มารู้จักสั ตว์กันเถอะ
สัตว์ เป็ นสิ่ งมีชีวิตกลุ่มที่ใหญ่ที่สุด จัด
อยู่ใน อาณาจักรสัตว์ (Kingdom Animalia)
เป็ นสิ่ งมีชีวิตพวกที่นิ วเคลียสมีผนั งห่อหุ้ม
ประกอบด้วยหลายเซลล์มีการแบ่งหน้ าที่ของ
แต่ละเซลล์เพื่อทำหน้ าที่เฉพาะอย่างแบบถาวร
ไม่มีคลอโรฟิ ลล์ สร้างอาหารเองไม่ได้ดำรงชีวิต
ได้หลายลักษณะทั้งบนบกในน้ำ และบางชนิ ด
เป็ นปรสิต
ประเภทของสัตว์ สัตว์ในโลกนี้ มีมากมาย
หลายชนิ ดนั กวิทยาศาสตร์ได้จัดแบ่งสัตว์เป็ นก
ลุ่ม โดยถือรู ปร่างลักษณะที่เหมือนกัน หรือต่าง
กันเป็ นสำคัญ อริสโตเติล นั กวิทยาศาสตร์ชาว
กรีกใช้กระดูกสันหลังเป็ นเกณฑ์ในการแบ่งสัตว์
ได้เป็ น 2 พวก คือ
สัตว์มีกระดูกสันหลัง คือ สัตว์ที่มีกระดูก
สันหลังเป็ นแกนกลางร่างกาย
สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง คือ สัตว์ที่ไม่มี
กระดูกสันหลังเป็ นแกนกลางร่างกาย
สั ตว์มีกระดูกสั นหลัง
(Vertebrate)
สัตว์มีกระดูกสันหลัง (Vertebrate)
สิ่ งมีชีวิตประเภทนี้ มีกระดูกสันหลังหรือ
ไขสันหลัง สิ่ งมีชีวิตที่มีกระดูกสันหลังเริ่มมี
วิวัฒนาการมาเป็ นเวลาประมาณ 505 ล้านปี
ในยุคแคมเบรียนกลาง ซึ่งเป็ นส่วนหนึ่ งของ
ช่วงยุคแคมเบรียน โครงกระดูกของ
ไขสันหลัง ถูกเรียกว่ากระดูกสันหลัง รวมทั้ง
ยังมีสัตว์ที่คนรู้จักมากที่สุดอีกด้วย ปลา สัตว์
สะเทินน้ำสะเทินบก สัตว์เลื่อยคลาน นก
และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม (รวมทั้งมนุษย์)เป็ น
สิ่ งมีชีวิตที่มีกระดูกสันหลังทั้งสิ้น
สั ตว์มีกระดูกสั นหลัง
(Vertebrate)
สัตว์มีกระดูกสันหลัง คือกระดูกสันหลัง
จะอยู่เป็ นแนวยาวไปตามด้านหลังของสัตว์
กระดูกสันหลังจะต่อกันเป็ นข้อๆ ยืดหยุ่น
เคลื่อนไหวได้ มีหน้ าที่ช่วยพยุงร่างกายให้
เป็ นรู ปร่างทรวดทรงอยู่ได้และยังช่วย
ป้ องกันเส้นประสาทอีกด้วย
สั ตว์มีกระดูกสั นหลัง
(Vertebrate)
สั ตว์พวกมีกระดูกสั นหลัง
นั กวิทยาศาสตร์แบ่งออกเป็ น 5 พวก คือ
ปลา สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก
สั ตว์เลี้ยงลูกด้วยนม สัตว์ปี ก
สั ตว์เลื้อยคลาน
1. สัตว์พวกปลา
ปลา เป็ นสัตว์พวกหายใจด้วยเหงือก มีครีบ
ใช้เคลื่อนไหวและทรงตัว มีเกล็ดปกคลุมตัว มีเส้น
ข้างตัว เป็ นส่วนรับความรู้สึกสั่ นสะเทือน แบ่งเป็ น 2
ชนิ ด คือ
1. ปลากระดูกอ่อน เช่น ปลาฉลาม ปลากระเบน
2.ปลากระดูกแข็ง เช่น ปลาดุก ปลานิ ล ปลาตะเพียน
2. สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก
สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก เป็ นสัตว์พวกวางไข่ใน
น้ำ ตัวอ่อนหายใจด้วยเหงือกและผิวหนั ง เมื่อโตเต็ม
วัยหายใจด้วยปอดและผิวหนั งเพราะอยู่บนบก
ผิวหนั งเปี ยกชื้น ไม่มีเกล็ด เป็ นสัตว์เลือดเย็น ได้แก่
กบ คางคก เขียด ปาด อึ่งอ่าง ซาลามานเดอร์ งูดิน
3. สัตว์เลื้อยคลาน
สัตว์เลื้อยคลาน เป็ นสัตว์ที่ส่วนมากดำรง
ชีวิตอยู่บนพื้นดิน วางไข่บนบก ไข่มีไข่แดงมาก
เพื่อเป็ นอาหารของตัวอ่อน ผิวหนั งลำตัวแห้ง มี
เกล็ด หายใจด้วยปอดตลอดชีวิตและเป็ นสัตว์เลือด
เย็น พวกที่อาศั ยอยู่บนบก เช่น กิ้งก่า จิ้งเหลน
จิ้งจก แย้ สัตว์พวกที่อยู่ได้ทั้งในน้ำและบนบก เช่น
เต่า จระเข้ งูบางชนิ ด
4. สัตว์ปี ก
สัตว์ปี ก เป็ นสัตว์เลือดอุ่น มีขนเป็ นแผง
ปกคลุมตัว ขาหน้ าเปลี่ยนเป็ นปี ก ปากจะงอย ที่
ปอดมีถุงลมช่วยหายใจและระบายความร้อน ไม่มี
กระเพาะปั สสาวะ ออกลูกเป็ นไข่ สัตว์ปี กที่
สามารถบินได้ คือ นกชนิ ดต่างๆ เช่น นกเขา นก
พิราบ นกอินทรี รวมทั้งเป็ ดและไก่ ส่วนสัตว์ปี กที่
บินไม่ได้ ได้แก่ นกกีวี นกกระจอกเทศ และนก
เพนกวิน เป็ นต้น
5. สัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม
สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เป็ นสัตว์เลือดอุ่น ตัว
เมียมีต่อมน้ำนมเลี้ยงลูก หายใจด้วยปอด มี
แขนและขาไม่เกิน 2 คู่ มีต่อมเหงื่อใต้ผิวหนั ง
มีขนเป็ นเส้นปกคลุมตัว ออกลูกเป็ นตัว ได้แก่
มนุษย์ ช้าง ม้า วัว หมี ลิง วาฬ โลมา ค้างคาว
สำหรับตัวตุ่นปากเป็ ดเท่านั้ นที่ออกลูกเป็ นไข่
แต่เมื่อเติบโตแล้วแม่ใช้น้ำนมเลี้ยงเช่นกัน
สั ตว์ไม่มีกระดูกสั นหลัง
(Invertebrates)
สั ตว์ไม่มีกระดูกสั นหลัง
ลักษณะโดยทั่ วไปของสั ตว์ไม่มีกระดูกสั นหลัง
สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง เป็ นสัตว์ที่ไม่มี
โครงกระดูกภายในลำตัว มักจะมีขนาดเล็ก ถ้ามี
ขาจะมีจำนวนขามากและมีการเคลื่อนที่แตกต่าง
กัน แบ่งตามประเภทของสัตว์ไม่มีกระดูกสัน
หลังได้ ดังนี้
ประเภทของสั ตว์ไม่มีกระดูกสั นหลัง
พวกฟองน้ำ
พวกสั ตว์ลำตัวมีโพรง
พวกหนอนตัวแบน
พวกหนอนตัวกลม
พวกลำตัวเป็ นปล้อง
พวกมีขาเป็ นข้อ
พวกหอยและหมึกทะเล
สัตว์ทะเลผิวขรุ ขระ
1. พวกฟองน้ำ
พวกฟองน้ำ สัตว์พวกนี้ ลำตัวเป็ น
โพรง มีช่องเปิ ดด้านบน มีรู พรุ นให้น้ำ
ออก มีหนามหรือเส้นใยเป็ นโครงค้ำจุน
ร่างกาย สืบพันธุ์ได้ทั้งแบบอาศั ยเพศและ
ไม่อาศั ยเพศ ไม่มีระบบประสาท ส่วน
ใหญ่อาศั ยในน้ำเค็ม เช่น ฟองน้ำต่างๆ
2. พวกสัตว์ลำตัวมีโพรง
พวกสัตว์ลำตัวมีโพรง สัตว์พวกนี้ ลำตัว
คล้ายทรงกระบอก มีช่องเปิ ดออกจากลำตัว
เพียงช่องเดียว กลางลำตัวเป็ นโพรง เป็ นทาง
ให้อาหารเข้า และกักอาหารออกจากลำตัว มีเข็ม
พิษไว้ป้ องกันตัวและจับเหยื่อ สืบพันธุ์ได้ทั้ง
แบบอาศั ยเพศและไม่อาศั ยเพศ บางชนิ ดอาศั ย
ในน้ำเค็ม เช่น แมงกะพรุ น ปะการังดอกไม้ทะเล
และบางชนิ ดอาศั ยในน้ำจืด เช่น ไฮดรา
3. สัตว์ทะเลผิวขรุ ขระ
สัตว์ทะเลผิวขรุ ขระ สัตว์พวกนี้ ตามผิวลำตัว
มักหยาบ ขรุ ขระ และแข็ง เพราะมีสารพวก
หินปูนเป็ นองค์ประกอบ ไม่มีส่วนหัว บางชนิ ด
ร่างกายแยกเป็ นแฉก เช่น ดาวทะเล บางชนิ ด
รู ปร่างกลมแบน เช่น อีแปะทะเล บางชนิ ดมี
หนามยาวทั้งลำตัว เช่น เม่นทะเล บางชนิ ดมี
ผิวหนั งหนา ขรุ ขระแต่ไม่แข็ง เช่น ปลิงทะเล
สัตว์พวกนี้ หายใจโดยใช้ปุ่ มตามผิวหนั ง สืบพันธุ์
ได้ทั้งแบบอาศั ยเพศและไม่อาศั ยเพศ ส่วนใหญ่
เพศผู้และเพศเมียแยกจากกัน
4. พวกหนอนตัวแบน
พวกหนอนตัวแบน สัตว์พวกนี้ ลำตัว
แบนยาว มีปาก แต่ไม่มีทวารหนั ก ไม่มี
ระบบหมุนเวียนเลือด สืบพันธุ์ได้ทั้ง
แบบอาศั ยเพศและไม่อาศั ยเพศ มี 2 เพศ
ในตัวเดียวกัน ส่วนใหญ่ดำรงชีวิตเป็ น
ปรสิต เช่น พยาธิตัวตืด พยาธิใบไม้
5. พวกหนอนตัวกลม
พวกหนอนตัวกลม สัตว์พวกนี้ ลำตัวกลม
ยาว ผิวเรียบ ไม่เป็ นปล้อง มีปากและทวาร
หนั ก ไม่มีระบบเลือด เพศผู้และเพศเมีย
แยกกันคนละตัว สืบพันธุ์แบบอาศั ยเพศ
ดำรงชีวิตเป็ นปรสิตในร่างกาย เช่น พยาธิ
ไส้เดือน พยาธิตัวจี๊ด
6. พวกลำตัวเป็ นปล้อง
พวกลำตัวเป็ นปล้อง สัตว์พวกนี้ ลำตัวกลมยาว
คล้ายวงแหวน ต่อกันเป็ นปล้อง ผิวหนั งเปี ยกชื้น มี
ระบบหมุนเวียนเลือดแบบปิ ด มีระบบประสาท และ
ระบบทางเดินอาหาร สืบพันธุ์แบบอาศั ยเพศและไม่
อาศั ยเพศ มีอวัยวะสืบพันธุ์ทั้ง 2 เพศในตัวเดียวกัน
บางชนิ ดอาศั ยบนบก เช่น ไส้เดือนดิน ทากดูดเลือด
บางชนิ ดอาศั ยในน้ำ เช่น ปลิงน้ำจืด
7. พวกมีขาเป็ นข้อ
พวกมีขาเป็ นข้อ สัตว์พวกนี้ จะมีขาต่อกัน
เป็ นข้อๆ ลำตัวแบ่งเป็ น 3 ส่วน คือ ส่วนหัว
ส่วนอก และส่วนท้อง มีระบบหมุนเวียนเลือด
มีระบบประสาท และมีระบบทางเดินอาหารที่
สมบูรณ์ สืบพันธุ์แบบอาศั ยเพศ สัตว์พวกนี้
ได้แก่ แมลงต่างๆ ปู กุ้ง แมงป่ อง แมงดาทะเล
ตะขาบ กิ้งกือ เป็ นต้น
8. พวกหอยและหมึกทะเล
พวกหอยและหมึกทะเล สัตว์จำพวกนี้ ลำตัวนิ่ ม มี
หัวใจสูบฉีดเลือด หอยเคลื่อนที่ได้โดยกล้ามเนื้ อที่ยื่น
ออกจากตัว ส่วนหมึกทะเลเคลื่อนที่โดยใช้หนวด
และการพ่นน้ำออกจากลำตัว สัตว์พวกนี้ ส่วนใหญ่
หายใจด้วยปอดและผิวหนั ง สืบพันธุ์โดยอาศั ยเพศ
ออกลูกเป็ นไข่ ส่วนใหญ่อาศั ยอยู่ในน้ำเค็ม เช่น หอย
และหมึกทะเล บางชนิ ดอาศั ยอยู่บนบก เช่น หอยทาก
สรุ ป
สัตว์แต่ละชนิ ดที่อาศั ยอยู่ตามธรรมชาติ มี
ลักษณะโครงสร้างภายนอกและภายในแตกต่าง
กัน สัตว์เป็ นสิ่ งมีชีวิตเพราะเคลื่อนที่ได้ กิน
อาหารได้ หายใจได้ ขับถ่ายได้ และสามารถ
ขยายพันธุ์ออกลูกออกหลานได้ ทำให้สัตว์มี
จำนวนเพิ่มมากขึ้น ในโลกของเรามีสัตว์จำนวน
มากมายหลายชนิ ด สัตว์แต่ละชนิ ดมีธรรมชาติ
และมีการดำรงชีวิตแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับ
ลักษณะโครงสร้าภายนอกและลักษณะ
โครงสร้างภายในของสัตว์นั้ น