The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ม.1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 หน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต (ปี กศ.2565)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ดิเรกฤทธิ์ ยุเหล็ก, 2022-07-23 10:02:35

ม.1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 หน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต (ปี กศ.2565)

ม.1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 หน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต (ปี กศ.2565)

51

2.1.2 เซลล์เมด็ เลอื ดแดงของคนและสัตวเ์ ล้ียงลูกดว้ ยนม มีรูปร่างกลมแบน
ตรงกลางเวา้ เข้าหากัน ไม่มีนิวเคลียส เพื่อเพิม่ พืน้ ทผ่ี วิ ในการแลกเปล่ยี นแก๊สและลำเลียงแกส๊

2.1.3 เซลล์เม็ดเลือดขาวของคน มรี ูปร่างกลม ไม่มีสี มีขนาดใหญก่ ว่าเซลลเ์ ม็ดเลอื ดแดง แตม่ จี ำนวนนอ้ ย
กว่า มีนิวเคลยี สขนาดใหญ่ทำหนา้ ท่ีทำลายเชื้อโรค

2.1.4 เซลลไ์ ข่ของสัตวป์ กี คอื สว่ นที่เปน็ ไขแ่ ดงนั่นเอง

52
2.1.5 เซลล์อสุจขิ องคน ประกอบด้วย 3 สว่ น คือส่วนหัว ลำตวั และหาง โดยหางเปน็
โครงสร้างทใ่ี ช้ในการเคลอ่ื นท่ี

2.1.6 เซลลก์ ลา้ มเนอ้ื ของคน มลี ักษณะยาวเรยี ว เพอ่ื ใหเ้ หมาะต่อการยืดหดตัว
ของกลา้ มเนื้อ

2.2 เซลล์พชื เช่น เซลล์ต่าง ๆ ในใบไม้

53

2.2.1. เซลลผ์ วิ ใบ อยู่นอกสดุ ของใบ มีรูปรา่ งเป็นช่องสี่เหลยี่ ม มีสารคล้ายขี้ผึง้ ขาว ๆ
ปกคลุมอยู่ ชว่ ยป้องกันการระเหยของน้ำ

2.2.2. เซลลค์ มุ มรี ูปร่างคล้ายเมล็ดถว่ั 1 คู่ ประกบกันทำให้เกิดรูตรงกลางเป็นทางแลกเปลีย่ นแก๊สและไอ
น้ำระหวา่ งภายในและภายนอกใบซง่ึ เซลล์คุมน้จี ะไมพ่ บในพชื ใต้น้ำ

2.2.3. เซลล์ชน้ั ในของใบ มีรูปรา่ งยาวตอ่ กนั ภายในมีเม็ดคลอโรพลาสต์จำนวนมาก

54

การจดั ระบบของเซลล์เพอ่ื ทำหน้าทเี่ ฉพาะ
สงิ่ มีชีวติ หลายเซลล์จะมเี ซลล์ทท่ี ำหนา้ ทีเ่ ฉพาะจำนวนมากมายมาประกอบกนั เป็นรปู ร่าง

เช่นคน จะมเี ซลล์ทท่ี ำหน้าทเ่ี ฉพาะมาประกอบกันเป็นสมอง หัวใจ กระเพาะอาหาร ฯลฯ และประกอบกนั
เป็นร่างกาย พืชเช่นกนั พชื จะมเี ซลล์ท่ีทำหน้าท่ีเฉพาะมาประกอบกนั เปน็ ราก ลำตน้ ใบ ดอก
และประกอบกันเป็นตน้ พชื

ตารางแสดงการจัดระบบของเซลล์เพ่ือทำหนา้ ทเี่ ฉพาะ เซลล์
พชื

เซลล์

เน้ือเยือ่ เน้ือเย่อื

55
อวัยวะ

ระบบ

56

แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 4

หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 2 หนว่ ยพน้ื ฐานของสิ่งมีชีวติ เร่ือง การแพร่

กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

รหสั วชิ า ว 21101 รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ 1 ชนั้ ม.1 เวลาเรียน 3 ชัว่ โมง

ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศึกษา 2565 ครูผ้สู อน นายดิเรกฤทธิ์ ยเุ หลก็ ตำแหน่ง ครู คศ.1

ใช้สอนวนั ....................... ท่.ี ........... เดอื น.................................... พ.ศ. .........................

*************************************

1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ ตวั ชวี้ ัด
มาตรฐาน ว 1.2 เขา้ ใจสมบตั ขิ องสงิ่ มีชีวติ หนว่ ยพนื้ ฐานของสง่ิ มชี ีวติ การลำเลียงสารผา่ นเซลล์ความสมั พันธ์ของ
โครงสร้างและหน้าทข่ี องระบบต่างๆของสัตวแ์ ละมนุษยท์ ที่ ำงานสัมพันธก์ นั ความสมั พนั ธ์ของโครงสร้างและหนา้ ท่ี
ของอวัยวะต่างๆของพืชท่ที ำงานสมั พนั ธก์ ันรวมทง้ั นำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์
ตัวชวี้ ัด

ว 1.2 ม.1/5 อธบิ ายกระบวนการแพร่และออสโมซิสจากหลักฐานเชงิ ประจักษแ์ ละยกตัวอย่างการแพร่
และออสโมซสิ ในชวี ิตประจาวัน

2. สาระสำคัญ
การที่สง่ิ มีชีวติ แต่ละชนดิ จะดำรงชีวิตอยู่ไดน้ ้นั กเ็ พราะเซลล์ซ่งึ เปน็ หนว่ ยท่ีเลก็ ท่สี ุดไดร้ บั สารอาหาร

เข้าไป เพอ่ื ใช้ในการผลติ พลงั งานและกำจดั ของเสยี หรือส่ิงท่เี ป็นพษิ และส่งิ ที่มากเกินพออกภายนอกเซลล์
สว่ นประกอบของเซลล์ทที่ ำหนา้ ท่ีควบคุมการลำเลียงสารเขา้ และออกจากเซลล์คอื เยอื่ หุม้ เซลล์ การแพร่
เปน็ ปรากฏการณ์ทส่ี ารเคล่ือนทจ่ี ากท่ีมีความเข้มข้นของอนุภาคของสารมากไปสทู่ ี่ทมี่ ีความเข้มข้นของ
อนภุ าคของสารน้อยกว่า

3. จุดประสงค์การเรยี นรู้
ด้านความรู้ (K)
1. อธิบายกระบวนการแพรข่ องสารได้
2. สรุปความสำคัญของการแพร่ของนำ้ ทีม่ ตี อ่ การดูดนำ้ และแร่ธาตขุ องพืชได้
ด้านทักษะกระบวนการ (P)
ทดลอง

57

คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ (A)
รอบคอบ ความรบั ผิดชอบ ความซือ่ สัตย์

4. สาระการเรียนรู้
การแพร่ของสาร

5. กระบวนการจัดการเรยี นรู้
ชั่วโมงที่ 1

ขัน้ สร้างความสนใจ
1 ครูทบทวนความรเู้ ดิมเรอ่ื งเซลลโ์ ดยถามนักเรียนวา่
- ส่วนประกอบของเซลล์พืช และเซลล์สัตวม์ ีอะไรบ้าง
- สารต่าง ๆ จากภายในและภายนอกเซลล์ผ่านเขา้ และออกจากเซลล์โดยผ่าน เย่ือหมุ้

เซลล์ไดอ้ ยา่ งไร
2 นักเรยี นร่วมกนั อภปิ รายคำตอบ เพอ่ื เช่อื มโยงไปสู่การเรยี นรเู้ ร่อื งการแพร่

ขน้ั สำรวจและคน้ หา
1 นกั เรียนแบ่งเปน็ กลมุ่ กลุ่มละ4 คน โดยคละเพศและความสามารถ ครูแจ้งใหน้ กั เรยี นทราบ

ว่าผลงานของแตล่ ะคน คือ ผลงานของกลมุ่ โดยให้นักเรยี นแต่ละคนมหี มายเลขประจำตวั เชน่ คนที่ 1
หมายเลข 1 คนที่ 2 หมายเลข 2 คนท่ี 3 หมายเลข 3 และคนท่ี 4 หมายเลข 4

หมายเลข 1 อา่ นกจิ กรรมใบความรู้ ใบงาน
หมายเลข 2 ตรวจอปุ กรณ์ วิเคราะหข์ อ้ มูล
หมายเลข 3 ทำการทดลอง ทำกิจกรรม
หมายเลข 4 บนั ทึกผลการทดลอง ตอบคำถาม
2 สมาชกิ แต่ละกลมุ่ ศกึ ษากจิ กรรมใบงาน เรื่อง การแพรข่ องสาร (1) และกิจกรรมใบงาน เร่ือง
การแพรข่ องสาร (2)
3 ใหแ้ ต่ละกลุ่มปฏิบัติกิจกรรม พรอ้ มทง้ั สังเกตผลทเี่ กดิ ข้ึน เก็บรวบรวมข้อมลู และบันทกึ ผลการ
ทดลอง

ช่ัวโมงท่ี 2

ข้ันอธบิ ายและลงขอ้ สรุป
1 แตล่ ะกล่มุ สง่ ตวั แทนมานำเสนอผลการทดลองหน้าช้นั เรียน
2 ครแู ละนกั เรียนรว่ มกันอภปิ รายผลการทดลอง โดยใชแ้ นวคำถามตอ่ ไปนี้

58
กิจกรรมเรือ่ งการแพร่ของสาร (1)
- เม่ือเกล็ดด่างทับทิมตกลงไปในนำ้ เกิดอะไรข้ึน
- เมอื่ เกลด็ ด่างทับทมิ ตกลงไปถึงก้นถว้ ยเกิดอะไรขน้ึ
- การเคลื่อนที่ของอนุภาคของดา่ งทับทมิ มที ิศทางแบบใด
กิจกรรมเรอ่ื งการแพร่ของสาร (2)
- นำ้ และหมึกแดงซมึ ผ่านกระดาษเซลโลเฟนเขา้ ไปในถุงสารละลายน้ำตาลได้หรอื ไม่ สังเกต
ไดจ้ ากอะไร
- นักเรียนสามารถระบุทิศทางการเคลอื่ นท่ขี องอนภุ าคของน้ำและหมกึ แดงในการทดลอง
คร้งั น้ไี ด้หรอื ไม่
- นักเรยี นคดิ ว่า อนภุ าคของนำ้ ในบกี เกอรก์ บั ในถุงสารละลายน้ำตาล อนุภาคนำ้ ท่ีใด
มากกว่ากัน
- เพราะเหตใุ ดจึงไม่ใช้ถุงพลาสตกิ แทนกระดาษเซลโลเฟน
3 ครูและนักเรียนรว่ มกันสรุปผลการทดลอง โดยใหไ้ ด้ข้อสรปุ ดังนี้
กิจกรรมเร่อื งการแพร่ของสาร (1)
- จากการทดลองจะพบวา่ เมอ่ื เกล็ดโพแทสเซียมเปอร์แมงกาเนตตกลงไปในน้ำจะเกดิ การ
ละลายบางส่วนเห็นเปน็ ทางสมี ว่ ง และเมื่อเกล็ดโพแทสเซียมเปอร์แมงกาเนตตกถึงก้นบกี เกอร์ เกล็ดจะ
ละลายน้ำ ทำใหบ้ รเิ วณรอบ ๆ มีสีม่วงเข้ม ซึ่งมคี วามเขม้ ข้นของอนุภาคสูง ตอ่ มาอนุภาคสีมว่ งจะกระจายไป
โดยรอบ สีมว่ งของน้ำที่ก้นภาชนะจะค่อย ๆ จางลง และน้ำในบกี เกอร์ด้านบนจะคอ่ ย ๆ มสี ีเขม้ ข้น จนใน
ท่สี ดุ เทา่ กันสม่ำเสมอทง้ั บกี เกอร์ แสดงว่า ความเข้มข้นของอนุภาคโพแทสเซียมเปอร์แมงกาเนตเท่ากันแลว้
จงึ ไม่มีการแพรเ่ กิดขึ้นอีกต่อไป จึงอาจกลา่ วไดว้ ่า การแพร่ (Diffusion)
คอื การกระจายของอนุภาคของสารทีซ่ ่ึงมคี วามเข้มขน้ ของอนภุ าคของสารมากไปสทู่ ซ่ี ึง่ มคี วามเข้มข้นของ
อนุภาคของสารนอ้ ย
- การทดลองข้างตน้ เป็นตัวอยา่ งของการแพร่ของของแขง็ ในของเหลว ซงึ่ ของแขง็ ที่แพร่ใน
ของเหลวจะต้องละลายในของเหลวน้นั ได้

ชวั่ โมงท่ี 3
กิจกรรมเร่อื งการแพร่ของสาร (2)
- เมอ่ื แช่ถงุ ทบ่ี รรจสุ ารละลายนำ้ ตาลเขม้ ขน้ ลงในนำ้ ระดบั ของเหลวในหลอดแกว้
จะสงู ขนึ้ และเม่ือแชใ่ นนำ้ หมึกแดง จะสงั เกตเหน็ ของเหลวในถงุ มีสแี ดง แสดงว่าการแพร่ขน้ึ อยู่กบั ความ
แตกตา่ งระหว่างความเขม้ ข้นของอนภุ าคของสารในที่สองแหง่ และเราเรียกการแพร่ของน้ำจากท่ีท่ีมีความ
เขม้ ขน้ ของอนุภาคของนำ้ มากกว่า โดยผา่ นเยอื่ บาง ๆ ไปยังทท่ี ่มี คี วามเขม้ ขน้ ของอนภุ าคของน้ำนอ้ ยกว่าว่า
การออสโมซสิ

59
4 ครอู ธบิ ายเพ่มิ เตมิ เกย่ี วกับการแพร่แบบออสโมซิส แรงดันเต่ง และสภาวะสมดุลของการ
แพรใ่ หน้ ักเรียนเข้าใจ
ขนั้ ขยายความรู้
1 ใหน้ ักเรยี นศึกษาค้นควา้ เพ่มิ เตมิ โดยให้นกั เรยี นศึกษาค้นควา้ ความรู้ เรอื่ งการลำเลยี งของ
สารผา่ นเซลล์ จากใบความรู้ หนังสือสารานกุ รมวิทยาศาสตร์สำหรับเยาวชน วารสารวิทยาศาสตร์ เอกสาร
สง่ิ พิมพต์ ่าง ๆ เช่น หนังสอื พมิ พ์รายวัน ฯลฯ รวมท้ังเว็บไซต์ตา่ ง ๆ ทเี่ กีย่ วขอ้ ง และสรุปประเดน็ สำคัญ ๆ ท่ี
คน้ พบ
ขั้นประเมนิ
1 นกั เรยี นรว่ มกนั ประเมนิ การปฏบิ ัติกิจกรรมกลุม่ ว่ามปี ัญหา/อปุ สรรคใดได้มกี ารแก้ไขอยา่ งไร
2 ให้นักเรียนร่วมกนั แสดงความคิดเหน็ เกี่ยวกับประโยชน์ท่ีได้จากการปฏิบตั ิกิจกรรมและการ
นำความรทู้ ไ่ี ด้ไปใชป้ ระโยชน์
3 ให้นักเรียนรว่ มกันสรุปความรเู้ รอื่ งการแพร่ของสาร ท่ีได้จากการเรยี นและการปฏบิ ัติ
กจิ กรรม

6. สอ่ื /แหลง่ การเรยี นรู้
1. ส่อื สิ่งพมิ พ์ และเวบ็ ไซต์ต่าง ๆ ทางอินเทอรเ์ นต็ ที่เกี่ยวข้อง
2. อุปกรณ์การทดลองของแต่ละกิจกรรมในการจัดการเรยี นรู้แต่ละครงั้
3. ใบงาน เรือ่ งการแพร่ของสาร (1)
4. ใบงาน เรอ่ื งการแพร่ของสาร (2)
5. ใบความรู้ เรื่อง การแพร่ของสาร

60

7. การวดั และประเมินผล

ส่ิงท่ตี ้องการประเมนิ วิธีการวดั ผล เครอ่ื งมือทีใ่ ช้ เกณฑ์การผ่าน
ในการวดั ผล การประเมนิ ผล

ความรู้

1.อธิบายกระบวนการ การตรวจผลงาน แบบประเมินการตรวจ ได้คะแนนเฉลี่ย ร้อยละ
ผลงาน 60 ขน้ึ ไป
แพร่ของสารได้

2.สรุปความสำคญั ของ

การแพร่ของน้ำที่มตี ่อ

การดดู นำ้ และแร่ธาตุของ

พืชได้

ทักษะ

กระบวนการสบื เสาะ - การนำเสนอผลงาน - แบบประเมนิ การ ได้คะแนนเฉลีย่ รอ้ ยละ
นำเสนอผลงาน 60 ข้ึนไป
หาความรู้ - แบบประเมินพฤตกิ รรม
การทำงานกลุ่ม
- สงั เกตพฤตกิ รรมการ

ทำงานกล่มุ

คุณลกั ษณะอนั พงึ

ประสงค์

ความสนใจใฝ่รู้ ความ สังเกตพฤตกิ รรม แบบประเมินพฤตกิ รรม ไดค้ ะแนนเฉลี่ย 2 (ดี)

มงุ่ มน่ั อดทน รายบคุ คล รายบุคคล ขึ้นไป

8. บนั ทึกหลงั การจดั การเรียนรู้ 61
8.1 ผลการจัดการเรยี นรู้
ผ้เู รียนทผ่ี ่านตัวช้วี ัด/ผลการเรียนรู้ จำนวน...............คน คิดเป็นรอ้ ยละ.................
ผ้เู รยี นทไี่ ม่ผ่านตวั ชีว้ ัด/ผลการเรยี นรู้ จำนวน...............คน คิดเป็นร้อยละ.................

เลขท่ีของนกั เรยี นท่สี อบไมผ่ า่ นตัวชีว้ ัด..................................................................................................
............................................................................................................................................................................

สาเหตุทีไ่ ม่ผ่าน .....................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................

แนวทางแก้ปญั หา..................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................

ผ้เู รียนท่ีมีความสามารถพเิ ศษ ไดแ้ ก่ ....................................................................................................
............................................................................................................................................................................

แนวทางการพฒั นา/สง่ เสริม..................................................................................................................
............................................................................................................................................................................

ผู้เรยี นได้รบั ความรู้ (K) ในเร่อื ง ............................................................................................................
ผเู้ รยี นเกิดทักษะกระบวนการ (P) ในเร่อื ง............................................................................................
ผู้เรยี นมคี ุณธรรม จริยธรรม คา่ นิยม (A) ในเรอ่ื ง.................................................................................

8.2 ปัญหาอุปสรรค
............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................

8.3 ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ปัญหา
............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................

ลงช่ือ.......................................................ครูผูส้ อน
(นายดิเรกฤทธ์ิ ยุเหลก็ )
ตำแหน่ง ครู คศ.1

วันที่............เดอื น..........................พ.ศ. ................

62
9. ความคิดเห็นของผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษา/ผทู้ ีไ่ ด้รับมอบหมาย
............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................

ลงชือ่ ......................................หวั หนา้ กลุ่มสาระการเรยี นรู้
(นางสาวพสั ราภรณ์ พูลแจ้ง)

วันท.ี่ ...........เดือน..........................พ.ศ. ................

รับทราบผลการจัดการเรียนรู้

ลงช่อื ....................................................... ลงชื่อ......................................................
(................................................) (นายวิรัชต์ จำปาทอง)

ตำแหนง่ รองผอู้ ำนวยการสถานศึกษา ฝา่ ยบรหิ ารวิชาการ ตำแหน่ง ผูอ้ ำนวยการสถานศึกษา
วนั ท.ี่ ...........เดือน..........................พ.ศ. ........... วันที่............เดือน..........................พ.ศ. ..........

63

ใบงาน
เรอื่ ง การแพรข่ องสาร (1)

จุดประสงค์
1. อธบิ ายความหมายของคำว่า การแพร่ ได้
2. ยกตัวอย่างการแพร่ที่พบในชีวิตประจำวันได้

อปุ กรณ์ 1 ใบ
1. บีกเกอร์ขนาด 100 ลบ.ซม. 1 อัน
2. ช้อนตักสารเบอร์ 1 30 ลูกบาสก์เซนติเมตร
3. น้ำ 10 เกลด็
4. โพแทสเซยี มเปอร์แมงกาเนต (ดา่ งทับทมิ )

วธิ ีการทดลอง
1. ใส่น้ำจำนวน 30 ลกู บาศก์เซนตเิ มตร ลงในบีกเกอร์ขนาด 100 ลูกบาศก์เซนติเมตร
2. ค่อย ๆ หย่อนเกล็ดโพแทสเซียมเปอร์แมงกาเนตหรอื ดา่ งทบั ทิม ซ่ึงมีสมี ่วงดำจำนวน

2-3 เกล็ด ลงในนำ้ โดยไมข่ ยบั บกี เกอร์
3. ใช้กระดาษขาวบังดา้ นหลังของบกี เกอร์ สงั เกตการเปลีย่ นแปลงตัง้ แต่เกล็ดดา่ งทับทิม

ตกลงไปในนำ้ จนกระทั่งเวลาผา่ นไปประมาณ 5 นาที แลว้ บันทกึ ผล

64

บันทกึ ผลใบงาน
เรอื่ ง การแพร่ของสาร (1)

กลุ่มที่.........................สมาชิก 1............................................... 2.............................................
3............................................... 4.............................................
5............................................... 6.............................................

ช่วงเวลาที่สงั เกต ลักษณะการเปลย่ี นแปลงสีของดา่ งทบั ทิมในน้ำ
ในวินาทีแรก

ผา่ นไป 5 นาที

สรปุ ผลการทดลอง
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

จากผลการทดลองใหต้ อบคำถามต่อไปนี้
1. หลังจากหยอ่ นเกล็ดด่างทับทมิ ลงน้ำ เกิดการเปลยี่ นแปลงอย่างไรและนกั เรียน
จะอธิบายได้อยา่ งไร
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
2. ในชวี ติ ประจำวนั ทน่ี ักเรียนเคยพบการแพรข่ องสารอน่ื ๆ อีกหรอื ไม่ อย่างไร
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………

65

เฉลยใบงาน
เรื่อง การแพร่ของสาร (1)

ชว่ งเวลาทส่ี งั เกต ลักษณะการเปลย่ี นแปลงสขี องด่างทับทมิ ในน้ำ
ในวนิ าทแี รก เกลด็ โพแทสเซยี มเปอรแ์ มงกาเนตบางส่วนเริม่
ละลาย เหน็ เป็นทางสมี ่วง
ผ่านไป 5 นาที เกลด็ ละลายนำ้ ทำให้บริเวณรอบๆ มีสมี ว่ ง เกลด็
เป็นสีมว่ งเขม้ และเมอ่ื ทง้ิ ไว้จะเห็นสมี ว่ งกระจาย
ไปทั่วท้งั บกี เกอร์

- หลงั จากหยอ่ นเกล็ดด่างทบั ทมิ ลงน้ำ เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไรและนักเรียนจะอธบิ ายไดอ้ ยา่ งไร
ตอบ เมอื่ หยอ่ นเกลด็ ด่างทับทิมลงไปในน้ำ จะเหน็ สมี ่วงเป็นทางออกจากเกล็ดดา่ งทบั ทมิ

เม่ือเกลด็ ด่างทบั ทมิ ตกลงไปถงึ กน้ ถ้วย นำ้ บรเิ วณน้ันเปน็ สมี ว่ งเข้ม ท้งิ ไวส้ ักคร่จู ะสงั เกตเหน็ สีกระจาย
ออกไปโดยรอบ จนในทีส่ ุดนำ้ มีสีมว่ งสมำ่ เสมอกนั ท่ัวบีกเกอร์ เนอ่ื งจากมกี ารเคลอ่ื นที่ของโมเลกุล
ดา่ งทับทิมจากบรเิ วณท่มี ีโมเลกลุ อยหู่ นาแน่นมากไปยงั บริเวณทม่ี โี มเลกุลหนาแนน่ น้อยกวา่ จนในทส่ี ดุ
ทุกๆจดุ ทว่ั ท้ังบีกเกอร์มคี วามหนาแน่นของโมเลกุลของด่างทับทมิ เท่ากัน

สรุปผลการทดลอง
อนุภาคของสารมีการกระจายจากทซ่ี ่งึ มคี วามเข้มข้นของอนุภาคของสารมากไปสู่ท่ซี ่งึ มีความ

เข้มขน้ ของอนภุ าคน้อยกวา่ เรียกปรากฏการณ์นี้ว่าการแพร่

66

ใบงาน
เร่ือง การแพร่ของสาร (2)

จุดประสงค์
1. อธิบายความหมายของคำว่า การแพร่ของนำ้ ได้
2. สรปุ ความสำคัญของการแพร่ของน้ำต่อการดูดน้ำและแร่ธาตุของพืชได้

อปุ กรณ์

1. นำ้ 30 ลูกบาศก์เซนตเิ มตร

2. สารละลายนำ้ ตาลเขม้ ขน้ 40% 30 ลกู บาศกเ์ ซนตเิ มตร

3. น้ำหมกึ แดง 10 ลูกบาศก์เซนติเมตร

4. ยางรัด 2 เส้น

5. กระดาษแก้วใสไม่มีสี ขนาด 15 cm x 15 cm 1 แผ่น

6. หลอดแก้วขนาดเส้นผ่านศูนยก์ ลาง 0.5 cm ยาว 20 cm 1 อัน

7. กล่องพลาสตกิ เบอร์ 1 1 ใบ

8. บีกเกอรข์ นาด 100 ลบ.ซม. 1 ใบ

9. หลอดฉีดยาขนาด 30 ซม. 1 อัน

10. ขาตัง้ พรอ้ มทจี่ ับ 1 ชุด

11. ดนิ สอเขียนแก้ว 1 แทง่

วธิ ีการทดลอง
1. ใช้กระดาษแกว้ ใสหรอื เซลโลเฟนท่เี ตรยี มมาชบุ นำ้ ใหเ้ ปยี ก วางบนกล่องพลาสติก เบอร์ 1 ดงั รูป

แลว้ ใส่สารละลายนำ้ ตาลเขม้ ขน้ ร้อยละ 40 จำนวน 30 ลกู บาศก์เซนตเิ มตร แล้วรวบให้เปน็ ถุง

สีแดง น้า
น้า สีแดง

67

2. จมุ่ หลอดแกว้ ขนาดเส้นผ่านศนู ย์กลาง 0.5 เซนตเิ มตร ลงไปในถุงลกึ ประมาณ 3 เซนติเมตร ผกู
ปากถงุ และหลอดแก้วให้แนน่ โดยไม่ใหม้ ฟี องอากาศทง้ั ในถุงและในหลอดแกว้

3. จุ่มถงุ สารละลายนำ้ ตาลลงในบกี เกอร์ หรือกล่องพลาสติกท่มี นี ้ำบรรจุอยโู่ ดยให้ตำแหน่งท่ีรัด
ปากถุงอยเู่ หนือระดับนำ้ เล็กนอ้ ย แล้วยึดหลอดแก้วดว้ ยทีจ่ ับหลอดทดลองติดไว้ กับขาตง้ั

4. ทำเครอ่ื งหมายแสดงระดับนำ้ ในหลอดแกว้ ไวจ้ ากน้ันสงั เกตการเปลย่ี นแปลงตอ่ ไปประมาณ 5
นาที แล้วบันทกึ ผลการสงั เกต

5. ดำเนินการทดลองเช่นเดียวกบั ข้อ 1-4 แต่เปลย่ี นน้ำในบีกเกอร์เป็นน้ำหมกึ สแี ดง

68

บันทกึ ใบงาน
เร่ือง การแพรข่ องสาร (2)

กลมุ่ ท.่ี ........................สมาชิก 1............................................... 2.............................................
3............................................... 4.............................................
5............................................... 6.............................................

ของเหลวทใี่ ช้แชถ่ ุงสารละลายน้ำตาลทราย การเปลยี่ นแปลงท่ีสังเกตได้
นำ้

น้ำหมกึ แดง

จากการทดลองให้ตอบคำถามดงั นี้
1. ระดับของเหลวในหลอดแกว้ เปล่ียนแปลงอยา่ งไร เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. เม่อื แชถ่ งุ ในหมกึ แดงมอี ะไรเปลี่ยนแปลงหรอื ไม่ เหตุใดจงึ เป็นเชน่ นน้ั
……………………………………………………………………………………………………….…………………………………………
3. ถา้ ตอ้ งการให้ระดบั ของเหลวในหลอดแกว้ สงู ข้นึ ในเวลาอันรวดเร็ว นักเรยี นจะออกแบบการทดลอง
อย่างไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
สรุปผลการทดลอง
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………..…………………………………

69

เฉลยใบงาน
เรอื่ ง การแพรข่ องสาร (2)

ของเหลวทใ่ี ช้แชถ่ งุ สารละลายน้ำตาลทราย การเปล่ียนแปลงที่สงั เกตได้
น้ำ ระดบั ของเหลวในหลอดแก้วสงู ขนึ้
นำ้ หมึกแดง ระดับของเหลวในหลอดแกว้ สงู ขนึ้ และของเหลวในถงุ
เซลโลเฟนมีสแี ดง

จากการทดลองใหต้ อบคำถามดงั นี้
1. ระดบั ของเหลวในหลอดแกว้ เปลีย่ นแปลงอยา่ งไร เหตุใดจึงเปน็ เชน่ นั้น

ตอบ ระดับของเหลวในหลอดแก้วสูงขึ้นโมเลกลุ ของนำ้ แพร่ผา่ นกระดาษเซลโลเฟนเขา้ สู่
สารละลายนำ้ ตาลตาลเข้มข้น
2. เมอ่ื แช่ถุงในหมึกแดงมีอะไรเปล่ียนแปลงหรอื ไม่ เหตุใดจงึ เป็นเช่นน้นั

ตอบ ระดบั ของเหลวในหลอดแกว้ สูงขึน้ และของเหลวในถงุ เซลโลเฟนมีสีแดง
เพราะโมเลกลุ ของน้ำหมกึ แดงแพร่ผ่านกระดาษเซลโลเฟนเข้าสสู่ ารละลายน้ำตาลเข้มขน้
3. ถา้ ตอ้ งการให้ระดบั ของเหลวในหลอดแก้วสงู ขนึ้ ในเวลาอนั รวดเรว็ นักเรียนจะออกแบบ
การทดลองอย่างไร

ตอบ เพ่ิมความเขม้ ข้นของสารละลายนำ้ ตาลทราย
สรุปผลการทดลอง

โมเลกลุ ของนำ้ ในสารละลายนำ้ ตาลเจือจางแพร่ผ่านกระดาษเซลโลเฟนเขา้ สู่สารละลายน้ำตาลเขม้ ขน้
โดยอาศัยกระบวนการออสโมซิส

70

ใบความรู้
เรอื่ ง การแพร่ของสาร

การแพร่ (diffusion)
หมายถึงการกระจายของอนุภาคจากสารบรเิ วณที่มีความเข้มขน้ ของสารสงู ไปสูบ่ รเิ วณท่มี ี
ความเข้มขน้ ของสารต่ำกวา่ จนกระทัง่ อยู่ในสภาพสมดุล (dynamic equilibrium) คือ มีการกระจายของ
อนุภาค ของสารอยา่ งสม่ำเสมอ

ลักษณะของสมดุลการแพร่ คอื การท่ีสารมคี วามเขม้ ข้นเท่ากนั ทกุ บรเิ วณและโมเลกุลของสารยังเกดิ
การเคลอ่ื นที่ตลอดเวลา ตัวอยา่ งการแพรใ่ นชวี ติ ประจำวัน เช่น การไดก้ ลิ่นน้ำหอม การกระจายของด่าง
ทับทิมในน้ำ ฯลฯ

โมเลกุลของน้า โมเลกุลของด่างทบั ทมิ

กระบวนการแพรข่ องสารทำใหเ้ ซลล์ ได้รับสารอาหาร ออกซิเจนทำให้รากพืชได้รบั แรธ่ าตแุ ละทำให้
เซลลก์ ำจัดคาร์บอนไดออกไซด์ ออกจากเซลลไ์ ด้

71

การแพรข่ องสารจะเร็วหรอื ชา้ ข้ึนอยูก่ บั สิ่งตอ่ ไปน้ี
1. ความเขม้ ข้นของสารทีแ่ พร่ ความเขม้ ข้นของสารใน 2 บริเวณมคี วามแตกต่างกนั มาก

จะมอี ัตราการแพรเ่ ร็ว
2. อณุ หภูมิ การเพม่ิ อุณหภมู ิจะทำให้การแพรเ่ ป็นไปอย่างรวดเร็ว
3. ขนาดและนำ้ หนกั ของสารทีแ่ พร่ ถ้าอนภุ าคขนาดเลก็ และเบาจะมอี ัตราการแพร่เรว็ กว่าสารท่มี ี

อนุภาคขนาดใหญ่และนกั
4. ตัวกลางท่อี นภุ าคจะแพรผ่ ่าน การแพร่ในตวั กลางที่เป็นก๊าซดที ี่สุด รองลงมาคอื ของเหลวและ

ของแขง็ ตามลำดับ
5. ความสามารถในการละลายของสารท่ีแพร่ สารทล่ี ะลายได้ดจี ะมีอัตราการแพรส่ งู

72

แบบฝึกหัด

คำชแ้ี จง ใหน้ ักเรียนเลอื กคำตอบที่ถกู ท่สี ุดเพียงคำตอบเดยี ว

1. ขนรากดูดซมึ แร่ธาตเุ ข้าสู่เซลล์โดยวธิ ีการใด
ก. การไหล
ข. การแพร่
ค. การลำเลยี ง
ง. การออสโมซิส

2. อตั ราการแพรจ่ ะชา้ หรอื เร็วขน้ึ อยู่กบั ปัจจยั ข้อใด
ก. ชนิดของสาร
ข. ชนิดของเย่อื กนั้
ค. ขนาดอนุภาคของสาร
ง. ความแตกตา่ งระหวา่ งความเข้มขน้ ของสาร 2 บริเวณ

3. การแพรข่ องสารที่พบเหน็ ในชีวิตประจำวนั ได้แก่ข้อใด
ก. การฉีดน้ำรดตน้ ไม้
ข. การพ่นยากำจดั ศัตรูพืช
ค. การกระจายของนำ้ เขา้ สรู่ าก
ง. การกระจายของฝุ่นละอองในอากาศ

4. เมือ่ หย่อนเกล็ดดา่ งทับทมิ ลงในนำ้ ในบกี เกอร์จะเกิดการแพร่กระจายขึ้น นักเรียนคิดว่าถ้ามกี าร
เพิ่มอุณหภูมิให้สูงขนึ้ อัตราการแพรจ่ ะเป็นอยา่ งไร
ก. ช้าลง
ข. เร็วขึ้น
ค. เท่าเดิม
ง. ไม่มีผลตอ่ อตั ราการแพร่

5. ขอ้ ใดถกู ตอ้ งเกี่ยวกบั การแพรข่ องสาร
ก. อนภุ าคของสารไม่เก่ยี วขอ้ งกับการแพร่
ข. ถา้ อุณหภูมิลดลง การแพรจ่ ะเกดิ ได้รวดเร็ว
ค. สารที่มอี นุภาคเล็กจะแพรไ่ ด้ช้ากวา่ สารท่ีมอี นุภาคใหญ่
ง. เป็นการเคลื่อนท่ีของสารจากบรเิ วณที่มีความเขม้ ข้นของสารมากไปยงั บริเวณที่มคี วาม
เขม้ ข้นของสารนอ้ ย

73

6. การแพรข่ องสารเข้าสูเ่ ซลล์ ข้ึนอยูก่ ับสง่ิ ใด
ก. ชนิดของตวั ทำละลาย
ข. ขนาดมวลของอนุภาค
ค. ความหนา -บางของผนังเซลล์
ง. ความแตกต่างของความเข้มข้นของอนภุ าค

7. ขอ้ ใดคือความหมายของคำว่า ออสโมซสิ
ก. เป็นการเคล่ือนทข่ี องอนภุ าคนำ้ จากบรเิ วณที่มคี วามเข้มขน้ นอ้ ย
ผ่านเย่ือกั้นบาง ๆ ไปยังท่ีที่มคี วามเขม้ ข้นมากกวา่
ข. เป็นการเคล่ือนท่ีของอนภุ าคน้ำ จากบรเิ วณท่ีมคี วามเข้มขน้ มาก
ผา่ นเยอ่ื ก้ันบาง ๆ ไปยังที่ท่มี คี วามเข้มข้นนอ้ ยกว่า
ค. เปน็ การแพร่อนภุ าคของสาร จากบริเวณทม่ี ีความเขม้ ข้นนอ้ ย
ไปยงั ท่ีท่ีมีความเข้มขน้ มากกวา่
ง. เปน็ การแพร่อนุภาคของสาร จากบริเวณท่ีมีความเข้มข้นมาก
ไปยงั บริเวณท่ีมีความเข้มข้นน้อยกว่า

8. การแพร่ของสารเกิดขึ้นไดเ้ พราะสาเหตุใด
ก. ความแตกต่างของอณุ หภมู ขิ องสารในที่ 2 แหง่
ข. ความแตกต่างของความเขม้ ขน้ ของสารในท่ี 2 แหง่
ค. ความแตกต่างของความเปน็ กรดของสารในท่ี 2 แหง่
ง. ความแตกตา่ งของปริมาตรของสารในที่ 2 แห่ง

เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรียน
เรือ่ ง การลำเลยี งของสารผา่ นเซลล์

1. ง.
2ง
3. ข
4. ง
5. ง
6. ง
7. ก
8. ข

74

แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 5

หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 หนว่ ยพ้นื ฐานของสงิ่ มชี ีวิต เรือ่ ง การออสโมซสิ

กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

รหสั วชิ า ว 21101 รายวชิ า วิทยาศาสตร์ 1 ชัน้ ม.1 เวลาเรียน 1 ชวั่ โมง

ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา 2565 ครูผสู้ อน นายดิเรกฤทธ์ิ ยุเหล็ก ตำแหน่ง ครู คศ.1

ใช้สอนวัน....................... ท่.ี ........... เดอื น.................................... พ.ศ. .........................

*************************************

1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ ตัวชี้วดั

มาตรฐานว 1.2 เขา้ ใจสมบัตขิ องส่ิงมีชีวิตหน่วยพน้ื ฐานของส่งิ มีชวี ติ การลำเลยี งสารผ่านเซลลค์ วามสมั พันธข์ อง
โครงสร้างและหนา้ ทีข่ องระบบตา่ งๆของสัตว์และมนษุ ยท์ ี่ทำงานสมั พนั ธ์กันความสัมพนั ธ์ของโครงสรา้ งและหน้าท่ี
ของอวยั วะต่างๆของพชื ทท่ี ำงานสมั พนั ธก์ ันรวมทง้ั นำความร้ไู ปใช้ประโยชน์
ตวั ชี้วัด

ว 1.2 ม.1/5 อธิบายกระบวนการแพร่และออสโมซสิ จากหลักฐานเชงิ ประจกั ษ์และยกตวั อยา่ งการแพร่
และออสโมซสิ ในชวี ิตประจาวนั

2. สาระสำคัญ
กลไกการลำเลยี งสารต่าง ๆ ผ่านเข้าออกจากเซลลท์ ำได้ดว้ ยวธิ กี ารแพร่และออสโมซิส

การแพร่เป็นปรากฏการณ์ท่ีสารเคล่อื นที่จากทมี่ ีความเข้มข้นของอนุภาคของสารมากไปสูท่ ี่ที่มคี วามเขม้ ขน้
ของอนุภาคของสารนอ้ ยกว่า ส่วนการออสโมซสิ เป็นปรากฏการณ์การแพรข่ องโมเลกลุ ของนำ้ จากบรเิ วณท่ีมี
ความเข้มข้นของนำ้ มากกวา่ ไปสทู่ ี่ทีม่ คี วามเขม้ ข้นของนำ้ นอ้ ยกว่า โดยผา่ นเย่ือเลอื กผ่าน

3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
ด้านความรู้ (K)
1. อธิบายกระบวนการออสโมซิสได้
2. อธบิ ายการเกดิ ออสโมซสิ ในเซลล์ของส่ิงมีชวี ิตได้
ดา้ นทักษะกระบวนการ (P)
ทดลอง

75

คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A)
รอบคอบ ความรับผิดชอบ ความซอ่ื สัตย์

4. สาระการเรยี นรู้
การเกิดออสโมซสิ ในเซลล์ของส่งิ มชี วี ิต

5. กระบวนการจัดการเรียนรู้ (กระบวนการสบื เสาะหาความร)ู้
ชั่วโมงท่ี 1

ขั้นสร้างความสนใจ
1. ครูนำเอารากพชื ท่มี ีขนรากตดิ อยดู่ ้วย หรือเพาะเมล็ดถ่ัวใหง้ อก แล้วนำมาดู

ขนรากด้วยแวน่ ขยาย จากน้นั ใหน้ กั เรยี นร่วมกนั อภปิ รายโครงสรา้ งและหนา้ ท่ขี องขนรากเพอื่ เช่อื มโยงไปสู่
การเรียนรูเ้ ร่ืองออสโมซสิ ในเซลล์ของสิง่ มีชวี ิต

2. ครูเขยี นข้อความตอ่ ไปนี้บนกระดานดำ
กรณีที่ 1การดูดน้ำและแร่ธาตใุ นดนิ ของพชื โดยการแพรผ่ ่านเขา้ ไปในเซลล์ของขนราก
กรณีที่ 2 การแพร่ละลายของสารละลายในนำ้ เลอื ดเข้าสู่เซลล์เมด็ เลือดแดงในคน

แลว้ ถามนักเรียนวา่ ในกรณีท่ี 1 และ 2 หากเกดิ การแพรข่ องนำ้ เขา้ สู่เซลล์ในปรมิ าณมากหรอื นอ้ ยเกนิ ไป
เซลลจ์ ะมีสภาพอย่างไร และจะคงรูปไดห้ รอื ไม่

3. นักเรียนร่วมกนั แสดงความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง ครูยังไม่สรปุ ให้นกั เรยี นค้นหาคำตอบดว้ ย
การทดลอง

ข้ันสำรวจและค้นหา
1. นกั เรยี นแบ่งกล่มุ กล่มุ ละ 4-5 คน ให้นกั เรียนเกง่ -อ่อน ชาย-หญิง คละกัน
2. นักเรยี นแตล่ ะกล่มุ ศึกษาและทำการทดลอง ตามใบงาน เร่ือง การเกดิ ออสโมซสิ ในเซลล์พืช
3. แตล่ ะกลุม่ ดำเนินการทดลอง เกบ็ รวบรวมขอ้ มลู บนั ทกึ ผลการทดลอง แลว้ ช่วยกนั เขยี น

รายงานการทดลอง
ชั่วโมงท่ี 2

ขน้ั อธบิ ายและลงขอ้ สรุป
1. แตล่ ะกลุ่มสง่ ตวั แทนนำเสนอผลการทดลองหน้าชัน้ เรียน
2. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกันอภิปรายผลจากการทดลอง โดยใชแ้ นวคำถามดังนี้
- เมอื่ หยดสารละลายน้ำตาลเขม้ ข้น 10% ในเซลล์เย่ือหอม เกดิ การเปลย่ี นแปลงอยา่ งไร
- เมอ่ื หยดนำ้ กลนั่ ลงในเซลล์เยอื่ หอม เกิดการเปลยี่ นแปลงอย่างไร
3. นกั เรียนและครูร่วมกนั สรปุ ผลจากการทดลอง โดยให้ไดข้ อ้ สรปุ ดังต่อไปนี้

76
- ความเขม้ ขน้ ของสารละลายมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ คือเมอ่ื หยดสารละลาย
นำ้ ตาลเขม้ ขน้ 10% เซลล์จะเหีย่ วลง และเมือ่ หยดน้ำกลนั่ เซลลจ์ ะคอ่ ย ๆ เตง่ ขนึ้ เราสามารถอธิบายการ
เปล่ยี นแปลงของเซลล์ที่เกิดขนึ้ ได้ ดงั นี้
1) ถ้าความเข้มขน้ ของโมเลกุลของนำ้ ภายนอกเซลลน์ ้อยกว่าน้ำภายในเซลล์น้ำจากภายใน
เซลล์จะแพร่ออกนอกเซลล์ ทำให้เซลล์เหยี่ ว นน่ั คอื การแพรข่ องนำ้ จะแพรจ่ ากภายในเซลล์ซงึ่ มสี ารละลาย
เจือจาง (สารละลายภายในเซลล์) ออกสภู่ ายนอกเซลลซ์ ่งึ มสี ารละลายเข้มขน้ กว่า (สารละลายน้ำตาลเข้มข้น
10%)
2) ถ้าความเข้มข้นของโมเลกุลของนำ้ ภายนอกเซลล์มากกว่าน้ำภายในเซลล์น้ำจาก
ภายนอกเซลลจ์ ะแพร่เข้าสู่เซลล์ ทำให้เซลล์เต่ง น่ันคือ การแพรข่ องนำ้ จะแพร่จากภายนอกเซลลซ์ ่งึ มี
สารละลายเจอื จาง (น้ำกลนั่ ) เข้าสูเ่ ซลลซ์ ่งึ มีสารละลายเข้มขน้ กว่า (สารละลายภายในเซลล์)

ชวั่ โมงท่ี 3

ขัน้ ขยายความรู้
1. นกั เรียนรว่ มกนั อภปิ รายในประเดน็ ท่ีนา่ สนใจ เชน่
- กระบวนการออสโมซสิ มผี ลตอ่ เซลล์ของส่งิ มชี ีวติ ในเรอ่ื งใด
- ถ้าไม่มีการแพรเ่ กดิ ขึ้นที่ขนรากของพืช จะสง่ ผลกระทบต่อพชื รวมถึงส่ิงมชี วี ติ อน่ื ๆ ท่ี

อาศัยอยูร่ ว่ มกันในเร่ืองใดบา้ ง
2. ครแู ละนกั เรยี นศกึ ษาใบความรูแ้ ล้วร่วมกนั ร่วมกนั สรปุ ความรู้ เรือ่ งการเกดิ ออสโมซิสในเซลล์

ของสิ่งมชี ีวิต ที่ไดจ้ ากการเรยี นและการปฏิบัตใิ บงาน
ขนั้ ประเมนิ
ให้นักเรยี นทำแบบฝกึ หดั

6. สอ่ื /แหลง่ การเรยี นรู้
4. สอื่ ส่งิ พมิ พ์ และเวบ็ ไซตต์ ่าง ๆ ทางอินเทอรเ์ นต็ ท่ีเก่ยี วข้อง
5. อปุ กรณก์ ารทดลองของแตล่ ะใบงานในการจัดการเรยี นรแู้ ต่ละครง้ั
3. ใบงาน เร่ือง การเกิดออสโมซิสในเซลลพ์ ชื
4. ใบความรู้ เรอื่ ง การออสโมซสิ

77

7. การวัดและประเมนิ ผล

สง่ิ ทต่ี อ้ งการประเมนิ วิธกี ารวัดผล เคร่อื งมือทีใ่ ช้ เกณฑ์การผ่าน
ในการวดั ผล การประเมนิ ผล

ความรู้ การตรวจผลงาน แบบประเมินการตรวจ ไดค้ ะแนนเฉลี่ย ร้อยละ
1.อธิบายกระบวนการ ผลงาน 60 ขน้ึ ไป
ออสโมซิสได้ - การนำเสนอผลงาน
2.อธิบายการเกิดออสโม - สังเกตพฤติกรรมการ - แบบประเมินการ ไดค้ ะแนนเฉลีย่ รอ้ ยละ
ซิสในเซลล์ของส่งิ มีชีวิต ทำงานกลุ่ม นำเสนอผลงาน 60 ข้ึนไป
ได้ - แบบประเมนิ พฤติกรรม
ทกั ษะ สงั เกตพฤตกิ รรม การทำงานกล่มุ
กระบวนการสบื เสาะ รายบคุ คล
หาความรู้ แบบประเมินพฤติกรรม ไดค้ ะแนนเฉลี่ย 2 (ด)ี

คุณลกั ษณะอันพงึ รายบุคคล ข้นึ ไป
ประสงค์
ความสนใจใฝ่รู้ ความ
มุ่งมนั่ อดทน

8. บันทึกหลังการจดั การเรยี นรู้ 78
8.1 ผลการจัดการเรยี นรู้
ผเู้ รยี นทผ่ี ่านตัวชี้วดั /ผลการเรียนรู้ จำนวน...............คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ.................
ผู้เรียนที่ไมผ่ า่ นตวั ช้ีวัด/ผลการเรียนรู้ จำนวน...............คน คดิ เปน็ ร้อยละ.................

เลขท่ีของนกั เรียนทสี่ อบไมผ่ า่ นตัวชีว้ ัด..................................................................................................
............................................................................................................................................................................

สาเหตุทีไ่ มผ่ ่าน .....................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................

แนวทางแก้ปัญหา..................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................

ผูเ้ รียนทม่ี คี วามสามารถพิเศษ ได้แก่ ....................................................................................................
............................................................................................................................................................................

แนวทางการพัฒนา/ส่งเสริม..................................................................................................................
............................................................................................................................................................................

ผเู้ รยี นได้รบั ความรู้ (K) ในเร่อื ง ............................................................................................................
ผเู้ รียนเกดิ ทกั ษะกระบวนการ (P) ในเรื่อง............................................................................................
ผเู้ รียนมีคุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม (A) ในเรอ่ื ง.................................................................................

8.2 ปัญหาอุปสรรค
............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................

8.3 ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ปัญหา
............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................

ลงชือ่ .......................................................ครูผู้สอน
(นายดิเรกฤทธิ์ ยุเหลก็ )
ตำแหนง่ ครู คศ.1

วันท่ี............เดือน..........................พ.ศ. ................

79
9. ความคิดเห็นของผูบ้ รหิ ารสถานศกึ ษา/ผทู้ ่ไี ด้รบั มอบหมาย
............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................

ลงชอื่ ......................................หวั หน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้
(นางสาวพัสราภรณ์ พูลแจง้ )

วนั ที่............เดือน..........................พ.ศ. ................

รับทราบผลการจดั การเรยี นรู้

ลงชื่อ....................................................... ลงช่ือ......................................................
(....................................................) (นายวริ ชั ต์ จำปาทอง)

ตำแหน่ง รองผู้อำนวยการสถานศกึ ษา ฝา่ ยบรหิ ารวชิ าการ ตำแหนง่ ผู้อำนวยการสถานศกึ ษา
วันท่.ี ...........เดือน..........................พ.ศ. ........... วันท.่ี ...........เดือน..........................พ.ศ. ..........

80

ใบงาน
เรื่อง การเกิดออสโมซิสในเซลลพ์ ชื

จุดประสงค์
1. ต้ังสมมตฐิ านและกำหนดตวั แปรตา่ ง ๆ ได้
2. สามารถทดลองการเกิดออสโมซิสในเซลล์พชื เมื่ออยู่ในสารละลายท่มี ีความเข้มข้น

ตา่ งกนั ได้

อุปกรณ์ 1 หวั
1 หวั หอม 1 ชุด
2. ใบมีดโกน 30 ลูกบาศกเ์ ซนติเมตร
3. สารละลายนำ้ ตาลเข้มข้น 10% 1 ชุด
4. สไลดแ์ ละกระจกปดิ สไลด์ 1 กล้อง
5. กลอ้ งจุลทรรศน์ 30 ลกู บาศกเ์ ซนตเิ มตร
6. นำ้ กล่ัน 4-5 แผน่
7. กระดาษเยอื่

วิธกี ารทดลอง
1. ลอกเยือ่ ด้านนอกของหวั หอมโดยการปอกเยื่อหัวหอมด้านนอกออกใหห้ มด ตัดรากและปลายหัว

หอมออก ใชม้ ีดผ่าคร่งึ ตามยาวจากนัน้ ใช้มีดกดเบา ๆ ทีโ่ คนกลบี คอ่ ย ๆ ลอกเนอื้ เยอื่ ด้านนอกออก จะได้
เน้ือเยอื่ บาง ๆ ทม่ี ีสีแดง นำเน้อื เยือ่ บาง ๆ ที่ได้วางบนสไลด์

2. หยดสารละลายนำ้ ตาลเขม้ ขน้ 10% บนเยื่อบาง ๆ ปดิ ด้วยกระจกปดิ สไลดน์ ำไปส่องดูดว้ ยกล้อง
จลุ ทรรศน์ บนั ทกึ ผลท่สี ังเกตไดอ้ ย่างตอ่ เนอื่ งเป็นเวลา 3 นาที วาดรปู ท่ีสังเกตได้

3. เปล่ยี นจากสารละลายนำ้ ตาลเข้มขน้ 10% เป็นน้ำกล่นั ใช้กระดาษเยอ่ื แตะตรงขอบกระจกปิด
สไลด์อีกดา้ นหน่งึ เพอื่ ซบั สารละลายน้ำตาลเข้มขน้ ท่ไี หลออกมา

4. ดูด้วยกลอ้ งจลุ ทรรศน์อีกคร้ัง บนั ทกึ ผลที่สังเกตได้ทุก ๆ 3 นาที วาดรูปท่ีสังเกตได้
5. ใหน้ กั เรยี นออกแบบการทดลองเพอ่ื ศกึ ษาว่า ถ้าใชค้ วามเข้มขน้ ของสารละลายต่างกนั จะมีผลตอ่
เซลล์พืชอยา่ งไร

81

บนั ทึกผลใบงาน
เรื่อง การเกดิ ออสโมซิสในเซลลพ์ ชื

กล่มุ ที่.........................สมาชกิ 1............................................... 2.............................................
3............................................... 4.............................................
5............................................... 6.............................................

รายการ ลักษณะของเซลลท์ ี่ปรากฏ

หยดสารละลายน้ำตาลเข้มข้น 10%

หยดน้ำกลั่น

จากการทดลองให้ตอบคำถามดังน้ี
1. เมือ่ หยดสารละลายนำ้ ตาลเขม้ ข้น 10% ในเซลล์เยื่อหอม เกิดการเปล่ยี นแปลงอยา่ งไร
…………………………………………………………………………………………………..……………………………………….
…………………………………………………………………………………………………..……………………………………….
2. เม่อื หยดน้ำกลน่ั ลงในเซลลเ์ ยื่อหอม เกิดการเปลย่ี นแปลงอยา่ งไร
……………………………………………………………………………………………………..…………………………………….
…………………………………………………………………………………………………..……………………………………….
สรุปผลจากการทดลอง
………………………………………………………………………………………………..……………………………………….
………………………………………………………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………………………………………………….

82

เฉลยใบงาน
เรอื่ ง การเกดิ ออสโมซิสในเซลล์พชื

รายการ ลักษณะของเซลล์ทป่ี รากฏ

หยดสารละลายน้ำตาลเขม้ ข้น 10% เซลลจ์ ะเหี่ยวลง
หยดนำ้ กล่นั เม่ือหยดน้ำกล่นั เซลล์จะค่อย ๆ เต่งข้ึน

จากการทดลองใหต้ อบคำถามดังน้ี
1. เมอ่ื หยดสารละลายนำ้ ตาลเข้มข้น 10% ในเซลล์เยอ่ื หอม เกิดการเปลย่ี นแปลงอย่างไร

เซลล์จะเหีย่ วลง
2. เมือ่ หยดน้ำกลัน่ ลงในเซลล์เยอื่ หอม เกิดการเปลยี่ นแปลงอยา่ งไร

เซลล์จะค่อย ๆ เต่งขน้ึ
สรปุ ผลจากการทดลอง

หยดสารละลายนำ้ ตาลเขม้ ข้น 10% น้ำเคลื่อนที่เซลล์เย่ือหอมทำให้เซลล์จะเหี่ยวลง เมื่อหยดนำ้ กล่ัน
เซลลจ์ ะค่อย ๆ เตง่ ขนึ้ นำ้ จะเคล่อื นท่ีเข้าส่เู ซลล์เย่อื หอม การทน่ี ํา้ จะเคลือ่ นทจี่ ากบริเวณที่มีความหนาแน่น
ของนา้ํ มาก (สารละลายเจอื จาง) ไปยงั บริเวณท่มี ีความหนาแน่นของน้ํา (สารละลายเขม้ ขน้ ) เรียกว่าการ
ออสโมซสิ

83

ใบความรู้
เรือ่ ง ออสโมซิส

การออสโมซสิ (Osmosis) คือ การเคล่ือนท่ขี องน้าํ ผา่ นเยือ่ เลือกผ่านโดยทิศทางเคล่ือนท่คี อื นํ้าจะ
เคลอื่ นทจ่ี ากบริเวณที่มคี วามหนาแน่นของน้าํ มาก (สารละลายเจอื จาง) ไปยังบรเิ วณท่ีมีความหนาแน่นของนา้ํ
(สารละลายเขม้ ขน้ ) จนกระทง่ั ถงึ จดุ สมดลุ เม่อื อัตราการเคล่อื นทขี่ องนาํ้ ผา่ นเยอื่ เลือกผ่านไปและกลบั มีคา่ เท่า
ๆ กนั ซึ่งการออสโมซิสอาจถือไดว้ ่าเป็นการแพรอ่ ยา่ งหน่ึง
ออสโมมเิ ตอร์ (Osmometer) คอื เคร่อื งมอื ทีใ่ ชแ้ สดงการเกิดออสโมซิส และสามารถใชว้ ัดแรงดันท่ีเกดิ จาก
กระบวนการออสโมซิสไดอ้ ีกดว้ ย

แรงดนั ออสโมตกิ (Osmotic pressure) คือแรงดนั ที่ทำใหเ้ กิดออสโมซสิ ของนํา้ แรงดนั
ออสโมซสิ ของสารละลายตา่ งชนดิ กัน จะมีค่าแตกตา่ งกนั เนื่องจากสาเหตุสำคัญคอื ความเข้มข้น
ของสารละลายน้นั ไม่เท่ากนั เพราะจำนวนโมเลกุลหรอื อิออนในสารละลายนั้นมปี รมิ าณไมเ่ ท่ากนั นั่นเอง ซึ่ง
สรปุ ได้วา่

1. น้าํ บรสิ ทุ ธ์ิมีแรงดนั ออสโมติกต่าํ สุด เน่อื งจากไมม่ ีตวั ถกู ละลายใด ๆ เจอื ปน
2. สารละลายทมี่ ีความเข้มขน้ สูง (ตัวถกู ละลายมีจำนวนมาก) จะมแี รงดนั ออสโมติกสงู
ส่วนสารละลายท่ีมีความเข้มข้นตาํ่ (ตัวถกู ละลายมจี ำ นวนน้อย) จะมแี รงดันออสโมติกต่ํา
3. นา้ํ จะแพรจ่ ากบริเวณท่ีมแี รงดันออสโมตกิ ตา่ํ ไปยังบริเวณที่มแี รงดันออสโมติกสูงเสมอออสโมซสิ
คือ การแพรข่ องน้ำผ่านเยอ่ื เลอื กผ่านจากสารละลายท่ีเจือจางไปยังสารละลายท่ีเข้มขน้

84

ทม่ี า : gotoknow.org
การวดั แรงดนั ท่ีเกิดจากกระบวนการออสโมซิส จะใช้เครื่องมอื ชือ่ ออสโมมเิ ตอร์ ซึ่งในการทดลอง
อาจใช้เยอ่ื ชน้ั ในของเปลือกไข่หรือกระดาษเซลโลเฟนหุ้มหลอดแกว้ ท่ใี ชว้ ดั ความสงู ของของเหลว แล้วใส่
สารละลาย 2 ชนดิ ทม่ี ีความเขม้ ขน้ ต่างกัน
ประโยชน์ของแรงดนั เตง่

1. ทำให้เซลล์เตง่
2. ทำให้เซลล์คงรปู รา่ งอยู่ได้
3. ทำใหก้ ิง่ หรือใบพืชแผก่ างยอดพืชตง้ั ตรงถ้านำ้ ภายนอกเซลล์มแี รงดันออสโมติก
สูงกว่าภายในเซลล์ จะเกิดโมเลกุลของนำ้ แพรจ่ ากเซลลไ์ ปส่ภู ายนอกเซลล์ ถ้าเซลลส์ ญู เสยี นำ้ แรงดันเต่งจะ
ค่อยๆ ลดลง

85

แบบฝกึ หดั

คำช้ีแจง ใหน้ กั เรยี นตอบคำถามต่อไปนี้

1. การออสโมซสิ หมายถงึ
......................................................................................................................................................

2. การแพร่ หมายถึง
.....................................................................................................................................................

3. จงยกตัวอย่างการแพร่และการออสโมซิสในชวี ิตประจำวนั มาอย่างละ 3 ตัวอย่าง
.....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................

4. ปัจจยั ท่มี ผี ลตอ่ การแพร่และออสโมซิสได้แก่อะไรบา้ ง
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................

86

แบบประเมินการทดลอง

กลมุ่ ท่ี .............. ชน้ั ...................
สมาชกิ 1 ................................................................... 2 ...................................................................

3 ................................................................... 4 ....................................................................

รายการประเมิน ระดับคะแนน
ดมี าก (3) ดี (2) พอใช้ (1)

1. การตง้ั ปัญหา

2. การตง้ั สมมติฐาน

3. การทดลอง

4. การลงข้อสรุปผลการทดลอง บันทกึ และเขยี นรายงาน

เกณฑก์ ารประเมินการทดลอง 87

รายการประเมนิ ระดบั คะแนน
1. การตั้งปัญหา
3
- ถูกตอ้ งตรงประเดน็ 2
- ถูกต้องบางส่วน ไมต่ รงประเดน็ 1
- ไม่ถกู ตอ้ งและไม่ตรงประเดน็
2. การตง้ั สมมติฐาน 3
- ต้ังสมมติฐานได้ตรงประเดน็ 2
- ถกู ตอ้ งบางสว่ นไมต่ รงประเด็น 1
- ไม่ถูกต้องและไม่ตรงประเดน็
3. การทดลอง 3
- ใช้อปุ กรณ์เรยี งลำดับถกู ต้อง ปลอดภยั ใช้เวลาตามทีก่ ำหนด 2
- ใชอ้ ุปกรณไ์ ดแ้ ต่ยงั ไมถ่ กู ตอ้ ง ครูคอยชี้แนะเป็นบางคร้งั ตรงเวลา 1
- ใชอ้ ุปกรณไ์ ม่เป็น ครูตอ้ งคอยแนะนำเสมอ ไม่ตรงเวลา
4. การลงขอ้ สรุปผลการทดลอง บนั ทกึ และเขยี นรายงาน 3
- บนั ทึกผลการทดลอง สรุปผลถูกต้อง และชัดเจน 2
- บนั ทกึ ผลการทดลองไดเ้ อง เขียนรายงานได้บา้ ง แต่ยังไม่สมบูรณ์ 1
- บันทึกผลการทดลองยงั ไม่ได้ ครตู ้องคอยแนะนำ การเขียนและสรปุ ผล

เกณฑก์ ารตัดสนิ ดมี าก
คะแนน10 – 12 ดี
คะแนน7 –9 พอใช้
คะแนน5 – 6

88

แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน

กล่มุ ที่ .............. ชัน้ ...................
สมาชกิ 1 .................................................................. 2 ....................................................................

3 ................................................................... 4 ....................................................................

ระดับคะแนน

รายการประเมิน ดมี าก ดี (2) พอใช้
1. ความสามารถในการทางาน (3) (1)

2. การรกั ษาเวลาและการนำเสนอ

3. การตอบคำถามและการแกป้ ญั หาเฉพาะหนา้

4. บุคลกิ ภาพ

แบบประเมินการนำเสนอผลงาน 89

รายการประเมนิ ระดับคะแนน
1. ความสามารถในการทางาน
3
- นำเสนอถูกต้องครบถ้วน เน้นประเด็นสำคัญ 2
- นำเสนอถกู ตอ้ งครบถ้วน ประเด็นสำคัญไม่ชดั เจน 1
- นำเสนอไม่คอ่ ยถูกต้อง ไมม่ ีประเดน็ ทช่ี ัดเจน
2. การรักษาเวลาและการนำเสนอ 3
- นำเสนอราบร่ืน มกี ารทางานเป็นทมี แบง่ เวลาเหมาะสม 2
- นำเสนอราบรื่น มีการทางานเป็นทีม แบง่ เวลาไม่เหมาะสม 1
- การนำเสนอเสรจ็ ทันเวลา แตข่ ัน้ ตอนการนำเสนอไม่เป็นระบบ
3. การตอบคำถามและการแกป้ ญั หาเฉพาะหน้า 3
- แกป้ ัญหาได้ดี สามารถตอบปญั หาได้ตรงประเดน็ 2
- แกป้ ัญหาได้ดี สามารถตอบปญั หาได้ไมต่ รงประเด็น 1
- ตอบปัญหาไดเ้ ลก็ นอ้ ย ครูต้องคอยให้ความช่วยเหลอื บ้าง
4. บคุ ลิกภาพ 3
- พดู ชัดเจน มีความมัน่ ใจในการนำเสนอ 2
- พดู เสียงเบา แต่มคี วามม่ันใจในการนำเสนอ 1
- ไม่ค่อยมัน่ ใจในการนำเสนอพดู ตะกุกตะกักบา้ ง

เกณฑก์ ารประเมนิ ดีมาก
คะแนน10 – 12 ดี
คะแนน7 –9 พอใช้
คะแนน5 – 6

90

แบบตรวจผลงาน

รายการประเมนิ ระดับคะแนน
ดมี าก (3) ดี (2) พอใช้ (1)
1. เน้ือหา
- เน้ือหา ถูกตอ้ งตรงตามประเดน็
- มีแหลง่ อา้ งองิ

2. การออกแบบ
- รูปแบบน่าสนใจ
- สีสนั สวยงาม
- ความคิดสรา้ งสรรค์

3. การนำเสนอ
- ความเปน็ ระเบยี บ
- ขนาดตัวหนังสือ
- การเรียงลำดับหวั ข้อ

4. ความตรงต่อเวลา

ผู้รบั ประเมนิ ......................................................... ผู้ประเมนิ ..........................................................
(........................................................)
.........../......................./.....................

เกณฑ์การประเมิน ดีมาก
คะแนน10 – 12 ดี
คะแนน7 –9 พอใช้
คะแนน4 – 6

91

แบบสงั เกตพฤติกรรมการปฏิบัตกิ ารกลุม่

ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 1 ภาคเรียนที่……….. ปกี ารศึกษา ……………..
วันที่ ………. เดอื น ……………………….. พ.ศ. ………………..

พฤตกิ รรม การวางแผน การแบง่ งาน การทางาน การแสดง สรปุ ผลการประเมิน
รว่ มกัน รับผิดชอบ ร่วมกบั หมู่ ความคดิ คะแนนเฉลี่ย
เห็นร่วมกัน
คณะ

กลมุ่ ท่ี 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1
1
2
3
4
5
6
7
8

ลงชือ่ ………………………………. ผู้ประเมนิ

(……………………………..)

เกณฑ์การใหค้ ะแนน

ระดับ 3 หมายถึง มีผลการปฏบิ ัตมิ าก

ระดับ 2 หมายถึง มีผลการปฏิบตั ิปานกลาง

ระดับ 1 หมายถึง มีผลการปฏิบตั นิ อ้ ย

เกณฑ์การประเมิน

ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ

24-30 3 = ดี

17-23 2 = พอใช้

10-16 1 = ปรบั ปรุง

92

แบบประเมินทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์

ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

ลำดบั ท่ี ัทกษะการ ัสงเกต
ัทกษะการจำแนก
ัทกษะการลงความ
ิคดเ ็หนจาก ้ขอ ูมล
ัทกษะการ ัจดกระทำ
และ ่ืสอความหมาย

้ขอ ูมล
รวม
ผล การประเ ิมน

333 3 12

ลงช่ือ ……………………………………………….………. ผูป้ ระเมิน
(…………………………………………..)

93

เกณฑ์การใหค้ ะแนนทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

ทักษะกระบวนการ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน
ทางวทิ ยาศาสตร์
1. ทกั ษะการสงั เกต 321

2.ทกั ษะการจำแนก ใช้ประสาทสัมผัส อยา่ ง ใช้ประสาทสมั ผัส อย่าง ใช้ประสาทสมั ผัส อยา่ ง

ใดอยา่ งหน่งึ หรือหลาย ใดอย่างหนึง่ หรือหลาย ใดอยา่ งหน่งึ หรือหลาย

อย่าง เพ่อื หาขอ้ มลู อย่าง เพื่อหาข้อมูล อยา่ ง เพ่ือหาขอ้ มลู

หรือรายละเอยี ดของสง่ิ หรือรายละเอียดของสงิ่ หรือรายละเอียดของส่ิง

ตา่ ง ๆ ไดถ้ ูกตอ้ ง ตา่ ง ๆ ไดถ้ กู ต้องเปน็ ตา่ ง ๆ ได้ถกู ต้องเป็น

ครบถว้ น ส่วนใหญ่ บางส่วน

การแบ่งพวก หรือ การแบง่ พวก หรอื การแบ่งพวก หรือ

เรยี งลำดับวัตถุ หรอื สิ่ง เรียงลำดบั วตั ถุ หรือสิง่ เรยี งลำดบั วัตถุ หรือสง่ิ

ทีอ่ ยู่ในปรากฏการณ์ ท่ีอยูใ่ นปรากฏการณ์ ทีอ่ ยูใ่ นปรากฏการณ์

โดยใชเ้ กณฑ์ ความ โดยใชเ้ กณฑ์ ความ โดยใช้เกณฑ์ ความ

เหมอื น ความแตกต่าง เหมอื น ความแตกต่าง เหมอื น ความแตกต่าง

หรือความสมั พนั ธ์อยา่ ง หรือความสมั พนั ธ์อย่าง หรือความสัมพนั ธ์อย่าง

ใดอยา่ งหนึ่ง ไดถ้ ูกตอ้ ง ใดอยา่ งหนง่ึ ได้ถูกตอ้ ง ใดอย่างหน่งึ ไดถ้ กู ตอ้ ง

สมบรู ณ์ สมบูรณไ์ ดถ้ กู ต้องเป็น สมบูรณ์

สว่ นใหญ่ ถูกต้องเปน็ บางสว่ น

3. ทกั ษะการลงความ การเพ่มิ ความคดิ เหน็ การเพ่ิมความคิดเห็น การเพิ่มความคดิ เหน็
คิดเห็นจากข้อมูล
ให้กบั ขอ้ มูลท่ีไดจ้ าก ให้กบั ข้อมลู ท่ีไดจ้ าก ใหก้ ับขอ้ มลู ท่ไี ดจ้ าก

การสังเกตอย่างมี การสงั เกตอยา่ งมี การสังเกตอย่างมี

เหตุผล โดยอาศัย เหตุผล โดยอาศัย เหตุผล โดยอาศยั

ความร้หู รือ ความรูห้ รือ ความรู้หรอื

ประสบการณเ์ ดิมมา ประสบการณ์เดิมมา ประสบการณ์เดิมมา

ชว่ ย ไดถ้ ูกตอ้ งครบถว้ น ชว่ ย ได้ถูกตอ้ งเป็นสว่ น ช่วย ไดถ้ ูกต้องเปน็

ใหญ่ บางส่วน

94

ทักษะกระบวนการ เกณฑ์การใหค้ ะแนน
ทางวิทยาศาสตร์
321
4. ทักษะการจัด
กระทำและสอื่ นำผลการสังเกต นำผลการสังเกต นำผลการสงั เกต
ความหมายข้อมูล
การวัด การทดลองจาก การวดั การทดลองจาก การวัด การทดลองจาก

แหลง่ ต่าง ๆ โดยการ แหล่งต่าง ๆ โดยการ แหล่งตา่ ง ๆ โดยการ

หาความถี่ เรยี งลำดบั หาความถี่ เรยี งลำดบั หาความถี่ เรียงลำดับ

จดั แยกประเภท เพือ่ ให้ จดั แยกประเภท เพ่ือให้ จดั แยกประเภท เพ่อื ให้

ผอู้ ื่นเขา้ ใจความหมาย ผอู้ ืน่ เขา้ ใจความหมาย ผู้อนื่ เข้าใจความหมาย

ของขอ้ มลู ดยี ิ่งขนึ้ ได้ ของขอ้ มลู ดียงิ่ ข้ึน ได้ ของข้อมลู ดีย่งิ ขน้ึ ได้

ถูกต้องสมบูรณ์ ถูกตอ้ ง ถกู ต้องเป็นบางส่วน

เปน็ สว่ นใหญ่

เกณฑ์การประเมิน
ไดค้ ะแนนตั้งแต่ 11 - 12 คะแนน มที ักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ สูง
ได้คะแนนตั้งแต่ 6 - 10 คะแนน มีทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ปานกลาง
ได้คะแนนตั้งแต่ 4 - 5 คะแนน มที ักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ต่ำ


Click to View FlipBook Version