The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

การสวนล้างกระเพาะอาหาร

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by phetcharatjhantharasena, 2022-07-16 04:59:37

Gastric Lavage

การสวนล้างกระเพาะอาหาร

การสวนล้าง
กระเพาะอาหาร

GASTRIC

LAVAGE

การสวนล้างกระเพาะอาหาร

GASTRIC LAVAGE

การล้างกระเพาะอาหาร หมายถึง การใส่
สารละลายจำนวนมากเข้าสู่กระเพาะอาหารแล้ว
ให้ ไหลออกจนหมด ทำซ้ำหลายครั้งจนสะอาด
โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อล้างกระเพาะอาหารให้
สะอาดก่อน การผ่าตัด หรือล้างสารพิษให้ออก
อย่างรวดเร็วในกรณีที่ผู้ใช้บริการได้รับสารพิษ

คำจำกัดความ(Definition)
การดูแลผู้ป่วยล้างกระเพาะอาหาร (Caring
for gastric lavage) เป็นการดูแลผู้ป่วยที่ได้
รับการใส่น้ำเกลือลงไปในกระเพาะโดยผ่าน
สายNasogastric tube ( NG tube ) เพื่อ
ล้างเอาเลือด เศษอาหารหรือสิ่ง
ตกค้างออกมาจากกระเพาะ




วัตถุประสงค์(Objective)
1. เพื่อล้างกระเพาะอาหารสำหรับการตรวจโดย
การส่องกล้องและการเตรียมผ่าตัด
2. เพื่อการวินิจฉัยเลือดออกในกระเพาะอาหาร
และการห้ามเลือด
3. เพื่อขจัดสารหรือยาพิษที่ดื่มเข้าไป

การประเมินก่อนการปฏิบัติการพยาบาล

การประเมินสภาพผู้ใช้บริการ
1. เก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสภาพทั่วไปของร่างกาย
ความรู้สติ สภาพจิตใจ อารมณ์และ ความสามารถใน
การช่วยเหลือตนเองของผู้ใช้บริการ
2. ตรวจสอบการวินิจฉัยโรค และคำสั่งการรักษาของ
แพทย์ เกี่ยวกับชนิดของสายที่ใช้ วัตถุประสงค์ของ
การใส่สายยาง ข้อควรระวังและการรักษาอื่น ๆ
ที่เกี่ยวข้อง

ประเมินช่องจมูกของผู้ป่วยโดยให้ผู้ป่วยหายใจปกติ
เลือกรูจมูก ที่อากาศผ่านได้ง่ายดูในจมูกว่ามีติงเนื้อ
หรือไม่อุดตันหรือไม่ ประเมินผู้ป่วยมีประวัติการบาด
เจ็บใบหน้าหรือได้รับการผ่าตัดที่ใบหน้าตรวจสอบช่อง
ท้องถึงความโป่งและความแน่นแสดงถึงความดัน ใน
กระเพาะอาหารเพิ่มขึ้นตรวจเสียงลำไส้ เพื่อประเมิน
การเคลื่อนไหวของลำไส้สัมผัส ท้องว่าพองหรือนุ่ม
ถ้าท้องโตพิจารณาการ วัดเส้นรอบวงท้องที่สะดือไว้
เป็นข้อมลูพื้นฐาน

สายที่ใช้ในการล้าง
กระเพาะอาหาร ได้แก่

1.Lavage tube มีลักษณะเป็นท่อยางขนาดใหญ่
ปลายด้านหนึ่งมีกรวยสำหรับใส่สารละลาย และมี
กระเปาะสำหรับบีบให้น้ำไหลออกโดยอาศัยหลัก
กาลักน้ำ (siphonage)
2.Ewald tube มีลักษณะคล้ายสายเลวีน แต่มีขนาด
ใหญ่กว่า สายทั้ง 2 ชนิดนี้ จะใส่ผ่านปาก เข้าสู่
กระเพาะอาหาร สารละลายที่ใช้ อาจเป็นน้ำ หรือ
สารละลายโซเดียมคลอไรด์ 0.9 เปอร์เซ็นต์ หรือยา
แก้พิษ (antidote)

อุปกรณ์ (EQUIPMENT)

1. ชุดสวนล้างกระเพาะอาหารปลอดเชื้อ
(Set irrigate) ประกอบด้วย

Syringe irrigate50 ml
ชามรูปไต
ผ้าสี่เหลี่ยม
2.สายที่ใส่ทางจมูกหรือทางปาก( Nasogastric
tube :NG tube )ทำด้วยสารโพลีเอทิลีน
(Polyethylene) หรือซิลิโคน (Silicone)
ขนาด 12-18 French

3. น้ำยาที่ใช้ในการสวนล้างได้แก่ Normal Saline
Solution for irrigate (NSS)
4. ถังน้ำสำหรับใส่สิ่งตกค้างที่ออกมาจากกระเพาะ
5. หูฟัง (Stethoscope)
6. ถุงมือสะอาด
7. แผ่นเทปกาว(พลาสเตอร์ตัดเป็นรูปตัว Y)
สำหรับยึดสายยางกับจมูก
8. KY Gel
9. ผ้ายางกันเปื้ อน

การวางแผนการพยาบาล

เป้าหมาย

1. ผู้ใช้บริการคลายความวิตกกังวล ความกลัว
และให้ความร่วมมือ
2. ผู้ใช้บริการได้รับการใส่สายยางเข้าสู่กระเพาะ
อาหารได้อย่างถูกต้อง
3. ผู้ใช้บริการสุขสบายปลอดภัยไม่เกิดภาวะ
แทรกซ้อนจากการใส่สายเข้าสู่กระเพาะอาหาร

ข้อวินิจฉัยการพยาบาล (Nursing diagnosis)

1. ภาวะโภชนาการสมดุลน้อยกว่า ความต้องการของ
ร่างกาย ( Imbalancenutrition less than
body requirements)
2. ความเสี่ยงต่อการสําลัก (Riskforaspiration)
3. การกลืนลําบาก ( Impaired swallowing)
4. ปวดเฉียบพลัน (Acute pain)
5. ขาดความรู้ (Deficient knowledge)
6. สูญเสียภาพลักษณ์ ( Body
imagedisturbance )
7. ไม่สุขสบาย:คลื่นไส้(Nausea)

ขั้นตอนการปฏิบัติ (IMPLEMENTATION)

1 ตรวจสอบแผนการรักษา เพื่อตรวจสอบความถูกต้อง
เหตุผลคือเพื่อตรวจสอบความถูกต้อง

ระบุตัวผู้ป่วยตามนโยบายการบ่งชี้ตัวผู้ป่วย 2
ของโรงพยาบาล

เหตุผลคือเพื่อตรวจสอบชื่อ สกุล
วัน เดือน ปีเกิดและเลข โรงพยาบาลให้มั่นใจ
ว่าถูกต้อง

3 แจ้งและอธิบายให้ผู้ป่วยเข้าใจถึง
วัตถุประสงค์และวิธีทำ
เหตุผลคือเคารพในสิทธิของผู้ป่วย
เพื่อให้เกิดความร่วมมือในการทำกิจกรรม
และคลายความวิตกกังวล

ขั้นตอนการปฏิบัติ (IMPLEMENTATION)

4 การเตรียมผู้ป่วย
ในกรณีที่ผู้ป่วยรู้สึกตัวก่อนล้างกระเพาะอาหาร

จะต้องอธิบายให้เข้าใจถึงวิธีการล้างกระเพาะอาหาร
อย่างง่าย ๆ และขอความร่วมมือในการปฏิบัติถอดฟัน
ปลอมและตรวจภายในช่องปากว่ามีฟันโยกคลอน
หรือไม่ เพื่อป้องกันฟัน ปลอมหลุดเข้าไปอุดตัน
ในทางเดินหายใจได้

ในกรณีที่ผู้ป่วยไม่รู้สึกตัวจะต้องใส่ endotracheal
tube ชนิดที่มีลูกโป่ง เพื่อป้องกันการสeลักและใส่
อุปกรณ์ป้องกันการกัดเพื่อป้องกันผู้ป่วยกัดสาย
เตรียมอุปกรณ์สำหรับล้างกระเพาะอาหาร จัดให้ผู้ป่วย
นอนตะแคงซ้าย จัดเตียง ให้เอียงต่ำทางด้านศีรษะ
ประมาณ 15 องศา ท่านี้จะช่วยป้องกันน้ำที่ใช้ล้าง
ไหลลงสู่ลำไส้เล็กและลดการไหลย้อนของน้ำที่ใช้ล้าง
เข้าไปในหลอดลม

เหตุผลคือ สร้างสัมพันธภาพขอความร่วมมือและ
ป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่จะเกิดขึ้นกับผู้ป่วยระหว่างทำ
กิจกรรมการล้างกระเพาะอาหาร

ขั้นตอนการปฏิบัติ (IMPLEMENTATION)

5 เตรียมอุปกรณ์มาที่เตียงผู้ป่วยให้พร้อม
เหตุผลคือประหยัดเวลาและแรงงาน

ปูผ้ายางและผ้าขวางเตียงให้อยู่ใต้บริเวณปลายสายยาง

6เหตุผลป้องกันเสื้อผ้าเปื้ อน

7 จัดให้ผู้ป่วยนอนในท่าSemi –Fowler’ s
position (30-45 องศา) ยกเว้นมีข้อห้าม
เหตุผลป้องกันการสำลัก



ล้างมือให้สะอาดใส่ถุงมือสะอาด

8เหตุผลป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ

ขั้นตอนการปฏิบัติ (IMPLEMENTATION)

9 ใส่สายยางลงสู่กระเพาะอาหารตามคู่มือการใส่สายยาง
ลงสู่กระเพาะอาหาร และทดสอบดูว่าปลายสายให้อาหาร
อยู่ในกระเพาะจริงถ้ายังไม่ได้ใส่สายให้ อาหารให้ใส่ก่อน
และทดสอบ
เหตุผลคือให้สายยางอยู่ในตำแหน่งกระเพาะอาหาร

10 ต่อSyringe irrigate กับสายให้อาหารและ
ดูดเอาสิ่งตกค้างและสารคัดหลั่งในกระเพาะ
อาหารออกให้หมดใส่ในชามรูปไต หรือภาชนะที่
เตรียมมาเพื่อส่งตรวจ

เหตุผลเพื่อให้กระเพาะอาหารว่าง

บันทึกลักษณะ สีและปริมาณ 11
ของสารคัดหลั่งและสิ่งตกค้าง

เหตุผลเพื่อเป็นหลักฐานในการ
บันทึกและการสื่อสารระหว่างทีม

ขั้นตอนการปฏิบัติ (IMPLEMENTATION)

12

เทน้ำยา NSS ใส่ชามรูปไตใช้ Syringe
สวนล้างดูดน้ำยา NSS ครั้งละ ประมาณ 30–50
มิลลิลิตร หรือตามคำสั่งการรักษายกให้สูงกว่า
กระเพาะ อาหารให้น้ำยาไหลช้า ๆ ตามแรงดึงดูด
ของโลก(ไม่ใช่วิธีดันน้ำยาเข้าไปใน สายให้อาหาร)
จำนวนของสารละลายที่ใช้ล้างในกระเพาะอาหาร
ของผู้ ป่วยแต่ ละคนแตกต่างกันระหว่าง 250 –
500 มิลลิลิตรและในแต่ละครั้งก็ใส่สารละลาย ลง
ไปได้ถึงครั้งละ500 มิลลิลิตรเพราะอาจทำให้เกิด
การไหลย้อนทางหลอด อาหารเข้าสู่หลอดลมได้
หรืออาจดันให้สิ่งตกค้างหรือสารพิษไหลลงสู่ลำไส้
เร็ว ขึ้น

เหตุผลคือแรงดึงดูดของโลกจะช่วยการไหล
ของน้ำยาลงสู่กระเพาะ อาหารได้ดีการดันน้ำยาเข้า
ไปในสายยางโดยเร็วและแรง อาจทำให้เกิดแรงดัน
และทำ ให้มีเลือดออกเพิ่มขึ้นจากการ หลุดของก้อน
เลือดที่อุดบาดแผลในกระเพาะ

ขั้นตอนการปฏิบัติ (IMPLEMENTATION)

13

ดูดสิ่งตกค้างออกช้าๆจนหมดจึงใส่น้ำยาลง
ไปล้างใหม่ทำเช่นนี้จนกว่าน้ำที่ ออกมาสะอาด
ไม่มีสารใดๆ ปรากฏให้เห็น ถ้าสายยางเกิดการ
อุดตันขึ้น เช่น มี เศษอาหารหรือเม็ดยาอุดตันให้
ยก syringe ใส่สารละลายให้สูงขึ้นให้มากที่สุด
เท่าที่จะทำได้เพื่อให้มีแรงดันให้สิ่งอุดตันนั้นหลุด
ออกมาอยู่ในกระเพาะอาหารหรือใช้วิธีการบีบรูด
(Milking) สายยางหรือใช้ syringe ดัน ถ้าไม่
สำเร็จต้องดึง สายยางออกแล้วใส่ใหม่

เหตุผลป้องกันการตกค้างและทำให้กระเพาะ
อาหารว่าง

ขั้นตอนการปฏิบัติ (IMPLEMENTATION)

สังเกตลักษณะสี จำนวนของสิ่งตกค้างที่ดูด
ออกมา ในกรณีที่มีสารพิษหรือ ล้างเพื่อเตรียมการ
ผ่าตัดในขณะทำถ้าผู้ป่วยมีอาการเจ็บในท้อง หรือ
มีเลือดปนออกมาแสดงว่ามีเลือดออกในกระเพาะ
อาหาร ต้องหยุดทำทันที และรายงานให้แพทย์
ทราบ และในขณะล้างกระเพาะ อาหารควรพูดและ
ให้กำลังใจผู้ป่วยและจะต้องแน่ใจว่าขณะล้าง
กระเพาะอาหาร นั้นสายจะไม่เลื่อนเข้าออกเพราะจะ
ทำให้เพดานหลัง (Pharynx) เกิดการระคาย
เคืองทำให้เกิดอาการขย้อนและอาเจียนได้

เหตุผลคือเฝ้าระวังให้ผู้ป่วยปลอดภัย ป้องกัน
การสำลักและการอุดกั้นทางเดินหายใจ

14

ขั้นตอนการปฏิบัติ (IMPLEMENTATION)

15 หลังจากล้างกระเพาะอาหารสะอาดแล้วอาจดึง
สายออกได้เลย โดยการบีบสายยางให้แน่นและดึง
ออกช้าๆ หรือใส่สายยางคาไว้ ตามแผนการรักษา
แพทย์

เหตุผลคือป้องกันน้ำที่ยังเหลือค้างอยู่ในสาย
ยางตกลงไปในหลอดลม

16 ทำความสะอาดปากและฟันและเปลี่ยน
เสื้อผ้าสกปรก

เหตุผลคือเพื่อให้ผู้ป่วยสุขสบาย



เก็บอุปกรณ์ไปล้างทำความ
สะอาดและเก็บเข้าที่

17เหตุผลคือป้องกันพิษที่อาจจะติด

มากับสายยาง ซึ่งอาจทำให้เกิดการ
ปนเปื้ อนได้

ขั้นตอนการปฏิบัติ (IMPLEMENTATION)

18 ถอดถุงมือและล้างมือให้สะอาด
เหตุผลคือป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรค




19 สังเกตอาการและประเมินสัญญาณชีพผู้ป่วย
ขณะทำและหลังทำรวมทั้ง ความรู้สึกของผู้ป่วย
บันทึกรายงานในแบบบันทึกทางการพยาบาล
(Nurse, s note)เกี่ยวกับ ลักษณะ สี จำนวน
น้ำยาที่ใส่ และจำนวนสิ่งตกค้างที่ดูดออกมา

เหตุผลคือประเมินอาการเปลี่ยนแปลงและเป็น
หลักฐานทางการพยาบาล

แจ้งผู้ป่วยหลังการทำหัตถการ 20
เสร็จสิ้น

เหตุผลคือเคารพสิทธิผู้ป่วย

การใส่สายเข้าสู่กระเพาะอาหารผ่านทางปาก
( INSERTION OF OROGASTRIC TUBE)

วิธีการใส่
วางสายตรงกลางลิ้นและใส่เข้าไปในช่องคอ

บอกให้ผู้ใช้บริการกลืนเมื่อสอดเข้าไปลึกประมาณ
6 นิ้ว จับสายให้อยู่ทางแก้มด้านซ้าย และใส่สาย
เข้าไปจนถึงตำแหน่งที่ทำเครื่องหมายไว้ การจับ
ให้ เช่นเดียวกับการใส่สายเข้าสู่กระเพาะอาหาร
หน่ง สายอยู่ทางแก้มด้านซ้ายขณะใส่จะลดอาการ
ขย้อนได้ ตรวจสอบตำแหน่งของสายโดยใช้วิธี
การต่างๆ

การดูแลผู้ใช้บริการที่ได้รับการใส่สาย

เข้าสู่กระเพาะอาหาร




1. ทำความสะอาดช่องจมูกด้วยไม้พันสำลีเปียก ถ้า
ช่องจมูกแห้งหรือมีการระคายเคือง ทาด้วยครีมที่
ละลายน้ำได้
2. ทำความสะอาดช่องปากบ่อยๆ
3. เปลี่ยนพลาสเตอร์ที่ยึดสายกับจมูกทุกวัน และ
สังเกตอาการแพ้พลาสเตอร์ จะต้องจัดให้ผู้ใช้บริการ
นอนในท่าศีรษะสูงอย่างน้อย 30 องศา เพื่อไม่ให้เกิด
การขย้อนของของเหลว
4. ในกรณีผู้ใช้บริการไม่รู้สึกตัว และต้องใส่สายไว้
เพื่อการตรวจวินิจฉัยหรือให้อาหาร กระเพาะอาหาร แต่
ถ้ามีข้อจำกัดต้องจัดให้ผู้ใช้บริการนอนตะแคงหน้าไป
ด้านใดด้านหนึ่ง
5.ในกรณีที่มีการดูดของเหลวออกจากกระเพาะอาหาร
ต้องสังเกต ลักษณะ จำนวนของ ของเหลวที่ออกมา
และบันทึกให้ถูกต้อง
6. เปลี่ยนสายทุก 3-7 วัน และเมื่อมีการอุดตันหรือตาม
นโยบายของโรงพยาบาล
7. ดูแลสายไม่ให้หักพับงอหรืออุดตัน

การบันทึก

Documentation

1. บันทึกลักษณะ สี กลิ่น
และปริมาณของสารคัด
หลั่ง/สิ่งตกค้างทั้งก่อนและ
หลังการล้างกระเพาะอาหาร
2. บันทึกความสมดุลของ
น้ำยา NSS ที่ใส่และที่ออก
มาจากกระเพาะอาหาร
3. บันทึกอาการอาการ
แสดงของผู้ป่วยเช่น ความ
ปวดอาการคลื่นไส้ อาเจียน
และบันทึกสัญญาณชีพ

ข้อควรระวัง 1. ห้ามล้างกระเพาะอาหารใน
ผู้ป่วยที่กินสารพิษประเภท
(Special consideration) กัดกร่อนอย่างแรง (strong
corrosive) เพราะการใส่สาย
เข้าไปในหลอดอาหารอาจ
ทำให้เกิดบาดแผลหรือทะลุได้
หรือเกิดการขย้อนสารพิษขึ้น
มาทำลายหลอดอาหาร ซึ่งมี
การทำลายอยู่ก่อนแล้วให้เพิ่ม
มากขึ้น ควรปล่อยให้สารพิษ
เหล่านั้นอยู่ในกระเพาะอาหาร
และหาวิธีการรักษาให้เหมาะ
สมต่อไป
2. สารพิษพวกไอระเหยเช่น
น้ำมันรถยนต์ ไอระเหยจะ
ระคายเคืองต่อปอดอย่าง
รุนแรงเมื่อสูดดมเข้าไป
จึงควรปล่อยให้อยู่ในกระเพาะ
อาหารและหาวิธีการรักษาที่
เหมาะสมต่อไป

ข้อควรระวัง 3. ในกรณีที่กินยานอนหลับ
(barbiturate) เกินขนาด
(Special consideration)การล้างกระเพาะอาหารอาจไม่

ได้ผลและยังทำให้
การดูดซึมของยาเร็วขึ้น
เนื่องจากน้ำที่ใส่เข้าไปล้างท า
ให้ยาเจือจางขึ้น
4. ในกรณีที่กินยานอนหลับ
(barbiturate) ไม่ควร
ทำการล้างกระเพาะอาหาร
เพราะการใส่สายเข้าไป
จะกระตุ้นให้ทางเดินอาหาร
เกร็งตัวตีบแคบลง
5. การล้างกระเพาะอาหารอาจ
มีภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้นได้
เช่น เกิดบาดแผล มีเลือดออก
ในกระเพาะอาหาร สำลักสิ่งที่
ออกมาจากกระเพาะอาหาร

ข้อควรระวัง

(Special consideration)


6. การล้างกระเพาะอาหารในผู้ป่วยที่ รับประทานยา

เกินขนาดหรือรับประทานสารพิษนั้น ไม่จำเป็นต้อง
ทำในผู้ป่วยทุกราย และห้ามทำในผู้ป่วยที่ รับ
ประทานกรดด่าง หรือสารในกลุ่ม hydrocarbon
ซึ่งมีโอกาสที่ทำให้เกิดอาการสำลักได้ง่ายและควร
ระวังในกลุ่มของผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดการ
สำลักโดยการใส่ท่อเพื่อทำการล้างกระเพาะอาหารนั้น
ควรจะใส่ทางปากมากกว่าทางจมูกเนื่องจากสามารถ
ใส่ท่อได้ในขนาดที่ใหญ่กว่าทางจมูกเพื่อให้สามารถ
ล้างเม็ดยาที่มีขนาดใหญ่ออกมาได้โดยขนาดท่อที่ใช้
ในการทำ orogastric lavage ในผู้ใหญ่ควรเป็น
ขนาด36-40 French และในเด็กจะใช้ขนาด 22-
28 French ในการทำการล้างกระเพาะอาหาร
สามารถทำได้ภายใน 60 นาทีหลังจากผู้ป่วยรับ
ประทานยาเกินขนาดโดยช่วงเวลาที่มีประสิทธิภาพใน
การทำการล้างกระเพาะอาหารผู้ป่วยจะอยู่ประมาณ
5-30 นาทีหลังจากผู้ป่วยรับประทานยาเกินขนาด

Gastric Lavage

การล้างกระเพาะอาหารจะใส่สารละลายครั้งละ
300-500 มล. เพื่อให้สามารถล้างกระเพาะ อาหาร
ได้ทั่วถึง แล้วให้น้ำไหลออกโดยอาศัยหลักกาลักน้ำ
ทำซ้ำหลายๆ ครั้ง จนแน่ใจว่าสะอาด บีบสายแล้วดึง
ออก การล้างกระเพาะอาหารในปัจจุบันนิยมใช้สาย
เลวีนและใช้กระบอกฉีดสำหรับ ให้อาหารใส่
สารละลายเข้าและดูดออก เนื่องจากสะดวกในการใช้
และให้ความสุขสบายแก่ผู้ใช้บริการ มากกว่า เมื่อเริ่ม
ทำให้ดูดน้ำ 30 มล. ใส่เข้าไปก่อนหากใส่ไม่เข้าอาจ
เนื่องจากปลายสายติดกับผนัง ชั้นในของกระเพาะ
อาหาร ให้แกะพลาสเตอร์ที่ติดสายไว้ออกขยับและ
เลื่อนสายเข้าออก (แต่ไม่ควร ดึงออกมาเกิน 1 นิ้ว)
เพื่อให้ปลายสายไม่ติดกับผนังของกระเพาะอาหาร
ติดพลาสเตอร์ตามเดิม แล้วจึงล้างด้วยการใส่น้ำเข้า
ครั้งละ 30 มล. แล้วดูดออก จากนั้นใส่น้ำกลับเข้าไป
อีกแล้วดูดออก ทำอย่างนี้เรื่อยๆ จนกว่าน้ำที่ดูดออก
มาใสจึงเลิกทำ

การสวนล้างกระเพาะอาหาร
ในทารกเด็กแรกเกิด




วัตถุประสงค์
1.ป้องกันการสำลักขี้เทาเข้าไปในปอดทำให้เกิดปอดอีก
เสบ(secondary meconiumaspiration syndrome)
2.ป้องกันปัญหาการรับนมไม่ดี(feedingproblem)ใน
ทารกแรกเกิดที่อาจกลืนขี้เทา/เลือดของมารดาหรือทารก
ที่มีเลือดออกในกระพราะอาหารจากการNPO

อุปกรณ์(EQUIPMENT)
-Feeding tube No. 8
-Stethoscope
-แก้วใส่sterile
-Syringe 5 ml.
-water 15 ml. กับ0.9%NSS 15 ml.
-แก้ว เปล่า 1 ใบ หรือ ชามรูปไต
-Fixomull
-ถุงมือสะอาด
- ผ้าห่อตัว

การสวนล้างกระเพาะอาหาร
ในทารกเด็กแรกเกิด




ขั้นตอนเตรียมอุปกรณ์



1. ล้างมือเช็ดมือให้แห้ง ทำมือให้อุ่นก่อนสัมผัสทารก
2. ดูปายข้อมือข้อเท้าสัมผัสพูดคุยทำมือใหอุ่นก่อน
สัมผัสทารก แสดงสีหน้าหยอกล้อเด็ก
3. ตรวจดูหากเด็กถ่ายอุจจาระหรือปัสสาวะให้ทำความ
สะอาดเปลี่ยนผ้าอ้อมให้เรียบร้อยก่อนให้นม
4.ห่อตัวเด็กแบบ
EXPOSEDCHESTMUMMYRESTRAINT
5. จัดท่านอนขณะใส่สายและให้อาหาร ทารกแรกเกิด
ขณะใส่สายให้ม้วนผ้าหนุนไหล่นอนราบคะแคงซ้าย

การสวนล้างกระเพาะอาหาร

ในทารกเด็กแรกเกิด




ขั้นตอนการเตรียมอุปกรณ์การใส่สาย
ให้อาหารทางปาก



1.สวมถุงมือสะอาด
2.นําสายวัดตำแหน่งจากระหว่างคิ้วถึงกึ่งกลางระหว่าง
ลิ้นปี่ กับสะดือ
3.ตัด FIXOMULL ติดตำแหนง่ความยาวของสายวัด
ได้เพื่อLAND MARK ใส่สายยางให้อาหารเข้าทางปาก
ใช้สาย FEEDINGUBE(OG TUBE) NO8FR
จัดให้เด็กนอนราบตะแคงซ้ายเพื่อป้องกันทารกสำลัก
ค่อยๆสอดสายยางเข้าในปากอย่างนุ่มนวลขณะใส่สาย
หากเด็กมีอาการไอสำลักหน้าเขียว หยุดหายใจต้องรีบ
ดึงสายออกทันที
4.ติด FIXOMULL ที่เหนือริมฝีปากหรือบริเวณคาง

การสวนล้างกระเพาะอาหาร

ในทารกเด็กแรกเกิด




ขั้นตอนเตรียมอุปกรณ์การทดสอบสายยาง
ว่าอยู่ในกระเพราะอาหารหรือไม่



1 สำหรับ ทารกใช้ SYRINGE 5 ML. ดันลม 2 ML.
เข้าไปในสายยางวางแป้นหูฟังบริเวณใต้ ลิ้นปี่ เยื้องไป
ได้ชายโครงซ้ายเล็กน้อย ฟังเสียงลมผ่านเข้าไปในกระ
เพราะอาหารหากสายอยู่ในกระเพราะอาหารจะได้เสียง
ดัง "ฟิด"
2 ใช้ SYRINGE ดดู GASTRIC CONTENT ออกมา
ดูลักษณะและปริมาณสารคัดหลั่งที่อยู่ในกระเพาะ
อาหารทารกแรกเกิดยังไม่ได้รับนมมื้อแรก GASTRIC
CONTENT อาจเป็น ลม เมือกใส เมือกปนเลือดเก่า

การสวนล้างกระเพาะอาหาร

ในทารกเด็กแรกเกิด

ขั้นตอนการปฏิบัติการ
สวนล้างกะเพราะอาหาร




1.ดูดสารนําในแก้วที่ผสมไว้(0.9%NSS 15ml. +sterile water15ml. )
ครั้งละ 3 มิลลิลิตร (กระเพาะอาหารทารกแรกเกิดอายุ 1วัน จุ5 -7 Ml )
2 .ดันสนามเข้าไปใน OG TUBEช้าๆแล้ว ดูด ออกช้าๆทิ้งในแก้วเปล่า
หรือ ชามรูปไต
3.สังเกตลักษณะและปริมาณสารน้ำที่ออกมาจากกระเพาะอาหารของ
ทารก
4.ปริมาณสารน้ำที่ใส่เข้ากับดดูออกในแต่ละครั้งควรเท่ากันหรือดูด ออก
มามากกว่า
5. หากดูดออกมาได้น้อยกว่าที่ใส่เข้าไปแสดงว่ามีค้างอยู่ในนกระเพาะ
อาหารควรขยับสายOGแล้วปล่อยให้ไหลเองหรือดูดออกอีกครั้ง
6. สวนล้างจนใสหรือครบจำนวน
7 ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีสารน้ำค้างงอยู่ในกระเพาะอาหารของทารก
8 ตรวจสอบแผนการรักษาเกี่ยวกับการให้นมมื้อแรก
9 ประเมิน สภาพทารกหากมีภาวะหายใจเร็วหอบเหนื่อยและเริ่ม ให้นม
มื้อแรกได้ ปฏิบัติ ตามขั้นตอนให้นมทางสายยาง
10 หากทารกไม่จำเป็นต้องให้นมทางสายยางก็นำสาย OG TUBE ออก
11 จัดให้ทารกนอนในท่าสบาย ห่อตัวห่มผ้า
12 บันทึกปริมาณลักษณะของ GASTRICCONTENT อาการของทารก
ขณะและหลังสวนล้างกระเพาะอาหาร

การถอดสาย OG tube




1 สวมถุงมือสะอาด
2 ใช้ syringe ml. ใส่ ลม 2-3 มิลลิลิตร ไล่
นมที่ค้างในสาย OG tube
3 จัดท่าให้นอนตะแคงหน้า
4 แกะ fixomull ดึงสายOG ออกอย่างนุ่มมน
วลอย่างรวดเร็ว
5 เช็ดทำความสะอาดปากทารกที่อาจเลอะขณะ
ดึงสาย

วิธีการถอดสายออก
(Removal of nasogastric tube)

การประเมินก่อนการปฏิบัติการพยาบาล 1. ตรวจสอบคำสั่งการรักษา
ของแพทย์
2. ความเป็นสัดส่วนของ
สถานที่
3. ความเพียงพอของแสง
สว่าง

การวางแผนการพยาบาล เป้าหมาย
1.ผู้ใช้บริการลดความวิตก

กังวล ความกลัวและให้ความ
ร่วมมือ

2. ผู้ใช้บริการสุขสบาย
ปลอดภัย ไม่เกิดภาวะ
แทรกซ้อนจากการถอดสาย
ออก
การเตรียมเครื่องใช้
1. กระดาษทิชชู
2. ผ้ารองกันเปื้ อน
3. ชามรูปไต พร้อมถุง
รองรับสิ่งสกปรก
4. กระบอกฉีดหัวต่อโป่ง
5. น้ำเกลือสำหรับล้างสาย
6. ถุงมือสะอาด

การถอดสายออกจากกระเพาะอาหาร
ทางช่องจมูก

วิธีปฏิบัติ เหตุผล

1. นำของใช้ไปที่ 1.ประหยัดเวลาและ
เที่ยง แรงงาน
2. ตรวจสอบชื่อ 2.ให้การพยาบาลได้
นามสกุลผู้ใช้บริการ ถูกคน
โดยการถาม
และดูป้ายข้อมือ 3.ลดการวิตกกังวล
3. บอกให้ผู้ใช้ และผู้ใช้บริการให้
บริการทราบ อธิบาย ความร่วมมือ
ขั้นตอนการ ปฏิบัติ
และเหตุผล ตลอดจน
ตอบข้อซักถามของ
ผู้ใช้บริการ

การถอดสายออกจากกระเพาะอาหาร
ทางช่องจมูก

วิธีปฏิบัติ เหตุผล

4. จัดสภาพแวดล้อม 4.ไม่เปิดเผยเกิน
ให้เป็นสัดส่วนและมี ความจำเป็น และ
แสงสว่าง สามารถปฏิบัติงาน
เพียงพอ ได้สะดวก
5. จัดท่าผู้ใช้บริการ 5.สามารถสอดใส่
ให้อยู่ในท่าศีรษะสูง สายได้สะดวก ไม่
หรือท่านั่งหรือท่าที่ เกิดอันตราย
เหมาะ
6.ล้างมือให้สะอาด 6.ลดจำนวนเชื้อ
เช็ดให้แห้ง และสวม จุลินทรีย์และป้องกัน
ถุงมือสะอาด การปนเปื้ อน

การถอดสายออกจากกระเพาะอาหาร
ทางช่องจมูก

วิธีปฏิบัติ เหตุผล

7. ปูผ้ารองกันเปื้ อน 7.ป้องกันเสื้อผ้าและ
บริเวณใต้คางผู้รับ ผ้าปูเปื้ อน
บริการ
8.ปลดสายที่ยึดกับ 8.เตรียมสำหรับถอด
เสื้อออก และแกะ สายได้สะดวก
พลาสเตอร์ที่ติดจมูก
ผู้ใช้บริการอย่าง 9.ป้องกันอุบัติเหตุ
ระมัดระวัง จากการสำลักน้ำย่อย
9. แนะนำให้ผู้ใช้ ที่อยู่ในสาย
บริการหายใจลึกๆ
และกลั้นไว้

การถอดสายออกจากกระเพาะอาหาร
ทางช่องจมูก

วิธีปฏิบัติ เหตุผล

10. หักสาย ดึงสาย 10.ป้องกันไม่ให้
อย่างคล่องแคล่วนุ่ม ของเหลวจากสาย
นวลด้วยความ ไหลย้อนมาและไม้ให้
ระมัดระวัง ขณะ เกิดความกระทบ
เดียวกันให้ผู้นับ กระเทือนต่อเยื่อบุ
บริการกลั้นหายใจไว้ ทางเดินอาหาร
สักครู่
11. ทิ้งสายและถอด 11.ป้องกันการปน
ถุงมือในภาชนะ เปื้ อนเชื้อจุลินทรีย์
สำหรับทิ้ง

การถอดสายออกจากกระเพาะอาหาร
ทางช่องจมูก

วิธีปฏิบัติ เหตุผล

12.ดูแลผู้ใช้บริการ 12.ผู้ใช้บริการสุข
ทำความสะอาดปาก สบาย
ฟัน และจัดท่าให้สุข
สบาย 13.ช่วยให้การบันทึก
13.วัดจำนวน ของเหลวที่ออกมา
ของเหลวที่ออกมา จากร่างกายเที่ยง
ตรง
14.เก็บของใช้และ 14.ป้องกันการแพร่
ทำความสะอาดตาม กระจายของเชื้อ
นโยบายของสถาน จุลินทรีย์และสะดวก
พยาบาล ในการหยิบใช้ครั้ง
ต่อไป

การถอดสายออกจากกระเพาะอาหาร
ทางช่องจมูก

วิธีปฏิบัติ เหตุผล

15.บันทึกเกี่ยวกับ 15.ช่วยในการ
การถอดสายออก วางแผนการพยาบาล
ปฏิกิริยาตอบสนอง อย่างต่อเนื่องและ
ของผู้ใบริการ เป็นหลักฐานทางการ
จำนวนและลักษณะ พยาบาล
ของของเหลว

เเหล่งที่มา

การพยาบาลพื้นฐาน : ปฏิบัติการพยาบาล.—พิมพ์ครั้งที่
3.—กรุงเทพฯ : วิทยาลัยพยาบาลสภากาชาดไทย,2555.

กิติศักดิ์แสนประเสริฐ. (2558). การรักษาภาวะพิษโดย
ทั่วไป.ศูนย์พิษวิทยารามาธิบดีคณะแพทยศาสตร์
โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล.
กรุงเทพมหานคร.

ระเบียบปฏิบัติ การบ่งชี้ผู้ป่วยให้ถูกต้อง (The
Accuracy of patient identification) โรงพยาบาล
ศรีนรินทร์คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
(2558). ขอนแก่น.

วันดี ศรีเรืองรัตน์ .(2556). การพัฒนาและประเมินผล
การใช้แนวปฏิบัติการพยาบาลในการป้องกันปอด
อักเสบจากการใช้เครื่องช่วยหายใจในผู้ป่วยหนักทั่วไป โรง
พยาบาลหาดใหญ่.วิทยานิพนธ์หลักสูตรปริญญาพยาบาล
ศาสตรมหาบัณฑิต (สาขาการพยาบาลผู้ใหญ่) มหาวิทยาลัย
สงขลานครินทร์ .

เเหล่งที่มา

สุปาณี เสนาดิสัยและวรรณา ประไพพานิช.
(บรรณาธิการ). (2551). การพยาบาลพื้นฐาน: แนวคิดและ
การ
ปฏิบัติ . พิมพ์ครั้งที่ 12. กรุงเทพฯ : โรงพยาบาลรามาธิบดี.

อัจฉรา พุ่มพวงและคณะ. (2549). การพยาบาลพื้นฐาน:
ปฏิบัติการพยาบาล. (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ:
วิทยาลัยสภากาชาดไทย.

https://www.pobpad.com/.สืบค้น//วันที่ 12
กรกฎาคม 2565.การสวนล้างกระเพาะอาหาร.

http://thainurseclub.blogspot.com/2014/06/
ga stric-lavage.html. สืบค้น//วันที่ วันที่ 12
กรกฎาคม 2565. (2553).

สมาชิกภายในกลุ่ม 1 . นางสาวชนิกานต์ พิมบุตร
รหัส 64118301024

2 . นางสาวเพชรรัตน์ จันทรเสนา
รหัส 64118301088

3 . นางสาวมนทิรา ศรีหริ่ง
รหัส 64118301097

4 . นางสาวรุ่งนภา ศรศิริ
รหัส 64118301106

5 . นางสาววัลญา หารนาดง
รหัส 64118301115


Click to View FlipBook Version