1
ชุดกจิ กรรม การคดิ วเิ คราะหส์ รา้ งสรรค์ตามกระบวนการ GPAS 5 Steps
เพือ่ เรยี นรเู้ ร่อื ง โครงสร้างและหน้าทข่ี องพืช
กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5
เร่อื งท่ี 2 โครงสรา้ งของใบ
นางจีรพรรณ์ หนอ่ แกว้
โรงเรียนสาธิตมหาวทิ ยาลยั ราชภัฏวไลยอลงกรณ์
ในพระบรมราชปู ถัมภ์ จงั หวดั ปทุมธานี
2
คานา
ชดุ กจิ กรรมการคิดวิเคราะห์สร้างสรรค์ ตามกระบวนการ GPAS 5 Steps เพ่ือเรียนรู้เรื่อง โครงสร้างและ
หนา้ ที่ของพืช กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 5 ประกอบด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้จานวน
4 ชุด ได้แก่ ชุดท่ี 1 เรอ่ื ง เน้ือเย่อื พชื ชดุ ที่ 2 เรอ่ื ง โครงสร้างและหน้าท่ีของใบ ชดุ ท่ี 3 เร่ือง โครงสร้างและหน้าที่
ของลาต้น ชุดท่ี 4 เรื่องโครงสร้างและหน้าท่ีของราก เพื่อใช้ประกอบการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระวิทยาศาสตร์
สาระที่ 1 สิ่งมีชีวิตกับกระบวนการดารงชีวิต ว 1.1 เข้าใจหน่วยพ้ืนฐานของส่ิงมีชีวิต ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง
และหน้าที่ของระบบต่างๆ ของสิ่งมีชีวิตท่ีทางานสัมพันธ์กัน มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ สื่อสารสิ่งท่ีเรียนรู้
และนาความรไู้ ปใช้ในการดารงชีวิตของตนเองและดูแลสิ่งมีชีวิต ผลการเรียนรู้ สังเกต เปรียบเทียบ สรุปลักษณะ
เนื้อเย่ือพืช โครงสร้างของราก ลาต้น และใบของพืชใบเล้ียงคู่กับพืชใบเล้ียงเดี่ยว แล้วประยุกต์คิดค้นนาพืชไปใช้
ประโยชนใ์ นชีวติ ประจาวนั
เอกสารชุดกิจกรรมการคิดวิเคราะห์สร้างสรรค์ตามกระบวนการ GPAS 5 Steps เร่ือง โครงสร้างและ
หนา้ ท่ีของพชื กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 5 จัดทาขึ้นเพ่ือใช้เป็นนวัตกรรมจัดการเรียนรู้
อยา่ งเป็นขนั้ ตอนและเชื่อมโยงสู่การนาไปทาโครงงานสรา้ งผลติ ภณั ฑ์ใช้ประโยชน์อย่างสรา้ งสรรค์
ผู้จัดทาหวังเป็นอย่างย่ิงว่าชุดกิจกรรมการคิดวิเคราะห์สร้างสรรค์ตามกระบวนการ GPAS 5 Steps เร่ือง
โครงสรา้ งของใบ กล่มุ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 5 จะมีผลในการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการ
เรียนของนักเรียนให้ดีข้ึน และสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์จากโครงสร้างของพืชเพ่ือนาไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจาวัน
ไดม้ ากข้นึ
นางจีรพรรณ์ หน่อแก้ว
ครู โรงเรียนสาธติ มหาวิทยาลยั ราชภฏั วไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชปู ถัมภ์
สารบัญ 3
เร่อื ง หน้า
คานา 2
สารบัญ 3
คาชแี้ จงสาหรับครู 5
คาช้แี จงสาหรับนักเรียน 7
แบบทดสอบก่อนเรยี น 8
ใบความรู้ 10
ขั้นตอนท่ี 1 ศึกษารวบรวมข้อมลู (Gathering) 20
ชุดกิจกรรมที่ 1.1 สว่ นประกอบของใบพืชมอี ะไรบา้ ง 20
ชดุ กิจกรรมท่ี 1.2 ชนิดของใบพืช 21
ชุดกจิ กรรมที่ 1.3 โครงสรา้ งของใบพชื 22
แบบประเมินชดุ กจิ กรรมท่ี 1.1 23
แบบประเมินชดุ กจิ กรรมที่ 1.2 24
แบบประเมินชุดกิจกรรมท่ี 1.3 25
ขั้นตอนที่ 2 ประมวลผลข้อมูล (Processing) 26
ชดุ กิจกรรมที่ 2.1 ใบเลย้ี งเดี่ยวชวนคดิ 26
ชดุ กจิ กรรมท่ี 2.2 ใบเลย้ี งคนู่ ่ารู้ 27
แบบประเมนิ ชดุ กิจกรรมท่ี 2.1 28
แบบประเมนิ ชุดกจิ กรรมที่ 2.2 29
ข้นั ตอนท่ี 3 ประยุกต์ใช้ (Apply1) 30
ชดุ กจิ กรรมที่ 3.1 ปัญหาท่ีสนใจ 30
ชุดกิจกรรมท่ี 3.2 ศึกษาขอ้ มูล 31
ชดุ กิจกรรมที่ 3.3 การออกแบบผลิตภณั ฑจ์ ากใบพชื 32
ชดุ กจิ กรรมที่ 3.4 วางแผนการทางาน 33
ชดุ กจิ กรรมที่ 3.5 การสร้างช้นิ งานจากใบพชื 34
แบบประเมนิ ชดุ กิจกรรมท่ี 3.1 35
แบบประเมินชดุ กิจกรรมท่ี 3.2 36
แบบประเมินชดุ กจิ กรรมท่ี 3.3 37
แบบประเมินชดุ กิจกรรมท่ี 3.4 38
แบบประเมินชดุ กิจกรรมท่ี 3.5 39
ขั้นตอนท่ี 4 นาเสนอ (Apply 2) 40
ชุดกิจกรรมที่ 4.1 การนาเสนอประโยชนข์ องโครงงาน 40
แบบประเมนิ ชดุ กิจกรรมท่ี 4.1 41
ข้ันตอนที่ 5 ประเมนิ และควบคมุ ตนเอง (Self regulating) 4
ชดุ กิจกรรมที่ 5.1 การเผยแพรโ่ ครงงานผลิตภัณฑ์จากใบพืช
แบบประเมนิ ชุดกิจกรรมที่ 5.1 42
แบบทดสอบหลงั เรยี น 42
เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี นและหลังเรยี น 43
เอกสารอ้างอิง 44
46
47
5
คาชแี้ จงสาหรับครูผู้สอน
ชดุ กิจกรรมการคิดวเิ คราะหส์ รา้ งสรรค์ ตามกระบวนการ GPAS 5 Steps เพอื่ เรยี นร้เู ร่ือง โครงสรา้ งและ
หน้าที่ของพชื กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 5 ประกอบด้วยชุดกิจกรรม จานวน 4 เร่ือง
ได้แก่
ชดุ ที่ 1 เรื่อง เนือ้ เย่ือพืช
ชดุ ที่ 2 เร่อื ง โครงสร้างและหน้าทีข่ องใบ
ชุดที่ 3 เรอ่ื ง โครงสร้างและหน้าทขี่ องลาตน้
ชดุ ที่ 4 เรอื่ ง โครงสรา้ งและหน้าที่ของราก
เพ่ือใช้ประกอบการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ สาระท่ี 1 ส่ิงมีชีวิตกับกระบวนการ
ดารงชีวิต ว 1.1 เข้าใจหน่วยพ้ืนฐานของสิ่งมีชีวิต ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง และหน้าที่ของระบบต่างๆ ของ
สิ่งมีชีวิตท่ีทางานสัมพันธ์กัน มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ ส่ือสารส่ิงท่ีเรียนรู้และนาความรู้ไปใช้ในการ
ดารงชีวติ ของตนเองและดูแลส่ิงมีชีวิต ผลการเรียนรู้ สังเกต เปรียบเทียบ และสรุปลักษณะเนื้อเยื่อพืช โครงสร้าง
ของราก ลาต้น และใบของพืชใบเล้ียงคู่กับพืชใบเลี้ยงเดี่ยว มีจุดมุ่งหมาย ให้นักเรียนสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์จาก
โครงสร้างของพืชเพื่อนาไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจาวันได้มากข้ึน ท้ังนี้นักเรียนจะได้เรียนรู้ในห้องเรียนและนอก
ห้องเรียนโดยอิสระโดยมีครูอานวยความสะดวก ชี้แนะแนวทาง ตรวจสอบผลงานอย่างต่อเน่ือง มีแนวทางการ
เรียนร้ดู ังน้ี
ข้นั ตอนที่ 1 ศกึ ษารวบรวมขอ้ มลู (Gathering)
ชดุ กิจกรรมที่ 1.1 ส่วนประกอบของใบพชื มอี ะไรบา้ ง
ชดุ กจิ กรรมที่ 1.2 ชนิดของใบพืช
ชุดกิจกรรมที่ 1.3 โครงสร้างของใบพืช
แบบประเมนิ ชุดกจิ กรรมที่ 1.1
แบบประเมินชุดกิจกรรมที่ 1.2
แบบประเมินชุดกจิ กรรมที่ 1.3
ข้นั ตอนที่ 2 ประมวลผลข้อมูล (Processing)
ชุดกิจกรรมท่ี 2.1 ใบเลยี้ งเดยี่ วชวนคดิ
ชุดกจิ กรรมท่ี 2.2 ใบเล้ยี งคู่น่ารู้
แบบประเมนิ ชดุ กจิ กรรมท่ี 2.1
แบบประเมินชุดกิจกรรมที่ 2.2
6
ขนั้ ตอนที่ 3 ประยุกตใ์ ช้ (Apply1)
ชุดกจิ กรรมที่ 3.1 ปญั หาที่สนใจ
ชุดกิจกรรมท่ี 3.2 ศึกษาขอ้ มูล
ชดุ กจิ กรรมที่ 3.3 การออกแบบผลติ ภัณฑจ์ ากใบพืช
ชุดกจิ กรรมท่ี 3.4 วางแผนการทางาน
ชดุ กจิ กรรมท่ี 3.5 การสรา้ งช้ินงานจากใบพชื
แบบประเมนิ ชุดกจิ กรรมที่ 3.1
แบบประเมินชุดกิจกรรมที่ 3.2
แบบประเมินชุดกจิ กรรมที่ 3.3
แบบประเมนิ ชดุ กจิ กรรมที่ 3.4
แบบประเมนิ ชุดกิจกรรมที่ 3.5
ข้ันตอนท่ี 4 นาเสนอ (Apply 2)
ชดุ กิจกรรมท่ี 4.1 การนาเสนอประโยชน์ของโครงงาน
แบบประเมินชดุ กิจกรรมท่ี 4.1
ขั้นตอนท่ี 5 ประเมนิ และควบคมุ ตนเอง (Self regulating)
ชดุ กจิ กรรมท่ี5.1 การเผยแพร่โครงงานผลติ ภณั ฑ์จากใบพืช
แบบประเมนิ ชดุ กจิ กรรมที่ 5.1
สาหรบั การประเมนิ ผลการทาแบบฝึกกจิ กรรมทุกกจิ กรรมใช้เกณฑท์ ่ีกาหนดของแต่ละกิจกรรม ดงั นี้
คะแนน 24 –30 มรี ะดบั คุณภาพ ดมี าก
คะแนน 21 –24 มีระดบั คุณภาพ ดี
คะแนน 15 –21 มีระดับคุณภาพ ผ่านเกณฑ์
คะแนน ตา่ กวา่ 15 มรี ะดับคุณภาพ ไม่ผ่านเกณฑ์
ทั้งน้กี ารประเมินสามารถให้ผู้ประเมนิ ได้ ดังน้ี
1 ประเมินตนเอง
2 นาไปใหผ้ ู้ปกครองประเมนิ
3 สง่ ครูประเมนิ
ปฏิบัตกิ ิจกรรมแบบฝึกตามเวลาทีก่ าหนดทั้งในเวลา การบ้านและนอกเวลาใชเ้ วลาท้ังส้นิ 3 ชว่ั โมง ไม่รวมทดสอบ
7
คาช้ีแจงสาหรบั นักเรยี น
1. ศึกษาใบความรู้ เรอ่ื ง โครงสรา้ งและหน้าที่ของใบพืช
2. ปฏิบตั ิตามคาชี้แจงในการทาแบบฝกึ กจิ กรรม 5 ขั้นตอน ดงั นี้
ข้ันตอนที่ 1 ศกึ ษารวบรวมขอ้ มูล (Gathering)
ขัน้ ตอนท่ี 2 ประมวลผลขอ้ มูล (Processing)
ขน้ั ตอนที่ 3 ประยุกตใ์ ช้ (Apply1)
ขนั้ ตอนที่ 4 นาเสนอ (Apply 2)
ขั้นตอนท่ี 5 ประเมนิ และควบคุมตนเอง (Self regulating)
3. ประเมินผลการทาแบบฝึกกิจกรรมทุกกิจกรรมโดยใช้เกณฑท์ ่ีกาหนดของ แตล่ ะกิจกรรม ดังนี้
3.1 ประเมินตนเอง
3.2 นาไปใหผ้ ูป้ กครองประเมิน
3.3 สง่ ครปู ระเมนิ
4. ปฏิบัตกิ จิ กรรมแบบฝึกตามเวลาท่กี าหนดท้ังในเวลา การบา้ นและนอกเวลาใช้เวลาทั้งสนิ้ 3 ชว่ั โมง ไมร่ วม
ทดสอบ
ทำข้อสอบอย่ำง
ตงั้ ใจนะคะ
8
แบบทดสอบกอ่ นเรียน
คาชี้แจง
1. ข้อสอบเปน็ แบบปรนยั 4 ตวั เลอื ก จานวน 10 ข้อ
2. ใหน้ ักเรยี นเลอื กข้อทถี่ ูกเพียงข้อเดียวแล้วทาเครอื่ งหมากากบาท (x) ลงในชอ่ งวา่ งให้ตรงขอ้ ก ข ค ง ใน
กระดาษคาตอบทเ่ี หน็ ว่าถูกท่ีสดุ
1. ปากใบมหี นา้ ท่ี
ก. คายนา้ ปล่อยออกซเิ จน
ข. คายน้าปล่อยออกซิเจนรับคาร์บอนไดออกไซด์
ค. คายคาร์บอนไดออกไซด์รบั ออกซเิ จน
ง. คายน้า
2. ใบไม้ทว่ั ๆ ไปด้านหลงั ใบสเี ขียวเขม้ กว่าดา้ นท้องใบ เนื่องจาก
ก. ชนั้ เอพเิ ดอร์มสิ ดา้ นหลังใบสเี ขียวเขม้ กว่าด้านท้องใบ
ข. ชนั้ คิวติเคลิ ของด้านท้องใบหนา้ มากกว่าดา้ นหลังใบ
ค. คลอโรพลาสต์ดา้ นหลงั ใบจะมีมากกวา่ ดา้ นท้องใบ
ง. คลอโรพลาสต์ดา้ นหลงั ใบมีสเี ขม้ มากกวา่ ด้านทอ้ งใบ
3. เซลลค์ มุ และเอพเิ ดอร์มิสด้านลา่ งของใบน้ันเป็นเซลล์แถวเดียวกัน แตกต่างกัน คือ
ก. เอพเิ ดอรม์ สิ มนี วิ เคลยี ส เซลลค์ ุมไม่มนี ิวเคลยี ส
ข. เอพิเดอรม์ ิสไม่มนี วิ เคลียส เซลลค์ มุ มีนิวเคลยี ส
ค. เอพเิ ดอรม์ ิสมีคลอโรพลาสต์ เซลลค์ มุ ไม่มีคลอโรพลาสต์
ง. เอพเิ ดอร์มสิ ไม่มีคลอโรพลาสต์ เซลล์คุมมคี ลอโรพลาสต์
4. เซลล์คุมเปล่ียนแปลงจากเซลลใ์ ด
ก. stoma
ข. parenchyma
ค. cutin
ง. epidermis
9
แบบทดสอบก่อนเรียน (ต่อ)
5. ลกั ษณะใดของใบท่ีเหมาะสาหรบั การทาหน้าทีส่ ร้างอาหารมากท่สี ดุ
ก. ใบมลี ักษณะเปน็ เสน้ บางๆ กระจายไปทัว่ ก่ิง
ข. ใบแบนบาง มีความหนาและมีพาลิเสดเซลล์กนั หลายๆ ชนั้
ค. ใบแบนบาง พนื้ ที่ผวิ มาก ใบแผ่ออกแต่ละใบไม่ซ้อนกัน
ง. ใบหนามขี นาดใหญ่ แต่ละใบเรียงซ้อนๆ กนั หลายๆ ชัน้
6. ดา้ นบนของใบมะม่วงมสี ีเข้มมากกวา่ ด้างลา่ งเป็นเพราะเหตใุ ด
ก. ไดร้ บั แสงมากกว่า
ข. พาลิเสดเซลลเ์ รียงตัวกันแน่นกว่าสปนั จีเซลล์
ค. พาลิสเสดเซลลม์ คี ลอโรพลาสต์มากกวา่ สปนั จเี ซลล์
ง. สปนั จเี ซลล์มีคลอโรพลาสตม์ ากกวา่ พาลิเสดเซลล์
7. เนอื้ เยอื่ ลาเลยี งของใบอยู่ในเซลล์ชั้นใด
ก. พาลเิ สดเซลล์
ข. อิพิเดอร์มิส
ค. สปนั จีเซลล์
ง. คลอเรนไคมาเซลล์
8. ขอ้ ใดต่อไปนี้อธิบายความหมายหน้าทข่ี อง ใบ ไดถ้ ูกตอ้ งที่สดุ
ก. ทาหนา้ ทีส่ รา้ งอาหารและคายน้า
ข. ทาหนา้ ที่สร้างอาหารโดยกระบวนการสงั เคราะห์ดว้ ยแสง มีสารสีเขยี วเรยี กวา่ คลอโรฟลิ ล์
ใช้สาหรับการสังเคราะห์ด้วยแสง
ค. ทาหนา้ ทหี่ ายใจ
ง. ทาหนา้ ท่ีหายใจและทาหน้าทคี่ ายนา้
9. มดั ท่อนา้ ทอ่ อาหารของใบอยู่ทส่ี ่วนใด
ก. ชัน้ ของ Epidermis
ข. ชัน้ ของ Spongy cell
ค. ช้ันของ Palisade cell
ง. ชนั้ ของ Mesophyll
10. ลักษณะใดของใบที่เหมาะสมสาหรบั การทาหนา้ ท่สี รา้ งอาหารมากท่ีสุด
ก. ใบมีลกั ษณะเปน็ เสน้ บางๆ กระจายไปทว่ั กงิ่
ข. ใบแบนบาง มีความหนาและมีแพลเิ ซดเซลลก์ นั หลาย ๆ ช้ัน
ค. ใบแบนบาง พน้ื ที่ผวิ มาก ใบแผอ่ อกแตล่ ะใบไมซ่ ้อนกัน
ง. ใบหนามขี นาดใหญ่ แตล่ ะใบเรียงซ้อน ๆ กันหลาย ๆ ชนั้
ใบความรู้ท่ี 1 แหลง่ ค้นคว้ำของ 10
เรำ
เร่อื ง ส่วนประกอบของใบ
ใบ ( Leaves )
เปน็ อวัยวะที่เจรญิ ออกไปบริเวณดา้ นขา้ งโดยมตี าเหน่งอยู่ทข่ี อ้ ปล้องของตน้ และก่ิงใบส่วนใหญ่จะมีสี
เขียวของคลอโรฟิลล์แต่ใบพืชบางชนดิ จะมีสแี ดงหรือ สีมว่ ง เน่ืองจากมีสารสีอื่นๆ เชน่ แอนโทไซยานนิ
(anthocyanin) หรือ แคโรทีนอยด์ (Carotenoid) มากกวา่ คลอโรฟลิ ล์จึงทาให้ใบมีสีอน่ื มากกวา่ สเี ขียว รูปรา่ ง
และขนาดของใบแตกตา่ งกนั ไปตามชนดิ ของพืช หน้าท่หี ลักของใบ คือ การสังเคราะหแ์ สง การหายใจ และ การ
คายน้า
สว่ นประกอบของใบ
สว่ นประกอบของใบมี 3 ส่วนคอื
1. แผน่ ใบ ( blade หรือ lamina )
2. ก้านใบ ( petiole )
3. หใู บ ( stipule )
ภาพที่ 1 ส่วนประกอบของใบ
ทมี่ า : https://sites.google.com/site/biologybysra/khorngsrang-khxng-bi
11
1. แผน่ ใบ ( blade หรอื lamina )
มกั แผอ่ อก มขี นาด และรปู ร่างตา่ งกัน ทีแ่ ผน่ ใบจะพบ เสน้ ใบ (vein) และ เสน้ กลางใบ (midrib)
โดยเสน้ กลางใบจะต่อ เนอ่ื งกับก้านใบ จากเสน้ กลางใบแยกออก เป็นเสน้ ใบ ซ่ึงจะแยกแขนงออกไปอีก
เปน็ เส้นแขนงใบหรือเส้นใบย่อย (vienlet)
การเรยี งของเสน้ ใบ (venation)
1) เส้นใบแบบขนาน (parallel venation) พบในพืชใบเลี้ยงเดีย่ วแบ่งเปน็
a. เรียงตามยาวของใบ (plamately parallel venation)
b. เสน้ ใบขนานกันตามขวางของใบ (pinately parallel venation)
ภาพที่ 2 เสน้ ใบขนานเรยี งตามยาวของใบ ภาพท่ี 3 เสน้ ใบขนานกันตามขวางของใบ
(plamately parallel venation) (pinately parallel venation)
ที่มา : https://sites.google.com/site/biologybysra/khorngsrang-khxng-bi
2) การเรียงตัวของเสน้ ใบแบบตาข่าย (netted หรือ recticulated venation) พบในพืชใบเลย้ี งคู่
ซงึ่ มี 2 แบบคอื
2. ก้านใบ ( petiole )
ตดิ กับแผ่นใบ ตรงฐานใบ ยกเว้นบางชนิดกา้ นใบตดิ ตรงกลางหรอื ตรงดา้ นในของแผน่ ใบ ก้านใบ สั้นบ้าง
ยาวบา้ ง หรอื ไม่มีก้านใบเลย เรียก sessile leaf กา้ นใบโดยมากมีลักษณะกลม ใบพชื ใบเล้ียงเด่ียวบางชนดิ ก้านใบ
แผห่ ุ้มลาตน้ เรียกกาบใบ ( leaf sheath )
12
ภาพท่ี 6 กา้ นใบ ภาพท่ี 7 กาบใบ
ท่มี า : https://sites.google.com/site/biologybysra/khorngsrang-khxng-bi
3. หใู บ ( stipule )
เปน็ ระยางค์ อยตู่ รงโคนกา้ นใบ ถา้ เปน็ หใู บของใบย่อย ( leaflet ) เรียกหูใบยอ่ ย ( stiple ) หูใบมลี ักษณะ
เปน็ ริ้ว หนามหรอื ตอ่ มเลก็ ๆ ส่วนใหญ่มสี เี ขียว หูใบมีรูปรา่ งขนาดและสตี ่างกัน
ภาพท่ี 7 หูใบ (Stipule)
ที่มา : https://sites.google.com/site/biologybysra/khorngsrang-khxng-bi
13
ใบความรูท้ ่ี 2
เรื่อง ชนดิ ของใบพชื
ชนดิ ของใบ
1. ใบเดี่ยว (simple leaf) ใบทมี่ ีตวั ใบ ภาพที่ 8 ลกั ษณะใบเดย่ี ว
แผ่นเดยี ว เช่น ใบนอ้ ยหน่า มะม่วง ชมพู่
พืชบางชนิดตัวใบเว้า โคง้ ไปมา จงึ ทาให้ดู ทม่ี า :hhttptps:s/:/s/istietes.sg.goooogglele.c.coomm/s/istiete/p/phhuucchhddxxkk/p/phhuuch-dxk/4-
คลา้ ยมีตวั ใบหลายแผ่นแต่บางส่วนของ khorncghs-rdaxnkg/-4k-hkxhnogr-nbgis/r4a-n3cg-hknhixdn-kgh-bxin/4g-b3ci hnid-
ตัวใบยงั เชอ่ื มกันอยู่ถือว่าเป็นใบเด่ียว
เช่น ใบมะละกอ ใบฟักทอง ตัวใบมกั ตดิ khxng-bi
กบั ก้านใบ ถ้าใบท่ีไม่มีกา้ นใบเรียก
sessile leaves เช่น บานช่นื
2. ใบประกอบ (compound leaf) ใบ ภาพที่ 9 ใบประกอบ
ท่มี ตี ัวใบหลายแผน่ ตดิ อยูก่ ับก้านใบ
เดยี ว เชน่ ข้ีเหล็ก ใบจามจุรี ใบยอ่ ย ทมี่ า : https://sites.google.com/site/phuchdxk/phuch-dxk/4-
เรยี กวา่ leaflets ใบประกอบจะมตี าที่ khorngsrang-khxng-bi/4-3chnid-khxng-bi
ซอกใบท่ีตดิ กับลาตน้ เทา่ นั้น (แต่สว่ นที่
เป็นกา้ นใบย่อยจะไมพ่ บตา) ใบ
ประกอบยังสามารถแบ่งเป็นประเภท
ย่อยๆ ได้ 2 ประเภทดงั นี้
ใบประกอบแบบขนนกช้นั เดียว 14
(Pinnately compound leaf) ใบท่ี
ประกอบดว้ ยใบย่อยแตกออกจากก้านใบ ภาพที่ 10 ใบประกอบแบบขนนกสองชนั้
เพียงคร้งั เดยี ว ใบยอ่ ยแต่ละใบจะมีก้าน ท่มี า : https://sites.google.com/site/phuchdxk/phuch-
ใบยอ่ ย เรยี กวา่ petiolue ได้แก่ ใบ dxk/4-khorngsrang-khxng-bi/4-3chnid-khxng-bi
กุหลาบ ใบมะขาม ใบขเี้ หล็ก ใบสะเดา
ใบทองอุไร ใบกาลพฤกษ์
ใบประกอบแบบขนนกสองช้ัน ภาพท่ี 11 ใบประกอบแบบขนนกสองชนั้
(bipinnately compound leaf) ใบ ท่ีมา : https://sites.google.com/site/phuchdxk/phuch-
ทป่ี ระกอบด้วยใบย่อยแตกออกจากก้าน dxk/4-khorngsrang-khxng-bi/4-3chnid-khxng-bi
ใบเพยี ง 2 ครั้ง และมชี ว่ งของก้านใบหรือ
แกนกลาง 2 แห่ง คือ rachis และ ภาพท่ี 12 ใบประกอบแบบฝา่ มือ
rachilla เช่น ใบหางนกยูงฝร่ัง จามจุรี ท่มี า : https://sites.google.com/site/phuchdxk/phuch-
กระถนิ dxk/4-khorngsrang-khxng-bi/4-3chnid-khxng-bi
Palmately compound leaf (ใบ
ประกอบแบบฝ่ามือ) ใบทปี่ ระกอบด้วย
หลายใบยอ่ ย (leaflets) แตกออกจาก
ส่วนกา้ นใบลักษณะคล้ายนวิ้ มือ ซึง่
แบง่ เปน็ ประเภทต่างๆ ดังนี้ bifoliage
ใบทีป่ ระกอบด้วยใบยอ่ ย 2 ใบ
trifoliage ใบท่ปี ระกอบดว้ ยใบย่อย 3
ใบ
15
ใบความร้ทู ี่ 3
เรอ่ื ง โครงสรา้ งของใบพืช
โครงสร้างภายในของใบส่วนตา่ ง ๆ ของใบ
เมื่อตดั ตามขวาง และนามาส่องดูดว้ ยกล้องจลุ ทรรศน์พบว่าประกอบด้วยชั้นตา่ ง ๆ 3 ชนั้ คือ
1. เอพิเดอร์มสิ (Epidermis)
เปน็ เย่ือหุ้มใบที่มอี ยู่ทั้งด้านบนและด้านล่างของใบประกอบด้วยเซลล์แถวเดียว และรูปร่างส่ีเหลี่ยมผืนผ้า
เหมือนในลาต้นเป็นเซลล์ท่ีไม่มี คลอโรพลาสต์ จึงทาให้ เอพิเดอร์มิส ทั้งด้านบนและด้านล่างไม่มีสีเขียวมี คิวทิน
เคลอื บที่ด้านนอกของผนังเซลล์จึงป้องกันการระเหยของน้าออกจากใบเอพิเดอร์มิส ด้านบน (Upper epidermis)
มักมี คิวทิน ฉาบหนากว่า เอพิเดอร์มิส ด้านล่าง (Lower epidermis) คิวทิน (Cutin) ที่ฉาบอยู่เป็นเยื่อบาง ๆ ใส
ๆ เรียกว่า คิวทิเคิล (Cuticle) มีลักษณะคล้ายขี้ผ้ึง เอพิเดอร์มิส บางเซลล์มีการเปล่ียนแปลงไปเป็นเซลล์คุม
(Guard cell) อยูก่ นั เป็นคู่ ๆ มีรูปร่างคล้ายเมล็ดถ่ัว หรือคล้ายไต เซลล์คุม 2 เซลล์จะหันด้านเว้าและมีความหนา
มากกวา่ มาประกบกันทาให้เกดิ ชอ่ งว่าง เรียกวา่ ปากใบหรือ รูใบ (Stomata) เซลล์คุมเป็นเซลล์ที่มีเม็ดคลอโรพลา
สต์อยู่ภายใน ในขณะท่ีเซลล์ของเอพิเดอร์มิส ไม่มีเม็ดคลอโรพลาสต์ใบพืชทั่ว ๆ ไปมักมีปากใบอยู่ทางด้านล่าง
(Ventral side) ของใบมากกว่าด้านบน หากมีปากใบมากจะเกิดการคายน้ามาก พืชท่ีมีใบอยู่ปร่ิมน้า เช่น บัวสาย
ปากใบจะอยู่ทางด้านบน (Dorsal side) ของใบเท่าน้ัน และพืชท่ีจมอยู่ในน้า เช่น สาหร่ายหางกระรอก (ไม่ได้
จดั เป็นสาหร่าย แตเ่ ป็นพืชชนิดหนงึ่ ที่อย่ใู นน้า) ใบของสาหรา่ ยหางกระรอกจะไม่มีปากใบ และไม่มีสาร คิวทินฉาบ
ใบด้วย จานวนปากใบของพืชแตกต่างไปตามชนดิ ของพืช
ภาพที่ 13 โครงสร้างของใบพืช
ทม่ี า : https://www.slideshare.net/somycha/ss-64271101
https://youtu.be/GDrcyH8wEEw
16
2. มโี ซฟิลล์ (Mesophyll)
อาจเรยี กวา่ เปน็ สว่ นของเนอ้ื ใบ หมายถึงส่วนของเนือ้ เย่ือที่อยู่ระหว่าง เอพเิ ดอรม์ ิส ด้านบน และเอพิเดอร์
มิส ดา้ นล่างเน้อื เย่ือสว่ นใหญ่เปน็ พวก พาเรงคิมา ท่มี ี คลอโรพลาสต์อยดู่ ้วยจงึ เรียกชอ่ื ใหมว่ ่า คลอเรงคิมา
(Chlorenchyma = Chloroplast + Parenchyma) มีโซฟลิ ล์แบ่งออกเปน็ สองชัน้ คือ
1) แพลิเซดมีโซฟิลล์ (Palisade mesophyll) เปน็ ชน้ั ท่อี ยู่ใต้เอพิเดอร์มิส ดา้ นบนเข้ามาในเน้ือใบ
ประกอบดว้ ยเซลลย์ าว และแคบเรียงต้ังฉากกับเอพิเดอร์มิส ดา้ นบน (ลกั ษณะคล้ายเสารั้ว) เซลล์เรียงกนั เป็นแถว
อดั แนน่ อาจจัดตัวเรยี งเปน็ แถวเดียวหรือหลายแถวขึ้นอยู่กับชนดิ ของพชื ภายในเซลล์เหล่านีม้ ี คลอโรพลาสตอ์ ยู่
กนั อยา่ งหนาแน่นเต็มไปหมด เรียกเซลล์เหล่านี้ว่า แพลิเซดเซลล์ (Palisade cell)
2) สปนั จีมีโซฟิลล์ (Spongy mesophyll) เปน็ ชั้นทีอ่ ยู่ถดั จากแพลิเซดมีโซฟิลล์ เขา้ ไปอกี จนถึง
เอพิเดอร์มิส ดา้ นล่าง เปน็ เซลล์ทอี่ ยกู่ ันอย่างหลวม ๆไมเ่ ป็นระเบยี บ เซลลม์ รี ปู รา่ งค่อนขา้ งกลม จงึ เรียกเซลล์
เหลา่ น้วี า่ สปนั จีเซลล์ (Spongycell) มีชอ่ งวา่ งระหว่างเซลลม์ าก ผิวเซลลจ์ ึงมโี อกาสสัมผัสกบั อากาศได้มาก ทาให้
แก๊สตา่ ง ๆ แพร่เขา้ ออกไดส้ ะดวก ในแตล่ ะเซลล์มีปริมาณ คลอโรพลาสต์ นอ้ ยกวา่ เซลล์ในชน้ั แพลเิ ซดมีโซ
ฟลิ ล์ จงึ ทาใหด้ ้านลา่ งของใบมีสีเขยี วน้อยกวา่ ด้านบนของใบ
ในพืชใบเลย้ี งเด่ยี ว mesophyll ไมส่ ามารถแยกเป็น palisade หรือ spongy mesophyll ได้ เรยี ก
โดยรวมว่า mesophyll ทอ่ ลาเลยี งนา้ และอาหารในใบพชื ใบเล้ยี งเดยี่ วจะมี bundle sheath ซ่ึงเป็นพาเรนไคมา
เซลล์ ล้อมรอบอยู่ 1 ชั้น ชั้นมโี ซฟวิ จะอยู่ถัดจาก bundle sheath ภายในเซลลบ์ รรจุดว้ ยเมด็ คลอโรพลาสต์และ
ทาหนา้ ทีส่ งั เคราะห็ดว้ ยแสงเชน่ เดยี วกบั พืชใบเลยี้ งคู่
(a) (b)
ภาพที่ 14 โครงสรา้ งชนั้ Mesophyll a) พชื ใบเลย้ี งคู่ b) พืชใบเลี้ยงเด่ยี ว
ทม่ี า : http://kongpopkaewwan.blogspot.com/2014/01/blog-post.html
17
3. มัดทอ่ ลาเลยี ง (Vascular bundle)
คือส่วนของเส้นใบขนาดตา่ ง ๆกนั ที่อยู่ภายในเนื้อใบนัน่ เอง (midribหรือ midvein ) และเสน้ ใบยอ่ ย
(vein) มัดท่อลาเลยี งประกอบดว้ ย ไซเลม และโฟลเอม็ มาเรยี งติดตอ่ กนั เปน็ เสน้ ใบ มัดท่อลาเลยี งมกี ลุ่มเซลล์ท่ี
เรยี กวา่ บันเดลิ ชที (Bundle sheath) ล้อมรอบ จงึ ทาให้มัดทอ่ ลาเลียงมีความแข็งแรงเพม่ิ ขน้ึ บันเดลิ ชีท
ประกอบด้วยเซลลพ์ าเรงคิมา หรอื สเกลอเรงคิมา เรยี งตัวกันอยู่ 1 หรือ 2 ชั้น ส่วนใหญ่ของมดั ท่อลาเลียงอยใู่ น
ช้ัน สปันจีมโี ซฟลิ ล์ จงึ เห็นเสน้ ใบนนู ออกทางดา้ นท้องใบ พชื ใบเลีย้ งคูเ่ ส้นใบซึง่ เป็นสว่ นของทอ่ ลาเลยี งจะเรยี งตวั
กันเปน็ รา่ งแห หรือขนนก สว่ นในพชื ใบเลย้ี งเด่ยี วท่อลาเลียงนา้ และอาหารจะขนานกันตามความยาวของใบ
ลกั ษณะคล้ายหัวกะโหลก ประกอบด้วย xylem และ phloem
(a) (b)
ภาพที่ 15 ภาพตัดขวางใบพืช a) ภาพตัดขวางใบเลี้ยงเดี่ยว b) ภาพตดั ขวางใบเลีย้ งคู่
ที่มา : http://kongpopkaewwan.blogspot.com/2014/01/blog-post.html
https://theerameth.wordpress.com/ใบ/โครงสรา้ งของใบ
18
หน้าทีข่ องใบ
หนา้ ท่ีสาคญั ของใบ มี 3 ประการคือ
1 สร้างอาหารดว้ ยกระบวนการสงั เคราะห์ด้วยแสง
2 หายใจ (Respiration)
3. คายน้า (Transpiration)
ภาพท่ี 16 เซลลป์ ากใบ ภาพท่ี 17 การคายน้าในรูปหยดนา้
ที่มา : http://watchawan.blogspot.com/2010/05/blog-post_531.html
19
ปากใบพืชจาแนกตามชนดิ ของพืชทเี่ จรญิ อยูใ่ นสิง่ แวดลอ้ มต่าง ๆ ได้เปน็ 3 แบบ คือ
1. ปากใบแบบธรรมดา (typical stomata) เปน็ ปากใบของพชื ทัว่ ไปโดยมีเซลล์คุมอยู่ในระดับเดยี วกับ
เซลลเ์ อพเิ ดอรม์ ิส พชื ที่ปากใบเปน็ แบบนเี้ ป็นพวกเจริญอยู่ในที่ ๆ มีนา้ อุดมสมบรู ณ์พอสมควร (mesophyte)
2. ปากใบแบบจม (sunken stomata) เป็นปากใบทีอ่ ย่ลู กึ เขา้ ไปในเน้ือใบเซลล์คุมอยลู่ ึกกว่าหรือต่ากวา่
ชั้น เซลล์เอพเิ ดอร์มิสพบในพืชท่อี ยใู่ นทแ่ี ห้งแลง้ (xerophyte) เช่น พชื ทะเลทราย พวกกระบองเพชร พชื ป่าชาย
เลน (halophyte) เช่น โกงกาง แสม ลาพู เปน็ ต้น
3. ปากใบแบบยกสูง (raised stomata) เปน็ ปากใบท่ีมเี ซลลค์ มุ อยสู่ ูงกว่าระดบั เอพิเดอรม์ ิสทั่วไป เพื่อ
ช่วยใหน้ ้าระเหยออกจากปากใบไดเ้ รว็ ขนึ้ พบได้ในพชื ทเี่ จริญอยใู่ นนา้ ท่ี ที่มีนา้ มากหรือชื้นแฉะ (hydrophyte)
ใบพืชใบเลีย้ งเดีย่ วบางชนิด เช่น หญา้ ขา้ วโพด ทชี่ ้นั เอพเิ ดอรม์ ิสมีเซลลข์ นาดใหญแ่ ละผนังเซลลบ์ าง เรียกวา่ บัลลิ
ฟอรม์ เซลล์ (bulliform cell) ช่วยทาให้ใบม้วนงอได้เม่ือพืชขาดนา้ ช่วยลดการคายนา้ ของพืชใหน้ ้อยลง พืชบาง
ชนิดอาจมีเอพิเดอรม์ ิสหนามากกวา่ 1 ชน้ั ซ่งึ พบมากทางด้านหลังใบมากกว่าทางด้านทอ้ งใบเรยี กว่า มลั ติเปลิ เอพิ
เดอร์มิส (multiple epidermis) ซ่งึ พบในพชื ที่แห้งแล้งช่วยลดการของได้ เซลล์ชัน้ นอกสดุ เรยี กวา่ เอพเิ ดอร์มสิ
สว่ นเซลลแ์ ถวท่อี ยู่ถดั เข้าไปเรียกว่า ไฮโพเดอร์มิส (hypodermis)
นอกจากนน้ั ใบยังมีหนา้ ที่อน่ื ๆ ไดแ้ ก่
1. ยึดหรือคา้ จนุ ลาตน้ โดยเปลีย่ นไปเปน็ มอื เกาะ (คลา้ ยกบั ลาต้นทีไ่ ด้กล่าวมาแล้ว)
2. สะสมอาหารและน้า เช่นกาบกลว้ ย ใบว่านหางจระเข้ กลีบหวั หอมเป็นต้น
3. แพรพ่ ันธุ์ เชน่ ใบตน้ ตายใบเปน็ หรอื เศรษฐีพนั ล้าน ทองสามยา่ นทีม่ ีการสร้างตา บริเวณใบ ซ่ึงตามปกติ
แลว้ ใบไม่มีตา
4. ปอ้ งกนั ลาตน้ ด้วยการเปล่ยี นใบเปน็ หนาม เช่น หนามเหงือกปลาหมอ หนามกระบองเพชร
5. ช่วยผสมเกสรโดยเปลยี่ นเป็นกลีบดอกและใบประดับสีต่าง ๆ เพื่อล่อแมลง
6. ป้องกันยอดอ่อนหรอื ใบอ่อน เช่น เปลี่ยนเป็นเกลด็ หมุ้ ตา
อา่ นจบแลว้ มาทา
กิจกรรมกนั นะครับ
20
ขนั้ ตอนที่ 1 ศกึ ษารวบรวมข้อมูล (Gathering)
ชดุ กิจกรรมที่ 1.1 สว่ นประกอบของใบพืชมอี ะไรบ้าง (50 นาท)ี
คาชแ้ี จง
1. จับกลุ่มนักเรยี น 3-5 คน ชว่ ยกันสังเกตลกั ษณะของใบพืชทค่ี รูนามาให้ศกึ ษาหลายๆชนิด
2. นกั เรียนช่วยกันเขียนตามความเข้าใจว่า พชื มีองคป์ ระกอบอะไรบา้ ง
3. เมื่อนักเรยี นเห็นใบพชื แลว้ นักเรียนคดิ ถงึ ส่วนประกอบของพชื อะไรบ้าง โดยทาเปน็ Circle Map
.
สรปุ ส่วนประกอบทส่ี าคัญของใบพืชมีอะไรบ้าง
………………………………………………….……………………………………………………………………………………………………………………….………………
………………………………………………….………………………………………………………………………………………………………………………….……………
21
ข้ันตอนท่ี 1 ศกึ ษารวบรวมขอ้ มูล (Gathering)
ชดุ กิจกรรมท่ี 1.2 ชนิดของใบพืช
คาชีแ้ จง
1. จับกลุ่มนกั เรียน 3-5 คน ชว่ ยกันสงั เกตลกั ษณะของใบพืชทค่ี รูนามาให้ศึกษาหลายๆชนดิ
2. ให้นักเรยี นบอกชอื่ พืชใบเล้ียงเดี่ยวและใบเล้ียงคทู่ ่ีนักเรยี นศกึ ษาจากใบงาน, QR Code และจากความรู้ท่ไี ด้
ศกึ ษามา
3. นกั เรียนชว่ ยกันเขียนตามความเขา้ ใจว่า พชื ที่ศึกษาเปน็ พชื ใบเล้ยี งคูห่ รือพชื ใบเล่ยี งเด่ียว
สรปุ ชนดิ ของใบพชื ใบมีอะไรบ้าง
………………………………………………….……………………………………………………………………………………………………………………….…….
………………………………………………….………………………………………………………………………………………………………………………….….
22
ขั้นตอนท่ี 1 ศึกษารวบรวมข้อมลู (Gathering)
ชดุ กิจกรรมท่ี 1.3 โครงสร้างของใบพืช
คาชแ้ี จง
1. จบั กลุ่มนักเรยี น 3-5 คน ให้นกั เรยี นศกึ ษาจาก สไลด์สาเร็จรปู ของใบพืช
2. ให้นักเรียนบอกลกั ษณะโครงสรา้ งภายในของพชื เปรยี บเทยี บความแตกตา่ งและจุดเด่นของพชื ใบเลีย้ งเดย่ี ว
และพืชใบเลย้ี งคู่
สรปุ โครงสร้างของพืชใบเลี้ยงคู่และใบเลยี้ งเดย่ี วมีอะไรบ้าง
………………………………………………….……………………………………………………………………………………………………………………….…….
………………………………………………….………………………………………………………………………………………………………………………….….
ผปู้ ระเมนิ ครู นักเรยี น ผปู ้ กครอง
ผลการประเมนิ
คะแนนเตม็ 30 คะแนน
คะแนนทไ่ี ด ้ …………………….. คะแนน
สรปุ ดมี าก ดี ผา่ น ไมผ่ า่ น
23
แบบประเมินขั้นตอนที่ 1 ศกึ ษารวบรวมขอ้ มลู (Gathering)
ชดุ กจิ กรรมท่ี 1.1 องคป์ ระกอบของใบพืชมอี ะไรบา้ ง
ชื่อกล่มุ …………………………………………………………………..ชั้น……………………..
ชอ่ื ผู้เสนอผลงาน 1…………………………………….เลขที่…………………………………………….
2…………………………………….เลขท่ี…………………………………………….
3…………………………………….เลขท่ี…………………………………………….
ระดบั คุณภาพ 3 2 1 นา้ หนัก คะแนนทไ่ี ด้
เป็นแบบอย่างได้ กาลังพัฒนา เริม่ พฒั นา 3
4
รายการประเมนิ บอกได้
1 รายการ 2
บอกองค์ประกอบ บอกได้ บอกได้ -ถกู ต้อง
1
ของใบพชื 3 รายการ 2 รายการ - หลากหลาย
สรปุ ความสาคญั - ถกู ต้อง -ถูกต้อง - มีขัน้ ตอน
การปฏบิ ตั ิงาน
ขององคป์ ระกอบใบ - ครอบคลุมเน้ือหา -ครอบคลมุ เน้ือหา
พืช - สื่อความหมายเข้าใจ
ชดั เจน ภาษาสละสลวย
คิดวเิ คราะห์ - หลากหลาย - หลากหลาย
- บนพน้ื ฐานการปฏบิ ัตไิ ด้ - บนพนื้ ฐานการ
จรงิ ปฏบิ ัติ ไดจ้ รงิ
- เชอื่ มโยงชวี ิตจริง
กระบวนการทางาน - มขี นั้ ตอนการปฏบิ ัตงิ าน - มขี ัน้ ตอนการ
- ทุกคนได้รว่ มคิดรว่ มทา ปฏบิ ตั งิ าน
- ชว่ ยเหลือกนั - ทกุ คนไดร้ ว่ มคดิ
รว่ มทา
ผลการประเมนิ
คะแนน 24 –30 มรี ะดบั คณุ ภาพ ดีมาก
คะแนน 21 –24 มรี ะดบั คณุ ภาพ ดี
คะแนน 15 –21 มรี ะดบั คณุ ภาพ ผา่ นเกณฑ์
คะแนน ตา่ กวา่ 15 มรี ะดบั คณุ ภาพ ไมผ่ า่ นเกณฑ์
24
แบบประเมนิ ข้นั ตอนที่ 1 ศึกษารวบรวมขอ้ มูล (Gathering)
ชดุ กิจกรรมท่ี 1.2 ชนิดของใบพชื
ชอื่ กลมุ่ …………………………………………………………………..ชนั้ ……………………..
ชอื่ ผู้เสนอผลงาน 1…………………………………….เลขท่ี…………………………………………….
2…………………………………….เลขที่…………………………………………….
3…………………………………….เลขท่ี…………………………………………….
ระดบั คุณภาพ 3 2 1 นา้ หนกั คะแนนทไ่ี ด้
3
เปน็ แบบอย่างได้ กาลงั พัฒนา เรมิ่ พัฒนา 4
รายการประเมิน บอกได้ 2
1 รายการ
บอกชนิดของใบพืช บอกได้ บอกได้ -ถกู ตอ้ ง 1
3 รายการ 2 รายการ - หลากหลาย
สรุปความสาคญั - ถกู ตอ้ ง -ถูกตอ้ ง - มขี น้ั ตอน
การปฏบิ ตั งิ าน
ชนดิ ของใบพืช - ครอบคลุมเนื้อหา -ครอบคลมุ เน้ือหา
- สอื่ ความหมายเข้าใจ
ชดั เจน ภาษาสละสลวย
คดิ วิเคราะห์ - หลากหลาย - หลากหลาย
- บนพื้นฐานการปฏิบตั ิได้ - บนพื้นฐานการ
จริง ปฏบิ ตั ิ ไดจ้ ริง
- เช่อื มโยงชวี ิตจริง
กระบวนการทางาน - มขี ัน้ ตอนการปฏบิ ตั งิ าน - มีขน้ั ตอนการ
- ทกุ คนได้ร่วมคิดร่วมทา ปฏบิ ัตงิ าน
- ช่วยเหลือกัน - ทุกคนไดร้ ว่ มคดิ
ร่วมทา
ผลการประเมนิ
คะแนน 24 –30 มรี ะดบั คณุ ภาพ ดมี าก
คะแนน 21 –24 มรี ะดบั คณุ ภาพ ดี
คะแนน 15 –21 มรี ะดบั คณุ ภาพ ผา่ นเกณฑ์
คะแนน ตา่ กวา่ 15 มรี ะดบั คณุ ภาพ ไมผ่ า่ นเกณฑ์
25
แบบประเมินขั้นตอนที่ 1 ศึกษารวบรวมขอ้ มลู (Gathering)
ชุดกจิ กรรมท่ี 1.3 โครงสร้างของใบพืช
ชอื่ กลมุ่ …………………………………………………………………..ชัน้ ……………………..
ช่ือผเู้ สนอผลงาน 1…………………………………….เลขท่ี…………………………………………….
2…………………………………….เลขท่ี…………………………………………….
3…………………………………….เลขที่…………………………………………….
ระดบั คุณภาพ 3 2 1 นา้ หนกั คะแนนทไ่ี ด้
3
เปน็ แบบอยา่ งได้ กาลงั พฒั นา เรมิ่ พัฒนา 4
รายการประเมิน บอกได้ 2
1 รายการ
บอกโครงสรา้ งของใบ บอกได้ บอกได้ -ถูกตอ้ ง 1
พืช 3 รายการ 2 รายการ - หลากหลาย
สรุปความสาคญั - ถูกต้อง -ถกู ต้อง - มีขน้ั ตอน
การปฏิบัตงิ าน
โครงสรา้ งของใบพืช - ครอบคลุมเนื้อหา -ครอบคลุมเนื้อหา
- สอ่ื ความหมายเข้าใจ
ชดั เจน ภาษาสละสลวย
คิดวเิ คราะห์ - หลากหลาย - หลากหลาย
- บนพ้นื ฐานการปฏิบตั ิได้ - บนพืน้ ฐานการ
จรงิ ปฏบิ ตั ิ ไดจ้ ริง
- เชอ่ื มโยงชีวติ จริง
กระบวนการทางาน - มขี นั้ ตอนการปฏิบตั งิ าน - มีขั้นตอนการ
- ทุกคนได้ร่วมคิดรว่ มทา ปฏิบัติงาน
- ชว่ ยเหลือกัน - ทุกคนได้รว่ มคิด
รว่ มทา
ผลการประเมนิ
คะแนน 24 –30 มรี ะดบั คณุ ภาพ ดีมาก
คะแนน 21 –24 มรี ะดบั คณุ ภาพ ดี
คะแนน 15 –21 มรี ะดบั คณุ ภาพ ผา่ นเกณฑ์
คะแนน ตา่ กวา่ 15 มรี ะดบั คณุ ภาพ ไมผ่ า่ นเกณฑ์
26
ข้นั ตอนท่ี 2 ประมวลผลขอ้ มูล (Processing)
ชุดกิจกรรมท่ี 2.1 ใบเล้ียงเด่ียวชวนคิด (50 นาท)ี
คาชแี้ จง
1. จบั กลมุ่ นกั เรยี น 3-5 คน ให้นกั เรยี นเลอื กใบพชื นามาวิเคราะหโ์ ครงสรา้ งของใบเล้ียงเดี่ยว
2. นกั เรียนนาขอ้ มลู ที่พบ เขยี นลงใน Brace Maps
สรุป วเิ คราะหโ์ ครงสร้างของพืชใบเล้ียงเดย่ี วมีอะไรบา้ ง
………………………………………………….…………………………………………………………………………………………………………………………….………….
………………………………………………….………………………………………………………………………………………………………………………………..……….
………………………………………………….………………………………………………………………………………………………………………………………..……….
ผปู้ ระเมนิ ครู นักเรยี น ผปู ้ กครอง
ผลการประเมนิ
คะแนนเตม็ 30 คะแนน
คะแนนทไี่ ด ้ …………………….. คะแนน
สรปุ ดมี าก ดี ผา่ น ไมผ่ า่ น
27
ขั้นตอนท่ี 2 ประมวลผลข้อมลู (Processing)
ชุดกจิ กรรมที่ 2.2 ใบเล้ียงคนู่ ่ารู้
คาชแี้ จง
1. จับกลุม่ นกั เรยี น 3-5 คน ให้นักเรียนเลือกใบพืชนามาวิเคราะห์โครงสรา้ งของใบเลี้ยงเด่ียว
2. นักเรยี นนาขอ้ มูลที่พบ เขียนลงใน Brace Maps
สรปุ วเิ คราะห์โครงสร้างของพืชใบเล้ียงคู่มีอะไรบา้ ง
………………………………………………….…………………………………………………………………………………………………………………………….………….
………………………………………………….………………………………………………………………………………………………………………………………..……….
………………………………………………….………………………………………………………………………………………………………………………………..……….
ผปู้ ระเมนิ ครู นักเรยี น ผปู ้ กครอง
ผลการประเมนิ
คะแนนเตม็ 30 คะแนน
คะแนนทไี่ ด ้ …………………….. คะแนน
สรปุ ดมี าก ดี ผา่ น ไมผ่ า่ น
28
แบบประเมนิ ขั้นตอนที่ 2 ประมวลผลขอ้ มูล (Processing)
ชดุ กิจกรรมที่ 2.1 ใบเลีย้ งเด่ียวชวนคิด
ชือ่ กลุ่ม…………………………………………………………………..ชนั้ ……………………..
ชอ่ื ผู้เสนอผลงาน 1…………………………………….เลขที่…………………………………………….
2…………………………………….เลขที่…………………………………………….
3…………………………………….เลขที่…………………………………………….
ระดับคุณภาพ 3 2 1
เป็นแบบอย่างได้ กาลังพฒั นา เร่ิมพัฒนา นา้ หนกั คะแนนที่
ได้
รายการประเมนิ
วิเคราะหโ์ ครงสร้างของพืช - ครบถ้วน - ครบถว้ น - ครบถว้ น 3
- ครอบคลมุ - ครอบคลุม
ใบเล้ียงเดยี่ ว - ครอบคลุม - ระบุการกระทา
สอดคลอ้ งกับ
- ระบุการกระทาสอดคล้องกบั องคป์ ระกอบ
องคป์ ระกอบ -ถูกตอ้ ง
-ครอบคลมุ เนอ้ื หา
-มรี ายละเอยี ดทแ่ี สดง -สื่อความหมาย
เข้าใจ ชัดเจน
ความสัมพนั ธอ์ ย่างเป็นระบบ -ละเอยี ดลึกซ้งึ
-เชื่อมโยงชวี ิตจรงิ
และลึกซึง้ ซบั ซ้อนข้ึน
- มขี ั้นตอนการ
สรปุ ความเข้าใจ - ถูกต้อง ปฏิบตั งิ าน -ถูกต้อง 4
- ทุกคนได้ร่วมคดิ -ครอบคลมุ 2
- ครอบคลุมเน้อื หา ร่วมทา เน้ือหา
- ส่ือความหมายเข้าใจ ชดั เจน -ละเอียดลกึ ซง้ึ
ภาษาสละสลวย
คิดวิเคราะห์ - ละเอยี ดลกึ ซ้งึ
- เชือ่ มโยงชวี ิตจรงิ
- เปน็ ระบบ
กระบวนการทางาน - มขี ั้นตอนการปฏิบัตงิ าน - มขี ้นั ตอน 1
การปฏบิ ตั งิ าน
- ทกุ คนได้ร่วมคดิ ร่วมทา
- ชว่ ยเหลอื กัน
ผลการประเมนิ
คะแนน 24 –30 มรี ะดบั คณุ ภาพ ดมี าก
คะแนน 21 –24 มรี ะดบั คณุ ภาพ ดี
คะแนน 15 –21 มรี ะดบั คณุ ภาพ ผา่ นเกณฑ์
คะแนน ตา่ กวา่ 15 มรี ะดบั คณุ ภาพ ไมผ่ า่ นเกณฑ์
29
แบบประเมนิ ขน้ั ตอนท่ี 2 ประมวลผลขอ้ มลู (Processing)
ชดุ กจิ กรรมที่ 2.2 ใบเลี้ยงคนู่ ่ารู้
ชอ่ื กลุ่ม…………………………………………………………………..ชั้น……………………..
ชอื่ ผูเ้ สนอผลงาน 1…………………………………….เลขที่…………………………………………….
2…………………………………….เลขที่…………………………………………….
3…………………………………….เลขที่…………………………………………….
ระดับคุณภาพ 3 2 1
เป็นแบบอย่างได้ กาลงั พฒั นา เรม่ิ พฒั นา นา้ หนกั คะแนนที่
ได้
รายการประเมิน
วิเคราะหโ์ ครงสรา้ งของพชื - ครบถว้ น - ครบถว้ น - ครบถ้วน 3
- ครอบคลมุ - ครอบคลมุ
ใบเลี้ยงคู่ - ครอบคลมุ - ระบุการกระทา
สอดคลอ้ งกบั
- ระบกุ ารกระทาสอดคลอ้ งกับ องค์ประกอบ
องคป์ ระกอบ -ถกู ต้อง
-ครอบคลมุ เนื้อหา
-มีรายละเอียดทแ่ี สดง -สื่อความหมาย
เข้าใจ ชัดเจน
ความสัมพนั ธ์อยา่ งเป็นระบบ -ละเอยี ดลกึ ซ้งึ
-เชอ่ื มโยงชีวติ จริง
และลึกซ้ึง ซบั ซอ้ นขึ้น
- มขี ้ันตอนการ
สรุปความเขา้ ใจ - ถูกตอ้ ง ปฏิบตั ิงาน -ถกู ต้อง 4
- ทุกคนไดร้ ่วมคดิ -ครอบคลมุ 2
- ครอบคลุมเนื้อหา รว่ มทา เน้ือหา
- ส่อื ความหมายเขา้ ใจ ชัดเจน -ละเอยี ดลกึ ซง้ึ
ภาษาสละสลวย
คดิ วเิ คราะห์ - ละเอยี ดลกึ ซงึ้
- เช่อื มโยงชวี ติ จริง
- เป็นระบบ
กระบวนการทางาน - มีขน้ั ตอนการปฏบิ ตั ิงาน - มขี ้ันตอน 1
การปฏบิ ัตงิ าน
- ทุกคนไดร้ ่วมคดิ ร่วมทา
- ชว่ ยเหลอื กัน
ผลการประเมนิ
คะแนน 24 –30 มรี ะดบั คณุ ภาพ ดมี าก
คะแนน 21 –24 มรี ะดบั คณุ ภาพ ดี
คะแนน 15 –21 มรี ะดบั คณุ ภาพ ผา่ นเกณฑ์
คะแนน ตา่ กวา่ 15 มรี ะดบั คณุ ภาพ ไมผ่ า่ นเกณฑ์
30
ขั้นตอนท่ี 3 ประยุกต์ใช้ (Apply1)
ชุดกิจกรรมที่ 3.1 ปญั หาท่สี นใจ
คาช้แี จง
1. จบั กลมุ่ นกั เรยี น 3-5 คน จากความรเู้ กยี่ วกับใบพืชทไ่ี ด้ศึกษา ให้นกั เรียนแต่ละกล่มุ เขียนปัญหาท่สี นใจเพื่อ
นาไปทาโครงงาน และสรุปปัญหาทเี่ ลือก
สรุป ปญั หาทน่ี า่ สนใจและเลอื กมาทาโครงงาน
………………………………………………….……………………………………………………………………………………………………………………..…………….
………………………………………………….…………………………………………………………………………………………………………………………………….
………………………………………………….…………………………………………………………………………………………………………………………………….
ผปู้ ระเมนิ ครู นักเรยี น ผปู ้ กครอง
ผลการประเมนิ
คะแนนเตม็ 30 คะแนน
คะแนนทไี่ ด ้ …………………….. คะแนน
สรปุ ดมี าก ดี ผา่ น ไมผ่ า่ น
31
ขน้ั ตอนท่ี 3 ประยุกต์ใช้ (Apply1)
ชดุ กจิ กรรมที่ 3.2 ศกึ ษาข้อมูล
คาช้แี จง
1. จบั กลมุ่ นักเรียน 3-5 คน เพอ่ื ศกึ ษาและสบื ค้นเรอ่ื ง โครงสรา้ งและหน้าท่ีของใบจากห้องสมดุ หรือ อินเตอรเ์ นต
เพิ่มเติม
2. สรปุ เน้อื หาจากการศึกษาและสบื คน้ เพ่ิมเตมิ เปน็ แผนภาพการคดิ เฉพาะสว่ นทเี่ พิ่มเติมจากใบความรู้ ให้
ครบถ้วนมากทีส่ ดุ
สรปุ ความรูจ้ ากการสืบคน้ เพ่ิมเตมิ เก่ยี วโครงสรา้ งและหนา้ ทข่ี องใบมีอะไรบา้ ง
………………………………………………….………………………………………………………………………………………………………………………….
………………………………………………….………………………………………………………………………………………………………………………….
ผปู้ ระเมนิ ครู นักเรยี น ผปู ้ กครอง
ผลการประเมนิ
คะแนนเตม็ 30 คะแนน
คะแนนทไี่ ด ้ …………………….. คะแนน
สรปุ ดมี าก ดี ผา่ น ไมผ่ า่ น
32
ข้นั ตอนที่ 3 ประยุกตใ์ ช้ (Apply1)
ชดุ กจิ กรรมที่ 3.3 โครงงานผลิตภณั ฑจ์ ากใบพชื
คาชแ้ี จง
1. นกั เรียนจบั กลุ่มกบั เพื่อนทาโครงงานสรา้ งสรรค์ผลิตภัณฑจ์ ากใบพืช
2. นักเรยี นรว่ มกันพิจารณาลักษณะเด่นของพืชแต่ละชนิดว่าจะสามารถนามาพัฒนาเป็นผลติ ภัณฑ์อะไรไดบ้ า้ ง
3. นกั เรียนแต่ละคนเลือกพืชทม่ี ีลกั ษณะเด่นจากใบพชื ที่แตกต่างจากคนอืน่ ๆ เชน่ กล่นิ สี โครงสร้าง และรูปร่าง
เป็นตน้ มาออกแบบการทดลอง เพ่ือสร้างเปน็ ผลิตภณั ฑ์
สรปุ โครงการที่สนใจและเหตุผลของการเลือกทาโครงการ
………………………………………………….………………………………………………………………………………………………………………………….……….
………………………………………………….……………………………………………………………………………………………………………………….………….
………………………………………………….……………………………………………………………………………………………………………………….………….
ผปู้ ระเมนิ ครู นักเรยี น ผปู ้ กครอง
ผลการประเมนิ
คะแนนเตม็ 30 คะแนน
คะแนนทไี่ ด ้ …………………….. คะแนน
สรปุ ดมี าก ดี ผา่ น ไมผ่ า่ น
33
ขน้ั ตอนที่ 3 ประยุกต์ใช้ (Apply1)
ชดุ กิจกรรมท่ี 3.4 วางแผนการทาโครงงาน
คาชแ้ี จง
1. ให้นกั เรยี นจบั กลุม่ กับเพ่ือน เพอ่ื เขยี นขนั้ ตอนการดาเนินโครงงาน
2. เสนอโครงงานใหค้ รูที่ปรึกษาชว่ ยพจิ ารณา
แผนงานดาเนินโครงการ
สรุป ทวนสอบขน้ั ตอนครบถ้วนหรอื ไมก่ ่อนลงมือปฏิบัติ
………………………………………………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………….
………………………………………………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………….
………………………………………………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ผปู้ ระเมนิ ครู นักเรยี น ผปู ้ กครอง
ผลการประเมนิ
คะแนนเตม็ 30 คะแนน
คะแนนทไี่ ด ้ …………………….. คะแนน
สรปุ ดมี าก ดี ผา่ น ไมผ่ า่ น
34
ขน้ั ตอนท่ี 3 ประยุกตใ์ ช้ (Apply1)
ชดุ กจิ กรรมที่ 3.5 การสรา้ งชิ้นงานจากใบพืช
คาชแี้ จง
1. ใหน้ กั เรียนจับกลมุ่ กับเพื่อน และรว่ มมอื ทาโครงการ โดยสบื คน้ ขอ้ มูลและอภิปราย เพ่ือให้ไดข้ ้อสรุปทีด่ ี และ
บันทกึ ข้อมลู ตามท่กี าหนด
2. ดาเนินการนอกเวลาเรยี น
สรุป ลกั ษณะเด่นของผลิตภณั ฑ์จากใบพชื
………………………………………………….………………………………………………………………………………………………………………………………….
………………………………………………….………………………………………………………………………………………………………………………………….
………………………………………………….………………………………………………………………………………………………………………………………….
ผปู้ ระเมนิ ครู นักเรยี น ผปู ้ กครอง
ผลการประเมนิ
คะแนนเตม็ 30 คะแนน
คะแนนทไี่ ด ้ …………………….. คะแนน
สรปุ ดมี าก ดี ผา่ น ไมผ่ า่ น
35
แบบประเมินขน้ั ตอนท่ี 3 ประยุกต์ใช้ (Apply1)
ชดุ กิจกรรมท่ี 3.1 ปญั หาท่สี นใจ
ชื่อกลมุ่ …………………………………………………………………..ช้นั ……………………..
ชอื่ ผ้เู สนอผลงาน 1…………………………………….เลขที่…………………………………………….
2…………………………………….เลขท่ี…………………………………………….
3…………………………………….เลขที่…………………………………………….
ระดบั คณุ ภาพ 3 21
รายการประเมิน เป็นแบบอย่างได้ กาลังพัฒนา เรมิ่ พัฒนา นา้ หนกั คะแนนที่
2 ได้
4
ทางเลือกการทา ระบชุ ่อื โครงงานและแนวทางการทา ระบชุ ื่อโครงงานและ ระบุชอ่ื โครงงาน 2
โครงงาน โครงงานสอดคล้องเหมาะสมและ แนวทางการทา ที่สนใจ 1
1
หลากหลาย โครงงานสอดคล้อง
เหมาะสม
สรุปความเข้าใจ แสดงความคดิ เหน็ สอดคล้องกบั เรอื่ งที่ แสดงความคดิ เห็น แสดงความ
ศึกษา ตรงประเดน็ สมเหตุสมผล สอดคล้องกบั เรอ่ื งท่ี คิดเห็น
เชือ่ มโยงตอ่ การดารงชีวติ ศกึ ษา ตรงประเดน็ สอดคล้องกับ
สมเหตุสมผล เรอื่ งท่ีศกึ ษา
การคิดวเิ คราะห์ ผลงานแสดงถึงความสมั พันธ์ ผลงานแสดงถึง ผลงานแสดงถงึ
ของสถานการณ์กบั การดารงชวี ติ ความสมั พนั ธ์ ความจาไม่เป็น
ทส่ี ะทอ้ นถึงการจาแนกและการสรุป ของสถานการณก์ บั ระบบ
เป็นคาสาคญั ท่ีแสดงผลกระทบต่อ การดารงชวี ติ
ตนเองและสงั คม ทสี่ ะท้อนถึงการ
จาแนกและการสรุป
การทางานเป็น สามคั คี รว่ มคิด รว่ มทางานผลงานมี สามัคคี รว่ มคดิ ร่วม ขาดความ
ทมี คณุ ภาพ ทางาน สามคั คี ผลงาน
ไม่มคี ณุ ภาพ
ความรับผิดชอบ มกี ารนัดหมายการทางาน นาเสนอ มีการนดั หมายการ ขาดการนดั
ผลงานให้คณุ ครตู รวจสอบเป็นระยะๆ ทางาน นาเสนอ หมาย ไมต่ ดิ ตอ่
งานเสร็จทันเวลาหรือก่อนเวลา ผลงานใหค้ ณุ ครู กับคุณครู
ตรวจสอบเปน็ ระยะๆ งานไมเ่ สรจ็ ตาม
เวลา
ผลการประเมนิ
คะแนน 24 –30 มรี ะดบั คณุ ภาพ ดมี าก
คะแนน 21 –24 มรี ะดบั คณุ ภาพ ดี
คะแนน 15 –21 มรี ะดบั คณุ ภาพ ผา่ นเกณฑ์
คะแนน ตา่ กวา่ 15 มรี ะดบั คณุ ภาพ ไมผ่ า่ นเกณฑ์
36
แบบประเมินขน้ั ตอนที่ 3 ประยกุ ตใ์ ช้ (Apply1)
ชดุ กิจกรรมท่ี 3.2 ศกึ ษาข้อมูล
ช่ือกลมุ่ …………………………………………………………………..ชนั้ ……………………..
ชอ่ื ผ้เู สนอผลงาน 1…………………………………….เลขที่…………………………………………….
2…………………………………….เลขท่ี…………………………………………….
3…………………………………….เลขท่ี…………………………………………….
ระดับคุณภาพ 3 21 นา้ หนกั คะแนนทไ่ี ด้
2
เป็นแบบอยา่ งได้ กาลงั พฒั นา เรมิ่ พฒั นา 4
2
รายการประเมนิ
1
การสืบคน้ เพิม่ เตมิ ตัง้ ใจใฝร่ ู้ ค้นควา้ องค์ความรไู้ ด้ ตงั้ ใจใฝ่รู้ ค้นคว้าองค์ คน้ คว้าองค์ 1
เหมาะสมสอดคลอ้ งกบั เรื่องท่ี ความรไู้ ด้เหมาะสม ความรไู้ ด้แตไ่ ม่
ศกึ ษา และหลากหลาย สอดคลอ้ งกับเรื่องที่ สอดคลอ้ งกับ
ศกึ ษา เรอ่ื งท่ีศกึ ษา
สรุปความเขา้ ใจ แสดงความคดิ เห็นสอดคลอ้ งกับ แสดงความคดิ เหน็ แสดงความ
เรอ่ื งท่ศี กึ ษา ตรงประเดน็ สอดคลอ้ งกบั เรอ่ื งท่ี คดิ เห็น
สมเหตสุ มผลเชอื่ มโยงต่อการ ศึกษา ตรงประเดน็ สอดคลอ้ งกบั
ดารงชวี ติ สมเหตสุ มผล เรอ่ื งท่ีศึกษา
การคิดวเิ คราะห์ ผลงานแสดงถึงความสมั พันธ์ ผลงานแสดงถงึ ผลงานแสดงถงึ
ของสถานการณ์กบั การดารงชวี ิต ความสมั พันธ์ ความจาไมเ่ ป็น
ท่สี ะท้อนถงึ การจาแนกและการ ของสถานการณก์ ับการ ระบบ
สรุป เป็นคาสาคญั ท่ีแสดงผล ดารงชวี ติ
กระทบตอ่ ตนเองและสงั คม ทสี่ ะท้อนถึงการจาแนก
และการสรุป
การทางานเปน็ ทมี สามัคคี ร่วมคิด รว่ มทางานผลงาน สามัคคี ร่วมคดิ ร่วม ขาดความ
มีคณุ ภาพ ทางาน สามคั คี ผลงาน
ไมม่ ีคณุ ภาพ
ความรบั ผิดชอบ มีการนดั หมายการทางาน มกี ารนดั หมายการ ขาดการนดั
นาเสนอผลงานใหค้ ณุ ครูตรวจสอบ ทางาน นาเสนอผลงาน หมาย ไมต่ ิดตอ่
เป็นระยะๆ งานเสร็จทนั เวลาหรอื ใหค้ ณุ ครตู รวจสอบ กบั คณุ ครู
ก่อนเวลา เป็นระยะๆ งานไม่เสรจ็ ตาม
เวลา
ผลการประเมนิ
คะแนน 24 –30 มรี ะดบั คณุ ภาพ ดมี าก
คะแนน 21 –24 มรี ะดบั คณุ ภาพ ดี
คะแนน 15 –21 มรี ะดบั คณุ ภาพ ผา่ นเกณฑ์
คะแนน ตา่ กวา่ 15 มรี ะดบั คณุ ภาพ ไมผ่ า่ นเกณฑ์
37
แบบประเมนิ ขั้นตอนที่ 3 ประยกุ ตใ์ ช้ (Apply1)
ชุดกจิ กรรมท่ี 3.3 โครงงานผลติ ภณั ฑ์จากใบพชื
ชอื่ กล่มุ …………………………………………………………………..ชัน้ ……………………..
ชอ่ื ผเู้ สนอผลงาน 1…………………………………….เลขท่ี…………………………………………….
2…………………………………….เลขท่ี…………………………………………….
3…………………………………….เลขท่ี…………………………………………….
ระดับคณุ ภาพ 3 2 1
รายการประเมนิ เป็นแบบอยา่ งได้ กาลังพัฒนา เร่ิมพัฒนา นา้ หนกั คะแนนทไ่ี ด้
2
ทางเลอื กทา ระบุชอื่ โครงงานและแนวทางการ ระบุชอื่ โครงงานและ ระบุชอ่ื โครงงาน
โครงงาน ทาโครงงานสอดคล้องเหมาะสม แนวทางการทา ที่สนใจแต่ไม่
และหลากหลาย โครงงานสอดคลอ้ ง สอดคล้องกบั
เหมาะสม
เร่อื งท่ีศกึ ษา
สรุปความเขา้ ใจ แสดงความคดิ เห็นสอดคล้องกับ แสดงความคดิ เหน็ แสดงความ 4
เร่ืองทีศ่ ึกษา ตรงประเดน็ สอดคล้องกับเรอ่ื งท่ี คิดเหน็
สมเหตุสมผลเชอื่ มโยงตอ่ การ ศกึ ษา ตรงประเดน็ สอดคลอ้ งกบั
ดารงชวี ติ สมเหตสุ มผล เร่ืองทศ่ี กึ ษา
การคดิ วิเคราะห์ ผลงานแสดงถงึ ความสมั พนั ธ์ ผลงานแสดงถึง ผลงานแสดงถงึ 2
ของสถานการณก์ ับการดารงชวี ติ ความสัมพันธ์ ความจาไม่เป็น
ท่สี ะทอ้ นถงึ การจาแนกและการ ของสถานการณ์กับการ ระบบ
สรปุ เป็นคาสาคญั ทแี่ สดงผล ดารงชีวิต
กระทบตอ่ ตนเองและสังคม ทส่ี ะทอ้ นถึงการจาแนก
และการสรปุ
การทางานเป็นทมี สามคั คี รว่ มคิด ร่วมทางานผลงาน สามัคคี รว่ มคดิ รว่ ม ขาดความ 1
มคี ุณภาพ ทางาน สามัคคี ผลงาน
ไมม่ คี ณุ ภาพ
ความรับผดิ ชอบ มีการนดั หมายการทางาน มีการนดั หมายการ ขาดการนัด 1
นาเสนอผลงานให้คุณครตู รวจสอบ ทางาน นาเสนอผลงาน หมาย ไมต่ ิดตอ่
เป็นระยะๆ งานเสรจ็ ทนั เวลาหรือ ให้คุณครตู รวจสอบ กับคณุ ครู
กอ่ นเวลา เปน็ ระยะๆ งานไม่เสร็จตาม
เวลา
ผลการประเมนิ
คะแนน 24 –30 มรี ะดบั คณุ ภาพ ดีมาก
คะแนน 21 –24 มรี ะดบั คณุ ภาพ ดี
คะแนน 15 –21 มรี ะดบั คณุ ภาพ ผา่ นเกณฑ์
คะแนน ตา่ กวา่ 15 มรี ะดบั คณุ ภาพ ไมผ่ า่ นเกณฑ์
38
แบบประเมนิ ข้ันตอนที่ 3 ประยุกต์ใช้ (Apply1)
ชุดกจิ กรรมท่ี 3.4 วางแผนการทาโครงงาน
ช่ือกลุ่ม…………………………………………………………………..ช้นั ……………………..
ชอ่ื ผ้เู สนอผลงาน 1…………………………………….เลขท่ี…………………………………………….
2…………………………………….เลขที่…………………………………………….
3…………………………………….เลขท่ี…………………………………………….
ระดับคุณภาพ 3 2 1 น้าหนกั คะแนนทไ่ี ด้
เป็นแบบอยา่ งได้ กาลงั พัฒนา เรมิ่ พฒั นา
รายการประเมนิ
การวางแผนการ แบ่งความรบั ผดิ ชอบชัดเจน แบง่ ความรบั ผดิ ชอบ แบ่งความ 2
ดาเนินงาน มอี ุปกรณ์ครบถ้วน สอดคลอ้ ง ชดั เจน รับผิดชอบไม่ชัดเจน
กบั การศกึ ษา มอี ุปกรณค์ รบถว้ น มีอปุ กรณไ์ ม่
ครบถ้วน
ไมส่ อดคลอ้ งกบั
การศกึ ษา
สรปุ ความเขา้ ใจ แสดงความคดิ เหน็ สอดคล้องกบั แสดงความคดิ เห็น แสดงความคดิ เหน็ 4
การคิดวิเคราะห์ เร่อื งทีศ่ กึ ษา ตรงประเด็น สอดคลอ้ งกับเรอื่ งที่ สอดคล้องกับเรอ่ื งที่ 2
สมเหตสุ มผลเช่ือมโยงต่อการ ศกึ ษา ตรงประเดน็ ศกึ ษา
การทางานเป็น ดารงชวี ติ สมเหตุสมผล 1
ทีม ผลงานแสดงถงึ
ผลงานแสดงถงึ ความสมั พันธ์ ผลงานแสดงถึง ความจาไม่เปน็
ของสถานการณ์กับการ ความสมั พนั ธ์ ระบบ
ดารงชีวิต ของสถานการณก์ บั
ท่ีสะท้อนถึงการจาแนกและการ การดารงชวี ิต ขาดความสามัคคี
สรุป เป็นคาสาคญั ทแ่ี สดงผล ท่ีสะท้อนถึงการ ผลงานไม่มีคณุ ภาพ
กระทบต่อตนเองและสงั คม จาแนกและการสรปุ
สามัคคี รว่ มคิด ร่วมทางาน สามัคคี ร่วมคิด รว่ ม
ผลงานมคี ณุ ภาพ ทางาน
ความรับผดิ ชอบ มกี ารนัดหมายการทางาน มกี ารนดั หมายการ ขาดการนัดหมาย 1
นาเสนอผลงานใหค้ ุณครู ทางาน นาเสนอ ไม่ตดิ ต่อกับคณุ ครู
ตรวจสอบเป็นระยะๆ งานเสรจ็ ผลงานใหค้ ณุ ครู งานไมเ่ สร็จตาม
ทนั เวลาหรือก่อนเวลา ตรวจสอบเปน็ ระยะๆ เวลา
ผลการประเมนิ
คะแนน 24 –30 มรี ะดบั คณุ ภาพ ดีมาก
ดี
คะแนน 21 –24 มรี ะดบั คณุ ภาพ ผา่ นเกณฑ์
คะแนน 15 –21 มรี ะดบั คณุ ภาพ ไมผ่ า่ นเกณฑ์
คะแนน ตา่ กวา่ 15 มรี ะดบั คณุ ภาพ
39
แบบประเมนิ ข้ันตอนท่ี 3 ประยกุ ตใ์ ช้ (Apply1)
ชดุ กิจกรรมที่ 3.5 การสร้างชน้ิ งานจากใบพชื
ชอ่ื กลุ่ม…………………………………………………………………..ชน้ั ……………………..
ชื่อผ้เู สนอผลงาน 1…………………………………….เลขท่ี…………………………………………….
2…………………………………….เลขที่…………………………………………….
3…………………………………….เลขท่ี…………………………………………….
ระดบั คณุ ภาพ 3 2 1
รายการประเมิน เป็นแบบอย่างได้ กาลังพัฒนา เรม่ิ พัฒนา น้าหนกั คะแนนทไ่ี ด้
2
การสร้างชน้ิ งาน แบง่ หนา้ ท่ี ทาการศึกษา แบ่งความรบั ผดิ ชอบ บนั ทึกผลไดไ้ ม่
ถูกตอ้ ง
จากใบพืช ครบถ้วนตามขั้นตอนในเคา้ โครง ชัดเจน มอี ปุ กรณ์ ไม่ครบถ้วน
ของเร่อื งทีศ่ ึกษา บันทึกผลได้ ครบถ้วน
ถกู ต้อง ครบถ้วน
สรปุ ความเข้าใจ แสดงความคดิ เห็นสอดคลอ้ งกบั แสดงความคดิ เห็น แสดงความคดิ เหน็ 4
การคิดวิเคราะห์ เรอื่ งท่ีศกึ ษา ตรงประเด็น สอดคลอ้ งกับเร่อื งท่ี สอดคล้องกบั เรอ่ื งท่ี 2
สมเหตุสมผลเช่อื มโยงต่อการ ศึกษา ตรงประเดน็ ศกึ ษา
การทางานเป็น ดารงชวี ติ สมเหตุสมผล 1
ทมี ผลงานแสดงถงึ
ผลงานแสดงถึงความสมั พนั ธ์ ผลงานแสดงถงึ ความจาไมเ่ ป็น
ของสถานการณก์ บั การ ความสัมพนั ธ์ ระบบ
ดารงชวี ิต ของสถานการณ์กบั
ท่สี ะท้อนถึงการจาแนกและการ การดารงชีวิต ขาดความสามัคคี
สรปุ เป็นคาสาคญั ที่แสดงผล ท่ีสะทอ้ นถงึ การ ผลงานไมม่ คี ณุ ภาพ
กระทบตอ่ ตนเองและสงั คม จาแนกและการสรปุ
สามคั คี ร่วมคดิ ร่วมทางาน สามคั คี ร่วมคิด รว่ ม
ผลงานมีคณุ ภาพ ทางาน
ความรับผิดชอบ มกี ารนัดหมายการทางาน มีการนดั หมายการ ขาดการนดั หมาย 1
นาเสนอผลงานให้คณุ ครู ทางาน นาเสนอ ไมต่ ดิ ต่อกบั คณุ ครู
ตรวจสอบเป็นระยะๆ งานเสรจ็ ผลงานให้คณุ ครู งานไมเ่ สร็จตาม
ทนั เวลาหรือก่อนเวลา ตรวจสอบเป็นระยะๆ เวลา
ผลการประเมนิ
คะแนน 24 –30 มรี ะดบั คณุ ภาพ ดมี าก
คะแนน 21 –24 มรี ะดบั คณุ ภาพ ดี
คะแนน 15 –21 มรี ะดบั คณุ ภาพ ผา่ นเกณฑ์
คะแนน ตา่ กวา่ 15 มรี ะดบั คณุ ภาพ ไมผ่ า่ นเกณฑ์
40
ขนั้ ตอนท่ี 4 ประยุกตใ์ ช้ (Apply2)
ชดุ กจิ กรรมท่ี 4 การนาเสนอประโยชนข์ องโครงงาน
คาชี้แจง
1. ใหน้ ักเรยี นจบั กลุ่มกับเพื่อน และสรปุ ประโยชนท์ ่ไี ดร้ บั จากการโครงการสร้างชิ้นงานจากใบพชื
2. แต่ละกลมุ่ ร่วมกนั วิพากษ์ ชิน้ งานเพื่อหาจุดเด่น เพ่ิมเติม และพัฒนาให้ดียิ่งข้ึนไป
2. ดาเนนิ การนอกเวลาเรียน
สรุป ประโยชน์ของชน้ิ งานและการนาไปใช้ในชวี ิตประจาวัน
………………………………………………….………………………………………………………………………………………………………………………………….
………………………………………………….………………………………………………………………………………………………………………………………….
ผปู้ ระเมนิ ครู นักเรยี น ผปู ้ กครอง
ผลการประเมนิ
คะแนนเตม็ 30 คะแนน
คะแนนทไ่ี ด ้ …………………….. คะแนน
สรปุ ดมี าก ดี ผา่ น ไมผ่ า่ น
41
แบบประเมินขั้นตอนท่ี 4 นาเสนอ (Apply2)
ชุดกิจกรรมท่ี 4.1 การนาเสนอประโยชนข์ องโครงงาน
ชอื่ กลมุ่ …………………………………………………………………..ชนั้ ……………………..
ชอ่ื ผ้เู สนอผลงาน 1…………………………………….เลขที่…………………………………………….
2…………………………………….เลขท่ี…………………………………………….
3…………………………………….เลขที่…………………………………………….
ระดับคุณภาพ 3 21 น้าหนัก คะแนนทไ่ี ด้
4
เป็นแบบอยา่ งได้ กาลังพัฒนา เร่ิมพฒั นา
3
รายการประเมิน 2
1
การนาเสนอ -อธิบายการออกแบบผลติ ภณั ฑ์และ -อธิบายการ -อธิบายการ
ประโยชนข์ อง ผลประโยชนท์ ี่ไดร้ บั ออกแบบผลิตภัณฑ์ ออกแบบ
โครงการ -การอธิบายมรี ายละเอยี ดชัดเจน และผลประโยชน์ท่ี ผลติ ภณั ฑแ์ ละ
-เชอ่ื มโยงความรู้และการออกแบบ ได้รับ ผลประโยชน์ท่ี
ผลติ ภณั ฑอ์ ยา่ งเป็นระบบ -การอธบิ ายมี ไดร้ ับ
รายละเอยี ดชดั เจน
สรุปความเขา้ ใจ - ถูกต้อง -ถกู ต้อง -ถูกต้อง
- ครอบคลุมเนอื้ หา -ครอบคลมุ เนือ้ หา -ครอบคลมุ
- สอื่ ความหมายเขา้ ใจ ชดั เจน ภาษา -สอ่ื ความหมาย เน้อื หา
สละสลวย เขา้ ใจ ชัดเจน
คดิ วเิ คราะห์ - ละเอยี ดลกึ ซ้ึง -ละเอียดลึกซึ้ง -ละเอยี ดลกึ ซงึ้
- เชอื่ มโยงชีวิตจรงิ -เชอ่ื มโยงชวี ิตจริง
- เป็นระบบ
กระบวนการทางาน - มขี นั้ ตอนการปฏบิ ตั งิ าน - มขี น้ั ตอนการ - มีขั้นตอน
- ทกุ คนได้ร่วมคดิ ร่วมทา ปฏิบตั ิงาน การปฏิบัตงิ าน
- ชว่ ยเหลือกนั - ทกุ คนได้รว่ มคดิ
ร่วมทา
ผลการประเมนิ
คะแนน 24 –30 มรี ะดบั คณุ ภาพ ดีมาก
คะแนน 21 –24 มรี ะดบั คณุ ภาพ ดี
คะแนน 15 –21 มรี ะดบั คณุ ภาพ ผา่ นเกณฑ์
คะแนน ตา่ กวา่ 15 มรี ะดบั คณุ ภาพ ไมผ่ า่ นเกณฑ์
42
ขั้นตอนท่ี 5 จดั ระเบียบตนเอง (Self regulating)
ชุดกิจกรรมที่ 5.1 การเผยแพร่โครงงานผลิตภณั ฑ์จากใบพชื (20 นาที)
คาชแี้ จง
1. นกั เรียนแต่ละกลุ่มรว่ มกนั จดั นิทรรศการโครงงานผลติ ภัณฑจ์ ากใบพชื เพ่ือเผยแพร่การใชป้ ระโยชนจ์ ากใบพืช
2. นกั เรยี นสรปุ ความรู้ทีไ่ ด้จากการเรียนรู้เรื่องโครงสรา้ งและหนา้ ท่ีของใบ และประเมินความพงึ พอใจ โครงงาน
ผลิตภัณฑ์จากใบพชื
สรุป นาความรูจ้ ากการสรา้ งผลิตภณั ฑส์ ามารถนาไปต่อยอดเพิ่มเติมในดา้ นใดไดบ้ ้าง
………………………………………………….…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….….
………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….………………………………………………………………….
………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….………………………………………………………………….
ผปู้ ระเมนิ ครู นักเรยี น ผปู ้ กครอง
ผลการประเมนิ
คะแนนเตม็ 30 คะแนน
คะแนนทไี่ ด ้ …………………….. คะแนน
สรปุ ดมี าก ดี ผา่ น ไมผ่ า่ น
43
แบบประเมินขั้นตอนที่ 5 จดั ระเบยี บตนเอง (Self regulating)
ชุดกิจกรรมที่ 5.1 ประเมินผลงาน
ช่อื กลมุ่ …………………………………………………………………..ช้ัน……………………..
ช่อื ผเู้ สนอผลงาน 1…………………………………….เลขท่ี…………………………………………….
2…………………………………….เลขท่ี…………………………………………….
3…………………………………….เลขที่…………………………………………….
ระดบั คุณภาพ 3 21 นา้ หนัก คะแนนทไ่ี ด้
เปน็ แบบอยา่ งได้ กาลงั พฒั นา เริ่มพฒั นา 4
รายการประเมิน 3
2
การปฏิบัตดิ ้วยความ -อธบิ ายการออกแบบผลติ ภณั ฑแ์ ละ -อธบิ ายการ -อธิบายการ
1
ช่ืนชม ผลประโยชน์ทไ่ี ด้รับ ออกแบบผลิตภณั ฑ์ ออกแบบ
-การอธิบายมรี ายละเอยี ดชัดเจน และผลประโยชน์ที่ ผลิตภณั ฑ์และ
-เชื่อมโยงความรแู้ ละการออกแบบ ไดร้ ับ ผลประโยชนท์ ี่
ผลิตภณั อ์ ย่างเปน็ ระบบ -การอธบิ ายมี ไดร้ บั
รายละเอยี ดชดั เจน
สรุปความเข้าใจ - ถกู ตอ้ ง -ถูกต้อง -ถกู ต้อง
- ครอบคลมุ เนือ้ หา -ครอบคลุมเนอื้ หา -ครอบคลมุ
- สือ่ ความหมายเข้าใจ ชดั เจน ภาษา -ส่อื ความหมาย เนอ้ื หา
สละสลวย เข้าใจ ชดั เจน
คิดวเิ คราะห์ - ละเอยี ดลกึ ซงึ้ -ละเอยี ดลกึ ซึง้ -ละเอยี ดลึกซึ้ง
- เช่อื มโยงชีวิตจรงิ -เช่ือมโยงชีวิตจรงิ
- เป็นระบบ
กระบวนการทางาน - มีข้นั ตอนการปฏิบัตงิ าน - มขี นั้ ตอนการ - มขี ้ันตอน
- ทุกคนได้ร่วมคดิ ร่วมทา ปฏิบัติงาน การปฏิบัติงาน
- ชว่ ยเหลอื กนั - ทุกคนไดร้ ว่ มคดิ
รว่ มทา
ผลการประเมนิ
คะแนน 24 –30 มรี ะดบั คณุ ภาพ ดมี าก
คะแนน 21 –24 มรี ะดบั คณุ ภาพ ดี
คะแนน 15 –21 มรี ะดบั คณุ ภาพ ผา่ นเกณฑ์
คะแนน ตา่ กวา่ 15 มรี ะดบั คณุ ภาพ ไมผ่ า่ นเกณฑ์
44
แบบทดสอบหลังเรียน
คาชแ้ี จง
1. ข้อสอบเป็นแบบปรนยั 4 ตวั เลือก จานวน 10 ขอ้
2. ใหน้ กั เรยี นเลือกข้อที่ถูกเพียงขอ้ เดยี วแล้วทาเคร่อื งหมากากบาท (x) ลงในช่องว่างใหต้ รงข้อ ก ข ค ง ใน
กระดาษคาตอบท่ีเหน็ ว่าถูกท่ีสุด
1. สง่ิ ใดไม่ได้เกดิ ขึ้นจากการคายน้าของพืช
ก ระบายความร้อนให้กับพืช ข ลาเลยี งสารอาหารส่ลู าต้น
ค ลาเลยี งน้าจากรากสลู่ าตน้ ง ลาเลียงอาหารจากใบสู่ลาต้น
2. สิ่งท่เี กดิ จากการคายนา้ ท่เี รียกว่า transpiration คอื อะไร
ก ไอนา้ ทางปากใบ ข หยดนา้ ทางปากใบ
ค ไอนา้ และหยดน้าทางปากใบ ง หยดนา้ ทม่ี ขี องเหลวอนื่ ปนออกมาดว้ ยทางปากใบ
3. การดูดนา้ ของพืชเกิดขึ้นมากท่ีสุดในช่วงเวลาใดของวนั เพราะอะไร
ก พชื ดดู น้าในอัตราท่ีเท่ากันตลอดวัน
ข ตอนกลางคืน เพราะอากาศเยน็ ในดินมนี า้ มาก
ค ตอนบา่ ย เพราะมีแดดจัด อากาศร้อน พชื คายน้ามาก
ง ตอนเช้า เพราะพชื เริม่ ได้รับแสง และเรม่ิ มีกระบวนการสร้างอาหาร
4. การสญู เสยี น้าของพืชในรูปหยาดนา้ ทเี่ รียกว่า กัตเตชัน มักเกดิ ข้นึ ในชว่ งเวลาใด
ก มแี สงแดดจัด ข ชว่ งทมี่ ลี มพดั แรง
ค หลงั จากฝนตกไม่นาน ง ไมม่ ฝี นตกเป็นเวลานาน
5. เซลล์ที่ทาหน้าทีเ่ กยี่ วกับการลาเลียงอาหารในพชื คือเซลล์ใด
ก เวสเซลและเทรคีด ข ไซเลม็ และเซลล์พาเรงคมิ า
ค ซฟี ทิวบ์และเซลลค์ อมพาเนียน ง โฟลเอม็ และเซลลค์ อลเลงคิมา
45
6. พชื ท่ีมรี ะบบรากฝอยจานวนมากเป็นพชื กลมุ่ ใด
ก พชื ทกุ ชนดิ ข พชื ใบเลีย้ งคู่
ค พชื ใบเลีย้ งเด่ียว ง พืชทมี่ ีระบบท่อลาเลียง
7. เนือ้ เยอื่ เอนโดเดอร์มสิ ของรากพชื สามารถกนั้ ไม่ใหน้ า้ ผ่านเขา้ สู่เซลล์รากไดเ้ พราะมีส่งิ ใด
ก เซลล์แพลิเซด ข มัดท่อลาเลียง
ค เซลล์พาเรงคมิ า ง แถบคาสพาเรียน
8. การควน่ั รอบต้นไม้เป็นสาเหตุทาใหต้ น้ ไม้ตายได้ เพราะทาให้เกดิ เหตุการณ์ใด
ก ใบพืชสรา้ งอาหารไม่ได้
ข ลาต้นลาเลียงอาหารไปใหร้ ากไม่ได้
ค ยับย้ังการลาเลียงน้าขน้ึ ไปยังยอดพืช
ง เนื้อเย่ือภายในลาต้นลาเลยี งน้าและเกลอื แร่ไม่ได้
9. เวสเซลเปน็ เซลล์ท่ีมลี ักษณะใด
ก ทอ่ ส้ัน ๆ ตอ่ กนั และยังมีชวี ิต
ข มีผนังเซลล์บางและเปน็ เซลล์ท่ตี ายแล้ว
ค ผนังเซลล์บาง เป็นเซลลเ์ ดียวยาวต่อกนั
ง ผนงั เซลลห์ นา เป็นเซลล์หลายเซลล์ทีผ่ นังตอนปลายเปิดต่อกัน
10. บริเวณใดของพืชทสี่ ามารถพบวงปีได้
ก ลาต้นของพชื ตระกลู สน
ข ลาตน้ และรากของพชื ใบเล้ยี งคู่
ค เฉพาะลาตน้ ของพืชใบเล้ยี งคูเ่ ทา่ นั้น
ง ลาต้นและรากของพืชใบเล้ียงคู่ และลาต้นพืชใบเลี้ยงเด่ยี วบางชนดิ
46
เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน และหลงั เรียน
ข้อ ก ข ค ง ขอ้ ก ข ค ง
1 x1 x
2
3 x 2x
4
5 x3 x
6
7x x4 x
8
9 x5 x
10
x6 x
7x
x8 x
x9 x
x 10 x
ตรวจคาตอบได้
นะครบั
47
เอกสารอ้างอิง
โครงสรา้ งของใบ. https://sites.google.com/site/biologybysra/khorngsrang-khxng-bi
โครงสรา้ งและหนา้ ที่ของใบ. https://www.slideshare.net/somycha/ss-64271101
โครงสร้างและหนา้ ที่ของใบ. http://kongpopkaewwan.blogspot.com/2014/01/blog-post.html
โครงสรา้ งและหนา้ ท่ีของใบ. http://watchawan.blogspot.com/2010/05/blog-post_531.html
วกิ ิพีเดีย สารานกุ รมเสรี . พืชใบเลี้ยงเดี่ยว. https://th.wikipedia.org/wiki/พืชใบเลยี้ งเดยี่ ว
ชนิดของใบ . https://sites.google.com/site/phuchdxk/phuch-dxk/4-khorngsrang-khxng-bi/4-3chnid-
khxng-bi