คู่มือแนวทางการดำ เนินงานการคัดกรอง โรคไม่ติดต่อเรื้อ รื้ รัง(NCDs) จัดทำ โดยงานNCD N c D S กลุ่มงานการพยาบาล โรงพยาบาลสบเมย
สารบัญ เรื่อง หน้า การคัดกรอง/ค้นหาผู้ป่วยเบาหวาน 1 การคัดกรอง/ค้นหาผู้ป่วยความคันโลหิตสูง 3 การคัดกรอง/ค้นหาผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูก/มะเร็งลำ ไส้ใหญ่ 7
สถานะ ปกติ ภาวะก่อนเบาหวาน (prediabetes) โรคเบาหวาน พลาสมา กลูโคสขณะ อดอาหารตอนเช้า(FPG) <100 มก.ดล 100-125 มก./ดล >= 126 มก./ดล พลาสมากลูโคสที่เวลาใดๆ ในผู้มีอาการชัดเจน < 110มก.ดล >=110 มก./ดล แนะนำ มาตรวจ ซ้ำ โดยวิธีอดอาหารเพื่อยืนยัน >= 200 มก./ดล คู่มือการปฏิบัติงานการคัดกรอง/ค้นหาผู้ป่วยเบาหวาน วัตถุประสงค์ 1.เพื่อยืนยันว่ากลุ่มสงสัยป่วยมีค่าระดับนํ้าตาลในเลือดสูงได้รับส่งต่อพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัย โรคเบาหวาน ตัวชี้วัด 1.ร้อยละของประชากรอายุ 35 ปีขึ้นไปที่ได้รับการคัดกรองเพื่อวินิจฉัยเบาหวาน > 90% 2.ร้อยละของประชากรอายุ 35-59 ปีที่ได้รับการคัดกรองเพื่อวินิจฉัยเบาหวาน > 87% ขอบเขต กลุ่มสงสัยป่วยโรคเบาหวาน หมายถึง ประชากรอายุ 35 ปีขึ้นไปในเขตรับผิดชอบที่ได้รับการ คัดกรองและยังไม่ได้รับการวินิจฉัยเป็นผู้ป่วยโรคเบาหวาน โดยใช้วิธีการตรวจ 2วิธี ดังนี้ 1. การตรวจระดับน้ำ ตาลโดยวิธีเจาะปลายนิ้ว (FCBG) หรือการตรวจระดับพลาสม่ากลูโคสในเลือดที่เจาะจาก หลอดเลือดดำ (FPG) ตอนเช้าหลังอดอาหารมากกว่า 8 ชั่วโมง 2. การตรวจระดับน้ำ ตาลโดยวิธีเจาะปลายนิ้ว (RCBG) หรือการตรวจระดับพลาสม่ากลูโคส (RPG) จากการที่ ไม่อดอาหารมีค่า > 110 mg/dl และตรวจคัดกรองซ้ำ ตั้งแต่ 1 วันถัดไป โดยวิธีเจาะปลายนิ้ว (FCBG) หรือการตรวจ ระดับพลาสม่ากลูโคสในเลือดที่เจาะจากหลอดเลือดดำ (FPG) ตอนเช้าหลังอดอาหาร การวินิจฉัยโรคเบาหวาน คู่มือแนวทางการดำ เนินงานการคัดกรองโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง(NCDs)
หน้าที่รับผิดชอบ พยาบาลวิชาชีพ และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข มีหน้าที่ประเมิน คัดกรองประชาชนอายุ 35 ปีขึ้นไป เจาะเลือด วัดความดันโลหิตให้ความรู้ใน การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพเพื่อลดพฤติกรรมเสี่ยงในการป้องกันโรคเบาหวาน อาสาสมัครสาธารณสุข มีหน้าที่คัดกรองด้วยวาจาให้แก่ประชาชนอายุ 35 ปีขึ้นไป เจาะเลือด วัดความดันโลหิต เกณฑ์ความเสี่ยงรับการตรวจคัดกรองเบาหวาน - อายุมากกว่า 35 ปี - ผู้ที่มีบิดา มารดา หรือ พี่น้อง เป็นโรคเบาหวาน และมีภาวะอ้วน ซึ่งหมายถึงดัชนี มวลกาย (BMI) > 25 kg/เมตร2 หรือ มีเส้นรอบเอว(Waist circumference)* มากกว่า 90 ชม. ใน ชายไทย และ 80 ชม. ในหญิงไทย - เป็นโรคความคันโลหิตสูง หรือรับประทานยาลด ความดันโลหิตอยู่ - มีระดับไขมันในเลือดผิดปกติ - เคยเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ (Gestational diabetes meLLitus) หรือว่าเคยคลอดบุตรที่มี น้ำ หนักแรกคลอดตั้งแต่ 4 กิโลกรัมขึ้นไป - เคยตรวจพบว่ามีระยะก่อนเป็นเบาหวาน (Prediabetes) คือ ระดับน้ำ ตาลขณะอดอาหาร ผิดปกติ (Impaired fasting glucose) หรือความ ทนต่อน้ำ ตาลบกพร่อง (Impaired glucose toler¬ance) - เป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด (Cardiovasculardisease)ผู้ที่มีเช้าเกณฑ์ดังกล่าวช้างต้นอย่างน้อยหนึ่งข้อ ควรได้รับการตรวจ คัดกรองเบาหวาน วิธีปฏิบัติ 1. จัดทำ ฐานข้อมูลประชากร type 1,3 อายุ 35 ปีขึ้นไปในเขตรับผิดชอบ 2 .ประสานชุมชน อสม. ผู้นำ ชุมชน เพื่อนัดหมายกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่ 3.แจ้งแผนการออกปฏิบัติงานกับชุมชน และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง 4. ออกปฏิบัติงานตามแผนออกตรวจคัดกรองในชุมชน 5. ตรวจคัดกรอง ชั่งน้ำ หนัก วัดรอบเอว เจาะเลือดหาค่าระดับน้ำ ตาลในเลือด วัดความดันโลหิต ใน กลุ่มเป้าหมาย 6. ในรายที่ผลคัดกรองผิดปกติ กลุ่มสงสัยป่วย ให้ปรับพฤติกรรม นัด ตรวจ FCG ซ้ำ ภายใน 180 วัน หากยังสูง ส่งพบแพทย์ เพื่อวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง 7.ในรายที่ผลคัดกรองผิดปกติ กลุ่มเสี่ยง ให้ความรู้แก่กลุ่มเป้าหมายในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมนัด ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม 8.กลุ่มผลปกติ ให้ข้อมูลความรู้แก่ นัดคัดกรองปีละ 1 ครั้ง คู่มือแนวทางการดำ เนินงานการคัดกรองโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง(NCDs)
กลุ่มสงสัยป่วยโรคความดันโลหิตสูง หมายถึง ประชากรอายุ 35 ปี ขึ้นไป ที่ได้รับการคัดกรองความ ดันโลหิตสูงและมีค่า ระดับความดันโลหิตตัวบนเฉลี่ย (SBP) > 140 mmHg และ/หรือ ค่าความดันโลหิตตัว ล่าง เฉลี่ย (DBP) > 90 mmHg ในเขตรับผิดชอบและยังไม่ได้รับการวินิจฉัยโรคความดันโลหิตสูงใน ปีงบประมาณ คู่มือการปฏิบัติงานการคัดกรอง/ค้นหาผู้ป่วยความดันโลหิตสูง วัตถุประสงค์ 1.เพื่อยืนยันว่ากลุ่มสงสัยป่วยที่มีค่าระดับความดันโลหิตสูงจริงและได้รับส่งต่อพบแพทย์เพื่อรับการ วินิจฉัย โรคความดันโลหิตสูง ตัวชี้วัด 1. ร้อยละของประชากรอายุ 35 ปีขึ้นไปที่ได้รับการคัดกรองเพื่อวินิจฉัยความดันโลหิตสูง > 90% 2. ร้อยละของประชากรอายุ 35-59 ปีขึ้นไปที่ได้รับการคัดกรองเพื่อวินิจฉัยความดันโลหิตสูง> 87% ขอบเขต โรคความดันโลหิตสูง (Hypertention) หมายถึง ระดับความดันโลหิตซิสโตลิก (systolic blood pressure, SBP) > 140 มม.ปรอท และ/หรือ ความดันโลหิตไดแอสโตลิก (diastolic blood pressure, DBP) >90 มม.ปรอท โดยอ้างอิงจากการ วัดความดันโลหิตที่สถานพยาบาล การได้รับการตรวจติดตามยืนยันวินิจฉัย หมายถึง กลุ่มสงสัยป่วยโรคความดันโลหิตสูง ได้รับการวัด ความดันโลหิตด้วยตนเอง ที่บ้าน (ทำ Home Blood Pressure Monitoring (HBPM)) ติดต่อกันอย่างน้อย 7 วัน โดยจะต้องได้รับการติดตามวัดความดัน โลหิตด้วยตนเองที่บ้านภายใน 90 วัน หรือ การตรวจวัดความดัน โลหิต ซ้ำ ใน สถานพยาบาลเดิม ภายใน 90 วัน ด้วยวิธีการวัด ที่ถูกต้องตามมาตรฐาน ตามแนวทาง การรักษา โรคความดันโลหิตสูงในเวชปฏิบัติทั่วไป พ.ศ.2562 สมาคมความดันโลหิตสูง แห่งประเทศไทย หลังจาก ได้รับการคัดกรองความดันโลหิตสูงที่สถานบริการสาธารณสุข หรือในชุมชนแล้ว เพื่อรับการวินิจฉัย โรคความดัน โลหิตสูง หน้าที่รับผิดชอบ แพทย์ มีหน้าที่ประเมินอาการ วินิจฉัย ตรวจรักษา ในการตรวจวินิจฉัย ให้การรักษาบันทึกในบัตรเป็นลาย ลักษณ์อักษร พยาบาลวิชาชีพ มีหน้าที่ประเมิน คัดกรองประชาชนอายุ 35 ปีขึ้นไป วัดความดันโลหิตให้ความรู้ ในการ ปรับเปลี่ยน พฤติกรรมสุขภาพเพื่อลดพฤติกรรมเสี่ยงในการป้องกันโรคความดันโลหิตสูง อาสาสมัครสาธารณสุข มีหน้าที่คัดกรองด้วยวาจาให้แก่ประชาชนอายุ 35 ปีขึ้นไปเจาะเลือด วัดความดันโลหิต คู่มือแนวทางการดำ เนินงานการคัดกรองโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง(NCDs)
วิธีปฏิบัติ 1. จัดทำ ฐานข้อมูลประชากร type 1,3 อายุ 35 ปีขึ้นไปในเขตรับผิดชอบ 2. ประสานชุมชน อสม. ผู้นำ ชุมชน เพื่อนัดหมายกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่ 3. แจ้งแผนการออกปฏิบัติงานกับชุมชน และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง 4. ออกปฏิบัติงานตามแผนออกตรวจคัดกรองในชุมชน 5. ตรวจคัดกรอง ชั่งนํ้าหนัก วัดรอบเอว วัดความดันโลหิต ในกลุ่มเป้าหมาย 6. ในรายที่ผลคัดกรองผิดปกติ สงสัยป่วย ให้ตรวจติดตามยืนยันวินิจฉัยวัด ความดันโลหิตด้วยตนเองที่บ้าน (ทำ Home Blood Pressure Monitoring (HBPM)) ติดต่อกันอย่างน้อย 7 วัน ภายใน 90 วัน หากผลผิดปกติ ให้ส่งพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง 7. ในรายที่ผลคัดกรองผิดปกติ กลุ่มเสี่ยง ให้ความรู้แก่กลุ่มเป้าหมายในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม นัดปรับเปลี่ยนพฤติกรรม 8. กลุ่มผลคัดกรองปกติ ให้ข้อมูลความรู้ นัดคัดกรองซ้ำ ปีละ 1 ครั้ง คู่มือแนวทางการดำ เนินงานการคัดกรองโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง(NCDs)