ก่อนประวัติศาสตร์และยุคโบราณ(ยุคเก่า) ❖สมัยโจมง (縄文:じょうもん) ❖สมัยยะโยะอิ (弥生:やよい) ❖สมัยโคะฟุน (古墳:こふん) ❖สมัยนะระ (奈良:なら) ❖สมัยเฮอัน (平安:へいあん) 3
สมัยโจมง (縄文時代:じょうもんじだい) 8,000 ปี– 300 ปีก่อนคริสตกาล ที่มา: https://www.womjapan.com/column/trend/update-trend/tokyo-5-art-exhibition-in-this-summer/, https://plaza.rakuten.co.jp/jubilonhh/diary/201905180000/ อาศัยตามถ ้า แล้วค่อยพัฒนาสู่การ ขุดหลุมเป็นบ้าน ยังชีพโดยการล่าสัตว์ โดยใช้คันธนูและลูกธนูจับปลา เก็บ ของป่า ยังไม่มีชนชั นทางสังคม ยังไม่ รู้จักท้าเกษตรกรรม มีการผลิตภาชนะเครื่องปั้นดินเผาใส่ อาหารและเก็บรักษาอาหาร
สมัยโจมง (縄文:じょうもん) 8,000 ปี– 300 ปีก่อนคริสตกาล ที่มา: https://www.womjapan.com/column/trend/update-trend/tokyo-5-art-exhibition-in-this-summer/, https://plaza.rakuten.co.jp/jubilonhh/diary/201905180000/ มีการผลิตภาชนะเครื่องปั้นดินเผาใส่อาหารและเก็บรักษาอาหาร ชื่อ “โจมน” มีที่มาจากภาชนะดินเผาลายเชือกที่ค้นพบ ค้าว่า โจ 縄(じょう) ในค้าว่าโจมน 縄文(じょうもん) หมายถึง เชือก ในสมัยนี มีการขุดพบตุ๊กตาโดะงูในจังหวัดอาโอะโมริ ซึ่งคาดว่าอาจใช้ในการเล่นหรืออธิษฐานขอความอุดมสมบูรณ์ ปลายสมัยโจมนมีการรับ วัฒนธรรมการปลูกข้าวมาจากคาบสมุทรเกาหลีเข้ามาทางตอนเหนือของคิวชู
สมัยยะโยะอิ (弥生:やよい) 300 ปีก่อนคริสตกาล – ค.ศ. 300 เริ่มวิทยาการปลูกข้าว เกิดสังคมกสิกรรม รู้จักใช้โลหะ เพิ่มผลผลิตและเกิดความ แตกต่างของชนชั น การปรับกลุ่มชาวนาให้ เป็นกลุ่มนักปกครอง ความเชื่อระเบียบแบบ แผนธรรมเนียมปฏิบัติของชาวนาแพร่หลาย ออกไป จนกลายเป็นต้นแบบทางวัฒนธรรมญี่ปุ่น สืบไป วัฒนธรรมสมัยยะโยะอิมีความรุ่งเรือง ต่อเนื่องจนถึงราว ๆ ปี ค.ศ.300 และในช่วง ปลายก็ได้แพร่ขยายจนถึงภูมิภาค ตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่นด้วย
สมัยยะโยะอิ (弥生:やよい) 300 ปีก่อนคริสตกาล – ค.ศ. 300 ที่มา: https://www.metmuseum.org/art/collection/search/44831, https://ikoyo.net/facilities/1301และ https://nihonsi-jiten.com/life-of-yayoiera/ ชื่อ“ยาโยอิ” มาจากเครื่องปั้นดินเผาสีแดง เมื่อหมู่บ้านต่างๆ ต้องการขยายตัวมากขึ นจนเกิดการต่อสู้แย่งชิงที่นาและแหล่งน ้า หมู่บ้าน ที่ชนะก็จะได้ขยายตัว กลายเป็นแคว้น (クニ) ท้าให้สมัยนี มีผู้น้าแคว้นและมีการแบ่งชน ชั น ซึ่งแคว้นที่ใหญ่และมีอ้านาจ คือ แคว้นยามาไต 邪馬台国 (やまたいこく) มีกษัตริย์เป็นผู้หญิงชื่อ ฮิมิโกะ
สมัยยะโยะอิ (弥生:やよい) 300 ปีก่อนคริสตกาล – ค.ศ. 300 ที่มา: https://www.metmuseum.org/art/collection/search/44831, https://ikoyo.net/facilities/1301และ https://nihonsi-jiten.com/life-of-yayoiera/ ความรู้ต่าง ๆ ในยุคนี มาจากผู้อพยพชาวจีน แผ่นดินใหญ่ การกล่าวถึงญี่ปุ่นครั งแรกปรากฏ ขึ นในบันทึกของราชส้านักจีนสมัยราชวงศ์ฮั่น โฮ่วฮั่นชู (後漢書) ในปี 57 ก่อน คริสตกาล ซึ่งเรียกชาวญี่ปุ่นว่า วะ (倭) นอกจากนี ยังมีการส่งทูตไปจีนและมีการบันทึก เกี่ยวกับสมัยยาโยอิในบันทึกของจีน 魏志倭 人伝(きしわじんでん) อีกด้วย
สมัยโคะฟุน (古墳:こふん) ค.ศ. 300 – ค.ศ. 700 9 ที่มา: https://www.tnm.jp/modules/r_collection/index.php?controller=dtl_img&size=L&colid=J21428X&t=, https://camdentown2012.hatenablog.com/entry/2019/02/10/162329 สมัยนั นชนเผ่า ยะมะโตะ ตุ๊กตาฮานิวะ สุสานส้าหรับคนชั นสูง
10 ในสมัยนั นชนเผ่ายะมะโตะ (大和:やまと) รวบรวมชนเผ่าอิสระต่าง ๆ ได้เป็นครั งแรก เกิดชนชั นปกครอง มีการสร้างสุสานลักษณะพิเศษส้าหรับชนชั น ปกครอง ชื่อสมัย “โคะฟุน” มาจากสุสานขนาดใหญ่เรียกว่า โคะฟุน ที่ผู้ปกครอง แคว้นได้สร้างกระจายอยู่ทั่วประเทศ ในสุสานมีข้าวของเครื่องใช้เรียงรายอยู่ หนึ่งใน นั น คือ ตุ๊กตาฮานิวะ 埴輪 踊る人々(はにわ おどるひと びと)ท้าให้เห็นการแต่งกายและความเป็นอยู่ของคนสมัยนั น เป็นสมัยที่รับวิทยาการต่าง ๆ จากจีนและเกาหลีอย่างมากเช่น การผลิต เครื่องโลหะ เครื่องปั้นดินเผา การทอผ้า การถลุงเหล็ก พุทธศาสนา ขงจื๊อ และ อักษรจีน เริ่มมีภาษาเขียน เริ่มการ ปกครองแบบรวมอ้านาจไว้ที่จักรพรรดิ ตามแบบจีน บางต้าราเรียกยุคนี ว่ายุคยะ มะโตะ
11 สมัยนะระ (奈良:なら) ค.ศ. 710 – ค.ศ. 794 ที่มา: https://xn----kx8am9ow8cv7f5tnxma.jinja-tera-gosyuin-meguri.com, https://narakanko-enjoy.com/?p=20421 ด้านสังคมและการปกครอง สมัยนารานั นมีภัยพิบัติเกิดขึ น ท้าให้ปลูกข้าวได้ยาก ผลผลิตไม่เพียงพอ อีกทั งชาวนายังต้องจ่ายภาษี การที่ต้องแบกภาระหนัก ท้าให้เกิดการทิ ง ที่ดิน รัฐจึงได้ออกกฎหมายให้บุคคลใดก็ตามสามารถบุกเบิกที่ดินและถือครอง ที่ดินได้ คนที่ไปบุกเบิกที่ดิน ได้แก่ ขุนนางและวัด ท้าให้รัฐมีที่ดินลดลงและเพิ่มอ้านาจให้ขุนนางและวัด สั่นคลอนถึงอ้านาจ ของจักรพรรดิ ด้านศาสนา สมัยนี มีพระจีนเข้ามาเผยแผ่ศาสนาพุทธและศาสนาพุทธยังได้รับการ สนับสนุนจากรัฐอย่างมาก จนเป็นศาสนาเเห่งรัฐ
12 สมัยนะระ (奈良:なら) ค.ศ. 710 – ค.ศ. 794 ที่มา: https://xn----kx8am9ow8cv7f5tnxma.jinja-tera-gosyuin-meguri.com, https://narakanko-enjoy.com/?p=20421 จักรพรรดิโชมุ ทรงเชื่อว่าพระพุทธศาสนาจะท้าให้บ้านเมืองร่มเย็นเป็นสุข จึงทรงให้สร้างวัดประจ้าแคว้นทั่วประเทศ ซึ่งวัดที่เป็นศูนย์กลาง คือ วัดโทได (東大寺) และมีพระพุทธรูปไดบุทซึ(大仏) ประดิษฐานอยู่ ด้านวัฒนธรรม มีการรวมบทกวีมันโยชู (万葉集:まんようしゅう)ซึ่งเป็น การรวมบทกวีของคนทุกชนชั นตั งแต่สามัญชนจนถึงจักรพรรดิ เกิดบันทึกทางประวัติศาสตร์ 2 เล่มคือ โคะจิขิ(古事記: こじき) และ นิฮงโชะขิ (日本書紀:にほんしょき)
13 สมัยเฮอัน (平安:へいあん) ค.ศ. 794 – ค.ศ. 1185 ที่มา: https://nihonsi-jiten.com/heiankyou/ http://www.luanlishi.com/a/201709/32178.html
14 จักรพรรดิคัมมุได้ย้ายเมืองหลวงมาอยู่ที่ "เฮอันเคียว" (平安京) หรือเกียวโตใน ปัจจุบันและเป็นที่ประทับของจักรพรรดิจนถึง ค.ศ.1868 ด้านสังคมและการปกครอง ตั งแต่สมัยนาราที่มีการออกกฎหมายให้บุคคลบุกเบิกที่ดินและสามารถถือครองที่ดิน ได้ ท้าให้ขุนนางและวัดได้ครอบครองที่ดินมาก พอมาถึงสมัยเฮอัน คนที่ไม่อยากจ่าย ภาษีที่ดินก็น้าที่ดินไปให้กับขุนนางหรือถวายวัดเพื่อให้ได้รับการคุ้มครอง นอกจากนี ขุน นางยังออกกฎห้ามไม่ให้เก็บภาษีที่ดินของขุนนางด้วย ท้าให้ขุนนางในสมัยนี เป็นเจ้าของ ที่ดินมากขึ นและมีอ้านาจขึ น น้าไปสู่ความอ่อนแอของราชส้านัก ตระกูลที่มีอ้านาจที่สุดในสมัยนี คือ ตระกูลฟุจิวาระ (藤原氏) ได้สร้างอ้านาจในราช ส้านักโดยการส่งบุตรีให้เป็นสนมหรือมเหสีของจักรพรรดิ แล้วให้พระโอรสซึ่งเป็นหลาน ของตนขึ นครองราชย์อยู่ภายใต้อ้านาจตน ขุนนางชั นสูงมีอ้านาจมากกว่าจักรพรรดิ เมื่ออ้านาจราชส้านักอ่อนแอลง ผู้ปกครองตามหัวเมือง (ไดเมียว )ก็เริ่มแข็งข้อ ได้มีการ จ้างนักรบมาคุ้มครองที่ดินของตนเอง จึงเป็นสมัยที่เป็นต้นก้าเนิด "ซามุไร" ทางราช ส้านักก็มีการจ้างนักรบปราบปรามพวกที่แข็งข้อเช่นกัน นักรบที่ส้าคัญ1.ตระกูลไทระ 平氏 มีผู้น้า คือ ไทระโนะ คิโยโมะริ (平清盛 ) 2.ตระกูลมินาโมะโตะ 源氏 มีผู้น้า คือ มินาโมะโตะโนะ โยชิโตะโมะ (源義朝 ) ด้านวัฒนธรรม เกิดการสร้างวัฒนธรรมแบบญี่ปุ่นในยุคที่ขุนนางเฟื่องฟู ได้แก่ อักษรฮิรางานะซึ่งท้าให้ เกิดวรรณกรรมเกนจิโมโนกาตาริ (源氏物語) อักษรคาตาคานะ ชุดกิโมโน 12 ชั น (十二単 ) ภาพวาดแบบยามาโตะเอะ (大和絵 )
15 นักรบที่ส้าคัญ1.ตระกูลไทระ 平氏 มีผู้น้า คือ ไทระโนะ คิโยโมะริ (平清盛 ) 2.ตระกูลมินาโมะโตะ 源氏 มีผู้น้า คือ มินาโมะโตะโนะ โยชิโตะโมะ (源義朝 ) ด้านวัฒนธรรม เกิดการสร้างวัฒนธรรมแบบญี่ปุ่นในยุคที่ขุนนางเฟื่องฟู ได้แก่ อักษรฮิ รางานะซึ่งท้าให้เกิดวรรณกรรมเกนจิโมโนกาตาริ (源氏物語) อักษรคาตาคานะ ชุดกิโมโน 12 ชั น (十二単 ) ภาพวาดแบบยามาโตะเอะ (大和 絵 ) สถาปัตยกรรมแบบชินเดนสึคุริ (寝殿造 り )
Hiragana 16 Katakana
ประวัติศาสตร์ยุคกลาง ❖สมัยคะมะคุระ (鎌倉:かまくら) ❖สมัยราชวงศ์เหนือใต้ (南北朝:なんぼくちょう) ❖สมัยมุโระมะฉิ (室町:むろまち) ❖สมัยแห่งการรบพุ่ง (戦国時代:せんごくじだい) 17
18 สมัยคะมะคุระ (鎌倉:かまくら) ค.ศ. 1185 – ค.ศ. 1333 ที่มา: https://rekishi-memo.net/kamakurajidai/, https://kknews.cc/culture/jpjory.html เริ่มยุครัฐบาลทหาร (幕府:ばくふ) ของชนชั นนักรบ น้าโดยมินะโมะโตะ โยะริโตะโมะ (ตระกูลไทระ และตระกูลมินะโมะโตะ ซึ่งเป็น ตระกูลทหารและสืบเชื อสายจักรพรรดิองค์ก่อน ๆ รบกันอย่างรุนแรง ตระกูลมินะโมะโตะเป็นฝ่ายชนะและท้าลายตระกูลไทระจนสิ น ) เมื่อมินา โมะโตะ โยริโตะโมะ (源頼朝) ได้เป็นโชกุน ก็ได้ตั งรัฐบาลทหารเรียกว่าบะคุฟุ (幕府) อยู่ที่คามาคุระ (เมืองหลวงยังอยู่ที่เกียวโต) โชกุนมีอ้านาจเหนือจักรพรรดิ สถาปนาลัทธิบุชิโด (武士道:ぶしどう)
19 ด้านการปกครอง มีการมอบต้าแหน่ง ให้นักรบเป็น ชุโงะ (守護) ผู้ดูแลเเคว้นและต้าแหน่ง จิโต (地頭) ผู้ดูแลการเก็บภาษีที่ดิน นอกจากนี ยังมีการออกกฎหมายส้าหรับนักรบเป็นกฎหมายเกี่ยวกับการถือครองที่ดินและ ควบคุมนักรบ เนื่องจากมีการต่อสู้แย่งชิงที่ดินกัน กฎหมายนี จึงเป็นการวางรากฐานของระบบศักดินา มีเหตุการณ์ส้าคัญคือกองทัพมองโกลบุกตีทางตอนเหนือของคิวชู 2 ครั ง คือ ปี ค.ศ.1274 และ ค.ศ.1281 แต่ก็ถูกพายุคามิคะเซะ (神風) พัดกองทัพเรือล่มไป ในช่วงที่นักรบไม่พอใจรัฐบาล จักรพรรดิโกะไดโกะที่ต้องการกลับมามีอ้านาจในการปกครอง อีกครั งได้ร่วมมือกับแม่ทัพชื่อ อาชิคางะ ทาคาอุจิ (足利尊氏) โค่นล้มรัฐบาลทหารคา มาคุระได้ส้าเร็จ แต่ทาคาอุจิกลับยึดอ้านาจขององค์จักรพรรดิและตั งรัฐบาลทหารที่เกียวโต ด้านวัฒนธรรม -พุทธศาสนาแนวใหม่ เกิดนิกายต่างๆ ขึ น เช่น โจโดะชินชู จิชู นิชิเรน และนิกายเซน สาย รินไซกับสายโซโตะ
20 สมัยราชวงศ์เหนือใต้(南北朝:なんぼくちょう) ค.ศ. 1336 – ค.ศ. 1392 ที่มา: https://rekishi-memo.net/kamakurajidai/, http://www.umo7.com/ci/riben/nanbei/2018/0123/1465.html หลังจากที่รัฐบาลคามาคุระล่มสลายและจักรพรรดิโกะไดโกะถูกอาชิคางะ ทาคาอุ จิ แม่ทัพของพระองค์เองโค่นอ้านาจ ทางฝั่งอาชิคางะ ทาคาอุจิก็ได้จัดตั งรัฐบาลขึ นที่มุโรมาจิ ในเกียวโต แล้วเชิญจักรพรรดิ โคเมียวขึ นครองราชย์ ฝ่ายจักรพรรดิโกะไดโกะหนีไปอยู่ที่โยชิโนะ (ปัจจุบันอยู่ในจังหวัดนะระ) ในปี ค.ศ.1336 หลังจากนั นทั งสองฝ่ายก็ยังคงสู้รบกันเป็นเวลาประมาณ 50 ปี ช่วงที่ทั งสองฝ่าย แย่งชิงความชอบธรรมในการปกครองนี เรียกว่า สมัยราชวงศ์เหนือ-ใต้ (南北朝 ค.ศ.1336-1392) จนกระทั่ง ค.ศ.1392 โชกุนอาชิคางะ โยะชิมิสึ (足利義光 โชกุนที่เป็นตัวละครในเรื่องอิคคิวซัง) สามารถรวม 2 ราชวงศ์และกุมอ้านาจการ ปกครองไว้ได้
21 สมัยมุโระมะฉิ (室町:むろまち) ค.ศ. 1336 – ค.ศ. 1573 ที่มา: https://www.hotbak.net/key, https://www.sohu.com/a/155110257_721854 อะชิคางะ โยะชิมิทสึ(足利義満) ได้ ปราบปรามชนชั นปกครองลงอย่างราบคาบและตั งรัฐบาล ทหารขึ นอีกครั งที่เกียวโต ระบบโชกุนมีอิทธิพลสูงสุดสามารถปกครองญี่ปุ่นต่อมานาน ถึงเกือบ 200 ปี โชกุนได้รับการยอมรับโดยทั่วไปว่าเป็นผู้ มีอ้านาจแต่ผู้เดียวในการปกครองประเทศ ออกพระราช ก้าหนดกฎหมายได้ในนามจักรพรรดิ วัฒนธรรมนักรบได้ กลืนกินวัฒนธรรมชนชั นปกครอง (เชื อพระวงศ์) อย่าง ราบคาบ
22 ลัทธิบุชิโดของทหารมีอิทธิพลอย่างมากต่อญี่ปุ่นจนถึงปัจจุบัน เช่น ระเบียบวินัย อันเคร่งครัด ความอดทนอดกลั้น ความเรียบง่าย โชกุนอาชิคางะ โยะชิมิสึ สามารถรวม 2 ราชวงศ์เหนือ -ใต้และกุมอ านาจการปกครองไว้ได้ ด้านเศรษฐกิจ ในสมัยของโชกุ นโยชิมิตซึเป็นต้นมา บ้านเมืองสงบ มีการติดต่อค้าขายกับจีนและ เกาหลี การเพาะปลูกพัฒนาขึ้น สินค้าหัตถกรรมผลิตได้มาก การตลาดขยายตัวไป ทั่วประเทศ กลุ่มพ่อค้าร ่ารวยและชาวนามีฐานะดีขึ้น จึงเกิดการรวมกลุ่มกันของ คนเหล่านี้ ด้านการทูต มีการส่งทูตไปในสมัยราชวงศ์หมิงของจีน
23 วัฒนธรรม1.ต้าหนักทอง (金閣 ) 2.ต้าหนักเงิน (銀閣 ) 3.ละครโน ( 能 ) 4.ละครเคียวเง็น (狂言 ) 5.สถาปัตยกรรมแบบโชะอิน (書院造 り ) 6.การประดับภาพวาดด้วยหมึก (水墨画 ) 7.พิธีชงชาแบบเรียบง่าย (わび 茶 ) ด้านศาสนา เกิดศาสนาพุทธแนวใหม่ เช่น นิกายโจโดะชินชูและนิชิเรน มีผู้นับ ถือมากขึ น
24 สมัยมุโระมะฉิ (室町:むろまち) ค.ศ. 1336 – ค.ศ. 1573 ที่มา: https://www.hotbak.net/key, https://www.sohu.com/a/155110257_721854 ต าหนักทอง (金閣:kinkaku) ต าหนักเงิน (銀閣:ginkaku)
https://www.youtube.com/watch?v=PEDQGt8pIF4 สมัยมุโระมะฉิ (室町:むろまち) ค.ศ. 1336 – ค.ศ. 1573 อิคคิวซัง การ์ตูนเรื่องนี กล่าวถึงเหตุการณ์ในช่วงต้นของมุโระมิฉิหลังจาก ตั งรัฐบาลโชกุนขึ นแล้ว โชกุนโยชิมิทสึต้องการความมั่นคงใน อ้านาจ จึงออกค้าสั่งให้โอรสของพระจักรพรรดิองค์ก่อนไปเข้าพิธี บวชตลอดชีวิต (แต่พระอิกคิวตัวจริง บวชเพราะเป็นพระราชโอรส ของพระมเหสีนอกสมรสของจักรพรรดิ และถูกพระมเหสีจากราช ส้านักกลั่นแกล้ง) เชงกิโกมารุ พระราชโอรสจึงต้องไปบวชเณร ขณะที่ยังเล็ก โดยได้รับสมญาว่า อิกคิว แต่ด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์ จึง ไม่มีความเคียดแค้นโชกุน (ซึ่งได้ชิงอ้านาจจักรพรรดิอันชอบธรรม ไปจากอิคคิว) นอกจากนี โชกุนโยชิมิทสึและอิกคิวยังเป็นมิตรที่ดีต่อ กันในเวลาต่อมาด้วย https://th.wikipedia.org/wiki/เณรน้อยเจ้าปัญญา
สมัยมุโระมะฉิ (室町:むろまち) ค.ศ. 1336 – ค.ศ. 1573 https://nihonsi-jiten.com/muromachi-featurea/ พิธีชงชา ละครโน การจัดสวนแบบญี่ปุ่น
27 สมัยแห่งการรบพุ่ง (戦国時代:せんごくじだい) ค.ศ. 1493 – ค.ศ. 1590 ที่มา:https://takagimaiko.com/20180925_nokatsu-3/, https://sengoku-his.com/166 โชกุนแต่งตั งผู้ว่าการทางทหารไปควบคุมดูแลท้องถิ่นต่าง ๆ ผู้ว่าการทางทหารบางคนมีอิทธิพลมากขึ นเรื่อย ๆ ในท้องถิ่นตัวเอง ตั งตัวเป็นไดเมียว (เจ้าผู้ครองแคว้น) ไดเมียวแต่ละคนประกาศตัวเป็นอิสระจากการควบคุมของรัฐบาลโชกุน ปกครอง ดินแดนของตัวเองอย่างอิสระ โชกุนยังมีอ้านาจอยู่ในสมัยมุโระมะฉิ แต่ก็ปราศจากอ้านาจเด็ดขาดในการปกครอง เช่นเดียวกับจักรพรรดิ เป็นช่วงที่ญี่ปุ่นมีลักษณะการปกครองแบบกระจายอ้านาจสู่ท้องถิ่น แต่ละแคว้นมีอิสระและรบกันบ่อยครั ง เรียกว่ายุคแห่งการรบพุ่ง (戦国時代: せんごくじだい) ค.ศ. 1493 – ค.ศ. 1590 ไดเมียวที่ส้าคัญ คือ โอดะ โนบุนางะ (織田信長) ในยุคนี ชาวโปรตุเกสได้น้าปืนมาจากตะวันตก และเป็นต้นแบบการผลิตปืนในญี่ปุ่น กองก้าลังของโอดะ โนบุนางะ ก็ได้ใช้ปืนต่อสู้กับฝ่ายตรงข้ามอีกด้วย