงถือว่า
เป็นพืชผักจากสวนเกษตรท่ีมีอยู่ในโรงเรียนหรือในท้องถ่ิน มาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ โดยเลือกนาว่าน
หางจระเข้ และใบเตยหอมมาแปรรปู ได้ ดงั นี้ นา้ เตยหอมผสมวา่ นหางจระเข้ วุ้นกรอบวา่ นหางจระเข้
และกระดาษทามือผสมใบเตยหอม โดยใช้หลักการในการถนอมอาหารแบบง่าย ๆ เพื่อเพิ่มความแปลกใหม่
และยังมีคุณประโยชน์ทางโภชนาการอีกด้วย

คณะผู้จัดทาหวังเป็นอย่างยิ่งว่า โครงงานเล่มน้ีจะเป็นประโยชน์ สามารถนาไปประยุกต์ใช้
ได้อย่างถูกวิธี หากมีข้อผิดพลาดประการใดคณะผู้จัดทาขอน้อมรับและพร้อมจะนาไปปรับปรุงแก้ไข
ในครัง้ ต่อไป

คณะผู้จัดทำ



กติ ติกรรมประกำศ

จากการทาโครงงานเรื่อง สวนเกษตรพอเพียงสร้างรายได้ ด้วยความอนุเคราะห์และช่วยเหลือ
ของบุคคลหลายท่าน ซึ่งไมอ่ าจจะนามากล่าวได้ทง้ั หมด ขอบกราบขอบพระคุณเป็นอย่างสงู ไว้ ณ โอกาสนี้

ขอกราบขอบพระคุณ ผู้อานวยการสถานศึกษาและรองผู้อานวยการสถานศึกษาท่ีได้ส่งเสริม
และพัฒนาแหล่งเรียนรู้ในโรงเรียนที่เอ้ือต่อการศึกษา จนทาให้ได้ว่านหางจระเข้ และใบเตยหอมมาใช้ใน
การแปรรูป อีกทั้งยังช่วยในการสืบค้นข้อมูล แลกเปลี่ยนความรู้ ความคิด พร้อมท้ังเทคนิคการนาเสนอ
และใหก้ าลังใจในการศึกษาคน้ คว้าตลอดมา จนโครงงานเรอื่ งนีส้ าเรจ็ อย่างสมบรู ณ์

คณะผจู้ ัดทำ



สารบัญ

หนา้
บทคัดยอ่ …………………………….……………………………………………….……..……………………………..…… ก
คานา……………………………………………………………………………………………………………………………… ข
กิตตกิ รรมประกาศ………………………………………………………….……………………………………………….. ค
สารบญั ………………………………………………………………………………………………………………...………… ง
สารบญั ตาราง…………………………………………………………………………………………………………………. ฉ
บทที่ 1 บทนา…………………………………………………………………………………………………….…..………. 1

ที่มาและความสาคัญ......................................................................................................... 1
วตั ถุประสงค์...................................................................................................................... ๑
ขอบเขตของการศกึ ษาคน้ คว้า……………………………………………….……..….……….…………… 2
นิยามศพั ท์เฉพาะ.............................................................................................................. 2
สถานทดี่ าเนนิ งาน............................................................................................................. 3
ระยะเวลาดาเนินงาน.......………………………………………….………..……….….………….………… 3

บทท่ี 2 เอกสารท่เี กยี่ วข้อง............................................................................................................ ๔

วา่ นหางจระเข.้ .................................................................................................................. ๔
เตยหอม............................................................................................................................. ๕
ผงวุ้น....................................................................................................................... .......... ๖
โซดาไฟ....................................................................................................................... ....... ๖
กระบวนการถนอมอาหาร................................................................................................. ๗
การตากแห้งอาหาร........................................................................................................... ๙
โภชนาการ........................................................................................................................ ๑๐
บทท่ี 3 อุปกรณ์และการดาเนินการ............................................................................................ ๑๑
เครอื่ งมือทใ่ี ช้ในการศกึ ษา............................................................................................... ๑๑
๑๑
การเก็บรวบรวมข้อมูล............................................................................................ ๑๑
การนาเสนอขอ้ มลู .................................................................................................. ๑๒
บทท่ี 4 ผลการศกึ ษาคน้ คว้า....................................................................................................... ๑๒
ผลการดาเนนิ งาน................................................................................................... ๑๒
นาเตยหอมผสมวา่ นหางจระเข้............................................................................... ๑๔
วนุ้ กรอบวา่ นหางจระเข้.......................................................................................... ๑๖
กระดาษทามือผสมใบเตยหอม............................................................................... ๑๘
บทที่ 5 สรุปผลการดาเนนิ งาน ประโยชนท์ ่ีได้รับ และข้อเสนอแนะ......................................... ๑๘
สรปุ ผลการดาเนนิ งาน............................................................................................ ๑๘
ประโยชน์ที่ได้รบั .................................................................................................... ๑๘
ขอ้ เสนอแนะ........................................................................................................... ๑๙
เอกสารอา้ งองิ ..............................................................................................................................



สารบญั (ตอ่ )

หน้า
ภาคผนวก..................................................................................................................................... ๒๐

ภาคผนวก ก ภาพกิจกรรม..................................................................................... ๒๑
ภาคผนวก ข ประวตั ิผ้จู ัดทาโครงงาน..................................................................... ๓๐



สารบัญตาราง

หน้า
ตารางท่ี ๑ ประโยชน์ทางโภชนาการของนาเตยหอมผสมว่านหางจระเข้............................... ๑๓
ตารางที่ ๒ ประโยชนท์ างโภชนาการของว้นุ กรอบวา่ นหางจระเข้.......................................... ๑๕

บทท่ี ๑
บทนำ

ทีม่ ำและควำมสำคญั

เน่ืองด้วยคณะผู้จัดทำมีควำมสนใจเกี่ยวกับพืชผักจำกสวนเกษตรที่คณะครู และนักเรียนได้
ร่วมกันปลูกภำยในโรงเรียน ซึ่งจะสำมำรถนำมำใช้ในชีวิตประจำวันและสอดคล้องกับหลักปรัชญำของ
เศรษฐกิจพอเพียงตำมแนวพระรำดำรัสของพระบำทสมเด็จพระเจ้ำอยู่หัว โดยคณะผู้จัดทำได้ศึกษำ
ค้นคว้ำขอ้ มลู จำกอินเทอรเ์ น็ตและลงมือทำสวนเกษตร ลงมอื ปฏิบตั ิจรงิ โดยปลูกพืชผักหลำกหลำยชนิด
ทสี่ ำมำรถนำมำบริโภค ประกอบอำหำร หรอื แปรรปู เพ่อื เกบ็ ไว้รบั ประทำนได้นำนหลำยวนั อำทเิ ช่น
วำ่ นหำงจระเข้ ใบเตยหอม มะระขน้ี ก ชะอม มะกรูด ต้นขจร ผักชฝี รัง่ ดอกอัญชัน เป็นตน้ จงึ มี
แนวควำมคิดจัดทำข้ึนเป็นโครงงำน โดยเลือกนำว่ำนหำงจระเข้ และใบเตยหอมมำแปรรูปได้ ดังนี้ นำ้ เตยหอม
ผสมว่ำนหำงจระเข้ วุ้นกรอบว่ำนหำงจระเข้ และกระดำษทำมือผสมใบเตยหอม โครงงำนน้ีสำมำรถ
นำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน อีกทั้งยังสร้ำงรำยได้ให้กับตนเองและครอบครัว ท้ังในปัจจุบันและ
อนำคตได้

จำกกำรศึกษำกำรทำโครงงำนในคร้ังน้ี ส่งเสริมให้ผู้เรียนมีควำมรู้ ควำมเข้ำใจเกี่ยวกับลักษณะ
ประโยชน์ของพืชผักจำกสวนเกษตร โดยนำว่ำนหำงจระเข้ และใบเตยหอมมำแปรรูป ผู้เรียนเกิด
ควำมคดิ สร้ำงสรรค์ทำงำนเป็นกลุ่ม มคี วำมสนใจในกำรเรยี นวิชำกำรงำนอำชีพ รจู้ กั นำหลักกำรในกำร
ถนอมอำหำรมำใช้ ทำให้รู้จักใช้พืชผักจำกสวนเกษตรภำยในโรงเรียนหรือในท้องถ่ินให้เกิดประโยชน์
และมีคุณค่ำต่อไป อีกทัง้ ยังสำมำรถทำเป็นอำชีพเสรมิ เพ่มิ รำยไดใ้ ห้กับตนเอง ครอบครวั และชุมชนได้
โดยบูรณำกำรกลุ่มสำระกำรเรียนรู้ท้ัง 8 กลุ่มสำระ ได้แก่ กลุ่มสำระภำษำไทย กลุ่มสำระกำรเรียนรู้
คณิตศำสตร์ กลุ่มสำระกำรเรียนรู้วิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี กลุ่มสำระกำรเรียนรู้สังคมศึกษำ
ศำสนำและวัฒนธรรม กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ภำษำอังกฤษ กลุ่มสำระกำรเรียนรู้สุขศึกษำและพลศึกษำ
กลมุ่ สำระกำรเรียนรู้กำรงำนอำชพี และกล่มุ สำระกำรเรียนร้ศู ิลปะ

วัตถปุ ระสงค์

๑. เพื่อให้นกั เรยี นแปรรูปว่ำนหำงจระเข้ และใบเตยหอมได้
๒. เพอ่ื เปน็ กำรประหยัดรำยจำ่ ย
๓. เพอ่ื ให้นกั เรียนแปรรูปพืชผกั จำกสวนเกษตรโรงเรียนและในทอ้ งถิ่นใหเ้ กบ็ ไว้ไดน้ ำน
4. เพอื่ เปน็ อำชีพเสริม เพม่ิ รำยไดใ้ ห้ตนเอง ครอบครัวและชมุ ชนได้



ขอบเขตของกำรศึกษำคน้ คว้ำ

ศึกษำเกี่ยวกับกำรแปรรูปว่ำนหำงจระเข้ และใบเตยหอม โดยนำพืชท้ัง ๒ ชนิดจำกสวนเกษตร
ในโรงเรียนหรือในท้องถิ่นมำประยุกตใ์ ชใ้ ห้เกิดประโยชน์ จำกกำรศึกษำกำรทำโครงงำนในคร้ังน้ี ส่งเสริม
ให้ผู้เรียนมีควำมรู้ ควำมเข้ำใจเกี่ยวกับลักษณะ ประโยชน์ของพืชผักจำกสวนเกษตร โดยเลือกนำว่ำนหำง
จระเข้ และใบเตยหอมมำแปรรูปได้ ดังน้ี น้ำเตยหอมผสมว่ำนหำงจระเข้ วุ้นกรอบว่ำนหำงจระเข้
และกระดำษทำมือผสมใบเตยหอม ผู้เรียนเกิดควำมคิดสร้ำงสรรค์ทำงำนเป็นกลุ่ม มีควำมสนใจในกำร
เรียนวิชำกำรงำนอำชีพ รู้จักนำหลักกำรในกำรถนอมอำหำรมำใช้ ทำให้รู้จักใช้พืชผักจำกสวนเกษตร
ภำยในโรงเรียนหรือในทอ้ งถิน่ ให้เกิดประโยชน์และมีคุณคำ่ ต่อไป

๑. สมมติฐำนของกำรศึกษำค้นคว้ำ
จดั ทำโครงงำนนี้ เพ่อื ให้นักเรยี นเล็งเหน็ คณุ ค่ำ คุณประโยชนแ์ ละสรรพคุณต่ำง ๆ ของพืชผัก

จำกสวนเกษตรในโรงเรียนหรือในท้องถิ่น โดยเลือกนำว่ำนหำงจระเข้ และใบเตยหอมมำแปรรูปได้
ดังนี้ น้ำเตยหอมผสมวำ่ นหำงจระเข้ วุ้นกรอบวำ่ นหำงจระเข้และกระดำษทำมือผสมใบเตยหอม ซง่ึ ใช้
หลักกำรในกำรถนอมอำหำรแบบง่ำย ๆ ด้วยวิธีกำรต้ม และกำรตำกแดด อีกทัง้ ยงั สำมำรถนำไปใช้ประโยชน์
ในกำรถนอมอำหำรอย่ำงอน่ื ได้อีกด้วย

๒. ตวั แปรที่เกย่ี วขอ้ ง
2.1 ตัวแปรต้น นำว่ำนหำงจระเข้และใบเตยหอม มำแปรรูปน้ำเตยหอมผสมว่ำนหำงจระเข้

วนุ้ กรอบวำ่ นหำงจระเข้ และกระดำษทำมือผสมใบเตยหอม โดยใช้หลักกำรในกำรถนอมอำหำรแบบงำ่ ย ๆ
2.๒ ตวั แปรตำม นักเรยี นระดับชน้ั ประถมศึกษำตอนปลำย (ชน้ั ประถมศึกษำปที ี่ ๔ – ๖)

นยิ ำมศพั ทเ์ ฉพำะ

นำเตยหอมผสมว่ำนหำงจระเข้ หมำยถึง กำรนำใบเตยหอมมำล้ำงให้สะอำดแล้วนำไปต้มในน้ำ
เดือด เติมน้ำตำลทรำยและเกลือป่นเล็กน้อยคนให้เข้ำกัน ต้มจนใบเตยออกสีเหลืองซีด ยกลงจำกเตำพัก
ให้เย็นนำน้ำเตยหอมไปกรองด้วยผ้ำขำวบำง จำกน้ันนำว่ำนหำงจระเข้ไปล้ำงให้สะอำด นำไปปอก
เปลือกและล้ำงเมือกออกให้หมด ประมำณ ๖ – ๗ น้ำ นำไปห่ันเป็นลูกเต๋ำขนำดเล็กจนหมด และ
นำไปลำ้ งอีกคร้ัง ๒ – ๓ น้ำ แล้วนำไปต้มในน้ำตำลอีก ๕ – ๑๐ นำที ยกลงจำกเตำพักให้เยน็ นำวำ่ นหำง
จระเข้ที่ได้ไปผสมกับน้ำใบเตยหอม หำกต้องกำรดื่มสำมำรถนำไปแช่ให้เย็นหรือผสมกับน้ำแข็งเสิร์ฟ
เพ่มิ ควำมเย็น สดชืน่ ได้

วุ้นกรอบว่ำนหำงจระเข้ หมำยถึง กำรนำเอำว่ำนหำงจระเข้ไปล้ำงให้สะอำด นำไปปอกเปลือก
และล้ำงเมือกออกให้หมดประมำณ ๖ – ๗ น้ำ หั่นเป็นลูกเต๋ำขนำดพอประมำณจนหมด และล้ำงน้ำ
อีกคร้ัง ๒ – ๓ น้ำ ใส่ตะแกรงพักไว้ นำน้ำเปล่ำและว่ำนหำงจระเข้ท่ีเตรียมไว้เทลงในเครื่องป่ันไฟฟ้ำ
ปน่ั ให้ละเอยี ด แล้วนำไปเทใส่กระทะหรือภำชนะท่ีเตรียมไว้ นำผงว้นุ เทลงไปผสมคนให้เข้ำกนั ขึน้ ต้ังไฟต้ม
พอร้อนเทน้ำตำลทรำยตำมลงไป คนไปเรื่อย ๆ จนน้ำตำลละลำยเข้ำกันจนเดือด ยกลงจำกเตำเท
สว่ นผสมท่ไี ด้ใส่ถำดเคำะภำชนะเพ่ือไล่อำกำศ หรือใสแ่ บบพิมพ์ จำกนั้นนำไปตำกแดดใหแ้ หง้ ประมำณ
๕ - ๗ วัน เม่ือแห้งแล้วเก็บใส่ขวดโหลหรือภำชนะท่ีมีฝำปิดสนิท ซ่ึงเป็นกำรถนอมอำหำรเพื่อเก็บไว้
รบั ประทำนได้นำน หำกต้องกำรใหม้ ีสีสันและมกี ลิน่ หอมของใบเตยกส็ ำมำรถผสมน้ำใบเตยหอมได้



กระดำษทำมอื ผสมใบเตยหอม หมำยถึง กำรนำกระดำษเอกสำร หรอื กระดำษหนงั สอื พิมพ์ท่ี
ไม่ใช้แล้วมำฉีกหรือตัดให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ จำกน้ันนำน้ำใส่หม้อขั้นตั้งไฟ แล้วนำเศษกระดำษท่ีเตรียมไว้
เทใส่หม้อต้มใหเ้ ดือด ยกลงจำกเตำ นำโซดำไฟเทลงผสม คนใหเ้ ข้ำกันท้งิ ไวห้ นงึ่ คืน จำกนน้ั เทกระดำษ
ทต่ี ม้ แลว้ กรองใส่ตะแกรง นำไปล้ำงด้วยน้ำสะอำดประมำณ ๒ – ๓ นำ้ หลงั จำกล้ำงเสร็จแล้ว นำกระดำษ
ไปป่ันให้ละเอียดโดยเทน้ำผสมลงไปด้วย เมื่อป่ันเสร็จเทใส่อ่ำงหรือภำชนะไว้ ผสมด้วยใบเตยหอมปั่น
ละเอียดคนผสมให้เข้ำกัน มำถึงขั้นตอนกำรทำกระดำษ โดยกำรนำตะแกรงท่ีทำเป็นบล๊อกแม่พิมพ์
กระดำษไว้ช้อนลงไปในอ่ำงหรือกะละมังท่ีได้เทกระดำษท่ีปั่นจนละเอียด เกล่ียให้กระจำยเต็มบล็อก
หำกต้องกำรเพิ่มควำมสวยงำม สำมำรถนำกลีบดอกอัญชัน ดอกเฟื่องฟ้ำหรือใบไม้วำงตกแต่งบน
กระดำษได้ จำกนั้นนำไปตำกแดดให้แห้งสนิท เม่ือให้กระดำษแห้งแล้วสำมำรถนำไปทำเป็นปกสมุด
ปกหนังสอื หอ่ กล่องของขวญั หรือทำเปน็ กรอบรปู ได้ ตำมแต่จะนำไปประยกุ ต์ใช้ต่อไป

สถำนที่ดำเนนิ งำน

โรงเรียนเทศบำลวัดช่องลม (เปี่ยมวิทยำคม) ๘๑๗/๙ ถนนสุทธิวำตวิถี ตำบลท่ำฉลอม
อำเภอเมืองสมุทรสำคร จังหวัดสมทุ รสำคร

ระยะเวลำดำเนนิ งำน

วนั ท่ี ๕ มนี ำคม 256๕ – ๓๐ เมษำยน ๒๕6๕

บทที่ 2
เอกสารที่เก่ยี วขอ้ ง

จากการศึกษาครัง้ น้ี คณะผจู้ ดั ทาโครงงานได้ศึกษา ค้นควา้ และเก็บรวบรวมข้อมลู ทเี่ กี่ยวข้องใน
การจัดทาโครงงานเรื่อง สวนเกษตรพอเพียงสร้างรายได้ โดยเลือกนาว่านหางจระเข้ และเตยหอมมา
แปรรูปได้ ดังน้ี น้าเตยหอมผสมว่านหางจระเข้ วุ้นกรอบว่านหางจระเข้ และกระดาษทามือผสมกาก
เตยหอม โครงงานนี้สามารถนาไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจาวัน อีกทั้งยังสร้างรายได้ให้กับตนเอง
และครอบครัว ทัง้ ในปจั จบุ ันและอนาคตได้

วา่ นหางจระเข้

เป็นต้นพืชที่มีเนื้ออิ่มอวบ จัดอยู่ในตระกูลลิเลียม (Lilium)
แหล่งกาเนิดดั้งเดิมอยู่ในคาบสมุทรอาหรับ สายพันธ์ุของว่านหาง
จระเข้มีมากกว่า 300 สายพันธ์ุ ซ่ึงมีทั้งพันธุ์ท่ีมีขนาดใหญ่มาก
จนไปถึงพันธุ์ท่ีมีขนาดเล็กกว่า 10 เซนติเมตร ลักษณะพิเศษ

ของว่านหางจระเข้ก็คือ มีใบแหลมคล้ายกับเข็ม เน้ือหนา และ
เนื้อในมีน้าเมือกเหนียว ว่านหางจระเข้ผลิดอกในช่วงฤดูหนาว
ดอกจะมสี ีแตกตา่ งกนั เช่น เหลอื ง ขาว และแดง เปน็ ตน้

คาว่า "อะโล" (Aloe) เปน็ ภาษากรีกโบราณ หมายถึงว่านหางจระเข้ ซึ่งแผลงมาจากคาวา่ "Allal"
มีความหมายว่า ฝาดหรือขมในภาษายิว ฉะนั้นเม่ือผู้คนได้ยินช่ือน้ี ก็จะทาให้นึกถึงว่านหางจระเข้ ว่านหาง
จระเข้เดิมเป็นพืชที่ขึ้นในเขตร้อนต่อมาได้ถูกนาไปแพร่พันธ์ุในยุโรปและเอเชีย โดยปลูกเพื่อใช้ใน
การเกษตรและการแพทย์ รวมถึงสาหรบั การตกแตง่ และปลูกเป็นต้นไมก้ ระถาง

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ว่านหางจระเข้เป็นพืชชนิดหน่ึงท่ีพืชอวบน้าลาต้นส้ันหรือไม่มีลาต้นสูง 10- 100 ซม. (24–

39 นิ้ว) กระจายพันธ์ุโดยตะเกียง ใบหนาอ้วนมีสีเขียวถึงเทา-เขียว บางสายพันธุ์มีจุดสีขาวบนและล่าง
ของโคนใบ ขอบใบเป็นหยักและมีฟันเล็ก ๆ สีขาว ออกดอกในฤดูร้อนบนช่อเชิงลด สูงได้ถึง 90 ซม.
(35 น้ิว) ดอกเป็นดอกห้อย วงกลีบดอกสีเหลืองรูปหลอด ยาว 2–3 ซม. (0.8–1.2 น้ิว) ว่านหางจระเข้
ก็เหมือนพืชชนิดอื่นในสกุลท่ีสร้างอาร์บัสคูลาร์ไมคอร์ไรซา (arbuscular mycorrhiza) ข้ึน ซึ่งเป็นสมชีพท่ี
ทาใหพ้ ชื ดูดซึมสารอาหารและแร่ธาตุในดนิ ไดด้ ขี น้ึ

สรรพคณุ ทางยา
วุ้นในใบว่านหางจระเข้มีสารเคมีอยู่หลายชนิด เช่น Aloe-emodin, Aloesin, Aloin, สารประเภท

Glycoprotein และอ่ืน ๆ ยางท่ีอยู่ในว่านหางจระเข้มีสาร Anthraquinone ทีมีฤทธิ์ขับถ่ายด้วย ใช้ทา
เป็นยาดา มีการศึกษาวิจัยรายงานว่า วุ้นหรือน้าเมือกของว่านหางจระเข้รักษาแผลไฟไหม้ น้าร้อนลวก
แผลเรื้อรัง และแผลในกระเพาะอาหารได้ดี เพราะในวุ้นใบว่านหางจระเข้นอกจากจะมีสรรพคุณรักษาแผล
ตอ่ ตา้ นเช้อื แบคทเี รียแลว้ ยงั ชว่ ยสมานแผลได้อีกดว้ ย



การเพาะปลกู
ว่านหางจระเข้ปลูกง่าย โดยการใช้หน่ออ่อน ปลูกได้ดีในบริเวณทะเลที่เป็นดินทราย และมีปุ๋ย

อุดมสมบูรณ์ดี จะปลูกเอาไว้ในกระถางก็ได้ ในแปลงปลูกก็ได้ ปลูกห่างกันสัก 1-2 ศอก เป็นพืชท่ี
ต้องการน้ามาก แต่ต้องมีการระบายน้าดีพอ มิฉะน้ันจะทาให้รากเน่าและตาย ว่านหางจระเข้ชอบแดด
ราไร ถา้ ถกู แดดจัดใบจะเปน็ สนี า้ ตาลแดง และอกี วธิ สี ามารถนาเมล็ดไปปลกู ในกระถางต้นไมไ้ ดอ้ ีกดว้ ย

การรักษาแผล
ว่านหางจระเข้ (Aloe vera) ท่ีเรารู้จักกันดีว่ามีส่วนในการรักษาแผลไฟไหม้ น้าร้อนลวก แผลสด

ช่วยบรรเทาอาการปวดแสบปวดร้อน มีส่วนชว่ ยในแกร้ กั ษาแผลผ่าตัดเช่นกัน
ว่านหางจระเข้ มีฤทธ์ิสมานแผลการท่ีแผลหายเร็วข้ึน เนื่องจากในว่านหางจระเข้มีส่วนช่วยเร่ง

ให้เซลล์ผิวหนังแบ่งตัวเพ่ือซ่อมแซมผิวให้ดีขึ้น หรือหากนาว่านหางจระเข้ไปสกัดเป็นน้า เมื่อนาไปใช้ใน
การรกั ษาแผลผ่าตดั พบว่าชว่ ยให้แผลสมานเรว็ ขึ้น ปอ้ งกันการเกดิ รอยแผลเปน็ หรอื หากใครทีร่ อยแผล
แลว้ เม่ือใชจ้ ะช่วยขจดั รอยแผลเปน็ ที่เกดิ ขน้ึ ทาใหแ้ ผลแลดจู างลง

นอกจากจะช่วยในเร่ืองของการสมานแผลแลว้ วา่ นหางจระเขย้ ังมีการนาไปใช้ประโยชน์เพื่อลด
การอักเสบ เราจึงเห็นผลิตภัณฑ์ที่นาประโยชน์ของว่านหางจระเข้ไปเป็นส่วนผสมในรูปแบบต่าง ๆ ท้ังครีม
ทารักษาโรคผิวหนังและแผลอักเสบ ท่ีช่วยรักษาการอักเสบของผิวหนังและเน้ือเย่ืออ่อน หรือการทา
เป็นโลชัน่ โดยมสี ่วนประกอบของว้นุ ว่านหางจระเข้ เป็นต้น

เตยหอม

เตยหอม (ชื่อวิทยาศาสตร์: Pandanus amaryllifolius come)
เป็นไม้ยืนต้นพุ่มเล็ก ขึ้นเป็นกอ ใบเป็นใบเดี่ยว เรียงสลับเวียนเป็นเกลียว
ขึ้นไปจนถึงยอด ใบเป็นทางยาว สีเข้ม เป็นมันเผือก ขอบใบเรียบ แต่ใบ
บางต้นอาจมีหนาม ในใบมีกลิ่นหอมจากน้ามันหอมระเหย Fragrant
Screw Pine สเี ขยี วจากใบเปน็ สขี องคลอโรฟิลล์ ใช้แตง่ สขี นมได้
การใชป้ ระโยชน์

ในบังกลาเทศเรยี กว่า ketaki ใช้เพม่ิ กล่นิ หอมของ ขา้ วพลิ าฟ หรือขา้ วปเุ ลา บริ ยานี และพดุ ด้ิง
มะพร้าว payesh ในอินโดนีเซียเรียก pandan wangi พม่าเรียก soon-mhway ในศรีลังกา
เรียก rampe ในเวียดนามเรียก lá dứa ใบใช้ได้ทั้งใบสดและใบแห้ง และมีขายในรูปใบแช่แข็งใน
ประเทศท่ีปลูกไม่ได้ ใช้ปรุงกลิ่นในอาหารของหลายประเทศเช่น อินโดนีเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์
มาเลเซยี ไทย บงั กลาเทศ เวยี ดนาม จีน ศรีลังกา และพมา่ โดยเฉพาะข้าวและขนม

การใช้มีท้ังนาไปขยากับกะทิ ใส่ในภาชนะหุงต้ม ไก่ใบเตยจะเป็นการนาใบเตยมาห่อไก่แล้ว
นาไปทอด ใช้แต่งกลิ่นเค้กใบเตย และของหวานอ่ืน ๆ ในฟิลิปปินส์ใช้เตยหอมแต่งกลิ่นในสลัดท่ี
เรียก buko pandan

กลนิ่ หอมของใบเตยเกิดจากสารเคมีท่ีเรียกว่า 2-acetyl-1-pyrroline ซ่งึ เปน็ กลนิ่ แบบเดยี วกับ
ท่ีพบในขนมปังขาว ข้าวหอมมะลิและดอกชมนาด มีสารสกัดจากใบเตยขาย ซึ่งมักจะแต่งสีเขียว ใบใช้
ไล่แมลงสาบได้



ประโยชนแ์ ละสรรพคณุ
ใบเตยน้ำมำห่อท้ำขนมหวำน เช่น ขนมตะโก้ ใบน้ำมำมัดรวมกัน ใช้ส้ำหรับวำงในห้องน้ำ

ห้องรับแขกเพื่อให้อำกำศมีกล่ินหอม ช่วยในกำรดับกลิ่นหรือใช้ใบเตยสดน้ำมำยัดหมอน ช่วยให้มีกลิ่นหอม
น้ำมำใช้เป็นสำรแต่งกล่ินบุหร่ี น้ำมำสับเป็นชินเล็กๆ น้ำไปตำกแดดให้แห้ง ก่อนใช้ชงเป็นชำดื่ม น้ำมัน
หอมระเหยจำกเตยนำ้ ไปเป็นส่วนผสมของน้ำยำปรับอำกำศ ใชเ้ ปน็ ส่วนผสมของเครือ่ งสำ้ อำง ครีมทำผิว
แชมพู สบู่ หรือ ครีมนวด เป็นต้น

สรรพคุณ ช่วยบ้ำรุงหัวใจ ลดน้ำตำลในเลือด ลดควำมดันโลหิต ใช้รักษำโรคหัด รักษำเลือดออก
ตำมไรฟัน แก้หวัด รักษำอำกำรตับอักเสบ ช่วยดับพิษไข้ แก้โรคหัด แก้ท้องอืด แก้กระหำยน้ำ แก้ร้อนใน
ชว่ ยขบั ปัสสำวะ รกั ษำเบำหวำน ใชร้ กั ษำโรคตับ ไตอกั เสบ รักษำโรคหดื เป็นต้น

ผงวุ้น

ผงวุ้น (Agar-Agar powder) เป็นสำรประกอบของน้ำตำลหลำยโมเลกุล 2 กลุ่มคือ เอกำโรส
และเอกำโรเพกติน ซ่ึงสกัดได้จำกสำหร่ำยทะเลให้วุ้น เป็นสำหร่ำยสีแดงในดิวิช่ันโรโดไฟต้ำ

สำหร่ำยวุ้น อยู่ในกลุ่ม Red algae มีหลำยสีเกือบทุกชนิดสำมำรถรับประทำน
ได้ หรือน้ำมำสกัดวุ้น จึงรวมเรียกว่ำ สำหร่ำยวุ้น มีช่ือพืนเมืองว่ำ สำหร่ำย
ผมนำง (Gracilaria fisheri) สำหร่ำยวุ้น มีแพร่กระจำยอยู่ทั่วโลก ทังในเขต
ร้อนและเขตอบอุ่น ส่วนมำกพบบริเวณน้ำขึน-น้ำลง และบริเวณที่อยู่ใต้น้ำ
ตลอดเวลำ ส้ำหรบั ในประเทศไทยจะพบแพร่กระจำยอยู่ตำมชำยฝ่ังของอ่ำวไทย
และฝงั่ มหำสมทุ รอินเดีย สำหรำ่ ยวนุ้ มปี ระโยชนแ์ ละโทษในด้ำนตำ่ ง ๆ มำกมำย

โซดาไฟ

โซดาไฟ หรือคอสติกโซดา (อังกฤษ: caustic soda) พจนานุกรม
ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 นิยามว่า คือ "สารประกอบชนิด
หนึ่ง ช่ือ โซเดียมไฮดรอกไซด์ (NaOH) เป็นของแข็งสีขาว ดูดความชื้นดี
มาก ละลายนา้ ไดด้ ี ใชป้ ระโยชนใ์ นอุตสาหกรรมทาสบู่ เสน้ ใยเรยอน"

โซดาไฟถูกใช้ในการผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ท่ีเก่ียวข้องกับ
ชีวิตประจาวัน และยังใช้ประโยชน์ได้อีกมากมาย เช่น ในการผลิตเยื่อและ
กระดาษ สบู่และผลิตภัณฑ์ซักฟอก เคมีภัณฑ์ การทาความสะอาด โรงกลั่นน้ามัน การใช้งานทาง
อตุ สาหกรรมโลหะ อตุ สาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมเส้นใยเรยอน สิ่งทอ และอ่นื ๆ



กระบวนการถนอมอาหาร

การถนอมอาหารน้ันมักจะเกี่ยวข้องกับการยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย เช้ือราและจุลินทรีย์
อ่ืนๆ และการหน่วงปฏิกิริยาระหว่างไขมันกับออกซิเจนในอากาศ ซ่ึงเป็นสาเหตุของการเน่าเสีย
(rancidity) ของอาหาร การถนอมอาหารน้ีอาจรวมถึงการรักษาอายตุ ามธรรมชาติและสีสนั ของอาหาร
ซ่ึงเกิดจากการปรุงอาหาร เช่น การเปลี่ยน เป็นสีน้าตาลของเน้ือแอปเป้ิลเมื่อสัมผัสกับอากาศและการ
ถนอมอาหารบางประเภทจาเป็นต้องปิดผนึกอาหารหลังจากที่ผ่านกระบวนการต่างๆ เพื่อป้องกันการเกิด
ปจั จัยของการเนา่ เสยี ทาใหอ้ าหารน้นั สามารถเก็บไว้ไดน้ านมากกว่าปกติ

กระบวนการถนอมอาหาร อาจประกอบดว้ ย
1. การให้ความร้อนเพอื่ กาจดั หรอื ทาจุลนิ ทรีย์ให้เส่ือมสภาพ เช่น การต้ม
2. การใชส้ ารเคมเี พื่อให้เกิดปฏิกริ ิยากับออกซิเจน เช่น การใช้ซัลเฟอรไ์ ดออกไซด์
3. การยับยั้งการเกิดสารพิษ เช่น การรมควัน การใช้คาร์บอนไดออกไซด์ น้าส้มสายชู

แอลกอฮอล์ ฯลฯ

4. การขจัดน้าออกจากอาหาร เช่น การตากแห้ง
5. การยับย้งั การดูดซึมสารอาหารของจลุ ินทรยี ์ เชน่ การเช่ือม การดอง
6. การเก็บรักษาอาหารในอุณหภมู ิต่า เช่น การแช่แข็ง การทาใหเ้ ยน็ ขึ้น
7. กระบวนการถนอมอาหารหลายๆ ขอ้ รวมกนั
วธิ ีการถนอมอาหารท่นี ามาใช้กันอย่างแพร่หลาย ในปัจจุบันมีอยูด่ ้วยกัน 6 วธิ ี คือ
1. การถนอมอาหารโดยการใช้ความร้อน
2. การถนอมอาหารโดยการใชค้ วามเย็น
3. การถนอมอาหารโดยการหมักดอง
4. การถนอมอาหารโดยการทาให้แห้ง
๕. การถนอมอาหารโดยการใชส้ ารเคมี
6. การถนอมอาหารโดยการใชร้ งั สี

การถนอมอาหารโดยการใช้ความร้อน
การถนอมอาหารโดยการใชค้ วามรอ้ น ได้แก่
1. การต้ม เป็นการทาให้อาหารสุกด้วยน้าเดือด วิธีต้ม คือ ต้มน้าให้เดือดก่อน แล้วค่อยใส่

อาหารลงในภาชนะ แต่อาหารบางชนดิ เชน่ เนอ้ื วัว ตอ้ งใส่เน้อื ในภาชนะ ใสน่ ้าก่อนตม้ ก็ได้รอจนอาหาร
สุกแลว้ ยกลง ทิ้งไวใ้ หอ้ นุ่ กอ่ นตักมารับประทาน

2. การทอด (frying) หมายถงึ การทาอาหารให้สุกโดยใช้น้ามันพืชหรือไขมันสัตว์เป็นตัวกลาง
แลกเปลี่ยนความรอ้ น โดยปกตจิ ะใช้อุณหภูมิในช่วง 170-210 องศาเซลเซียส

ประเภทของการทอด
1. การทอดโดยใช้น้ามันน้อย (pan frying) เป็นการทอดโดยใช้น้ามันหรือไขมัน

ปรมิ าณเลก็ น้อย เพยี งเพ่ือไมใ่ ห้อาหารติดภาชนะทอด กระทะที่ใช้เปน็ กระทะกน้ ตน้ื ระหวา่ งการทอดอาจมีการ
กลับด้านเพื่อให้อาหารสุกทั่วถึง เพื่อให้เกิดกล่ินรสที่ต้องการ เช่น การทอดแฮมเบอเกอร์ ไข่ดาว เบคอน
เปน็ ต้น



2. การทอดโดยใช้น้ามันมากหรือน้ามันท่วม (deep fat frying) เป็นการทอดที่
ใช้น้ามันปรมิ าณมาก โดยอาหารจมอยู่ภาชนะท่บี รรจนุ ้ามัน เกิดลักษณะผวิ หน้าท่ีแห้งกรอบ เป็นเปลือก
สีน้าตาล

3. การนง่ึ หมายถึง (steaming) หรือ การอบไอน้า เป็นกระบวนการทาอาหารให้สุกโดยการ
ผ่านความร้อนจากไอน้า จากการต้มน้าให้ถึงจุดเดือด การนึ่งเป็นกระบวนการทาอาหารท่ีเหมาะสมกับ
อาหารเกือบทุกชนิด ซ่งึ สามารถรกั ษาและคงความชน้ื ไว้ในอาหารได้เป็นอย่างดี

4. การถนอมอาหารโดยตากแห้งเป็นวิธีที่ง่ายและประหยัดมากที่สุด ใช้ได้กับอาหาร
ประเภทเนื้อสัตว์ ผักและผลไม้ เป็นวิธีท่ีทาให้อาหารหมดความชื้นหรือมีความช้ืนอยู่เพียงเล็กน้อย เพื่อ
ไม่ให้จุลินทรีย์สามารถเกาะอาศัยและเจริญเติบโตได้ ทาให้อาหารไม่เกิดการบูดเน่า โดยการนาน้าหรือ
ความชื้นออกจากอาหารให้มากทส่ี ดุ เช่น เน้อื เค็ม ปลาเคม็ กล้วยตาก เป็นต้น

5. การเคี่ยว หมายถึง ต้มใหเ้ ดอื ดนาน ๆ เพือ่ ใหง้ วดใหเ้ ป่ือย
6. การตุ๋น (ฝร่ังเศส: Braiser; อังกฤษ: Braising) เป็นการผสมผสานรูปแบบการทาอาหาร
โดยใช้ท้งั ความชื้นและความร้อน โดยท่ัวไปแลว้ อาหารจะถูกให้ความร้อนที่อุณหภูมิสงู และนาไปไว้ในหม้อ
มีฝาปิดทีม่ ีของเหลวปรมิ าณไมค่ งที่ ทาใหเ้ กดิ รสชาตพิ ิเศษขนึ้ มา

ในปัจจุบันถ้าหากไม่มีการถนอมอาหารประชากรของประเทศไทยและพลโลกจะต้อง ประสบ
ปัญหาการขาดแคลนอาหาร ในทางตรงกันข้ามบางพ้ืนที่อาจจะประสบปัญหากับผลผลิตล้นตลาดในฤดูกาล
การผลิต ราคาผลผลิตตกต่า ผลผลิตเกิดการเน่าเสีย การบริโภคอาหาร ในชีวิตประจาวันไม่ได้รับความสะดวก
ประชาชนจานวนมากในบางภาคของประเทศท่ีอยู่ห่างไกลจากทะเล อาจประสบปัญหาโรคคอพอกที่เกิด
จาการขาดไอโอดีน ปัจจุบันเทคโนโลยีทางด้านการถนอมอาหารเจริญขึ้น จึงทาให้ปัญหาต่าง ๆ ดังได้
กลา่ วมาแล้วลดลงอย่างมาก
ประโยชนข์ องการถนอมอาหาร มีดงั น้ี

1. ทาให้มอี าหารบริโภคตลอดปี และมีอาหารนอกฤดกู าลไว้รบั ประทาน
2. ชว่ ยรักษาคุณคา่ และคุณภาพของอาหารใหค้ งทนอยู่ไดน้ าน
3. ชว่ ยประหยัดรายจ่ายค่าอาหาร เพราะสามารถเกบ็ รักษาอาหารไวไ้ ด้
4. ทาใหม้ อี าหารลกั ษณะแปลก ๆ มีกลน่ิ สี รสชาติตา่ ง ๆ รับประทาน เช่น มะขามแกว้ มะขามแช่อ่ิม
5. ช่วยเหลือเศรษฐกิจของเกษตรมิให้เกิดภาวะสินค้าล้นตลาด และช่วยเหลือในครอบครัว โดยทา
เปน็ อาชีพเสริม
6. ส่งเสริมการผลิตในครอบครัว ให้ช่วยประหยัดรายจ่ายค่าอาหาร และเพิ่มรายได้ให้กับ
ครอบครัวอกี ดว้ ย
7. ทาใหอ้ าหารมีนา้ หนักเบา สะดวกในการเก็บ สง่ ไปขายหรือส่งให้ผอู้ ่นื ทอ่ี ยู่หา่ งไกล
8. ชว่ ยยดื อายกุ ารเกบ็ รักษาอาหารไว้ไดน้ าน เชน่ อาหารกระป๋อง อาหารแหง้ อาหาร ฉายรังสี
อาหารแช่เยือกแขง็
9. ใช้อาหารเหลือให้เกิดประโยชน์ กระบวนการแปรรูปมีวัตถุดิบเหลือทิ้ง แต่ปัจจุบันมีการนา
อาหารเหลือมาแปรรูป
10. ช่วยเพิ่มมลู คา่ ผลผลิตทางการเกษตรลดปัญหาผลผลิตลน้ ตลาด



การแปรรปู อาหาร
(อังกฤษ : Food Processing) เป็นข้ันตอนและวิธีการในการเปล่ียนแปลงวัตถุดิบให้เป็นอาหาร

สาหรับบรโิ ภค ตัวอยา่ งของการแปรรปู อาหาร เช่น
- สบั ละเอียดแลว้ ทาให้เป่ือยยุย่
- คั้นเอาของเหลว อย่างเช่นการทานา้ ผลไม้
- ผสมใหเ้ ป็นเนือ้ เดยี วกัน
- ปรุงใหส้ กุ ดว้ ยการต้ม ทอด นง่ึ ยา่ งหรือแกงเปน็ ตน้

ประโยชนข์ องการแปรรปู อาหาร
ประโยชน์ที่ได้จากการแปรรูปอาหารมีท้ังการได้ทาลายสารที่เป็นพิษในอาหาร ช่วยถนอม

อาหาร ทาให้มีกลิ่น และรสชาติดีขึ้น สามารถจาหน่ายได้สะดวกขึ้น และเพิ่มความเข้มข้นของอาหาร
การแปรรูปอาหารในสมัยใหม่ยังช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ โรคเบาหวานและผู้ท่ีไม่
สามารถบรโิ ภคอาหารไดอ้ ยา่ งปกติ และสามารถเติมสารอาหารทเี่ ปน็ ประโยชน์ไดอ้ กี ด้วย

ผลเสยี ของการแปรรูปอาหาร
การแปรรูปอาหารมักจะทาให้คุณค่าทางโภชนาการลดลง และบางครั้งอาจจะมีสารเคมีท่ีเป็นพิษ

ปะปนเข้าไปกับอาหาร ในระหว่างการแปรรูป อย่างเช่นสารประกอบประเภทไนไตรท์หรืออะโรมาติก
ไฮโดรคาร์บอน ซ่ึงสารหลายชนิดที่ใช้เจือปนในอาหารก็พบว่ามีผลเสียต่อสุขภาพ ขณะท่ีการแปรรูปบางวิธี
กท็ าใหอ้ าหารมีกลนิ่ และรสชาติน่ารบั ประทานน้อยลง

การตากแห้งอาหาร

การตากแห้งอาหาร เป็นอีกหนึ่งวิธี ในการถนอมอาหาร ที่ง่ายดายและ ยังประหยัดค่าใช้จ่าย
โดยใช้แดดที่มีอยู่ทุก ๆ วัน ไม่มีวันหมด ตากในช่วงเช้า เม่ือมีแดดออก ไปจนถึงช่วงบ่ายแก่ ๆ ก็เก็บใส่
ภาชนะ อยา่ ใหถ้ งึ ค่า เพราะสิ่งที่ตากไว้ จะกลบั มาดูดความชื้น กลับกลายเป็นไม่แหง้ แถมยังอาจขึ้นราได้

โดยหลกั การคอื การไลค่ วามช้นื หรอื น้าออกจาก อาหารท่ีเราตอ้ งการ จะเกบ็ รกั ษา เพอื่ ยดื อายุ
อาหารน้ัน ใหเ้ ก็บไว้รับประทาน ได้นาน ๆ หรือหลงั จากตากแห้งแล้ว ก็เก็บใสต่ ้เู ย็น กจ็ ะเก็บได้นานข้ึน

อาหารท่ีคนไทย นิยมนามาตากแห้ง ก็มีหลากหลายชนิด อาจจะด้วยอาหารบางอย่าง มีเฉพาะ
ชว่ งฤดูกาลเดียว เวลาออกทีก็เยอะเสยี จน กินกนั ไมห่ มด เลยตอ้ งคิดหาวิธี การถนอมอาหาร เพอื่ ให้เก็บ
รักษา ไวท้ านได้นาน ๆ

ไม่ว่าจะเป็น ปลาตากแห้ง ตามบ้านนอกเวลา ช่วงฤดูน้าหลาก ชาวบ้านมักจะจับปลาได้
ค่อนข้างเยอะ ส่วนหน่ึงก็นามาปรุง เป็นอาหารกินทุกวัน แต่ถ้าเยอะเสียจน กินไม่ทันแล้วล่ะก็ บ้างก็
นามาทา ปลารา้ บา้ ง ตากแหง้ บ้าง

จาพวกเนื้อหมู ก็นิยมนามาซอย เป็นชิ้นพอดีคา แล้วตากแต่ไม่ถึงกับแห้ง แค่พอหมาด ๆ
เรียกว่าเน้ือ/หมแู ดดเดยี ว เป็นเมนรู า้ นลาบ ยอดนิยมเลยทีเดียว

ส่วนผักผลไม้ ก็ทาได้เช่นกัน อย่างเช่นผลไม้ตามฤดูกาลต่าง ๆ มักนามาตากแห้ง แล้วเก็บใส่
ขวดโหล ใส่ซองกนั ชื้นซักหน่อย ก็เก็บไวก้ ิน เป็นอาหารวา่ งอร่อย ๆ ได้สบาย

๑๐

โภชนาการ

โภชนาการ (nutrition) หมายถึง อาหาร (food) ท่ีเข้าสู่ร่างกายคนแล้ว ร่างกายสามารถ
นาไปใช้เป็นประโยชน์ในด้านการเจริญเติบโต การค้าจุนและการซ่อมแซมส่วนต่างๆ ของร่างกาย
โภชนาการมีความหมายกว้างกว่าและต่างจากคาว่าอาหาร เพราะอาหารท่ีกินกันอยู่ทุกวันนี้ มีดีเลว
ต่างกัน อาหารหลายชนิดท่ีกนิ แล้วร้สู ึกอ่ิม แต่ไม่มีประโยชน์หรือก่อโทษต่อร่างกายได้ ถ้านาเอาอาหารต่าง ๆ
มาวิเคราะห์ จะพบว่ามีสารประกอบอยู่มากมายหลายชนิด โดยอาศัยหลักคุณค่าทางโภชนาการทาให้มี
การจัดสารประกอบต่าง ๆ ในอาหารออกเป็น ๖ ประเภท คือ โปรตีน (protein) คาร์โบไฮเดรต
(carbohydrate) ไขมัน (fat) วิตามิน (vitamin) เกลือแร่ (mineral) และน้า สารประกอบทั้ง ๖ กลุ่มน่ีเอง
ท่ีเรียกว่า "สารอาหาร" (nutrient) ร่างกายประกอบด้วยสารอาหารเหล่าน้ี และการทางานของร่างกาย
จะเปน็ ปกตอิ ยู่ไดก้ ็ตอ่ เม่ือร่างกายไดร้ บั สารอาหารทง้ั ๖ ประเภทครบถ้วน

โภชนาการกบั อตุ สาหกรรมการแปรรปู อาหาร
ตั้งแตใ่ นชว่ งยุคสมัยของการปฏิวตั ิอุตสาหกรรมเม่ือประมาณ 200 ปกี ่อน อุตสาหกรรมการแปรรูป

อาหารได้ มีเทคโนโลยีต่างๆ ท่ีช่วยให้เก็บอาหารให้คงความสดได้นานขึ้นและแปรรูปอาหารให้มีสภาพ
เปล่ียนไปจากทีเ่ ป็นอยู่ตามธรรมชาติ การแชเ่ ย็นเปน็ เทคโนโลยีขั้นตน้ ทส่ี ามารถรกั ษาความสดได้ ขณะท่ี
เทคโนโลยีอน่ื ๆ จะชว่ ยใหเ้ ก็บรักษาอาหารไวไ้ ด้นานทส่ี ดุ โดยไมเ่ นา่ เสีย

บทท่ี 3
อปุ กรณ์และการดาเนินงาน

จากการศึกษา ค้นคว้าเก่ียวกับพืชผักจากสวนเกษตรที่คณะครู และนักเรียนได้ร่วมกันปลูก
ภายในโรงเรียน ซ่ึงจะสามารถนามาใช้ในชีวิตประจาวันและสอดคล้องกับแนวพระราดารัสของ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยคณะผู้จัดทาได้ศึกษาค้นคว้าข้อมูลเก่ียวกับพืชผักหลากหลายชนิดท่ี
สามารถนามาบริโภค ประกอบอาหารหรือแปรรูป เพื่อเก็บไว้รับประทานได้นานหลายวัน จงึ มีแนวความคิด
จัดทาข้นึ เป็นโครงงาน โดยเลือกนาวา่ นหางจระเข้ และใบเตยหอมมาแปรรูปได้ ดังนี้ น้าเตยหอมผสม
ว่านหางจระเข้ วุ้นกรอบว่านหางจระเข้ และกระดาษทามือผสมใบเตยหอม โครงงานนี้สามารถนาไป
ประยุกต์ใช้ในชีวติ ประจาวัน อกี ท้ังยังสร้างรายไดใ้ ห้กบั ตนเองและครอบครวั ทง้ั ในปจั จุบนั และอนาคตได้

เครอื่ งมือท่ีใช้ในการศึกษา
เครอื่ งมือที่ใชใ้ นการศึกษาค้นคว้าและเก็บรวบรวมคร้งั นี้ ได้แก่
1. ขอ้ มูลจากสื่อออนไลน์
2. เครอื่ งคอมพวิ เตอร์
3. โทรศพั ท์มอื ถือ
4. กลอ้ งถ่ายรปู
5. เอกสารและแผ่นพับตา่ ง ๆ ที่เกย่ี วข้องกับการแปรรูปผลิตภัณฑ์

การเกบ็ รวบรวมข้อมลู
การเก็บรวบรวมข้อมูลในการศึกษาคร้งั น้ไี ด้ดาเนนิ การเก็บรวบรวมข้อมลู ตามขั้นตอน ดังนี้
1. คณะผ้จู ดั ทาไดน้ าเสนอชื่อโครงงานแก่ครูท่ีปรึกษาโครงงานเพ่ือวางแผนการทาโครงงานกลุ่มสาระ

การเรียนรู้การงานอาชพี
2. คณะผจู้ ดั ทาไดท้ าการศึกษาข้อมลู จากส่ือออนไลน์
3. คณะผู้จัดทาสรุปสาระสาคัญจากการรวบรวมข้อมูลของการทาและจัดทาเป็นหนังสือ ส่ือเก่ียวกับ

ผลิตภัณฑ์

การนาเสนอขอ้ มูล
ข้อมูลที่ได้จากการศึกษาครั้งน้ี คณะผู้จัดทาได้เก็บรวบรวมข้อมูลจากการศึกษาค้นคว้า โดยจัดทา

เป็นรูปเล่มโครงงาน เอกสาร แผ่นพับ สื่อและหนังสือเก่ียวกับการแปรรูปว่านหางจระเข้ และเตยหอม
ดังนี้ น้าใบเตยผสมว่านหางจระเข้ วนุ้ กรอบว่านหางจระเข้ และกระดาษทามือผสมใบเตยหอม

บทท่ี 4
ผลการศกึ ษาคน้ คว้า

ผลการดาเนินงาน

จากการศึกษา ค้นคว้า คณะผู้จัดทาโครงงานมีแนวคิดและสนใจท่ีจะศึกษาเกี่ยวกับพืชผักจาก
สวนเกษตรท่ีคณะครู และนักเรียนได้ร่วมกันปลูกภายในโรงเรียน ซึ่งจะสามารถนามาใช้ใน
ชีวิตประจาวันและสอดคลอ้ งกับแนวพระราดารัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หวั โดยคณะผ้จู ัดทาได้
ศึกษาค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับพืชผักหลากหลายชนิดที่สามารถนามาบริโภค ประกอบอาหาร หรือแปรรูป
เพื่อเก็บไว้รับประทานได้นานหลายวัน จึงมีแนวความคิดจัดทาข้ึนเป็นโครงงาน โดยเลือกนาว่านหาง
จระเข้ และใบเตยหอมมาแปรรปู ไดแ้ ก่ นา้ เตยหอมผสมว่านหางจระเข้ วนุ้ กรอบวา่ นหางจระเข้และ
กระดาษทามือผสมใบเตยหอม ซงึ่ มรี ายละเอียด ดงั น้ี

นาเตยหอมผสมวา่ นหางจระเข้

วสั ดุอปุ กรณ์
1. กะละมงั (สาหรบั ใสน่ ้าลา้ งเตยหอมและวา่ นหางจระเข้)
2. หมอ้ สาหรบั ตม้ น้าเตยหอม
๓. เขยี ง
๔. มดี
๕. มดี สองคม
๖. เครอ่ื งปั่นไฟฟา้
๗. ตาชั่งสปริง
๘. ถ้วยตวง
๙. ชอ้ นตวง
๑๐. ตะแกรง (สาหรบั กรอง)
๑๑. ผา้ ขาวบางสาหรบั กรองนา้ เตยหอม
๑๒. บรรจุภณั ฑห์ รือภาชนะทมี่ ีฝาปิดสนทิ

วัตถดุ บิ สาหรบั ทานาเตยหอมผสมวา่ นหางจระเข้

1. เตยหอม ปรมิ าณ 500 กรมั
๒. วา่ นหางจระเข้ ปรมิ าณ ๕๐๐ กรมั
๓. น้าตาล ปริมาณ ๓๐๐ กรมั
๔. เกลือปน่ ปริมาณ ๕๐ กรมั
๕. นา้ เปลา่ ปริมาณ 3,000 กรัม

๑๓

วธิ ีทา
1. นาเตยหอมมาลา้ งให้สะอาด จากนั้นแบง่ ออกเปน็ ๒ ส่วน โดยสว่ นท่ี ๑ นามีดมาหนั่ ให้

เปน็ ท่อนเล็ก ๆ มาปัน่ ด้วยเคร่อื งป่นั ไฟฟ้าให้ละเอียด จากน้นั กรองด้วยผา้ ขาวบางเอาแตน่ ้าเตยหอม

2. นาเตยหอมสว่ นท่ี ๒ ไปตม้ ในน้าใหเ้ ดือดโดยต้มทั้งใบ พอใบออกสีเหลอื งซีด ใหก้ รอง

ด้วยผ้าขาวบาง ๑ รอบ จากน้ันนาข้ึนตั้งไฟ นาน้าเตยหอมส่วนที่ ๑ เทลงผสมในน้าเตยหอมส่วนท่ี ๒
คนใหเ้ ข้ากัน จากนั้นเทน้าตาลทรายขาวลงไปผสม คนไปเร่อื ย ๆ จนสุก แตอ่ ยา่ ให้น้าเตยหอมเดือด

3. ต้มน้าเตยหอมจนสุกหอม นามาเทกรองดว้ ยผ้าขาวบาง ๒ รอบ ตั้งพักไวใ้ หเ้ ย็น
4. นาวา่ นหางจระเขม้ าล้างทาความสะอาด
5. นาวา่ นหางจระเขม้ าปลอกเปลอื ก แล้วลา้ งเมอื กสีเขียวออกให้หมด ประมาณ ๖ – ๗ นา้

6. นาไปหั่นเปน็ ลูกเตา๋ เล็ก จากนัน้ นาไปลา้ งนา้ สะอาดอกี ครงั้ ประมาณ ๒ – ๓ นา้

7. นาว่านหางจระเข้ที่ล้างสะอาดแล้ว ไปต้มกับน้าตาลประมาณ ๕ – ๑๐ นาที ยกลง

จากเตาพักไวใ้ ห้เย็น
๘. เมื่อต้องจะนามาด่ืมให้นาว่านหางจระเข้ท่ีได้ เทผสมลงในน้าเตยหอม จัดใส่แก้วหรือ

ภาชนะเสริ ฟ์ กับนา้ แข็งเพอ่ื เพ่ิมความเยน็ สดชืน่

ตารางท่ี ๑ ประโยชน์ทางโภชนาการของนาเตยหอมผสมว่านหางจระเข้

ท่ี รายการ สารอาหารประเภท คุณประโยชน์
1 เตยหอม - เกลือแร่
- แร่ธาตุ - ช่วยบารุงหัวใจ
2 วา่ นหางจระเข้ - ชว่ ยลดนา้ ตาลในเลือด แกค้ วามดนั โลหติ
- เกลือแร่ - รกั ษาเบาหวาน
3 นา้ ตาล - แรธ่ าตุ
- วุ้นหรอื นา้ เมือกของว่านหางจระเขร้ กั ษา
- คารโ์ บไฮเดรต แผลไฟไหม้
- ช่วยรกั ษาผลในกระเพาะอาหาร
- ใหพ้ ลงั งานแก่รา่ งกาย

- เสรมิ สรา้ งการทางานของระบบประสาท

และสมอง

๔ เกลอื ป่น - สารไอโอดีน - ใหพ้ ลังงานแกร่ า่ งกาย
๕ น้าเปลา่ - วติ ามนิ - ให้ความอบอุ่นแกร่ ่างกาย
- เกลือแร่
- ชว่ ยให้ผิวพรรณสดชืน่
- มีความสาคัญที่สุดของร่างกาย - ช่วยให้ปฏกิ ิรยิ าเคมี
เพราะวา่ 4/5 สว่ นของน้าหนักตัว และการเผาผลาญอาหารในร่างกายเป็นไป
กค็ ือนา้ ตามปรกติ
- เปน็ สารอาหารท่ีไมใ่ หพ้ ลังงาน -ช่วยนาสารอาหารไปเล้ียงภายในส่วนต่าง ๆ ของ
แต่มีความจาเปน็ ตอ่ รา่ งกาย ร่างกาย และช่วยในการขับถ่ายของเสยี ออกจาก
ร่างกาย

๑๔

วุน้ กรอบว่านหางจระเข้

ซ่ึงใช้ว่านหางจระเข้มาต้มผสมกับน้าตาล ต้มให้งวด แล้วยกลงจากเตา จากน้ันนาไปใส่ถาด
เคาะไล่อากาศหรือใส่แบบพิมพ์ นาไปตากแดดให้แห้ง เมื่อแห้งสนิทแล้วเก็บใส่บรรจุภัณฑ์ ภาชนะ
หรือขวดโหลมีฝาปิดให้สนิท สามารถเกบ็ ไว้รับประทานได้นาน

วัสดุอุปกรณ์
1. อา่ งหรือภาชนะ (สาหรับใส่นา้ ล้างวา่ นหางจระเข้)
2. หมอ้ (สาหรบั ตม้ )
3. เขยี ง
4. มดี
๕. ตาช่ังสปรงิ
๖. ถว้ ยตวง
๗. ชอ้ นตวง
๘. ผา้ กนั เปอื้ นและหมวกคลุมผม
๙. ถงุ มือพลาสตกิ
๑๐. บรรจภุ ัณฑ์/ขวดโหลมีฝาปดิ สนทิ (สาหรบั ใส่แปง้ พันกลว้ ย)

วัตถุดิบสาหรบั ทาวุ้นกรอบวา่ นหางจระเข้

1. ว่านหางจระเข้ ปริมาณ ๕00 กรมั
2. ผงว่นุ ปริมาณ ๑0 กรมั
๓. น้าตาลทรายขาว ปรมิ าณ ๒๕0 กรัม
๔. เกลือป่น ปรมิ าณ ๐.๕ กรัม
๕. น้าเปล่า ปรมิ าณ ๑,000 กรมั

วิธที า
1. นาว่านหางจระเข้มาปอกเปลือกล้างเมือกออกใหส้ ะอาดประมาณ ๖ – ๗ คร้ัง
2. นาว่านหางมาห่ันเป็นลูกเต๋าเล็ก จากน้ันนาใส่ในเคร่ืองป่ันไฟฟ้าเทน้าลงผสมปั่นให้

ละเอียด

3. นาว่านหางจระเข้ท่ีป่ันละเอียดแล้วเทใส่กระทะหรือหม้อสาหรับต้ม เติมผงวุ้นลงไปคนให้ผง
วุ้นละลาย ยกขน้ึ ตง้ั ไฟใชท้ ัพพหี รอื ไมพ้ ายคนไปเรื่อย ๆ

4. นาน้าตาลทรายขาวทีเ่ ตรียมไว้เทลงไปผสมกบั วา่ นหางจระเข้ คนไปเรื่อย ๆ จนเดอื ด ปิดไฟ
ยกลงจากเตา

5. นาว่านหางจระเข้ท่ีได้เทใส่ถาดท่ีเตรียมไว้หรือแบบพิมพ์ จากน้ันเคาะภาชนะเพ่ือไล่
ฟองอากาศออกใหห้ มด ปลอ่ ยท้งิ ไวใ้ หว้ ุ้นเซทตวั

6. นาไปตากแดดประมาณ ๕ – ๗ วนั จากนน้ั นามาใสโ่ หลหรอื ภาชนะที่มีฝาปิดสนทิ
7. หากยังไม่รับประทาน สามารถเก็บใส่กล่องหรือภาชนะที่มีฝาปิดสนิทเอาไว้ทอดรบั ประทาน
ได้ โดยสามารถเก็บไวไ้ ดป้ ระมาณ 1 เดอื น
๘. หากต้องการสีเขยี วและกล่นิ หอมของใบเตย สามารถนาเตยหอมมาเป็นสว่ นผสมได้

๑๕

ตารางที่ ๒ ประโยชนท์ างโภชนาการของว้นุ กรอบวา่ นหางจระเข้

ท่ี รายการ สารอาหารประเภท คณุ ประโยชน์

1 ว่านหางจระเข้ - เกลอื แร่ - ว้นุ หรือนา้ เมอื กของว่านหางจระเข้รักษา
2 ผงวุ้น - แร่ธาตุ แผลไฟไหม้
- ช่วยรักษาผลในกระเพาะอาหาร
- เกลือแร่
- แร่ธาตุ  - แคลอรตี า่ เหมาะกบั ผูท้ ่ีตอ้ งการควบคุม
นา้ หนัก
- มีไฟเบอร์สงู ถึง 80% ช่วยเรือ่ งระบบขับถ่าย
ได้ดีเย่ยี ม
- ชว่ ยดูดซับไขมนั สว่ นเกิน

 - มีไอโอดนี

๓ นา้ ตาล - คารโ์ บไฮเดรต - ให้พลังงานแกร่ า่ งกาย

- เสรมิ สรา้ งการทางานของระบบประสาท

และสมอง

๔ เกลอื ป่น - สารไอโอดีน - ใหพ้ ลังงานแกร่ ่างกาย
๕ นา้ เปลา่ - วติ ามิน - ใหค้ วามอบอุ่นแก่รา่ งกาย
- เกลอื แร่
- ช่วยให้ผิวพรรณสดชืน่
- มคี วามสาคัญทีส่ ดุ ของรา่ งกาย - ชว่ ยให้ปฏกิ ริ ิยาเคมี
เพราะวา่ 4/5 ส่วนของน้าหนกั ตวั และการเผาผลาญอาหารในร่างกายเป็นไป
ก็คอื น้า ตามปรกติ
- เปน็ สารอาหารทไ่ี มใ่ หพ้ ลงั งาน -ช่วยนาสารอาหารไปเล้ียงภายในส่วนต่าง ๆ ของ
แตม่ คี วามจาเปน็ ต่อรา่ งกาย ร่างกาย และช่วยในการขบั ถ่ายของเสียออกจาก
ร่างกาย

๑๖

กระดาษทามอื ผสมใบเตยหอม

วสั ดุอปุ กรณ์
1. หม้อ (สาหรบั ต้มกระดาษเหลือใชห้ รือกระดาษเอกสารทีใ่ ช้แล้ว)
2. เครือ่ งปน่ั ไฟฟา้ (สาหรบั ปัน่ กระดาษ)
3. ไม้พายหรือทพั พี (สาหรับคนสว่ นผสม)
๔. ตะแกรง
๕ บล็อกพิมพ์สเี่ หลย่ี มหรอื กรอบแมพ่ มิ พไ์ ม้ (สาหรบั ทากระดาษ)

วัตถดุ ิบสาหรับทากระดาษทามอื ผสมใบเตยหอม

1. กระดาษเหลอื ใช้หรอื ท่ีใชแ้ ลว้ ปรมิ าณ ๑,๐00 กรัม

2. โซดาไฟ ปริมาณ ๑๐0 กรัม

๓. ใบเตยหอม ปรมิ าณ ๕๐๐ กรัม

๔. กาวลาเท็กซ์ ปรมิ าณ ๕๐0 กรัม

๕. น้าเปล่า ปริมาณ ๒,๐๐๐ กรัม

๖. ดอกไมห้ รอื ใบไม้ (สาหรบั ตกแต่ง) ตามตอ้ งการ - -

วิธที า
1. นากระดาษเหลือให้หรอื ท่ใี ช้แลว้ มาฉกี หรือตัดให้เปน็ ชนิ้ เลก็ ๆ
2. นานา้ เปล่าใส่หม้อ จากน้ันนากระดาษเหลอื ใชท้ ่ีฉกี เป็นชิ้นเลก็ ๆ แล้วใสล่ งไป

3. นาโซดาไฟเทผสมลงไปในหม้อ จากนั้นนาข้ึนต้ังไฟขนาดปานกลางต้มไปเร่ือย ๆ จน
สังเกตเห็นว่าหมกึ ทอ่ี ยใู่ นกระดาษจางหายไป ยกลงจากเตาพักใหเ้ ย็น

4. เทกระดาษท่ีต้มแล้วใส่ตะแกรงกรองเอาน้าออก ล้างประมาณ ๒ – ๓ น้า พักท้ิงไว้ให้
สะเดด็ นา้

5. เตรียมเคร่ืองปั่นไฟฟ้า จากนั้นนากระดาษมาใส่ลงในเคร่อื งปั่นเทน้าผสมลงไปเพื่อให้ป่ัน

ได้ง่าย ปน่ั ใหล้ ะเอยี ดและเทใส่ภาชนะทเี่ ตรียมไว้ อาจจะเปน็ กะละมังหรอื ถาดทรงสงู ทีม่ ขี นาดใหญก่ วา่

บลอ็ กพมิ พ์

6. นาใบเตยที่เตรียมไว้มาป่ันให้ละเอียดจนหมด นาไปเทผสมลงในส่วนผสมกระดาษท่ีปั่นจน
ละเอียดแล้วคนผสมใหเ้ ขา้ จน จากนน้ั นากาวลาเทก็ ซ์มาเทลงผสมให้เขา้ กนั

๗. นาส่วนผสมกระดาษท่ีเสร็จเรียบร้อยแล้วเทใส่

กะละมัง แล้วนาบล็อกพิมพ์ส่ีเหลี่ยมหรือกรอบแม่พิมพ์ไม้มา

ช้อนส่วนผสมกระดาษ ยกขึ้นเกล่ียให้เรียบเสมอกันไม่ต้องให้

หนามากเกนิ ไป

๘. หากต้องการเพ่ิมความสวยงาม และต้องการ

ลวดลายสามารถน้าดอกไม้หรือใบไม้ขนาดเล็กมาวางตกแต่งตาม
ตอ้ งการได้

๑๗

๙. นาบล็อกพิมพ์ไปวางตากแดดไว้ประมาณ ๕ – ๗ วัน จนกระดาษแห้งแกะออกจาก
บล็อกพมิ พ์ สามารถนามาใชท้ างานประดษิ ฐ์ ทาปกสมดุ หนงั สอื การ์ดอวยพร หรือกรอบรปู เปน็ ต้น
ซงึ่ การทากระดาษทามอื ผสมใบเตยหอมจะมเี อกลักษณเ์ ฉาะตัวคือมกี ล่นิ หอมของใบเตยนัน่ เอง

บทท่ี 5
สรปุ ผลการดาเนินงาน ประโยชน์ท่ไี ด้รบั และขอ้ เสนอแนะ

จากการศึกษาคน้ คว้า และรวบรวมข้อมูลเกยี่ วกบั โครงงานเรอ่ื ง สวนเกษตรพอเพียงสรา้ งรายได้
โดยเลือกนาว่านหางจระเข้ และใบเตยหอมมาแปรรูปได้ สามารถสรุปผลการดาเนินโครงงาน และ
ขอ้ เสนอแนะ ดงั น้ี

สรปุ ผลการดาเนนิ งาน

จากการศกึ ษาครง้ั นี้ คณะผจู้ ดั ทาโครงงานเรื่อง สวนเกษตรพอเพียงสร้างรายได้ ได้เลอื กนาว่าน
หางจระเข้ และใบเตยหอมมาแปรรูปได้ ดังน้ี น้าใบเตยผสมว่านหางจระเข้ วุ้นกรอบว่านหางจระเข้
และกระดาษทามือผสมใบเตยหอม ซึ่งใช้หลักการในการถนอมอาหารและแปรรูปอาหาร โครงงานนี้
สามารถนาไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจาวัน นาไปทาเป็นอาชีพเสริมเพ่ิมรายได้ให้กับตนเองและ
ครอบครัวท้ังในปัจจุบันและอนาคตต่อไปได้ อีกท้ังผู้จัดทายังนาข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโครงงาน
ดังกลา่ วไปจัดทาในรูปแบบหนงั สือ E – book เพ่อื เผยแพร่บนโลกออนไลน์ต่อไป

ประโยชนท์ ่ีได้รับ

๑. นกั เรียนแปรรูปวา่ นหางจระเข้ และใบเตยหอมได้
๒. ประหยัดรายจา่ ย
๓. นักเรยี นแปรรปู พืชผกั จากสวนเกษตรโรงเรียนและในท้องถิ่นให้เกบ็ ไวไ้ ด้นาน
4. อาชพี เสรมิ เพม่ิ รายได้ให้ตนเอง ครอบครวั และชมุ ชนได้

ข้อเสนอแนะ

1. การทาน้าสมุนไพรผสมว่านหางจระเข้ สามารถนาไปเป็นส่วนผสมของน้าสมุนไพรอื่นได้
เช่น น้าตะไคร้ น้ากระเจย๊ี บ น้าลาไยหรือน้าสม้ เป็นตน้

2. ว่นุ กรอบวา่ นหางจระเข้ อาจจะนาสีหรือรสชาติของผัก ผลไม้จากธรรมชาตมิ าเป็นสว่ นผสม
เพ่อื เพ่มิ สีสนั กลิน่ หอมให้หลากหลายและแปลกใหม่ได้

เอกสารอา้ งองิ

ข้อมูลจากสื่อออนไลน์

แหล่งเรียนรู้ออนไลน์ การงานอาชีพและเทคโนโลยี. งานบา้ น การประกอบอาหาร. [ออนไลน์].
เข้าถึงได้จาก : http://pirun.ku.ac.th/~b521060245/01179334/page/home.html

วกิ ิพเี ดีย สารานุกรมเสร.ี ว่านหางจระเข้. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : https://th.wikipedia.org/wiki/
ว่านหางจระเข้

วกิ ิพเี ดีย สารานุกรมเสร.ี เตยหอม. [ออนไลน์]. เข้าถงึ ไดจ้ าก : https://th.wikipedia.org/wiki/เตยหอม
วิกิพเี ดีย สารานุกรมเสร.ี โซดาไฟ. [ออนไลน์]. เข้าถงึ ได้จาก : https://th.wikipedia.org/wiki/โซดาไฟ
อยดู่ ี กินดี. การกินเพื่อสุขภาพ อาหารหลัก 5 หมู่ และประโยชนต์ ่อสุขภาพ. [ออนไลน์].

เข้าถึงไดจ้ าก : www.honestdocs.co/5-food-group-and-its-benefit
Healthcarethai.com.บทความการดูแลสขุ ภาพ และเคล็ดลับเพอ่ื สุขภาพดีฯ. ประโยชน์ของน้า

ต่อร่างกาย. [ออนไลน์]. เขา้ ถึงไดจ้ าก : http://www.healthcarethai.com
PapaSierra pAt.BLOGGANG.ผงวนุ้ และเจลาตนิ ทามาจากอะไร.[ออนไลน์]

เข้าถึงไดจ้ าก : https://www.bloggang.com/m/mainblog.php?id=papasierra-pat
Top Sausages.การตากแห้งอาหารเปน็ การถนอมอาหารที่งา่ ยและประหยัดทีส่ ุด.[ออนไลน์]

เข้าถึงไดจ้ าก : https://www.topsausages.com/การตากแห้งอาหาร/

ภาคผนวก

 ภาคผนวก ก ภาพกิจกรรม
 ภาคผนวก ข ประวตั ผิ ู้จัดทาโครงงาน

๒๑

ภาคผนวก ก
ภาพกิจกรรม

๒๒

ภาพกิจกรรม

น้าเตยหอมผสมวา่ นหางจระเข้

นำใบเตยหอมมำล้ำงน้ำใหส้ ะอำดทีละใบ จำกนนั้ นำไปตม้ กับนำ้ เปลำ่ จนใบออกเหลอื งซีด
นำไปกรองด้วยผำ้ ขำวบำง ใสภ่ ำชนะตงั้ พักไว้

นำวำ่ นหำงจระเข้ และใบเตยหอมมำลำ้ งน้ำให้สะอำด จำกน้ันนำวำ่ นหำงจระเข้มำปอกเปลือก
ล้ำงเมอื กออกให้หมดประมำณ ๖ – ๗ ครง้ั นำไปหนั่ เป็นลกู เต๋ำขนำดเล็ก ลำ้ งอีก ๒ – ๓ ครั้ง

เทใสต่ ะแกรงพกั ไว้ให้สะเดด็ น้ำ

๒๓

นำน้ำเตยหอมทีไ่ ด้ข้นึ ตั้งไฟอกี คร้งั เทนำ้ ตำลทรำยขำวลงไปผสมคนจนน้ำตำลละลำย จำกน้นั นำ
เนื้อว่ำนหำงจระเขท้ ่เี ตรียมไวเทลงผสม ต้มไปเร่ือย ๆ จนเดือด ปิดไฟยกลงจำกเตำ พักไวใ้ หเ้ ย็น

ตักใสแ่ กว้ เสริ ฟ์ เพ่ิมควำมสดช่ืน แกก้ ระหำย หำกต้องกำรด่ืมแบบเย็น สำมำรถเติมนำ้ แข็งเสริ ฟ์
หรอื นำไปแช่เยน็ ไว้รับประทำนได้

๒๔

วุ้นกรอบว่านหางจระเข้

นำวำ่ นหำงจระเขไ้ ปล้ำงให้สะอำด จำกน้นั ปอกเปลือกลำ้ งเมือกออกให้สะอำด
นำไปหน่ั เป็นลกู เตำ๋ เลก็ ๆ ลำ้ งน้ำอกี ๒ – ๓ นำ้ พกั ไว้

นำว่ำนหำงจระเขท้ ี่ห่ันเป็นลูกเต่ำขนำดเล็ก ๆ ใส่ลงในเครอื่ งป่ันไฟฟำ้ เทน้ำเปลำ่ ลงผสมในโถป่ัน
ปน่ั ให้ละเอยี ด จำกนั้นเทใสห่ มอ้ เติมผงว้นุ ลงไปผสมคนให้ผงว้นุ ละลำย

๒๕

นำหม้อขึ้นตัง้ ไฟต้มใหเ้ ดือด เทน้ำตำมทรำยขำว และเกลอื ป่นลงไปผสมคนไปเรื่อย ๆ จนส่วนผสม
เดือด ยกลงจำกเตำเทใสถ่ ำดหรือแบบพิมพ์ทีเ่ ตรียมไว้ จำกน้ันเคำะภำชนะเพื่อไล่ฟองอำกำศ

ต้ังส่วนผสมวุ้นว่ำนหำงจระเข้ไว้ให้เย็นและเซทตวั จนแข็ง ตัดเป็นสี่เหล่ียมลูกเต๋ำ วำงเรยี งในถำด
ให้เวน้ ระยะหำ่ ง แล้วนำไปตำกแดดให้แห้ง เก็บใสภ่ ำชนะทีม่ ีฝำปิดสนทิ เก็บไว้รบั ประทำน

๒๖

กระดาษทา้ มอื ผสมใบเตยหอม

นำกระดำษเหลือใช้มำฉีกเป็นชน้ิ เล็ก ๆ จำกนั้นนำไปใส่ในหม้อผสมน้ำเปล่ำ ยกขั้นต้ังไฟ
นำโซดำไฟทเ่ี ตรยี มไวเ้ ทใสต่ ้มไปเรื่อย ๆ จนหมึกในกระดำษจำงหำยไป

เมื่อสงั เกตว่ำหมึกจำงหำไปแล้ว ยกลงจำกเตำเทใส่ตะแกรงล้ำงนำ้ ๒ – ๓ คร้ัง
ให้สะอำดจนหำยลื่น จำกนั้นตั้งพักไวใ้ ห้สะเดด็ น้ำ

๒๗

นำเศษกระดำษที่ต้มแลว้ และล้ำงจนสะอำดใส่ในเครื่องปนั่ ไฟฟำ้ โดยเทน้ำลงไปผสมเพอื่ ป่ันได้ง่ำย
ป่ันจนละเอียด เทใส่ภำชนะท่ีเตรยี มไว้

นำใบเตยมำห่นั เปน็ ช้นิ ๆ แล้วใสเ่ ครอ่ื งปน่ั ไฟฟ้ำปั่นใหล้ ะเอียด
เทลงผสมในส่วนผสมกระดำษทป่ี ั่นละเอยี ด พร้อมทงั้ เทกำวลำเท็กซ์ลงไปผสมให้เขำ้ กัน

๒๘

นำบล็อกส่ีเหล่ยี มหรือกรอบไม้ทเ่ี ตรยี มไว้ และดอกไม้หรือใบไม้เพ่ือใช้ตกแต่งใหส้ วยงำม

นำบล็อกไมล้ งไปชอ้ นเอำกระดำษทป่ี ่ันจนละเอียด เกล่ยี ให้เสมอกัน
วำงดอกไม้และใบไม้ตกแต่งตำมชอบ จำกน้ันนำไปวำงตำกแดดให้แห้งสนิท

๒๙

เม่ือได้กระดำษท่ีตำกให้แห้งสนทิ แลว้ แกะออกจำกบล็อกใหเ้ รยี บร้อย
สำมำรถนำไปใชง้ ำนได้ตำมต้องกำร

กระดำษทำมือผสมในเตยหอม สำมำรถทำได้หลำยแบบตำมตอ้ งกำร
เอกลักษณ์ของกระดำษน้จี ะมีกล่ินหอมของใบเตยหอม

๓๐

ภาคผนวก ข
ประวัตผิ ู้จดั ทาโครงงาน

๓๑

ประวัตผิ ูจ้ ดั ทาโครงงาน

ช่ือ - สกลุ เด็กชำยกฤษฎำ แจ่มแจ้ง
ชอ่ื เล่น นอ้ งเฟิร์ส
สถำนศึกษำ โรงเรียนเทศบำลวัดช่องลม (เป่ยี มวทิ ยำคม)
วนั เกิด ๗ ธนั วำคม ๒๕๕๔
ทีอ่ ยู่บ้านเกดิ บำ้ นเลขท่ี ๑๕๙/๒๕๒ ต.ท่ำจนี อ.เมอื งสมุทรสำคร จ.สมทุ รสำคร
จานวนพีน่ อ้ ง ๑ คน เปน็ บุตรคนที่ ๑
ความสามารถพิเศษ เลน่ ฟุตบอล
คติธรรมประจาใจ ชำ้ ลงอีกนดิ ชวี ติ จะดขี ้ึน

๓๒

ประวัติผ้จู ัดทาโครงงาน

ชอื่ - สกลุ เด็กหญงิ ณฏั ฐณชิ ำ แซ่ลิ้ม
ช่ือเลน่ น้องนนี ี่
สถำนศึกษำ โรงเรียนเทศบำลวดั ชอ่ งลม (เปีย่ มวิทยำคม)
วนั เกดิ ๒๖ เมษำยน ๒๕๕๕
ท่อี ยู่บา้ นเกดิ บ้ำนเลขท่ี ๙๙ ต.ทำ่ จีน อ.เมอื งสมุทรสำคร จ.สมุทรสำคร
จานวนพน่ี ้อง ๔ คน เป็นบุตรคนที่ ๒
ความสามารถพเิ ศษ ร้องเพลง
คตธิ รรมประจาใจ มุง่ ม่นั ทำงำน จติ ใจดี

๓๓

ประวตั ผิ จู้ ัดทาโครงงาน

ชอ่ื - สกลุ เด็กหญงิ ณชิ ำนันท์ เทศอำ่
ชื่อเล่น นอ้ งมวิ
สถำนศกึ ษำ โรงเรียนเทศบำลวดั ช่องลม (เปี่ยมวิทยำคม)
วนั เกิด ๑๐ กรกฎำคม ๒๕๕๔
ที่อยูบ่ ้านเกิด บ้ำนเลขที่ ๒๗/๑ ม.๔ ต.ท่ำทรำย อ.เมืองสมุทรสำคร จ.สมุทรสำคร
จานวนพนี่ ้อง ๓ คน เปน็ บุตรคนท่ี ๑
ความสามารถพิเศษ วำดรูป
คตธิ รรมประจาใจ มุ่งมั่น ตั้งใจกับส่ิงที่ทำ

โครงงานกล่มุ สาระการเรยี นรกู้ ารงานอาชีพ
เร่ือง สวนเกษตรพอเพียงสรา้ งรายได้


Click to View FlipBook Version