นานมาแล้ว ในสมัยท่ผี ูค้ นยังไม่มีการจดบันทึกเร่ืองราวต่างๆที่เลา่ สู่กนั ฟังจาก
ปากตอ่ ปากจึงมักตกหล่นหรือเลือนหายไปตามวันเวลา
จนวันหน่ึง มชี ายนกั เดนิ ทางผู้หน่ึงเขามถี ุงหนังใบใหญ่ที่สามารถเกบ็ สรรพเสยี ง
และเรื่องราวตา่ ง ๆ ได้ เมอื่ เขาเดนิ ทางผ่านมายงั ดินแดนทางตะวันตกเฉียงใตแ้ ละไดฟ้ งั
เรือ่ งเล่าจากเมืองทัง้ สบิ ในดนิ แดนแหง่ น้ัน กร็ ู้สึกประทบั ใจในเรื่องราวที่แตกต่างจากนทิ าน
อีสปหรือเทพนิยายใดๆ ในโลกท่เี คยฟงั มาด้วยคติสอนใจและจินตนาการจากนทิ านพ้ืนบา้ น
ในดนิ แดนแหง่ น้ี มวี ัฒนธรรมความเชือ่ เฉพาะตวั สอดแทรกอยูแ่ ละไมอ่ าจหาฟังได้จาก
ดินแดนอื่น ชายนักเดนิ ทางจึงเก็บเร่อื งเล่าและนทิ านทีเ่ ขาไดฟ้ ังใสล่ งในถุงหนังใบใหญ่
เปน็ ท่ีระลกึ แลว้ ออกเดินทางจากไป...ไกลแสนไกล
...วันเวลาผา่ นไปนับรอ้ ยปี ผู้คนตา่ งพากนั ลืมนิทานเหล่านัน้ จนในทส่ี ุดนทิ าน
และเรอ่ื งราวท่เี คยเลา่ จากปากตอ่ ปากกค็ ่อย ๆ เลอื นหายไปจากดนิ แดนทั้งสิบนี้
.....โชคดที ชี่ ายนักเดนิ ทางเคยเกบ็ นิทานมากมายไว้ในถุงหนงั อยู่มาวันหนึ่ง
เม่ือลูกของลูกของลกู ของลูกของเขาบังเอญิ มาพบและเปดิ ถงุ หนังข้นึ นิทานเหล่าน้ันก็
พวยพงุ่ ออกมาด้วยความดีใจพากันล่องลอยกลบั สูด่ นิ แดนท่ีแสนไกล ข้ามภเู ขาสงู แม่นา้
ล้าธาร มหาสมุทร และหม่เู กาะตา่ ง ๆ จนมาถงึ ซีกโลกตะวนั ออกเฉยี งใตท้ ม่ี นั จากมา ทา้ ให้
ผู้คนจากดินแดนทั้งสบิ ได้ฟงั นทิ านท่ีสาบสญู ไปอกี ครง้ั
....ตอ่ มาดินแดนทง้ั สิบนัน้ ได้รวมตัวกันเปน็ ภูมิภาคมีช่ือวา่ “อาเซยี น” พวกเขา
คน้ พบวธิ เี ก็บรักษานิทานที่จะไมม่ ีวันหายไปไหนอีกด้วยการเลา่ นทิ านใหเ้ ด็ก ๆ ฟงั
เด็ก ๆ แตล่ ะชาติในอาเซียนจงึ ได้รู้จกั ประเทศเพอื่ นบ้านจากนทิ านเหลา่ น้ันอย่างมีความสุข
...ตลอดมา
ทา่ เตียน
มีเรอ่ื งเล่าสบื ต่อกนั มาว่า ยักษว์ ัดแจ้งและยักษว์ ัดโพธทิ์ ้งั สองเปน็ เพื่อนรกั กนั
วดั ทง้ั สองแห่งกต็ ั้งอยู่ตรงขา้ มกนั พอดี แมจ้ ะมแี มน่ ้าเจา้ พระยาคั่นกลาง แต่ทัง้ คู่กไ็ ปมาหาสู่กันเปน็ ประจา้
วนั หนึ่งยกั ษ์วดั โพธไ์ิ ด้ยมื เงินยกั ษ์วดั แจ้งไปเปน็ เวลานานจนลมื คนื
ยกั ษ์วัดแจ้งจงึ ตามมาทวงเงนิ คืน
“เมือ่ ไหรเ่ จา้ จะใชเ้ งินคนื ขา้ เสียที” ยกั ษ์วัดแจ้งถาม
“รอไปก่อนเปน็ ไร ขา้ ยงั ไม่มเี งนิ ” ยักวดั โพธิต์ อบหน้าตาเฉย
ยกั ษว์ ัดแจง้ เริม่ ทา้ ทา่ ไมพ่ อใจพดู สวนขน้ึ ว่า
“บ๊ะ! เจ้านี่ คิดจะเบี้ยวเงินข้าหรือไร”
“หน็อยแน่! มากลา่ วหาขา้ อย่างน้ตี อ้ งเห็นดกี ัน” ยกั ษว์ ดั โพธิ์โมโหจนตาแดงกลา้่
เรื่องราวลุกลามบานปลายใหญโ่ ต ทง้ั สองฝ่ายไม่มีใครยอมใคร ในทีส่ ดุ การต่อสู้อยา่ งดเุ ดอื ดก็เกดิ ข้นึ
“ชมิ แข้งขาหน่อยเปน็ ไร” ยักษ์วดั แจ้งกระโดดเตะแต่พลาดไปโดนตน้ ไมล้ ม้ ระเนระนาด
ยกั ษ์วดั โพธ์ิโตก้ ลบั บา้ ง ทัง้ สองกอดรัดฟดั เหวี่ยงไปมา ดว้ ยรูปร่างที่ใหญ่โตพละก้าลังมหาศาลของยักษ์ทั้งสอง
ท้าให้ทุกส่งิ บริเวณน้ันพังราบเปน็ หนา้ กลอง กลายเปน็ พนื้ ทโี่ ล่งเตยี น เสียหายมากมาย
ผู้คนและสตั วน์ อ้ ยใหญไ่ ดร้ ับความเดอื ดรอ้ น เมือ่ พระอิศวรทรงทราบเร่อื งจึงเสด็จลงมาจากสวรรค์
“ดสู ิ! พวกเจา้ สรา้ งความเดอื นร้อนไปทว่ั ”
พระอนิ ทรต์ รสั กึกก้องกัมปนาทต่อหนา้ ยักษ์ทั้งสองท่ีตอนนี้ได้แตก่ ม้ หน้าส้านึกผิด
“ขา้ จะสาปพวกเจ้าใหก้ ลายเป็นหนิ เด๋ยี วนี้”
พระอิศวรช้ีนวิ้ ไปท่ีวัดแจง้ และวดั โพธ์ิ ส้ินเสยี งพระอินทร์ยกั ษ์ทัง้ คกู่ ก็ ลายเปน็ รปู ป้นั หิน
ยักษ์วดั โพธยิ์ นื เฝา้ หนา้ พระอุโบสถวัดโพธ์ิ ส่วนยกั ษว์ ดั แจง้ ยนื เฝ้าพระวิหารวดั แจง้
และจากการต่อสกู้ นั ในครงั้ นัน้ ทา้ ให้พนื้ ทบ่ี ริเวณดงั กลา่ วโลง่ เตียนไปหมด
จึงถูกขนานนามว่า ทา่ เตยี น ตงั้ แตน่ ้ันเป็นต้นมา
ตานานสงิ ห์พม่า
นานมาแลว้ มีเจา้ หญงิ รปู โฉมงดงามองค์หนงึ่ เกดิ ไปหลงรักราชสีห์ที่มาแอบซุ่มอยู่ในสวน
จนเกิดเสียงร้่าลือซุบซิบนินทาไปถึงหูของพระราชาผู้เป็นบิดา ท้าให้เจ้าหญิงต้องถูกขับออกจากวัง
เจ้าหญิงไปอยู่กับ ราชสีห์หนุ่มในป่า มีลูกท่ีเติบ โตเป็นชายหนุ่ม รูปงาม ร่างกายแข็งแรง
ผูค้ นต่างช่นื ชมในความสงา่ งามและเฉลยี วฉลาดของชายหน่มุ แตเ่ มือ่ รวู้ า่ เขาเป็นลูกของราชสีห์กับมนุษย์
กจ็ ะเปลย่ี นเปน็ เสียงเย้ยหยัน ทา้ ใหเ้ ขาโกรธและแคน้ ไปถงึ บดิ าของตนเพราะเป็นตน้ เหตทุ ีท่ า้ ให้เขาอับอาย
จึงคิดจะไปฆ่าราชสีห์ผู้เป็นบิดาโดยไม่ฟังค้าทัดทานของมารดา เม่ือได้พบหน้าราชสีห์ผู้เป็นบิดา
ชายหนมุ่ ก็ยกคนั ธนูขน้ึ เล็งและยิงไปทร่ี า่ งของราชสีห์ผู้เป็นบิดา ธนูลูกที่หน่ึงกลายเป็นข้าวตอกดอกไม้
ไปตกทเ่ี ทา้ บดิ าท่ียนื น่ิงอยู่อย่างอัศจรรย์ ชายหนมุ่ จงึ ยงิ ธนูไปอกี ดอกหนึ่ง คราวน้ีลกู ธนูกลายเป็นธูปเทียน
ไปตกที่เดิมโดยที่ชายหนุ่มไม่เอะใจแต่อย่างใด เขาหยิบธนูข้ึนมาอีกหน่ึงดอก ต้ังจิตแน่วแน่
ก่อนเลง็ ยงิ ออกไป คราวน้ีลูกธนูวิ่งเข้าปักขั้วหัวใจผู้เป็นบิดา ร่างกายอันสง่างามน้ันล้มลงสิ้นใจทันที
จากนน้ั เขาก็พาแม่กลับสู่เมืองมนุษย์ไปเฝ้าพระราชาผู้เป็นตา พระราชาเม่ือได้รู้ว่าธิดาท่ีจากไปนาน
กลั บ ม า พ ร้ อม บุ ต ร ช า ย ก็ ย ก ร า ช ส ม บั ติ ใ ห้ ส่ วน ช า ย ห นุ่ ม เมื่ อ ไ ด้ ค ร อ งแ ผ่ น ดิ น แ ล้ ว
ก็ได้คิดถึงส่ิงท่ีตนท้าลงไป ความผิดท่ีมีต่อบิดาผู้มีพระคุณนั้นเป็นบาปท่ีคอยรบกวนจิตใจเขา
ใ ห้ ไ ม่ เ ป็ น สุ ข ท้ั ง ย า ม ห ลั บ แ ล ะ ย า ม ตื่ น เ ข า พ ย า ย า ม ส ร้ า ง กุ ศ ล เ พ่ื อ ไ ถ่ บ า ป แ ล ะ
เมื่อคิดได้ว่าพ่อของตนเป็นราชสีห์ เขาเองก็ควรภูมิใจที่เป็นลูกราชสีห์ จึงสั่งให้ช่างท้ารูปราชสีห์
หรื อ สิ ง โ ตไ ว้ ต า ม สถ า น ท่ี ศั กดิ์ สิ ท ธิ์ ทั่ วทุ ก แ ห่ ง เ พื่ อ ใ ห้ ปร ะ ช า ช นไ ด้ เ ค า รพ สั ก ก า ร ะ
ตอ่ มาเกิดมีผเู้ ลอ่ื มใสตอ่ รปู ปน้ั นน้ั มากขึ้น ราชสีห์จึงกลายเป็นเทพ อยู่เคียงคู่สถานท่ีศักด์ิสิทธ์ิของพม่า
นบั แตน่ นั้ เป็นต้นมา
เจ้าหญิงผมหอม
นานมาแล้ว มีเจา้ หญิงผูเ้ ปน็ ธิดาของพระราชายักษ์ท่ีดุร้ายองค์หน่ึง ชื่อว่า เนียง เซาะ กระโอบ
หรื อ เ จ้ า ห ญิ ง ผ ม ห อ ม เ พ ร าะ น อ ก จ า ก ค ว าม ง า ม ข อ ง เ จ้า ห ญิ ง จ ะ เ ป็ นท่ี เ ล่ื อ ง ลื อ แ ล้ ว
ผมของเจ้าหญิงยังมีกล่ินหอม ที่ดึงดูดผู้คนท้ังชายและหญิง ทั้งใกล้และไกล ทุกเวลาเย็น
เม่ือเจ้าหญิงมานั่งแปรงผมตรงหน้าต่างพระราชวัง ผู้คนก็จะมารวมกันบริเวณนั้นเพ่ือดมกล่ินหอม
จากผมของนาง พระราชายักษ์ตั้งความหวังไว้ว่า ธิดาของต้องตนจะต้องแต่งงานกับผู้ท่ีคู่ควร
กับความงามและผมหอมท่สี วรรคป์ ระทานมาใหเ้ ท่านั้น วันหนึ่งมีชายหนุ่มรูปงามคนหน่ึงเดินทางมาถึง
เมืองยักษ์นี้ เขาได้กลิ่นหอมลอยมาในอากาศจึงเดินตามกลิ่นหอมน้ีไปจนถึงวังของพระราชายักษ์
และไดพ้ บกับเจา้ หญงิ เนียง เซาะ กระโอบ และเป็นโชคดีของเขาที่วนั น้ันพระราชายักษ์ออกไปนอกวัง
เม่ือเจ้าหญงิ และชายหนมุ่ ได้พบกันก็รักกันทันที แต่เม่ือชายหนุ่มรู้ว่าพระบิดาของนางเป็นยักษ์ผู้ดุร้าย
จึงชวนเจ้าหญิงหนีไปอย่างเงียบ ๆ เม่ือพระราชายักษ์ผู้เป็นพ่อกลับมาพบว่าธิดาสุดที่รักหนีไปแล้ว
ก็โกรธมาก จึงได้ส่ังทหารยักษ์ออกล้อมป่า ถอนรากถอนโคนต้นไม้ทุกต้นเพ่ือค้นหาแต่เม่ือไม่พบ
พระราชายกั ษจ์ งึ คิดวา่ ท้งั ค่อู าจใชว้ ิธดี ้าดินหนีไป จึงสัง่ ให้ทหารยักษ์ขุดดินท่ัวทั้งป่า ทหารขุดดินวันแล้ว
วันเล่าจนเกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่มหึมา แต่ก็ไม่พบร่องรอยเจ้าหญิงจนต้องยอมแพ้ หยุดการขุด
แลว้ กลับเขา้ เมือง ภายหลงั จากพวกยักษก์ ลับไปแล้ว ก็เกิดฝนตกหนักมีน้าเต็มหลุมที่พวกยักษ์ขุดทิ้งไว้
จนสถานท่นี ้นั กลายเปน็ ทะเลสาบ ซง่ึ ผ้คู นเรยี กขานกันต่อมาว่า ทะเลสาบยักษ์กรอม และไม่เคยมีใคร
ไดข้ า่ วคราวเจา้ หญิงผมหอมกบั ชายหนมุ่ อกี เลย
กาเนดิ เวียดนาม
ในอดตี กาลนานมาแลว้ เทพเจ้าหลากหลองกวน (มังกร) ไดแ้ ตง่ งานกับเทพธิดาเอิวเกอ (นางฟ้า)
เทพทง้ั สองให้กา้ เนดิ ไขม่ า ๑๐๐ ฟอง เมอ่ื โตขนึ้ บุตร ๕๐ คน ก็ย้ายไปอยู่ทะเลกับพ่อ อีกคร่ึงท่ีเหลือ
ย้ายไปอยู่กบั แม่บนภูเขาทีเ่ ชอ่ื วา่ คอื สวรรคม์ สี ่งิ ศกั ดิ์สิทธ์สิ ิงสถติ อยู่ ลกู ๆ ทง้ั ๕๐ คนที่ยา้ ยมาอยูต่ ามภเู ขา
ไดต้ ัง้ อาณาจกั รขนึ้ และสืบทอดตอ่ กันมากลายเป็นอาณาจกั รวนั ลาง ทที่ อดตัวยาวติดกบั ทะเลต้ังแต่เหนือ
ลงมาจรดใต้ เมื่อต้ังอาณาจักรวันลางได้แล้ว ก็มีข้าศึกจ้านวนมากมาบุกรุกและต้องการยึดครอง
อาณาจกั รน้ี โดยใช้เรือรบแล่นผา่ นมาทางอ่าวแหง่ หนง่ึ ทางตอนเหนือ กษตั ริย์แห่งอาณาจักรวันลางทรง
ท้าพิธีขอให้สวรรค์ช่วยจักรพรรดิหยกผู้ปกครอง สวรรค์จึงโปรดให้มังกรแม่ลูกคู่หน่ึงเหาะลงมา
ชว่ ยชาววนั ลาง มงั กรทัง้ สองเหาะมาจากภเู ขาทางทิศเหนือ สะบัดหางไปมาระหว่างทาง ท้าให้เกิดเป็น
รอ่ งเขาลึกมากมาย ทั้งค่รู ่อนลงมาจากสวรรค์พร้อมกับพน่ หยกจ้านวนมหาศาล ท้าลายเรือของผู้รุกราน
จนพนิ าศสน้ิ หยกเหลา่ น้นั เม่ือตกลงส่อู า่ ว ก็กลายเปน็ เกาะนอ้ ยใหญท่ ่สี วยงามแปลกตา ส่วนมังกรก็ด้าลง
สู่ก้นอ่าวโดยไม่กลับข้ึนมาอีก ชาวบ้านจึงเรียกอ่าวน้ันว่า ฮาลอง “แปลว่า มังกรร่อนลง”
อาณาจักรวันลางไดก้ ลายมาเปน็ ประเทศเวยี ดนาม มีรปู ร่างคล้ายมังกรโดยหัวมังกรอยู่ที่ภาคเหนือและ
กลางล้าตวั ทอี่ ยภู่ าคกลางนั้น เต็มไปดว้ ยยอดเขาสูง สว่ นหางมงั กรแยกเป็นแฉกกลายเป็นแม่น้า ๙ สาย
อยทู่ างตอนใต้ ที่คนเวียดนามเรียกว่า ดินแดนเกาลอง หรือ แม่น้า ๙ สายมังกร อันอุดมสมบูรณ์
ด้วยเ หตุน้ีค นเวีย ดนาม จึงผู กพันกั บ มังก รม าก และค วาม เชื่อว่ าชนช าติเวี ยดนา ม คื อ
“ลูกมังกรหลานนางฟ้า” ก็จะยงั คงอยู่ตลอดไป
รงั ดากบั บารอง
นานมาแลว้ ในดินแดนหม่เู กาะทางตะวนั ออก มีราชินีม่ายผู้ชั่วร้ายองค์หน่ึง มีชื่อว่า รังดา
นางเป็นม่าย เพราะฝักใฝ่ในเวท ย์มนต์ลี้ลับจึงถูกพระราชาผู้เป็นสามีไล่ออกจากวัง
นางตกอยู่ในอา้ นาจมืดจนกลายเปน็ แมม่ ดและนางพญาของปศี าจทงั้ ปวง ใบหน้าอนั น่ากลัวของนาง
ถอื เปน็ ตัวแทนความชั่วร้ายอย่างท่ีสุดท่ีไม่มีชาวบ้านคนใดอยากพบเห็น แม่มดร้ายรังดาจะคอย
หลอกหลอน สะกดผู้คนท่ีตนพบให้อยู่ในอาการเสียสติ ท้าร้ายตัวเองด้วยการท่ิมแทงกริช
ไปบนร่างกายและเอาชีวิตคนผูน้ ัน้ ไป
วนั หนง่ึ แม่มดรงั ดาต้องการตวั เจ้าชายสหเทวะ ผ้เู ป็นบุตรของเจา้ เมืองไปบูชา แตเ่ จา้ ชายผู้น้ี
ได้รบั ความคุม้ ครองจากพระศวิ ะจึงเปน็ อมตะ รังดาจงึ ไมส่ ามารถท้ารา้ ยเจ้าชายได้ อย่างไรก็ตาม
แม่มดร้ายตนนก้ี ม็ พี ลงั มาก จนเจา้ ชายสหเทวะไม่สามารถสู้ได้ ชาวบ้านท่ีเห็นเจ้าชายเพลี่ยงพล้า
ตา่ งกพ็ ยายามเข้ามาชว่ ย แต่ก็โดนแมม่ ดรงั ดาสะกดจิตให้ใช้กรชิ ทิ่มแทงตัวเอง
เจ้าชายสหเทวะจึงสวดมนต์ ตั้งจิตอธิฐานแล้วกลายร่างเป็นบารอง รูปร่างคล้ายสิงโต
มหี ลังอานยาว และหางงอนโง้ง บารองเข้าต่อสู้กบั แมม่ ดรังดา และสามารถเอาชนะนางได้ส้าเร็จ
ดว้ ยอทิ ธฤิ ทธิข์ องบารอง จงึ ชบุ ชีวิตทกุ คนท่ถี ูกแม่มดรงั ดาท้ารา้ ยใหก้ ลบั ฟ้ืนข้นึ มาใหม่
แมแ้ มม่ ดรงั ดาจะเปน็ ฝ่ายพา่ ยแพ้ แตก่ ็ยงั คอยวนเวียนในจิตใจของมนุษย์หลอกล่อให้มนุษย์
ท้าในสิ่งทช่ี วั่ รา้ ย โดยมบี ารองคอยปกป้องและช้ีแนะมนุษย์ให้คิดท้าความดี ความดีและความชั่ว
จงึ ตอ้ งต่อสูก้ ันในจติ ใจของมนษุ ย์ตลอดไป
นัดโฮดา มานิส
นานมาแลว้ มีแมม่ ่ายคนหนึ่งชอ่ื ดงั อมั บน นางอาศัยอยูใ่ นหมูบ่ า้ นกลางน้ากมั ปง เอยอร์ กับ
ลูกชายชื่อ มานิส นางรักลูกชายของนางมากและได้แต่งเพลงร้องกล่อมเขามาตั้งแต่ยังเด็ก
“มานิส...มานิส เด็กน้อยที่น่ารักของแม่ มานิส...ม านิส เด็กน้อยผู้อ่อนโยนและแสนดี
ตัวเจ้านเ้ี ป็นความภูมใิ จของแมน่ ะลกู รกั ”
เม่ือมานิสเติบโตขึ้น เขาต้องการออกไปท่องโลกกว้าง แม้ผู้เป็นแม่รู้ว่าจะต้องคิดถึงเขา
อยา่ งมาก แต่เพอ่ื ความสุขของลกู ก็จา้ ใจให้เดินทางจากไป หลายปผี ่านไปไมม่ ขี ่าวคราวจากมานิสเลย
แม่ผเู้ ฝา้ รอจึงใช้เวลาไปกับการช่วยเหลือผู้ทุกข์ยาก จนไม่มีทรัพย์สินใดๆ แต่นางก็ไม่ทุกข์ร้อน
และยังคงรอ้ งเพลง “มานิส” รอคอยการกลบั มาของมานิสอย่างมคี วามสุขทุกวนั วันหนึ่งมีเรือส้าเภา
ล้าใหญ่มาจอดท่ีหมูบ่ า้ นกลางนา้ เสียงล่้าลอื วา่ เจ้าของเรือ คือ นัคโฮดา มานิส กัปตันเรือผู้มั่งคั่ง
ทก่ี ลับมาพร้อมด้วยภรรยาผู้สงู ศกั ดิ์ ทันทีทีไ่ ด้ขา่ วนางดังอันบน ผู้ยากจนก็พายเรือล้าน้อยของนาง
ออกไปจนถงึ เรอื ใหญท่ ีเ่ ทยี บทา่ อยู่ นัคโฮดา มานิส ผู้ซ่ึงภาคภูมิใจในความร้่ารวยของตนเองมาก
เมือ่ ได้เห็นแม่ทที่ ั้งยากจนและดตู ่า้ ต้อย ก็รสู้ กึ อาย จึงประกาศตอ่ ผคู้ นรอบข้างว่าไม่เคยรู้จักผู้หญิงแก่
ยากจนคนนี้มาก่อน ผู้เป็นแม่หัวใจสลายด้วยความผิดหวัง จึงออกปากสาปแช่งเรือท่ีเต็มไปด้วย
ทรพั ยส์ นิ เงนิ ทอง ซึ่งพรากความรักของลกู ชายที่มตี ่อนางไป ใหล้ ม่ ลงกลางน้า และสญั ญากับตนเอง
วา่ จะไม่มวี นั ร้องเพลง “มานิส...” อีกตอ่ ไป ทันใดนน้ั ! ก็เกิดฟ้าร้อง ฟ้าผา่ มพี ายรุ ุนแรงและฝนตก
หนักตามมาเมื่อพายุสงบลง เรือส้าเภาล้านั้นก็หายไปและปรากฏหินก้อนใหญ่ข้ึนแทนท่ี
หินกอ้ นนั้นรู้จกั กันในชอื่ ยง บาตู (Jomg Batu) ที่แปลว่าหินรูปเรอื สา้ เภา ตงั้ อยู่กลางแม่น้าบรูไน
มาจนทกุ วันนี้
แม่นาของ
ในสมัยพุท ธกาล มีพญานาคต นหนึ่งชื่อว่า พร ะย าสุท โธ ท น าก และมีเพ่ือนท่ีค รอง
เมืองบาดาลด้วยกันช่ือ พระยาสุวรรณนาคา ทั้งสองรักกันเหมือนพ่ีน้องได้สัญญากันว่า
“หากมีสัต ว์ตกลงม าในหนองน้าผู้ใด ก็ให้น้าสัต ว์ตัวน้ันม าแบ่งครึ่งกัน” อยู่มาวันหนึ่ง
ไดม้ ีชา้ งเชือกหนึ่งตกลงในหนองน้าของพระยาสวุ รรณนาคา พระยาสุวรรณนาคาก็ได้น้าช้างตัวนั้น
มาแบง่ ให้กับพระยาสุทโธทนากตามทไ่ี ดต้ กลงกันไว้ ต่อมาอีกสามวันได้มีเม่นตัวหน่ึงตกลงมาใน
หนองนา้ ของพระยาสุทโธทนาก พระยาสุทโธทนากก็น้าเม่นมาแบ่งให้ พอพระยาสุวรรณนาคา
เห็นเนอ้ื เมน่ ก็เกดิ ความไม่พอใจเปน็ อย่างมาก เพราะเนือ้ ชา้ งทเ่ี คยแบ่งให้พระยาสุทโธทนากมีขนน้อย
ส่วนเนอ้ื เมน่ ท่พี ระยาสุทโธทนากแบ่งคืนให้ กลับมีขนท่ีท้ังแข็งและแหลมจ้านวนมาก แต่ส่วน
ทเ่ี ปน็ เน้ือกลบั มีเพยี งเล็กน้อย พระยาสวุ รรณนาคาไม่ยอมรับเนอ้ื เม่นนนั้ และดว้ ยความโมโหจึงได้น้า
ก้าลังไปบกุ เมืองของพระยาสุทโธทนาก ท้าให้เมืองทั้งสองต่อสู้กันจนท้าให้สัตว์ใต้บาดาลล้มตาย
เป็นจา้ นวนมาก
พระอินทร์บนสวรรคเ์ ห็นเหตุการณ์นี้จึงเข้ามายุติศึก โดยได้ส่ังให้พญานาคทั้งสอง
แข่งขันกันสรา้ งน้า หากตวั ใดสรา้ งน้าเสร็จก่อนจะได้ปลาทีม่ ีเน้ือมากกวา่ ปลาน้าจดื ใดๆ เปน็ รางวลั
พระยาสทุ โธทนากได้สร้างในส่วนแม่น้าของ ส่วนพระยาสุวรรณนาคาได้สร้างส่วน
ของแม่น้านา่ น ผลปรากฏว่าพระยาสุทโธทนากสร้างเสร็จก่อน พระอนิ ทรจ์ ึงตัดสินให้เป็นผู้ชนะและ
ได้มอบ “ปลาบกึ ” ใหเ้ ป็นรางวลั เราจึงไดเ้ ห็นปลาบกึ ใหญอ่ าศยั อยูใ่ นแม่น้าของมาจนถึงปจั จบุ ัน
ข่าน ลาออน
นานมาแล้ว ในหมู่เกาะทะเลใต้ ไดม้ ีมงั กรเจ็ดหัวปรากฏตวั ขึน้ ออกอาละวาดทา้ ร้ายผคู้ นบนหมู่เกาะนี้
มันประกาศว่าจะละเว้นเกาะที่ชื่อ เนกรอส ไว้ หากพระราชาสามารถน้าหญิงสาวสวยบริสุทธ์ิ
ไปบูชายัญให้มันคร้ังละคน ด้วยความกลัวว่าจะถูกน้าไปบูชายัญมังกรเจ็ดหัว ผู้หญิงบนเกาะน้ี
ต่างก็ทา้ ตัวเองใหด้ ไู มส่ วย มีตา้ หนิ พ่อแม่ทมี่ ลี ูกสาวตัวเลก็ ๆ ก็พยายามท้าใหล้ ูกสาวดูน่าเกลียด เพ่ือ
ป้องกันลูกถูกน้าไปบูชายัญให้มังกร ทั้งเกาะน้ีจึงมีเหลือ เจ้าหญิงอนินา คนเดียวที่ยังคงสวย
บริสทุ ธิ์ ไร้ต้าหนิ เพราะได้รบั การดูแลเปน็ อย่างดีจากพระราชาและราชินี เมื่อเจ้าหญิงอนินาได้ยิน
เรื่องราวน้ัน ก็เสนอตัวเพื่อบูชายัญด้วยความกล้าหาญ ในวันที่เจ้าหญิงถูกน้าตัวไปยังภูเขาท่ีอยู่
ของมังกร ผู้ชายคนหนึ่งช่ือ ข่าน ลาออน ก็ได้ปรากฏตัวขึ้น เขาเดินทางมาไกลและอาสา
ปราบมังกร เพอื่ ชว่ ยชีวิตเจา้ หญิง อนนิ า แมไ้ มม่ ีใครขัดขวาง แตก่ ็ไม่มใี ครเชอ่ื วา่ เขาจะสามารถฆ่า
มงั กรเจ็ดหัว ที่มที ง้ั พละกา้ ลงั และความดุรา้ ยไดส้ า้ เรจ็
ขา่ น ลาออน มีความสามารถพิเศษ คอื พูดคุยกบั สัตว์น้อยใหญ่ได้ เขาจึงไปขอความ
ชว่ ยเหลอื จากมด ผง้ึ และนกอินทรี มดไต่ไปตามตัวของมังกรและกัดตรงผิวส่วนที่นุ่มของมัน
ขณะทีผ่ ง้ึ ต่อยไปท่ตี าทง้ั ๑๔ ดวงของมงั กรจนบอด ขา่ น ลาออน ขน้ึ ไปนง่ั บนตัวนกอิทรีตัวที่ใหญ่
สุด มันบินพาเขาไปยังภูเขาท่ีมังกรอาศัยอยู่ จากนั้นเขาก็ฟันหัวท้ังเจ็ดของมังกรจนขาด และ
สนิ้ ใจทันที
เพ่ือตอบแทนบุญคุณของ ข่าน ลาออน พระราชาจึงยกเจ้าหญิงอนินาให้ ต่อมา
ผู้คนบนเกาะเนกรอส ต่างเรียกภูเขาลูกน้ันว่า ข่าน ลาออน ตามช่ือของเขา และภูเขาแห่งน้ี
ก็กลายเปน็ ภูเขาไฟ เพราะวญิ ญาณของมงั กรทีต่ ายไปนน่ั เอง
เมอื งมะละกา
นานมาแล้วบนแคว้นมลายู เจ้าชายปรเมศวร เจา้ ผคู้ รองเกาะเทมาเส็ก ถูกกองทัพชวาโจมตี
พระองคแ์ ละผ้ตู ิดตามล่องเรือหนีไปขึ้นฝั่งทางตอนเหนือ ด้วยความเหน็ดเหนื่อยพระองค์จึงนั่งพัก
ใตต้ ้นไมต้ ้นหน่ึง ขณะน้ันเอง ก็ได้เหน็ กระจงตัวหนง่ึ ถูกหมาป่า ๒ ตัวไล่ล่ามาจนมุมอยู่ริมแม่น้า
ใกล้กับท่ีพระองค์พักอยู่ เมื่อกระจงจนมุมไม่รู้จะหนีไปทางไหน จึงหันกลับไปต่อสู้กลับหมาป่า
๒ ตวั นั้นอย่างสุดชีวิต กระจงน้อยใช้ขาดีดใส่จมูกหมาป่า จนในที่สุดหมาป่า ๒ ตัวนั้นพ่ายแพ้
ต้องหนีเขา้ ป่าไป
เจา้ ชายน่ังมองอยา่ งประทบั ใจในความกลา้ หาญของกระจงนอ้ ยตวั น้นั และรูส้ กึ วา่ สงิ่ ท่ีพระองค์
ไดพ้ บนี้เป็นนมิ ติ หมายทด่ี ี เพราะกระจงเปน็ สตั วต์ ัวเลก็ นิดเดยี ว แต่กลับแขง็ แรงและมีความหาญกล้า
เปน็ อย่างยิ่ง ท้าใหเ้ จ้าชายฉกุ คดิ ข้ึนมาได้วา่ ขนาดกระจงยังไมย่ อมแพ้งา่ ยๆ แลว้ พระองค์จะท้อถอย
ไดอ้ ย่างไร พระองคจ์ ึงคิดสร้างเมืองใหม่ทีน่ ี่ เจา้ ชายหันกลบั ไปถามทหารที่ติตามว่า สถานท่ีแห่งน้ี
ช่ืออะไร แตก่ ลบั ไมม่ ีใครรจู้ กั สกั คนเดยี ว นอกจากเห็นตน้ มะขามป้อมขนึ้ อยเู่ ต็มไปหมด พระองค์จึง
ตั้งชื่อสถานนี่แห่งน้ีว่า “เมละกา” เป็นภาษามาเลย์ท่ีแปลว่า มะขามป้อม และจากน้ันมา
เมืองมะละกา หรอื เมละกา ท่ีเจา้ ชายปรเมศวรสรา้ งขน้ึ ใหม่กก็ ลายเป็นเมืองที่มีความเจริญก้าวหน้า
ส่วนกระจงน้อยก็ไดร้ บั เกียรตเิ ป็นตราสัญลักษณ์ของรัฐมะละกา และเป็นส่วนหนึ่งในความรุ่งเรือง
ของมาเลเซียมาถึงจนบัดน้ี
เมอรไ์ ลอ้อน
นานมาแล้ว ณ หมู่บา้ นทางชายฝัง่ ตอนใต้ของเกาะเทมาเส็ก ในค้่าคืนหนึ่งได้เกิด
พายแุ ละคล่ืนยกั ษใ์ นทอ้ งทะเล ทอ้ งฟา้ ก็มืดสนิทไม่เห็นพระจันทร์หรือแม้แต่แสงจากดวงดาว
ราวกับโลกจะถงึ กาลแตกดบั ชาวประมงทอ่ี าศัยอย่ทู ่ีนัน่ พากนั ตกใจและคิดว่า เกาะเทมาเส็ก
คงตอ้ งถกู กวาดลงทะเลด้วยพายใุ หญค่ รั้งน้ีเป็นแน่ จึงพากันคุกเข่าลง พร้อมสวดมนต์ขอให้
สง่ิ ศักด์ิสทิ ธ์ิช่วย
ทันใดน้ัน ก็มีแสงสว่างพุ่งข้ึนมาจากท้องทะเล และเม่ือส้ินแสง น้ันก็ปรากฏ
สัตว์ประหลาดตัวหน่ึงท่ีมีหัวเป็นสิงโต หางเป็นปลา สัตว์ประหลาดน้ีส่งเสียงค้ารามล่ัน
ใส่ทอ้ งทะเลและเข้าต่อสู้กับพายุยักษ์ที่เกิดตรงหน้า ท้าให้เกิดฟ้าแลบฟ้าผ่าเสียงดัง กึกก้อง
ตลอดการตอ่ ส้อู ันรุนแรงน้ี จนชาวบา้ นที่เฝ้ามองการตอ่ สู้คร้ังนี้พากันอกสั่นขวัญหาย
เม่ือเวลาผา่ นไป พายแุ ละคลืน่ ลมก็คอ่ ยๆ ออ่ นแรงลง ทอ้ งฟา้ เร่มิ มแี สงสว่างอีกคร้ัง และ
ในทสี่ ดุ สัตวป์ ระหลาดน้ีก็ประกาศชัยชนะด้วยการข้ึนไปยืนบนภูเขาลูกหนึ่งอย่างสง่าผ่าเผย
จนเมอ่ื เช้าวันใหม่มาถงึ สตั วป์ ระหลาดนก้ี ห็ ายกลับลงไปสู่ทะเลเหลือท้ิงไว้แต่ร่องรอยการต่อสู้
ของค่้าคนื น้ัน
ชาวบา้ นดีใจเป็นอย่างยิ่งที่ตนเองปลอดภัย จึงช่วยกันสร้างรูปปั้นสัตว์ประหลาด
คร่ึงนางเงือก (Mermaid) คร่ึงสิงโต (Lion) ท่ีได้เห็นไว้คอยคุ้มครองปกป้องภัย
แล้วเรยี กขานในเวลาต่อมาว่า เมอรไ์ ลออ้ น (Merlion)