1
2 รายงานโครงการเดินทางไกลลูกเสือ-ยุวกาชาด ปีการศึกษา 2565 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบ้านหมากแข้ง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 1
3 บันทึกข้อความ ส่วนราชการ โรงเรียนบ้านหมากแข้ง ที่ /๒๕๖5 วันที่ 1๓ มีนาคม ๒๕๖๖ เรื่อง สรุปผลการด าเนินกิจกรรมโครงการเดินทางไกลลูกเสือ-ยุวกาชาด ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ประจ าปีการศึกษา ๒๕๖๕ เรียน ผู้อ านวยการโรงเรียนบ้านหมากแข้ง เอกสารที่แนบ 1. สรุปรายงานโครงการเดินทางไกลลูกเสือ-ยุวกาชาด จ านวน ๓ เล่ม เนื่องด้วย สายชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ ได้ด าเนินการจัดกิจกรรมโครงการเดินทางไกลลูกเสือ-ยุว กาชาด ประจ าปีการศึกษา ๒๕๖๕ เพื่อประเมินผลการด าเนินงานการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2566 ณ ณ ค่ายลูกเสือชั่วคราวภูฝอยลม อำเภอหนองแสง จังหวัดอุดรธานี นักเรียนจ านวน 310 คน บัดนี้ ได้สรุปผลการด าเนินโครงการเดินทางไกลลูกเสือ-ยุวกาชาด ประจ าปีการศึกษา ๒๕๖๕ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว รายละเอียดตามเอกสารที่ส่งมาพร้อมนี้ จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและพิจารณา ลงชื่อ (นายเสกสิทธิ์ ปานนูน) ต าแหน่ง ครู วิทยฐานะครูช านาญการพิเศษ หัวหน้าสายชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
4 คำนำ การดำเนินโครงการทัศนศึกษาแหล่งเรียนรู้ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ณ แหล่งท่องเที่ยว เชิงนิเวศภูฝอยลม อำเภอหนองแสง จังหวัดอุดรธานี เล่มนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อประเมินผลการดำเนินงาน การจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2566 นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 310 คน ของโรงเรียนบ้านหมากแข้งฉบับนี้ สำเร็จลงได้ด้วยความกรุณาอย่างยิ่งจาก นายเจริญชัย บรรเลงรมย์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านหมากแข้ง นายวิชิต สำราญ นางศิริกัญญา คำดวง นางอรุณศิริ จันทร์หล่น ว่าที่ร้อยโท อนุวัฒน์ ทาสีดำ รองผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านหมากแข้ง ที่ให้ คำแนะนำปรึกษา ด้วยความเอาใจใส่อย่างยิ่ง จนการดำเนินการตามโครงการสำเร็จสมบูรณ์ได้ คณะ ดำเนินงานขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงไว้ ณ ที่นี้ คุณค่าประโยชน์อันพึงมีจากการสรุปงานตามโครงการฉบับนี้ คณะดำเนินการขออุทิศแด่ ผู้มีพระคุณทุกๆท่าน คณะดำเนินการ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
5 สารบัญ เรื่อง หน้า บทที่ 1 บทนำ 1 บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง 4 บทที่ 3 ขั้นตอนการดำเนินการ 9 บทที่ 4 ผลการดำเนินงาน 10 บทที่ 5 สรุปผลและข้อเสนอแนะ 12 ภาคผนวก
บทที่ 1 บทนำ 1. หลักการและเหตุผล ด้วยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 หมวด 3 มาตรา 49 ได้บัญญัติไว้ว่า "บุคคลย่อมมีสิทธิ เสมอกันในการรับการศึกษาไม่น้อยกว่าสิบสองปี ที่รัฐจะต้องจัดให้อย่างทั่วถึงและมีคุณภาพโดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย" และพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 3) มาตรา 10 วรรค 1 ได้บัญญัติไว้ว่า "การจัดการศึกษาต้องจัดให้บุคคลมีสิทธิและโอกาสเสมอกันในการรับการศึกษาชั้นพื้นฐานไม่น้อยกว่าสิบสองปีที่รัฐ จะต้องจัดให้อย่างทั่วถึง และมีคุณภาพโดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย" ซึ่งเป็นข้อกำหนดที่เกี่ยวกับการจัดการศึกษาชั้น พื้นฐาน ประกอบกับคำแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรี ได้กำหนดเป็นนโยบายเรงด่วนที่จะเริ่มดำเนินการตาม เจตนารมณ์ดังกล่าว ตั้งแต่ปีการศึกษา 2552 ต่อเนื่องมาจนถึงปีการศึกษา 2555 โดยรัฐบาลได้กำหนดนโยบาย สังคมและคุณภาพชีวิต ข้อ 2 สร้างโอกาสทางการศึกษา กระจายโอกาสทางการศึกษาในสังคมไทยโดยคำนึงถึงการ สร้างความเสมอภาคและความเป็นธรรมให้เกิดขึ้นแก่ประชากรทุกกลุ่ม ซึ่งรวมถึงผู้ยากไร้ ผู้ด้อยโอกาส ผู้พิการ ผู้บกพร่องทางกายและการเรียนรู้รวมทั้งชนกลุ่มน้อย โดยส่งเสริมการให้ความรู้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดาถึงแรกเกิด ให้ได้รับการดูแลอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งแม่และเด็ก สนับสนุนการจัดการศึกษาตามวัยและพัฒนาการอย่างมี คุณภาพ ตั้งแต่ก่อนวัยเรียนจนจบการศึกษาชั้นพื้นฐาน โดยจัดให้มีระบบสะสมผลการศึกษาและการเทียบโอน เพื่อขยายโอกาสให้กว้างขวางและลดปัญหาคนออกจากระบบการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการจึงได้ดำเนินการตามเจตนารมณ์ดังกล่าวข้างต้นโดยจัดทำโครงการสนับสนุน ค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาตั้งแต่ระดับอนุบาลจนจบการศึกษาขั้นพื้นฐานขึ้น ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนทุกคนได้รับโอกาสทางการศึกษาอย่างเต็มตามศักยภาพ การที่จะพัฒนาการเรียนการสอนให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติการศึกษา แห่งชาติ ได้นั้น แหล่งการเรียนรู้เป็นสิ่งสำคัญ ดังใน มาตรา 25 กล่าวว่า รัฐต้องส่งเสริมการดำเนินงานและ การจัดตั้งแหล่งการเรียนรู้ตลอดชีวิตทุกรูปแบบ ได้แก่ ห้องสมุดประชาชน พิพิธภัณฑ์ หอศิลป์ สวนสัตว์ สวนสาธารณะ สวนพฤกษ์ศาสตร์ อุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ศูนย์การกีฬาและนันทนาการ และ แหล่งการเรียนรู้อื่นอย่างพอเพียงและมีประสิทธิภาพ สถานศึกษาขั้นพื้นฐานจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะพัฒนา สถานที่ให้เป็นแหล่งการเรียนรู้ได้ภายในโรงเรียน เพื่อมุ่งให้ผู้เรียนได้รับการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง ปฏิบัติจริง และเกิดความใฝ่รู้อย่างต่อเนื่อง การเรียนรู้ในปัจจุบันหากใช้กระบวนการเรียนการสอนใน ห้องเรียนเพียงอย่างเดียวจะไม่สามารถพัฒนากรอบแนวคิดได้เท่าที่ควร
2 จากเหตุผลดังกล่าว สายชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบ้านหมากแข้ง ได้กำหนดการจัดการศึกษา ยุคใหม่มุ่งพัฒนาคุณภาพผู้เรียนให้มีความรู้และทักษะทางวิชาการ ส่งเสริมผู้เรียนให้มีทักษะพิสัย พุทธิพิสัย และ จิตพิสัยสมบูรณ์ สถานศึกษาได้เน้นการจัดกระบวนการเรียนรู้หลากหลายและเล็งเห็นความสำคัญในการ จัดกระบวนการเรียนรู้เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญที่สุด ดังนั้นโรงเรียนบ้านหมากแข้ง จึงจัดโครงการทัศนศึกษานอก สถานศึกษา ซึ่งเป็นกิจกรรมที่มุ่งเน้นให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง ฝึกการปฏิบัติให้คิดเป็น ทำเป็น แก้ปัญหาเป็น และผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ มีความรอบรู้จากแหล่งการเรียนรู้และแหล่งวิทยาการภายนอก ประเภทต่างๆ จากความสำคัญและความจำเป็นดังกล่าวช่วยส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียนให้ตรงตามศักยภาพและ ความต้องการของผู้เรียน เพื่อให้นักเรียนได้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว สายชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จึงได้จัดทำ โครงการเดินทางไกลลูกเสือสำรอง - ยุวกาชาด ณ ค่ายลูกเสือชั่วคราวภูฝอยลม อำเภอหนองแสง จังหวัดอุดรธานี 2. วัตถุประสงค์ โครงการเดินทางไกลลูกเสือสำรอง - ยุวกาชาด มีวัตถุประสงค์ ดังนี้ 2.1 ผู้เรียนสามารถหาความรู้เพิ่มเติมจากสิ่งที่พบเห็นทำให้ได้ประสบการณ์ตรง 2.2 ผู้เรียนเกิดทัศนคติที่ดีต่อวิชาลูกเสือ เป็นผู้บำเพ็ญประโยชน์ และมีจิตอาสา 2.3 ผู้เรียนได้เรียนรู้กฎ ระเบียบวินัยและการวางตัวเหมาะสมเมื่ออยู่นอกสถานที่ 2.4 ผู้เรียนมีความสามัคคี รู้จัดชกการเป็นผู้นำและผู้ตามที่ดี 2.5 ผู้เรียนได้เรียนรู้ด้วยตนเอง คิดเป็น ทำเป็น แก้ปัญหาเป็น 2.6 ผู้เรียนมีจิตสำนึกอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 3. ขอบเขตของการศึกษา 3.1 เป้าหมาย โครงการเดินทางไกลลูกเสือสำรอง - ยุวกาชาด มีเป้าหมายการดำเนินงาน ดังนี้ 3.1.1 ด้านปริมาณ 1) นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 310 คน เข้าร่วมโครงการเดินทางไกลลูกเสือสำรอง - ยุวกาชาด ได้รับความรู้จากประสบการณ์ตรง สามารถเรียนรู้ พัฒนาตนเองได้ 2) ครูที่ปรึกษา จำนวน 18 คน เข้าร่วมโครงการโครงการเดินทางไกลลูกเสือสำรอง - ยุวกาชาด 3.1.2 ด้านคุณภาพ 1) ผู้เรียนมีความรู้ มีการพัฒนาตนเองในการเรียนรู้ จากประสบการณ์ตรงอย่างต่อเนื่อง 2) นักเรียนได้เปลี่ยนบรรยากาศในการเรียนรู้ สร้างเสริมประสบการณ์ตรงเพิ่มเติม จากแหล่งเรียนรู้ภายในท้องถิ่น 3) นักเรียนมีโลกทัศน์ที่กว้างขึ้น ศึกษาค้นคว้าและพัฒนาตนเอง จากแหล่งเรียนรู้ภายในท้องถิ่น
3 4) นักเรียนตระหนักถึงความสำคัญของแหล่งเรียนรู้ภายในท้องถิ่น 5) ครูได้รับประสบการณ์ตรงจากแหล่งเรียนรู้ภายในท้องถิ่นและประเทศ สามารถนำมา พัฒนาตนเองและพัฒนานักเรียนเพิ่มขึ้น 3.2 สถานที่ในการจัดกิจกรรม ดังนี้ 3.2.1 แหล่งท่องเที่ยงเชิงนิเวศภูฝอยลม อำเภอหนองแสง จังหวัดอุดรธานี 3.3 ระยะเวลาที่ใช้ในจัดกิจกรรม วันที่ 8 เดือน กุมภาพันธ์พ.ศ. 2565 4. ผลที่คาดว่าจะได้รับในการจัดกิจกรรม 4.1 นักเรียนได้รับประสบการณ์จากการเดินทางไกลศึกษาแหล่งเรียนรู้ 4.2 นักเรียนมีความพึงพอใจในการนำความรู้มาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน 4.3 นักเรียนได้เรียนรู้กฎ ระเบียบวินัยและการปรับตัวในการอยู่ร่วมกับผู้อื่น 4.4 นักเรียนมีความรัก ความสามัคคีในการทำงานเป็นหมู่คณะ และเกิดความสนุกสนาน
4 บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง โรงเรียนบ้านหมากแข้ง ได้กำหนดโครงการเดินทางไกลลูกเสือสำรอง – ยุวกาชาด กิจกรรมพัฒนา ผู้เรียน เพื่อให้นักเรียนได้ได้เรียนรู้กฎ ระเบียบวินัยและการปรับตัวในการอยู่ร่วมกับผู้อื่น มีความรัก ความสามัคคี ในการทำงานเป็นหมู่คณะ และเกิดความสนุกสนาน ได้รับประสบการณ์จากการเดินทางไกลศึกษาแหล่งเรียนรู้มี ความพึงพอใจในการนำความรู้มาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งเอกสารที่เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้ 1.กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 1.1 กรอบแนวคิดกิจกรรมลูกเสือตามวัตถุประสงค์คณะลูกเสือแห่งชาติ 2. แหล่งเรียนรู้ 2.1 แหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศภูฝอยลม อำเภอหนองแสง จังหวัดอุดรธานี 1. กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษาสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2553 : 2) กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 มุ่งให้ผู้เรียนได้พัฒนา ตนเองตามศักยภาพ พัฒนาอย่างรอบด้านเพื่อความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้งร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ และสังคม เสริมสร้างให้เป็นผู้มีศีลธรรม จริยธรรม มีระเบียบวินัยทปลูกฝังและสร้างจิตสำนึกของการทำประโยชน์เพื่อสังคม สามารถจัดการตนเองได้ และอยู่ร่วมกับ้อื่นอย่างมีความสุข กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนมุ่งพัฒนาผู้เรียนให้ใช้องค์ความรู้ ทักษะและเจตคติจากการเรียนรู้ 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ และประสบการณ์ของผู้เรียนมาปฏิบัติกิจกรรมเพื่อช่วยให้ ผู้เรียนเกิดสมรรถนะสำคัญ ได้แก่ ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคิดความสามารถในการ แก้ปัญหา ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต และความสามารถในการใช้เทคโนโลยี ซึ่งจะส่งผลในการพัฒนา ผู้เรียนให้มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ได้แก่ รักชาติ ศาสน์กษัตริย์ ซื่อสัตย์สุจริต มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ อยู่อย่างพอเพียง มุ่งมั่นในการทำงาน รักความเป็นไทยและมีจิตสาธารณะ เกิดทักษะการทำงาน และอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้อย่าง มีความสุขในฐานะเป็นพลเมืองไทยและพลโลก
5 กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ประกอบด้วยกิจกรรม 3 ลักษณะ ดังนี้ 1. กิจกรรมแนะแนว เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียนให้รู้จักตนเอง รู้รักษ์สิ่งแวดล้อม สามารถคิดตัดสินใจ คิด แก้ปัญหา กำหนดเป้าหมาย วางแผนชีวิตทั้งด้านการเรียนและอาชีพ สามารถปรับตน ได้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ยังช่วยให้ครูรู้จักและเข้าใจผู้เรียน ทั้งยังเป็นกิจกรรมที่ช่วยเหลือ และให้คำปรึกษาแก่ผู้ปกครองในการมี ส่วนร่วมพัฒนาผู้เรียน 2. กิจกรรมนักเรียน เป็นกิจกรรมที่มุ่งพัฒนาความมีระเบียบวินัย ความเป็นผู้นำ ผู้ตามที่ดี ความรับผิดชอบการทำงาน ร่วมกัน การรู้จักแก้ปัญหา การตัดสินใจที่เหมาะสม ความมีเหตุผล การช่วยเหลือแบ่งปันเอื้ออาทรและสมานฉันท์ โดยจัดให้สอดคล้องกับความสามารถ ความถนัด และความสนใจของผู้เรียน ให้ได้ปฏิบัติด้วยตนเองในทุกขั้นตอน ได้แก่ การศึกษาวิเคราะห์ วางแผน ปฏิบัติตามแผน ประเมิน และปรับปรุงการทำงาน เน้นการทำงานร่วมกันเป็น กลุ่มตามความเหมาะสมและสอดคล้องกับวุฒิภาวะของผู้เรียนและบริบทของสถานศึกษาและท้องถิ่น กิจกรรม นักเรียนประกอบด้วย 2.1 กิจกรรมลูกเสือ เนตรนารี ยุวกาชาด ผู้บำเพ็ญประโยชน์ และนักศึกษาวิชาทหาร 2.2 กิจกรรมชุมนุม ชมรม 3. กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อสังคม ชุมชน และท้องถิ่นตามความสนใจ ในลักษณะอาสาสมัคร เพื่อแสดงถึงความรับผิดชอบ ความดีงาม ความเสียสละต่อสังคม และการมีจิตสาธารณะ เช่น กิจกรรมอาสาพัฒนาต่าง ๆ กิจกรรมสร้างสรรค์สังคม (กระทรวงศึกษาธิการ, 2551) 1.1 กรอบแนวคิดกิจกรรมลูกเสือตามวัตถุประสงค์คณะลูกเสือแห่งชาติ (สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา, 2549) 1. ความสำคัญของกิจการลูกเสือ กระบวนการลูกเสือเป็นกระบวนการสำคัญยิ่ง ในการพัฒนาเยาวชนของชาติให้เป็นคนดีมีความสามารถ มีจิตสำนึก ในความเป็นพลเมืองดีของชาติบ้านเมือง และสังคมโลก กระบวนการลูกเสือไทยเป็นพระราชมกรดกอันล้ำคำ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว องค์พระราชบิดาแห่งลูกเสือไทยได้มอบไว้แก่เยาวชนชาติไทย ซึ่งรัฐบาล ไทยทุกยุคทุกสมัยได้ยึดถือเป็นนโยบายสำคัญที่จะส่งเสริมให้นักเรียนทุกระดับเช้าร่วมกิจกรรมลูกเสือ เพราะ กระบวนการลูกเสือเป็นกระบวนการที่ตอบสนองความต้องการตามวัยของเยาวชน สามารถพัฒนาเยาวชนให้เป็น พลเมืองของชาติเป็นพลังสำคัญในการรักษาและพัฒนาชาติบ้านเมืองให้เจริญมั่นคง 2. การลูกเสือไทยตามวัตถุประสงค์คณะลูกเสือแห่งชาติ
6 คณะลูกเสือแห่งชาติ (The National Scout Organization of Thailand : NSOT)ได้กำหนดให้สถานศึกษาจัด กิจกรรม โดยยึดมั่นในวัตถุประสงค์ของคณะลูกเสือแห่งชาติตามพระราชบัญญัติลูกเสือ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2528 (มาตรา 7) และปฏิบัติตามข้อบังคับคณะลูกเสือแห่งชาติว่าด้วยการปกครอง หลักสูตรและวิชาพิเศษลูกเสือ พ.ศ. 2509 ดังนี้ 2.1 วัตถุประสงค์ของคณะลูกเสือแห่งชาติ คณะลูกเสือแห่งชาติมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาลูกเสือทั้งทางกาย สติปัญญาจิตใจและศีลธรรมให้เป็นพลเมืองดีมี ความรับผิดซอบ ช่วยสร้างสรรค์สังคมให้มีความเจริญก้าวหน้าดังนี้ 2.1.1 ให้มีนิสัยในการสังเกต จดจำ เชื่อฟัง และพึ่งตนเอง 2.1.2 ให้ซื่อสัตย์สุจริต มีระเบียบวินัย และเห็นอกเห็นใจผู้อื่น 2.1.3 ให้รู้จักบำเพ็ญตนเพื่อสาธารณประโยชน์ 2.1.4 ให้รู้จักทำการฝีมือและฝึกฝนให้ทำกิจการต่าง ๆ ตามความเหมาะสม 2.1.5 ให้รู้จักรักษาและส่งเสริมจารีตประเพณี วัฒนธรรมและความมั่นคงของประเทศชาติ ทั้งนี้โดยไม่ เกี่ยวข้องกับลัทธิการเมืองใด ๆ 2.2 ประเภทของลูกเสือ ลูกเสือ (Scout) ได้แก่ เยาวชนชายและหญิง อายุระหว่าง 8 - 23 ปี ที่รับการฝึกอบรมตามหลักสูตรวิชา ลูกเสือ โดยยึดมั่นในหลักการ (Principle) วิธีการ (Method) และวัตถุประสงค์ (Purpose) และวิธีการของการ ลูกเสือ (Scouting) โดยอุดมการณ์ของลูกเสือ อยู่ที่การปฏิบัติตามคำปฏิญาณและกฎของลูกเสือเพื่อความสะดวก ในการฝึกอบรมและการจัดกิจกรรมของลูกเสือให้บรรอลุตามหลักการวิธีการ และวัตถุประสงค์ของการลูกเสือ คณะลูกเสือแห่งชาติจึงได้แบ่งประเภทของลูกเสือออกเป็น 4 ประเภท โดยยึดระดับอายุของเด็กเป็นเกณฑ์ และ คำนึงถึงพัฒนาการทางร่างกาย และจิตใจของเด็กเป็นพื้นฐานในการจัดหลักสูตรและกิจกรรมในการฝึกอบรม เพื่อให้เหมาะสมกับวัยของเด็กโดยธรรมชาติ 2.2.1 ลูกเสือสำรอง (Cub Scout) มีอายุตั้งแต่ 8 - 11 ปี การฝึกอบรมและกิจกรรมลูกเสือสำรองจะจัดให้ เหมาะสมกับวัยของเด็ก โดยคำนึงถึงพัฒนาการทางร่างกายและจิตใจเป็นพื้นฐาน ไม่ว่าเด็กนั้นกำลังเรียนอยู่ชั้นใด ระดับใดก็ตาม จะเป็นนักเรียนอยู่ในโรงเรียนหรือไม่เป็นนักเรียนก็ตาม 2.2.2 ลูกเสือสามัญ (Boy Scout) มีอายตั้งแต่12 – 13 ปีลูกเสือสามัญเริ่มได้รับการฝึกอบรมให้มีความ รับผิดชอบมากยิ่งขึ้น เริ่มใช้ชีวิตกลางแจ้งและการผจญภัยเน้นระบบหมู่และการเป็นผู้นำ รวมทั้งการบำเพ็ญ ประโยชน์โดยทั่วไป
7 2.2.3. ลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่ (Senior Scout) มีอายุตั้งแต่ 15 – 17 ปีลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่ มีความรับผิดชอบ สูงการฝึกอบรมและกิจกรรมเน้น เรื่องระบบหมู่และการเป็นผู้นำในระบบประชาธิปไตย ที่มีพระมหากษัตริย์เป็น ประมุข ฝึกการใช้ชีวิตกลางแจ้ง การผจญภัยและ ทักษะวิชาลูกเสือฝึกอบรมความรู้พื้นฐานทางวิชาชีพตามที่ถนัด รวมทั้งการบำเพ็ญ ประโยชน์ต่อผู้อื่นมากขึ้น 2.2.4. ลูกเสือวิสามัญ (Rover Scout) มีอายตั้งแต่17–23 ปี ลูกเสือวิสามัญเป็นวัยของคนหนุ่มสาว ดังนั้น การฝึกอบรมลูกเสือวิสามัญ จึงมุ่งที่จะเตรียมให้คนหนุ่มสาวเหล่านี้พร้อมที่จะใช้ชีวิตผู้ใหญ่อย่างถูกต้องและ สมบูรณ์แบบ ให้เป็นพลเมืองดีมีความรับผดิชอบต่อไป การฝึกอบรมจะเน้นการเป็นผู้นำในระบอบประชาธิปไตยที่ มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การวางแผนโครงการ และการปฏิบัติงานตามโครงการฝึกให้นิยมใช้ชีวิต กลางแจ้ง การให้บริการแก่ผู้อื่น และสังคมเป็นชีวิตจิตใจ 2. แหล่งเรียนรู้ ความหมายของแหล่งเรียนรู้ กรมวิชาการ (2545) ให้ความหมายแหล่งเรียนรู้ว่า หมายถึง แหล่งข้อมูล ข่าวสารสารสนเทศและ ประสบการณ์ที่สนับสนุนส่งเสริมให้ผู้เรียนใฝ่เรียนแสวงหาความรู้และเรียนรู้ด้วยตนเองตามอัธยาศัยอย่าง กว้างขวางและต่อเนื่อง เพื่อเสริมสร้างให้ผู้เรียนเกิดกระบวนการการเรียนรู้และเป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ 2.1 แหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศภูฝอยลม อำเภอหนองแสง จังหวัดอุดรธานี ฝอยลม ตั้งอยู่บนเทือกเขาภูพานน้อย ที่อำเภอหนองแสง จังหวัดอุดรธานี สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 600 เมตร อากาศเย็นสบายตลอดปี ชื่อของฎฝอยลมมาจากไลเคนชนิดหนึ่ง คือ "ฝอยลม"ซึ่งเคยพบเกาะ อาศัยอยู่ตามกิ่งของต้นไม้ใหญ่ในบริเวณนี้ แต่ปัจจุบันพบได้น้อยลงเนื่องจากป่าถูกบุกรุกจนมีสภาพเสื่อมโทรม ปัจจุบันมีการจัดตั้งเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศเพื่ออนุรักษ์ธรรมชาติและ ให้เป็นที่ทัศนศึกษาของประชาชน ประกอบด้วยสวนรวมพรรณไม้ 60 พรรษา มหาราชินี อุทยานโลกล้านปี มีหุ่นจำลองไดโนเสาร์ และพิพิธภัณฑ์ แสดงชากสัตว์ดึกดำบรรพ์ และมีเส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติซึ่งจะได้พบป่าเบญจพรรณ ป่าดิบแล้ง ป่าเต็งรัง สลับป่าทุ่งหญ้า น้ำตกเล็ก ๆ และถ้ำ อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าพันดอน- ปะโค มีเนื้อที่ 192,350 ไร่ บน เทือกเขาภูพานน้อย เขตตำบลทับกุง ภูฝอยลมจัดเป็นศูนย์ศึกษาธรรมชาติที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในภาคอีสาน มีแปลง ปลูกสาธิต บริเวณจุดชมวิวสามารถมองเห็นทิวทัศน์ตัวเมืองอุดรธานี ภูฝอยลมมีบ้านพักไว้บริการนักท่องเที่ยว และ สามารถตั้งแคมป์พักแรมได้ มีกิจกรรมเดินป่า การเดินทาง หากเดินทางมาตามเส้นทางขอนแก่น-อุดรธานี เมื่อเลยอำเภอโนนสะอาดมาแล้วจะพบทางแยก ซ้ายที่บ้านห้วยเกิ้งไปภูฝอยลม รถยนต์สามารถขึ้นถึงบนภูได้โดยสะดวก ใช้เส้นทางอุดรธานี-เลย เสี้ยวเข้าแยก บ้านเหล่ากิโลเมตรที่ 9
8 ฝอยลมสวัสดิการ ขับตรงเข้ามาตามถนนเรื่อยๆ ยังไม่เสี้ยวไปทางไหน เข้ามาติดต่อเรื่องที่พักก่อน ซึ่งการ ติดต่อที่พักตะติดต่อที่เดียวกันที่ร้านสวัสดิการ ด้านหน้าร้านประดับตกแต่งด้วยไม้ดอกหลายชนิดปลูกเป็นรูปสัตว์ ต่างๆ ดูคล้ายสวนสัตว์เป็นที่ดึงดูดความสนใจของเด็กๆ ที่เข้ามาเที่ยวบนภูฝอยลม สวนรวมพรรณไม้ 60 พรรษา มหาราชินี สวนแห่งนี้เป็นสถานที่ที่ได้รับ ความสนใจจากนักท่องเที่ยวมากที่สุด เพราะสามารถขับรถมาจอดแล้ว เดินชมสวน หรือจะทานอาหารก็มีร้านสวัสดิการบริการ มีศาลาให้นั่งพักผ่อนนอกสวน สวนรวมพรรณไม้ 60 พรรษา มหาราชินี ช่วงเดือนกรกฎาคม สวนแห่งนี้เต็มไปด้วยดอกกระเจียวทั้งสีขาว และสีชมพู ในช่วงเดือนธันวาคม ก็จะมีดอกทิวสิปบานให้ได้ชมกันในงานวันตอกทิวลิปบานที่ภูฝอยสม ส่วนช่วง อื่นๆ เราก็จะได้พบกับไม้ดอกอีกหลายชนิดผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาปลูกให้เราได้ชม ไม่เบื่อ กังหันลมภูฝอย ลม ฝอยลม มีการสร้างกังหันลมเพิ่มสีสันเข้าไปในสวนรวมพรรณไม้ 60 พรรษา มหาราชินี แม้ว่างานทิวลิปบานได้ ผ่านพันไปแล้ว กังหันลมนี้ก็ยังคงตั้งอยู่ให้เราได้เอามาใช้เป็นฉากสวยๆ ในการถ่ายรูปต่อไป สถานที่พักผ่อน นักท่องเที่ยวจำนวนมากที่ภูฝอยลม ส่วนใหญ่เป็นคนในพื้นที่ใกล้เคียงและจังหวัดใกล้เคียงเดินทางมาพักผ่อนแบบ ครอบครัว สวนรวมพรรณไม้ 60 พรรษา มหาราชินี เป็นสถานที่แรกๆ ที่คนจะเข้ามาชมความสวยงามและพักผ่อน ตามจุดต่างๆ ในพื้นที่ที่ค่อนข้างกว้างขวางมากๆ แต่ในเวลากลางวันจะแดดร้อน ส่วนหนึ่งในบริเวณสวนมีจุด สำหรับนักพักผ่อนหลบแดด เป็นต้นไม้ใหญ่หลายตันมีลานกว้างๆ ให้นั่งได้อย่างสบาย ร่มเงาของต้นไม้ทำให้ไม่ร้อน แดด แต่ที่ดีกว่านั้นคือกล้วยไม้หลากสีหลายพันธุ์ที่อยู่บริเวณโคนต้นไม้ ช่วยเพิ่มสีสันระหว่างกานั่งหลบแดดของเรา ได้เป็นอย่างดี หากมีเสื่อมาปูเห็นที่ว่าจะหลับได้อย่างรวดเร็ว ที่มา : ภูฝอยลม - เที่ยวจังหวัดอุดรธานีเด้อ - Google Sites
9 บทที่ 3 ขั้นตอนการดำเนินการ โครงการโครงการเดินทางไกลลูกเสือส ารอง – ยุวกาชาด สายชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียน บ้านหมากแข้ง ได้ดำเนินการจัดกิจกรรม สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีขั้นตอนดังนี้ 1. สำรวจจำนวนนักเรียนที่ยังไม่ได้ไปทัศนศึกษา 2. ประชุมเพื่อวางแผนงาน กรอบแนวทางการดำเนินและกำหนดสถานที่ในการเดินทางไกล 3. บันทึกเสนอข้อความขออนุญาตนำนักเรียนไปเดินทางไกลแหล่งเรียนรู้ โดยไม่ค้างคืน 4. เอกสารแนบบันทึกเสนอ ประกอบด้วย 4.1 แบบขออนุญาตนำนักเรียนไปเดินทางไกลนอกสถานศึกษาแบบไม่ค้างคืน 4.2 รายชื่อนักเรียน - ครูผู้ควบคุม 4.3 กำหนดการ 4.4 แผนผังเส้นทาง 4.5 หนังสือขออนุญาตผู้ปกครอง 4.6 แบบบันทึกขอจัดซื้อ-จัดจ้าง (ขอรับที่กลุ่มงานแผนงานฯ) 5. เสนอเอกสารผ่านกลุ่มงานบริหารทั่วไป เพื่อตรวจสอบและเสนอขอใช้เงินตามกิจกรรม 6. เสนอล่วงหน้า 15 วัน ก่อนนำนักเรียนไปเดินทางไกลนอกสถานศึกษา 7. เก็บรวบรวมหนังสือของอนุญาตผู้ปกครอง 8. เมื่อดำเนินการเรียบร้อยแล้ว ครูที่ปรึกษาสรุปรายงานผลตามรูปแบบระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่า ด้วยการพานักเรียนนักศึกษาไปนอกสถานศึกษา พ.ศ.2548 และมาตรการในการพานักเรียน นักศึกษาไปนอก สถานศึกษา รายงานผลต่อผู้อำนวยการโรงเรียน พร้อมแนบรูปภาพประกอบ 9. จัดทำรายงานสรุป 5 บท
10 บทที่ 4 ผลการดำเนินงาน โครงการเดินทางไกลลูกเสือสำรอง – ยุวกาชาด จัดเพื่อให้นักเรียนได้เปลี่ยนบรรยากาศในการเรียนรู้ สร้างเสริมประสบการณ์ตรงจากแหล่งเรียนรู้ภายในท้องถิ่น ผลการดำเนินงาน ดังนี้ 1. ผลการประเมินความพึงพอใจต่อโครงการเดินทางไกลลูกเสือสา รอง – ยุวกาชาด ณ แหล่งท่องเที่ยงเชิงนิเวศภูฝอยลม อำเภอหนองแสง จังหวัดอุดรธานีวันที่ 8 เดือน กุมภาพันธ์พ.ศ. 2565 การแปลความหมายของข้อมูลพิจารณาจากค่าเฉลี่ย ̅ ดังนี้ 4.51 - 5.00 หมายถึง มีความพึงพอใจมากที่สุด 3.51 -4.50 หมายถึง มีความพึงพอใจมาก 2.51-3.50 หมายถึง มีความพึงพอใจปานกลาง 1.51 -2.50 หมายถึง มีความพึงพอใจน้อย 1.00-1.50 หมายถึง มีความพึงพอใจน้อยที่สุด จำนวนผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด 310 คน ตอนที่ 1 ข้อมูลทั่วไป 1. เพศ 1.1 ชาย ร้อยละ 100 1.2 หญิง ร้อยละ 100 2. สถานภาพ 2.1 ครู ร้อยละ 100 2.2 นักเรียน ร้อยละ 95
11 ตอนที่ 2 ความพึงพอใจเกี่ยวกับการดำเนินงานและการจัดกิจกรรม ระดับความพึงพอใจ 5= มากที่สุด 4 = มาก 3 = ปานกลาง 2 = น้อย และ 1 = น้อยที่สุด การดำเนินงานและการจัดกิจกรรม จำนวนนักเรียน(คน) ค่าเฉลี่ย การแปลผล 5 4 3 2 1 1.วันและเวลาในการจัดกิจกรรม 310 5.00 มากที่สุด 2.สถานที่ในการเดินทางไกล 310 5.00 มากที่สุด 3.ยานพาหนะ 310 4.00 มาก 4.เป็นกิจกรรมที่นักเรียนได้รับ ประสบการณ์จากการเดินทางไกลศึกษา แหล่งเรียนรู้ 310 5.00 มากที่สุด 5.เป็นกิจกรรมที่ให้นักเรียนได้เรียนรู้ กฎ ระเบียบวินัยและการปรับตัวในการ อยู่ร่วมกับผู้อื่น 310 5.00 มากที่สุด 6.เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมให้นักเรียนมี ความรัก ความสามัคคีในการทำงานเป็น หมู่คณะ และเกิดความสนุกสนาน 310 5.00 มากที่สุด 7.มีความประทับใจในกิจกรรม 310 5.00 มากที่สุด รวมเฉลี่ย 310 310 4.86 มากที่สุด สรุปผลการประเมินการดำเนินงานและการจัดกิจกรรมต่างๆ จากตารางแสดงความพึงพอใจต่อโครงการเดินทางไกลลูกเสือสำรอง – ยุวกาชาด นักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 3 ประจำปีการศึกษา 2565 พบว่า ความพึงพอใจเฉลี่ยเท่ากับ 4.86 มีระดับความพึงพอใจ มากที่สุด 6 รายการ ระดับพึงพอใจมาก 1 รายการ คือยานพาหนะ จึงสรุปได้ว่า โครงการเดินทางไกลลูกเสือ สำรอง – ยุวกาชาด ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ปีการศึกษา 2565 มีความพึงพอใจมากที่สุดและบรรลุตาม วัตถุประสงค์ทุกประการ
12 บทที่ 5 สรุปผลและข้อเสนอแนะ ขั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบ้านหมากแข้ง ได้กำหนดโครงการเดินทางไกลลูกเสือสำรอง – ยุวกาชาด เพื่อให้นักเรียนได้รับประสบการณ์จากการเดินทางไกลศึกษาแหล่งเรียนรู้ได้เรียนรู้กฎ ระเบียบวินัย และการปรับตัวในการอยู่ร่วมกับผู้อื่น และส่งเสริมให้นักเรียนมีความรัก ความสามัคคีในการทำงานเป็นหมู่คณะ และเกิดความสนุกสนาน พบว่า 1. สรุปผล 1.1 เป้าหมายด้านปริมาณ 1.1.1 นักเรียน ที่เข้าร่วมโครงการเดินทางไกลลูกเสือสำรอง – ยุวกาชาด จำนวน 310 คน 1.1.2 ครูที่ปรึกษา ที่เข้าร่วมโครงการเดินทางไกลลูกเสือสำรอง – ยุวกาชาด จำนวน 18 คน 1.2 เป้าหมายด้านคุณภาพ จากการประเมินความพึงพอใจโดยใช้แบบสอบถาม พบว่า 1.2.1 โครงการเดินทางไกลลูกเสือสำรอง – ยุวกาชาด นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ประจำ ปีการศึกษา 2565 พบว่า ความพึงพอใจเฉลี่ยเท่ากับ 4.86 มีระดับความพึงพอใจมากที่สุด 1.2.2 นักเรียนมีความรู้ มีการพัฒนาตนเองในการเรียนรู้ จากประสบการณ์ตรงอย่างต่อเนื่อง 1.2.3 นักเรียนได้เปลี่ยนบรรยากาศในการเรียนรู้ สร้างเสริมประสบการณ์ตรงเพิ่มเติม จากแหล่งเรียนรู้ภายในท้องถิ่น 1.2.4 นักเรียนมีโลกทัศน์ที่กว้างขึ้น ศึกษาค้นคว้าและพัฒนาตนเอง จากแหล่งเรียนรู้ภายในท้องถิ่น 1.2.5 นักเรียนตระหนักถึงความสำคัญของแหล่งเรียนรู้ภายในท้องถิ่น 1.2.6 ครูได้รับประสบการณ์ตรงจากแหล่งเรียนรู้ภายในท้องถิ่นและประเทศ สามารถนำมาพัฒนา ตนเองและพัฒนานักเรียนเพิ่มขึ้น 2. ข้อเสนอแนะ 1. ยานพาหนะในการใช้เดินทางควรตรวจสอบให้จัดจ้างรถที่ใหม่ เพื่อความปลอดภัยของนักเรียน 2. ควรจัดกิจกรรมที่หลากหลายให้กับนักเรียนนอกเหนือจากการเดินทางไกลและศึกษาแหล่งเรียนรู้
13 ภาคผนวก
14 ภาพกิจกรรม โครงการเดินทางไกลลูกเสือสำรอง – ยุวกาชาด ณ แหล่งท่องเที่ยงเชิงนิเวศภูฝอยลม อำเภอหนองแสง จังหวัดอุดรธานี วันที่ 8 เดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24