The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Patiweth Ketkhong, 2021-03-11 08:01:08

เขียนขอม

เขียนขอม

1

มาเรียนรู้ภาษาถนิ กนั เถอะ ( ภาษาเขมร )

นายวลั ลภ สหุนาฬุ ครูภูมปิ ัญญาไทย รุ่นที 5
ด้านภาษาและวรรณกรรม (ภาษาเขมร)
178 หมู่ 9 ต.เสมด็ อ.เมอื ง จ.บุรีรัมย์ 31000
โทร 0817135605
นาย ณรงค์ฤทธิ สหุนาฬุ ผู้ช่วยครูภูมปิ ัญญาไทย
โทร 0867365802

ภาษาไทยเป็ นภาษาประจาํ ชาติไทย เป็ นภาษากลางหรือภาษามาตรฐานทีคนไทยใชส้ ือสาร
กนั ทวั ทุกภูมิภาคในประเทศไทย เป็ นภาษาทีใช้ในการติดต่อกบั ทางราชการและใช้สอนกนั ใน
สถานศึกษาทวั ประเทศไทยทุกคนตอ้ งเรียนรู้อ่านเขียนและใชใ้ หถ้ ูกตอ้ ง

สาํ หรับการสือสารในทอ้ งถินก็ใชภ้ าษาของตนในแต่ละภูมิภาค ภาษาเขมร เป็นภาษาถิน
อีกภาษาหนึงในหลายภาษาทีมีอยู่ในประเทศไทยทีประชนชนใช้สือสารกันมากในแถบจงั หวดั
บุรีรัมย์ สุรินทร์ และศรีสะเกษ เขตภาคอีสานตอนใต้ อนั มีเขตแดนติดกบั ราชอาณาจกั รกมั พูชา
ภาษาถินเป็ นมรดกทางวฒั นธรรมอันลําค่าอย่างหนึงสมควรทีอนุชนรุ่นหลังได้ตระหนักถึง
ความสําคญั ควรเรียนรู้และอนุรักษ์ไว้เพือให้เห็นอตั ลักษณ์แห่งท้องถินของตน เกิดความ
ภาคภูมิใจในทอ้ งถินของตนร่วมกนั และช่วยกนั รักษาวฒั นธรรมทางภาษาใหค้ งอยคู่ ู่ทอ้ งถินของตน
สืบไปชวั กาลนาน อยา่ ปล่อยใหเ้ ป็นหนา้ ทีของครูภมู ิปัญญาไทยเพยี งผเู้ ดียว

ภาพการอบรมภาษาถิน

2
ทาํ อย่างไรจึงจะอ่านเขียนเรียนรู้ภาษาเขมรได้

ผทู้ ีจะอ่านเขียนเรียนรู้ภาษาเขมรไดอ้ ยา่ งนอ้ ยตอ้ งมีความรู้เกียวหบั ตวั อกั ษรหรือพยญั ชนะ
ภาษาเขมร สระภาษาเขมร ตวั สะกดภาษาเขมร เชิงอกั ษรภาษาเขมร และการประสมคาํ ภาษาเขมร
เบืองตน้

1. ตัวอกั ษรหรือพยญั ชนะภาษาเขมร

1.1 ชนิดตัวอกั ษรภาษาเขมรหรือพยญั ชนะภาษาเขมรมี 2 แบบ คอื
1.1.1 ตัวอกั ษรหรือพยญั ชนะภาษาเขมรแบบบรรจง ในภาษาเขมรเรียกวา่ อกั ษรมูล

หรืออกั ษรขอม เป็ นตวั อกั ษรทีมีลกั ษณะกลมมน ลีลาการเขียนค่อนขา้ งสวยงามและเป็นแบบแผน
มากกวา่ อกั ษรขอมแบบเชรียงหรือแบบโฌร์ใชบ้ นั ทึกขอ้ ความทีสาํ คญั ๆโดยเฉพาะคมั ภีร์ทางศาสนา
บนั ทึกคาํ บาลีในพระไตรปิ ฎกการจารคมั ภีร์ทางศาสนาลงในใบลาน เช่น มหาเวสสนั ดรชาดก ฉบบั
13 กณั ฑจ์ ารดว้ ยอกั ษรขอมและอกั ษรมลู ทงั สิน นอกจากนีอกั ษรขอมแบบบรรจงยงั นิยมใชเ้ ป็นชือ
เรือง ชือบทความ พาดหวั ข่าวหนงั สือพิมพ์ ขอ้ ความนาํ ทีตอ้ งการให้เด่นเป็นแบบแผนน่าสนใจ
ชือหา้ งร้านต่างๆ เป็ นตน้

อกั ษรมูลเป็นอกั ษรดงั เดิมของเขมร ทีใชบ้ นั ทึกคมั ภีร์ทางพระพทุ ธศาสนา การ
จารลงในใบลานอกั ษรมูลทีปรากฏอยา่ งเป็นทางการมาแต่โบราณและยงั พบในแถบอีสานใตข้ อง
ไทย คือคมั ภีร์มหาเวสสนั ดรชาดกฉบบั 13 กนั ฑ์ ซึงพระภิกษุในแถบอีสานใตใ้ ชเ้ ทศน์มหาชาติมา
แต่กาลก่อน ซึงในปัจจุบนั หาคนทีอ่านอกั ษรมูลในใบลานไดย้ ากแลว้

อกั ษรขอมซึงเป็ นอกั ษรทีเขมรน่าจะรับไปจากไทยในช่วงหลงั และเป็นทีนิยมใชใ้ น
ปัจจุบนั มากกวา่ อกั ษรมลู ของเขมรแต่เดิม คาํ วา่ “ขอม” เป็นคาํ ทีไทยใชเ้ รียกชนชาติเขมร เมือเรา
รับเอาอกั ษรมลู ของเขมรมาใช้ เรานิยมเรียกอกั ษรมลู ของเขมรวา่ “อกั ษรขอม” และในช่วงหลงั มา
เขมรก็รับเอาอกั ษรขอมทีไทยดดั แปลงมาจากอกั ษรมูลไปใชแ้ ละเรียกอกั ษรทีรับไปจากไทยวา่
“อกั ษรขอม” มาจนทุกวนั นี

ภาพการอบรมหลกั สูตรภาษาเขมร

3

1.1.2 อกั ษรหรือพยัญชนะภาษาเขมรแบบเชรียงหรือแบบโฌร์
เป็ นตวั อกั ษรทีใชเ้ ขียนขอ้ ความโดยทวั ๆไป เช่น การจดบนั ทึกขอ้ ความ ขอ้ ความใน
ส่วนรายละเอียดของหนงั สือพิมพ์ จดหมาย เขียนติดต่อในชีวิตประจาํ วนั บนั ทึกขอ้ มูลต่างๆ งาน
ดา้ นวิชาการและงานเขียนโดยทวั ๆไป ทีเรียกว่าอกั ษรขอมเชรียง เนืองจากเป็ นตวั อกั ษรแบบเอน
เฉียง ไม่ตรง ในปัจจุบนั อกั ษรขอมเชรียงอาจเขียนแบบตวั ตรงก็ได้ เพราะสะดวกในการพิมพ์
และสะดวกในการเขียนสาํ หรับเดก็ เริมเรียน

ตัวอย่างอกั ษรขอมบรรจง (แบบมเี ชิงอกั ษร)

kxKX g

cqCQj

dzDZN

tfTF n

bpBP m

yrlv

s hL G

ตวั อย่างอกั ษรแบบโฌร์ (แบบมีเชิงอกั ษร) K Xg
C Qj
kx D ZN
cq T Fn
dz B Pm
tf l v
bp L G
yr
sh

4

การแบ่งพยญั ชนะตามทเี กดิ และการออกเสียง

พยญั ชนะในเขมรแบ่งเป็ น 5 วรรค ดงั นี

พยญั ชนะอโฆษะ พยญั ชนะโฆษะ
( เสียงเลก็ )
( เสียงใหญ่ )
“ A SERIES ”
“ O SERIES ”
๑๒
แถวที ๓๔ ๕
ชือวรรค kx
K Xg
๑. วรรค กะ กอ ขอ
โก โฆ โง
๒. วรรค จะ cq
C Qj
จอ ฉอ
โจ โฌ โญ

๓. วรรค ฏะ d zD ZN

ฏอ ฐอ โด ฒวั ณอ

๔ วรรค ตะ t fT F n
๕ วรรค ปะ
ตอ ถอ โต โธ โน

b pB P m

บอ ผอ โป โภ โม

yอวรรคหรือเศษวรรค r l v

โย โร โล โว

shL G

สอ หอ ฬอ ออ

5

จะเห็นวา่ พยญั ชนะในภาษาเขมรแบ่งออกเป็ น 2 กลุ่ม คือ เสียงออและกลุ่มเสียงโอ

กลุ่มเสียงออจดั เป็ นพยญั ชนะเสียงอโฆษะหรือเสียงเล็ก ส่วนกลุ่มเสียงโอ จดั เป็นพยญั ชนะโฆษะ

หรือเสียงใหญ่ ดงั นนั พยญั ชนะจึงแบ่งเป็น ๒ กลุ่ม ดงั นี

กลุ่มพยญั ชนะอโฆษะเสียงเล็กหรือเสียงไม่กอ้ ง คือพยญั ชนะแถวที ๑ และ๒ ในแต่ละ

วรรค รวมทงั ตวั N ในวรรค ฎอและตวั ส ห ฬ อ ในอวรรคหรือเศษวรรค รวมเป็น ๑๕ ตวั คือ

kxcqdzN

t f b p s hL G

กลุ่มพยญั ชนะโฆษะเสียงใหญ่หรือเสียงกอ้ ง คือพยญั ชนะแถวที ๓ ๔ และ๕ ในแต่ละ

วรรค ยกเวน้ ตวั N ในวรรค ฎอ แถวที ๕ และพยญั ชนะอววรรคหรือเศษวรรค ย ร ล ว
รวมเป็ น ๑๘ ตวั คือ

KXGCQjD

ZTFnB Pm

yrlv

1.3 เครืองหมายประกอบการเขียนทจี ําเป็ นในการอ่านการเขยี น มดี งั นี

;1.3.1 เครืองหมาย sgát; (ภาษาเขมรเรียกวา่ ซ็องก็อด หมายถึง กดหรือทบั ) เป็น

เครืองหมายทีใชเ้ ขียนบนพยญั ชนะทีเป็นตวั สะกดทีมีสระอา ประสมอยู่ หรือคาํ ทีประสมดว้ ย

สระออและสระโอสะกดเมือตอ้ งการใหอ้ อกเสียงสนั ใหใ้ ชเ้ ครืองหมาย เช่น

อ่านวา่ บอน หมายถึง บ่อน อ่านวา่ บอ็ น หมายถึง บ่อน

อ่านวา่ จอง หมายถึง ผกู มดั อ่านวา่ จอ็ ง หมายถึง อยาก

อ่านวา่ ก๊าจ หมายถึง ดุร้าย อ่านวา่ กจั หมายถึง หกั

:1.3.2 เครืองหมาย มุสิกทนั ต์ musikTn (ภาษาเขมรอ่านวา่ มุเซะกะเตือน

หมายถึงฟันหนู) เป็ นเครืองหมายทีใชเ้ ขียนบนพยญั ชนะโฆษะ เสียงใหญ่หรือเสียงกอ้ ง(เสียงโอ)

เพือใหก้ ลายเป็นพยญั ชนะอโฆษะ เสียงเลก็ หรือเสียงไม่กอ้ ง (เสียงออ) ใชเ้ ขียนบนพยญั ชนะโฆษะ

18 ตวั คือ K(โก) เป็ น K: (กอ) X(โฆ) เป็ น X:(ฆอ) C (โง) เป็ น C: (งอ)
C(โจ) เป็ น C:(จอ) Q(โฌ) เป็น Q: (ฌอ) j(โญ) เป็น j: (ญอ)
D(โด) เป็น D: (ดอ) Z(โฒ) เป็น Z: (ฒอ) T(โต) เป็น T:(ตอ)
F(โธ) เป็ น F:(ธอ) n(โน) เป็ น n:(นอ) y(โย) เป็น y:(ยอ)
r(โร) เป็ น r:(รอ) l(โล) เป็ น l:(ลอ) v(โว) เป็น v:(วอ)

6

‘13.3 เครืองหมาย ตรีศพั ท์ ®tIsBÞ (ภาษาเขมรอ่านวา่ แตร็ยซบั ) เป็ นเครืองหมาย

ทีใชเ้ ขียนบนพยญั ชนะอโฆษะ เสียงเล็กหรือเสียงไม่กอ้ ง (เสียงออ) เพือใหก้ ลายเป็นพยญั ชนะโฆษะ

เสียงใหญ่หรือเสียงกอ้ ง(เสียงโอ) ใชเ้ ขียนบนพยญั ชนะอโฆษะ 15 ตวั คือ

k (กอ) เป็น k‘(โก) x (ขอ) เป็น x‘ (โข) c(จอ) เป็ น c‘‘ (โจ)
q(ฉอ) เป็น q‘‘ (โฉ) d(ฎอ) เป็น d‘‘ (โฎ) z(ฐอ) เป็น z‘ (โฐ)
t(ตอ) เป็ น t‘‘ (โต) f(ถอ) เป็น f‘ (โถ) b(บอ) เป็น b‘‘ (โบ)
p(ผอ) เป็น p‘‘ (โผ) N(ณอ) เป็ น N‘‘ (โณ) s(สอ) เป็น s‘‘ (โส)
h(หอ) เป็น h‘‘ (โห) L(ฬอ) เป็น L‘ (โฬ) G(ออ) เป็น G‘‘ (โอ)

1.4 วธิ เี ขยี นอกั ษรขอม จําแนกได้ 4 กล่มุ ดังนี

1.4.1 กลุ่มทเี ขียนครังเดยี ว หรือเขียนหนึงครัง เขียนครังเดียวหรือเขียนหนึงครังหมายถึง
เริมเขียนจากจุดเริมตน้ ไปสินสุดจุดสุดทา้ ยและเป็นตวั อกั ษรขอมทีสมบูรณ์ (ไม่นบั เชิงอกั ษร)
โดยเริมเขียนจากหวั อกั ษรมี 9 ตวั คือ

1.4.2 กลุ่มทเี ขียนสองครัง เขียนสองครังหมายถึง เริมเขียนจากจุดเริมตน้ จนไปสินสุด
จุดสุดทา้ ยและเป็นตวั อกั ษรขอมทีสมบูรณ์(ไม่นบั เชิงอกั ษร) โดยเริมเขียนจากส่วนกลางของ
ตวั อกั ษรในครังทีหนึง เขียนส่วนบนของตวั อกั ษรในครังทีสอง ยกเวน้ ตวั ให้เขียนจากหวั อกั ษร
และเขียนส่วนบนของส่วนบนของตวั อกั ษรในครังทีสองและยกเวน้ ตวั ใหเ้ ขียนจากหวั อกั ษรใน
ครังทีหนึงและเขียนส่วนล่างของตวั อกั ษรในครังทีสอง มี 20 ตวั คือ

7
1.4.3 กลุ่มทเี ขียนสามครัง เขียนสามครังหมายถึงเริมเขียนจากจุดเริมตน้ จนไปสินสุดจุด
สุดทา้ ยเป็นตวั อกั ษรขอมทีสมบูรณ์ (ไม่นบั เชิงอกั ษร) โดยเริมเขียนจากตวั อกั ษรในครังทีหนึงและ
สองส่วนบน ( อ่าวา่ ซ็อก หมายถึง ผม) ของตวั อกั ษรในครังทีสาม มี 3 ตวั คือ

1.4.4 กลุ่มทเี ขียนสีครัง เขียนสีครังหมายถึง เริมเขียนจากจุดเริมตน้ จนไปสินสุดจุด
สุดทา้ ยและเป็นตวั อกั ษรขอมทีสมบูรณ์(ไม่นบั เชิงอกั ษร) โดยเริมจากส่วนกลางของตวั อกั ษรในครัง
ทีหนึงเขียนส่วนบนของตวั อกั ษรในครังทีสอง เขียนหวั อกั ษรในครังทีสามและเขียนตวั อกั ษรใน
ครังทีสี มี 1 ตวั คือ

ภาพการรับรางวลั จาก สกศ.
ดร.รุ่ง แก้วแดง

ภาพศูนย์การเรียนรู้ภาษาถนิ

8

การเปรียบเทยี บตัวอกั ษรเขมรกบั ตวั อกั ษรไทย

ตวั อกั ษรเขมร ตวั อกั ษรไทย ตัวอกั ษรเขมร ตัวอกั ษรไทย

k (กอ) ก T (โต) ท
x (ขอ) ข F (โธ) ธ
K (โก ) ค n (โน) น
X (โฆ) ฆ b (บอ) บ
g (โง) ง p (ผอ) ผ
c (จอ) จ B (โป) พ
q (ฉอ) ฉ P (โภ) ภ
C (โจ) ช m (โม) ม
Q (โฌ) ฌ y (โย) ย
j ( โญ ) ญ r (โร) ร
d (ฎอ) ฎ l (โล) ล
z (ฐอ) ฐ v (โว) ว
D (โด) ฑ s (สอ) ส
Z (ฒวั ) ฒ h (หอ) ห
N (ณอ) ณ L (ฬอ) ฬ
t (ตอ) ต G (ออ) อ
f (ถอ ถ b: (ปอ) ป
hV (ฟอ) ฟ

9

2. สระภาษาเขมร

2.1 สระในภาษาเขมรแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ สระนิสสัย หรือสระจมและ
สระเตม็ ตวั หรือสระลอย

2.1.1 สระนิสสยั หรือสระจม มี 18 ตวั ใชป้ ระสมกบั พยญั ชนะจะเขียนลอยๆไม่ได้ ไดแ้ ก่

Ga (อา) Gi (เอะ) GI (เอย็ ) Gw (เออะ) GW (เออ) Gu (โอะ) GU (โอ)
GY (อวั ) eGI (เออ) eGO (เอือ) eGo (เอีย) eG (เอ) EG (แอ) éG (ไอ)
eGa (โอ) eGA (เอา) GM (ออ็ ม) GH (อะ๊ ฮ์ )

หมายเหตุ สระดงั กล่าวไดใ้ ชอ้ กั ษร อ เป็นตวั ประสมเพือเป็นตวั อยา่ งเสียงเหล่านีเป็ นเสียง
ทีประสมกบั เสียงพยญั ชนะในกลุ่มเสียงอโฆษะหรือเสียงเล็ก 14 ตวั

2.1.2 สระเตม็ ตวั หรือสระลอย สระลอยในภาษาเขมรมีลกั ษณะเป็นสระลอย เช่นเดียวกบั
สระลอยในภาษาสันสกฤต คือไม่ตอ้ งมีพยญั ชนะเกาะ สระลอยทีมีใชม้ ากในภาษาเขมรมี 15 ตวั คือ

G (อะ) Ga (อา) \ (อิ) | (เอย็ ) ] (อุ) ] (อู) « (เอ็อว)
bJ (รึ) b¤ (รื) BJ (ลึ) B¤ (ลื) É (เอ) B§ (ไอ) » (โอ) » (เอา)

นอกจากสระนิสสัยและสระเตม็ ตวั ดงั กล่าวขา้ งตน้ แลว้ เขมรยงั มีสระอีกชุดหนึงเรียกวา่
สระประสม เขมรเรียกวา่ สระผะซ็อม คือเอาสระนิสสยั 2 รูปมาประสมกนั ใหเ้ กิดเป็ นสระใหม่
รวมไดส้ ระประสม 7 รูปดว้ ยกนั คือ

uH (โอะ๊ ฮ)์ e-H (แอะ๊ ฮ)์ e-aH (เอา๊ ะฮ)์ Ma (อาํ ) Mu (อม)
iH (อิะฮ)์ wH (อะฮ)์

ภาพการรับรางวลั จากนายกรัฐมนตรี
พล. เอก สุรยุทธ จุลานนท์

10

2.2 เสียงสระในภาษาเขมร

เสียงสระในภาษาเขมรแบ่งออกเป็ น 2 กลุ่ม ตามลกั ษณะของเสียงพยญั ชนะดงั นี

เสียงสระ

ที รูปสระ ชือสระ ประสมกบั พยญั ชนะแถวที 1 , 2 ประสมกบั พยญั ชนะแถวที 3,4,5

และเศษวรรค คอื พยญั ชนะอโฆษะ 15 ตวั และเศษวรรค คอื พยญั ชนะโฆษะ 18 ตวั ดงั นี

ดงั นี k x c q d z t f b p K X g C Q j D Z T

NshLG FnBPmyrlv

1- - พยญั ชนะอโฆษะออกเสียง ออ พยญั ชนะอโฆษะออกเสียง โอ
อา เอีย
a2 อา เอะ อิ
i3 เอะ เอย็ อี
I4 เอย็ เออะ อึ
w5 เออะ เออ อื
W6 เออ โอะ อุ
u7 โอะ โอ อู
U8 โอ อวั อวั
Y9 อวั เออ เออ
10 e -I เออ เอือ เอือ
11 e- O เอือ เอีย เอีย
12 e-o เอีย เอ เอ
e13 เอ

11

เสียงสระในภาษาเขมรแบ่งออกเป็ น 2 กลุ่ม ตามลกั ษณะของเสียงพยญั ชนะดงั นี

เสียงสระ

ที รูปสระ ชือสระ ประสมกบั พยญั ชนะแถวที 1 , 2 ประสมกบั พยญั ชนะแถวที 3,4,5

และเศษวรรค คอื พยญั ชนะอโฆษะ 15 และเศษวรรค คอื พยญั ชนะโฆษะ 18 ตวั ดงั นี

ตวั ดงั นี k x c q d z t f K X g C Q j D Z T F

bpNshLG nBPmyrlv

E14 แอ แอ แอ
ไอ อึย
é15 ไอ โอ โอ
16 e-a โอ เอา อึว
17 e-A เอา อม อมุ
ออ็ ม อม
18 Mu อม อาํ เอือม
อะ๊ ฮ์ เอียะฮ์
M19 ออ็ ม โอะ๊ อุฮ๊ ์
20 M-a อาํ แอะ๊ เอะ๊ ฮ์
เอา๊ ะ อวั ะฮ์
H21 อะ๊ ฮ์ อิะฮ์ อิะฮ์
เออะฮ์ เออะฮ์
uH22 โอะ๊
23 e-H แอะ๊
24 e-aH เอา๊ ะ

iH25 อิะฮ์

wH26 เออะฮ์

12

2.3 วธิ ีการใช้สระในภาษาเขมร

สระในภาษาเขมรทงั 2 ประเภท ทีกล่าวมาแลว้ ขา้ งตน้ นนั คือสระนิสสยั หรือสระจม และ

สระเตม็ ตวั หรือสระลอยมีวธิ ีการใชแ้ ตกต่างกนั ไปตามรูปของสระกล่าวคือ มีทงั สระทีวางไว้

ขา้ งหนา้ พยญั ชนะ ขา้ งหลงั พยญั ชนะ ขา้ งบนพยญั ชนะ ขา้ งล่างพยญั ชนะ ขา้ งหนา้ และบน

พยญั ชนะ ขา้ งหนา้ และหลงั พยญั ชนะ ขา้ งบนและหลงั พยญั ชนะ ขา้ งบนและขา้ งล่างพยญั ชนะ

ขา้ งบนและขา้ งหลงั พยญั ชนะ ตวั อยา่ งการใชส้ ระต่างๆในภาษาเขมรมีดงั นี

2.3.1 สระทวี างไว้ข้างหน้าพยญั ชนะไดแ้ ก่ สระ e (เอ) E (แอ) é (ไอ) \ (เอะ)
| (เอย็ ) ] (อุ) ](อู) »(โอ) «(เออ็ ว) É (เอ) B(§ ไอ) »(เอา) bJ (รึ) b¤ (รื)
BJ (ลึ) B¤ (ลื) เช่น eT(เต) หมายถึง ไม่ Ex (แค) หมายถึงเดือน éc (ไจ) หมายถึงเหา
\NÐa(อินเดีย) หมายถึงประเทศอินเดีย |san(เอย็ ซาน) หมายถึง อีสาน ]tþr(อุ๊ดดอร์)
หมายถึงอุดร »kas(โอก๊ะฮ)์ หมายถึงโอกาส «Buk(เออ็ วป๊ ุก) หมายถึง พอ่
ÉkPaB (แอก็ กะเพียบ) หมายถึงเอกภาพ ¬sßI (รึแซ็ย) หมายถึงไมไ้ ผ่ ฯลฯ

2.3.2 สระทวี างไว้ข้างหลงั พยญั ชนะ ไดแ้ ก่ สระ H (อะ๊ ฮ)์ และ a (อา) เช่น
x¼ (คะ) หมายถึง แหง้ T¼ (เตียะ) หมายถึง ตบ Ta (เตีย) หมายถึง เป็ด

-i –I -w –W2.3.3 สระทวี างไว้บนพยญั ชนะไดแ้ ก่ สระ (เอะ) (เอย็ ) (เออะ) (เออ)
-M (ออ็ ม) เช่น cin (เจน็ ) หมายถึง จีน lI (ลี) หมายถึง แบก Twk (ตึก) หมายถึง นาํ
MQw (ชื) หมายถึง เจบ็ x (คอ็ ม) หมายถึง พยายาม

u U Y2.3.4 สระเทยี บไว้ข้างล่างพยญั ชนะ ไดแ้ ก่ สระ (โอะ) (โอ) และ (อวั ) เช่น

kuk(ก๊ก) หมายถึง นกกระสา kUn (โกน) หมายถึง ลูก sYr (ซวั ) หมายถึง ถาม

tYr (ตวน) หมายถึง ด่วน

2.3.5 สระทวี างไว้ข้างหน้าและข้างบนพยญั ชนะ ไดแ้ ก่ สระ e-I (เออ) เช่น
elI (เลอ) หมายถึง บน eQI (เชอ) หมายถึง ไม้

2.3.6 สระทวี างไว้ข้างหน้าและข้างหลงั พยัญชนะ ไดแ้ ก่ สระ e-o (เอีย) e-a (โอ)
e-A(เอา) e-H(เอะ๊ ฮ)์ e-aH (เอ๊าะฮ)์ เช่น eGon (เอียน) หมายถึง อาย eKa (โก) หมายถึง ววั
ecA (เจา) หมายถึง หลาน ecH (แจะ๊ ฮ)์ หมายถึง รู้ ehaH (เฮาะ) หมายถึง เหาะ ฯลฯ

13

2.3.7 สระทวี างไว้ข้างบนและข้างหลงั พยญั ชนะ ไดแ้ ก่ สระ -Ma(อาํ ) -iH (อิะฮ)์ -wH (อwะฮ)์
เช่น rMa (เรือม) หมายถึง รํา tiH (ติฮ)์ หมายถึง เทศน์ rwKit (เร็อะกึด) หมายถึง คิดอ่าน ฯลฯ

2.3.8 สระทวี างไว้ข้างหน้าข้างบนและข้างล่างพยญั ชนะไดแ้ ก่ สระ e-O เช่น
enOy (เนือย) หมายถึง เหนือย etO (เตือ) หมายถึง แคระ erOy(เรือย) หมายถึง เรือย

3. ตัวสะกดภาษาเขมร

เสียงพยญั ชนะทา้ ย หรือทีเราเรียกวา่ พยญั ชนะตวั สะกดในภาษาเขมรส่วนมากมีลกั ษณะ

เหมือนกบั ภาษาไทย มีบางเสียงเท่านนั ทีไทยไม่มีใช้ พยญั ชนะภาษาเขมรมี ๓๓ ตวั ใชเ้ ป็น

พยญั ชนะตวั สะกดได้ ๓๐ ตวั พยญั ชนะทีไม่สามารถใชเ้ ป็นตวั สะกดไดม้ ี ๓ ตวั คือ Q (ฌ)
p (ผ) h (ห)

พยญั ชนะ ร(โร) แมจ้ ะอยใู่ นตาํ แหน่งตวั สะกดแต่ไม่ออกเสียงยกเวน้ ภาษาถินเขมรบางแห่ง

เช่น ในแถบจงั หวดั สุรินทร์ในประเทศไทย และจงั หวดั เสียมเรียบในประเทศกมั พชู ายงั ออกเสียง

เป็นตวั สะกดอยอู่ ยา่ งไรก็ตาม พยญั ชนะ ร(โร) สะกด ยงั มีประโยชน์ทางดา้ นการแยกความหมาย

ของคาํ เช่น CI (จี) หมายถึง ป๋ ุย CIr (จีร) หมายถึง ผกั ชี BI (ปี ) หมายถึง จาก
BIr (ปี ร) หมายถึง สอง ฯลฯ

พยญั ชนะ ส (สอ) แมจ้ ะอยใู่ นตาํ แหน่งตวั สะกดก็ไม่ออกเสียงเป็นตวั สะกดเช่นกนั เช่น

cas; (จะ๊ ฮ)์ หมายถึง เก่า,แก่ das; (ดะ๊ ฮ)์ หมายถึง ปลุก fas; (ทะฮ)์ หมายถึง ภาค
mus (มุฮ)์ หมายถึง ยงุ่ eTas (โตะ๊ ) หมายถึง โทษ ฯลฯ

พยญั ชนะตัวสะกดในภาษาเขมร มี ๑๒ แม่ดงั นี

1. em kk (ภาษาเขมรอ่านวา่ มี กอก) ใชพ้ ยญั ชนะ k (ก) x (ข) K (ค) X (ฆ) เป็น

ตวั สะกด เช่น eck (อ่านวา่ เจก๊ หมายถึง กลว้ ย) mux (อ่านวา่ มุก หมายถึง หนา้ )

eraK (อ่านวา่ โร้ก หมายถึง โรค) emX (อ่านวา่ มีก หมายถึง ทอ้ งฟ้ า)

2. em kt (ภาษาเขมรอ่านวา่ มี กอด) ใชพ้ ยญั ชนะ t (ต) d (ด) z (ฐ) D (ฑ)

Z (ฒ) f (ถ) T (ท) และ F (ธ) เป็นตวั สะกด

เช่น Kit (อ่านวา่ กึด หมายถึง คิด) RKud (อ่านวา่ ครุด หมายถึง ครุฑ)

KUT (อ่านวา่ ก๊ดู หมายถึง กน้ ) rd§ (อ่านวา่ เรือด หมายถึง รัฐ)

Bud (อ่านวา่ ป๊ ุด หมายถึง วนั พธุ ) Gdi§ (อ่านวา่ อดั ทิ หมายถึง อฐั ิ)

14

3. em kb (ภาษาเขมรอ่านวา่ มี กอบ) ใชพ้ ยญั ชนะ b (บ) B (พ) P (ภ) เป็น
ตวั สะกด เช่น rUb (อ่านวา่ รู้บ หมายถึง รูป) T½B (อ่านวา่ เตือบ หมายถึง ทพั )
laP (อ่านวา่ เลียบ หมายถึง ลาภ)

4. em kg (ภาษาเขมรอ่านวา่ มี กอง) ใชพ้ ยญั ชนะ g (ง) เป็นตวั สะกด เช่น
rIg (อ่านวา่ รีง หมายถึง แห้ง) rwg (อ่านวา่ รึง หมายถึง แขง็ ) kg (อ่านวา่ กอง หมายถึง
กาํ ไล) cg (อ่านวา่ จอง หมายถึง ผกู มดั )

5. em kn (ภาษาเขมรอ่านวา่ มี กอน) ใชพ้ ยญั ชนะ n (น) N (ณ)เป็นตวั สะกด เช่น
man(อ่านวา่ เมียน หมายถึง มี) KuN (อ่านวา่ กนุ หมายถึง คุณ) kin (อ่านวา่ เก็น หมายถึงสีขา้ ว)
cUn (อ่านวา่ จูน หมายถึง ส่ง)

6. em km (ภาษาเขมรอ่านวา่ มีกอม) ใชพ้ ยญั ชนะ m (ม) เป็นตวั สะกดและใชส้ ระ-Mu

(อม) –M(ออ็ ม)–Ma (อาํ ) ประสมกบั พยญั ชนะ(เพราะสระดงั กล่าวออกเสียงเหมือนมีตวั m สะกด )
เช่น sUm (อ่านวา่ ซม หมายถึง ขอ) cM (อ่านวา่ จ็อม หมายถึง ตรง)
kMu (อ่านวา่ กม หมายถึง อยา่ ) nMa (อ่านวา่ เนือม หมายถึง นาํ )

7 em ky (ภาษาเขมรอ่านวา่ มี กอย) ใชพ้ ยญั ชนะ y (ย) เป็นตวั สะกด เช่น
mYy (อ่านวา่ มวย หมายถึง หนึง) gay (อ่านวา่ เงียย หมายถึง ง่าย) ruy (อ่านวา่ รุย หมายถึง
แมลงวนั ) guy (อ่านวา่ งุย หมายถึง ง่วง) luy (อ่านวา่ ลุย หมายถึง เงินตรา)

8 em kv (ภาษาเขมรอ่านวา่ มี กอว) ใชพ้ ยญั ชนะ v (ว) เป็นตวั สะกด เช่น
Gav (อ่านวา่ อาว หมายถึง เสือ) dav (อ่านวา่ ดาว หมายถึง ดาบ) Ekv (อ่านวา่ แกว
หมายถึง แกว้ ) eLv (อ่านวา่ เลว หมายถึง กระดุม)

9 em kc (ภาษาเขมรอ่านวา่ มี กอจ) ใชพ้ ยญั ชนะ c (จ) เป็นตวั สะกด เช่น
kac (อ่านวา่ ก๊าจ หมายถึง ดุร้าย) lac (อ่านวา่ เลียจ หมายถึง ขา้ วตอก) tUc (อ่านวา่ โตจ๊
หมายถึง เล็ก) lic (อ่านวา่ ลิจ หมายถึง จม) sac; (อ่านวา่ ซจั หมายถึง เนือ)

10 em kl (ภาษาเขมรอ่านวา่ มี กอล) ใชเ้ ป็นพยญั ชนะ l (ล) เป็นตวั สะกด เช่น
mUl (อ่านวา่ มูล หมายถึง กลม) cUl (อ่านวา่ โจล หมายถึง เขา้ ) Bul (อ่านวา่ ปุล หมายถึง
เมา) kal (อ่านวา่ กาล หมายถึง เวลา) cal (อ่านวา่ เจียล หมายถึง ตะกร้า)

15

11 em ks (ภาษาเขมรอ่านวา่ มี กอส) ใชพ้ ยญั ชนะ s (ส) เป็นตวั สะกด
hYs (อ่านวา่ ฮวั ะ หมายถึง เกิน) QUs (อ่านวา่ โฌะฮ์ หมายถึง ไส) rs' (อ่านวา่ รัวะฮ์
หมายถึง มีชีวติ ) Bs' (อ่านวา่ ปัวะฮ์ หมายถึง งู) vas' (อ่านวา่ เวือะ หมายถึง วดั )

๑๒ em kj (ภาษาเขมรอ่านวา่ มี กอญ) ใชพ้ ยญั ชนะ j (ญ) เป็นตวั สะกด เช่น

ruj (อ่านวา่ รุญ หมายถึง ดนั ) eXIj (อ่านวา่ เคิญ หมายถึง เห็น) rYj (อ่านวา่ รวญ หมายถึง

หด) Taj (อ่านวา่ เตียน หมายถึง ดึง) Gj (อ่านวา่ อญั หมายถึง ก)ู

4. เชิงอกั ษรภาษาเขมร

พยญั ชนะภาษาเขมร นอกจากมีตวั เตม็ 33 ตวั แลว้ ยงั มีเชิงอกั ษรอีก 32 ตวั ทีเราตอ้ งเรียนรู้

เพอื ประโยชนใ์ นการอ่านและการเขียนภาษาเขมร

4.1 เชิงอกั ษรภาษาเขมรมลี กั ษณะดังนี

á ç Áเชิงตวั k คือ
เชิงตวั x คือ เชิงตวั K คือ

Ç ¶ ©เชิงตวั X คือ
เชิงตวั g คือ เชิงตวั c คือ

ö ¢ Äเชิงตวั q คือ
เชิงตวั C คือ เชิงตวั Q คือ

เชิงตวั j คือ Ø þเชิงตวั d คือ §เชิงตวั z คือ
Æเชิงตวั Z คือ Ñเชิงตวั N คือ
Ðเชิงตวั D คือ ßเชิงตวั f คือ Þเชิงตวั T คือ
þเชิงตวั t คือ ñเชิงตวั n คือ ,เชิงตวั b คือ
§เชิงตวั F คือ

öเชิงตวั p คือ <เชิงตวั B คือ Öเชิงตวั P คือ
µเชิงตวั m คือ üเชิงตวั y คือ Rเชิงตวั r คือ
øเชิงตวั l คือ Vเชิงตวั v คือ Sเชิงตวั s คือ
ðเชิงตวั h คือ ¥เชิงตวั G คือ

16

4.2 การใช้เชิงอกั ษรภาษาเขมร
เชิงอกั ษรภาษาเขมรทงั 32 ตัว จะนํามาใช้ใน 2 ลกั ษณะ คอื
1. เมือเป็ นตวั ควบกลาํ กบั พยญั ชนะตน้ จะใชเ้ ชิงอกั ษร
2. เมือเป็ นตวั ตามจะใชเ้ ชิงอกั ษร

อนึง การใชเ้ ชิงอกั ษรในภาษาเขมร จะใชเ้ ชิงอกั ษรเป็ นตวั ตามตามหลกั การเขียนภาษาบาลี
คือพยญั ชนะแถวที 1 สะกดแถวที 1 หรือ 2 เป็นตวั ตาม พยญั ชนะแถวที 3 สะกด แถวที 3 หรือ 4
เป็นตวั ตาม พยญั ชนะแถวที 5 สะกด พยญั ชนะแถวที 5 สะกด พยญั ชนะแถวที 1,2,3 และ4 ใน
วรรคเดียวกนั เป็นตวั ตาม เพราะภาษาเขมรไดร้ ับอิทธิพลทางภาษามาจากภาษาบาลี
ตวั อยา่ ง การใชเ้ ชิงอกั ษรภาษาเขมร

ลกั ษณะที 1 เมือเป็นตวั ควบกลาํ กบั พยญั ชนะตน้ พยญั ชนะตน้ จะตอ้ งเขียนดว้ ยตวั เตม็ ตวั
ควบกลาํ ตอ้ งเขียนดว้ ยตวั อกั ษร พยญั ชนะ

ภาษาเขมร 33 ตวั พยญั ชนะทีไม่มีตวั ควบกลาํ มี 11 ตวั คือ g (ง) j (ญ) Z(ฒ) z(ฐ)
D(ฑ) N(ณ) y(ย) r(ร) l(ล) L(ฬ) G(อ)

พยญั ชนะทีมีตวั ควบกลาํ มี 22 ตวั คือ k(ก) x(ข) K(ค) X(ฆ) c(จ)
q(ฉ) C(ช) Q(ฌ) d(ด) t(ต) f(ถ) T(ท) F(ธ) n(น) b(บ) p(ผ) B(ล)
s(ส) P(ภ) m(ม) h(ห)

ตัวอย่าง การใช้เชิงอกั ษรเขยี นตัวควบกลาํ กบั พยญั ชนะต้นดังนี
ก เป็นพยญั ชนะตน้ ง เป็นตวั ควบกลาํ เขียนเป็ นภาษาเขมรดงั นี

k เป็นพยญั ชนะตน้ เขียนดว้ ยตวั เตม็ ง เป็นตวั ควบกลาํ เขียนดว้ ยเชิงอกั ษร ¶
จึงเขียนเป็ น k¶ เช่น k¶an (อ่านวา่ กะงาน หมายถึง ห่าน)

ข เป็นพยญั ชนะตน้ จ เป็ นตวั ควบกลาํ เขียนเป็ นภาษาเขมรดงั นี

¶x เป็นพยญั ชนะตน้ เขียนดว้ ยตวั เตม็ จ เป็ นตวั ควบกลาํ เขียนดว้ ยเชิงอกั ษร

จึงเขียนเป็ น x© เช่น x©I (อ่านวา่ ขะเจย็ หมายถึง อ่อน)

ค เป็นพยญั ชนะตน้ น เป็ นตวั ควบกลาํ เขียนเป็นภาษาเขมรดงั นี

K เป็นพยญั ชนะตน้ เขียนดว้ ยตวั เตม็ น เป็นตวั ควบกลาํ เขียนดว้ ยเชิงอกั ษร µ
จึงเขียนเป็น Kµ เช่น KµIKµa (คะนีคะเนีย หมายถึงกนั เอง)

17

ฆ เป็นพยญั ชนะตน้ ว เป็นตวั ควบกลาํ เขียนเป็ นภาษาเขมรดงั นี

X เป็นพยญั ชนะตน้ เขียนดว้ ยตวั เตม็ ว เป็นตวั ควบกลาํ เขียนดว้ ยเชิงอกั ษร V
จึงเขียนเป็ น XV เช่น XVal ( เควยี ล หมายถึง เลียง(สัตว)์ )

จ เป็นพยญั ชนะตน้ บ เป็นตวั ควบกลาํ เขียนเป็ นภาษาเขมรดงั นี

c เป็นพยญั ชนะตน้ เขียนดว้ ยตวั เตม็ บ เป็นตวั ควบกลาํ เขียนดว้ ยเชิงอกั ษร ,
จึงเขียนเป็ น c, เช่น c,a (อ่านวา่ จะบา หมายถึง ดอกไม้ )

ลกั ษณะที 2 เมือเป็นตวั ตาม ตามหลกั การเขียนภาษาบาลี ดงั กล่าวขา้ งตน้ มาแลว้

พยญั ชนะตวั ใดเป็ นตวั สะกดใหเ้ ขียนดว้ ยตวั เตม็ พยญั ชนะตวั ใดเป็ นตวั ตามใหเ้ ขียนดว้ ยเชิงอกั ษร

ตวั อยา่ งการใชเ้ ชิงอกั ษรเขียนตวั ตาม ตามหลกั การเขียนภาษาบาลีเพราะภาษาเขมรรับ

อิทธิพลมาจากภาษาบาลี ดงั นี

ทุกฺข เขียนเป็นภาษาเขมรไดด้ งั นี ท เป็นพยญั ชนะตน้ เขียนดว้ ยตวั เตม็ เป็น T
สระ ◌ุ ใส่ไวข้ า้ งล่างพยญั ชนะตน้ ก เป็ นตวั สะกดเขียนดว้ ยตวั เตม็ เป็น k ข เป็ นตวั ตาม
เขียนดว้ ยเชิงอกั ษรเป็ น x จึงเขียนเป็นภาษาเขมรไดด้ งั นี Tukç (อ่านวา่ ตุก๊ หมายถึง ทุกข์ )

พุทฺธ เขียนเป็นภาษาเขมรไดด้ งั นี พ เป็นพยญั ชนะตน้ เขียนดว้ ยตวั เตม็ เป็น B
สระ ◌ุ ใส่ไวข้ า้ งล่างพยญั ชนะตน้ ท เป็นตวั สะกด เขียนดว้ ยตวั เตม็ เป็ น T ธ เป็นตวั ตาม
เขียนดว้ ยเชิงอกั ษรเป็ น æ จึงเขียนเป็นภาษาเขมรไดด้ งั นี BuTæ ( อ่านวา่ ป๊ ุด หมายถึง พทุ ธ)

มจฺฉา เขียนเป็นภาษาเขมรไดด้ งั นี ม เป็นพยญั ชนะตน้ เขียนดว้ ยตวั เตม็ เป็น m
จ เป็นตวั สะกดเขียนดว้ ยตวั เตม็ เป็น c ฉ เป็นตวั ตามเขียนดว้ ยเชิงอกั ษรเป็น ä
ใส่สระ า ตามหลงั จึงเขียนเป็นภาษาเขมรดงั นี mcäa (อ่านวา่ มดั -ชา หมายถึง ปลา)

เขตฺต เขียนเป็นภาษาเขมรดงั นี สระ เ อยหู่ นา้ พยญั ชนะตน้ ข เป็นพยญั ชนะตน้

เขียนดว้ ยตวั เตม็ เป็น x ต ตวั ทีหนึง เป็นตวั สะกดเขียนดว้ ยตวั เตม็ เป็ น t ต ตวั ทีสองเขียนดว้ ย
เชิงอกั ษรเป็น t จึงเขียนเป็ นภาษาเขมรดงั นี extþ (อ่านวา่ แคด้ หมายถึง จงั หวดั )

5. การประสมอกั ษรภาษาเขมรเบืองต้น

พยญั ชนะในภาษาเขมร มี 33 ตวั การออกเสียงพยญั ชนะภาษาเขมรแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ
กลุ่มพยญั ชนะอโฆษะ (เสียงเลก็ ,เสียงไม่กอ้ ง) และกลุ่มพยญั ชนะโฆษะ (เสียงใหญ่,เสียงกอ้ ง)สระ
ภาษาเขมรแบ่งเป็น 2 กลุ่มคือ สระนิสสยั หรือสระจมและสระเตม็ ตวั หรือสระลอย การประสม
อกั ษรภาษาเขมรเบืองตน้ เพอื เป็นการฝึกอ่าน ควรคาํ นึงถึงพยญั ชนะอโฆษะพยญั ชนะโฆษะ

18

สระนิสสยั และสระเตม็ ตวั เพราะวา่ พยญั ชนะ สระดงั กล่าวขา้ งตน้ มีความสาํ คญั กบั การอ่านออก

เสียงอยา่ งยงิ การประสมอกั ษรภาษาเขมรมีความคลา้ ยคลึงกบั การประสมอกั ษรในภาษาไทยต่างกนั

แต่เพียงอ่านออกเสียงเท่านนั

5.1 ตวั อย่างการประสมอกั ษรภาษาเขมร (พยญั ชนะอโฆษะประสมกบั สระนิสสัย)

ka ( อ่านวา่ กา ) xa ( อ่านวา่ คา ) fa ( อ่านวา่ ทา )

Na ( อ่านวา่ นา ) dI ( อ่านวา่ แด็ย ) xH ( อ่านวา่ คะ )

xMa ( อ่านวา่ คาํ ) Ex ( อ่านวา่ แค ) bI ( อ่านวา่ เบย็ )

eqA ( อ่านวา่ เชา ) éc ( อ่านวา่ ไจ ) sa ( อ่านวา่ ซา )

ehA ( อ่านวา่ เฮา ) eGH ( อ่านวา่ แอะ๊ ) ebH ( อ่านวา่ แบะ๊ )

cMa ( อ่านวา่ จาํ ) eqH ( อ่านวา่ แชะ ) dMa ( อ่านวา่ ดาํ )

ฯลฯ

5.2 ตวั อย่างการประสมอกั ษรภาษาเขมร (พยญั ชนะโฆษะประสมกบั สระนิสสัย)

eKa ( อ่านวา่ โก ) ga ( อ่านวา่ เงีย ) QW ( อ่านวา่ ชื )

BaI ( อ่านวา่ ยี ) DW ( อ่านวา่ ดื ) Ta ( อ่านวา่ เตีย )

nMa ( อ่านวา่ เนือม ) rMa ( อ่านวา่ เรือม ) BI ( อ่านวา่ ปี )

Em ( อ่านวา่ แม ) yM ( อ่านวา่ ยมุ ) ra ( อ่านวา่ เวยี )

sa ( อ่านวา่ เลีย ) lI ( อ่านวา่ ลี ) erH ( อ่านวา่ เวะฮ์ )

rH ( อ่านวา่ เรียะ ) mMa ( อ่านวา่ เมือม ) eBaH ( อ่านวา่ ปัวะ )

ฯลฯ

ภาพผู้สนใจเยยี มชมผลงานด้านภาษาและวรรณกรรม


Click to View FlipBook Version